คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ส่งแบบทดสอบด่านที่ 1ของตระกูลฮิโทคิ
สายลมเย็นพัดเสียดสีกับต้นไผ่ดังเอี๊ยดอ๊าด เอี๊ยดอ๊าด กลิ่นเขียวขจีของป่าเบจญพรรณลอยต้องนาสิก ไม่ว่าใครก็ตามที่รับรู้ถึงกลิ่นนี้ต่างก็ต้องมีความเห็นเดียวกันว่าป่านี้อุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยพืชพันธ์ธรรมชาติต่างๆมากน้อยเพียงไร เสียงร้องเซงแซ่ของเหล่าสัตว์ป่าน้อยใหญ่ดังขึ้นเป็นช่วงๆ นกน้อยบินล่องลมลงมาเกาะที่ต้นหูกวางที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่กลางป่าแห่งนี้ สองขาของมันลงมาเกาะที่กิ่งไม้หนึ่ง สายตาแลมองมาที่อาหารมื้อกลางวันของมัน ก่อนจะใช้จงอยแสนงามของมันตั้งท่าจิกลงมาที่เหยื่ออันโอชะที่กำลังไต่ดุ๊กๆอยู่ใกล้ๆผู้ล่า มันไม่แม้แต่จะรู้เลยว่าอีกไม่กี่นาทีชีวิตของมันก็จะต้องจบลง และในขณะที่เจ้าหนอนผู้โชคร้ายตัวนั้นกำลังจะตกเป็นอาหารของเจ้านก เสียงการมาเยือนของอาคันตุกะกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้น ทำให้เจ้านกกระพือปีกบินหนีไปด้วยความตกใจ ความโชคดีของเจ้าหนอนน้อยที่ยังพอมีดวงอยู่บ้าง สงสัยมันคงต้อบขอบคุณคนเหล่านี้หน่อยแล้วที่ช่วยให้มันสามารถยื้อชีวิตอยู่ต่อบนโลกนี้ไปได้ เสียงกลุ่มคนปริศนานั่นยังคงเดินแหวกพุ่มไม้มากันเรื่อยๆ
“นี่ยัยพลอยเธอแน่ใจเหรอว่าเรามาถูกทาง” เสียงแจ๋นดังมาจากหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินตามมาติดๆ น้ำเสียงของเธอดูออกจะไม่พอใจนิดๆกับการนำทางของเพื่อนสาว
“แน่ใจสิ ก็แผนที่มันบอกไว้อย่างนี้นี่นา เชื่อใจฉันเถอะ”น้ำเสียงยืนยันหนักแน่นบวกกับสีหน้าจริงใจของสาวเจ้า ทำเอาชายหนุ่มคนเดียวในกลุ่มทำหน้าหน่ายทันที
“ฉันเห็นแกพูดออกมาเป็นรอบที่ 3 แล้วนะพลอย เฮ้อ คิดผิดจริงๆเลยที่เลือกมาให้เธอเป็นผู้นำทางนะ ว่าแล้วเชียวว่ามันต้องลงอีแบบนี้ทุกทีน่ะ” ชายหนุ่มไม่ว่าเปล่าแถมยังถอดหมวกใบสวยมานั่งพัดไปพัดมาเพื่อให้หายร้อนไปบ้าง ปากก็ดูดกระติกน้ำดังจ๊วบๆแต่โชคร้ายที่อึกนี้จะเป็นอึกสุดท้ายของเขาที่จะได้ดื่ม เพราะน้ำในกระติกที่ว่านั่นตอนนี้ บ๋อแบ๋จนไม่เหลืออะไรแล้ว ชายหนุ่มได้แต่ก้มหน้างุดๆ ปากก็บ่นอุบอิบๆ พาดพิงไปถึงเพื่อนสาวตัวดีที่ดันอาสามาทำหน้าที่เป็นผู้นำทาง
“เฮ้ย ไอ้กัส แน่จริงก็ด่ากันตรงๆสิ ไม่ต้องมาทำเป็นแอบบ่นหรอกนะ จะด่าอะไรฉันก็ด่ามาเลย ขอโทษทีเถอะ ฉันก็ไม่อยากจะมานำนักหรอกนะ แต่ไม่รู้ผู้ชายสันหลังยาวคนไหน ที่มันตื่นสายแล้วมันทำให้อาจารย์ด่า จนฉันต้องมารับหน้าที่ไปเอาแผนที่แล้วมานำทางให้เนี่ย ห๊ะ ถามหน่อยสิ หมาตัวไหนวะ”
“เฮ้ยๆ พลอย พูดแบบนี้ก็สวยดิ ก็ให้ฉันทำยังไง มันตื่นไม่ทันนี่หว่า เธอเองก็เหมือนกันแหละ ถ้าไม่มีไก๋ก็บอกดิว่านำทางไม่ได้นะ ฉันจะได้นำแทน อิโธ่เอ๊ย”
“เฮ้ยๆ พูดแบบนี้มาดวลกันเลยดีกว่ามา ทนไม่ไหวแล้ว” พลอยถลกเสื้อขึ้นมาถึงไหล่ตั้งท่าวางมวยกับกัสอย่างไม่เจียมตัวเลยว่าตัวเองนั้นเป็นผู้หญิง
“เฮ้ยๆ ถึงเป็นผู้หญิงฉันก็ไม่ออมมือนะ โด่ สวยไม่ได้ครึ่งน้องพอลล่าแล้วยังทำแจ๋น มาๆ เข้ามาเลย” ชายหนุ่มยังคงยุแหย่หาเรื่องหญิงสาวด้วยปากพล่อยๆของเขาจนทำให้พลอยทนไม่ไหวจึงสบถออกมาดังๆแถมยังลากภาษาพ่อขุมราม ขนจนแม้กระทั่งสัตว์ป่าในหิมพานต์จนถึงสัตว์นรกขุมที่ 188 ก็ไม่เว้น ก่อนจะเงื้อหมัดงามๆประทานให้กับคนปากดีตรงหน้า
“กินนี่ซะเถอะ ไอ้ปากปีจอ” พลอยพุ่งเข้าไปหากัสอย่างอารมณ์เดือดพล่านเต็มที่ แต่ก่อนที่อะไรๆมันจะร้ายแรงไปกว่านี้ เพื่อนอีก 3 คนที่เหลือก็ต้องเป็นฝ่ายยุติศึกคู่มวยเอกนี้ไว้ โดยมีรินทำหน้าที่เป็นกรรมการยืนขวางคนทั้งคู่ และมีอินกับพูล็อคคอเจ้าตัวต้นเหตุทั้งสองคนให้แยกออกจากกัน
“เฮ้ย ปล่อยฉันนะอิน ฉันจะฆ่ามัน หมอนี่มันน่าเตะปากให้แตกนัก วันนี้แหละฉันจะทำให้หมาในปากมันหลุดออกมาสักตัวสองตัวเถอะ” พลอยยังคงไม่ยอมแพ้ เธอดีดดิ้นตัวสุดฤทธิ์ แต่เพราะแรงช้างของอินอดีตประธานชมรมคาราเต้ เจ้าของรางวัลแชมป์คาราเต้ประจำจังหวัด สามปีซ้อน ผู้ที่ได้ฉายาว่า เจ้าแม่แรงควาย ล้มได้แม้กระทั่งผู้ท้าชิงซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าเธอเป็นสิบๆโล และในที่สุด พลอยก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ไป จึงได้แต่นั่งหอบแฮ่กๆ สงบสติอารมณ์อยู่ข้างๆอิน
“นี่พวกแก จะบ้ากันแล้วหรือไง ทีมเดียวกันแท้ๆแต่ดันมาทะเลาะกันแบบนี้ได้ที่ไหน แล้วงานมันจะเสร็จไหมนะ ห๊า แล้วดูสิตอนนี้ก็มาหลงป่ากันอีก แทนที่จะช่วยกันคิดแต่ดันจะมากัดกันเนี่ยนะ มันใช้ได้ที่ไหนล่ะ”เสียงเอ็ดตะโรร่ายออกมาเป็นชุดๆจากริน ผู้ที่เป็นสาวเนี๊ยบและเคร่งครัดเรื่องระเบียบที่สุดในกลุ่ม นิสัยนี้ถอดแบบออกมาจากแม่ของเธอ ซึ่งเป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกับที่พวกเธอเรียน ปากที่แว้ดๆ จนคนฟังเถียงไม่ออกนั้น ทุกคนในกลุ่มต่างยอมรับเลยว่าเธอเป็น ศิษย์เจ้าแม่ไวไวปากคันไฟ ถ้าหากอยากมีเรื่องกับใครนั้นแล้ว เรื่องปากเนี่ย ต้องนึกถึงรินเป็นคนแรกที่จะต้องนำเข้ามาร่วมทีมปะทะฝีปากด้วย
“ก็เธอดูมันสิริน ดูไอ้กัสมันว่าฉันดิ”เสียงฟึดฟัด ฮึดฮัด พ่นออกมาจากหญิงสาว ท่าทีของเธอยังคงรับไม่ได้กับเรื่องที่ยังไม่ได้มอบหมัดให้ไอ้คนปากเลี้ยงสุนัขที่นั่งทำหน้าไม่พอใจอยู่ตรงนั้น ไม่แพ้เธอเลย
“ยัยพลอย เธอก็เหมือนกันนั่นแหละ พาพวกเรามาหลง แล้วเอะอะอะไรหน่อยก็ใช้กำลังเข้าว่าไปเรื่อย เรื่องอารมณ์นะ พอซะทีเถอะ หัดใจเย็นซะบ้างสิเป็นผู้หญิงหรือเปล่า เธอนะ ห๊ะ”
“ใช่ รินพูดถูกแล้ว เพราะเธอคนเดียวนั่นแหละพลอย พาพวกเราหลงป่ากันหมดแบบนี้นะ แล้วดูสิน้ำก็ไม่มีจะดื่ม ข้าวก็ไม่มีจะกิน เสบียงก็ดันหายไปไหนไม่รู้ เพราะเธอคนเดียว พลอย” กัสยังคงเถียงไม่เลิก ซึ่งหลังจากที่กัสหยุดพูด รินก็หันมาถลึงตาใส่ทันที ด้วยเชิงที่ว่า “ถ้าขืนยังปากมากอีก ไม่ตายดีแน่” ทำให้กัสต้องหดหัวเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งๆที่คันปากยิบๆอยากจะยกออกมาอีกสักชุดเพื่อโทษความผิดทุกอย่างให้พลอย
“เอาล่ะค่ะ เรื่องนี้ไม่มีใครผิดทั้งนั้นแหละ คุณพลอยอย่าคิดมากเลยนะค่ะ คุณกัสเองก็อย่าโทษคุณพลอยเลย พวกเราต้องช่วยกันหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ก่อนจะค่ำ ดังนั้นตอนนี้เราไม่ควรจะมาทะเลาะกันเองแบบนี้นะค่ะ” เสียงหวานเปล่งออกมาจากริมสีปากบางชมพูได้รูปของพู หญิงสาวที่ได้ตำแหน่ง “นักศึกษามารยาทงาม” สามปีซ้อน พูเป็นลูกสาวของประธานบริษัทส่งออกแห่งหนึ่ง ด้วยความที่ครอบครัวของเธอค่อนข้างมีฐานะจึงทำให้ชาติตระกูลของเธอดูสูงส่งกว่าคนอื่นๆในกลุ่มประจวบกับการที่เธอได้รับการปูพื้นฐานสมบัติผู้ดีจากคนในตระกูลมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้มารยาทงามขนาดนี้
“ฉันเห็นด้วยกับพูนะ เอาเป็นว่าเรามานั่งพักกันให้หายเหนื่อยสักพักนึง แล้วเราค่อยออกเดินทางต่อนะ ฉันรู้ว่าทุกคนเหนื่อย ร้อน เมื่อย หิว กระหาย แต่เราต้องสามัคคีกันไว้ซี่ อย่ามาทะเลาะกันแบบนี้เลย”อินเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้างหลังจากเงียบมานาน ก่อนจะได้รับการพยักหน้าหงึกๆจากรินและคนอื่นๆ ส่วนกัสเองก็ยังคงวางฟอร์มทำเป็นไม่สนใจ แต่มีช่วงจังหวะหนึ่งที่เขาเหลือบสายตามองมาทางพลอยอย่างรู้สึกผิด
“แต่เราจะทำยังไงดีล่ะ ก็ในเมื่อนี่เลยเวลานัดกับอาจารย์บูชิตมาตั้งหลายชั่วโมงแล้ว ป่านนี้เขาคงจะยังอยู่หรอกน่ะ เธอว่าไงล่ะริน”พลอยหันไปตั้งคำถามใส่รินที่กำลังทำหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“ลองคิดในทางที่ดีสิ อาจารย์อาจจะกำลังตามหาพวกเราอยู่ก็ได้นะ เพราะนี่ก็หลายชั่วโมงแล้ว อาจารย์ก็ต้องรู้สิว่าพวกเราหลงทางกันนะ จริงไหม” รินดีดนิ้วดังเป๊าะพลางกอดอกเดินไปเดินมาอยู่รอบๆบริเวณนั้น จนกัสเริ่มรำคาญ ส่วนพูเองก็กำลังก้มหน้าก้มตาเฝ้าหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูสัญญาณเป็นระยะๆ
“ไม่มีประโยชน์หรอกพู ป่านี้มันไม่มีสัญญาณนะ มือถือนั่นคงช่วยอะไรพวกเราไม่ได้หรอก เลิกหวังซะเถอะ” พลอยดูอารมณ์ดีขึ้นหลังจากได้นั่งพักใต้ร่มไม้ใหญ่ เมื่อเห็นดังนั้นพูจึงคลี่ยิ้มออกมาบางๆกับท่าทางที่ใจเย็นแล้วของเพื่อนสาว พูปฏิบัติตามคำแนะนำของพลอยทันที เธอเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเป้เล็กอีกใบหนึ่งก่อนจะปิดตายมันอยู่ในนั้น โดยไม่แม้แต่จะหวังว่าจะสามารถพึ่งมันได้อีก
“........”ทุกๆคนพยายามครุ่นคิดหนทางที่จะสามารถหลุดพ้นออกจากป่านี้ไปได้ เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย อากาศก็เริ่มจะเป็นใจ ความร่มรื่นของหมู่แมกไม้ในป่าใหญ่ดูจะทำให้พวกเขาเริ่มอยากที่จะเอนตัวลง ตอนนี้ทุกคนเริ่มเลื้อยอยู่บนผืนหญ้าสีเขียวชอุ่ม และก่อนที่จะพากันเคลิ้มหลับนั้น พลอยก็ร้องเสียงดังออกมา ทำเอาทุกคนตกใจและพร้อมใจกับหันมามอบเสียงเขียวให้กับเจ้าตัวดี โดยรินยังขู่อีกว่าถ้าหากสาเหตุที่เธอร้องออกมานั้นมันไม่มีเหตุผลล่ะก็ ทุกคนจะรุมสะกำเธอด้วยส้นเท้างามๆอีก 8 คู่
“ใจเย็นๆ รับรองนะว่าพวกเธอจะต้องดีใจแน่ๆ” พลอยหัวเราะเบาๆออกมาเมื่อเห็นหน้าตาปั้นปึ้งของเพื่อนเธอทั้ง 4 ทันทีที่คำตอบหลุดออกมาจากปากของพลอย พลันสีหน้าที่กำลังยัวะเต็มที่ก็ต้องแปรเปลี่ยนมาเป็นร้อยยิ้มกว้างอันน่าพิสมัย และยังไม่ทันที่พลอยจะบอกว่าไอ้สิ่งที่ว่านั่นมันอยู่ที่ไหน รินก็เป็นฝ่ายฉุดพลอยให้ลุกขึ้นมาอย่างทุเรศทุรัง และผลักให้เธอเดินนำทางไปยังสิ่งนั้นก็คือ “น้ำตก” นั่นเอง ใช่ เมื่อมีน้ำตกก็ต้องมีน้ำ เมื่อมีน้ำก็ต้องมีปลา เมื่อมีปลาก็ต้องมีอาหาร และนั่นคือทางรอดสุดท้ายของพวกเขา อย่างน้อยกองทัพต้องเดินด้วยท้องก่อนจะออกรบ พวกเขาทั้ง 5 รีบวิ่งไปยังน้ำตกที่ว่านั่น
พลอยวิ่งนำทางพรรคพวกของเธอมาเรื่อยๆตามเสียงน้ำตกที่เธอได้ยินอยู่แวบนึง และในที่สุดก็สำเร็จ เสียงซ่าๆของน้ำที่กระทบกับโขดหินใหญ่ดังขึ้นเรื่อยๆ พลอยหันไปยิ้มให้กับเพื่อนๆของเธอก่อนจะวิ่งนำทางไปอีก
“แฮ่กๆ นี่ไง ถึงแล้วทุกคนน้ำตก! น้ำตกจริงๆด้วยแหละ เร็วๆเข้า” พลอยที่วิ่งมาถึงก่อนใคร ตะโกนร้องเสียงดังด้วยความตื่นเต้น เธอกระโดดโหยงๆดีใจ อย่างน้อยพวกเธอก็ยังรอดล่ะน่า ริน อิน พู กัส วิ่งมาถึงด้วยสีหน้าอิดโรย ก่อนจะพากันไอค่อกๆแค่กๆและหอบแฮ่กๆ พลอยโยนกระเป๋าลงอย่างแรงและถอดเสื้อคลุมสีดำของเธอจนเหลือแต่เสื้อกล้ามสีดำ ก่อนจะวิ่งลงไปยังน้ำตกใสข้างหน้า
“เฮ้ย พลอยระวังนะ ระวังจะพลาดท่าล้มลงไปล่ะ เดี๋ยวศพไม่สวยว่ะ ฮ่าๆ” ทายได้เลยว่าคำพูดพวกนี้เป็นของใคร กัสยังคงกัดพลอยไม่เลิก แต่พลอยเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะเธอเองก็หายโกรธกัสแล้ว เธอวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าและดื่มกินมันอย่างกระหายแต่ก็ต้องพบว่าเพื่อนชายของเธอนั้นกำลังยืนฉี่อยู่ที่ต้นน้ำ
“พรูดดด ด” เสียงสำลักของพลอยดังออกมา ทำเอาทุกคนพากันแปลกใจ จึงได้แต่ทำสีหน้างงๆ แต่แล้วก็ได้คำตอบทันทีว่าทำไมพลอยถึงทำหน้าอ้วกจะแตกขนาดนั้น
“ไอ้กัส ไอ้บ้าเอ๊ย ใครใช้ให้นายไปยืนฉี่ตรงต้นน้ำว่ะ นายเห็นไหมว่าฉันดื่มน้ำอยู่นี่ แล้วต้นไม้หรือต้นหญ้าที่อื่นก็มีให้ฉี่ คนบ้าที่ไหนเขาฉี่ในน้ำที่กำลังมีคนกินอยู่กันนะ ไอ้บ้าเอ๊ย แค่กๆ” พลอยขึ้นมาจากสายน้ำพลางชี้หน้าไปยังกัสชายหนุ่มผู้ที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่า อีกไม่กี่วินาทีเขากำลังจะถูกเด็ดหัว
“เฮ้ยๆ อะไรวะ ฉะฉันขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจว่ะ ขอโทษล่ะกัน” กัสยกมือไหว้ขอโทษขอโพยพลอยเป็นการใหญ่ พลอยน้ำหูน้ำตาเล็ดจากการได้รับรสชาติของน้ำที่ผสมฉี่เป็นครั้งแรกในชีวิต
“ถุยๆ แหวะ”
“เอาน่าๆ กัสนายไปฉี่ที่อื่นไป เมื่อกี้นายฉี่ลงไปเยอะหรือเปล่า” รินเริ่มเค้นถามกับชายหนุ่มที่ยืนเกาหัวแกรกๆและล้วงกระเป๋าอยู่ตามสไตล์หนุ่มเซอร์
“สองสามหยดเอง ตกใจเพราะเสียงยัยพลอยแหละ มันไหลไปกับสายน้ำแล้ว อย่ามาทำเป็นรักสะอาดกันมากเลยน่า พวกเธอนะ” กัสโบกมือไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะขอตัวออกไปทำธุระส่วนตัวที่ค้างไว้เมื่อกี้ในพุ่มไม้ข้างในป่าลึก
“บ้าจริงๆเลย มันเคยทำเรื่องดีให้บ้างไหมเนี่ย แค่กๆ”
“ลืมมันซะเถอะนะค่ะ คุณพลอย” พูส่งผ้าเช็ดหน้าให้พลอย พลางลูบหลังเพื่อหวังจะให้เธอหายคลื่นไส้ขึ้นมาบ้าง แม้จะเป็นเพียงความหวังดีเล็กๆน้อยๆ แต่นั่นก็ทำให้พลอยถึงกับซึ้งในความมีน้ำใจของพูจนพูดไม่ออก ได้แต่พูดคำว่า “ขอบคุณ” ออกไป
“เอาล่ะ ฉันกับอินจะไปหาฟืนนะ พูกับพลอยหาปลาก็แล้วกัน แล้วถ้าไอ้กัสมาก็ให้มันช่วยละกันนะ” รินเตรียมมอบภารกิจให้กับคนในกลุ่ม น้ำเสียงของเธอจริงจัง จนพลอยได้แต่ก้มหน้าหงึกๆรับกรรมที่เพื่อนของเธอก่อมาให้ลำบากอีกแล้ว หลังจากที่รินและอินออกไปได้ไม่นานนัก พลอยก็ลุกขึ้นพลางควงแขนเพื่อให้รู้ว่าเธอพร้อมแล้ว จากนั้นจึงถลกขากางเกงขึ้นอย่างทะมัดแทมง และหันหลังไปยิ้มให้กับคุณหนูสาวแสนสวย ที่ได้แต่เก้ๆกังๆทำอะไรไม่ถูก พลอยรู้ทันทีว่าเธอคงต้องทำคนเดียว จึงหันไปอาสาขอเป็นคนจัดการเอง ถึงแม้ว่าพูนั้นจะอยากปฏิเสธกับความหวังดีของพูที่หยิบยื่นมาให้ แต่ทำยังได้ ก็เธอยังไม่เคยแม้แต่ฆ่ามดเลยนี่นา แล้วนี่ฆ่าปลานี่นะ ทำไม่ได้หรอก เธอจึงได้แต่นั่งมองพลอยซึ่งกำลังเล่นสนุกกับหอกที่เธอเพิ่งเหลาพลางจิ้มจึกๆไปที่เหล่าปลาโชคร้ายที่กำลังว่ายเวียนอยู่ในน้ำอย่างสนุก ฉึก ! และในที่สุดพลอยก็ทำสำเร็จเธอพุ่งหอกไปที่ปลาตัวอ้วนใหญ่น่ากิน ก่อนจะโยนมันส่งไปข้างบน พูตกใจมากกับซากปลาที่ดิ้นกระแด่วๆตรงหน้า และพยายามที่จะยื้อชีวิตของมันเองให้อยู่ต่อไปได้แม้สักวินาทีเดียวก็ยังดี พูเฝ้าดูเวลาแห่งความตายของปลาตัวอ้วน ก่อนที่มันจะจบชีวิตลงด้วยการหยุดเคลื่อนไหว พูหันหน้าหนีกลับสิ่งเลวร้ายตรงหน้า เธอไม่กล้าแม้แต่จะกินมัน แต่แล้วกล้วยใบใหญ่ก็ถูกยื่นมาที่หน้าของพู เธอหันควับไปหาเจ้าของกล้วยนั่น กัสนั่นเอง กัสยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะบรรจงปอกเปลือกกล้วยและส่งให้พู
“อ่ะ ฉันรู้ว่าเธอกินไอ้นั่นไม่ลงใช่ไหมล่ะ ฉันยังมีอีกหลายหน่อเลยนะเนี่ย กินสิ แล้วเดี๋ยวฉันจะกินปลาแทนเอง ฮ่าๆ นี่หวังดีนะเนี่ย” กัสหัวเราะแหะๆให้กับพู ซึ่งนั่งหน้าแดงอยู่ข้างๆ กัสเองคงไม่รู้หรอกว่าพูมีใจให้กับกัสตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกัน พลอยเมื่อเห็นบทสนทนาเมื่อครู่ของกัส ทำให้พลอยยิ้มแหยๆและหันไปตอกกลับกับกัสอย่างช่วยไม่ได้
“เฮ้ยๆ แหมทำเป็นใจป้ำ หวังดี ไปหามาให้ อิโด่ สุดท้ายแกก็จะแย่งหม่ำส่วนของพูนี่หว่า ไอ้ตุ๊ดเอ๊ย” เสียงหัวเราะดังๆกับท่าทางที่ไม่น่าจะใช่ผู้หญิงของมัน ทำให้กัสเริ่มหัวเสียและรู้สึกไม่พอใจกับคำๆหนึ่งที่พลอยพูดออกมา เขาจึงประท้วงออกไปอย่างเสียงดังว่า เขาไม่ใช่ตุ๊ด ! แต่คำตอบที่ได้ก็คือ เสียงหัวเราะของพลอยที่ยังคงดังไม่หยุด กัสไม่พอใจจึงลุกขึ้นไปหมายจะคว่ำเจ้าคนที่มันทำงามหน้านักตรงหน้า เขาพุ่งตัวเข้าไปหาพลอย และผลักพลอยเต็มแรงจนทำให้พลอยล้มคว่ำลงไปในน้ำและผลุบหายไป
“เฮ้ยๆ แก ฉันแค่ผลักนิดเดียว อย่ามาทำเป็นเล่นละคร ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ พลอย มาสู้กันให้รู้ดำรู้แดงกันเลยดีกว่าเป็นไงว่าระหว่างฉันกับแกใครมันจะชนะ เอ้า” แต่แล้วกลับไม่มีวี่แววของพลอยโผล่ขึ้นมาเลย กัสที่เริ่มเข้าข้างตัวเองและมองโลกในแง่ดี จึงพูดต่อไปเรื่อยๆและบังคับให้พลอยโผล่ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับมาเลย กัสเริ่มใจไม่ดีจึงเริ่มใช้มือหนาสองข้างแหวกสายน้ำตรงหน้าจากช้าๆกลายเป็นตีน้ำอย่างบ้าคลั่ง
“คุณพลอยหายไปไหนแล้วค่ะ!” พูลุกขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลนพลางทำสีหน้าไม่สู้ดีนัก เธอรีบถอดรองเท้าและวิ่งตรงไปหากัสทันที กัสตีน้ำกระจุยกระจายไปเรื่อยๆจนทำเอาเขาเปียกปอนไปหมดทั่วร่าง พูเองก็ช่วยตะโกนเรียกอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย และในที่สุดทั้งสองคนก็หมดแรงจึงพากันขึ้นมาจากน้ำในสภาพที่เปียกโชนไปทั่ว กัสนั่งกระแทกกับพื้นดินอย่างแรงและสบถเบาๆพลางกำหมัดแน่น เพราะเขาแท้ๆที่เป็นต้นเหตุให้พลอยต้องหายไป พูเริ่มร้องไห้ออกมาและประสานมือแน่นเพื่อหวังให้พระผู้เป็นเจ้าช่วยคุ้มครองเพื่อนรักของเธอ และตอนนั้นเองที่รินและอินกลับมาด้วยฟืนกองใหญ่พอดี พูรีบวิ่งเข้าไปหาทั้งน้ำตาและเขย่ารินอย่างเอาเป็นเอาตาย
“คุณรินค่ะๆ ฮือๆ ทำยังไงดีๆ คุณพลอยๆ เขา คุณพลอยเขา” เสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวที่พูดไปร้องไห้ไปทำเอารินชักงง จึงค่อยๆปลอบให้พูหยุดร้องไห้และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง หลังจากจับต้นชนปลายได้แล้ว รินก็เข้าไปคว้าคอเสื้อของกัส ก่อนจะส่งคำถามหลายๆคำถามพร้อมทั้งด่าตั้งแต่ตัวเขาเองยันพ่อแม่และต้นตระกูล
“แกทำแบบนี้ได้ไง นี่แกรู้ไหมว่าแกทำให้พลอยต้องหายไป แล้วจะทำยังไงดีกันล่ะทีนี้ แม่ง”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่ ฉันผลักเบาๆเองนะ ฉันไม่รู้ ฉัน” กัสก้มหน้ารับผิด และอินก็เป็นฝ่ายเข้ามาแยกคนทั้งสอง ก่อนจะออกความคิดว่าให้วิ่งไปดูที่ปลายน้ำ เพราะถ้าหากโชคดีอาจเจอพลอยที่กำลังลอยคออยู่ ฝ่ายรินเองเมื่อได้คำตอบก็สบถพรืดเป็นภาษาหยาบๆออกมา ว่าทำไมถึงไม่คิดให้เร็วกว่านี้ พร้อมทั้งด่ากัสและพูว่ามัวมานั่งทำอะไรอยู่ ทุกคนจึงวิ่งตรงไปยังปลายน้ำ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าความจริงข้างหน้าของปลายน้ำแห่งนี้คือน้ำตกและแถมมันยังเป็นน้ำตกที่ทั้งสูงชัน อีกทั้งกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวแรงขนาดนี้ ทุกคนตะลึงงันกันอยู่ชั่วคราว ต่างตกใจ พูดอะไรกันไม่ออก เหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอ พลันสายตาอันแหลมคมของอินก็ไปพบกันเศษเสื้อสีดำติดอยู่ที่กิ่งไม้ใหญ่ที่ยื่นเยื้องออกมา เธอตัดสินใจไปเก็บเศษเสื้อชิ้นนั้นมาให้ทุกคนดู และต่างก็ลงความเห็นกันว่ามันเป็นเศษเสื้อของพลอย และหลักฐานชิ้นนั้นกับทำให้สถานการณ์มันเลวร้ายขึ้นไปอีก เพราะถ้าหากเศษเสื้อชิ้นนี้เป็นของพลอยจริงแล้ว ก็หมายความว่าพลอยพยายามตะเกียกตะกายเกาะกิ่งไม้นี่ไว้ แต่เธอทำไม่สำเร็จและตกลงไปยังน้ำตกข้างล่างนี่ อะไรจะเกิดขึ้นกัน พลอยจะรอดไหม? ทุกคนเหงื่อตกกันถ้วนหน้า ก่อนที่รินหญิงสาวที่มีสติดีที่สุดในกลุ่มจะเป็นฝ่ายตัดสินใจและบอกกับเพื่อนของเธอว่า
“ฉันคิดว่าเราควรจะลงจากที่นี่เพื่อไปปลายทางของน้ำตกข้างล่างนี่นะ” เสียงที่บ่งบอกถึงความเครียดและความตระหนักกับปัญหาอันหนักอึ้งตรงหน้า สายตาคมกริบตวัดไปที่เพื่อนอีกสามคนที่เหลือเพื่อหวังกับคำตอบที่เธอถามไป
“ฉันเห็นด้วย เอาล่ะ ทุกคนทำใจดีๆไว้นะ พลอยต้องปลอดภัย เชื่อฉันสิ” อินพูดเพื่อให้กำลังใจและปลุกใจเพื่อนๆของเธอ เธอดึงมือของพูวิ่งนำไปหลังจากนั้นกัสและรินจึงออกวิ่งตามไป พวกเขาทั้งหมดวิ่งไปถึงที่เดิมที่เคยปักหลักอยู่ภายในเวลาไม่กี่นาที พวกเขาก็พากันยกขบวนและรีบออกวิ่งเพื่อหมายจะลงจากเขาลูกนี้ ก่อนไปพูคว้าผลไม้และกระเป๋าของพลอยไปด้วย สีหน้าของเธอกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จะให้มานั่งยิ้มอยู่ได้ยังไงกัน
“.........อึก..”เสียงได้สติของหญิงสาวดังขึ้น สมองหนักอึ้ง และร่างกายของเธอรู้สึกหนักไปทุกๆส่วน เธอขยับเปลือกตาเบาๆก่อนจะกระพือแพขนตาหนาถี่ขึ้นเรื่อยๆและตอนนี้สายตาก็เริ่มชินกับสภาพแวดล้อมตรงหน้า ความเจ็บเกิดขึ้นที่ศรีษะของเธอทำให้เธอต้องร้องออกมาเบาๆพลางคลำหัวป้อยๆแต่แล้วก็ต้องพบกับเลือดที่ติดมากับมือของเธอด้วย เธอตกใจมากและคิดว่านี่เธอโชคดีขนาดไหนกันที่ยังไม่ตาย เธอฉีกเสื้อกล้ามท่อนล่างของเธออกมาซับเลือดสีแดงสดบนศรีษะ หลังจากนั้นเธอจึงค่อยๆยันตัวเองขึ้นมานั่งได้ แม้ร่างกายจะยังชาและสั่นเทากับความหนาวเหน็บจากการเปียกน้ำมาทั้งตัวแบบนี้ แต่เธอกํยังจะทำเก่งดันทุรังลุกขึ้นยืนและลุกขึ้นเดินอย่างโซเซคล้ายคนเมาก็ไม่ปาน เธอเดินไปเรื่อยๆก็ต้องพบว่าที่นี่เป็นผืนหญ้าที่ยื่นออกมาจากถ้ำแห่งหนึ่ง ขอบคุณสวรรค์ที่ยังช่วยเมตตาประธานผืนหญ้านี้มาให้เธอได้รอดตาย ถ้าหากลองเปลี่ยนมันมาเป็นหินสิ มีหวังเธอได้ไปขอบคุณยมบาลเป็นแน่แท้ เธอเดินไปเรื่อยๆก็ต้องพบกับม่านน้ำตกที่ไหลมาจากข้างบน ถึงแม้มันจะไหลไม่แรงนัก แต่เธอก็ขอเข็ดกับสถานที่เที่ยวนี้ไปอีกนาน และขอสาบานเลยว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับน้ำอีก เธอเดินผ่านมันเข้าไปอย่างช้าๆ และน่าแปลก ทันทีที่เธอหลุดออกมาจากม่านน้ำนั่นร่างกายเธอกลับเปลี่ยนไป บาดแผลที่มีกลับหายเกลี้ยงไปหมด รวมทั้งแผลที่ศรีษะก็หายไปด้วย เลือดก็ไม่มีสักหยด เธองุนงงกับเหตุการณ์ที่กิดขึ้น ก่อนจะคิดได้เลยว่าเธอคงฝันไปแน่ๆหรือไม่ที่นี่ก็คือสวรรค์ดีๆนี่เอง เธอพยายามเข้าข้างตัวเองว่าเธอฝันอยู่จึงลงมือทำร้ายตัวเองโดยการตีและหยิกที่หน้า แต่ก็น่าเสียดายที่มันไม่ใช่ความฝัน ทันทีที่ได้ประจักษ์ว่ามันคือความจริง เธอก็ได้แต่ทรุดตัวลงและปล่อยโฮออกมา พลางบ่นเบาๆว่าเธอตายแล้วใช่ไหม?
“โฮๆๆ ไม่นะชีวิตฉันยังมีอะไรอีกตั้งแยะที่อยากทำ ทำไมต้องมาตายน่าสมเพชแบบนี้ด้วยล่ะ ไม่เอานะ” เธอสั่งน้ำมูกออกมาเป็นช่วงๆก่อนจะพ่นคำโทษทั้งพระเจ้า สวรรค์ ไปยังเจ้ากัส ตัวต้นเหตุที่ผลักเธอลงมาตายแบบนี้ หลังจากทำใจได้แล้วอยู่เป็นชั่วโมง เธอจึงคิดได้ว่าไม่ควรจะมานั่งทำอะไรไร้สาระอยู่ตรงนี้ อย่างน้อยเธอก็ยังได้ขึ้นสวรรค์ มันก็ยังเป็นโชคดีของเธอไม่ใช่หรือ? คิดได้แค่นั้น เธอก็ก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ จนไปเจอกับหินก้อนใหญ่ที่ขวางอยู่ เธอเสมองอย่างสงสัยก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสกับแผ่นหินตรงหน้า แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อมีสัญลักษณ์หรืออักษรรูนโบราณสลักอยู่หรืออย่างไร และก็น่าประหลาดใจยิ่งกว่าเมื่อเธอนั้นอ่านได้ ทั้งๆที่ไม่เคยมีความรู้ด้านนี้มาก่อน
“โอเพราเซซามีรานอเร....ซาโด้?” เธออ่านมันอย่างยากลำบากเพราะความมืดทำให้เธอเห็นมันไม่ค่อยขัดและทันใดนั้นเอง หินที่ว่านั่นก็ขยับจนเกิดเสียงดังสนั่นทำให้พลอยตกใจ เธอจึงขยับตัวหนีไปตั้งหลักข้างหลังและจ้องมองมันอย่างพินิจ
“..นี่มันอะไรกันเนี่ย” พลอยเบิกตากว้างกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น มันคือดินแดนอันสวยงาม มีทุ่งหญ้าเขียวขจีและป่าไม้น้อยใหญ่ อีกทั้งยังมีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ด้วย รุ้งสีสวยพาดผ่านท้องฟ้า มีสัตว์ในนิยายต่างๆมากมายตั้งแต่ยูนิคอร์นไปจนถึงนกฟีนิกซ์อยู่เบื้องหลังก้อนหินนั่น เธอตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน และไม่คิดเลยว่าจะได้มาเห็นในชีวิต ไม่สิ หรือว่านี่เธอตายแล้วจริงๆ แต่แล้วความคิดที่ว่าตายหรือไม่ตายก็ถูกตัดออกไปจากหัวสมอง เมื่อบัดนี้หญิงสาวไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เธอตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไปข้างหน้าอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร ไม่คิดจะไตร่ตรองสักนิดเลยว่ามันมีอันตรายหรือเปล่า? แต่ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ไม่สามารถห้ามเธอได้ เมื่อทัศนียภาพตรงหน้าดึงดูดตาดึงดูดใจจนเธอนั้นห้ามใจตัวเองไม่ไหว และในที่สุดเธอก็เข้ามาอยู่ในดินแดนอีกฝั่งจนได้ แต่ก่อนที่เธอจะได้สตินั้น หินข้างหลังเธอก็ถูกปิดลงซะแล้ว พลอยตัดสินใจเดินต่อและเธอก็ได้พบกับหงส์ตัวหนึ่งที่กำลังหลับอยู่บนผิวน้ำนิ่ง พลอยหลงเสน่ห์กับหงส์ตัวนั้นจึงค่อยๆย่องเข้าไปใกล้ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อได้รับเสียงแควกจากหงส์สาว และยิ่งน่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือหงส์สาวตัวนั้นพูดได้
“คิดจะทำอะไร” หงส์สาวปรายตามองพลอยตั้งแต่หัวจรดเท้า พลางส่งคำถามเค้นคำตอบไปกับพลอย เธอทำได้แต่ตะลึงงันก็แน่ละสิ เกิดมาเพิ่งเคยเห็นหงส์พูดได้นี่นา ของมันแน่อยู่แล้ว
“ข้าถามเจ้าอยู่นะ ว่าไงเจ้ามนุษย์แล้วเข้ามาที่นี่ได้ไง” หงส์สาวเมื่อได้รับการเพิกเฉยและไม่ได้รับคำตอบจากพลอย ก็พาลขึ้นเสียงเขียวกับพลอยอีกครั้ง จนพลอยสะดุ้งและหัวเราะแหะๆให้
“ก็ก็เห็นขนเธอสวยดี ฉันเลยอยากดูเท่านั้นแหละแล้วที่ถามว่าเข้ามาได้ไงก็แบบว่ามันตอบยากนะ ฮ่าๆ” พลอยยังคงยิ้มร่าให้กับหงส์สาวต่อไป เพื่อหวังว่ารอยยิ้มมันยังคงช่วยให้สถานการณ์ตึงเครียดแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะได้
“ไสหัวออกไปซะ มนุษย์ชั้นต่ำ” หงส์สาวว่าก่อนจะใช้ปากเล็มขนของเธอเพื่อทำความสะอาดขนขาวนุ่นที่ตั้งชูช่ออยู่อย่างสวยงาม
“อ้าว ทำไมพูดหมาๆเงี้ย ตัวเองเป็นสัตว์แท้ๆ แล้วอีกอย่างฉันตายแล้วย่ะ” พลอยเริ่มจะมีน้ำโหและเปลี่ยนจากท่ายืนมาเป็นนั่งแทน
“เจ้ายังไม่ตายซะหน่อย” หงส์สาวพูดเสียงเย็นก่อนจะสะบัดปีกและเตรียมกระพือปีกเพื่อจะออกบินอวดหญิงสาวที่ยังคงทำหน้าเอ๋อไม่ค่อยเข้าใจกับคำพูดของเธอนัก
“จริงเหรอ คุณหงส์ นี่ฉันยังไม่ตายจริงๆนะเหรอ ไชโย” พลอยกระโดดโลดเต้นดีใจยกใหญ่ เมื่อเพิ่งจะรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้
“ข้าจะบอกอีกครั้งว่าออกไปจากที่นี่ซะ” หงส์สาวบินวนรอบทะเลสาบหนึ่งรอบก่อนจะร่อนลงมาและใช้ขากระทบกับผืนน้ำข้างล่างและลงจอดอย่างสวยงาม
“อ้าว แล้วทำไมต้องออกไปด้วยล่ะ ที่นี่มันที่ไหนเหรอ คุณหงส์” เธอนั่งลงอีกครั้งพลางกอดเข่า และส่งยิ้มให้กับหงส์สาวที่ดูท่าแล้วหยิ่งจริงๆ
“ข้าชื่อรีกวีน่า เรียกอย่างนี้จะดีกว่านะ” หงส์สาวเริ่มเป็นฝ่ายแนะนำตัวก่อนโดยที่เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของพลอยที่เฝ้าใจจดใจจ่อรออยู่
“โอ๊ะ ฉันชื่อพลอยนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” พลอยยื่นมือไปให้แต่ก็ได้รับกับเสียงสะบัดคอระหงของรีกวีน่า หงส์สาวจอมหยิ่ง แต่นั่นก็ไม่ทำให้พลอยเสียฟอร์มสักเท่าไร เธอชักมือกลับ และยังคงตั้งคำถามถามรีกวีน่าอยู่เรื่อยๆ จนหงส์สาวชักรำคาญจึงบินหนีไป และน่าเสียดายที่พลอยก็ยังไม่ได้คำตอบว่าเธอนั้นอยู่ที่ไหนกันแน่?
“.อ๊า ไปซะแล้ว..ชิ..ทำเป็นดอกพิกุลจะร่วงหรือไงกันยัยหงส์หยิ่งไม่สิยัยรีกวีน่าต่างหาก คิดว่าสวยแล้วฉันจะสนเหรอ เชอะ ฝันไปเหอะ” พลอยทำปากมุบมิบๆ บ่นอยู่คนเดียว จนฝ่ายที่ถูกบ่นถึงกับจามดังฮั๊ดเช้ยขึ้นทันทีหลังจากที่พลอยส่งกระแสจิตไม่ดีมาถึง
“ใครนินทากันล่ะเนี่ย” หงส์สาวถลาบินข้างหน้าอย่างไม่ใส่ใจกับการจามเมื่อครู่เท่าไรนัก หล่อนคิดเพียงแต่ว่าอากาศคงจะหนาวไปก็แค่นั้นเอง
ฝ่ายพลอยที่ตอนนี้เดินตุปัดตุเป๋ไปตามทางที่ตัวเองเดาสุ่มๆไปเรื่อย ตาก็แลมองไอ้ที่พอจะเอามาเป็นยาไส้ให้กับตัวเองได้บ้าง เพราะตอนนี้น้ำย่อยในท้องมันพากันออกมาทักทายกันดังโครกครากๆ คิ้วเรียวขมวดขึ้นบ่งบอกถึงความหงุดหงิดของเธอ เสื้อผ้าที่ดูสกปรกและขาดลุ่ยก็ดูจะไม่ไหวแล้ว หนำซ้ำรองเท้าคู่เก่งที่พ่อบุญธรรมของเธอเพิ่งจะซื้อมาจากอิตาลีก็เพิ่งจะมาขาดเอาตอนนี้ นั่นมันยิ่งทำให้ความโกรธของเธอยิ่งเพิ่มทวีคูณเป็นเท่าตัว เธอหยุดเดินและใช้มือสวยยื่นลงไปถอดรองเท้าและนำมันมาถือไว้แทน มองไปมองมายิ่งคล้ายคนสติไม่เต็มเข้าไปใหญ่ แต่เพราะความเสียดายและความขี้งกเงินของเธอ จึงทำให้พลอยจำยอมต้องรับสภาพแบบนั้นไป พลอยเป็นหญิงสาววัย 24 ปี เป็นลูกบุญธรรมของคู่สามีภรรยาหนึ่งที่มีบุตรไม่ได้ เธอถูกรับมาเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์เด็กแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง ถึงแม้พลอยจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของพวกเขา แต่พลอยก็มีความสุขมาก เพราะพวกเขาให้การเลี้ยงดูและคอยดูแลพลอยมาด้วยความอบอุ่นมาตลอด แม้จะไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆแต่ความอบอุ่นและความรักที่ส่งผ่านมาทำให้พลอยนั้นสัมผัสมันได้มาตลอด พลอยดีใจที่ได้มาใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขา ครอบครัวของเธอนั้นมีฐานะค่อนข้างดี โดยพ่อของเธอถือหุ้นอยู่ในบริษัทใหญ่โตแห่งหนึ่ง และแม่ซึ่งทำงานเป็นพนักงานบัญชีในธนาคาร แต่หลังจากที่มีเธอมาอยู่ในครอบครัว ทำให้แม่ต้องออกจากงานเพื่อมาดูแลเธอให้เต็มที่ พลอยคิดว่าเธอรักคนทั้งคู่มาก ปัจจุบันพลอยกำลังปรึกษาปริญญาโทอยู่มหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งในจังหวัดกรุงเทพฯ โดยวันนี้เธอจะต้องมารวบรวมข้อมูลต่างๆเพื่อใช้ทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งเป็นงานสุดท้ายที่อาจารย์บูชิตมอบให้ไว้ก่อนที่เธอจะจบหลักสูตรการศึกษาในปลายปีนี้ โดยการทำวิทยานิพนธ์นี้จะต้องแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน เพื่อใช้ในการประสานทีมเวิร์คและระดมความคิด โดยหัวข้อที่ทำ จำกัดขอบเขตไว้ว่า เนื้อหาจะต้องเกี่ยวกับธรรมชาติ เธอและเพื่อนๆททั้ง 5 คน จึงตัดสินใจทำเรื่อง “น้ำตก” ซึ่งพลอยเป็นหัวหน้าของทีมและเป็นฝ่ายขอร้องให้อาจารย์บูชิตแนะนำน้ำตกสวยๆให้ ทีแรกอาจารย์บูชิตปฏิเสธอย่าไม่มีเยื่อใย ก็เพราะงานมันท่วมหัวขนาดนี้แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมานำทางให้กับเหล่าลูกศิษย์ที่แต่ละคนก็แสบๆทั้งนั้น แต่เพราะลูกอ้อนของพลอยคยั้นคยอจนอาจารย์บูชิตยอมจำนนและตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจนัก วันนี้เธอก็นัดอาจารย์ให้มาเจอกันที่น้ำตกที่ว่านั่น สาเหตุที่ไม่ได้มาพร้อมกันนั้น เพราะเพื่อนในทีมดันตื่นสาย ทำให้เธอต้องพลอยขอโทษขอโพยอาจารย์ยกใหญ่ อาจารย์บูชิตจึงโทรสั่งให้พลอยมาที่ห้องพักครูและให้เธอเข้าไปหยิบแผนที่ทางไปน้ำตกที่นั่น โดยกำหนดเวลาใหม่ที่ 10 โมง ให้มาเจอกันที่น้ำตก แต่ไม่รู้เธอไปทำเวรทำกรรม ไว้ที่ไหนถึงดันพาเพื่อนตัวเองมาหลงป่าแถมยังพาลจะทะเลาะกันอีก และความซวยยังไม่หมดเท่านี้ เมื่อระหว่างที่เธอหาปลาอยู่ดันโดนเจ้ากัสเพื่อนคู่กัดผลักจนตกลงมาจากน้ำตก อันที่จริงเธอคิดว่าเธอนั้นตายไปแล้ว แต่มันกลับไม่ใช่ เมื่อเธอได้มาพบดินแดนอันน่ามหัศจรรย์นี่ แถมยังได้รับการยืนยันจากหงส์สาวที่เพิ่งเจอเมื่อครู่ว่าเธอนั้นยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เธอคิดทบทวนกับเหตุการณ์วุ่นวายหลายๆอย่างจนเดินไปเจอเข้ากับผลไม้ลูกหนึ่งห้อยพู่อยู่กับต้นไม้หน้าตาประหลาดๆต้นหนึ่ง ที่มีลำต้นเป็นกระบองเพชร มีดอกซากุระผลิออกเต็มต้นและมีใบเมเปิ้ลที่ค่อนข้างกรอบ จะหลุดมิหลุดแหล่ บางใบก็ร่วงหลุดออกมาจากต้น ลงมากองจนเป็นตั้งๆอยู่บนพื้นหญ้า และที่น่าแปลกกว่านั้นคือผลผลิตบนต้นที่ดูน่าประหลาดเพราะผลจะเป็นแอบเปิ้ลก็ไม่ใช่ ส้มก็ไม่เชิง บวกกับสีที่ดูแล้วคล้ายจะเน่า มองดูแล้วไม่น่าพิสมัยซักนิดเดียว
“ว้าว ลาภปากแฮะ” แต่พลอยหาสนใจในรูปลักษณ์น่าประหลาดของมันไม่ เธอตรงดิ่งไปเด็ดผลไม้ลูกนั้นและโยนมันขึ้นลงไปมาก่อนจะจับมันดังหมับ และฉวยมันเข้าปาก แต่ทว่า
“อย่ากินนะ!” เสียงตะโกนโหวกเหวกของหญิงสาววัยรุ่นตัว?หนึ่งวิ่งตรงมาทางเธอ พลอยตกใจจึงทำให้เธอทำผลไม้ลูกนั้นหล่น เธอมองอย่างเสียดายผลไม้ลูกนั้นก่อนจะคิดว่าถ้าหากมีเหตุผลดีไม่พอที่ห้ามไม่ให้กินก็คงต้องมีเฮกันบ้างแล้วล่ะงานนี้ เพราะต้นนี้มันมีอยู่แค่ลูกเดียวนะสิ! แถมตอนนี้มันก็ตกพื้นแล้วกินได้ซะทีนี้กันล่ะ พลันความคิดอันชั่วร้ายจบ เธอก็หันควับไปยืนจังก้าท้าทายกับผู้มาเยือนคนใหม่ คราวนี้เป็นกระต่ายขนปุยสีขาวมีสีชมพูแซมๆนิดหน่อย กระต่ายตัวนี้น่าแปลกก็ตรงที่เธอมีมงกุฏเล็กๆสวมใส่อยู่บนหัว พลอยมองมันอย่างสนใจ ก่อนที่จะตัดความคิดนั้นออก และตะโกนหมายหัวไปกับเจ้ากระต่ายตรงหน้าอย่างท้าทาย
“เฮ้ย เจ้ากระต่ายน้อย ทำไมเจ้าถึงห้ามไม่ให้ฉันกินมันล่ะ” พลอยชี้หน้าตะโกนโหวกเหวกพลางกระทืบเท้าไปมาๆไม่ต่างอะไรกับเด็กสิบขวบ ทั้งๆที่มันเองอายุก็จะเข้า 30 แล้ว ไม่เจียมเสียเลย กระต่ายน้อยถอนหายใจก่อนจะตะโกนตอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“อะไรกันนะเจ้าน่ะ ข้าอุตส่าห์มาช่วยแท้ๆ แต่ดันกลับมาตะโกน ชิชะ น่าจับตัดหัวนัก” เจ้ากระต่ายน้อยชูเท้าขึ้นคล้ายเป็นเชิงว่ากำลังชี้นิ้วอยู่ แต่เพราะนิ้วที่สั้นกุดเท่ากันทุกคู่จึงทำให้ท่าทางนั้นช่างดูน่าตลกขบขัน นั่นไม่แปลกใจเลยที่พลอยระเบิดหัวเราะออกมาจนเว่อร์ และตอนนี้ก็ลงไปนอนชักดิ้นชักงออยู่กับพื้นจนเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกที เจ้ากระต่ายน้อยซึ่งตอนนี้เอือมระอากับคนตรงหน้าก่อนจะรู้ว่าท่าทีของตัวเองนั่นเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้มันต้องลงไปดิ้นอยู่กับพื้นแบบนั้น ทันทีที่ได้รู้ตัวเจ้ากระต่ายน้อยก็เลิกทำท่านั้นและหันมายืนทำหน้าเชิด แต่ติดตรงที่หน้าของเธอมีสีแดงเรื่อๆอยู่ คงเพราะอายล่ะมั้งนะ แต่ทว่าเจ้าตัวดีนั่นก็ยังไม่เลิกหัวเราะ เธอชักจะรำคาญจึงตะโกนด่าออกไปส่งๆ
“เฮ้ย ไม่ต้องหัวเราะเว่อร์นักก็ได้ย่ะ หยุดได้แล้วเจ้านะ” สิ้นเสียงเธอ พลอยก็ตั้งสติและลุกขึ้นมานั่งดีๆแต่ก็ยังมิวายที่จะนั่งขำต่อจนน้ำตาเล็ด เจ้ากระต่ายชักจะไม่พอใจจึงทำท่าจะเดินหนีแต่แล้วพลอยก็รีบลุกขึ้นไปดึงหูยาวสองข้างของมันจนเจ้ากระต่ายน้อยชักดิ้นชักงอและตะโกนด่าทอถึงขั้นบรรพบุรุษของพลอยกันเลยทีเดียว
“นี่ปล่อยข้าลงนะ ข้าเจ็บนะโว๊ย” เจ้ากระต่ายน้อยเตะขาที่อยู่สูงไปมาเพื่อหวังจะให้มันไปโดนคนตรงหน้าบ้าง พลอยอมยิ้มก่อนจะตอบไปว่า
“อ้าว บ้านฉันเคยเลี้ยงกระต่ายนะ วิธีจับกระต่ายนะมันต้องแบบนี้นี่นา หรือไม่ใช่?” เจ้าตัวดียิ้มขำๆก่อนจะส่งคำถามน่าถีบไปให้เจ้ากระต่ายซึ่งตอนนี้ดวงตาลุกเป็นไฟจนแทบอยากจะฆ่าคนตรงหน้าให้ตายนอนกองเป็นศพขึ้นอืดอยู่ตรงนี้
“เจ้าจะบ้าเหรอ ข้าไม่ใช่กระต่ายนี่นา วางข้าลงนะ ข้าเจ็บ” น้ำตาเริ่มเล็ดออกมาจากเบ้าตาคู่สวยของกระต่าย ทำให้พลอยต้องรีบวางเธอลงบนหญ้าอย่างนิ่มนวล กระต่ายน้อยชูมือสองข้างขึ้นมาคลำหูของตัวเองป้อยๆ ก่อนจะส่งสายตาอาฆาตไปให้พลอย จนพลอยต้องกราบงามๆลงอย่างช่วยไม่ได้เพื่อเป็นการขอโทษ
“ดูๆไปแล้ว เจ้าเป็นมนุษย์นี่นา ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย เข้ามาได้ยังไง” คำถามที่ถามว่าเธอเป็นมนุษย์นั้นถูกถามมาอีกเป็นครั้งที่สอง จนพลอยเริ่มเกาหัวแกรกๆ ก่อนที่เธอจะใช้มือขวาทุบมือซ้ายดังโป๊ะ เป็นเชิงเข้าใจว่าที่นี่คงเป็นดินแดนสักแห่งที่ไม่ได้อยู่ในโลกมนุษย์ ทั้งๆที่น่าจะกลัวแต่เจ้าตัวดีกลับส่งสายตาเป็นประกายและลุกขึ้นวิ่งอย่างระริกระรี้ว่าในที่สุดเธอก็ได้มาเหยียบในดินแดนอันน่ามหัศจรรย์เหมือนอย่างที่เธอเคยฝันไว้ในตอนเด็กๆ เจ้ากระต่ายเมื่อเห็นพลอยทำท่าทางไม่สนใจเธอว่ายังมีตัวตนอยู่ จึงเริ่มชักเดือดปุดๆจึงส่งเสียงเรียกพลอยอีกครั้งให้รู้ตัวว่าเธอกำลังรอคำตอบอยู่
“อ๋อๆ ก็ฉันอ่านไอ้ตัวอักษรยึกยือบนก้อนหินนะแล้วมันก็เปิดเข้ามา ฉันถึงเข้ามานี่ได้ไง” พลอยตอบคำถามให้เจ้ากระต่ายน้อยด้วยเสียงตื่นเต้น หลังจากนั้นเธอก็มานั่งลงพลางจ้องเขม็งไปที่สิ่งที่เจ้ากระต่ายสวมใส่อยู่บนหัว พลอยทำท่าจะเข้าไปแตะดูแต่ก็ต้องได้รับความเจ็บจากการตีดังเพียะๆของเจ้ากระต่ายตรงหน้าเป็นของตอบแทน
“นี่เจ้าจะทำอะไรนะ นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะมาจับต้องกันได้ง่ายๆนะ เดี๋ยวสั่งจับตัดหัวซะหรอก” กระต่าย่น้อยยังคงทำท่าอวดดีและคาดโทษให้กับสาวเจ้า พลอยเริ่มชักไม่พอใจเมื่อเห็นว่าเจ้าสัตว์น้อยตรงหน้าขู่เธอเป็นครั้งที่สองอีกแล้วว่าจะจับตัดหัว ตัวเล็กกระจ้อยแค่นี้ จะมีปัญญาตรงไหนมาสั่งจับตัดหัว คิดได้แค่นั้นเธอก็หัวเราะเบาๆ
“นี่เจ้านะคำก็สั่งตัดหัว สองคำก็สั่งตัดหัว ตัวเล็กแค่นี้จะมาทำอะไรฉันได้กัน ฮ่าๆ ขำว่ะ” พลอยไม่ว่าเปล่าแต่ยังใช้มือข้างขวาไปลูบหัวกระต่ายน้อยด้วยความเอ็นดูแต่ก็ได้รับความเจ็บอีกรอบมาเป็นของตอบแทน
“นี่ อย่ามาเหลิงกับข้านะ ขอเตือนไว้ก่อนข้าคือเจ้าหญิงรัชทายาทคนต่อไปของดินแดนแห่งนี้ เจ้าน่ะมันก็แค่มนุษย์ตัวจ้อยที่หลงเข้ามา อย่ามาทำอวดดีกับข้าให้มากนัก หึ” คำพูดอันยโสโอหังนักช่างไม่เข้ากับรูปลักษณ์ของมันเลย มันยังไม่พูดเปล่าแถมยังยืดตัวเต๊ะท่ากอดอกเป็นเชิงว่า “ข้าใหญ่ อย่าแหยม”
“พรูดดด ด ฮ่าๆ เจ้าเนี่ยนะเป็นเจ้าหญิง งั้นฉันก็คงเป็นราชินีแล้วล่ะ ก๊ากๆๆฮ่าๆ” พลอยที่ไม่เชื่อกับคำขู่ของเจ้ากระต่ายน้อยสักเท่าไร จึงปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง นั่นยิ่งทำให้เจ้ากระต่ายตรงหน้ายิ่งยัวะเข้าไปอีก
“นี่ถ้าขืนเจ้ายังขำอีก ข้าจะกลับล่ะ” มันไม่พูดเปล่าแต่ยังทำท่าจะเดินหนีออกจากคนบ้าตรงหน้า แต่พลอยก็วิ่งเข้าไปขวางหน้าเจ้ากระต่ายน้อยไว้ได้ทัน
“อะไรล่ะ ทีแบบนี้นะจะมาห้าม ฝันไปเถอะ เจ้านะห้ามข้าไม่ได้หรอก” กระต่ายน้อยชักสีหน้างอนให้กับพลอย และดูท่าทีว่ามันจะไม่ยอมยกโทษให้พลอยอย่างง่ายๆกับสิ่งที่พลอยเพิ่งจะทำลงไป หน้าของพลอยเริ่มหม่นลงเพราะตัวเองเพิ่งจะมาสำนึกผิดเอาตอนนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ก็ในเมื่อทำไปแล้วจะย้อนเวลาไปก็คงเป็นไปไม่ได้ ก็คงได้แต่กล่าวคำขอโทษไปซึ่งไม่รู้ว่าจะได้รับการอภัยโทษจากเจ้าหญิงองค์นี้หรือเปล่า
“อ่า..คือฉันขอโทษนะ เจ้าหญิง ข้าจะไม่หัวเราะแล้ว” พลอยก้มหน้ารับผิดอย่างจำยอม นั่นจึงทำให้สีหน้าของเจ้าหญิงเริ่มดีขึ้น และหันมายกโทษและพูดกับพลอยอย่างเป็นมิตร
“เอาล่ะ ไม่เป็นไรข้าจะลืมมันไปซะ เจ้านะเป็นมนุษย์ใช่ไหม แล้วชื่ออะไรล่ะ” กระต่ายน้อยยิงคำถามใส่พลอยที่ตอนนี้เริ่มวางตัวไม่ทันเพราะคนตรงหน้านี่เป็นเจ้าหญิงนี่นา คำราชาศัพท์เธอเองใช่จะรู้มากซะที่ไหน อีกอย่างวิชาภาษาไทยนี่แหละที่มักจะฉุดเกรดของเธอให้ตกทุกที
“อะเอ่อหม่อมฉันขอประทานอภัยโทษเพค่ะองค์หญิง” คำพูดตะกุกตะกักบวกกับเสียงสั่นๆของพลอยทำให้คราวนี้เจ้ากระต่ายน้อยกับเป็นฝ่ายหัวเราะออกมากับความเซ่อซ่าของพลอย แล้วไอ้ท่าทีเก่งๆเมื่อกี้มันหายไปไหนหมด คิดแล้วก็อดขำไม่ได้
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องเป็นพิธีการกับข้ามากนักหรอก ใช้คำธรรมดาเถอะข้าไม่ถือหรอกนะ” ทันทีที่เจ้าหญิงตรงหน้าพูดให้พลอยสบายใจ เจ้าตัวแสบก็กลายสภาพเป็นปกติและพูดตามสบายอย่างที่เจ้าหญิงนั้นว่าจริงๆ สบายจนเหลิงเลยก็ว่าได้
“ฮ่าๆ ถ้างั้นก็ดิฉันชื่อ พลอยนะ เป็นมนุษย์อย่างที่เจ๊เข้าใจนะแหละ อ่อ แล้วที่เจ๊ว่าเมื่อกี้ที่ว่าเจ๊ไม่ใช่กระต่ายนี้มันหมายความว่าไงเหรอ งงจัง” เจ้ากระต่ายน้อยถอนหายใจมาหนึ่งเฮือกกับคำพูดที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของพลอย แต่เธอก็ไม่สนใจและตัดสินใจปล่อยวางมันซะแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง
“ก็อย่างที่บอกแหละฉันไม่ใช่กระต่าย อันที่จริงฉันเป็นเทพซึ่งก็มีร่างกายเหมือนพวกเจ้านะแหละ แต่ผิดกันตรงที่ฉันมีอิทธิฤทธิ์และมีเวทมนต์ก็แค่นั้น” ทันทีที่ได้คำตอบพลอยก็ยิ่งงงเข้าไปกันใหญ่
“อ้าว แล้วทำไมเธอถึงได้กลายมาเป็นกระต่ายล่ะ แล้วทำไมไม่กลายร่างเป็นเทพอะไรนั่น” น้ำเสียงของพลอยจริงจังจนเจ้ากระต่ายน้อยรู้สึกว่าพลอยนั้นดูสนใจกับเรื่องที่เธอเล่ามาก
“ก็นะ ฉันกับน้องๆอีก 3 คนที่เหลือต้องคำสาปนะ” สีหน้าของมันนั้นหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด พลอยเห็นดังนั้นจึงคิดได้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่
“ต้องคำสาปเหรอ ทำไมล่ะ?” พลอยยังคงสนใจและอยากรู้เข้าไปใหญ่ ซึ่งเจ้ากระต่ายน้อยเองก็ตอบคำถามอย่างไม่ขัดเจตนา
“ก็ได้ เมื่อเจ้าอยากรู้ขนาดนั้น ข้าจะเล่าให้ฟัง” เจ้ากระต่ายน้อยทำท่าพึงระลึกไปถึงอดีตและเดินอาดๆก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ จนพลอยนึกหมั่นไส้กับท่าทางที่คล้ายนางงามเข้าไปใหญ่
“ในอดีตดินแดนแห่งนี้ถูกขนานนามว่า ดินแดน 5 ฤดู ซึ่งแต่ละปีของดินแดนจะถูกผลัดป่าเปลี่ยนเป็นฤดูร้อน ฝน ใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วงและหนาว เวียนกันไปแบบนี้ไปเรื่อยๆ ทุกอย่างสงบสุขมาตลอด แต่เรื่องก็มาเกิดเมื่อมีจอมมารตนหนึ่งแฝงกายเข้ามาอยู่ในดินแดนแห่งนี้ และมันก็ช่วงชิงทำลายทุกอย่าง อีกทั้งยังลักพาตัวน้องสาวของพวกเราไปด้วย และนอกจากนี้นะเวทมนต์ดำของมันร้ายแรงจนพวกเราต้านทานมันไม่อยู่ทำให้พวกเราต้องมาตกสภาพเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์แบบนี้” เสียงของเจ้ากระต่ายน้อยตะโกนดูน่าเกรงขาม จนพลอยชักหวั่นๆและเริ่มกลัวเป็นทำนองว่า ยัยนี่มันเป็นเจ้าหญิงจริงๆแฮะ แต่คำพูดหนึ่งที่ดันไปสะดุดต่อมความสงสัยของพลอย ครึ่งคนครึ่งสัตว์? หมายความว่ายังไงกัน ความสงสัยนั้นทวีคูณ จนสาวเจ้าต้องถามออกไปด้วยความอยากรู้ไปซะทุกเรื่อง
“นี่ๆเจ๊แล้วที่บอกว่าครึ่งคนครึ่งสัตว์หมายความว่ายังไงกันล่ะ” คำถามส่งเดชหันไปขัดหูเจ้าหญิงที่กำลังได้อารมณ์กับการเล่าเรื่องอันน่าเศร้าของตนเอง ก่อนจะตอบออกไปอย่างหน่ายๆ
“พลันอาทิตย์ตกเจ้าก็จะรู้ทุกอย่างเองแหละ พลอย” สิ้นสุรเสียงอันหวาน พระอาทิตย์ก็เริ่มคล้อยต่ำจากสีส้มรำเรืองแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีม่วงและเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มในที่สุด
“ว้า มืดแล้วเหรอเนี่ย ข้าวก็ยังไม่ได้กินแล้วฉันจะไป..” พลอยยังพูดไม่จบก็ต้องหันไปตกใจกับสิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเมื่อบัดนี้ เจ้ากระต่ายน้อยตรงหน้ามีแสงส่องประกายออกจากตัวก่อนจะแปรเปลี่ยนร่างกายเป็นหญิงสาวงดงามราวเทพียืนอยู่ตรงหน้า ผมสีแดงยาวสะบัดพลิ้วไหวกระทบกับสายลม กลิ่นหอมละมุนคล้ายดอกไม้โชยมาต้องจมูกพลอยจนเธอรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปหมด ดวงเนตรสีแดงเพลิงกระพริบช้าๆ จมูกโด่งคมสันรับกับใบหน้างามๆได้เป็นอย่างดี กลีบปากสีกุหลาบมันวาวต้องประกายกับแสงจันทร์นวล พลอยตกตะลึงกับคนตรงหน้าและเริ่มหลงใหลในตัวเธออย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่พลอยจะเคลิ้มหลับไปนั้น เจ้าหญิงตรงหน้าก็เรียกพลอยให้ได้สติสักที
“นี่เจ้า อย่าเคลิ้มกับความงามข้ามากนักเลย เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ” เจ้าหญิงเข้าไปเขย่าร่างของพลอยเพื่อให้หายจากอาการนั้น พลอยสั่นหัวก่อนจะมองตาปริบๆไปยังเจ้าหญิงอย่างไม่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนาตรงไหนก่อนดี
“เอาล่ะ คุยกันมาตั้งนานแล้วข้าชื่อซารีฮานน่าเป็นเจ้าหญิงองค์โตสุดในบรรดาพี่น้องและเป็นว่าที่รัชทายาทสืบทอดองค์ต่อไปในดินแดนนี้” เจ้าหญิงซารีฮานน่าย่อตัวให้อย่างงามๆจนพลอยต้องลุกขึ้นและก้มหัวให้อย่างนอบน้อมเป็นมารยาทเช่นกัน
“เจ้าบอกว่าเจ้าหิวใช่ไหม ตามข้ามาสิพลอย” เจ้าหญิงซารีฮานน่าเดินนำพลอยไป พลอยเองก็ไม่มีท่าทีว่าจะไปปฏิเสธเธอลุกขึ้นปัดก้นที่เลอะดินก่อนจะคว้ารองเท้าคู่โปรดและวิ่งตามไป
ฝ่ายเพื่อนๆของพลอยนั้นที่ตอนนี้กำลังตะโกนร้องเรียกพลอยอย่างบ้าคลั่ง จนในที่สุดทุกคนก็ต้องยอมแพ้เพราะตะโกนและออกวิ่งตามหากันมาหลายๆชั่วโมง รวมทั้งยังไม่มีอะไรตกถึงท้องจึงทำให้ทุกคนเริ่มเหนื่อยและท้อ เสียงตะโกนจากดังๆในตอนแรกกลายเป็นเริ่มเอื่อยลงๆและเริ่มเบาลงจนเงียบเสียงลงในที่สุด ทุกคนมารวมตัวที่กองไฟจากฝีมือของพูเป็นคนก่อขึ้น ก่อนจะช่วยกันระดมความคิดเห็น พลันเสียงน้ำย่อยของแต่ละคนก็ดังกันให้โครกครากๆ ทุกคนจึงขอยุติบทสนทนาอันแสนเครียดไว้แค่นั้น และปรึกษาถึงของกินที่จะต้องให้มันลงท้องซะบ้าง แต่ทว่ามืดป่านนี้แล้วจะออกไปหาอะไรกินกันมันก็ใช่ที่ เดี๋ยวก็ได้เจอสัตว์ร้ายก็ยิ่งซวยไปกันใหญ่ รินโยนเศษไม้เข้ากองไฟจนมันดังปะทุเปรี๊ยะๆ เสียงท้องก็ร้องแข่งขันกันยิ่งนัก จนกัสรู้สึกเริ่มหน้าซีดและอยากจะเป็นลมขึ้นมา เมื่ออินได้ยินดังนั้นก็เหลืออดและตะโกนด่าไปว่าเป็นผู้ชายทั้งแท่งซะเปล่า ไม่มีน้ำอดน้ำทนเลย และในตอนนั้นเองพูก็คิดอะไรออก และหันไปขอโทษกับเพื่อนๆว่าตนนั้นเก็บกล้วยและผลไม้ที่กัสเอามาให้ไว้ในกระเป๋าแต่ดันลืมเอาออกมา จนทุกคนโวยวายกันใหญ่ถึงความเบ๊อะของพู แต่ทุกคนก็ต้องขอบใจกับอาหารที่พอจะช่วยปะทังชีวิตของพวกเขาให้รอดพ้นคืนนี้ไปได้ หลังจากอาหารมื้อเล็กผ่านไปเรียบร้อยแล้ว แต่อาหารแค่นี้ก็คงจะไม่ช่วยให้คนทั้งหมดอิ่มท้องได้ พูเริ่มร้องไห้และคร่ำครวญถึงพลอย ว่าป่านนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง โดยมีอินนั่งปลอบใจอยู่ข้างๆ และพูดเป็นทำนองคนมองโลกในแง่ดีไปว่า สาวแกร่งอย่างพลอยคงปลอดภัยแน่ๆ ถึงแม้ปากจะพูดไปแบบนั้นแต่เธอเองก็อดคิดมากไม่ได้ รินเองเมื่อเห็นเพื่อนทุกคนทำใจไม่ดีก็เลยตัดประเด็นและบอกให้ทุกคนเข้านอนเพื่อที่พรุ่งนี้จะได้มีแรงและกำลังไปช่วยกันตามหาพลอยให้เจอเสียที ทุกคนเห็นด้วยกับความคิดของริน ก่อนจะพากันเอนตัวนอนกับกระเป๋าสะพายของแต่ละคนและปิดเปลือกตาไปในที่สุด ร่างกายที่อ่อนเปรี๊ยะและเหนื่อยล้าจากการเดินและวิ่งมาทั้งวัน ยิ่งทำให้พวกเขาเข้าสู่นิทรากันเร็วยิ่งกว่าเดิม ไม่นานเสียงกรนของกัสก็เริ่มดังขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ใครตื่นขึ้นมารำคาญกับเสียงนั่น เพราะตอนนี้ทุกคนก็ได้เข้าสู่ห้วงนิทรากันไปเรียบร้อยแล้ว พูครางถึงพลอยเบาๆส่วนอินละเมอออกมาเป็นท่าคาราเต้ มีแค่ รินเท่านั้นที่นอนอย่างสงบเสงี่ยมไม่วุ่นวายอะไร แสงดาวระยิบระยับเปล่งแสงพราวอยู่บนฟากฟ้า เสียงนกฮูกร้องอยู่เป็นช่วงๆ ลมแรงๆพัดไหวๆจนทำให้อากาศรู้สึกสบายขึ้น ทุกคนนอนกันอย่างสบายใจ โดยไม่รู้เลยว่าพลอยไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว หากแต่ว่าพลอยได้ไปผจญอยู่ ณ ดินแดนอันน่ามหัศจรรย์แห่งหนี่ง ดินแดนที่พวกเขาเองก็คงยากที่จะเชื่อ ดินแดนที่ไม่มีมนุษย์ผู้ใดเคยได้มีโอกาสเข้าไป และเพราะอะไรพลอยถึงเป็นคนเดียวที่เข้าไปได้กันล่ะ
“นี่ๆที่บอกว่ามีอาหารนะจริงหรือเปล่านท่านเจ้าหญิงซาฟารีน่า” เสียงเรียกชื่อผิดๆดังออกมาจากคนบ๊องๆที่มันน่าจับมาเขกหัวสักทีสองที ซารีฮานน่าถอนหายใจก่อนจะตวาดเข้าให้กับพลอย
“ซารีฮานน่าต่างหาก” เจ้าหญิงยังคงเดินไปต่ออย่างรีบร้อนและมีพลอยที่วิ่งตามมาติดๆ
“อ่อ ขอโทษทีเออ แล้วที่ถามอ่ะ มีไหมอ่ะ” หญิงสาวยังคงเค้นถามหาถึงของกิน จนเจ้าหญิงรัชทายาทชักรำคาญจึงตอบส่งๆไปว่ามีจริงแท้แน่นอน และนั่นก็ทำให้พลอยถึงกับยิ้มบานกับคำตอบที่ได้
“ตะกละจริงๆนะเจ้านะ อ่อ เดี๋ยวถ้าไปถึงแล้วข้าจะให้เจ้าเปลี่ยนชุดสักหน่อย ข้าทนดูกับสารรูปของเจ้าไม่ไหวแล้วล่ะตอนนี้ ปวดกบาลจริงๆ” เจ้าหญิงหันไปมองพลอยที่ตอนนี้ดูไม่ได้เลยสักนิด ก่อนจะส่ายหัวเบาๆและเดินไปข้างหน้าต่อ
“ช่างฉันเหอะ อ่อ แล้วทำไมท่านไม่ลอยล่ะ เห็นบอกว่าเป็นเทพอะไรไม่ใช่เหรอ” พลอยยังคงจุดชนวนคำถามต่อไปไม่เลิก และไม่สนใจเลยว่าคนที่ถูกถามนั้นจะรู้สึกรำคาญ เพราะถูกตั้งคำถามมาตลอดตั้งแต่เดินมานี่
“ก็เพราะเจ้าเป็นมนุษย์และเดินอืดอาดขนาดนี้ ขืนข้าลอยเจ้าก็เดินตามไม่ทันกันนะสิ มีอะไรจะถามอีกไหม ถ้าไม่ก็ช่วยสงบปากสงบคำหน่อย ดินแดนที่จะไปนี่มันศักดิ์สิทธิ์มาก เจ้าช่วยรักษาความสงบไว้หน่อยก็ดีนะ พลอย” สุรเสียงแข็งกร้าวที่บอกถึงความจริงจังของคำพูด ทำให้ปากของพลอยหุบลงทันที เพราะเธอคิดจะตั้งคำถามอีกแล้วนะสิ
“....” พลอยไม่พูดอะไรจึงได้แต่เดินตามเจ้าหญิงซารีฮานน่าไปและในที่สุดก็ไปพบกับป่าแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ชนิดตั้งอยู่ เธอเห็นเจ้าหญิงซารีฮานน่าคว้าอะไรบางอย่างจากมงกุฏ พลอยเพ่งสายตาและพยายามมองไปเพื่อให้เห็นสิ่งที่ว่านั่นมันคือ แร่หินสีแดงเดือดที่ติดอยู่บนมงกุฏของเจ้าหญิงนั่นเอง ซารีฮานน่าใช้มันเข้าไปยื่นกับอะไรบางอย่างที่หน้าประตูทางเข้า พลอยคิดว่าคงจะคล้ายๆกับเครื่องสแกนในโลกมนุษย์ ทันใดนั้นประตูก็เหนี่ยวออกและเธอก็ต้องรีบตามเจ้าหญิงซารีฮานน่าเข้าไปก่อนที่ประตูจะปิดลง
“ว้าว” เสียงของพลอยดังออกมาอย่างลืมตัวเมื่อเธอเข้ามาพบกับบุคคลปริศนาอีก 4 คน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นสาวงามที่ยากจะบรรยายได้ เธอคิดว่าคงจะเป็นน้องสาวที่เหลือของซารีฮานน่านั่นเอง
“พี่ค่ะพาใครมาด้วยเหรอ?” เสียงหวานเอ่ยออกมาจากปากของสาวผมสีเขียว พลอยคิดว่าเจ้าหญิงองค์นี้คงจะเป็นเทพประจำฤดูใบไม้ผลิ เพราะเครื่องแต่งองค์ทรงเครื่องและสีของชุดนั้นมีแต่สีเขียวเป็นโทนหลักซะเป็นส่วนใหญ่ พลอยกระพริบตาปริบๆเมื่อเจ้าหญิงซารีฮานน่ากวักมือเรียกพลอยให้เข้าไปร่วมโต๊ะด้วย ซึ่งพลอยก็ไม่ขัดศรัทธาและเดินเข้าไปอย่างไม่เกรงใคร จนในบรรดาเจ้าหญิงองค์หนึ่งพูดเสียดสีกับกริยาของพลอยเข้า ทำให้พลอยรู้ทันทีว่ายัยเจ้าหญิงนี่เป็นใคร
“หึ.พามนุษย์ที่ต่ำทั้งกริยาและมารยาทแบบนี้มาด้วยทำไม” สิ้นเสียงพลอยก็หันควับไปประจันหน้าด้วย ใช่เลย ยัยรีกวีน่านั่นเอง ทั้งหน้าตา สีผม ท่าทาง สีหน้าเย็นเป็นน้ำแข็งแบบนี้คงไม่พ้นเจ้าหงส์งามตัวนั้น และก็คงไม่พ้นด้วยที่เธอนั้นเป็นเทพีแห่งฤดูหนาวอย่างแน่นอน ไม่ต้องไปหาหมอลักษณ์ฟันธงก็ยังได้ เพราะเธอนี่แหละ ฟันเอง ว่าต้องใช่แน่ๆ
“หึ ที่แท้เธอก็เป็นเจ้าหงส์งามตัวนั้นเองสินะ ไม่นึกว่าจะเป็นเจ้าหญิงด้วยแฮะ” พลอยปะทะคารมเข้าให้กับเจ้าหญิงองค์สุดท้อง ซึ่งเจ้าหญิงรีกวีน่าปราดสายตามองมาทางพลอยอย่างชั่งใจ ก่อนจะส่ายหัวด้วยความไม่สนใจกับถ้อยคำนั้น และหันไปรับประทานอาหารต่อ โดยมีพี่ๆของเธอมองอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่าทั้งสองคนเคยไปเจอกันมาจากที่ไหน แล้วพลอยก็เข้าไปนั่งร่วมโต๊ะและรีบสวาปามอาหารตรงหน้าอย่างไม่รักษามารยาทจนซารีฮานน่าทำหน้าเอือมระอา หลังจากที่พลอยฟาดอาหารบนโต๊ะตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว ซารีฮานน่าก็เริ่มบทสนทนาและแนะนำตัวพลอยให้น้องๆทุกคนฟัง รวมทั้งแนะนำน้องๆของเธอให้พลอยรู้จักด้วย
“เอาล่ะนะ น้องๆทั้งหลายพี่ขอแนะนำนี่คือมนุษย์จากโลกชื่อ พลอย” ซารีฮานน่าผายมือไปทางพลอยและน้องสาวทุกคนก็กล่าวคำทักทายสวัสดียกเว้นแค่ รีกวีน่า จนซารีฮานน่าต้องไปตวาดเสียงใส่และบังคับให้รีกวีน่าหยุดความยโสโอหังตรงนั้นและหันมาทักทายพลอย
“หวัดดี...” น้ำเสียงที่บอกก็รู้เลยว่ารีกวีน่านั้นทำแบบไม่เต็มใจ ซึ่งพลอยก็ไม่ได้ติดใจคาดโทษอะไรนัก เพราะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าหญิงองค์นี้ยโสแค่ไหน จากนั้นซารีฮานน่าก็เริ่มแนะนำตัวเองและน้องๆที่เหลือ
“เอาล่ะ เริ่มจากฉันนะ อย่างที่เธอก็รู้ดี ฉันชื่อซารีฮานน่าเป็นพี่ใหญ่ในดินแดนนี้และเป็นว่าที่รัชทายาทด้วย ฉันเป็นเจ้าหญิงประจำฤดูร้อน และแน่นอนที่อารมณ์ของฉันนั้นร้อนไปด้วย ถ้าฉันดูรุนแรงไปบ้างก็ขอโทษด้วยละกันนะ พลอย” ซารีฮานน่ายิ้มให้กับพลอย ซึ่งพลอยก็ยิ้มกลับ และต่อมาก็มาถึงการแนะนำตัวของเจ้าหญิงฤดูฝน
“สวัสดีจ้ะฉันชื่อวาทอรี่เป็นพี่คนที่สอง ฉันเป็นเทพีประจำฤดูฝน รักสงบ ไม่ชอบการทะเลาะเบาะแว้ง ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะจ้ะ พลอย” วาทอรี่ยิ้มให้พลอยอย่างหวานเยิ้ม จนพลอยรู้สึกเขินขึ้นมานิดนึงและพลางคิดว่าเจ้าหญิงองค์นี้คล้ายคลึงกับพูเพื่อนมารยาทงามของเธอ ต่อมาก็มาถึงการแนะนำตัวของเจ้าหญิงองค์ที่ 3
“อ่า หวัดดีนะ ฉันชื่อเออร์ตี้เป็นพี่คนที่ 3 แล้วก็เป็นเจ้าหญิงประจำฤดูใบไม้ผลิ ดูจากผมและเครื่องแต่งกายของฉันก็ได้ว่ามีแต่สีเขียวนะ ฮ่าๆ” เออร์ตี้หัวเราะเบาๆและยื่นมือไปจับกับพลอย หลังจากนั้นก็ถึงคิวแนะนำตัวของรีกวีน่า ซึ่งพลอยทำหน้าไม่อยากจะรู้จักเลยสักนิดเดียว
“ฉัน..รีกวีน่า ของที่ชอบไม่มีสักอย่าง ส่วนของที่เกลียดก็อย่างเช่น เธอ..ยังไงล่ะ” รีกวีน่าพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจความรู้สึกของผู้ฟังสักนิด ถ้อยคำที่เปล่งออกมาอาจจะรุนแรงรวมทั้งสีหน้าที่เฉยชานั้น จะทำให้ซารีฮานน่าเริ่มไม่พอใจ เจ้าหญิงผู้พี่เตรียมท่าจะสั่งสอนแต่พลอยกลับเป็นฝ่ายพูดปัดๆไปเป็นเชิงยกโทษให้
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันไม่ถือหรอก ว่าแต่เจ้าหญิงฤดูใบไม้ร่วงไปไหนซะล่ะ” นิสัยมันดีทุกอย่างยกเว้นก็ไอ้ตรงความขี้สงสัยที่มันจะถามไม่หยุดและแถมถามอย่างเถรตรงเสียด้วย รีกวีน่าสะบัดกระโปรงดังพรึ่บและขอตัวเดินออกจากที่โต๊ะไปนั่งอยู่คนเดียวอีกด้านหนึ่งในมุมมืด ซึ่งพลอยคิดว่ามันคือที่หลับที่นอนของแต่ละคน พลอยหันความสนใจไปทางรีกวีน่าแค่แปบเดียวก่อนจะหันมาหาซารีฮานน่าเพื่อขอคำตอบ
“จำไม่ได้เหรอที่ข้าบอกว่าน้องสาวของพวกเราถูกจอมมารตนนั้นลักพาตัวไป” ซารีฮานน่าเริ่มย้อนความให้ พลอยผู้ที่ความจำปลาทองดีดนิ้วดังเป๊าะ แล้วร้องอ๋อ ว่าพอจะจำได้บ้างแล้ว ซารีฮานน่าทำเสียงจิ๊จ๊ะให้พลอยเป็นทำนองว่า”ไม่สนใจกับเรื่องที่ข้าเล่างั้นหรือ?” แต่พลอยก็ทำเป็นเกาคางและพยายามหลบสายตาของซารีฮานน่า
“ไม่จริง! ยัยนั่นนะมันหนีเอาตัวรอดจากป่านี่ เพื่อจะได้ไม่ต้องไปสู้รบกับเจ้าปีศาจนั่นไง มันเลยเข้าไปเป็นพวกด้วยเสียเลย” เสียงขัดของรีกวีน่าดังขึ้นทำให้ทุกคนเบนสายตาไปทางเธอทันที
“รีกวีน่านี่เจ้าพูดอะไรน่ะ?” ซารีฮานน่าไม่พอใจกับคำพูดของเจ้าหญิงองค์เล็ก จึงลุกขึ้นและตบโต๊ะดังปัง ทำเอาทุกคนตกใจและนิ่งไปชั่วขณะ เพื่อรอฟังคำอธิบายกับคำพูดของรีกวีน่า
“ก็ยัยทรยศนั่นมันหนีไปด้วยความสมัครใจของมันนะสิ เมื่อไรเธอจะเลิกโกหกพวกเราสักที จะไปปกป้องยัยคนแบบนั้นมันเพื่ออะไรกัน” สิ้นเสียง รีกวีน่าก็ตั้งหน้าเดินเข้ามาพลางหอบแฮ่กๆเพราะเหนื่อยกับคำพูดที่ไม่รู้ว่าจะตะโกนให้มันเจ็บคอทำไม
“น้องหญิงพูดอะไรน่ะ เราก็เห็นกับตานี่ว่าเรมีย่าของพวกเราถูกมันจับตัวไปจริงๆ” เทพแห่งฤดูฝนวาทอรี่กล่าวเสียงหวานๆออกไปเพื่อให้สถานการณ์มันดีขึ้นกว่านี้
“หุบปากไปเลยวาทอรี่” อย่ามาทำเป็นสั่งสอนฉันหึ เห็นว่าฉันเป็นน้องคนเล็กแล้วจะข่มเหงฉันหรือ ไม่มีทางหรอก น้ำเสียงของรีกวีน่าบ่งบอกได้เลยว่าเธอจะไม่มีทางสงบง่ายๆและชื่อที่เรียกห้วนๆที่ใช้เรียกชื่อพี่สาวแท้ๆของตัวเอง กลับไม่มีคำว่า “พี่” นำหน้าก็หมายความว่าเธอไม่เคยเคารพใครสักคนในจำนวนพี่สาวของเธอ
“มันจะมากไปแล้วนะ รีกวีน่า นี่เจ้ากล้าให้ร้ายพี่สาวร่วมสายเลือดได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ?” เออร์ตี้ที่ลุกขึ้นยืนและทำหน้าไม่พอใจ ส่วนพลอยก็ไม่รู้จะทำยังไงจึงได้แต่นั่งดูและทำสีหน้าหวาดๆกับอำนาจของคนทั้งหมด
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้เลยนะรีกวีน่า แล้วเราจะยกโทษให้” ซารีฮานน่าพูดเสียงเย็นๆหลังจากเงียบมานาน จนพลอยรู้สึกว่าขนบนแขนเธอลุกขึ้นตั้งเป็นเกรียว
“แล้วถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ ซารีฮานน่า เจ้าจะทำอะไรข้า” รีกวีน่าใช้สายตาเพ่งพินิจไปทางพี่สาวของเธอก่อนจะแสยะยิ้มที่มุมปาก
“นี่เจ้ากล้าท้าข้างั้นหรือ” ซารีฮานน่าเริ่มใช้น้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้น ความโกรธของเธอพุ่งขึ้นสูงจนเกิดประกายไฟอันร้อนแรงขึ้นรอบตัวเธอ
“หึ..ได้ซี่ เจ้าอย่าลืมนะว่าไฟของเจ้านะแพ้ทางน้ำข้านะ ถึงเจ้าจะเป็นพี่ก็อย่านึกว่าข้าน่ะมันอ่อนแอนัก” รีกวีน่าหรี่ตาเล็กลงและตามร่างกายของเธอก็เริ่มมีเกล็ดน้ำแข็งและน้ำม้วนพันอยู่โดยรอบ พลอยเห็นท่าชักไม่ดีจึงกระโดดไปขวางคั่นกลางเอาไว้ ทำให้ซารีฮานน่าชะงักไปชั่วครู่และพลางทำหน้าสงสัยว่ามันจะทำอะไร?
“เฮ้ยๆพวกท่านเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอแล้วไหงถึงมาทะเลาะกันได้เล่า” พลอยพูดด้วยน้ำเสียงที่อึดอัดเล็กน้อย ก็แหงล่ะอย่างเธอเป็นแค่มนุษย์ตัวกระจ้อยร้อยจะมามีปัญญามาห้ามทัพเทพีอะไรนี่ไหว
“อย่ายุ่งนี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า พลอย ถอยไปซะ” ว่าแล้วเชียว ว่าต้องพูดแบบนี้อย่างเธอนี่มันก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาจริงๆนั่นแหละ แต่เธอก็ยังไม่หยุดความพยายามและยังคงเกลี้ยกล่อมให้คนทั้งคู่สงบศึกลง
“โธ่เอ๊ย พวกท่านนะเป็นถึงเทพที่ทรงอิทฤทธิ์ ฉันไม่นึกเลยว่าพวกท่านจะมาทะเลาะกันเองก็เป็นด้วยแฮะ เหมือนมนุษย์ต่ำๆอย่างพวกฉันไม่มีผิด” พลอยแบมือทั้งสองข้างออกข้างลำตัวพลางส่ายหัวไปมา
“ปากดีนักนะเจ้าสัตว์โลก ปากแบบนี้มันน่าสาปไม่ให้พูดได้อีก” รีกวีน่าเงื้อมือก่อนจะชี้นิ้วตรงมาที่พลอย ทำเอาเธอสะดุ้งและเตรียมจะหาที่หลบ แต่เพราะมีเออร์ตี้เข้ามาขวางไว้ ซึ่งทำเอาพลอยถอนหายใจอย่างโล่งอก
“หยุดความหยิ่งยโสของเจ้าสักทีเถอะ รีกวีน่า พลอยพูดถูกเราไม่ควรจะมาทะเลาะกันเหมือนสัตว์ก็ไม่ปานแบบนี้ อีกอย่างเป็นพี่น้องกันก็ต้องรักกันสิ” คำพูดนั้นทำให้รีกวีน่าชักนิ้วลง ส่วนซารีฮานน่าถึงกับละอายใจจึงหยุดใช้เปลวเพลิงทันที
“แต่ถึงยังไงพวกเจ้าก็บังคับให้ข้าเชื่อใจยัยนั่นไม่ได้หรอก ไม่มีทาง” ความเย่อหยิ่งของรีกวีน่ายังไม่หมดทำให้พลอยเริ่มกัดฟันกรอดๆ จึงเข้าจู่โจมใส่รีกวีน่าอย่างรวดเร็ว จนน่าตกใจ
“เอาแบบนี้ไหมล่ะท่าน ฉันจะพิสูจน์ให้ท่านดูเองว่า พี่สาวของท่านนะถูกเจ้าปีศาจที่ว่านั่นมันลักพาตัวไปจริงๆ” รีกวีน่าดูตกใจและทึ่งกับความรวดเร็วปานสายฟ้าของพลอย แต่ก็น่าขำกับสิ่งที่พลอยพูดออกมาและตอกกลับไปอย่างเจ็บๆว่า
“หึ อย่างเจ้านะเหรอ จะมีปัญญาอะไร ไหนลองบอกมาสิว่าเจ้าจะพิสูจน์ยังไง ถ้าเหตุผลดีไม่พอละก็ ขอบอกไว้ก่อนว่าหัวของเจ้าจะหลุดออกจากบ่าก็วันนี้แหละ” รีกวีน่าเรียกดาบเป็นรูปลิ่มน้ำแข็งประดับด้วยเพชร พลอยและอัญมณีต่างๆมากวัดแกว่งไปมาและชี้ปลายแหลมของมันมาทางคอของพลอย
“หึ ฉันจะช่วยพวกท่านล้มเจ้าปีศาจนั่นเอง แล้วฉันก็จะช่วยพี่สาวของท่านออกมาด้วยเลยเป็นไง” พลอยตอบมันออกมาอย่างมั่นใจ สีหน้าจริงจังของเธอทำให้รีกวีน่าอึ้งไปชั่วอึดใจก่อนจะลดดาบลงและหัวเราะร่วน
“ฮึๆฮ่าๆ ก็เอาซี่ แล้วข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะมีปัญญาสักแค่ไหนกันเชียว อย่าผิดสัญญาล่ะ” รีกวีน่าพูดจบก็หันหลังหนีและเดินกลับไปยังที่บรรทมของเธอ ทิ้งให้พลอยต้องเจ็บใจกับคำพูดเสียดสีของรีกวีน่า
“พลอยนี่เจ้าตัดสินใจดีแล้วหรือ” ซารีฮานน่าหันมาถามพลอยที่กำลังยืนกำหมัดแน่น
“ฮื่อ พูดออกไปแล้วไม่คืนคำหรอก” ถึงปากจะพูดไปนั้นแต่ใจเจ้ากรรมมันดันร้องว่า “อยากกลับบ้านๆ” ทั้งๆที่คิดแบบนั้นแต่เธอก็ยังพยายามตีหน้าขึงและหันไปหาเทพคนอื่นๆ
“เห็นเจ้าแบบนี้แล้วยิ่งคล้ายเรมีย่ายิ่งนัก นิสัยมุทะลุ ขี้สงสัย ใจกล้าแบบนี้น่ะ” เออร์ตี้ออกความเห็นและหันไปมอบรอยยิ้มละไมให้กับพลอย
“นั่นสิพี่ก็เห็นด้วยกับน้อง งั้นเอาแบบนี้ไหม” วาทอรี่โบกมือเรียกสองสาวให้ไปสุมหัวกัน หลังจากนั้นก็พากันมองมาทางพลอยอย่างมีเลศนัย พลอยเห็นท่าชักไม่ดีจึงรีบวิ่งหนีแต่ก็ไม่พ้นเสียแล้ว เมื่อเธอถูกเออร์ตี้จับล็อคคอเอาไว้แน่น
“เฮ้ยๆ พวกท่านจะทำอะไรข้านะ ปล่อยนะ” พลอยพยายามดิ้นอย่างเต็มกำลังเพื่อหวังจะให้เออร์ตี้ปล่อย
“อยู่เฉยๆสิ น่านะ พวกเราจะจับเจ้าแต่งตัวเป็นน้องเรมีย่าเอง” วาทอรี่เข้ามาช่วยจับด้วยอีกแรงด้วยสีหน้าที่เป็นประกายระยิบระยับจนพลอยทำหน้าแขยง
“เฮ้ย ไอ้ชุดลิเกแบบพวกท่านเนี่ยนะ บรื๋อ ไม่เอาด้วยหรอก” ขนแขนของพลอยลุกตั้งชัน แค่คิดก็สยองแล้ว ที่จะให้เธอมาแต่งชุดบ้าๆแบบนี้ ฝันลมๆแล้งๆน่า
“บังอาจนัก นี่ข้าให้เจ้าใส่ก็บุญเท่าไรแล้วนะพลอย พึงระลึกไว้ด้วยว่านี่เป็นชุดของเจ้าหญิงเรมีย่าเชียวนะ” พลอยยังคงดิ้นพล่านปฏิเสธเป็นคำพูดที่ฟังไม่รู้เรื่อง เจ้าหญิงซารีฮานน่าไปหยิบชุดมา 1 ตัว และโยนมันขึ้นก่อนจะร่ายคาถาอะไรบางอย่างที่พลอยพยายามเงี่ยหูฟังแล้ว แต่ก็ฟังไม่รู้เรื่อง ส่วนวาทอรี่และเออร์ตี้ก็รีบปล่อยพลอยซึ่งตอนนี้ถูกสะกดนิ่งไว้ไม่ให้ขยับไปไหน แต่ปากยังขยับด่าทอเจ้าหญิงซารีฮานน่าที่เล่นบ้าๆอะไรก็ไม่รู้ ซารีฮานน่าชักรำคาญจึงพ่นคาถาใส่พลอยให้หุบปากและจัดแจงเรียกคทาคู่ใจออกมาพึมพำๆอะไรบางอย่าง จนตอนนี้ร่างกายของพลอยมีแสงสว่างวาบค่อยๆคืบคลานจากปลายเท้ามาเรื่อยๆจนมิดหัว เจ้าหญิงทั้งสามพระองค์ต่างมองมันด้วยความชื่นชม ส่วนรีกวีน่าก็แอบชำเลืองมองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่นานพลอยก็อยู่ในชุดสีโอรส เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ประดับอยู่บนร่างกายทำให้พลอยดูมีราศีและเหมือนเจ้าหญิงเข้าไปใหญ่ เจ้าหญิงทุกคนเบิกตากว้าง เมื่อเห็นพลอยในชุดเจ้าหญิงดันไปซ้อนกับภาพของเจ้าหญิงเรมีย่าในอดีต ซารีฮานน่าเดินเข้าไปหาพลอย และพยายามที่จะโอบกอดพลอย แต่พลอยกลัวจึงได้แต่ผลักแก้มซารีฮานน่าออกไป แต่เธอก็ต้องยอมแพ้เมื่อวาทอรี่และเออร์ตี้ก็เข้ามากอดด้วย รีกวีน่าตะลึงไปชั่วอึดใจก่อนจะสบถดังลั่นและด่าทอให้พลอยถอดชุดนั้นออก ไม่ว่ารีกวีน่าจะพยายามดึงดันให้พลอยถอดยังไง ก็ไม่สำเร็จ เพราะมีเจ้าหญิงทั้งสามพระองค์ขัดขวางไว้ รีกวีน่าเมื่อรู้ว่าสี่รุมหนึ่งมันจะไปหวังอะไรได้ ก็ได้แต่กระทืบเท้าดังปั้กและเดินแท่ดๆออกจากสวนนี้ไป
“อย่าไปสนใจเจ้าน้องพรรค์นั้นเลยพวกเรา” ซารีฮานน่าสะบัดหน้าเพื่อเมินรีกวีน่าซะ และเดินไปนั่งที่เตียงของตนก่อนจะมีเจ้าหญิงองค์อื่นๆเดินไปนั่งประจำแท่นบรรทมของแต่ละองค์ ซึ่งตอนนี้พลอยได้แต่งยืนนิ่งๆเพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะไปนอนที่ไหน จึงได้แต่ยืนเกาหัวแกรกๆ แต่เพราะเออร์ตี้บอกให้พลอยไปนอนที่ของเจ้าหญิงเรมีย่า เธอก็เลยต้องจำยอมเดินไป
“ว่าแต่ว่าเจ้านะเหมือนเรมีย่ามากเลยนะ พลอย” เออร์ตี้หันไปสบตากับพลอยและหันไปขอความเห็นด้วยจากคนอื่น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างดี โดยวาทอรี่ยังขอให้พลอยมาเป็นเจ้าหญิงที่นี่ตลอดไป ทำเอาพลอยพูดอะไรไม่ออกได้แต่ส่ายหัวงักๆกับความหวังดีของเธอ และชี้แจงเหตุผลไปว่าทำไมเธอถึงไม่อยากอยู่ที่นี่ แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ทันทีที่เธอเล่าเรื่องทุกเรื่องจบ เซรีฮานน่าก็สรุปให้ฟังอย่างสั้นๆแต่ได้ใจความว่า เธอนั้นหลุดเข้ามาอยู่อีกมิติหนึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นเหตุการณ์อันน่ามหัศจรรย์มาก เพราะหนึ่งในล้านปีเท่านั้นมิติของดินแดนนี้และดินแดนโลกมนุษย์จึงจะสามารถเชื่อมกันได้ ซึ่งซารีฮานน่าคิดว่าเธอหลุดมาอยู่นี่ตั้งแต่ช่วงที่พลอยตกมาจากน้ำตกนั่นเอง พลอยได้แต่กระพริบตาปริบๆพยายามทำหน้าเข้าใจกับเรื่องที่ซารีฮานน่าเล่าไปงั้นๆ เพราะเธอก็ไม่ค่อยได้สนใจอยู่แล้ว ที่สนใจตอนนี้ก็คือทำไมรีกวีน่าถึงเกลียดเจ้าหญิงเรมีย่าถึงขนาดนี้จึงตัดสินใจถามออกไปตรงๆ คราวนี้วาทอรี่ขออาสาเป็นคนเล่าก็ได้ความว่าในอดีตนั้นเจ้าหญิงเรมีย่าเป็นพี่สาวที่รีกวีน่ารักมากที่สุดและมักจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา รีกวีน่านั้นนับถือและเคารพในตัวของเรมีย่ามาก และคิดว่าเรมีย่าเป็นทุกอย่างตั้งแต่แม่ ครู พี่ เพื่อน คู่แข่งและคนรัก เรมีย่านั้นเป็นเจ้าหญิงที่มีอำนาจและเวทมนต์ขั้นสูงที่สุดในบรรดาพี่น้อง ทำให้รีกวีน่ายึดเรมีย่าเป็นหลักเพื่อให้ตัวเองนั้นสามารถก้าวพ้นกำแพงนั้นไปได้ แต่แล้วหลังจากที่เรมีย่าถูกปีศาจจับตัวไปพวกเขาก็ต้องสาป ซึ่งก็รู้ๆกันอยู่ว่าเวทมนต์แบบนี้มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้นั่นก็คือเรมีย่า และเพราะเหตุผลนั้นจึงทำให้รีกวีน่าปักใจเชื่อว่าเรมีย่าสมัครใจทรยศไปเข้าข้างฝ่ายนั้นเพื่อจะได้ไม่ต้องสู้กับจอมปีศาจและพาลเกลียดเรมีย่ามาตลอดทั้งที่ใจจริงแล้วเธอก็ยังรักเรมีย่าอยู่ พลอยที่ฟังมานานเริ่มเมาขี้ตา จนร่างเริ่มโซเซเพราะวันนี้ทั้งวันเธอยังไม่ได้นอนเลยสักงีบ วาทอรี่เห็นดังนั้นจึงบอกให้พลอยเข้านอน พลอยก็ไม่ปฏิเสธความหวังดีและล้มตัวนอนดังตึง ส่วนคนอื่นๆก็ได้แต่มองพลอยอย่างขำๆและพากันเข้านอนในที่สุด
“พี่หญิงเรมีย่า” สุรเสียงเยือกเย็นปนเสียงสะอื้นหลังจากที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักของเจ้าหญิงคนสุดท้อง “รีกวีน่า” เธอกำลังรำพันและคิดไปถึงความหลัง ความหลังที่ช่างมีความสุขกับพี่สาวที่เธอรักที่สุด ดวงตาคู่โตเริ่มแดงก่ำอีกครั้ง แต่ทว่าเสียงประหลาดบางอย่างคืบคลานเข้ามาทำให้เธอหยุดร้องไห้และเรียกดาบคู่ใจออกมาถือไว้ ก่อนจะหันไปยังที่มาของเสียงนั่น เธอถลึงตาไปทางมันและตั้งคำถามทันที
“ใครน่ะ ออกมานะ” รีกวีน่าพยายามมองเข้าไปในความมืดนั้น และจู่ๆตัวประหลาดนั่นก็พุ่งเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งหลัก รีกวีน่ากรีดร้องสุดเสียงกับความน่ากลัวในรูปลักษณ์ของมันก่อนจะสลบเหมือดล้มลงไปด้วยรอยฟันที่กลางหลังของเจ้าอสูรที่เพิ่งจะฟาดดาบลงไป จากนั้นเจ้าอสูรตนนั้นก็อุ้มรีกวีน่าพาดบ่าและพาเธอมุ่งหน้ากลับไปยังปราสาทของจอมมาร
“เสียงรีกวีน่า” พลอยรีบกระโจนลงมาจากเตียงและรีบวิ่งไปปลุกเจ้าหญิงอีกสามคนที่เหลือถึงสิ่งที่เธอได้ยินเมื่อกี้และคิดว่าคงจะเกิดเหตุร้ายกับรีกวีน่าแน่ๆ ทั้งสามจึงวิ่งไปยังที่มาของเสียง แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะไปถึงก็ไม่มีใครอยู่เลย เห็นได้แค่เพียงรอยเลือดเป็นจุดๆ มันหยดไปตามทางที่ไปยังปราสาทซึ่งนั่นทำเอาวาทอรี่ใจไม่ดีและเริ่มตื่นกลัว พลอยไม่พูดอะไรจึงหันมาถามความคิดเห็นว่าทุกคนจะไปกับเธอไหม ก็ได้รับคำตอบกลับมาอยากหนักแน่นว่าเป็นพี่น้องกันถ้าไม่ช่วยเหลือกันมันจะเป็นครอบครัวไหม ได้คำตอบเท่านั้นพลอยก็ยิ้มกริ่มและรีบวิ่งนำทางไปทันที
ฝ่ายรีกวีน่าซึ่งตอนนี้ถูกขังอยู่ในคุกแห่งหนึ่งเธอสะลึมสลือตื่นขึ้นมาและก็ต้องงุนงงว่าที่นี่มันที่ไหน แต่แล้วบาดแผลที่หลังมันก็เริ่มออกอาการ เธอหันไปดูแผลและรีบรักษามันทันทีจนหาย รีกวีน่าพยายามครุ่นคิดหาวิธีออกจากคุกนี่โดยแกล้งหลับทุกทีที่ยามรูปร่างประหลาดเดินมาตรวจสอบ หลังจากมันไปแล้วรีกวีน่าก็ได้คำตอบว่าจะออกจากที่ไปได้ยังไงจึงรอช่วงเวลาที่ยามปีศาจจะเดินมาอีกรอบ และเมื่อได้จังหวะก็ท่องคาถาออกเป็นลิ่มน้ำแข็งแหลมนับร้อยพุ่งไปยังเจ้ายามโชคร้ายตรงนั้น ซึ่งมันก็เป็นโชคดีของรีกวีน่าที่มันดันลมมาใกล้ๆกรงห้องขังจึงทำให้เธอสามารถเอื้อมมือไปหยิบกุญแจและเอามันมาไขได้ในที่สุด เธอวิ่งออกไปและมุ่งหน้าไปยังทางออกของคุกหน้าตาประหลาดนี่
“ชู่ว” พลอยทำเสียงจุ๊ปากเมื่อซารีฮานน่ากำลังจะพยายามพูดอะไรสักอย่าง แต่เพราะมียามปีศาจเดินผ่านมาจึงสั่งให้ซารีฮานน่าหุบปากเพื่อจะได้ไม่ให้พวกมันรู้ตัวว่าบัดนี้มีผู้บุกรุก หลังจากทางสะดวกแล้วพลอยก็หันไปปรึกษากับคนทั้งสามว่า พวกเธอแปลงร่างเป็นไหมและเธอเสนอความคิดเห็นว่าให้ทั้งสามคนแปลงร่างเป็นยามปีศาจตนนั้นและแฝงออกไปช่วยรีกวีน่าโดยไปด้วยกันทีละสองคน ซึ่งก็เป็นอันตกลงได้ว่าเธอกับซารีฮานน่านั้นไปช่วยเรมีย่า ส่วนวาทอรี่และเออร์ตี้ไปช่วยรีกวีน่า เมื่อแยกจากกันพลอยและซารีฮานน่าก็วิ่งไปยังที่ที่คิดว่าน่าจะเป็นห้องโถงอย่างเงียบๆและได้ไปเจอเข้ากับเก้าอี้ใหญ่โตมโหฬาร ซึ่งดูๆไปแล้วพลอยคิดว่ามันคงจะเป็นที่นั่งประจำตำแหน่งของเจ้าจอมปีศาจตนนั้น ซึ่งบังเอิญเธอหันไปเตะสายตากับกรงนกบนโต๊ะ ซึ่งเธอเดาได้เลยว่าในนั้นน่าจะมีคนถูกขังอยู่ นั่นก็คือเรมีย่า เธอจึงเรียกให้ซารีฮานน่าพาตัวเธอลอยขึ้นไปบนโต๊ะตัวนั้น และทันทีที่ขึ้นมาถึงซารีฮานน่าก็ถึงกลับปล่อยโฮ เมื่อได้พบกับเรมีย่าน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันมานานถึงหลายปี เรมีย่าเองก็ดีใจ ต่างฝ่ายต่างก็ร้องไห้ ซึ่งภาพที่เห็นนั้นทำเอาพลอยได้น้ำตาไปหยดนึง ก่อนจะส่ายหัวดิกๆว่ามันไม่ใช่เวลามาทำซึ้งอะไรเอาตอนนี้ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอต้องช่วยเรมีย่าออกมาจากที่นั่น พลอยหันไปถามเรมีย่าว่ากุญแจอยู่ที่ไหน ซึ่งคำตอบที่ได้มาก็คืออยู่กับตัวเจ้าปีศาจนั่นเอง นั่นถึงกับทำให้พลอยเหงื่อตกและพลางวิตกว่าเธอจะไปช่วงชิงมันมาได้อย่างไร เซรีฮานน่าอาสาเป็นคนไปเอามา แต่พลอยก็ต้องรั้งไว้ เพราะถ้าขืนไปคนเดียวได้ถูกเชือดแน่ แต่ซารีฮานน่าก็ยังจะรั้นที่จะไปให้ได้ และพลอยก็ต้องสอนสุภาษิตให้เจ้าหญิงองค์โตได้รับรู้ไว้ว่า คนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตาย ทำเอาซารีฮานน่าหยุดกึกแค่นั้น ในระหว่างที่พลอยกำลังกอดอกคิดอยู่นั้น ตอนนั้นเองรีกวีน่าก็เข้ามาพร้อมกับเออร์ตี้และวาทอรี่ที่บังเอิญไปสวนกันตามทาง ทันทีที่รีกวีน่าและเรมีย่าได้เจอกันเท่านั้นแหละ รีกวีน่าก็ปล่อยมาดเข้มทิ้งและวิ่งไปจับกรงขังพร้อมกับปล่อยน้ำตาแบบไม่อายใครเลย ทำเอาพลอยงุนงง ไหนบอกว่าเกลียดเข้าไส้แต่ไหงร้องไห้ฟะ แล้วความคิดนั้นก็ต้องตัดไปเมื่อบัดนี้เสียงหัวเราะดังสนั่นดังขึ้นอยู่ข้างๆ จอมมารตนนั้นนั่นเอง ดันโผล่มาช่วงจังหวะซึ้งๆซะด้วย เซรีฮานน่าเป็นฝ่ายเข้าจู่โจมก่อน แต่หลังจากนั้นเธอก็ถูกปัดกระเด็นกลับมาทำให้วาทอรี่ปรี่เข้าไปเป็นคู่ต้อสู้ด้วยเป็นคนที่สอง วาทอรี่ทำให้จอมมารได้แผลครั้งหนึ่งซึ่งพลอยก็คิดว่าได้โอกาสที่ฝั่งเราจะเป็นต่อ แต่เมื่อพบว่าจอมมารมันสามารถรักษาตัวเองได้ หลังจากนั้นวาทอรี่ก็กระเด็นกลับมาในสภาพโชกเลือด เออร์ตี้สบถดังลั่นและกระโจนเข้าหาจอมมาร ผลัดกันรุกผลักกันรับ แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลวเมื่อเออร์ตี้ถูกปัดกระเด็นออกมาอีกครั้ง คราวนี้ถึงตารีกวีน่าเธอหันไปจ้องจอมมารอย่างอาฆาตและพุ่งตัวเข้าไปด้วยรังสีแห่งความอำมหิต จนจอมมารได้แผลเพียบ การต่อสู้ระหว่างรีกวีน่าและจอมมารเป็นไปอย่างนาน ถึงแม้ว่ารีกวีน่าจะทำให้จอมมารได้แผลแต่มันเองก็สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ แถมยิ่งสู้เธอก็ยิ่งต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ไม่นานนักเธอก็ถูกจอมมารเหวี่ยงกระเด็นกลับมาด้วยสภาพที่ย่ำแย่กว่าใคร เรมีย่าเห็นดังนั้นจึงร้องสุดเสียง พลางออดอ้อนจอมมารขอให้ไว้ชีวิตพวกเขา พลอยที่ยืนนิ่งอยู่นานตัวสั่นงั่กๆจนไม่กล้าทำอะไร จากนั้นเธอก็คิดอะไรออก จริงสิ ทำไมเธอถึงโง่แบบนี้สุภาษิตที่เพิ่งสอนเขาแต่ตัวเองกลับโง่อยู่แบบนี้ คนเดียวมันจะทำอะไรได้สู้รุมมันเลยไม่ดีกว่าหรือ แต่ถึงคิดได้แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะเอาพลังที่ไหนไปสู้ จึงได้แต่ก้มหน้าจ๋อยลูกเดียว แต่จังหวะนั้นเองเรมีย่าเรียกพลอยให้เข้าไปใกล้ๆเธอ และสั่งให้พลอยชูมือขึ้นมาสัมผัสกันเพราะเธอนั้นกำลังจะแบ่งพลังให้พลอย หลังจากนั้นชั่วอึดใจเสียงระเบิดดังตูมก็เกิดขึ้น พลอยในร่างที่มีพลังเพาเวอร์อัพกำลังหึกโหมกับการต่อสู้ครั้งแรกของเธอในชีวิต เธอเข้าไปรักษาเจ้าหญิงทุกคนจนฟื้นสภาพขึ้นมาและบอกให้ทุกคนรวมพลังกันเพื่อที่จะได้ล้มจอมมารได้สำเร็จ ทุกคนพยักหน้าเห็นดีด้วยจึงประสานมือกันโดยมีเรมีย่ายืนมองอย่างมีความหวัง จากนั้นพวกเธอทั้ง 5 คนก็กระโจนเข้าสู่ซาตานและยื่นอาวุธคู่ใจซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตัวเองออกไปข้างหน้าพลางร่ายคาถาพึมพำอะไรบางอย่างออก ซึ่งพลอยนั้นก็งงกับตัวเองว่าร่างกายและปากมันขยับไปเอง อาจจะเป็นเพราะตอนนี้พลังของเรมีย่าในตัวเธอกำลังต่อสู้อยู่ พลอยเริ่มมีความมั่นใจอีกครั้งและในที่สุดจอมมารก็ถูกแทงทะลุหัวใจจนร่างสลายและระเบิดไปในที่สุด เหลือเพียงแต่กุญแจดอกใหญ่ตกอยู่ที่พื้นจึงทำให้ทุกคนรีบเร่งเอามันขึ้นไปไขในกรงและพาเรมีย่าออกมาในที่สุด และตอนนี้ปราสาททั้งหลังก็เริ่มจะถล่มและพังลงมา ทำให้ทุกคนต้องรีบลี้ภัยออกจากที่นี่เป็นการด่วน พลอยได้รับการช่วยเหลือจากซารีฮานน่าอีกครั้งกับการลอยออกมา เธอตื่นตาตื่นใจกับการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ในดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้และเธอคิดว่าเธอคงจะไม่ลืมมันไปตลอดชั่วชีวิตเลยที่เดียว พอลงถึงที่สวนรีกวีน่าก็กอดกับเรมีย่าอีกครั้งหนึ่งพลางขอโทษที่เธอนั้นเข้าใจผิดเรมีย่ามาตลอดเวลา สุดท้ายแล้วสองพี่น้องก็หันมาปรับความเข้าใจกันได้ ซึ่งพลอยคิดว่าเวลาสนุกของเธอคงหมดเพียงเท่านี้จึงขอตัวจะกลับบ้าน แต่รีกวีน่าเป็นคนขอให้พลอยอยู่ต่ออีกสักคืนหนึ่งไว้รอรุ่งเช้าแล้วค่อยไป ซึ่งคนอื่นก็เห็นดีด้วยและต่างก็พากันกุมมือขอบใจพลอยที่ทำให้พวกเธอกลับมามีชีวิตที่สงบสุขเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนพากันเปลี่ยนชุดเป็นชุดนอนส่วนพลอยเองถูกซารีฮานน่าร่ายเวทมนต์นิรมิตชุดและเตียงนอนให้ใหม่ พลอยขอบคุณกับความใจดีของซารีฮานน่ามาตลอดเวลา และไม่นานทุกคนก็พากันขึ้นบนเตียงนุ่ม ก่อนจะชวนคุยจนเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เสียงก็เริ่มอ่อยๆลงจนเหลือซารีฮานน่าเป็นคนสุดท้ายก่อนทุกสิ่งจะตกอยู่ในความเงียบกับค่ำคืนที่มีแสงจันทร์นวลส่องประกาย
“ฮ้าววว ว..” พลอยบิดขี้เกียจพลางขยี้ตาและลุกขึ้นยืนก็ต้องพบว่าตัวเองอยู่ที่สวนเพียงคนเดียว เธออารมณ์เสียและพลางส่งเสียงฮึดฮัดก่อนจะเดินตรงไปยังโต๊ะอาหารซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยอาหารชั้นเลิศโดยมีเจ้าหญิงอีกห้าพระองค์กำลังง่วนกับการจัดอาหารอยู่ ทันทีที่พลอยไปถึงเธอกำลังจะอาละวาดโทษฐานที่ไม่ยอมปลุกเธอแต่ก็ต้องตัดใจเมื่อเรมีย่ายกไก่งวงจานใหญ่มายั่วน้ำลายพลอยตรงหน้า ทำให้พลอยไม่รอช้ารีบจัดการกับมันทันที หลังจากกินอิ่มจนพุงกางเธอก็คิดว่านี่ก็ได้เวลาที่น่าจะกลับแล้วก่อนกลับรีกวีน่าขอตัวเธอไปคุยอะไรบางอย่างด้วย ทำเอาพลอยงงกับเจ้าหญิงองค์นี้มากและพลางคิดว่าเจ้าหญิงสุดท้ององค์นี้จะทำอะไรเธอหรือเปล่า
“มะมีอะไรเหรอเจ้าหญิงรีกวีน่า” เสียงสั่นๆของพลอยถามออกมาทำให้รีกวีน่ายิ้มน้อยๆก่อนจะชวนพลอยให้นั่งลงข้างทะเลสาบ
“ก็ไม่มีอะไรหรอกที่เรียกเธอมาคุยนี่ฉันก็แค่อยากขอบคุณเธอก็เท่านั้น” พลอยคิดว่าแค่นี้เหรอ?แล้วจะเรียกมาให้เสียเวลาทำไม แต่แล้วรีกวีน่าก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง
“ฮึก.ข้านะ.ถ้าเจ้าไม่มา..ข้าก็คงไม่มีโอกาสได้พบกับพี่หญิงของข้า” พลอยได้แต่กอดปลอบๆเจ้าหญิงรีกวีน่า น้องเล็กก็ยังเป็นน้องเล็กอยู่วันยังค่ำนี่น้า เธอขำนิดๆและพลางคิดย้อนไปถึงตอนที่เธอได้เจอกับรีกวีน่าครั้งแรกมันช่างต่างกับตอนนี้เสียจริงๆ และในที่สุดพลอยก็มายืนอยู่ที่แท่นหินทางเข้านั้นอีกครั้ง โดยเธอจับมือกับเจ้าหญิงทุกคน รีกวีน่าเองก็เริ่มจะร้องไห้อีกแล้วและตะโกนขอร้องพลอยไม่ให้ไป แต่พลอยก็ทำได้แค่เพียงโบกมือเบาๆและบอกให้รีกวีน่าเข้มแข็งเข้าไว้และอย่าคิดไม่เชื่อใจพี่สาวอีกล่ะ พูดได้แค่นั้น เรมีย่าก็จัดการควงคทาและร่ายคาถาเป็นโคลงยาวออกมาเป็นภาษาแปลกๆ ทำให้แผ่นหินนั้นเลื่อนออกมา เจ้าหญิงทุกคนเดินตามไปส่งพลอยถึงข้างในถ้ำนั้นซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างโลกกับดินแดนนี้ เธอบอกว่าเธอจะส่งพลอยไปยังที่ที่เพื่อนของพลอยอยู่ให้ด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีของพลอยที่จะได้ไม่ต้องเดินให้เมื่อยขาไปตามหาพวกมัน และภาพสุดท้ายที่เธอเห็นก็คือทุกคนกำลังโบกมือลาเธอด้วยสีหน้าอันยิ้มแย้มก่อนที่ทุกอย่างจะขาวโพลนไปหมด
“อื๋อ” พลอยสะลึมสลือตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเรียกที่คุ้นเคยปลุกให้เธอตื่นขึ้น พลันเธอเผยอเปลือกตาขึ้นมาก็พบว่าเป็นรินนั่นเอง เมื่อรินเห็นพลอยได้สติรินก็โอบกอดพลอยอย่างดีใจ ทุกคนวิ่งเข้ามาหาพลอยและร้องไห้กันอย่างไม่อายเลยว่าตัวเองแก่แล้ว พลอยลูบหัวปลอบประโลมทุกคนจนเหลิงจึงได้รับการบ้องหัวของกัสมาให้เป็นรางวัล นั่นจึงทำให้พลอยเหลืออดจึงลุกขึ้นเตรียมท่าจะต่อว่ากัสเรื่องที่เป็นต้นเหตุให้ตัวเองต้องตกจากน้ำตก แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเธอคิดว่าถ้าไม่มีกัสเธอก็คงไม่มีวันได้ไปช่วยเจ้าหญิงทั้ง 5 พระองค์นั้น คิดได้แค่นั้นก็เปลี่ยนจากแยกเขี้ยวเป็นรอยยิ้มหวานให้กัสแทน จนกัสถึงกับงุนงงทันที จากนั้นพวกเธอทั้ง 5 คนก็ได้รับการช่วยเหลือจากเฮลิคอปเตอร์ที่อาจารย์บูชิตเป็นคนมาช่วย พลอยตัดสินใจไม่เล่าเรื่องที่เธอได้ไปเจอมาให้ใครฟัง เพราะถ้าขืนไปเล่าสงสัยทุกคนคงหาว่าเธอบ้าเป็นแน่ พลอยดูจะอารมณ์ดีมากๆเป็นพิเศษ นั่นจึงทำให้พูหันไปถามว่าตั้งแต่ออกจากป่ามานี่เจอแต่เรื่องร้ายๆแต่ทำไมพลอยถึงยังยิ้มได้อยู่ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า
“หึ..ไม่หรอกมันวิเศษที่สุดเลยล่ะ วิเศษมากๆเลย อย่างน้อยฉันก็ได้รู้จักคำว่า มิตรภาพ ครอบครัว ความรัก พี่น้อง และฉันก็ได้เรียนรู้มันทั้งหมดจากการกระทำของพวกเธอแล้วว่า พวกเธอไม่ทิ้งฉันและแน่นอนฉันเองก็จะไม่ทิ้งพวกเธอเหมือนกันนะ” ถ้อยคำนั้นทำเอาทุกคนอึ้งไปชั่วอึดใจก่อนจะหันมาให้รางวัลกับพลอยในฐานะแม่สาวคารมดีกันเลยทีเดียว
The End
.
Kevy
10/04/06
ความคิดเห็น