ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความทรงจำที่ดีของมัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอน : Mehr als kann ich sagen...

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.71K
      14
      6 ส.ค. 50


    - +  บทที่ 1 + -

        เมื่อเวลาโบยบินข้ามปีมาถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก แน่นอนว่าเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยนั้นได้รับจดหมายสารภาพรัก ดอกไม้และช็อกโกแลตมากที่สุด ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันความป๊อบปูล่าร์อันเสมอต้นเสมอปลายของพวกเขา รวมถึงวันนี้เป็นวันที่เฮอร์ไมโอนี่ได้รับจดหมายกัมปนาทมากที่สุดในรอบปีด้วย ซึ่งก็เป็นเครื่องยืนยันว่ากลุ่มเดรโกแฟนคลับ ยังคงเกลียดเฮอร์ไมโอนี่เหมือนเดิมไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหนก็ตาม ส่วนความสัมพันธ์ของทั้งเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยนั้นไม่ได้ลดน้อยถอยลง แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นกลับก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีนักเรียนคนใดรู้ว่าพวกเขาทั้งสองเป็น 'แฟน' กัน แม้แต่แฮร์รี่และรอน เพื่อนสนิทของเฮอร์ไมโอนี่... แต่ก็มักจะมีนักเรียนบางคนมาปล่อยข่าวลือว่า พวกเขาเป็นแฟนกัน... แต่ก็ถูกกลุ่มเดรโกแฟนคลับลบข่าวเสียจนนักเรียนส่วนมากไม่เชื่อข่าวลือที่เป็นเรื่องจริงเรื่องนี้

    ...+*+*+...

    "มัลฟอย..." เฮอร์ไมโอนี่เรียกเขา ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนของวันวาเลนไทน์ ทั้งสองนั่งอยู่ใต้ต้นบีชริมทะเลสาป

    "หือ..." เด็กชายตอบรับ

    "เราเคยมานั่งดูดาวด้วยกันอย่างนี้กันกี่ครั้งแล้ว นายเคยนับบ้างไหม" เด็กหญิงถามแล้วนั่งกอดเข่า

    "ไม่เคยนับหรอก...แต่ชั้นรู้ว่า ชั้นจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้นั่งดูดาวกับเธอ" เขาตอบแล้วยิ้มน้อยๆ

    "นายหัดปากหวานตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย" เฮอร์ไมโอนี่ถาม    

    "ไม่ได้หัดหรอก...ก็คนมันมีอารมณ์จะพูดน่ะ" เขาตอบอย่างกวนๆ

    "ฮึ...แล้วนายรู้ไหมว่าทำไมทุกครั้งที่เรามาดูดาวด้วยกัน เราถึงไม่ได้โดนฟิลช์จับได้ซักที" เด็กหญิงถามอีก

    "ไม่รู้สิ เธอรู้เหรอ" เขาถามบ้าง

    "ถ้ารู้แล้วชั้นจะถามนายเหรอ" เด็กหญิงพูดกวนๆ

    "เออ...นั่นสิ" เด็กชายตอบ เขาเริ่มชินกับการพูดกวนประสาทของเฮอร์ไมโอนี่เสียแล้ว

    "มัลฟอย..." เด็กหญิงเรียกเขาอีกครั้ง

    "อะไร เกรนเจอร์" เขาถาม

    "ถ้าสมมติชั้นเป็นอะไรไป แล้วนายจะเสียใจมั๊ย" เธอถาม พลางทอดสายตาออกไปบนพื้นผิวทะเลสาป

    "ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ ก็ต้องเสียใจสิ" เขาพูดอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

    "นั่นสินะ ถามโง่ๆ" เธอพูดแล้วส่ายหัวอย่างไล่ความคิดออกไป

    "คิดอะไรอยู่อีกล่ะ" เด็กชายถามอย่างรู้ทัน

    "ก็แค่คิดไปเรื่อยๆ น่ะ" เธอตอบปัดๆ

    "อืม...แล้วอย่าถามเรื่องอย่างนี้อีกนะ ชั้นไม่ชอบเลย" มัลฟอยพูด แล้วโอบไหล่เด็กหญิง

    "ชั้นก็แค่อยากรู้น่ะ...ชั้นจะไม่ถามอีกแล้ว" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วซบลงกับไหล่ของเขา

    "เธอ...ร้องไห้เหรอ" มัลฟอยถาม เมื่อรู้สึกว่าเธอสะอึกสะอื้นอยู่ข้างๆ

    "มัลฟอย ชั้นรู้สึกไม่ดีเลย...ชั้นรู้สึกเหมือนมันต้องมีอะไรซักอย่างที่ต้องทำให้เราต้อง...ต้องแยกกัน" เธอพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือ

    "มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก เกรนเจอร์" เขาพูด แล้วใช้มืออีกข้างโอบกอดเด็กหญิงไว้

    "แต่...ชั้นรู้สึกจริงๆ นะ" เธอบอก

    "ตราบใดที่เธอมีชั้นอยู่เคียงข้าง...ชั้นสัญญา ว่าเธอไม่เป็นอะไรแน่นอน" เด็กชายพูด แล้วกอดเด็กหญิงแน่นขึ้น

    "ชั้นดีใจ ที่ได้ยินนายพูดอย่างนี้" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจปนสะอื้น

    "วันนี้...เธอได้รับจดหมายบอกรักกี่ฉบับล่ะ" มัลฟอยเปลี่ยนเรื่องคุย เผื่อว่ามันจะทำให้เด็กหญิงหยุดร้องไห้ได้

    "สองร้อยเก้ามั้ง ไม่แน่ใจ" เด็กหญิงตอบ แล้วใช้หลังมือปาดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่

    "เหรอ...น้อยกว่าชั้นสี่ฉบับ" เขาพูด แล้วยิ้มอย่างมีชัย

    "แล้วนายล่ะได้ดอกกุหลาบกี่ดอก" เธอถามอย่างไม่ยอมแพ้

    "สี่สิบสองดอก" เขาตอบบ้าง

    "ฮาฮ่า...ชั้นมากกว่าสองดอก" เธอพูดแล้วยิ้มให้เขา ขณะนี้เธอเลิกร้องไห้แล้ว

    "ดีใจมากใช่ไหมเนี่ย" เขาถามยิ้มๆ แล้วปล่อยมือที่กอดเด็กหญิงออกแล้วมาหนุนหัวพิงต้นไม้แทน

    "อืม...แปลกเนอะ...คนอื่นบอกรักชั้นเยอะแยะ ทำไมนายไม่เห็นบอกชั้นบ้างล่ะ" เฮอร์ไมโอนี่แกล้งพูด เพราะ มัลฟอยไม่เคยบอกรักเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว

    "ขี้เกียจบอกน่ะ" เขาแกล้งพูดบ้าง

    "งั้นเหรอ" เธอพูด

    "มันยังไม่ถึงเวลา...ยังไม่ใช่ตอนนี้" เด็กชายพูด

    "อืม...นายไปซื้อแหวนกับสร้อยนี่มาจากที่ไหนเหรอ" เฮอร์ไมโอนี่เปลี่ยนเรื่องคุย พลางจับสร้อยทองคำขาวและจี้ที่คอ

    "แม่มดแก่ๆ คนนึงที่ตรอกไดแอกอน รู้สึกจะเป็นแม่มดเร่ร่อนด้วยมั้ง" เขาตอบ แล้วยักไหล่

    "แล้วทำไมนายถึงคิดจะซื้อมาให้ชั้นล่ะ" เด็กหญิงถาม แล้วนั่งขัดสมาธิ

    "ก็แม่มดนั่น เค้าบอกว่า มันเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าที่ตาเห็น แล้วมันก็สวยดี น่าจะเหมาะกับเธอ ชั้นก็เลยซื้อมาให้" เขาตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่

    "มีค่ามากกว่าที่ตาเห็นเหรอ..." เธอครางพลางครุ่นคิด

    "เออ...เขาบอกว่ามันหล่อหลอมมาจากสิ่งที่บริสุทธิ์มาก ชั้นถามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมบอกว่าคืออะไร แค่บอกเลี่ยงๆ ว่า เดี๋ยวชั้นก็จะได้รู้จักมัน" เด็กชายพูด

    "ก็หล่อหลอมมาจากคริสตัลแล้วก็ทองคำขาวไง" เด็กหญิงบอกอย่างสดใส

    "อืม...ชั้นก็คิดแบบเธอนั่นแหละ" เขาพูด

    "แล้วนายเอาใบไม้คริสตัลมาด้วยรึเปล่าล่ะ" เฮอร์ไมโอนี่ถามเมื่อพึ่งคิดได้

    "เอามา" เขาพูดแล้วหยิบใบไม้คริสตัลในกระเป๋าเสื้อคลุมให้เธอ

    "ชั้นว่า...มันต้องไม่ใช่แค่ใบไม้คริสตัลธรรมดาๆ แน่ๆ" เด็กหญิงบอกกับเขา

    "แล้วแต่เธอจะคิดล่ะกัน" เขาพูด

    "มัลฟอย...กลับกันเถอะ" เธอชักชวน แล้วเก็บใบไม้คริสตัลใส่กระเป๋าเสื้อคลุมไว้

    "อืม กลับสิ" เขาพูด แล้วลุกขึ้นยืน

    "ดึงหน่อยสิ" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วยื่นมือให้เขา

    "เฮ้อ!!" เขาถอนหายใจหนักๆ แล้วดึงเธอขึ้นมา และรวบตัวเธอเข้ามากอด

    "มัลฟอย ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ" เธอพูด แล้วพยามดันตัวเขาไปห่างๆ

    "เธอเปิดโอกาสเองนะ" เขาพูดอย่างทะเล้น แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอ "ไม่ได้จูบเธอตั้งนานแล้ว นอนไม่หลับเลย วันนี้ขอสักครั้งนะ" เขากระซิบ

    "ไม่...อย่านะ มัล..." เธอพยามจะขัดขืนแต่มัลฟอยก็บรรจงจูบเธออย่างแผ่วเบา เด็กหญิงยึดปกเสื้อคลุมของเขาไว้แน่น พวกเขาจูบกันอยู่ไม่นาน เฮอร์ไมโอนี่ก็เป็นฝ่ายผละออกจากเขา

    "กลับเถอะชั้นง่วง" เธอพูด พลางหอบหายใจถี่ๆ

    "หอเธอหรือหอชั้นล่ะ" เขาถาม แล้วทำหน้ากวน

    "หอชั้นสิ" เด็กหญิงกระแทกเสียง

    "ให้ชั้นไปนอนหอเธอเหรอ" มัลฟอยถาม แล้วลอยหน้าลอยตาอย่างทะเล้น

    "ถ้านายทำได้ก็เชิญ" เธอพูดกวนบ้าง

    "ชั้นทำได้นะ" เขาบอก เฮอร์ไมโอนี่หน้าเสียทันที

    "กลับเถอะ" เธอตัดบท

    "เออๆ...เดี๋ยวชั้นไปส่ง" เขาพูด แล้วลากเฮอร์ไมโอนี่เดินไปด้วย

    ...+*+*+...

    "ยัยคุณนายนอริสเนี่ย ขอเตะซักป้าบได้มั๊ย" มัลฟอยกระซิบ

    "เบาๆ หน่อย" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วลากเขาเดินตามไปด้วย เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อหนีคุณนายนอริส

    ...+*+*+...

         ในที่สุดก็มาถึงหน้าหอกริฟฟินดอร์ เฮอร์ไมโอนี่กำชับมัลฟอยหลายครั้งว่าให้เดินเงียบๆ ตอนกลับหอสลิธีริน เพราะ มัลฟอยชอบเผลอจะวิ่งเข้าไปเตะคุณนายนอริสตลอด เมื่อเธอล่ำลากับเขาเสร็จเรียบร้อย ด้วยคำว่า 'ราตรีสวัสดิ์' เหมือนทุกๆ ครั้ง และเสริมด้วยคำว่า 'แฮบปี้วาเลนไทน์' จากนั้น เธอก็ปีนผ่านช่องหลังรูปภาพสุภาพสตรีอ้วนเข้าไปในห้องนั่งเล่นรวม ซึ่งว่างเปล่าไร้ผู้คน ในห้องนั่งเล่น มีซากซองจดหมายอยู่เกลื่อนพื้น มีกลีบดอกกุหลาบและก้านที่แยกออกจากกัน ไฟในเตาผิงนั้นยังคงลุกโชติช่วงเหมือนเดิม เพราะ นักเรียนหลายคนช่วยกันเอาจดหมายสารภาพรักของเฮอร์ไมโอนี่ ใส่เข้าไปในเตาผิง จึงเป็นเชื้อเพลงอย่างดี เฮอร์ไมโอนี่รีบเดินขึ้นไปบนหอนอนหญิง เธอถอดเสื้อคลุมที่สวมทับชุดนอนออก แล้วล้มตัวนอนและหลับไปในทันที...



    - +  บทที่ 2 + -

        เวลาผ่านไปรวดเร็วปานสายฟ้าแล็บ ในที่สุดก็มาถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ แฮร์รี่ต้องปฏิบัติภารกิจที่สอง เฮอร์ไมโอนี่นำใบไม้คริสตัลไปทุกหนทุกแห่งเผื่อว่าเธอจะต้องพบนางเงือกโดยบังเอิญ ("เธอจะบ้ารึไง นางเงือกไม่ได้อยู่บนบกซักหน่อย" มัลฟอยบอกกับเธอ) ส่วนรอนก็ช่วยแฮร์รี่หาวิธีการเผชิญภารกิจที่สอง เพราะ แฮร์รี่ยังไม่รู้วิธีการที่จะทำให้มนุษย์หายใจใต้น้ำได้โดยไม่ใช้ออกซิเจนเลย ...แต่แล้วเขาก็รู้วิธีจากด๊อบบี้ ในวินาทีเกือบจะสุดท้าย แฮร์รี่ต้องไปตามหาวีซี่ของเขา นั่นก็คือรอน...ซึ่งถูกจับตัวลงไปใต้น้ำแล้ว

    ...+*+*+...

        เมื่อแฮร์รี่กินหญ้าเหงือกปลาเข้าไป เข้าก็ดำดิ่งลงไปในทะเลสาปฮอกวอตส์ทันที เพื่อตามหารอน เขาเผชิญหน้ากับชาวเงือกซึ่งมีผิวสีอมเทาลัผมยาวสีเขียมเข้มรุงรัง ตาของมันเป็นสีเหลือง เช่นเดียวกับฟันหักๆ แฮร์รี่นึกถึงขนตาชาวเงือกทันที แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยจะบอกเขาเรื่องวิธีการเอาขนตาชาวเงือกมาเลย 'ถ้ากระโดดไปดึงขนตามันมา มันจะกัดมั๊ยน้า' แฮร์รี่คิดอย่างอับจน

    เขาดำลึกลงเรื่อยๆ และเขาก็เห็นรอน เขารีบว่ายน้ำเข้าไปทันที แต่เขาก็เหลือบเห็น เฮอร์ไมโอนี่..ถูกมัดอยู่ข้างๆ รอน 'ถ้าเฮอร์ไมโอนี่ยังมีสติอยู่ ก็คงจะลุกขึ้นมาดึงขนตาชาวเงือกไปแล้วล่ะ' แฮร์รี่คิดพลางเข้าไปช่วยรอน และเขาก็พยามจะช่วยให้เฮอร์ไมโอนี่ด้วย แต่ชาวเงือกก็ไม่ยอม ชาวเงือกสองตัวถลาเข้ามาหาเขาและกันเขาออกไปจากเฮอร์ไมโอนี่ พวกมันมองเฮอร์ไมโอนี่อยู่นาน และคำนับเฮอร์ไมโอนี่น้อยๆ แฮร์รี่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ไม่นานครัมก็มาและพาเฮอร์ไมโอนี่ออกไป และเซดริกก็มาพาโชออกไป แต่เฟลอร์ยังไม่มา แฮร์รี่จึงพาน้องสาวของเฟลอร์ขึ้นไปด้วย จนทำให้เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด

    ...+*+*+...

        เมื่อแฮร์รี่โผล่ขึ้นมาพ้นน้ำ มาดามพอมฟรีย์ก็ถลาเข้ามาหาเขา และดึงตัวเขา รอนและน้องสาวของเฟลอร์ออกไปที่เต้นท์พยาบาลทันที เธอส่งน้ำยาพริกไทยซู่ซ่าให้ทั้งสาม วีซี่ทั้งสามฟื้นแล้ว แต่ก็คงเหลือแต่เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งมาดามพอมฟรีย์ และศาสตราจารย์มักกอนนากัลกังวลใจเป็นอย่างมาก อาจารย์ทั้งสองเดินวนไปวนมาในเต้นท์



    "พอตเตอร์...ไปฟังคะแนนได้แล้ว คนอื่นเขาไปหมดแล้วนะ" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลไล่เขาออกไปจากเต้นท์

    "ครับๆ" แฮร์รี่พูดแล้วเดินออกไปจากเต้นท์พยาบาล

    "เธอทุกคนด้วย ออกไปให้หมด" เธอพูดกับวีซี่ทุกคน

    "ค่ะ/ครับ" วีซี่ทั้งหมดพูดพร้อมกัน และเดินออกไปจากเต้นท์ที่ตอนนี้มีแต่ศาสตราจารย์มักกอนนากัล มาดามพอมฟรีย์ และเฮอร์ไมโอนี่ที่นอนไม่ได้สติอยู่ ไม่ใช่สิ เธอยังมีสติครบถ้วนทุกอย่าง แต่เธอไม่สามารถที่จะลืมตาขึ้นมาได้ ความรู้สึกทุกอย่างของเธอยังอยู่ครบถ้วน เธอรู้สึกเจ็บลึกลงไปในหน้าอก เจ็บที่หัวใจดั่งมีกำมือเหล็กมาบีบรัดที่หัวใจ ความรู้สึกเจ็บปวดนั้นเคยเกิดขึ้นกับเธอแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน ซึ่งมันก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง ไม่รู้ว่า เพราะ สาเหตุอะไร แต่ตอนนี้มันกลับมาหาเธออีกครั้งแล้ว เป็นความรู้สึกเจ็บปวดที่บาดลึกแทรกซึมไปทั่วทั้งหน้าอก และทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ทุกวินาทีที่เวลาผันผ่านไป

    ...+*+*+...

    "มิสเกรนเจอร์...มิสเกรนเจอร์" เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงศาสตราจารย์มักกอนนากัลเรียกเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถตอบรับได้

    "มิสเกรนเจอร์...ตื่นสิ...ตื่น..." เสียงของมาดามพอมฟรีย์เรียกเธออีกคน และเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนก้าวเข้ามาในเต้นท์พยาบาลอีกหลายคน

    "อัลบัส...มาได้จังหวะพอดีเลย มิสเกรนเจอร์ยังสลบไม่ตื่นเลย" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดอย่างร้อนรน

    "ผมคุยกับพวกชาวเงือกมาแล้ว มิเนอร์วา พวกเขาไม่ได้ทำอะไร มิสเกรนเจอร์ มากไปกว่าวีซี่คนอื่นๆ เลย" ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูดอย่างใจเย็น

    "แล้วทำไม เธอถึงยังไม่ตื่นล่ะ แถมยังหน้าซีดขึ้นเรื่อยๆ ด้วยคงจะ...ไม่ได้ถูกคำสาป ใช่ไหม" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลถามภายในใจของเธอภาวนาขอให้อย่าเป็นเช่นนั้นเลย

    "เป็นไปได้นะ..." เด็กหญิงได้ยินเสียงคำรามของมู้ดดี้ดังขึ้นใกล้ๆ

    "งั้นหรือ อลาสเตอร์" เสียงของสเนปดังขึ้น

    "ใช่แล้ว เซเวอร์รัส" มู้ดดี้พูดขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงเขาเดินกระโผลกกระเผลกมาใกล้เธอมากขึ้น แล้วเธอก็ได้ยินเค้าพึมพำอะไรซักอย่าง ซึ่งมันไม่ได้ทำให้เธอบรรเทาอาการเจ็บปวดไปได้เลยแม้แต่น้อย ที่จริงแล้ว มู้ดดี้กำลังใช้คาถาเพื่อตรวจร่างกาย ว่าโดนคำสาปหรือไม่ ซึ่งเป็นคาถาชั้นสูง น้อยคนนักสามารถใช้คาถานี้ได้

    "ถูกคำสาปจริงๆ...แถมเป็นคำสาปที่แก้ยากด้วย" เขาหันมาบอก

    "คุณรู้ไหม ว่าคำสาปอะไร" สเนปถาม

    "คำสาปตายทั้งเป็น และคำสาปหัวใจสลาย" เขาบอกน้ำเสียงราบเรียบ มันทำให้เฮอร์ไมโอนี่นึกถึงตอนที่เธอหลับและฝันไปในห้องสมุด ในวันเดียวกับตอนที่มัลฟอยได้รับใบไม้คริสตัลในความฝันของเขา และเฮอร์ไมโอนี่ได้อ่านหนังสือ 'คำสาปและการแก้คำสาป' ซึ่งเธอก็ได้อ่านเรื่องคำสาปตายทั้งเป็นและคำสาปหัวใจสลายด้วย เธอรีบนึกหาวิธีที่จะช่วยให้ตัวเองรอดพ้นมากจากคำสาป 'การแก้คำสาป...การแก้คำสาป ใช่ๆ...สิ่งเดียวที่มีอนุภาพมากมายมหาศาลและสามารถแก้คำสาปได้ทุกคำสาป โอ้ย!! ทำไมปวดอย่างนี้...' เธอพยามคิด แต่ก็ต้องหยุด เพราะ เธอรู้สึกปวดร้าวที่หน้าอกนั้น ทวีคูณขึ้นอย่างรุนแรง จนดึงสติสัมปชัญญะของเธอออกไปจากร่างกายทันที

    "สองคำสาปเชียวหรือ" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดน้ำเสียงที่ตกใจเป็นอย่างมาก

    "อลาสเตอร์...แต่ใครล่ะ ที่เป็นคนทำ" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลถาม

    "ก็...นักเรียนไง" มู้ดดี้คำรามตอบ

    "แต่นักเรียนคนไหน จะมีความสามารถสาปแช่งจนอาการหนักขนาดนี้ เพราะ การสาปแช่งเนี่ย ไม่ได้ทำง่ายๆ เลยนะ มันเป็นคำสาปในด้านมืด ชั้นยังสาปไม่เป็นเลย" มาดามพอมฟรีย์พูดอย่างมีเหตุผล

    "นั่นสิ...ชั้นเห็นด้วยกับมาดามพอมฟรีย์" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลสนับสนุน

    "เราสามารถแก้คำสาปนี้ได้มั๊ยครับ ท่านอาจารย์ใหญ่" สเนปถาม

    "ได้สิ...จับตัวผู้ที่สาปแช่งให้ได้...และให้เค้าถอนคำสาปซะ...แต่คำสาปนี้เป็นคำสาปที่ต้องแลกด้วยชีวิต นั่นคือ...ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่เป็นคนถอนคำสาป จะต้องตายแทน ผู้ที่ถูกคำสาป...คำสาปนี้เป็นคำสาปมนต์ดำที่สูงส่งมาก...และผมคิดว่า ถ้าเราจะหาตัวผู้ที่เป็นคนสาปแช่งภายในสิบชั่วโมงนี้ คงยาก" เขาตอบด้วยเสียงที่สุขุม

    "พระเจ้า..." มาดามพอมฟรีย์ถาม พลางยกมือขึ้นกุมหน้าอก

    "หมายความว่ายังไง...สิบชั่วโมง" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลถามอย่างยากลำบาก

    "มิสเกรนเจอร์เหลือเวลาอีกสิบชั่วโมง...ถ้าเรายังหาวิธีแก้คำสาปไม้ได้ เธอก็จะตายทั้งเป็น และหัวใจแตกสลาย นั่นก็หมายความว่า เธอจะต้องตาย..." ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูดได้เพียงเท่านี้ น้ำเสียงของเขาก็สั่นเครือ แม้แต่สเนปที่เกลียดเฮอร์ไมโอนี่นักหนา ยังตกใจไปด้วย ส่วนมาดามพอมฟรีย์และศาสตราจารย์มักกอนนากัลตัวสั่นเทิ้ม และร้องไห้อย่างควบคุบไม่อยู่ ส่วนมู้ดดี้นั้นเขายืนนิ่งและก้มหน้าก้มตา

    "มีวิธีอื่นที่จะถอนคำสาปมั๊ย" มาดามพอมฟรีย์ถามอย่างมีหวัง

    "ผมคิดว่า มี...แต่ผมไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรเหมือนกัน มาดามพอมฟรีย์" ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์บอก

    "เอาล่ะ พามิสเกรนเจอร์ขึ้นไปบนห้องพยาบาลดีกว่า" มาดามพอมฟรีย์พูดขึ้น และกระพริบตาถี่ๆ เพื่อกั้นน้ำตาแห่งความเสียใจและผิดหวังเอาไว้"วิงการ์เดียมเลวีโอซ่า" เธอพูด ร่างไร้สติของเฮอร์ไมโอนี่ลอยขึ้นมาในทันที และเคลื่อนไหวไปตามทิศทางที่มาดามพอมฟรีย์กวัดแก่วงไม่กายาสิทธิ์ เธอรีบนำเฮอร์ไมโอนี่ไปห้องพยาบาลทันที โดยที่มีมัลฟอย แฮร์รี่ รอน จินนี่ มารีน อแมนด้า และเรอคลอฟ ตามไปติดๆ (พวกเค้าเฝ้าหน้าเต้นท์ไว้นานแล้ว และได้ยินบทสนทนาหมดเปลือก)

    "เรายังมีเวลาถึงสี่ทุ่มของวันนี้...รีบเร่งหน่อย...เราต้องทำสำเร็จแน่" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดพลางเงยหน้าขึ้นมองข้างบน เพื่อกลั้นสายธารแห่งน้ำตา แล้วเดินนำออกไปจากเต้นท์

    "เซเวอร์รัส...ช่วยเรียกนักเรียนไปรวมกันที่ห้องโถงใหญ่อย่างเร็วที่สุดเท่าที่ความสามารถของคุณจะทำได้" ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์บอก และเดินออกไปจากเต้นท์อีกคน

    "ครับ ผมจะรีบไปอย่างด่วนที่สุด" สเนปบอก แล้ววิ่งออกไปจากเต้นท์ โดยมีมู้ดดี้เดินตามไปด้วย



    - +  บทที่ 3 + -

        เวลาผันผ่านไปรวดเร็วเหมือนเช่นสายวารีที่ไหลไป และไม่มีวันหวนกลับ ร่างของเฮอร์ไมโอนี่นอนอยู่บนเตียงของห้องพยาบาล โดยมีเพื่อนๆ คอยดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด ("พวกเราขออาสาดูแลเค้าเองครับ/ค่ะ" เด็กทั้งเจ็ดบอกกับมาดามพอมฟรีย์ "ได้สิจ๊ะ...ชั้นจะได้ไปช่วยหาคนที่ใจดำอัมหิต สาปแช่งเพื่อนนักเรียนได้ลงคอ ไม่เกินสี่ทุ่มชั้นจะกลับมาจ๊ะ" มาดามพอมฟรีย์พูด มารีนสะดุ้งเล็กน้อย แล้วก้มหน้าก้มตามองพื้น)

    เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้สึกใดๆ แล้วตอนนี้ ไม่แม้แต่จะฝัน ร่างกายของเธอเริ่มเย็นเหมือนคนที่ใกล้สิ้นลมหายใจ เม็ดเหงื่อเม็ดใหญ่เท่าลูกกระสุนผุดขึ้นอยู่ทุกตารางนิ้วบนใบหน้าของเธอ ปากของเธอซีดจนไม่เหลือสี ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตของเธอ ถูกซ่อนอยู่ข้างหลังเปลือกตามาเป็นเวลานานหลายชั่วโมงแล้ว และไม่มีทีท่าว่าอาการของเธอจะดีขึ้น ทว่าอาการกลับแย่ลงเรื่อยๆ

    มารีนและจินนี่จะคอยซับเหงื่อบนหน้าให้กับเฮอร์ไมโอนี่ ส่วนแฮร์รี่ รอนและเรอคลอฟจะผลัดกันออกไปช่วยหาคนที่สาปแช่งเธอ สำหรับมัลฟอยและอแมนด้านั้น นั่งกุมมือเฮอร์ไมโอนี่ไว้คนละข้าง และคอยเรียกชื่อเธอเบาๆ เผื่อว่าเธอจะตื่นขึ้นมา มัลฟอยได้เพียงแต่หวังว่า เฮอร์ไมโอนี่จะฟื้นขึ้นมา และมาพูดคุยกับเขาเหมือนเดิม ถึงแม้เธอจะชอบพูดกวนประสาทก็ตามที แต่เด็กหญิงกลับนอนนิ่ง และดูเหมือนว่าหัวใจของเธอจะเหนื่อยล้าอย่างมาก จากการเต้นตึกตักขึ้นลงมาเป็นเวลาสิบสี่ปี เพราะ มันเต้นช้าลงเรื่อยๆ ทุกวินาทีที่เข็มนาฬิกาเดินวนไปรอบหน้าปัด

    ...+*+*+...

    "พี่เดรโกค่ะ...แหวนรูปดาวที่พี่เคยให้พี่เฮอร์ไมโอนี่หายไปไหนแล้วล่ะ" อแมนด้าถาม เมื่อเธอพึ่งสักเกตุเห็นว่าแหวนที่นิ้วของเฮอร์ไมโอนี่หายไป

    "พี่เอามาทำเป็นจี้ให้สร้อยทองคำขาวที่พี่พึ่งซื้อมาให้ยัยนี่น่ะ" เขาตอบ แล้วมองหาสร้อยทองคำขาวที่คอของเด็กหญิงแต่ มันไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว...

    "ไหนค่ะ...ไม่เห็นมีเลย" อแมนด้าถามอย่างงงๆ

    "หายไปไหนล่ะ" มัลฟอยถามด้วยความงุนงงไม่แพ้กัน

    "อะไรหาย" มารีนในร่างจินนี่เดินมาถาม

    "สร้อยของพี่เฮอร์ไมโอนี่ค่ะ มันหายไป" อแมนด้าตอบ

    "งั้นหรือ" มารีนในร่างจินนี่ตอบรับ และหันหลังไปอย่างไม่สนใจ

    "พี่มารีน เป็นอะไรของเขานะ" อแมนด้าบ่น

    "กี่โมงแล้ว" มัลฟอยถามอแมนด้าที่นั่งอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม เขาไม่สนใจแล้วว่าแหวนหรือสร้อยจะหายไป สิ่งที่เค้าสนใจอยู่ตอนนี้คือ ชีวิตของเฮอร์ไมโอนี่

    "สามทุ่มครึ่ง" แฮร์รี่ตอบแทน หลังจากที่พึ่งกลับมาจากการช่วยหาคนสาปแช่ง เพื่อผลัดเวรกับรอน

    "เหลืออีกครึ่งชั่วโมงเองเหรอ" เรอคลอฟถาม และมีสีหน้าเปื้อนความกังวลอยู่ไม่น้อย

    "แล้วเมื่อกี๊นี้หาคนที่สาปแช่งเจอรึเปล่าค่ะ" จินนี่ในร่างมารีนถามอย่างกระตือรือร้น แต่แฮร์รี่ส่ายหน้าช้าๆ

    "ตอนแรกชั้นนึกว่าเป็นยัยพาร์กินสันซะอีก...แต่.มู้ดดี้ใช้คาถาตรวจคำสาปกับยัยนั่นตั้งเกือบสิบห้าครั้ง แต่ยัยนั่นก็ผ่านไปได้สบายๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร" แฮร์รี่บอกอย่างหงุดหงิด

    "อ้าว!!! แล้วถ้าไม่ใช่ยัยนั่นแล้วใครล่ะ" มารีนในร่างจินนี่ถาม เสียงเรียบ

    "ไม่รู้สิ ชั้นว่าเราไปช่วยกันหาดีกว่าเดี๋ยวจะไม่ทันการ" แฮร์รี่พูด แล้วดึงจินนี่ในร่างมารีนออกไปทันที

    "เออ...ไปเถอะ เดรโก" เรอคลอฟพูด แล้วเดินตามแฮร์รี่ออกไป

    "ไม่ดีกว่า...ชั้นจะอยู่ที่นี่ เผื่อว่า เกรนเจอร์ จะฟื้นขึ้นมา" มัลฟอยบอกแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าของเขาซับเหงื่อให้เฮอร์ไมโอนี่

    "งั้นหนูไปนะค่ะ พี่เดรโก" อแมนด้าพูดแล้ววิ่งตามออกไป

    "ชั้นอยู่เป็นเพื่อนนะ" มารีนในร่างจินนี่พูด แล้วนั่งลงที่ปลายเตียงของเฮอร์ไมโอนี่

    "อืม" เขาครางตอบ

    ...+*+*+...

        ยี่สิบห้านาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทราที่แสนนาน แต่เธอก็ยังขยับตัวไม่ได้อยู่ดี ความเจ็บปวดยังคงฝังลึกแน่นในร่างกายของเธอเหมือนเดิม เธอรับรู้ถึงความรู้สึกต่างๆ ภายนอกได้เหมือนเดิมแล้ว และเธอก็รู้สึกเหมือนมีคนกำลังกุมมือเธออยู่ ซึ่งเธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นมัลฟอย...เพราะ ความรู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกประหลาดแทรกซึมผ่านมือเข้ามาตามร่างกายของเธอ มันสามารถลดความเจ็บปวดไปได้กว่าครึ่ง แต่แล้วความเจ็บปวดก็โหมกระหน่ำใส่เธออีกครั้ง เธอรู้สึกหวิวๆ อย่างบอกไม่ถูก เมื่อเธอได้ยินเสียงของใครคนหนึ่ง



    "อีกหนึ่งนาที..." เสียงของมารีนในร่างจินนี่นั่นเอง แต่ทำไมถึงทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเจ็บและแน่นหน้าอกมากยิ่งขึ้น

    "เกรนเจอร์ ตื่นขึ้นมาสิ ตื่นขึ้นมาพูดกับชั้นซักที..." เสียงของมัลฟอยดังขึ้น ความเจ็บปวดเมื่อครู่ได้ละลายหายไปหมด เธออยากจะรีบตื่นขึ้นจากคำสาปซักที

    "เกรนเจอร์..." มัลฟอยแผดเสียง และเขาบีบมือของเธอไว้แน่น "ตื่นขึ้นมาสิ..." เขาครางอย่างมีความผิดหวังปะปนมาในน้ำเสียง และเริ่มตัวสั่นเทิ้มด้วยความเสียใจ 'เราจะต้องตายแล้วเหรอเนี่ย' เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างหดหู่

    "อีกยี่สิบวินาที" มารีนพูดด้วยเสียงที่ไม่ได้มีความเสียใจปนอยู่แม้แต่น้อย

    "เกรนเจอร์...ชั้นรู้ว่าเธอจะไม่ได้ยิน...แต่ชั้นอยากให้เธอได้รับรู้ไว้..." มัลฟอยกระซิบที่ข้างหูของเด็กหญิง (เหลืออีกสิบวินาที)

    "Mehr als kann ich sagen… ich liebe dich" เขากระซิบให้เด็กหญิงได้ยินคนเดียว และจูบหน้าผากของเธอเบาๆ อย่างอ่อนโยน

    "ช้าไปแล้วล่ะ" มารีนพูดอย่างไม่เดือดร้อน เด็กชายถอนริมฝีปากออกมาจากหน้าผากของเด็กหญิง และซุกหน้าลงกับมือของเธอ

    "มะ...มัลฟอย..." เสียงแหบๆ เหมือนไม่ได้พูดมานานของใครคนหนึ่งดังขึ้น มารีนและมัลฟอยเงยหน้าขึ้นมองทันที

    "เกรนเจอร์..." มัลฟอยร้องอย่างดีใจ เมื่อเห็นเจ้าของเสียง

    "ชะ...ชั้นดีใจ...ที่ได้เห็นหน้านายอีกครั้ง" เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วยิ้มให้มัลฟอย แต่ความสุขก็อยู่ได้ไม่นานนัก มัลฟอยเริ่มปวดร้าวระบมที่หน้าอก เหมือนกับมีใครซักคนกำลังบดขยี้หัวใจของเขาให้แหลกเหลว

    "โอ้ย!!..." เด็กชายร้อง แล้วยกมือขึ้นกุมหน้าอก ร่างกายของเขาทรุดฮวบลงไปกับพื้นทันที

    "มัลฟอย เป็นอะไรรึเปล่า" เฮอร์ไมโอนี่ร้อง แต่เรี่ยวแรงของเธอนั้นยังไม่มากพอที่จะยันตัวลุกขึ้นได้

    "มะ...ไม่เป็นไร" เขาบอก แต่ตอนนี้ดูเหมือนเลือดที่เคยหล่อเลี้ยงใบหน้าของเขาได้จางหายไปหมด ร่างกายของเขาเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง และเรี่ยวแรงของเขาก็หายไปทันที

    "เดรโก" มารีนในร่างจินนี่ร้อง แล้ววิ่งถลามาดึงมัลฟอยไปนอนบนเตียงอีกเตียงหนึ่ง ถึงตอนนี้เขาจะไม่มีแรง แต่ก็รับรู้สิ่งต่างๆ ภายนอกได้เหมือนปกติ เพราะ เมื่อมารีนในร่างจินนี่วิ่งเข้ามาใกล้ เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีเหล็กแหลมถูกไฟรนมาเสียดแทงหัวใจให้ร้าวระบมยิ่งขึ้นไปอีก 'สงสัยเราคงต้องตายแทน เกรนเจอร์ แล้วสิเนี่ย' เขาคิด เมื่อนึกถึงคำของศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ตอนที่เขาแอบฟังอยู่นอกเต้นท์พยาบาล 'คำสาปนี้เป็นคำสาปที่ต้องแลกด้วยชีวิต นั่นคือ...ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่เป็นคนถอนคำสาป จะต้องตายแทน ผู้ที่ถูกคำสาป...'

    "ชั้นไม่ได้ตั้งใจ เดรโก ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะให้เธอถูกคำสาป" มารีนร้อง ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยงงไปตามๆ กัน

    "หมายความว่ายังไง มารีน" เฮอร์ไมโอนี่ถาม แล้วขมวดคิ้วจนติดกัน

    "หุบปากไปเลย ยัยเลือดสีโคลน" มารีนแผดเสียง ซึ่งไม่เหมือนกับมารีนคนเดิมเลยแม้แต่น้อย

    "ทำไมล่ะ...เธอไม่ได้ตั้งใจจะให้มัลฟอยถูกสาป...หมายความว่า...เธอเป็นคนสาปชั้น งั้นหรือ" เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างไม่แน่ใจ

    "ใช่...ชั้นเป็นคนสาปเธอเอง..." มารีนตอบ มัลฟอยที่ยังรับรู้ทุกอย่างอยู่นั้นอยากจะลุกขึ้นมาฆ่ามารีนให้ตายคาเท้าให้รู้แล้วรู้รอด แต่ไม่นานนัก เขาก็รู้สึกเหมือนว่า กำลังจมดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา เขาจึงปล่อยสติให้เลื่อนลอยออกไปจากร่างกายช้าๆ

    "เพราะอะไร" เฮอร์ไมโอนี่ถามและพยามทำใจเย็น

    "ชั้นเกลียดเธอ" เด็กสาวตอบสั้นๆ

    "แล้วทำไม เธอถึงไม่ได้มีท่าทีเกลียดชั้นเลยล่ะ" เด็กหญิงถามอีก

    "ชั้นไม่ได้แสดงออกน่ะสิ...ชั้นสาปเธอมาเป็นปีแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย...ไม่รู้เป็นเพราะอะไรกัน..." มารีนกัดฟันพูด

    "ไม่น่าเชื่อนะ...ตอนแรกชั้นนึกว่าเป็น พาร์กินสันซะอีก" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วหรี่ตามองมารีนที่อยู่ในร่างจินนี่

    "ยัยพาร์กินสันนั่น ก็พยามจะสาปเธอเหมือนกัน แต่ยัยนั่นได้แต่ท่องคำสาปผิดๆ เท่านั้น" มารีนในร่างจินนี่พูด แล้วหันมาจ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี่อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ

    "ชั้นนึกว่า พอเธอสลับร่างกับจินนี่แล้ว นิสัยเธอจะเปลี่ยนไปซะอีก" เธอพูดอย่างผิดหวัง

    "เธอนึกว่าชั้นจะเปลี่ยนไปง่ายๆ หยั่งนั่นหรือ...เธอต้องคิดซะใหม่แล้วล่ะ ก่อนชั้นสลับร่างกับไอ้เด็กเหลือขอนั่นน่ะ ชั้นตั้งใจไว้แล้วว่าชั้นจะสาปเธอ...แต่พอสลับร่างกันแล้ว มันก็ยิ่งเป็นผลดีต่อแผนของชั้นใหญ่ เพราะ ชั้นจะได้ใกล้ชิดเธอมากขึ้น และสาปเธอง่ายขึ้น..." มารีนเว้นช่วง เพื่อถอนหายใจหนักๆ

    "ชั้นเลยใช้เวลาทั้งหมดหกสัปดาห์...ฝึกคำสาปหัวใจสลายและคำสาปตายทั้งเป็น...และชั้นก็ลองใช้คำสาปหัวใจสลายกับเธอ ซึ่งมันก็ได้ผล...แค่ห้านาทีเท่านั้น เพราะ ชั้นเห็นเดรโกอุ้มเธอไปห้องพยาบาล และกลับออกมาอย่างไม่ได้มีอาการเจ็บปวดอะไรเลย... ชั้นก็เลยใช้คำสาปตายทั้งเป็นกับเธอ ซึ่งมันไม่ได้ผล และทำให้ชั้นยิ่งแค้นเธอหนักเข้าไปอีก...ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อชั้นเจอเธอที่โต๊ะอาหารเมื่อไหร่หรือที่ใดก็แล้วแต่ ชั้นก็ใช้ทั้งสองคำสาปนี้กับเธอ เผื่อว่ามันจะได้ผลในซักวันหนึ่ง ซึ่งมันก็พึ่งมาเห็นผลในวันนี้..." เด็กสาวพูดจบ แล้วมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างรังเกียจเหยียดหยาม ไม่นานนัก เสียงฝีเท้านับสิบก็ดังขึ้น และติดตามมาด้วยเจ้าของเสียงฝีเท้านั้นๆ แฮร์รี่ รอน อแมนด้า จินนี่ในร่างมารีน เรอคลอฟ และบรรดาอาจารย์วิ่งเข้ามาในห้องพยาบาลอย่างรวดเร็ว

    "พี่เดรโก" อแมนด้าร้องเมื่อเห็นมัลฟอยนอนหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียงข้างๆ เฮอร์ไมโอนี่ และวิ่งเข้าไปหาเขาทันที

    "เฮอร์ไมโอนี่" แฮร์รี่และรอนตะโกนพร้อมกัน และวิ่งเข้าไปหาเธอ

    "ตื่นแล้วเหรอ" จินนี่ร้องอย่างดีใจ

    "ตื่นซะทีนะ" เรอคลอฟบอก

    "อย่าพึ่งสนใจชั้นเลย ไปดูมัลฟอยเถอะ" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วชำเลืองมองมัลฟอย

    "เค้าเป็นคนถอนคำสาปให้เธอหรือ มิสเกรนเจอร์" ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ถาม

    "ใช่ค่ะ..." เฮอร์ไมโอนี่ตอบ

    "ทำยังไงหรือ..." เขาถามอีก

    "เดี๋ยวหนูค่อยบอกล่ะกัน ตอนนี้ดูอาการเค้าก่อนเถอะค่ะ" เฮอร์ไมโอนี่พูด พลางกระโดดลงจากเตียง และวิ่งไปนั่งลงบนเตียงมัลฟอยทันที

    "อืม...ได้สิ...แต่ว่า..." ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูดอย่างใจเย็น แต่ก็ถูกศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดแทรกขึ้นมา...



    - +  บทที่ 4 + -

    "ไม่ทันแล้วล่ะ อัลบัส" เสียงสั่นเครือของศาสตราจารย์มักกอนนากัลดังขึ้นตัดบทของเขา

    "ทำไมหรือ มิเนอร์วา" เขาถาม

    "เขา...เขาหยุดหายใจแล้วล่ะ" มาดามพอมฟรีย์บอก แล้วยกมือขึ้นปิดหน้า

    "มัลฟอย..." เฮอร์ไมโอนี่ร้อง แล้วเขย่าตัวมัลฟอยที่นอนนิ่ง "ตื่นสิ...ตื่นขึ้นมา" เธอพูดเสียงสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่

    "มัลฟอย...มัลฟอย..." เฮอร์ไมโอนี่ตะโกน แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาเป็นสายอย่างห้ามไม่อยู่

    "ทำไมต้องเป็นเค้า...ทำไมคนที่ต้องตายไม่ใช้ชั้น" เฮอร์ไมโอนี่แผดเสียง

    "มัลฟอย ตื่นสิ...ตื่น" เธอร้อง แล้วน้ำตาหลายต่อหลายหยดร่วงละปะทะกับใบหน้าของเด็กชายที่นอนนิ่งไม่ไหวติง ด้วยร่างกายที่ไร้ซึ่งวิญญาณ

    "มัลฟอย..." เด็กหญิงก้มลงกอดเขา และร้องไห้สะอึกสะอื้น "ชั้นขอ...ขอแค่นายฟื้นขึ้นมา พูดจากวนประสาทกับชั้นก็ได้..." เธอแผดเสียงดังกึกก้อง

    "ทำไมต้องเป็นนายด้วย...ทำไม..." เธอตะโกน และน้ำตาหลายต่อหลายหยดพากันไหลออกมาจากดวงตากลมโตของเด็กหญิง แต่แล้ว...ก็เกิดแสงสีขาวสว่างจ้าบาดตา ราวกับแสงแห่งดวงตะวันทอแสงยามรุ่งอรุณ (ขณะนี้ สี่ทุ่มกว่าๆ) ที่หน้าต่างห้องพยาบาล ซึ่งทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูขาวโพลนไปหมด จนมองแยกไม่ออกว่าสิ่งใดตั้งอยู่ที่ใด...ไม่นานแสงนั้นก็ค่อยๆ จางลง จนเผยให้เห็น...หญิงสาวหน้าตาสะสวย ตาสีฟ้าอ่อนๆ ปากสีแดงดังกลีบดอกกุหลาบ หุ่นเพรียว ผมสีบลอนด์เป็นลอนยาวสยายถึงกลางหลัง ใส่ชุดที่ทำจากผ้าบางเบาสีขาวบริสุทธิ์ เป็นประกายระยิบระยับ ดูสะอาดตา เธอสวมมงกุฏดอกแก้วที่เสมือนคริสตัลไว้บนศรีษะ และในมือของเธอ ถือดอกไม้ ที่เป็นประกายระยิบระยับ เปรียบประดุดสร้างสรรค์ขึ้นมาจากคริสตัลน้ำงาม เธอยืนอยู่ที่หน้าต่างห้องพยาบาล

    "พระเจ้า..." รอนอุทานออกมาอย่างทึ่งจัด ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ คุกเข่าลงกับพื้นช้าๆ และทุกคนก็ทำตาม รวมถึงเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังร้องไห้อย่างไร้การควบคุมด้วยความเสียใจและผิดหวังอย่างรุนแรง

    "เราดีใจที่ได้พบพวกท่าน..." หญิงสาวคนนั้นทักทาย

    "เรามีนามว่า 'ออโรล่า'... เราเป็นธิดาของเทพ 'คีซีอุส'..." หญิงสาวคนนั้นพูดอีก พลางเดินช้าๆ มาที่ปลายเตียงของมัลฟอย

    "ท่านคือ 'เทพ' หรือ" มาดามพอมฟรีย์ถาม

    "ถูกต้องแล้วล่ะ...เราเป็นเทพแห่งพรรณไม้ ซึ่งพรรณไม้เหล่านั้น หล่อหลอมมาจากน้ำตาของเหล่าทวยเทพ เหล่ายักษ์ หรือสัตว์ในตำนาน ซึ่งพรรณไม้เหล่านี้มีลักษณะคล้ายทำมาจากคริสตัลน้ำงาม แต่ที่จริงแล้ว เป็นน้ำตา..." ออโรล่าตอบ แล้วยิ้มให้ทุกคนอย่างอ่อนโยน

    "ที่เรามาในที่แห่งนี้ได้ ก็เพราะ...เรารับรู้ได้ถึงน้ำตาแห่งความเศร้าโศกเสียใจอันเกิดจากความรักอันบริสุทธิ์ ของสาวน้อยคนนี้" เทพธิดาพูด แล้วชำเลืองมองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ

    "ท่าน...รู้...ได้...ยังไงค่ะ...ว่า...ที่นี่...กำลังมีคน...ที่กำลัง...ร้องไห้" เฮอร์ไมโอนี่ถาม สลับกับเสียงสะอื้น

    "อืม...ก็เธอมีของวิเศษอยู่อย่างนึงน่ะสิ" ออโรล่าพูด แล้วตวัดปลายของดอกไม้ที่อยู่ในมือเล็กน้อย สิ่งของที่อยู่กระเป๋าเสื้อคลุมของเฮอร์ไมโอนี่ เรืองแสงสีทองเป็นประกายระยิบระยับ เช่นเดียวกับ ดอกไม้ของออโรล่า ที่ทอประกายแสงสีทองสวยงาม

    "อะไรน่ะ" จินนี่ในร่างมารีนร้อง แล้วยกมือขึ้นปิดปาก เมื่อสิ่งของในกระเป๋าเสื้อคลุมของเฮอร์ไมโอนี่ลอยขึ้นมาในระดับสายตา

    "ใบไม้คริสตัล" เฮอร์ไมโอนี่อุทาน และจับจ้องใบไม้คริสตัลอย่างไม่คลาดสายตา

    "นี่ไม่ใช่ใบไม้คริสตัลหรอกจ๊ะ...นี่คือ ใบไม้ ที่หล่อหลอมขึ้นมาจากน้ำตาของเหล่ายักษีและยักษา...ซึ่งเป็นสื่อที่ทำให้เราได้รู้ว่า สาวน้อยคนนี้ และพวกท่านทุกคน กำลังเป็นทุกข์" ออโรล่าบอก พลางยื่นมือออกมารับใบไม้ที่ลอยไปอยู่ในมือของเธอ อย่างแผ่วเบาและนุ่นนวล

    "แล้วท่านจะช่วยพวกเราได้หรือครับ" รอนถามอย่างไม่แน่ใจ

    "ได้สิจ๊ะ พ่อหนุ่มน้อย...เราช่วยพวกท่านได้แน่...เพียงแต่..." ออโรล่าพูด แล้วมองทุกคนในห้อง และหยุดที่มารีนในร่างจินนี่

    "แต่อะไรเหรอครับ" แฮร์รี่ถามบ้าง

    "แต่...เราต้องขอให้พวกท่านออกไปก่อน ยกเว้น...พวกท่านทั้งสอง" ออโรล่าบอก แล้วชี้ไปที่เฮอร์ไมโอนี่และมารีนในร่างจินนี่

    "ชั้นด้วยหรือค่ะ" มารีนในร่างจินนี่ถาม และลุกขึ้นยืน เพื่อให้คนอื่นๆ ได้เดินออกไป

    "ใช่แล้ว" เทพธิดาตอบ แล้วเดินไปที่มารีน "ท่านใช่ไหม ที่เป็นต้นเหตุแห่งความเศร้าโศกนี้" เธอถาม

    "ค่ะ" มารีนตอบ แล้วจ้องออโรล่าอย่างไม่เกรงกลัว และเธอก็จ้องกลับมาเหมือนกัน

    "ทำไปเพราะ...ความริษยาสาวน้อยคนนั้นสินะ" เทพธิดาพูด แล้วยิ้มให้มารีน ซึ่งหน้าเจื่อนไปทันที

    "ท่านต้องการให้ หนุ่มน้อยคนนี้ ฟื้นขึ้นมาหรือไม่" เธอถามมารีน

    "เอ่อ...ต้องการสิค่ะ" มารีนในร่างจินนี่คราง ถึงเธออยากจะแก้แค้นเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยมากเพียงใด แต่เธอก็ไม่สามารถจะฆ่าคนที่เธอ (เคย) รักได้ลงคอ

    "ถ้าอย่างนั้น...เราจะขอบางสิ่งบางอย่างจากท่าน ได้ไหม" ออโรล่าถามอีก

    "ขออะไร" เด็กสาวถามทันที

    "ขอให้ท่านทิ้งความอิจฉาริษยาในหัวใจของท่าน...ไปเสียจะได้ไหม" เทพธิดาสาวถาม

    "เฮ้อ!!! แล้วถ้าชั้นทิ้งมันไป เดรโก จะฟื้นขึ้นมาใช่ไหม" มารีนถาม

    "แน่นอน สาวน้อย" เธอตอบ

    "แล้วชั้นจะทิ้งมันไปยังไงล่ะ..." เด็กสาวถามอีก

    "หลับตาสิ...เราจะนำความริษยาออกมาจากหัวใจของท่านเอง" มารีนหลับตาลงช้าๆ เธอเม้มปากไว้แน่น

    ...+*+*+...

    ไม่นานนัก เธอก็รู้สึว่าบรรยากาศรอบกาย ทวีความร้อนขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้ภาพหลายภาพ ไหลผ่านหัวสมองของเธอไปอย่างรวดเร็ว ภาพที่เธอดื่นน้ำยาสรรพรส - ภาพที่เธอพึมพำคำสาปใส่เฮอร์ไมโอนี่ ภาพเหตุการณ์ที่เธอตกลงมาจากระเบียงชั้นสองกับจินนี่ - ภาพที่เธอแกล้งอแมนด้า ภาพตอนเธอตบเด็กนักเรียนปีสี่บ้านกริฟฟินดอร์ - ภาพที่เธอมองเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยเต้นรำด้วยกัน และอีกหลายภาพที่เธอเกลียด...และไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่แล้วอากาศรอบๆ ตัวของเธอค่อยๆ ลดอุณหภูมิลงช้าๆ ภาพต่างๆ ที่เธอเกลียดชังได้ละลายหายไป กลายเป็นภาพแห่งความสุข...ภาพที่เธอและพ่อแม่ไปเที่ยวออสเตรเลียกันครั้งแรก - ภาพที่เธอเล่นสกีกับอแมนด้า - เหตุการตอนที่เธอนั่งคุยกับมัลฟอยครั้งแรก ภาพที่เธอหัวเราะจนท้องแข็ง - ภาพที่เธออุ้มน้องสาว - ภาพครั้งที่เธอวิ่งไล่จับกับเรอคลอฟเมื่อตอนยังเล็ก - ภาพเธอกินไอศกรีมบลูเบอร์รี่ครั้งแรก และอีกหลายๆ ภาพที่สามารถสร้างความสุข รอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับเธอ



    "ลืมตาได้แล้ว" เสียงเทพออโรล่าดังขึ้น มารีนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ "ความริษยาในหัวใจของท่าน ได้เหือดหายไปจดหมดสิ้น และเราอยากให้ท่านเก็บของสิ่งนี้ไว้..." เทพสาวนำสร้อยเส้นหนึ่งสวมให้กับมารีนในร่างจินนี่ ที่ยิ้มให้เธออย่างขอบคุณ "สร้อยเส้นนี้หล่อหลอมมากจากความริษยาของท่าน...ซึ่งจะเป็นเครื่องเตือนใจท่านได้อย่างดี เมื่อใดที่เจ้าคิดริษยาผู้อื่น สร้อยเส้นนี้จะเรืองแสงสีแดง และท่านจะรู้สึกเจ็บระบมที่หัวใจ ดังมีเหล็กถูกไฟรนมาจี้ ซึ่งเมื่อใดที่ท่านรู้สึกอิจฉาริษยาผู้ใดมากๆ ชีวิตของท่าน ก็จะจมอยู่แต่ความกับผิดหวัง...ความเสียใจ ไปตลอดกาล..."

    "เป็นคำสาปหรือค่ะ" มารีนถามแล้วจับสร้อยที่คอ

    "ใช่แล้วล่ะ...เป็นคำสาปบริสุทธิ์...ซึ่งแก้ได้ง่ายๆ...แค่ขอให้ท่านไม่อิจฉา...ริษยา...และพอใจกับสิ่งที่ตอนเองมี และที่สำคัญ เมื่อใดที่ท่านได้รู้จักกับความรักอันบริสุทธิ์ และไม่เสแสร้ง...สร้อยเส้นนี้ก็จะเรืองแสงสีเงิน และเราขอให้ท่านมอบสร้อยเส้นนี้ ให้กับคนที่ท่านรักและเขารักท่าน และต่อไป ความอิจฉาริษยา ก็จะไม่กล้าที่จะเหยียบย่างเข้ามาในหัวใจท่านอีกเลย แล้วท่านก็จะพบกับความสุข สมหวังที่ได้มาโดยไม่ต้องแย่งชิง..." ออโรล่าพูด และยิ้มตอบให้มารีน

    "ค่ะ..." เด็กสาวตอบรับ (โอ้ย!!! กลับจัยง่ายจังเจ๊)

    "พยายามเข้านะ มารีน" เฮอร์ไมโอนี่บอก และเดินเข้าไปหามารีน ในขณะที่ออโรล่าก็เดินเข้าไปหามัลฟอยที่นอนอยู่บนเตียง

    "อืม..." มารีนพูด แล้วจับมือเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมากุมไว้ "ชั้นขอโทษ...สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ชั้นทำไม่ดีกับเธอนะ เกรนเจอร์"

    "โธ่เอ๊ย!!!..." เฮอร์ไมโอนี่พูด

    "เธอไม่ยกโทษให้ชั้นเหรอ เกรนเจอร์" มารีนพูดด้วยเสียงผิดหวัง พลางมองออโรล่าที่ค่อยๆ ใช้มือแตะหน้าผากของมัลฟอยอย่างแผ่วเบา

    "นั่นเอาอีกแล้ว...เมื่อไหร่เธอจะเรียกชั้นว่า 'เฮอร์ไมโอนี่' ซักทีล่ะ เรียกแต่ 'เกรนเจอร์' เนี่ย..." เฮอร์ไมโอนี่บอก

    "ชั้นชินน่ะ...เฮอร์ไมโอนี่" มารีนพูด แล้วยิ้มให้เด็กหญิง

    "นี่...กะ...เกรนเจอร์...แล้ว...เมื่อไหร่...เธอจะเรียกชั้นว่า...เดรโก ซะทีล่ะ" เสียงครางอย่างแผ่วเบาของมัลฟอยดังขึ้น

    "มัลฟอย..." เฮอร์ไมโอนี่ร้อง แล้ววิ่งเข้าไปหาเขา

    "เดรโก" มารีนคราง แล้วยืนยิ้มอยู่กับที่

    "ดีใจสุดๆ เลย ในที่สุดนายก็ฟื้น" เฮอร์ไมโอนี่กอดเขาที่นอนไม่มีแรงอยู่บนเตียงพร้อมกับสายน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาจากดวงตาสีน้ำตาลสดใส

    "โอ้ย!! ปล่อยชั้น...ก่อนได้มั๊ย..." มัลฟอยพูดด้วยเสียงที่ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงกระซิบเลย

    "เอ่อ...ขอโทษที" เด็กหญิงพูด แล้วผละออกมากจากเขา

    "รัดแน่นยิ่งกว่างูเหลือมอีก" เด็กชายคราง

    "อย่างพึ่งหาเรื่องชั้นได้มั๊ย..." เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตา และหันไปหาเทพออโรล่า "ขอบคุณมากนะค่ะ"  

    "เราก็ต้องขอบคุณท่านเหมือนกัน..." ออโรล่าบอก แล้วยิ้มให้เธอ

    "เรื่องอะไรเหรอค่ะ" เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างงงๆ

    "ใบไม้ที่หล่อหลอมมาจากน้ำตาของเหล่ายักษ์...ใบไม้ใบนี้ ถึงจะไม่สูงค่าเท่าใด...แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องการอยู่พอดี...ขอบคุณท่านมาก...หมดเรื่องแล้ว เราต้องไปล่ะนะ หวังว่า วันหน้าเราคงจะได้พบกับพวกท่านอีก" เทพสาวพูด

    "ขอบคุณมากค่ะ...ที่ทำให้ชั้นคิดได้"  มารีนพูด แล้วก้มหัวให้กับเทพออโรล่า

    "อย่าลืม...สร้อยนั่น เตือนใจของท่านได้" เทพสาวบอก แล้วฉีกยิ้มให้อย่างจริงใจ

    "ผมจะไม่ลืมท่านเลยครับ" มัลฟอยคราง

    "ไม่เป็นไรหรอก...พ่อหนุ่มน้อย" ออโรล่าพูด

    "ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะ" เฮอร์ไมโอนี่ย่อตัวให้กับเทพสาวเล็กน้อย

    "รักษาตัวด้วยนะ สาวน้อย...เราต้องไปแล้วล่ะ" เทพออโรล่าบอก และร่างของเธอก็เรืองแสงสีขาวสว่างจ้าบาดตาอีกครั้ง ทำให้มองไม่เห็นว่าสิ่งใดคือสิ่งใด "ลาก่อน..." นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่พวกเขาทั้งสามได้ยิน ก่อนที่แสงจางลง และเทพออโรล่าก็ได้หายไปจากห้องพยาบาลเสียแล้ว...



    - +  บทที่ 5 + -

    "เฮ้อ!!! จบเรื่องซะทีนะ" มารีนในร่างจินนี่พูด แล้วนั่งลงบนเตียงของเฮอร์ไมโอนี่

    "ยะ...ยังไม่จบหรอก" มัลฟอยพูดด้วยเสียงอันแหบแห้งที่เปี่ยมไปด้วยความเย็นชา

    "เอ่อ...มัลฟอย...คือ อย่างนี้นะ แบบว่า..." เฮอร์ไมโอนี่พยามอธิบาย พลางนั่งลงบนเตียงของมัลฟอย

    "ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนยัยนี่เลย" เขาพูดอย่างอ่อนแรง

    "แต่..." มารีนพยามช่วยอธิบายอีกคน

    "ทำไมต้องสาป เกรนเจอร์" มัลฟอยถามและค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งช้าๆ

    "ก็..." มารีนอ้ำอึ้ง

    "ก็อะไรล่ะ...บอกมาสิ" เด็กชายถาม แล้วมองเด็กสาวด้วยสายตาคมกริบ

    "เอ่อ...มัลฟอย ให้ชั้นอธิบายบางอย่างได้ไหม" เฮอร์ไมโอนี่พูดแทรกขึ้นมา

    "ถ้าเป็นคำแก้ตัวแทนยัยนี่ ชั้นไม่ฟังนะ" เขาพูด

    "ไม่ใช่คำแก้ตัวหรอก...แต่ชั้นอยากจะให้นายได้รู้ไว้ว่ามารีนน่ะ เป็นคนที่ทำให้นายฟื้นขึ้นมา ไม่ใช่ชั้น" เด็กหญิงบอก

    "ชั้นไม่เชื่อ" เขาพูด แล้วมองมารีนอย่างเหยียดๆ

    "จริงๆ นะ...นายให้โอกาสชั้นอธิบายซักนิดนึงได้ไหม" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วส่งสายตาอ้อนวอนสุดขีดไปให้เค้า

    "โธ่!! เกรนเจอร์...ชั้นไม่ชอบสายตาแบบนี้เลย..." เขาบอก "อ่ะๆ อยากเล่าก็เล่าเลย" เด็กชายพูดแล้วยักไหล่

    "อืม...ฟังนะ..." เฮอร์ไมโอนี่บอก แล้วเธอก็เริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่...เขายังไม่ฟื้น จนถึงเหตุการณ์ปัจจุบันอย่างรวดเร็ว ซึ่งมารีนก็นั่งฟังอยู่อย่างเงียบๆ...

    ...+*+*+...

    "จบแล้วเหรอ" มัลฟอยถาม เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เล่าจบ

    "อืม...จบแล้ว" เด็กหญิงพูด

    "เอ่อ...แล้วทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะ" เขาพูด แล้วเกาหัวเพื่อกลบอาการหน้าแตกอย่างรุนแรง

    "ก็คุณยอมฟังซะที่ไหนล่ะค่ะ คุณหนู" เฮอร์ไมโอนี่ประชด

    "เอาเหอะ...เอ่อ มารีน..." เด็กชายพูด

    "หืม...ว่าไง" มารีนเงยหน้าขึ้นมาถาม

    "เอ่อ...ก็...ถือว่า ครั้งนี้ เธอรอดตัวไป" เขาบอก แล้วหันหน้าไปทางอื่น

    "อืม..." มารีนคราง "เอ่อ...ชั้นไปแล้วนะ เกรน... เฮ้ย!! เฮอร์ไมโอนี่ เดรโก...ฝันดี" เธอพูด แล้วเดินออกไปจากห้องพยาบาล ไม่นานนัก บรรดาอาจารย์ และกลุ่มเพื่อนสนิทของเฮอร์ไมโอนี่ก็เดินเข้ามาในห้องพยาบาล ยกเว้นมารีน

    "พี่เดรโกค่ะ..." อแมนด้าร้อง แล้ววิ่งมากอดเขา

    "หืม...ไม่ร้องไห้น่า" มัลฟอยปลอบน้องสาว เมื่อน้ำตาของเด็กหญิงไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

    "ก็หนูดีใจหนิค่ะ นึกว่าพี่จะตายซะแล้ว" อแมนด้าบอก แล้วกอดเค้าแน่นขึ้น

    "พี่ไม่ตายง่ายๆ หรอก" เขาบอก แล้วลูบหลังอแมนด้าเบาๆ

    "เอาล่ะ...ในที่สุดก็ฟื้นขึ้นมาได้แล้วนะ..." ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูด แล้วยิ้มกว้าง

    "ก็เกือบไม่ได้ฟื้นเหมือนกัน" มัลฟอยพูด แล้วยิ้มมุมปาก

    "เอ่อ...ชั้นคิดว่า..." มาดามพอมฟรีย์พูดขึ้น

    "สองคนนี้ต้องการพักผ่อนใช่ไหม มาดามพอมฟรีย์" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลขัดขึ้น

    "ใช่แล้วจ๊ะ มิเนอร์วา" เธอบอก และรีบเดินออกไปจากห้องพยาบาล เพื่อไปจัดเตรียมยามาให้พวกเขา

    "เอ่อ...เฮอร์ไมโอนี่ เราไปแล้วนะ" แฮร์รี่พูด

    "ระวังตัวล่ะ..." รอนพูด แล้วมองไปที่มัลฟอยอย่างไม่ไว้ใจ

    "อืม" เด็กหญิงตอบรับ

    "รักษาตัวนะค่ะ แล้วพรุ่งนี้หนูจะรีบมาเยี่ยมแต่เช้า" จินนี่ในร่างมารีนพูด แล้วยิ้มให้เธอ

    "งั้น...หนูไปด้วยล่ะกัน แล้วพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่" อแมนด้าพูด แล้วใช้แขนเสื้อคลุมซับน้ำตา

    "เดรโก...ชั้นไปก่อนนะ" เรอคลอฟพูดขึ้นบ้าง

    "จ้า" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วสร้างรอยยิ้มที่จริงใจขึ้นบนใบหน้า

    "เออ...ไปๆ ได้แล้ว" มัลฟอยพูดอย่างรำคาญ เด็กหญิงหันมาทำตาเขียวใส่เขาทันที

    "อืม...แล้วเจอกัน" แฮร์รี่ รอน จินนี่ อแมนด้า และเรอคลอฟพูดพร้อมกัน แล้วหันหลังเดินออกไปอย่างพร้อมเพรียง

    "เอาล่ะ...มิสเกรนเจอร์ มิสเตอร์มัลฟอย...พักผ่อนซะนะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ ชั้นจะมาเยี่ยมใหม่" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด แล้วยิ้มให้พวกเขาทั้งสอง ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่รีบยิ้มตอบกลับไปทันที

    "พักผ่อนซะนะ..." ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูด แล้วหันหลังเดินออกไปพร้อมกับศาสตราจารย์มักกอนนากัล

    "เยี่ยมมาก" มู้ดดี้คำรามชมเฮอร์ไมโอนี่ และเดินออกไป ตามด้วยสเนปที่ยิ้มให้มัลฟอยเล็กน้อย ก่อนจะเดินจากไป

    "ท่านยาก่อนจ๊ะ" มาดามพอมฟรีย์ถือถาดยาเดินสวนกับสเนปเข้ามาอย่างรวดเร็ว

    "ค่ะ" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วรับแก้วยามาจากเธอ แล้วค่อยๆ จิบยาทีละนิด

    "เฮ้อ!!!" มัลฟอยถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะดื่มยาเข้าไปรวดเดียวจนหมด แล้วส่งแก้วยาคืนให้มาดามพอมฟรีย์

    "แหวะ!!!" เด็กหญิงพูด เมื่อดื่มยาไปได้ครึ่งแก้ว

    "ค่อยๆ จิบอยู่นั่นแหละ กินเข้าไปรวดเดียวมันก็หมดแล้ว" เด็กชายพูดอย่างรำคาญ

    "ก็มันขมหนิ" เธอพูด แล้วทำหน้าแหยๆ

    "เอามานี่...เดี๋ยวชั้นป้อนให้ เห็นแล้วมันรำคาญลูกตา" เขาบอก แล้วฉวยแก้วยามาจากเด็กหญิง

    "ชั้นกินเองได้..." เธอบอก แต่มันทันแล้ว เพราะ เขาฉวยแก้วยาไปจากเธอเสียแล้ว 'มือไวจริงๆ เล้ย' เธอคิดอย่างอ่อนใจ

    "กลั้นหายใจ..." เขาสั่งอย่างไม่สนใจมาดามพอมฟรีย์เลย

    "ชั้นบอกว่าจะกินเองไง..." เธอร้อง แล้วพยามฉวยแก้วยามาจากเขา

    "ชั้นบอกให้กลั้นหายใจ" เขาพูดเสียงเฉียบ 'เฮ้อ!! กัดกันไม่เลิกจริงๆ' มาดามพอมฟรีย์คิด แล้วยืนยิ้มน้อยๆ อย่างเอ็นดู

    "ก็ได้" เด็กหญิงบอก แล้วนับหนึ่งถึงสามในใจช้าๆ แล้วกลั้นหายใจ

    "ดี..." เขาพูดสั้นๆ แล้วค่อยๆ เอาแก้วยาป้อนยาให้เด็กหญิง ช้าๆ และในที่สุดยาก็หมดแก้วจนได้

    "ดีมากจ๊ะ" มาดามพอมฟรีย์พูด แล้วรับแก้วยามากจากมัลฟอย "รีบเข้านอนซะ ถ้าอาการดีขึ้นอีกไม่เกินสามวัน ชั้นจะให้พวกเธอออกจากห้องพยาบาล" เธอพูดและเดินจากไป

    "เฮ้อ!! ชั้นต้องเฉาตายแน่ อีกตั้งสามวัน" มัลฟอยบอก แล้วมองเฮอร์ไมโอนี่ที่ยังทำหน้าแหย เพราะ การกินยาขมๆ เข้าไปจนหมดแก้ว

    "แหวะ!! ขมจะตายชัก" เฮอร์ไมโอนี่คราง ดูเหมือนว่า เธอจะไม่ได้ฟังมาดามพอมฟรีย์พูดเลยแม้แต่น้อย

    "ขมอะไรนักหน้าล่ะ" เด็กชายพูดอย่างหน่ายๆ

    "ก็มันขมหนิ...นายไม่ขมบ้างเลยรึยังไง" เธอถาม แล้วหันไปหาเขา

    "ไม่..." เขาตอบ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอ "แต่ชั้นช่วยให้เธอหายขมได้นะ" เขาพูดอย่างทะเล้น

    "ชั้นหายขมแล้ว" เด็กหญิงพูด แล้วดันหน้าเขาออกไปทางอื่น

    "ฮึ!! หายเลยนะ" เขาพูดอย่างขำๆ ในท่าทีของเธอ

    "เออสิ…" เธอพูดอย่างไม่พอใจ

    "สร้อยของเธอหายไปไหนน่ะ" เด็กชายถามเมื่อพึ่งนึกได้

    "เฮ้ย!! หายไปไหนน่ะหายไปได้ไงอ่ะ" เธอร้องอย่างตกใจ

    "สงสัยคงหายไปตอนที่เธอลงไปอยู่ในทะเลสาปมั้ง" เด็กชายพูดอย่างไม่ใส่ใจ

    "เหรอ แย่จัง" เธอพูดอย่างหงอยๆ

    "มัลฟอย...ก่อนที่ชั้นจะฟื้นขึ้นมาน่ะ...นายพูดภาษาอะไรเหรอ" เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างสงสัย

    "เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอกน่า" เขาตอบปัดๆ

    "ก็ชั้นอยากรู้หนิ เป็นไปได้ยังไงกัน...ที่ชั้นฟังไม่ออก...ภาษาฝรั่งเศสก็ไม่ใช่..." เธอบอก พลางครุ่นคิดถึงคำที่เค้าบอกเธอเมื่อตอนนั้น

    "เฮอะ!! ทำหยั่งกะรู้ทุกภาษาในโลก" เขาพูด แล้วมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า

    "ก็เกือบนั่นแหละ...เอ๊ะ!! ตอนนั้นนายพูดว่าไงนะ...อืมๆ...บอกหน่อยสิ" เธอพูด แล้วยิ้มให้เค้า

    "ไม่...บอกได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น" เขาพูด

    "ทำไมล่ะ...ชั้นคิดเองก็ได้...อืม จำได้แต่ประโยคหลังอ่ะ 'ich liebe dich'...อะไรนะช่วยต่อหน่อยสิ มันติดอยู่ที่ปาก  เอ่อ..." เธอพูด มัลฟอยมองเธออย่างรำคาญ

    "Mehr als kann icn sagen…" เขาบอกอย่างหน่ายๆ

    "เออ ใช่ 'Mehr als kann icn sagen… ich liebe dich' ใช่รึเปล่า" เธอถามอย่างกระตือรือร้น

    "อืมใช่พอใจรึยัง" เด็กชายพูด

    "ยังหรอก!! ชั้นอยากรู้ว่า นี่เป็นภาษาอะไร" เธอถามอีก

    "ไม่บอก…" เขาตอบ พลางกอดอก แล้วหลับตาลง

    "เฮอะ!! ชั้นไม่จำเป็นต้องถามนายคนเดียวหรอกย่ะ" เด็กหญิงพูด แล้วแลบลิ้นใส่มัลฟอยที่กำลังจะนอนหลับ

    "เออไปนอนไป" เขาคราง แล้วหลับไหลไปในทันที

    "ย่ะ" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วเอามือปิดปากหาว แต่ยังไม่ทันเธอจะก้าวลงจากเตียงของเขา เธอก็รู้สึกง่วงอย่างมาก อย่างบอกไม่ถูก จนทำให้เธอวูบไปบนเตียงของเด็กชาย



    - +  บทที่ 6 + -

    "สวัสดีครับ…" เสียงหนึ่งดังขึ้น เด็กหญิงค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วเธอก็ต้องตกใจจนแทบจะเป็นลงไปอีกครั้ง

    "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด" เธอร้องสุดเสียง เมื่อเห็นสัตว์ครึ่งมนุษย์ครึ่งปลาสองตัวอยู่ตรงหน้า ชาวเงือกนั่นเอง

    "กรุณาเถิดครับ อย่าร้องเลย" ชาวเงือกตนหนึ่งพูดอย่างขอร้องแกมตกใจ

    "ชั้นอยู่ที่ไหน" เธอรีบถามทันที

    "ใต้ทะเลสาปฮอกวอตส์ขอรับ" ชาวเงือกอีกตนรีบตอบ เฮอร์ไมโอนี่เงียบไปพักหนึ่งเพื่อตั้งสติ แล้วมองไปรอบๆ อย่างประหม่า

    "แล้วแล้วทำไมชั้นพูดในน้ำได้" เธอถามเพื่อทำลายความเงียบ

    "นี่เป็นความฝันของคุณขอรับ" ชาวเงือกทั้งสองตอบ เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าช้าๆ แล้วเธอก็เริ่มถามต่อ

    "แล้วมาที่นี่ต้องการอะไรนายไม่ได้เอาใบไม้คริสตัลไปจากชั้นไม่ใช่เหรอ" เด็กหญิงถามพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง

    "อ้อ!! คืออย่างนี้ขอรับ…" ชาวเงือกตนที่ดูอ่อนกว่ากำลังจะพูด

    "ให้ข้าอธิบายเองดีกว่า ทอรัส" ชาวเงือกอีกตนขัดขึ้น

    "ขอรับท่านลุง" ทอรัสพูด แล้วก้มหน้าก้มตา

    "พวกกระผมมิได้นำใบไม้ที่หล่อหลอมมาจากน้ำตาของยักษายักษีมากจากท่าน ก็เพราะว่า สิ่งนั้น เป็นของชั้นต่ำสำหรับพวกเรา…" ชาวเงือกตนนั้นบอก

    "งั้นเหรอ แต่ชั้นว่ามันมีค่านะ" เด็กหญิงพูดแทรกขึ้นมา

    "แต่ไม่มีค่าสำหรับชาวเงือกขอรับ" ทอรัสแทรกขึ้นมาเบาๆ

    "อืม" เฮอร์ไมโอนี่คราง

    "สิ่งที่พวกเรานำมาจากท่าน ก็คือ สองสิ่งนี้" ชาวเงือกตนนั้นและทอรัสแบมือที่มีพังผืดให้เฮอร์ไมโอนี่ดูสิ่งที่อยู่ในมือของพวกเขา

    "สร้อยแหวน" เธอร้องอย่างดีใจ แล้วเอื้อมมือจะหยิบมันออกมา แต่ชาวเงือกทั้งสองนั้นรีบชักมือกลับทันที

    "กระผมต้องขออภัยท่านนะ ขอรับ ที่นำของๆ ท่านมาโดยมิได้ขออนุญาตก่อน" ทอรัสรีบพูด

    "เอ่อคือ มะไม่เป็นไรหรอก" เธอพูดอย่างยากลำบาก

    "ขอบคุณมากขอรับ" ชาวเงือกทั้งสองพูดพร้อมกันพลางก้มหัวลงต่ำ

    "แล้วทำไม ถึงเอาสร้อยกับแหวนของชั้นไปล่ะ" เด็กหญิงถาม "มันก็เป็นแค่แหวนคริสตัลกับสร้อยทองคำขาวธรรมดาไม่ใช่หรือ"

    "ไม่ใช่ขอรับ…." ทอรัสตอบอย่างนุ่มนวล

    "ที่จริงแล้ว แหวนกับสร้อยนี่ มิใช่แหวนที่ทำมาจากคริสตัล หรือสร้อยที่ทำมาจากทองคำขาวธรรดามแต่ทั้งสองสิ่งนี้มีค่ามากกว่าที่ตาท่านเห็นเป็นสิ่งที่สูงค่าเกินพรรณนา" ลุงของทอรัสตอบ

    "แล้วทั้งสองสิ่งนี้ทำมาจากอะไรล่ะ" เธอถามอย่างสงสัย

    "แหวนนี่ ทำมากจากคริสตัลที่หล่อหลอมมาจากไอแห่งความรักของเหล่าทวยเทพขอรับ" ทอรัสพูด แล้วมองแหวนที่อยู่ในมือของตน

    "อืม…" เฮอร์ไมโอนี่คราง

    "ส่วนสร้อยนี่ ทำมาจากทองคำขาวที่เทพธิดาแอฟโซซิส เป็นคนเสาะหามาด้วยความรัก และนำมาทำเป็นสร้อยให้แก่สามีอันเป็นที่รักของตนเทพออสกิส…" ลุงของทอรัสบอก

    "งั้นเหรอ แล้วทำไมสิ่งมีค่าขนาดนี้ ถึงได้มีขายที่ตรอกไดแอกอนล่ะ แถมอยู่กับแม่มดแก่ๆ ด้วยนะ" เด็กหญิงถาม

    "กระผมก็ไม่ทราบเหมือนกันขอรับ" ชาวเงือกทั้งสองตอบ พลางส่ายหน้าช้าๆ

    "อืม…" เธอพูด

    "กระผมทั้งสองต้องขอโทษท่านอีกครั้งนะขอรับ" ชาวเงือกทั้งสองพูด แล้วก้มหน้าลงต่ำอีกครั้ง

    "ไม่เป็นไรหรอก เอาไปเถอะ ถ้ามันสามารถทำให้พวกเธอมีความสุขน่ะ" เด็กหญิงพูด แต่ภายในจิตใจลึกๆ เธอก็เสียดายอยู่เหมือนกัน

    "ขอบคุณมากขอรับ…" ทอรัสพูด

    "คือกระผมมีของจะตอบแทนท่านมันคือสิ่งที่มีค่าสำหรับพวกเราชาวเงือก แต่พวกเราก็อยากจะให้ท่าน" ลุงของทอรัสบอก เฮอร์ไมโอนี่จึงพยักหน้าช้าๆ

    "แต่พวกเราต้องขอทดสอบบางสิ่งบางอย่างท่านซักหน่อยนะขอรับ" ทอรัสบอก เด็กหญิงจึงพยักหน้าอีกครั้ง ลุงของทอรัสดีดนิ้วครั้งนึง ชาวเงือกทั้งสองหายไปทันที บรรยากาศรอบข้างตัวของเฮอร์ไมโอนี่กลายเป็นสีเทาดูทึบทึม ไม่นานนัก ก็มีประตูสีขาวสองบานปรากฏอยู่ตรงหน้าเด็กหญิง

    "ชั้นต้องทำยังไงเนี่ย" เธอร้อง แล้วเดินเข้าไปใกล้ประตูมากขึ้น แล้วเดินไปเปิดประตูบานหนึ่ง เกิดแสงสีเขียวสว่างวาบบาดตาขึ้น เด็กหญิงรีบหลับตา และปิดประตูทันที

    "เฮ้อ!! อะไรกันเนี่ย" เธอพึมพำ แล้วเดินไปเปิดประตูอีกบานนึง เมื่อประตูเปิดออก เธอก็เห็นห้องๆ หนึ่งที่คุ้นเคย

    "ห้องโถงใหญ่หรือเนี่ย" เธอพูด แล้วเดินเข้าไปข้างใน ภายในมีทรงกลมอยู่เพียงตัวเดียว และมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางคว่ำอยู่ เฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆ เดินไปที่โต๊ะ

    "ข้อสอบรึไงเนี่ย" เด็กหญิงพึมพำกับตัวเอง แล้วพลิกกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ และเริ่มอ่านข้อความ

    "นี่คือการทดสอบของคุณแค่เพียงคุณตอบคำถามเพียงข้อเดียว คุณก็จะผ่านการทดสอบนี้เริ่มได้" เฮอร์ไมโอนี่อ่านเสียงแผ่ว ข้อความบนกระดาษค่อยๆ จางลง และปรากฏข้อความใหม่ขึ้นมาแทนที

    "คุณพร้อมที่จะผจญภัยทดสอบจิตใจของคุณมั๊ย?" เฮอร์ไมโอนี่อ่าน พลางกวาดสายตามองปากกาขนนก แต่ไม่มี!! 'แล้วชั้นจะตอบคำถามนี้ได้ไหมเนี่ย ไม่มีปากกาใช้เลือดเขียนรึไง' เธอคิดอย่างอับจน

    "พร้อมแล้ว" เธอพูดงึมงำ



    - +  บทที่ 7 + -

    หลังจากนั้นไม่ถึงวินาที ก็เกิดแสงสีฟ้าสว่างบาดตาขึ้น เด็กหญิงหลับตาปี๋ และในที่สุดค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อแสงนั้นจางหายไปแล้ว บรรยากาศรอบกายเธอกลายเป็นทุ่งหญ้าโล่งๆ ท้องฟ้าถูกทาสีดำสนิท เมฆต่างรวมตัวกันเป็นก้อนหนาเหมือนสำลีสีนิลและภาพของคนห้าคน กำลังต่อสู้กับใครบางคนอยู่ เธอค่อยๆ เดินไปใกล้มากขึ้น จนสามารถเห็นหน้าของคนเหล่านั้น

    "แฮร์รี่รอนจินนี่อแมนด้าเรอคลอฟมารีน…" เธอครางไล่ชื่อเพื่อนทีละคน ทุกคนถือไม้กายาสิทธิ์ไว้แน่น และกำลังร่ายคาถามอย่างสุดกำลังไปที่คนที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

    "ใครน่ะ…" เด็กหญิงพึมพำ แล้วหรี่ตามองไปที่เขา ในที่สุดเธอก็จำเค้าได้เมื่อหมวกที่คลุมหัวของเขาหลุดออก

    "มัลฟอย" เธอร้องอย่างตกใจ พลางขยี้ตาอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง

    "เรื่องอะไรกันเนี่ย" เธอตะโกน แล้ววิ่งหาเพื่อนๆ ของเธอที่กำลังต่อสู้อยู่กับมัลฟอย

    "เฮอร์ไมโอนี่มาได้จังหวะพอดีเลย…" รอนร้อง แล้วร่ายคาถากรีดแทงใส่มัลฟอย แต่ก็ไม่ได้ผลเพราะมีแค่ละอองสีเขียวบินออกมาจากปลายไม้กายาสิทธิ์เท่านั้น

    "ช่วยพวกเราฆ่ามันหน่อย…" แฮร์รี่ตะโกน

    "ทำไมกันมัลฟอยเค้าทำอะไรให้พวกนายกัน" เธอแผดเสียง แล้วมองพวกเขาตาเขียว

    "ไม่มีเวลาอธิบายแล้วช่วยกันหน่อย" มารีนในร่างจินนี่ร้อง

    "อะไรกัน เธอก็เป็นไปกับเค้าด้วยเหรอ มารีน" เด็กหญิงพูดอย่างไม่เชื่อหู

    "เร็วเถอะพี่เฮอร์ไมโอนี่" จินนี่ร้อง

    "ไม่มีทาง…" เธอบอก ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้

    "ครูซิโอ" เสียงของเรอคลอฟดังก้อง แสงสีเขียวพุ่งออกจากปลายไม้กายาสิทธิ์ของเขา และโดนที่ไหล่ข้างซ้ายของมัลฟอย เขาทรุดฮวบทันที หัวใจของเฮอร์ไมโอนี่แทบหยุดเต้น น้ำตาของเธอไหลพราก

    "หยุดเดี๋ยวนี้นะ" เธอร้อง แล้วพยามวิ่งไปหามัลฟอย แต่ก็ถูกเพื่อนๆ ฉุดเอาไว้

    "อย่านะ เฮอร์ไมโอนี่" แฮร์รี่ตะโกน

    "ทำไมกัน" เด็กหญิงถาม พลางสะบัดตัวสุดแรงเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของเพื่อนๆ และก็ได้ผล เธอรีบวิ่งไปหามัลฟอยที่นอนจมกองเลือดอยู่ทันที

    "เฮอร์ไมโอนี่ นั่นไม่ใช่ มัลฟอย" รอนร้อง เด็กหญิงหยุดกึกทันที

    "อะไรนะ" เธอครางถาม พลางมองไปที่เพื่อนรัก

    "นั่นไม่ใช่ มัลฟอย หรอก เกรนเจอร์" เรอคลอฟพูด

    "เกรนเจอร์….อย่าไปฟังมันพวกนั้นไม่ใช่เพื่อนของเธอ" มัลฟอยที่นอนอยู่บนพื้นหญ้าร้องขึ้น

    "มัลฟอย…" เฮอร์ไมโอนี่คราง ขาของเธออ่อนเรี่ยวแรงอย่างกระทันหัน มันไม่สามารถรับน้ำหนักได้เหมือนเดิมแล้ว เธอทรุดฮวบลงไปร้องไห้กับพื้นทันที "นี่มันเรื่องอะไรกัน" เด็กหญิงหญิงพูดเสียงสั่น

    "รอนไปพยุงเฮอร์ไมโอนี่มานี่ซิ" แฮร์รี่บอก แล้วมองเพื่อนด้วยสายตาเป็นห่วง

    "อืมได้" รอนพูด แล้วค่อยๆ เดินไปหาเฮอร์ไมโอนี่ เค้าค่อยๆ พยุงเธอลุกขึ้นช้าๆ แต่ไม่เป็นผล เพราะ เด็กหญิงไม่ยอมลุกขึ้น

    "เร็วหน่อยสิ รอน" แฮร์รี่เร่ง รอนพยามดึงเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ผลเหมือนเดิม

    "ชักช้านัก ลากมันมาเลย" จินนี่พูดอย่างโมโห เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกแปลกใจที่เด็กหญิงพูดเช่นนั้น เธอจึงค่อยๆ ลุกขึ้นมาตามแรงดึงของรอน

    "ระวังนะ เฮอร์ไมโอนี่" รอนพูด แล้วค่อยพยุงเธอเดินกลับมาช้าๆ เด็กหญิงหันไปหาเขาเพื่อจะขอบคุณ แต่เธอก็เห็นสิ่งหนึ่งเกาะอยู่ที่ต้นคอของเขา

    "รอน!! แมงมุม" เธอร้องอย่างตกใจ จนหยุดร้องไห้ไปทันที

    "งั้นเหรอ" เขาพูดด้วยเสียงราบเรียบ แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งหยิบแมงมุมออกมาจากต้นคอ และบีบมันตายคานิ้ว

    "ทำไมโหดอย่างเนี้ย!!" เฮอร์ไมโอนี่ครางอย่างไม่เชื่อ 'รอนไม่กลัวแมงมุมแล้วเหรอ' เธอคิดอย่าแปลกใจ

    "พี่เกรนเจอร์ค่ะ เป็นอะไรรึเปล่า" อแมนด้าถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง พลางวิ่งเข้ามาพยุงเธอต่อจากรอน แต่หน้าแปลกใจเหลือเกิน เพราะ อแมนด้าไม่เคยเรียกเธอว่า 'เกรนเจอร์' แม้แต่ครั้งเดียว

    "เกรนเจอร์โอ้ย!! เธอเชื่อพวกมันเหรอ" มัลฟอยพูดสลับกับเสียงครางด้วยความเจ็บจากบาดแผล

    "ชะชั้นเชื่อ…" เธอพูดพลางหันหน้าไปหามัลฟอย เกิดรอยยิ้มจางๆ ขึ้นบนหน้าของพวกเพื่อนของเธอ เด็กหญิงก้าวไปข้างหน้าช้าๆ ด้วยขาอันสั่นของเธอ "ชั้นเชื่อว่า นายคือตัวจริง มัลฟอย" เธอตะโกน แล้ววิ่งไปกอดเขา

    "พี่เกรนจะเฮ้ย!! เฮอร์ไมโอนี่ พี่ไม่เชื่อพวกเราเหรอ" จินนี่แผดเสียงดังลั่น

    "ฮึ!! นึกว่าชั้นจะเชื่อพวกเธอเหรอชั้นจะบอกอะไรให้นะ คราวหน้า ถ้าจะปลอมตัวอีกน่ะ หัดให้มันแนบเนียนหน่อย!!" เธอพูด

    "แฮร์รี่น่ะ ถ้าเค้าจะช่วยเพื่อน เค้าไม่ต้องวานคนอื่นหรอกนะ - - ส่วนรอน เค้ากลัวแมงมุมจะตายไป - - ส่วนเรอคลอฟเค้าเรียกแต่ชื่อต้นมัลฟอยตลอด - - ส่วนเธอนะจ๊ะ อแมนด้า เค้าก็เรียกแต่ชื่อต้นของชั้นเหมือนกัน - - และจินนี่ เค้าก็ไม่เคยเรียกชั้นผิด แบบที่เธอทำหรอกนะหนู" เด็กหญิงพูดอย่างสะใจ และไม่นานนักเพื่อนตัวปลอมทั้งหมดของเธอก็กรีดร้องเสียงดัง แล้วร่างของพวกมันละลายหายไป

    "ชั้นอโหสิให้ ไปผุดไปเกิดซะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางเบือนหน้าหันไปทางอื่น

    "สมแล้ว" มัลฟอยคราง

    "นายเป็นไงบ้าง มัลฟอย" เธอพูดพลางคลายวงแขนที่กอดเขาไว้ออก

    "เจ็บสิถามได้" เด็กชายพูด

    "นี่!! เวลาอย่างนี้ยังมาพูดเล่นอีก" เธอพูดอย่างไม่พอใจ น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง

    "แค่เห็นหน้าเธอชั้นก็หายเจ็บไปกว่าครึ่งแล้ว" เขาพูดแล้วสร้างรอยยิ้มที่ดีที่สุดในเวลานี้ให้กับเธอ

    "…" เด็กหญิงไม่พูดอะไรนอกจากร้องไห้สะอึกสะอื้น

    "เกรนเจอร์อย่าร้องไห้สิ" เขากัดฟันพูด เพราะความเจ็บที่แผล

    "ชั้นพยามอยู่แต่มันทำไม่ได้นายเจ็บมากมั๊ยให้ชั้นเจ็บแทนได้รึเปล่า (เวอร์แร้วครับเจ๊)" เธอพูดอย่างร้อนรน

    "เป็นห่วงชั้นด้วยเหรอ" เขากระซิบถามด้วยเสียงแผ่วเบา

    "ทำไมถามอย่างนี้ห่วงสิห่วง เพราะ ชั้นเอ่อ" เธอชะงักกระทันหัน

    "ชั้นอะไร" เด็กชายถาม

    "ชั้นรักเธอนะ เดรโก" เธอกระซิบเบาๆ แล้วกอดเค้าแน่นขึ้น

    "ชั้นดีใจ…" สิ้นเสียงของมัลฟอย แสงสีฟ้าสว่างจ้าบาดดวงตาก็สว่างขึ้นอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่กอดเด็กชายไว้แน่น ไม่นานนักแสงนั้นก็จางลง เด็กหญิงจึงลืมตาขึ้นทันที และพบว่าเธอกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาลเมื่อเดิมแล้ว แต่ที่ไม่เหมือนเดิมนั่นก็คือ ในมือของเธอมือสิ่งของสิ่งหนึ่งอยู่ มันเป็นสิ่งที่คล้ายๆ พืชน้ำสีเขียวๆ เล็กๆ เรียวยาว คล้ายขนตา บรรจุอยู่ในขวดแก้วใสๆ ทรงกระบอก เด็กหญิงนึกออกขึ้นมาทันที

    …+*+*+…

    "ขนตาชาวเงือก" เธอพูดเสียงอันเบาราวกับกระซิบ

    "โอ้ว!! มีแค่อันเดียวเองเหรอเนี่ยไม่แฟร์เลย เอาของๆ เราไปตั้งสองชิ้น" เธอพูดอย่างเสียดาย พลางเขย่าตัวมัลฟอยที่นั่งหลับอยู่ในท่าเดิมไม่มีเปลี่ยน

    "หืมอย่าปลุกชั้นจะนอน" เขาครางแล้วนอนลง พลางดึงเอาหมอนขึ้นมาปิดหน้า

    "มัลฟอยอย่าพึ่งนอนซิ" เธอพูดแล้วดึงหมอนออกจากหน้าเค้า

    "ทำไม!!" เค้าถามอย่างหงุดหงิด

    "อ่ะ เอาไปดูเอง" เธอพูด แล้วยื่นขนตาชาวเงือกให้มัลฟอยดู

    "อะไรอ่ะ…" เขาพูดพลางรับขนตาชาวเงือกไปดู

    "ขนตาชาวเงือกพึ่งได้มาสดๆ ร้อนๆ" เด็กหญิงบอก

    "อืมงั้นพรุ่งนี้เธอเอาไปให้สเนปด้วยล่ะกันราตรีสวัสดิ์" เด็กชายพูด แล้วยัดขนตาชาวเงือกใส่มือของเด็กหญิง และล้มตัวลงนอน

    "เฮ้อ!! ชั่งตื่นเต้นจริงๆ เลยนะ" เธอพูดอย่างหมั่นไส้ แล้วเก็บขนตาชาวเงือกใส่กระเป๋า และเดินไปนอนที่เตียงของเธอ

    …+*+*+…

        เช้าวันรุ่งขึ้น เฮอร์ไมโอนี่รีบปลุกมัลฟอยโดยการใช้หมอนตบเค้าทั้งหมด 5 ครั้ง เขาจึงจะยอมตื่น จากนั้นเธอก็แยกย้ายกับเค้าไปที่หอนอนเพื่อไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า และเพื่อให้เฮอร์ไมโอนี่ได้ไปเอาน้ำตาเซ็นทอร์จากหีบกัดคนด้วย หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง เธอก็มาพบกับเค้าที่หน้าคุกใต้ดิน เพื่อมาพบสเนป พวกเค้าเกี่ยงกันเคาะประตูห้องกันอยู่ห้านาที ไม่นานนักสเนปเป็นคนเปิดประตูออกมาเอง เพื่อไปทานอาหารที่ห้องโถง แต่เค้าก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นเด็กทั้งสองยืนเถียงกันอยู่หน้าประตู



    "ว่าไง เดรโก" สเนปทัก

    "อืมคืออย่างนี้ค่ะอาจะ…." เด็กหญิงไม่ทันจะพูดจบสเปนก็ขัดขึ้นมา

    "หักคะแนนกริฟฟินดอร์ 5 คะแนน ฐานพูดขึ้นมาโดยมิได้รับอนุญาต ไร้มารยาท" เขาพูดอย่างเยือกเย็น เฮอร์ไมโอนี่เงียบไปทันที

    "คือ อย่างนี้ครับอาจารย์ ผมมีส่วนผสมที่อาจารย์ต้องการแล้ว…" มัลฟอยเกริ่น

    "ขนตาชาวเงือก กับ น้ำตาเซ็นทอร์ งั้นหรือ" สเนปถาม

    "ใช่แล้วค่ะ" เฮอร์ไมโอนี่รีบตอบ

    "หักอีก 3 คะแนน จากกริฟฟินดอร์…" เขาพูดเสียงเย็น

    "นี่ครับ" มัลฟอยพูด พลางยื่นของให้กับสเนป

    "ขอบใจชั้นจะปรุงยาให้เธออีก 2 วัน ตอนเที่ยงคืน ให้พาเพื่อนทั้งสองคนของเธอมาด้วยจะได้เอาเส้นผมมาปรุงยา และยานี้ต้องทานทันทีหลังจากปรุงเสร็จ เข้าใจไหม" เขาถาม เฮอร์ไมโอนี่ไม่พูดอะไรเธอพยักหน้าช้าๆ จึงรอดจากการโดนหักคะแนนมาได้

    "ครับ…" มัลฟอยรับคำ แล้วดึงเฮอร์ไมโอนี่ไปทันที

    …+*+*+…

    "ไม่คุ้มเลย ตั้ง 8 คะแนน" เธอบ่นอย่างหัวเสีย ระหว่างทางที่ไปห้องโถง

    "เฮอะ!! อย่าบ่นเลย รีบกินข้าวเถอะ" เขาพูด

    "อีกสองวัน ชั้นไม่ขอไปด้วยได้ไหม ไม่อยากเจอหน้าสเนป" เธอพูด

    "แล้วแต่เธอล่ะกัน" เด็กชายบอก แล้วเดินเข้าห้องโถงไป

    …+*+*+…

        ในที่สุด พวกเขาก็หาส่วนผสมทั้งหมดครบแล้ว และอีกสองวัน มารีนกับจินนี่จะได้ร่างเดิมกลับคืน หลังจากทนอยู่ในร่างของคนอื่นมาเป็นเวลา 2 เดือนและในที่สุด เฮอร์ไมโอนี่ก็ได้บอกรักมัลฟอยแล้ว แต่นั่นก็เป็นแค่ความฝันของเธอซึ่งในโลกแห่งความจริงแล้ว เธอคิดอยู่ตลอดเวลาว่าอยากจะบอกเค้า แต่ใจของเธอนั้นก็ไม่กล้าซักที

    …***To be continue***…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×