ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dr.Charlatan and Mister Loong

    ลำดับตอนที่ #22 : 15 - สายฟ้า

    • อัปเดตล่าสุด 16 มิ.ย. 57


     

    ชายหนุ่มกระโดดถอยหลังโดยอัตโนมัติ

     

    ผิดคาดเล็กน้อยที่แม่สาวติดปีกไม่ได้พุ่งมาตบอย่างที่คาดว่าจะเป็น ความตกใจทำให้พร่าเลือนไปชั่วครู่ ก่อนจะตั้งตัวกลับมาแสยะยิ้มอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายยืนเชิดหน้าขึ้น และมองเขาด้วยการเหลือบตาลงเล็กน้อย

     

    สายตาของนางพญา

     

    เมโทรโพลิสตกต่ำถึงขนาดเอาคนเช่นนี้มาเป็นผู้คุ้มกันเสบียงอันแสนสำคัญเชียวหรือ?”กระแสฉุนเฉียวถูกซ่อนไว้ภายใต้ความเย็นเยียบที่สั่นเครือ

     

    "อย่าเหมารวมเลยเขาหัวเราะในลำคอ รูปประโยคและสำเนียงเจ้าหล่อนเป็นแบบพวกแฟนตาเซียดีแท้ "ไม่งั้นผมคงคิดว่าสุภาพสตรีชาวแฟนตาเซียกำลังนิยมกางเกงในลูกไม้"

     

    เขาหยิบรูปอีกใบที่โกสต์เพิ่งคายออกมาจากท้อง มันเปียกน้ำลาย และเหม็นเป็นบ้า ชัดเจนว่าแม้กระทั่งตอนหล่อนทิ้งดิ่งลงมา เจ้าแพะก็ยังไม่ละความพยายามในการถ่ายรูปใต้กระโปรง

     

    เขาต้องการยาแก้เครียด...และอย่างอื่นด้วย

     

    มือล้วงเข้าไปในเสื้อกาวน์ เห็นกล้ามเนื้อบนใบหน้าของหญิงสาวเกร็งขึ้นเล็กน้อยอย่างระแวดระวัง ก่อนจะดึงเอาเข็มที่เปี่ยมด้วยยาขึ้นและแทงเข้าไปที่คอ

     

    สองเข็ม

     

    หัวคิ้วเรียวนั่นขมวดมุ่น เขาไม่ได้สนใจเรื่องความสวยงามของผู้หญิงนัก แต่ก็พอจะบอกได้ว่าแม่สาวปีกเหล็กนี่ดูดี ผมสีทองแดงผูกเปียพาดไว้ด้านหน้า กับชุดกระโปรงยาวเสื้อแขนตุ๊กตา...

     

    "ไม่นึกว่าแฟนตาเซียจะใช้ปีกเหล็กเขาทัก และรูปในมือก็ช่วยให้เขาเห็นข้อเท็จจริงบางอย่าง

     

    "เยี่ยมเลย...ทางเรามีคนศีลธรรมต่ำคุ้มกัน ส่วนฝั่งนั้นก็ใช้แม่สาวขาด้วนปีกเหล็กมาโจมตี?"

     

    สิ่งที่เห็นในภาพ...ขาซ้ายตั้งแต่หัวเข่าลงมาของแม่นั่น...เป็นไม้...

     

    "ประการแรก สิ่งนี้คือทองเหลือง ไม่ใช่เหล็กสายตา ท่าทาง และน้ำเสียงเย่อหยิ่ง ปีกที่ถูกพูดถึงบนแผ่นหลังนั้นเหยียดกางเต็มที่ เหมือนนกที่กำลังขู่เหยื่อ

     

    ดูถูก เหยียดหยัน ทระนงตนว่าสูงส่ง

     

    "ประการที่สอง การล้อเลียนปมด้อยเรื่องความพิการนั้นน่ารังเกียจยิ่ง คุณควรหยุดเสีย หรือหากมันยากนัก ฉันยินดีจะช่วยตัดขาคุณทิ้งให้"

     

    ตัดขาทิ้งให้ พูดเรื่องขนลุกพรรค์นั้นได้หน้าตาเฉย ดูเหมือนหล่อนจะไม่ปกติเท่าไหร่นัก

     

    "และสุดท้าย หน้าที่ของฉันคือทำลายเสานั่นน้ำเสียงนั้นดูมั่นคงขึ้นอีกนิด ชัดถ้อยชัดคำหากคุณยังต้องการจะปกป้องมัน คุณควรเลิกกระทำการต่ำช้า และทำงานอย่างจริงจัง หาไม่แล้ว ฉันทำลายมันลงให้ย่อยยับไปต่อหน้าคุณเดี๋ยวนี้

     

    ตลกดี ผมเห็นแฟนตาเซียผู้ใช้วิทยาการโบร่ำโบราณสร้างปีกทองเหลืองของ เมโทรโพลิสกำลังขู่ฟอดๆว่าจะทำลายข้าวของของต้นกำเนิดอุปกรณ์ตัวเอง” ไม่ลืมที่จะทำสำเนียงและสีหน้าล้อเลียนอีกฝ่าย

     

    ปกติเขาไม่ทำอะไรแบบนี้... แต่ดูเหมือนกับชาวแฟนตาเซียจะเป็นข้อยกเว้น

     

    ความรู้สึกเกลียดชังอย่างไร้เหตุผล

     

    "เห็นทีคงหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้กระมัง?"เชิดหน้าขึ้น ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงนั่นกดลงต่ำ และสั่นเครือที่ท้ายประโยค

     

    เรเว่นเลิกคิ้ว  เขาเกลียดการต่อสู้...ไม่ใช่นักสู้...ไม่แม้แต่จะใกล้เคียงด้วยซ้ำ

     

    "ถ้าบอกว่าผมเป็นหมอ บางทีคุณอาจใจเย็นลง และเลิกความคิดรุนแรงแบบนั้นยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยสีหน้าเป็นมิตร ก่อนจะเหยียดยิ้ม "หรือนอกจากจะพิการขาด้วน คลั่งไสยศาสตร์แล้ว คุณยังนิยมความรุนแรงอีกกันแม่สาวแฟนตาเซีย"

     

    ใบหน้าขาวนั่นเปลี่ยนไปสีแดง โอ...หล่อนคงรู้สึกเกลียดเขามากทีเดียว

     

    "ถ้าคุณยังไม่เลิกพูดถึงขาของฉัน ฉันจะทำให้แน่ใจว่า คุณจะได้ลิ้มลองประสบกาณ์แบบเดียวกันนี่ เดี๋ยวนี้เลย!"

     

    น้ำเสียงนั่นเกือบเหมือนการกรีดร้อง ดวงตาฉายแววโกรธขึ้ง รอบตัวหล่อนประทุไปด้วยพายุแห่งความเกลียดชัง

     

    "ได้!"

     

    เสียงโกสต์ที่เดินวนไปมาอยู่ด้านหลังหญิงสาวตอบกลับไป "ให้ผมกดระเบิดเสาเลยมั้ยขี้เกียจทำงานเชี่ยนี่แล้วว่ะ"

     

    มันแลบลิ้น รีโมตวางอยู่บนนั้น เปียกชุ่มด้วยน้ำลาย...และเรเว่นสะดุ้งเฮือก

     

    "ไอ้แพะเวร!เขาสบถด่ามัน "ค่าปรับหลายพันล้านนะโว้ย อย่าเอาข้าไปซวยกับเอ็งได้มั้ย???"

     

    รีโมตถูกกลืนกลับลงคอไป ไอ้แพะหันตูดและสะบัดหางสั้นๆใส่เขา "งั้นลุงสู้ไปละกัน ผมเล็มหญ้ารอ"

     

    ไม่ทันขาดคำ แพะนั่นหายไปจากสายตาด้วยความไวอันน่าเหลือเชื่อ ทิ้งเขาไว้กับยัยด้วนที่ตอนนี้มีวงเวทประหลาดปรากฏอยู่รอบกายอย่างเชื่องช้า

     

    เฮงซวย

     

    ความเกลียดชังที่ไร้สาเหตุนั่นทำให้พูดไม่ยั้งคิด ตอนนี้เขาเริ่มเกลียดตัวเอง และแน่นอนว่าเกลียดแพะเวรนั่นด้วย

     

    เขาสูดลมหายใจเข้าทีหนึ่ง และตัดสินใจถ่วงเวลาอีกนิดด้วยน้ำเสียงที่ออกจะ...เสแสร้ง

     

    "ไม่คิดจะแนะนำตัวหน่อยรึไงคุณผู้หญิง"ทำท่ามั่นใจกว่าที่รู้สึก "ที่เมโทรโปลิสเรามีธรรมเนียมสลักชื่อผู้ตายบนป้ายหลุมศพ"

     

    "เช่นนั้นคุณควรเตรียมป้ายหลุมศพที่สลักชื่อของคุณเอาไว้น้ำเสียงทระนงโกรธขึ้ง ปีกทองเหลืองบนหลังเหยียดเต็มความกว้าง

     

    "เรเว่นชายหนุ่มยิ้มแสยะ นึกภาวนาไม่ให้หล่อนเห็นเหงื่อที่กำลังไหลออกมา ให้รู้ไม่ได้ หากมันรู้ เขาต่างหากที่จะเสียเปรียบ

     

    "มิรันด้า แคมป์เบล"

     

    สิ้นคำนั้น ลูกไฟขนาดย่อมก็พุ่งมาทันที

     

     

    เรเว่นหลบกระสุนไฟไปอีกทิศ ความร้อนทำให้ผิวหนังแสบไหม้ รู้สึกโชคดีที่ไม่มีกลิ่นเนื้อสุกปนมาเป็นของแถม เขากัดฟัน และแยกเขี้ยว

     

    "ถ้าเอ็งเอามีดมาปาดคอข้า แล้วเอาเลือดละเลงเป็นวงเวท จะยิ่งสมกับที่เป็นแฟนตาเซียมากกว่านี้ ยัยด้วนภาษาที่บรรจงปั้นแต่งให้สวยหรูหายไปจากสมอง เขาเกลียดยัยนี่

     

    เขาเกลียดพวกคลั่งไสยศาสตร์

     

    สองนาที ทั่วร่างกายกำลังคันยิบ มิรันด้า แคมป์เบล - ยัยด้วนจากแฟนตาเซีย - ตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ในมือมีวงเวทที่เปล่งแสง...

     

    "คุณคงต้องไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับแฟนตาเซียใหม่ ก่อนจะพูดประโยคเช่นนั้นออกมา คุณเรเว่น"

     

    ลูกเพลิงจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นรอบกายหญิงสาว พุ่งใส่เหมือนกระสุน เสียงระเบิดดังสนั่น  -เขาพยายามหลบพวกมัน- เศษหินกระเด็นมาบาดมากพอๆกับที่เขาหลบพ้น หล่อนทำเหมือนกำลังระบายความโกรธเคือง เขายกปืนพลาสม่าขึ้นยิงโต้ไร้ประโยชน์-

     

    วงแหวนเวทปรากฏขึ้นบนอากาศ กระสุนพลาสม่าถูกป้องกันด้วยอะไรบางอย่างคล้ายกระจกใส มือสั่งปรับโหมดให้กลายเป็นปืนกล ระดมยิงซ้ำเข้าอีกครั้งที่จุดเดียว เกราะเวทมนต์แตกร้าวเหมือนกระจก  จังหวะเดียวกัน – หญิงสาวฟาดสายฟ้าลงมาทางเขา กระจกนั่นพังทลาย เรเว่นกระโจนหลบไปอีกทิศ

     

    รอบกายหล่อนปรากฏเมฆขนาดย่อมที่มีแสงแลบแปลบปลาบ  เขาคว้าเอาเรลกันขึ้น เล็งไปที่หัว และยิงออกไปอีกครั้ง

     

    เรียนมากแล้วจะกลายเป็นพวกชูคอด่าชาวบ้านอย่างเอ็ง?" เขาหยัน พยายามไล่ความคลื่นไส้ที่ชวนให้อาเจียนนั่นทิ้งไป "ละเมอรึไง?"

     

    เช่นเดิม เกราะเวทมนตร์ของหญิงสาวปรากฏขึ้นราวกับรู้ ป้องกันได้กระทั่งอานุภาพเรลกัน

     

    การวางตัวเหมือนเป็นนางพญาเหนือทุกสิ่ง สายตานั่น รวมไปถึงเวทมนตร์ที่ใช้ มันทำให้เขาอยากอ้วกอย่างไร้เหตุผล ความรู้สึกเกลียดชังไร้ที่มาทำให้เขายิ้มเยาะ

     

    ความร้อนหมุนเวียนในเส้นเลือด ส่งผ่านไปยังกล้ามเนื้อ รู้สึกได้ถึง พวกมัน ที่กำลังเต้นเร่าอย่างยินดีอยู่ภายใน ไม่แน่ใจนักว่าอยู่ได้นานไหม แต่มันพร้อมแล้ว

     

    ชายหนุ่มขยับมือ สัมผัสถึงสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย กระซิบสั่งการผ่านสมอง พวกมันพร้อมรับใช้เขา นาโนแมชชีน

     

    รอบตัวร้อนระอุขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยัยด้วนนั่นชี้นิ้วมา  ลูกกลมของแสงมากมายก่อตัวขึ้น รวมตัวเป็นเส้น พุ่งตรงมายังเขาเหมือนกระสุนเลเซอร์

     

    เรเว่นหลบไปอีกทาง เร็วจนแปลกใจตัวเองเฉียดไป ขากางเกงขาดเป็นทางยาว พื้นที่เคยยืนส่งกลิ่นเหม็นไหม้ เห็นไอน้ำระเหยขึ้นไปในอากาศ

     

    มันกำลังจะย่างเขา เหมือนคนที่เอาแว่นขยายรวมแสงไปจ่อมด

     

    หลบเหมือนหมัดกระโดดหนียา” น้ำเสียงนั่นเยาะหยัน ตอนนี้ไอน้ำรอบตัวเจ้าหล่อนกำลังรวมตัวเข้าด้วยกัน

     

    สร้างเมฆฝน เดาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น

     

    ถ้ามีสายรุ้งด้านหลังด้วยจะสมบูรณ์แบบมาก” เขาโต้ตอบ เห็นกระแสไฟฟ้าแล่นเปรี๊ยะอยู่ภายใน

     

    เรเว่นสั่งร่างตนเองให้พุ่งไป ไม่ควรปล่อยจนหล่อนเอาไฟฟ้าพวกนั้นมาช็อตใส่ ภาพที่เห็นรอบด้านพร่าเลือนไปชั่วขณะ -พริบตาเดียว- หญิงสาวอยู่ตรงหน้า เขาพุ่งหมัดใส่ด้วยแรงทั้งหมดที่มี

     

    มิรันด้าหายไป

     

    สิ่งที่ชกไปบิดเบี้ยว สลายกลายเป็นไอ  เขาโดนหลอก  รอยยิ้มจากภาพลวงนั้นเหยียดหยัน ปืนในมืออีกข้างเล็งไปยังทิศที่คาดว่าน่าจะอยู่แต่ไม่เห็นอะไร นอกจากหมอกที่หนาแน่นขึ้นผิดปกติ ฝีมือยัยนั่น ความรู้สึกคล้ายสิ้นหวังเจือด้วยความเกลียดชังจากก้นบึ้งแผ่ซ่านไปทั่วทั้งอณู

     

    ฉับพลัน เขารู้สึกถึงเส้นผมและขนหลังคอกระตุกไปด้านหลัง เสียงเปรี้ยง ตามมา

     

    ความเจ็บปวดแล่นพล่าน ก่อนจะไม่รู้สึกอะไรอีก โลกทั้งใบกลายเป็นสีขาวดำ ในหัวพร่าเลือน ร่างล้มลงอย่างไร้การควบคุม

     

    ถ้าหากคุณทำให้บริเวณนี้กลายเป็นบ่อยาพิษได้ ฉันอาจจะลำบากขึ้น” เสียงก้องสะท้อนเหมือนตะโกนในห้องน้ำ

     

    ทุกสิ่งกลายเป็นภาพเลือนลางและในหัวมีเพียงสีขาว  ทั่วร่างสั่นกระตุก ขยับตัวไม่ได้ และคิดอะไรไม่ออก เสียงวิ้งลั่นในหู ได้กลิ่นเนื้อย่างไหม้ๆ เขาโดนฟ้าผ่า ยังไม่ตาย และนั่นเป็นกลิ่นเขา

     

    ร่างกายไร้ความรู้สึก ทว่าภายในร่างกายกำลังกรีดร้อง สิ่งแปลกปลอมที่กำลังวิ่งพล่านในเลือด มันดิ้นเร่าและทำหน้าที่อย่างโกรธเคือง

     

    ความรู้สึกกำลังกลับมา

     

    ผิวหนังของเขาแสบร้อน ไหม้จนเกรียมความเจ็บปวดกำลังคืนมา เส้นประสาทซ่อมแซมตัวเองด้วยฤทธิ์ของนาโนแมชชีน เหมือนโดนจับเผาจนสุกทีละน้อยจนทั่วร่าง เหมือนถูกลอกหนังออกราดด้วยแอลกอฮอล์ เหล่านั้นกระตุ้นให้เขากรีดร้อง ทว่ากลับไร้เสียง ทำไม่ได้แม้แต่ขยับลิ้น กระบวนการรักษาจากภายในกำลังทำให้เขาเจ็บปวดแทบสิ้นสติ

     

    แขนสั่นกระตุก สิ่งที่สกัดออกมาจากเลือดยัยเด็กผีทำงานของมันได้ดี ร่างกายที่ไหม้เกรียมเริ่มดีขึ้นทว่ายังเจ็บ รสชาติของหญ้าอยู่ในปากฟ้องว่าสัมผัสกำลังกลับคืน

     

    เขากรอกตามองเครื่องรับสัญญาณ เห็นหล่อนเพิ่งทำลายเครื่องสร้างบาเรียป้องกันเวทมนต์ด้วยระเบิดไปสองตัว เหลืออีกสี่

     

    เขาไม่ควรทำงานแบบนี้ สบถด่าตนเองอยู่ในใจที่สมัครเข้ากองทัพ ความเจ็บปวด ผิวเนื้อไหม้ๆยังคงกัดกินร่างกาย ใบหน้าทำไม่ได้แม้แต่จะเลิกคิ้ว มือสั่นเทาข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในเสื้อ ยาจากคราเค่น

     

    ดึงเอายานั่น ปักเข็มผ่านเข้าไปในร่างกาย นาโนแมชชีนกำลังพยายามฟื้นคืนสภาพระบบประสาทการรับรู้ของเขา หูเริ่มได้ยินเสียงอื่นนอกเหนือจากในหัว พร้อมๆกับร่างกายที่รักษาตัวเองได้ไวขึ้น ผิวกายเริ่มคืนสภาพจากการเผาไหม้ มันสละชิ้นส่วนที่ไหม้เกรียมทิ้งไป และสร้างขึ้นมาใหม่ แทบทั้งตัว เหมือนคราเค่นที่สละหนวดทิ้งหลังโดนแช่แข็ง

     

    เขายันกายลุก เหมือนผีดิบ มือที่จิกพื้นหญ้ากำลังกลายเป็นกรงเล็บ ครบสี่นาทีพอดี ภาพข้างหน้าถูกบดบังด้วยแสงสว่างจากในลูกตาของตัวเองอยู่ชั่วครู่

     

    ยาอีกเข็มแทงเข้าที่คอ ความรู้สึกเริ่มหายไปไม่เจ็บปวด น้ำหมึกคราเค่นที่ทำให้เชื่องช้า แต่ตอนนี้มันทำงานได้ดีกว่ายาชาตัวไหนๆ ดูเหมือนนาโนแมชชีนจะหลงเชื่อว่ามันคือหนึ่งในร่างกายของเขา หรืออาจเพราะมันใกล้หมดฤทธิ์จากการทำงานหนักไป จึงไม่กำจัดยาตัวนี้ออก

     

    ชายหนุ่มเลียไปตามซี่ฟันที่แหลมคมของตน หันไปมองสลิปเปอร์ที่พังไปแล้ว เท้าเปล่ากับหญ้าชื้นๆช่วยบรรเทาความเครียดได้ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกดีสักนิด

     

    เสียงระเบิดกึกก้อง เครื่องสร้างบาเรียอีกสองตัวถูกทำลาย เหลืออีกสอง เขาไม่ชอบการต่อสู้ หากไม่ใช่ว่าก่อนออกเดินทางลองติดต่อไปหาโครว - แม่ทัพใหม่ – เพื่อต่อรองเรื่องภารกิจ และโดนมันโต้

     

    เวอร์กัสระบุมาในรายงานว่าคุณอาจพยายามเลี่ยงภารกิจ มันว่า ‘ดังนั้นถ้าคุณปล่อยให้แพะระเบิดเสา หรือปล่อยให้ฝั่งนั้นมาระเบิดเสาแบบไม่คิดจะสู้ จะถือว่าคุณต้องรับผิดชอบนะเรเว่น มูลค่าหลายพันล้าน ตั้งใจหน่อยแล้วกัน

     

    ไอ้ควีนเฮงซวย ไอ้โครวเฮงซวย ไอ้แพะเฮงซวย ไอ้พวกแฟนตาเซียเฮงซวย

     

    มีแต่พวกเฮงซวยเต็มไปหมด เท้าเปล่าช่วยให้การเคลื่อนไหวเงียบเชียบ การยิงลูกไฟของแม่นั่นทำให้พื้นกระจุยกระจาย ฉวยเอาก้อนหินแถวนั้นขึ้น ใหญ่ไปนิด แต่ถือเป็นเรื่องดี

     

    อันที่จริง การต่อยหน้าผู้หญิงก็ออกจะโหดร้ายไปนิด

     

    เขาพุ่งตัวออกไปข้างหน้า รอบกายเป็นเพียงภาพเลือนลาง ความเร็วเพิ่มขึ้นมหาศาลโดยไม่รู้สึกถึงอาการโอเวอร์โหลดอย่างที่ยาตัวอื่นเป็น ชั่ววินาที เขาพุ่งเข้าใส่มิรันด้า เงื้อแขน ฟาดหินใส่หัวหล่อนเต็มแรง

     

    หญิงสาวรู้ เกราะเวทมนตร์ผุดขึ้นเหมือนโล่ใสกลางอากาศ เขาพลาด เหมือนถูกสะท้อนกลับด้วยแรงตนเอง และร่างเซถลาลงสู่พื้น การควบคุมนาโนแมชชีนยากกว่าที่คิด มันกำลังจะกลายเป็นจุดอ่อน ยกเว้นแต่ หากเดาไม่ผิด มันกำลังจะหมดฤทธิ์ การรักษาตัวต้องใช้พวกมันมากเกินไป

     

    เขาดีดตัวลุกขึ้น กางกรงเล็บออกตวัดไปยังใบหน้า กระชากหนังหน้านั่นออกมาซะ เสียงกระซิบในสมองสั่งเขา พลาด หล่อนเบี่ยงกายหลบ โต้ตอบด้วยมีดสั้นเข้าที่เดียวกัน และเฉือนผิวเนื้อเขาออกไปจนเลือดไหลอาบ

     

    ไม่รู้สึกอะไรเลย ยาที่สกัดจากหมึกคราเค่นได้ผลดี

     

    ดีจนน่ากลัว

     

    มันถอยออกห่างอย่างรวดเร็ว รักษาระยะหญิงสาวหรี่ตาลง มองราวกับเขามีลูกเล่นตุกติกอะไรสักอย่าง

     

    "โดนเผาจนไหม้ขนาดนั้นยังฟื้นตัวได้อีกหรือ?"

     

    "บอกแล้ว ข้าเป็นหมอ" เรเว่นแสยะยิ้ม โชว์ฟันอันแหลมคมในปาก "ถ้าแค่ฟ้าผ่ายังรักษาตัวเองไม่ได้ แล้วจะไปรักษาใครได้วะ?"

     

    เขาจ้องหน้ามันด้วยท่าทางสบายกว่าที่เป็น"และหมอก็ไม่ชอบการใช้ความรุนแรงกับการเจ็บตัว เข้าใจไหมยัยด้วน"

     

    กล้ามเนื้อบนใบหน้าหญิงสาวกระตุกขึ้นยอกย้อน "หมอที่วิ่งเอาก้อนหินมาฟาดหัวคนน่ะหรือเรียกว่ารักสงบ?"

     

    นาโนแมชชีนในร่างกำลังหมดฤทธิ์ เขารู้สึกได้ พร้อมๆกับแผลที่สมานตัว ทั้งหมดที่ทำจึงเป็นการถ่วงเวลา "เรียกว่าป้องกันตัวดีกว่า แม่สาวกางเกงในลายลูกไม้เขาดึงเอาขวดเหล้า คริสตัลขึ้นจากกระเป๋าเสื้อกาวน์ นึกขอบคุณตัวเองที่มันยังปลอดภัย และยกมันขึ้น "สักหน่อยไหมย้อมใจก่อนเข้ายกสอง"

     

    กระดกของเหลวด้านในเข้าปาก เจ็ดนาทีแล้ว  ไม่ไกลเท่าไหร่ เขาเห็นแพะกำลังเล็มหญ้า ที่เหมือนจะหายไปสักสองเอเคอร์ ในขณะที่คู่ต่อสู้มีสีหน้ารังเกียจเขาชัดเจน

     

    "ฝากสิ่งสำคัญไว้กับคนอย่างคุณน่ะหรือ?จอมพลแห่งเมโทรโพลิสคิดอะไรอยู่กัน?"

     

    เรเว่นหัวเราะ แม่สาวนี่ยังมีมารยาทในการต่อสู้มากพอที่จะไม่โจมตีเขาตอนนี้ เขาชอบนักหยิ่งทระนง สัตย์ซื่อต่อหน้าที่ "ถ้าได้งานไปลอบฆ่ามัน ก็ฝากถามมาเผื่อข้าด้วย"

     

    เลือดลมในกายวิ่งพล่าน ในขวดนั้นไม่ใช่เหล้า แต่เป็นยา การรับพวกมันผ่านทางปากต้องใช้ปริมาณมากกว่าการฉีดเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรงเขาโยนขวดทิ้งไป มันกลิ้งอยู่บนพื้นอย่างไร้ค่า และดึงเอาหน้ากากกันก๊าซของปริภูมิขึ้นใส่ นึกขอบคุณมันในใจ

     

    บังสีหน้าเขาได้มิดดี...

     

    "เอ็งบอกว่า อยากให้ข้าทำบ่อพิษใช่ไหม?"เขาหัวเราะอีกครั้ง "เสียใจด้วย แม่สาวลูกไม้ขาว"

     

    ขวดยาสองสามขวดถูกยัดไว้ในช่องพ่นตั้งแต่วันที่ได้มา หน้าจอเบื้องหลังหน้ากากแสดงปริมาณของเหลวที่มีเต็มเปี่ยมและความพร้อมของเครื่องที่กำลังกรีดร้องใส่หูเขา ใช้ฉันซะ!

     

    "ข้าไม่ทำอะไรแบบนั้น"

     

    กลุ่มควันสีขาวกระจายตัวอย่างรวดเร็วและเป็นวงกว้าง สมกับที่เป็นเครื่องมือของปริภูมิ  คู่ต่อสู้ของเขาสะบัดปีกสร้างลมเพื่อพัดมันออก มันตั้งท่าถลาสู่ฟ้า จังหวะเดียวกัน เขาเขวี้ยงเข็มนับสิบไปทางหล่อน

     

    หญิงสาวไหวตัวทัน ปัดมันทิ้งด้วยสายลมกลุ่มเล็ก สายไป เล่มหนึ่งปักเข้าที่แขน และฉีดยาในนั้นเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว หล่อนกระชากมันออกหลังยาลดไปเกือบครึ่งเข็ม ปีกใหญ่กระพือ ยกตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า

     

    "สกปรกสิ้นดี โจมตีจากด้านหลัง และการลอบจู่โจมนั่นหล่อนปรามาส น้ำเสียงกร้าว

     

    หน้ากากกันก๊าซถูกถอดออก เขาเงยหน้ามองขึ้นไป ยิ้มอย่างจริงใจ ตอบ

     

    "แล้วข้าจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนด้วยทำไมวะอย่าโง่"

     

    สิบนาที

     

    ร่างบนอากาศนั่นสั่นสะท้าน ความรู้สึกตอนยาวิ่งเข้าร่างคงเป็นสิ่งไม่คุ้นชิน เรเว่นสะบัดคอ มันลั่นกร๊อบ รู้สึกได้ถึงพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ในกล้ามเนื้อ เขาพร้อมแล้ว

     

    แต่หล่อนอยู่สูงเกินไป มือของมันชูขึ้นสู่ฟ้า แสงแดดจัดจ้าถูกรวมไปไว้ตรงนั้น และตามด้วยลำแสงที่พุ่งมายังเขา เรเว่นพุ่งหลบอีกครั้ง คราวนี้พ้น ขวดคริสตัลบนพื้นแตกกระจายพร้อมกับแสงร้อนที่หายไป

     

    รอจนกว่าแม่นกจอมปลอมนั่นจะร่วงหล่น

     

    หรือเขาต้องบินขึ้นไปเอง

     

    รวมกำลังทั้งหมดไว้ที่ขา และกระโดดขึ้นสูง พร้อมๆ กับที่กล้ามเนื้อทั่วร่างปริแตก มันขยายขึ้น สมบูรณ์ขึ้น เหมือนตอนอยู่ในทะเล แต่คราวนี้ไม่จำเป็นต้องมีเกล็ดหรือเหงือกปลา เขาจะเป็นปีศาจกางกรงเล็บออกเพื่อฉุดกระชากมันลงต่ำ เสียงหวีดร้องจากเรื่องเหนือความคาดหมาย หล่อนปักมีดลงบนมือเขา เลือดไหลอาบท่วมแขน ทว่าไร้ความรู้สึก ยาจากคราเค่นทำงานได้ดีอย่างที่คาดหวัง

     

    เขาจะเป็นปีศาจที่หลอกหลอนมัน

     

    มื้อคว้าจับกระชากปีกนั่น เหวี่ยงมันลงพื้น และทิ้งตัวตามลงไป อัดฝ่ามือกระแทกลงบนใบหน้า มือเขาใหญ่พอจะจับหัวมันไว้ได้

     

    ร่างหญิงสาวถูกยกขึ้นด้วยการจับหัว และกระแทกซ้ำลงไปที่พื้นอีกครั้ง ดินนุ่มช่วยประคองศีรษะมันไว้ไม่ให้แตกกระจาย ยาหลายชนิดที่รับเข้าร่างกายกำลังทำให้เขาสั่นสะท้าน...

     

    ปลดปล่อยความรุนแรงที่มีออกมา

     

    และกลายเป็นปีศาจ

     

    ร่างกายใหญ่โตไม่ได้ทำให้เทอะทะ สะดวกมากพอที่จะกดหัวหล่อนลงไปที่พื้น ดินที่อุ้มน้ำหลังพายุฝนหลายวันช่างนุ่มนิ่ม...นิ่มเสียจนหล่อนถูกกดจมลงไปในนั้น เสียงอึกอักและความพยายามแกะมือเขาออกจากใบหน้าที่ถูกบีบแน่น

     

    เรเว่นหัวเราะในลำคอ

     

    "ข้าชอบแบบนี้มากกว่า แม่สาวติดปีก"

    ---------------------------------------------


    กางเกงลูกไม้ - มิรันด้า 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×