คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : 7 - คุณหนู
เขาต้องการยา…
เสียงกระซิบกรีดก้องในสมอง เหมือนมีใครสักคนหวีดร้องในหัว มันปวดระบม ทั่วร่างรู้สึกร้าวเหมือนแก้วที่เพิ่งโดนเหวี่ยงกระแทกพื้น โลกทั้งใบกำลังหมุน ตัวเขากำลังถูกถีบให้กระเด้งไปมาเหมือนลูกบาส
เรเว่นลืมตาขึ้น
ภาพที่เห็นไม่ใช่มุมที่คุ้นเคย แสงไฟอ่อนๆจากเพดานแยงตา เขาไม่แน่ใจว่ากำลังอยู่ที่ไหน หากนับจากสถานที่สุดท้ายในความทรงจำ ตอนนี้เขาควรจะอยู่บนซากเรือ ที่อาจจะอยู่ในซากคราเคนอีกที
ท้องกำลังร้อง กระเพาะของเขาต้องการอาหาร หัวปวดระบมหลังจากการนอนที่น่าจะมากเกินไป เขายันกายลุกขึ้น รู้สึกเจ็บแปลบที่แขน เพิ่งสังเกตว่าอยู่บนเตียงนุ่มแบบที่ไม่ได้สัมผัสมานาน มองออกนอกหน้าต่างไปเหมือนจะเป็นทะเล…
น่าจะอยู่บนเรือ
แล้วสายตาก็สะดุดที่ข้างเตียง…
ยัยเด็กผี คาร์เดีย อยู่ตรงนั้น หล่อนนั่งฟุบอยู่ที่ข้างเตียงของเขา ท่าทางเหมือนจะหลับสนิท
เขายกแขนขึ้น มันยังคงเป็นเกล็ดสีดำทั้งที่ยาควรจะหมดฤทธิ์ไปแล้ว...คงต้องทิ้งระยะสักพักกว่าจะหายเป็นปกติ
ที่น่าสังเกตกว่า...เกล็ดหย่อมหนึ่งบนท่อนแขนของเขา… หายไป…
ไม่ได้หายแบบที่ควรจะเป็นจากแรงระเบิด มันหายไปเหมือนถูกดึงออก
สายตาตวัดกลับไปที่ยัยเด็กผีคนเดิมที่ยังคงนั่งฟุบไม่รู้เรื่องอยู่ตรงนั้น เข่นเขี้ยวอยู่ในใจ ท้องแขนมีร่องรอยของเข็ม รู้สึกว่ายังโชคดีที่หน้าท้องไม่มีร่องรอยการโดนผ่า
ยัยเด็กนี่...เอาชิ้นส่วนร่างกายเขาไปทดลองอะไรประหลาดๆแน่นอน...ความรู้สึกของเขาฟ้องลั่น
ท้องร้องอีกรอบ ชายหนุ่มควานมือเข้าไปในเสื้อกาวน์...โชคดีที่ยายังอยู่ และเสื้อของเขามีเพียงรอยไหม้ เรือรบพวกนั้นปกป้องเขาได้ดีกว่าที่คาดไว้ อันที่จริงการมานั่งอยู่บนเตียงแถมมียัยเด็กผีสลบอยู่ข้างๆก็นอกเหนือความคาดหมายที่สุดแล้ว
เข็มแทงเข้าไปที่ลำคอ….พร้อมๆกับที่คาร์เดียขยับตัว และเงยหน้าขึ้น
“อ้าว ลุงฟื้นแล้วเหรอคะ” เด็กสาวยิ้ม “หนูงี้ตกใจจะแย่ ไม่คิดว่าลุงจะกล้าบุกท้องหมึกนะคะ”
ยายังไม่ออกฤทธิ์ เขาหลับตา สัมผัสถึงยาที่ค่อยๆพล่านเข้าไปในกระแสเลือด...แล้วถาม “เกล็ดข้าหายไปหย่อมนึง แถมรอยเจาะที่แขน”
เด็กสาวเอียงคอ “อะไรเหรอ? หนูไม่รู้นะ”
เขากำลังคิดประมวลคำด่าในสมอง เมื่อกำลังจะอ้าปากด่าออกไป ประตูก็เปิดผาง พร้อมร่างเด็กหนุ่มคนหนึ่งก้าวเข้ามา “คาร์เดีย จะถึงท่าที่ดีพวอเทอร์แล้ว มาให้เราทำแผลใหม่ก่อนเถอะ”
ดีพวอเทอร์…
เรเว่นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เหมือนจุดหมายปลายทางจะคนละแห่งกับที่คิดไว้
“เอางี้”ไม่มีคำตอบจากคู่สนทนา หมอนั่นจึงเสนอทางเลือก “เธอไปกินข้าวเช้าก่อนดีไหม เราเตรียมไว้ให้ที่เคบินแล้ว เดี๋ยวเราดูแผลให้ ... เขา ... เสร็จแล้วจะตามไป”
เน้นคำชัดเจนเหมือนกำลังหมายหัว ชายหนุ่มนึกไม่ออกว่าไปทำอะไรไว้ แต่ท่าทางมันติดจะระแวง สายตานั่นจ้องมาไม่ละเหมือนลูกแมวจ้องเหยื่อ
เขายิ้มแสยะ เทียบกับหมึกยักษ์สิบแปดหนวดแล้ว เจ้าเด็กนี่ดูน่ารักพอๆกับลูกหมาลูกแมว น่าประหลาดใจที่เป็นเพื่อนกับยัยเด็กผีที่พยายามจะฆ่าเขาด้วยปืนพลาสม่ากับไนโตรเจนเหลว แตกต่างกันลิบ
คาร์เดียพยักหน้ารับและลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป...แล้วเด็กหนุ่มคนนั้นก็เปิดปากถามทันที
“คุณเป็นใคร?” ดวงตาสีฟ้าจัดเหมือนน้ำทะเลนั่นขุ่นมัวและต้องการคำตอบ
เรเว่นยิ้มในใจ ท่าทางเจ้าเด็กนั่นเหมือนกำลังพยายามหาทางตะปบคอหอยเขาอยู่ ผมสีทองนั่นทำให้เขานึกถึงควีน...และแน่นอน ทำให้รู้สึกเหม็นขี้หน้าขึ้นมาเล็กน้อย
จะโทษก็โทษจอมพลเวอร์กัส...ที่ดันผมทองเหมือนกัน
“มนุษย์กลายพันธุ์...การทดลองพิเศษของกองทัพ”
ใบหน้านิ่งเรียบ มีเพียงรอยยิ้มประดับมุมปาก เสริมให้อีกฝ่ายเชื่อด้วยการยกแขนขึ้นเล็กน้อย แสดงให้เห็นเกล็ดสีดำสนิทที่ปกคลุม
ถ้าเชื่อคงตลกดี
“มนุษย์กลายพันธุ์ประเภทไหนล่ะ ยีนคุณไม่มีอะไรผิดปกติ ผลเลือดออกมาเหมือนคนปกติทั่วไป เว้นแต่ว่ามีระดับสารเคมีสูงมาก และการทำงานของตับก็อยู่ในเกณฑ์แย่ ซึ่งนั่นหมายถึงว่าคุณ .. ใช้ยาเกินขนาดติดต่อกันมาเป็นเวลานาน”
เรเว่นเลิกคิ้ว ตรวจตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วรอยเจาะที่แขนก็เป็นคำตอบ อย่างน้อยคาร์เดียก็ไม่ได้เจาะเอาไปทดลองอะไรแปลกๆ...ในตอนนี้
เขายกฝ่ามือขึ้นถูเคราด้วยความเคยชิน ก่อนจะชะงัก…
หนวดกับเคราหายไป ยัยเด็กนั่น เขาแยกเขี้ยวในใจ เอาหนวดเคราเขาออกจนหมดแบบไม่คิดจะถามสักคำ สายตาตวัดกลับไปยังเด็กหนุ่มที่ยังยืนมองด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร
“คงไม่จำเป็นต้องบอกความลับของกองทัพ” เรเว่นยิ้ม “นอกเสียจากว่าคุณจะสนใจเรื่องส่วนตัวของผมขนาดนั้น”
ปรับระดับภาษาให้เป็นทางการขึ้นนิด และยียวนกลับไป หวังว่าอีกฝ่ายจะเลิกวุ่นวาย ที่เขาขี้เกียจยุ่งด้วย “อีกอย่าง ไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวกับคนที่ผมไม่รู้จัก”
“ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของคุณหรอกที่ผมอยากรู้” เด็กหนุ่มย้อน “และตอนนี้คุณก็กำลังนอนอยู่บนเตียงของคนที่คุณไม่รู้จักนะ”
บนเตียง เขาชอบคำนี้พิลึก ยิ้มแสยะ และโต้ “คุณจะมาขอคืนพื้นที่ผมก็ไม่ว่านี่”
“อะไรที่เป็นของผม ผมเอาคืนแน่”
ประโยคนั้นเกือบๆจะเหมือนคนหวงของ...เขาพอจะนึกสรรพนามสำหรับเจ้าหัวทองนี่ออกแล้ว
“ตามสบายเลย คุณหนู”
ท่าทางหงุดหงิดนั่นฟ้องว่ามันกำลังจะหมดความอดทน เรเว่นกลั้นหัวเราะในลำคอ
“บอกชื่อคุณมาสิ ผมเช็คได้ว่าคุณเป็นคนของกองทัพจริงหรือเปล่า?” ด้วยท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย เด็กนั่นเรียกจอสื่อสารขึ้น เหมือนพร้อมจะติดต่อใครสักคน ที่เขาไม่ได้สนใจนักว่าเป็นใคร
แล้วก็ตอบกลับไป “เรเว่น”
“เรเว่นแล้วอะไรต่อครับ”
เขาเลิกคิ้ว “เรเว่น...แค่นั้น” ตอนควีนหงส์หยกนั่นจับพวกเขาเข้าหน่วยพิเศษ รู้สึกจะใช้ชื่อไปตามที่แจ้ง…
ไม่มีทางหาเจอ… รายชื่อหน่วยพิเศษไม่ปรากฏในฐานข้อมูลของกองทัพ
คุณหนูเดินหลบมุมไป คงไปคุยกับใครสักคนที่คิดว่าจะช่วยได้ แน่นอนว่าอาจจะไม่มีทาง ตราบใดที่ ‘ใครสักคน’ นั่นไม่ใช่ปริภูมิหรือเวอร์กัส
หรือต่อให้มีก็ไม่ใช่เรื่องเดือดร้อน
เรเว่นเอนกายลงบนที่นอนอีกครั้ง เขาไม่ได้นอนมาเกือบอาทิตย์แล้วหากไม่นับที่สลบไป ฤทธิ์ยาที่ฉีดไปวิ่งพล่านในกระแสเลือด รู้สึกไม่หิวแล้ว แต่แปลกประหลาดที่ผิวหนัง
เหมือนจะมีปฏิกิริยาอะไรสักอย่างกับเกล็ด…ความรู้สึกมันฟ้องลั่น
“เฮงซวยจริง…” บางทีเขาควรจะงดยาสักพัก...อย่างน้อยจนกว่าเกล็ดพวกนี้จะหายไป ช่วงแขนที่โดนดึงออกไปแสดงให้เห็นว่าใต้เกล็ดนี่ยังเป็นผิวหนังของเขาอยู่
ไม่อยากถูกขอดเกล็ดเหมือนปลาสักเท่าไหร่…
เรเว่น...เรเว่น… นกกาเหว่าที่มีเกล็ดเหมือนปลาน่าจะเป็นมุกตลกชั้นยอดในวงเหล้า เสียแต่ว่าในสภาพนี้การเดินเข้าร้านเหล้าเป็นความคิดที่ไม่ค่อยเข้าท่า เรื่องที่น่าสนใจกว่าในตอนนี้คือไอ้ซากหมึกยักษ์นั่น ไม่แน่ใจว่ายัยเด็กผีจะเก็บอะไรกลับมาบ้างไหม อย่างน้อยที่สุด หนวดหมึกนั่นสักเส้น...มันน่าจะทำให้เขาได้ยาอะไรบ้างสักตัวสองตัว
เด็กนั่นเดินกลับมา คราวนี้ท่าทางไม่ไว้ใจเต็มที่ “ถ้าคุณเป็นคนของกองทัพ อย่างนั้นคุณก็’อาจจะ’เป็นหน่วยพิเศษ” เน้นตรงคำว่าอาจจะ ฉลาดดี เป็นไปได้ก็อยากหัวเราะ “อีกสิบนาทีจะเทียบท่าแล้ว ถ้าคุณไม่ต้องการอยู่บนเรือของคนที่คุณไม่รู้จัก ก็เตรียมตัวลงได้เลย”
คุณหนูหัวทองเดินออกจากห้อง เรเว่นยักไหล่ เตรียมตัว เขาจะเตรียมอะไร? นอกจากกระเป๋าเหล็กที่วางอยู่ข้างเตียงแล้วเขาก็ไม่ได้มีอะไรให้เตรียมอีก ชายหนุ่มคว้ามันขึ้นมา และเดินตามออกไป
เรือลำนี้หรูกว่าที่คิดไว้นิดหน่อย แต่ไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว เขาเดินเรื่อยเปื่อยไปตามทาง รองเท้าสลิปเปอร์ที่เจออยู่ในห้องนอนนุ่มสบายเท้ากว่าคู่เก่าที่เขาเคยใส่ (มันหายไปในทะเลแล้ว)
ประตูห้องอาหารเปิดแง้มไว้ เขาเห็นหลังหัวของคาร์เดียอยู่ในนั้น
"ยัยเด็กผี เอ็งได้อะไรมาบ้าง?" เปิดประตูพรวดเข้าไป ภาพที่เห็นนั่นทำให้เขาต้องเลิกคิ้วเล็กน้อย
คุณหนูผมทองนั่นผละหนีออกไปจากยัยเด็กผีอย่างรวดเร็ว...จากท่าที่กำลังจะ...ถ้าดูไม่ผิด...จูบ...กัน
“อ้า…” ดูเหมือนจะเห็นเรื่องมหัศจรรย์ยังไงชอบกล“โทษที...ไม่นึกว่าจะมาขัดจังหวะ”
แสยะยิ้มส่งไปพร้อมสีหน้าล้อเลียน เรื่องที่คาร์เดียมีคนรักนี่ออกจะเหนือจินตนาการ...ไม่คิดไม่ฝันว่าเจ้าหล่อนจะมีใครกล้าคบด้วย
เธอหันขวับมาทางเขา พร้อมๆกับที่หัวทองหันไปอีกทาง ท่าทีไม่พอใจเท่าไหร่นักที่ถูกขัดจังหวะ
“ลุงจะเอาอะไรอ้ะ” เสียงแหลมๆถาม สังเกตว่าเจ้าผู้ชายที่อยู่ด้านหลังหล่อนหันมาชักสีหน้าไม่ชอบใจใส่เขาอย่างไม่มีปิดปัง
“ถุงหมึก ถุงพิษ เอ็งได้อะไรมามั่งล่ะ” ย้อนถามกลับไป พร้อมกับที่ยักคิ้วใส่เจ้าเด็กนั่นเล็กน้อย ตอนนี้มันทำท่าเหมือนอยากพุ่งเข้ามาบีบคอเขาเต็มแก่
นายจงใจ!!! สีหน้าของเจ้าเด็กนั่นฟ้องแบบนี้ ซึ่งถ้าตอบด้วยเสียงกลับไปได้ เขาจะแสยะยิ้มใส่ และทวงบุญคุณที่มันอาจจะไม่สำนึก เอ็งควรขอบใจข้า ที่ช่วยให้รอดจากยัยแม่มดจอมผ่านี่มาได้
“อยู่ที่ห้องเก็บตัวอย่างข้างล่าง ...” เขาหมุนตัวทันที ขี้เกียจจะอยู่เป็นกระดูกชิ้นโตของเจ้าสองคนนี้ แต่เสียงของเด็กสาวก็ตามมาอีกครั้ง “หยุดแค่นั้นเลยลุง หนูจะพาลงไปเอง กับคนตกวิทย์อย่างลุงเนี่ย หนูไม่ให้เข้าไปทำเละเทะในนั้นหรอกนะ”
เขาหันกลับไป สายตาของเจ้าเด็กหัวทองนั่นฟ้องว่ากำลังจะพุ่งมาฉีกเขาเป็นชิ้นๆ มันระแวงและเหม็นขี้หน้าเขาอย่างไม่ปิดบัง
“งั้นนำไปสิ” เขากล่าวกลั้วหัวเราะ เปิดทางให้ยัยเด็กผีเดินนำ พร้อมกับที่เขาหันไปยิ้มแสยะใส่หัวทองที่เขายังนึกชื่อมันไม่ออก
แล้วเอ็งจะขอบคุณข้า...ไอ้ลูกหมา
“เดี๋ยวก่อน” เสียงขัดลอยมาทันที “คุณจะกินอะไรหน่อยไหมสลัด..ก็มี กับปลาตะลุมพุก คุณน่าจะชอบนะ ก้างเยอะดี”
“ขอบคุณมาก” ท่าทางเหมือนพยายามจะเปิดสงครามนั่นทำให้เขานึกขำ ยิ้มกว้างให้มันอย่างไม่ปิดบัง และปรับน้ำเสียงให้นุ่มนวล “ผมกินเนื้อหมึกมาเยอะพอแล้ว ขอตัวไปทำเรื่องจำเป็นจะดีกว่า”
ไม่ลืมกล่าวย้ำ...ด้วยสีหน้าที่มั่นใจว่ากำลังเห็นอกเห็นใจอีกฝ่ายอย่างถึงที่สุด “และอีกประการ...ผมนิยมเนื้อสัตว์มากกว่า...กระดูกมันชิ้นใหญ่...ขวางคอสะดวกกว่าเยอะ”
“ผมน่าจะเดาได้นะว่าคุณมีรสนิยมชอบแทะ … กระดูก ต้องขอโทษด้วยแล้วกันที่บนเรือนี้ไม่มีเนื้อที่คุณว่า คาร์เดียไม่กินเนื้อ”
คุณหนูพูดด้วยท่าทีเหมือนกำลังจะย้ำเตือนอะไรสักอย่าง...อะไรสักอย่างที่เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ...
เด็กหวงของ หรืออาจเป็น เด็กหนุ่มที่กำลังหึงหวงเด็กสาว
นั่นเป็นเรื่องไร้สาระ และเขาไม่จำเป็นต้องสน
ทั้งหมดที่ทำ จึงมีเพียงหันไปยิ้มแสยะให้กับคุณหนูหัวทองขี้หวงคนนั้น ก่อนจะเดินออกจากห้อง
และมั่นใจว่ามันกำลังสาปแช่งเขาอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น