ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความทรงจำที่ดีของมัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอน : Lucky & Unlucky

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.19K
      14
      24 ก.ย. 49




    + -บทที่ 1- +

        หลังจากที่เมื่อสักครู่นี้ (วันนี้ยังเป็นวันเดียวกันกับตอนที่แล้วนะ) พวกเขาได้รับทราบข่าวร้าย ที่ว่า มารีนและจินนี่สลับร่างกัน (เมื่อตอนที่แล้ว ยังจำกันได้รึเปล่า?) พวกเขาจึงต้องมานั่งหาหนังสือในห้องสมุดอ่าน เพื่อจะได้ช่วยทั้งสองคนนี้ ให้กลับร่างกันเป็นเหมือนเดิม ซึ่งมันก็ทั้งหน้าเบื่อ ทั้งเซ็ง แทบจะที่สุดในชีวิตของพวกเขาเลยก็ว่าได้



    "เฮอร์ไมโอนี่ ว่าไงมีหาเจอไหม" แฮร์รี่ถาม หลังจากเฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมากจากตั้งหนังสือกองโต แต่ความผิดหวังก็ถาโถมใส่เขาทันที เมื่อเด็กหญิงส่ายหน้าแทนคำตอบ

    "ไม่เห็นจะมีเล่มไหนที่พูดถึงเลย" เธอพูดอย่างผิดหวัง

    "ฉันว่า เดี๋ยวบ่ายนี้เราค่อยมาหากันต่อเถอะ ชั้นหิวแล้วอ่ะ" รอนพูดอย่างหงุดหงิด พร้อมกับยกมือกุมท้อง

    "อืม ก็ได้" เธอพูดแล้วเดินไปที่หนังสือกองโตที่กองรวมกันอยู่บนโต๊ะ เพื่อจะเอาไปเก็บ

    "วิงการ์เดียม เลวีโอซ่า" มัลฟอยท่องคาถาเรียบๆ หนังสือที่กองอยู่บนโต๊ะ ลอยขึ้นไปเก็บบนโต๊ะเองโดยอัตโนมัติทันที เฮอร์ไมโอนี่ตกใจเล็กน้อย แล้วหันไปหาเขาอย่างรวดเร็ว

    "ขอบใจ" เธอพูดแล้วเดินนำออกไปจากห้องสมุดทันที

    "ไปกันเถอะค่ะ หนูหิวแล้ว" อแมนด้าพูดแล้วฉุดมัลฟอยให้เดินตามเฮอร์ไมโอนี่ออกไปทันที

    "รอน ไปกันเถอะ ชั้นก็หิวแล้วเหมือนกัน" แฮร์รี่พูดแล้วกอดคอ รอนเดินตามออกไป

    …+*+*+…

        เมื่อเวลาอาหารกลางวันผ่านพ้นไป พวกเขาก็เข้ามานั่งในห้องสมุดกันต่อ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครมีกระจิตกระใจจะหาหนังสือมาอ่านเลย เพราะ พวกเขาต่างก็อิ่มไปตามๆ กัน เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนกันไปตามระเบียบ คนที่หลับนำไปคนแรก เห็นจะเป็นรอน ก็แน่ล่ะ เขากินอย่างจุยิ่งกว่าคน 3 คนมารวมกันเสียอีก และตามมาด้วยแฮร์รี่ที่กำลังนั่งก้มหัวทำความเคารพหนังสืออยู่อย่างสม่ำเสมอ (สัปหงก นั่นแหละ!!) ก็คงเหลือแต่เฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอยและอแมนด้าที่กำลังนั่งอ่านหนังสือกันอยู่อย่างหน่ายๆ



    "หาเจอบ้างไหมค่ะ พี่เฮอร์ไมโอนี่" อแมนด้าเงยหน้ามาถามเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งอยู่ตรงฝั่งตรงข้าม หลังจากปิดหนังสือเล่มที่ 24 ของเธอลง แต่เธอก็ต้องตกใจกับภาพตรงหน้า

    "พี่เฮอร์ไมโอนี่ค่ะ ตื่นตื่นสิ" เธอลุกขึ้นเขย่าตัวเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังฟุบหลับอยู่กับโต๊ะ

    "อืม ตื่นแล้ว" เธอเงยหน้าขึ้นมาตอบอย่างช้าๆ

    "พี่หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะเนี่ย" อแมนด้าถามอย่างงงๆ

    "สิบห้านาทีที่แล้วมั้งจ๊ะ" เธองัวเงียตอบ

    "ไม่น่าเชื่อว่า เด็กท๊อปของชั้นปีอย่างเธอจะหลับคาหนังสือ" มัลฟอยพูดน้ำเสียงขบขัน และแฝงไปด้วยความเหลือเชื่อ

    "ชั้นก็เป็นคนนะย่ะ" เธอคราง แล้วฟุบหลับต่อไปทันที

    "เฮ้อ!!!" อแมนด้าถอนหายใจอย่างหน่ายๆ

    "ให้ชั้นเรียนกับ 'ไอ้ยักษ์ไร้สมอง' นั่นทั้งวัน ยังดีกว่ามาอ่านหนังสือในห้องสมุดสามชั่วโมงอย่างนี้เลย" มัลฟอยบ่นแล้วปิดหนังสือลง

    "ใครค่ะ 'ไอ้ยักษ์ไร้สมอง' น่ะ" อแมนด้าทวนคำอย่างงงๆ

    "ไอ้แฮกริดไง เธอยังไม่รู้จักมันอีกเหรอ" มัลฟอยพูดน้ำเสียงดูถูก อย่างเห็นได้ชัด

    "อ๋อ คนที่ตัวโตๆ ใช่ไหมค่ะ ทำไมพี่ถึงไปว่าเค้าอย่างนั้นล่ะ" อแมนด้าถามอย่างไร้เดียงสา

    "ช่างมันเถอะ เดี๋ยวเธอก็รู้เอง" เขาตอบอย่างเซ็งๆ แล้วฟุบลงไปกับโต๊ะ

    "พี่เดรโก" อแมนด้าร้อง แล้วลุกขึ้นเขย่าตัวมัลฟอยที่นั่งฟุบอยู่ข้างๆ

    "หือ" เขาครางแล้วนอนหนุนหัวหันมาหาอแมนด้า

    "อย่าพึ่งหลับสิ" เด็กหญิงพูดแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตามเดิมด้วยท่าทางงอนๆ

    "แป๊บเดียวน่า ยี่สิบนาที" เขาพูดแล้วหลับตาลง

    "ถ้าครบยี่สิบนาที พี่ต้องตื่นนะ" อแมนด้าพูดแล้วหันไปที่นาฬิกาที่โต๊ะของมาดามพินซ์อย่างกระตือรือร้น

    "อืมๆ ตื่นทุกคนเลยก็ได้" เขากระซิบเสียงแผ่ว แล้วหนุนหัวหันหน้าไปทางอื่น แล้วเริ่มต้นเดินทางไปในความฝันทันที

    …+*+*+…

        ความฝันของมัลฟอยนั้นก็ไม่พ้นเรื่องการค้นหาข้อมูลในการช่วยมารีนและจินนี่อยู่ดี เขากำลังอยู่ในห้องๆ หนึ่งที่เขารู้สึกคุ้นเคยกับมันมาก แต่เค้าก็คิดไม่ออกว่ามันคือที่ใด เขาไม่ค่อยสนใจในจุดนั้นมากนัก เพราะ เขารู้ว่ายังไงมันก็เป็นแค่ความฝัน ในห้องๆ นั้นบรรยาสลัวๆ มีเพียงแต่แสงของพระอาทิตย์ส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่ฝุ่นจับอยู่เล็กน้อย มีตู้หนังสือเรียงรายอยู่เต็มผนัง แต่ละตู้นั้นสูงพอๆ กับห้องสมุดที่โรงเรียน และมีหนังสืออัดแน่นจนแทบจะล้นออกมา ไม่ใช่สิ มันล้นออกมาแล้ว เพราะมีหนังสือกองย่อมๆ ตั้งอยู่บนพื้นหินอ่อนไม่ไกลจากเขามากนัก มีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง และมีขวดน้ำยาต่างๆ มากมายตั้งอยู่เต็มโต๊ะ เขาจึงเดินไปหยิบหนังสือเล่มนึงขึ้นมาจากกองหนังสือที่ล้นออกมาจากตู้และดูที่หน้าปก



    "พืชน้ำที่หายาก : โดย มอร์กาน่า โอดิปุส" เขาพึมพำแล้วเปิดหนังสือออกอ่าน แต่ก็มีสิ่งหนึ่งหล่นลงมาจากหนังสือ

    "อะไรเนี่ย" เขาหยิบสิ่งที่ตกมาจากหนังสือขึ้นมาดูอย่างพินิจ มันมีลักษณะคล้ายกับใบไม้ขนาดเล็กๆ แต่มันมีความแวววาวไม่ต่างอะไรไปกับคริสตัลเลย (ขอเรียกว่า 'ใบไม้คริสตัล' ล่ะกันนะ) เขาดูมันอยู่นาน พลางคิดว่าจะเก็บมันไว้ที่เดิมหรือในกระเป๋าเสื้อคลุมของเขาดี

    "ก็แค่ความฝัน" เขาพูดแล้วเก็บมันเข้ากระเป๋าเสื้อคลุม และหันไปสนใจกับหนังสือต่อ

    ...+*+*+…

        เขาพลิกหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ อย่างเซ็งๆ 'โอ้ย!!! เป็นความฝันที่น่าเบื่อที่สุดในชีวิตเลย' เขาคิด เมื่อเริ่มเซ็งกับความฝันที่ต้องมานั่งอ่านหนังสืออย่างนี้เต็มทน แต่เขาก็ยังเปิดหนังสือต่อไป และอ่านชื่อพืชน้ำต่างไปเรื่อยๆ และสายตาก็ไปสะดุดที่ 'หมวด : พืชน้ำที่ได้ยากมากที่สุดในโลกเวทย์มนตร์' เขาจึงอ่านรายละเอียดทันที



    "พืชน้ำที่ได้ยากมากที่สุดในโลกเวทย์มนตร์นั้น อาทิเช่น เถาแมนลัช  เถาวัลย์บาดาล เถามองกู้ด รอฟเฟอร์ เป็นต้น พืชน้ำเหล่านี้มีค่ามากเปรียบประดุจ ทองคำ และเสาะหาได้ยากยิ่ง ต้องใช้ทั้งไหวพริบ และความเฉลียวฉลาด อย่างมาก จึงจะได้พืชเหล่านี้มา และบางครั้งอาจจะต้องใช้ทั้งดวง ทั้งโชค และเสี่ยงอันตราย บางทีอาจจะต้องใช้ของที่มีค่า เช่น คริสตัลน้ำงาม หรือ เพชรสูงค่า เพื่อแลกกับพืชเหล่านี้ พ่อมดแม่มดที่เคย พบพืชเหล่านี้ มีน้อยคนนัก และส่วนมากมักบังเอิญพบเท่านั้น (รายละเอียดที่หน้า 784)"

    "ก็แค่พืชน้ำธรรมดา" เขาพูด แล้วพลิกหนังสือหน้าต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่ใส่ใจ โดยรอว่าเมื่อไหร่จะครบยี่สิบนาที เพื่ออแมนด้าจะได้ปลุกเขาให้ตื่นจากความฝันงี่เง่านี้ซักที และในที่สุด



    + -บทที่ 2- +

    "พี่เดรโก!!! ตื่นได้แล้ว" เสียงอแมนด้าก้องอยู่ในหูของเขา

    "อือ ตื่นแล้วตื่นแล้ว" เขาพูดแล้วเด้งตัวลุกขึ้น

    "แปลกแฮะ ทำไมตื่นง่ายจัง หนูพึ่งเรียกพี่แค่สามครั้งเอง" อแมนด้าพูดอย่างแปลกใจ

    "เอาเป็นว่า พี่ตื่นก็ดีแล้วล่ะ" เด็กชายพูดแล้วเดินไปหาเฮอร์ไมโอนี่ ที่ตอนนี้ยังหลับอยู่ในท่าเดิมไม่มีเปลี่ยน

    "พี่ค่ะ หนูไปหาหนังสืออย่างอื่นมาอ่านนะ" อแมนด้าพูด พร้อมกับเดินออกไปจากมุมนั้น

    "ยัยหัวฟู ตื่นได้แล้ว" เขาพูด พร้อมกับเขย่าตัวเฮอร์ไมโอนี่

    "ค่ะๆ ตื่นแล้ว" เธอพูดแล้วเงยหน้าขึ้นช้า แล้วเอามือปิดปากหาว

    "เธอนึกว่าชั้นเป็นแม่เธอรึไง" มัลฟอยถามเสียงกวนประสาท

    "คงงั้นแหละ" เธอกวนกลับบ้าง พลางลุกขึ้นไปที่หน้าต่าง แล้วบิดขี้เกียจ

    "ฝันดีไหมล่ะ" เขาถามแล้วนั่งลงที่เก้าอี้

    "ดีกับผีอะไรล่ะ ขนาดฝันยังต้องนั่งอ่านหนังสือเลย ถ้ารู้อย่างนี้นะ ฉันนั่งอ่านหนังสือจริงๆ ยังดีกว่าเลย" เธอตอบแล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ เขา

    "อืมเหรอ อ่านหนังสืออะไรล่ะ" เด็กชายถามอย่างชวนคุย

    "ก็ 'คำสาปและการแก้คำสาป' น่ะสิ" เธอตอบอย่างเซ็งๆ

    "อืม เหรอหนังสือนั่นก็ยังน่าอ่านมากกว่า หนังสือ 'พืชน้ำหายาก' เยอะเลยล่ะ" เขาพูด แล้วนึกถึงความฝันเมื่อครู่ 'ใบไม้ที่ตกลงมากจากหนังสือนั่นล่ะ' เขาคิด แล้วเอื้อมมือไปแตะที่กระเป๋าเสื้อคลุมเพื่อดูว่าใบไม้คริสตัลตอนฝันนั้น ยังอยู่รึเปล่า

    "ยังอยู่อีกเหรอเนี่ย" เขาพูดอย่างแปลกใจ แล้วหยิบใบไม้คริสตัลขึ้นมา

    "นั่นอะไรน่ะ" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วเอื้อมมือเข้าไปแตะใบไม้คริสตัลที่มือของมัลฟอย เขาจึงยื่นให้เธอ

    "นายไปเอามันมาจากไหนล่ะ" เธอถาม แล้วยื่นมือออกไปรับใบไม้คริสตัลที่เขาส่งให้

    "จาก 'ฝัน' น่ะสิ" เขาตอบเรียบ

    "จาก 'ฝัน' เหรอ" เด็กหญิงทวนคำอย่างประหลาดใจ

    "อืม ฉันก็ไม่รู้ว่าเอามาได้ยังไง มันตกลงมาตอนที่ชั้นเปิดหนังสือนั่น น่ะสิ" เขาตอบ

    "แล้วเอามาได้ยังไง มันแค่ความฝันไม่ใช่เหรอ" เธอถาม พลางนั่งครุ่นคิดไปด้วย

    "ไม่รู้" เขาตอบอย่างรำคาญ เมื่อถูกยิงคำถามเข้ามามากมาย

    "ฉันว่า มันคงไม่ใช่ฝันธรรมดาแล้วล่ะ" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วหันไปมองหน้าเขา

    "ยังไง"  มัลฟอยหันมาถามเธออย่างรวดเร็ว แล้วมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตามกลมโตของเด็กหญิง

    "นายไม่รู้ หรือว่าแกล้งโง่กันแน่" เธอว่าเขาอย่างอารมณ์เสีย ที่เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดเลย

    "เธอมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน" เขาถาม อย่างโมโห เพราะ ไม่เคยมีใครเคยกล้าว่าเขา (ต่อหน้า) ขนาดนี้

    "ก็แล้วนี่นายไม่รู้จริงๆ เหรอ" เธอเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว แต่เด็กชายไม่ตอบ

    "ฝันที่ฉันบอกว่าไม่ธรรมดาก็คือ มันคือ ความจริงที่อยู่ในรูปของความฝันน่ะสิ" เธอพูด แล้วหันไปพิจารณากับใบไม้คริสตัลต่อ "ชั้นเคยอ่านในหนังสือ 'เผยชะตาอนาคต' น่ะ ความฝันแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ หรอกนะ มักจะเกิดขึ้นกับคนที่ ขี้งอน ขี้โมโหเท่านั้นแหละ" เธอบอกทำเอา เด็กชายหันมาทันที

    "นี่!!! เธอว่าชั้น ขี้งอน ขี้โมโหเหรอ" มัลฟอยถามอย่างโมโห

    "ไม่ๆ ก็หนังสือเขาบอกมาอย่างนี้อ่ะ" เธอแก้ตัว

    "เออ ก็แล้วไปงั้นแสดงว่า สถานที่ๆ ชั้นไปอ่านหนังสือนี่ก็ มีอยู่ในโลกจริงๆ น่ะสิ"  เขาถามเมื่อเริ่มเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดบ้างแล้ว

    "คงจะหยั่งงั้นแหละ" เธอพูดแล้วพลิกใบไม้คริสตัลไปมา

    "ฉันรู้สึกคุ้นๆ นะว่ามันคือที่ไหน แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก" เขาพูด แล้วนั่งเอามือกุมขมับ และเริ่มคิด

    "พี่เดรโกค่ะ" เสียงของอแมนด้าร้องมาจากมุมๆ หนึ่ง และเธอก็วิ่งมาหาเขา

    "ว่าไง" เขาหันมาถาม

    "พี่แครบ กับ พี่กอยล์ มาตามหาพี่น่ะค่ะ" เด็กหญิงพูดเสียงใส

    "เรื่องอะไรอีกเนี่ย" เขาร้อง แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ และหันหลังเดินออกไปทันที

    "ล่ำลาซักคำก็ไม่มี" เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่พอใจ ปนงอน

    "พี่เค้าคงรีบน่ะค่ะ" อแมนด้าพูดเป็นเชิงปลอบ

    "ไม่ได้คิดที่จะลามากกว่า" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้

    "นั่น!!! พี่จะไปไหนค่ะ" อแมนด้ารีบหันมาถามอย่างรวดเร็ว

    "เดินเล่น ฝากปลุกรอนกับแฮร์รี่ด้วยล่ะ พี่คิดว่าถ้าเธอไม่ปลุก สองคนนี้อาจจะหลับไปตลอดกาลเลยก็ได้นะ…" เธอพูดแล้วหันหลังกลับ "อ้อ แล้วอีกอย่างตอนเย็นรีบไปที่ห้องโถงนะ" เด็กหญิงพูดแล้วเดินฉับๆ ออกไปทันที

    "โอเคค่ะ แล้วหนูจะตามไป" อแมนด้าพูดไล่หลังเฮอร์ไมโอนี่ไป



    + -บทที่ 3- +

        เฮอร์ไมโอนี่เดินมาตามระเบียงทางเดินชั้นสองเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ที่จริงเธอไม่มีกระจิตกระใจจะเดินเล่นอย่างที่เธอ บอกเลยซักนิด แต่เธอรู้สึกโมโหมัลฟอยอย่างรุนแรงที่เขาเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรกับเธอซักคำ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจนั่งใต้ต้นไม้ริมทะเลสาป เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ซักหน่อย เธอนั่งมองออกไปบนพื้นผิวน้ำในทะเลสาปอย่างใจลอย และเธอก็นึกถึงใบไม้คริสตัลที่มัลฟอยได้มาตอนที่เขาฝัน เธอจึงหยิบมันขึ้นมาดู



    "ใบไม้นี่มันต้องมีอะไรซักอย่างแน่ๆ" เธอพูดแล้วหลับตาลง

    "มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียวครับ" เสียงของเด็กหนุ่มคนนึงพูดขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นทันที

    "ปะเปล่าค่ะ" เธอรีบตอบอย่างตกใจ "แล้วคุณล่ะค่ะ มีอะไรรึเปล่า" เฮอร์ไมโอนี่ถามบ้าง ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะ หน้าของเด็กหนุ่มคนนั้น อยู่ใกล้เธอมาก

    "เปล่าครับ ผมเห็นคนนั่งอยู่คนเดียว ผมก็เลยมาทัก" เด็กหนุ่มคนนั้นบอก เขาเป็นเด็กหนุ่มผมสีทราย ผิวขาวนวล คิ้วเรียวยาว ตาสีฟ้าสดใสของเขาเหมือนอแมนด้า ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล จมูกโด่ง ปากเรียวเล็ก สวยงามได้รูป (คิดถึงคนที่หน้าตาดีก็แล้วกัน นะ อิอิ)

    "ฉันเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอค่ะ แล้วคุณเอ่อ…" เฮอร์ไมโอนี่ถามอีก

    "เรอคลอฟ  ฟอสเตอร์ครับ" เขาบอก "เอ่อจะว่าอะไรไหมถ้าผมจะขอนั่งด้วย"

    "ได้สิ" เธอพูด แล้วรีบขยับที่ให้เขานั่งทันที

    "ขอบคุณ" เรอคลอฟพูด แล้วล้มตัวนั่งลงข้างๆ เด็กหญิง

    "คุณอยู่บ้านเรเวนคลอเหรอ" เธอถาม และเริ่มมีแผนการอยู่ในใจ

    "ใช่ครับ ผมอยู่ปี 5" เขาพูดแล้ว หยิบก้อนหินแถวนั้นขึ้นมาโยนเล่น

    "อืม แล้วนายคิดว่า ตัวนายฉลาดไหม" เด็กหญิงถามอีก

    "ทำไมถามงั้นล่ะ" เรอคลอฟเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

    "ก็ แค่อยากรู้น่ะไม่บอกก็ไม่เป็นไร" เธอพูด แล้วยิ้มแหยให้ เด็กหนุ่มยิ้มมุมปาก ก่อนจะตอบว่า

    "คุณคิดว่า เด็กท๊อปของชั้นปี ฉลาดรึเปล่าล่ะ" เรอคลอฟถาม แล้วหันมายิ้มให้เธอ

    "จริงเหรอ นายท๊อปของชั้นปีเหรอ น่าชื่นชมมาก" เธอร้องออกมาอย่างดีใจ เขาต้องช่วยเธอได้แน่ๆ

    "คุณถามอย่างนี้ จะให้ผมช่วยอะไรเหรอ" เขาถามอย่างรู้ทัน

    "ก็งั้นชั้นไม่อ้อมค้อมเลยละกันนะ" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วหันไปยิ้มให้เขา

    "ว่ามา ผมกำลังรอฟังอยู่" เขาพูดด้วยท่าทางที่เอาจริงเอาจัง

    "ก็…" เธอหยิบใบไม้คริสตัลขึ้นมา และส่งให้เขา "ชั้นอยากรู้ว่าใบไม้เนี่ย คืออะไร"

    "อืม…" เรอคลอฟเอื้อมมือไปรับใบไม้คริสตัลจากมือของเด็กหญิง

    "ว่าไง นายรู้รึเปล่า" เธอรีบถามอย่างกระตือรือร้น

    "ผมคิดว่า ผมน่าจะรู้นะ แต่ต้องขอเวลาหน่อย" เขาพูด

    "งั้นเหรอ นานเท่าไหร่ล่ะ" เธอหันถามมาถาม

    "ประมาณ 2 เดือน" เรอคลอฟบอก แล้วเก็บใบไม้คริสตัลใส่กระเป๋าไป

    "ได้สิแต่เร็วกว่านั้นก็ดีนะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วลุกขึ้น

    "แล้วนี่ คุณคงไม่คิดว่าผมจะช่วยคุณฟรีๆ หรอกนะ" เขาพูด แล้วยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย

    "หมายความว่าไง" เธอถาม อย่างไม่ค่อยพอใจนัก 'คิดอยู่แล้วเชียว ตานี่ ไม่น่าเลย' เธอคิด

    "ก็หมายความอย่างที่ผมพูด" เด็กหนุ่มพูด แล้วลุกขึ้นยืนบ้าง

    "งั้นนายก็ไม่ต้องช่วยชั้นดีกว่า เอาใบไม้นั่นคืนมาด้วย" เฮอร์ไมโอพูด และยื่นมือออกไป เพื่อรับใบไม้คริสตัลคืนมา

    "โธ่!!! คุณอย่างอนสิ" เขาพูดแล้วดึงตัวเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาจนแทบจะชิดกัน

    "ปล่อย" เธอกระแทกเสียง แล้วสะบัดมือของเรอคลอฟออก

    "ผมแค่ให้คุณ ช่วยหาข้อมูลเกี่ยวกับ 'เถาวัลย์บาดาล' ให้ผมหน่อย แค่นั้นเอง ผมจะเอาไปทำรายงานน่ะ" เรอคลอฟพูด แล้วมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยท่าทางขำๆ

    "อ๋อ แล้วทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะ" เด็กหญิงก้มหน้าก้มตาพูด พร้อมหน้าที่เป็นสีชมพูด้วยความอาย

    "อืมไม่งั้น ผมก็ไม่เห็นคุณหน้าแดงสิ" เขาพูด ในขณะที่หน้าเขาก็แดงไม่แพ้เธอ

    "ก็ได้แล้วชั้น จะหาให้นะ" เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง แล้วหันหลังและเดินมุ่งหน้ากลับปราสาททันที

    "ครับ แล้วผมจะรอ" เด็กหนุ่มตะโกนไล่หลังเฮอร์ไมโอนี่ไป



    + - บทที่ 4 - +

        เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เดินเข้ามาในปราสาท เธอก็รู้สึกว่าท้องไส้เธอกำลังปั่นป่วน ไม่ใช่เพราะความหิว แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แล้วเธอตัดสินใจจะไปที่ห้องโถง ระหว่างทางนั้น เธอเดินอย่างช้าๆ และนับทุกย่างก้าวที่เธอเดิน ในที่สุดก็มาถึงห้องโถง เธอค่อยๆ เดิน ในจังหวะการเดินที่ยังเหมือนเดิม (ช้าๆ) เข้าไปในห้องโถง ที่ตอนนี้เริ่มมีนักเรียนพลุกพล่านขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงค่อยๆ เดินไปที่โต๊ะของกริฟฟินดอร์ และนั่งลงรอเพื่อน



    "เฮอร์ไมโอนี่" เสียงของรอนร้องมาแต่ไกล

    "กว่าจะมาได้นะ" เธอหันไปพูดกับรอนที่รีบวิ่งมานั่งข้างๆ เธอทันที

    "ก็แฮร์รี่น่ะสิ ชักช้าอยู่นั่นแหละ" รอนพูด แล้วมองไปที่แฮร์รี่ที่กำลังรีบวิ่งมาเหมือนกัน

    "แฮร์รี่ อย่าบอกนะว่านายพึ่งตื่น" เฮอร์ไมโอนี่ทัก เมื่อเขานั่งลงอีกข้างหนึ่งของเธอ

    "โอ๊ย!!! พวกเราตื่นตั้งนานแล้ว ใช่ไหมรอน" เขาพูด แล้วลูบผมที่ชี้ตั้งขึ้นให้กลับลงมาเรียบร้อย

    "นานพอที่จะเห็นเธอสวีทกับเด็กบ้านเรเวนคลอที่ริมทะเลสาปเลยล่ะ" รอนพูด แล้วยิ้มมาให้เฮอร์ไมโอนี่ที่หน้ามีริ้วสีชมพูปรากฏขึ้น

    "นี่นายแอบดูเหรอฉันไม่ได้สวีทกับเค้าซักหน่อย คุยกันเรื่องเรียนเฉยๆ" เธอพูดแก้ตัวอย่างรวดเร็ว

    "อือ ว่าแต่เธอไม่กลัวมัลฟอยเห็นเหรอ" แฮร์รี่พูด

    "ก็ชั้นบอกแล้วไงว่าคุยกันเรื่องเรียน…" เธอพูด

    "ชั้นว่า เดี๋ยวเจ้านั่นก็คงรู้แหละ เพราะ อแมนด้าก็เห็น" รอนบอก "จริงเหรอ" เด็กหญิงถามอย่างตกใจ

    "ชั้นจะโกหกให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะ" รอนพูด อย่างรำคาญ

    "ถึงเขารู้ ก็ไม่มีสิทธิ์อะไรจะมาโกรธชั้นอยู่แล้วล่ะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างงอนๆ พลางนึกถึงเรื่องตอนที่เขาเดินออกไปจากห้องสมุด โดยไม่พูดอะไรกับเธอสักคำ

    "อ้าวทำไมพูดอย่างนั้นล่ะค่ะ พี่เฮอร์ไมโอนี่" เสียงของอแมนด้าดังขึ้นข้างหลังเธอ

    "ก็จริงหนิ" เธอกระแทกเสียงอย่างงอนๆ

    "สงสัยหนูต้องไปบอกพี่เดรโกซะแล้ว ว่าพี่กำลังงอนอยู่ ว่าแต่เรื่องอะไรนะ - - อ๋อ สงสัยต้องเรื่องนั้นแน่" อแมนด้าพูด แล้ววิ่งจากไปทันที

    "เฮ้ยเดี๋ยว!!! อแมนด้า" รอนร้อง แต่อแมนด้าก็ไม่หันมา "แหม!!! ไม่มีล่ำล่าชั้นสักคำ" รอนพูดอย่างงอนๆ

    "รอนนายนี่น่าสงสารจริงๆ" แฮร์รี่พูด พร้อมกับเสียงหัวเราะ

    "แฮร์รี่!!!" เฮอร์ไมโอนี่ร้องปราม เพราะ รอนเองก็ ไม่แตกต่างจากเธอไปซักเท่าไหร่ (คงรู้กันนะ ว่าเรื่องอะไร)

    "ขอโทษที" แฮร์รี่พูด แต่ก็ยังคงหัวเราะน้อยๆ อยู่

    "เอ่อฉันมีเรื่องอยากจะถามพวกเธอตั้งนานแล้ว จะขอถามวันนี้เลยได้ไหม" เฮอร์ไมโอนี่ถาม ขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

    "อืมได้สิ" แฮร์รี่และรอนตอบพร้อมกัน อย่างงงๆ

    "พวกไม่ตกใจบ้างเหรอ ตอนที่รู้เรื่องฉันกับเอ่อมัลฟอยน่ะ" เด็กหญิงเริ่มคำถาม

    "ก็ตกใจนะ แต่ไม่มาก เพราะว่า ฉันกับแฮร์รี่เตรียมใจกันมาเรียบร้อยแล้วล่ะ" รอนพูดแล้วสูดหายใจลึกๆ

    "ใช่ เราเตรียมใจกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนหลังจากเธอถูกกักบริเวณกับฟิลช์น่ะ พวกเราสัญญากันไว้ว่า…" แฮร์รี่พูดแล้วหันไปหารอน

    "ไม่ว่าเธอจะชอบใคร หน้าไหน ไม่ว่าจะเป็น กริฟฟินดอร์ สลิธิริน เรเวนคลอ หรือฮัฟเฟิลพัฟ หรือแม้แต่ ศัตรูของพวกเราก็เถอะ เราเราจะไม่โกรธเธอ" พวกเขาท่องพร้อมกัน ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่ปล่อยฮาออกมาทันที

    "ทำไมล่ะ" เธอพูด พร้อมกับหัวเราะ

    "ก็เพราะว่า ฉันเห็นเธอแปลกไป แบบว่าปกติเธอจะไม่ค่อยปกป้องไอ้มัลฟอยนะ แต่ตอนนั้นเธอปกป้องมันแบบสุดขีดเลย มันผิดปกติ นิสัยของเธอน่ะ" รอนพูด แล้วมองไปที่จานทองอย่างโหยหาอาหารสุดชีวิต

    "แล้วก็อีกอย่างนะ 'ความรักไม่มีเหตุผล' ใช่ไหม" แฮร์รี่พูด แล้วหันไปหาเพื่อนทั้งสอง

    "อืมก็ใช่ แล้วความรักเนี่ยนะ มันเข้าใคร แล้วมันไม่ค่อยยอมออกจากคนนั้นด้วยนะ" รอนพูดติดตลก เรียกเสียงฮาจากแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

    …+*+*+…

        พวกเขาคุยกันได้ครู่เดียว กลุ่มนักเรียกก็เริ่มทยอยกันมาเกือบเต็มห้องโถงแล้ว และโต๊ะทั้งสี่บ้าน ก็มีเสียงดังจ้อกแจ้กฟังไม่ได้ศัพท์ของนักเรียนที่คุยกันเสียงดังอื้ออึง ไม่นานนักอาหารปรากฏขึ้นบนจานทองของแต่ละบ้าน อาหารฝีมือพวกเอลฟ์ก็ยังรสเลิศเหมือนเดิม และเมื่อสามสหายทานอาหารกันเสร็จพวกเขาก็รีบเดินกลับหอคอยกริฟฟินดอร์ทันที



    + - บทที่ 5 - +

        เมื่อมาถึงห้องนั่งเล่นรวมบ้านกริฟฟินดอร์ รอนและแฮร์รี่เปิดฉากปะทะศึกหมากรุกพ่อมดกันทันที เฮอร์ไมโอนี่จึงนำ หนังสือ 'พืชวิเศษ : โดย ลินดา พลัมกิน' มานั่งอ่านบนโซฟาข้างเตาผิง ไม่ไกลจากแฮร์รี่และรอนนัก เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับ 'เถาวัลย์บาดาล' ให้กับเรอคลอฟ



    "เฮอร์ไมโอนี่ เธออ่านหนังสืออะไรน่ะ" แฮร์รี่หันมาถาม เมื่อเห็นเธอนั่งเงียบ

    "หนังสือ 'พืชวิเศษ' น่ะ" เธอตอบ แล้วก้มหน้าอ่านต่อ

    "เธอเคยอ่านมันแล้วไม่ใช่เหรอ" รอนหันมาถามบ้าง

    "อืม แต่ชั้นกำลังจะหาข้อมูลน่ะ พวกเธอช่วยเงียบๆ กันหน่อยก็ดีนะ" เด็กหญิงตอบ แล้วก็ก้มหน้าอ่านต่อ แต่ก็ไม่มีสมาธิเลย

    "อ้าว!!! เลิกอ่านแล้วเหรอ" แฮร์รี่ถามเขา เด็กหญิงลุกขึ้นจากโซฟา และเดินไปที่หน้าประตูที่พาไปสู่หอนอนหญิง

    "ไม่มีสมาธิน่ะชั้นไปนอนก่อนนะ" เธอพูดแล้วเดินขึ้นไปทันที

    "ไปก็เร็ว มาก็เร็ว" รอนพูด แล้วล้มกระดานหมากรุก

    "เอ้ย!!! เลิกเล่นทำไม" แฮร์รี่พูดอย่างงงๆ

    "ฉันกลัวว่า อีกสิบนาทีข้างหน้า ชั้นจะแพ้นายเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีน่ะสิ" เขาพูด แล้วเดินขึ้นหอนอนชายไปทันที

    "เฮอะ!!!ช่างไม่ยอมรับความจริงเอาซะเลย" แฮร์รี่พูด แล้วเก็บซากกระดานหมากรุกที่เกลื่อนเต็มพื้น

    …+*+*+…

        เวลาโบยบินไปอย่างรวดเร็วจนผ่านมา 6 สัปดาห์แล้ว และวันที่ 30 ตุลาคม เป็นวันที่นักเรียนจากโบซ์บาตงและเดิร์มสแตรงก์จะเดินทางมา เฮอร์ไมโอนี่ก็รีบตื่นแต่เช้า เธอลงมาถึงห้องนั่งเล่นรวม ในห้องว่างเปล่า เงียบเชียบ มีแต่เสียงฝีเท้าของเธอ และเสียงของไฟในเตาผิงที่พึ่งถูกจุดใหม่ๆ ประทุอย่างต่อเนื่อง เธอจึงตัดสินใจนั่งอ่านหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างโซฟา รอเพื่อนที่โซฟาหน้าเตาผิง เธอนั่งอ่านหนังสืออยู่ได้ครู่ใหญ่ แล้วเพื่อนทั้งสองของเธอก็เดินลงมา พร้อมกับท่าทางง่วงนอนสุดขีด



    "แฮร์รี่ รอน ทำไมทำท่าหยั่งกับอดหลับอดนอนมาขนาดนั้นล่ะ" เธอถามน้ำเสียงหัวเราะ กับท่าทีของเพื่อนทั้งสอง

    "เธออยากรู้เหรอ" รอนถาม แล้วเดินมานั่งลงข้างเธอ

    "อยากสิ" เธอตอบ แล้วหันหน้าไปหาเพื่อนทั้งสอง เป็นเชิงถาม

    "ก็เนวิลล์น่ะสิ เกิดคึกอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ ตื่นขึ้นมาปลุกเราตอนเที่ยงคืนน่ะสิ" แฮร์รี่พูด แล้วเดินมานั่งที่โซฟาอีกตัวข้างเตาผิง

    "สงสัย เค้าอยากดูดาวมั้ง" เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างขำๆ

    "คงจะใช่แหละ" รอนพูด แล้วหลับตาลง

    "ไปกินข้าวกันเถอะ ชั้นหิวแล้ว" เด็กหญิงพูด แล้วกระโดดลุกขึ้นจากเก้าอี้

    "เธอไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันกับรอนตามไปเอง" แฮร์รี่พูด แล้วขดตัวนอนบนโซฟา

    "ทำไมล่ะ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ" เธอร้องแล้วฉุดรอนและแฮร์รี่ให้ลุกขึ้น

    "ฟังดีๆ นะ เฮอร์ไมโอนี่ ฉัน-ง่วง" รอนลากเสียงและเน้นอย่างชัดเจน แล้วล้มตัวลงนอนต่อ

    "เราอยากพัก เข้าใจมั๊ย" แฮร์รี่เสริม

    "แต่วันนี้วันศุกร์นะ เรามีเรียนตอนเช้า" เฮอร์ไมโอนี่พูดเตือนสติเพื่อนทั้งสอง

    "ชั้นจะโดด" รอนพูดอย่างไม่ใส่ใจ

    "แล้ววันนี้ เราเรียนคาบของสเนปคาบสุดท้าย ไม่ต้องกลัวเลย" แฮร์รี่เสริมอีกครั้ง

    "ตามใจล่ะกัน" เธอพูดแล้วเดินปึงปังจากไปทันที

    …+*+*+…

        เฮอร์ไมโอนี่เดินตามทางเดินมาเรื่อยๆ เธอไม่ได้มุ่งหน้าไปยังห้องโถง เพราะยังเช้าเกินไป เธอจึงตัดสินใจจะไปหาหนังสือในห้องสมุดอ่านแทน เมื่อมาถึงห้องสมุด ภายในไม่ค่อยมีนักเรียนอยู่เลย ก็แน่ล่ะ มันยังเช้าอยู่หนิ เฮอร์ไมโอนี่จึงเดินไปหาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องพืชมาอ่านทันที เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับ 'เถาวัลย์บาดาล' ให้เรอคลอฟ

        เธอเลือกนั่งอ่านหนังสือตรงมุมเงียบ ที่ปลอดคน และมีลมพัดผ่านเป็นระยะ เธอเปิดหาหนังสืออ่านมาสามเล่มแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเล่มซักเล่าที่จะมีแนวโน้มกล่าวถึง 'เถาวัลย์บาดาล' เลยซักเล่มเดียว แต่เธอก็นั่งหาไปเรื่อยๆ จนเธอเริ่มรู้สึกง่วง เธอจึงเอนหลังกับเก้าอี้ กอดอกและหลับตาลงเพื่อพักสายตาซักครู่ แต่เธอก็รู้สึกถึงลมเย็นๆ ที่มาปะทะที่ข้างแก้ม ที่ทำให้เธอรู้สึกจั๊กจี้อย่างบอกไม่ถูก ไม่นานนักเธอรู้สึกริมฝีปากของใครบางคนสัมผัสลงที่แก้มของเธอ เด็กหญิงตกใจและลืมตาขึ้นมาดูทันที



    + - บทที่ 6 - +

    "มัลฟอย" เธอร้องอย่างตกใจ แล้วเอามือลูบแก้มข้างที่ถูกเขาจูบ

    "อืมก็ชั้นน่ะสิ" มัลฟอยพูด แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เธอ

    "ลมหายใจเย็น หยั่งกับผีแหนะ" เธอคราง

    "อะไรนะ เกรนเจอร์" เขาถาม ทั้งๆ ที่ได้ยินเต็มสองรูหู

    "เปล่าแล้วคิดยังไงเนี่ยมาเข้าห้องสมุดตอนเช้า" เด็กหญิงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที

    "ก็คิดว่าเธอต้องอยู่ที่ห้องสมุดน่ะสิ" เด็กชายตอบเรียบๆ

    "มาหาฉันเหรอ มีเรื่องอะไรรึเปล่า" เธอถาม อย่างสงสัย

    "คิดถึงน่ะ" เขาพูด นั่นเล่นเอาเฮอร์ไมโอนี่หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที

    "ฮึ!!! ฉันพูดเล่น" มัลฟอยพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ เด็กหญิงหันหน้าไปทางอื่นทันที

    "แล้วมีเรื่องอะไรจะพูดกับชั้นล่ะ" เฮอร์ไมโอนี่ถามซ้ำอีกรอบ

    "ว่าแต่ทำอะไรอยู่ล่ะ" เขาตอบอย่างไม่ตรงคำถาม เด็กหญิงหันหน้ามาจ้องเขา

    "นั่งอยู่" เธอพูดเสียงกวน อย่างที่เลียนแบบมัลฟอยมา

    "เหรอแล้วเธออยากจะลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นรึเปล่าล่ะ" มัลฟอยพูดเสียงกวนประสาทกลับบ้าง

    "ไม่ต้องหรอก ขอบคุณ…" เธอพูด

    "นี่!!! ตกลงเธอนั่งทำอะไรอยู่" เขาถามอีกครั้ง

    "หาข้อมูลเกี่ยวกับ 'เถาวัลย์บาดาล' ให้เพื่อนอยู่น่ะพอใจรึยัง" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วยิ้มกวนๆ

    "งั้นเหรอ…" มัลฟอยพูด แล้วหยิบหนังสือ 'พืชวิเศษ' ของเธอมาอ่าน

    "ว่าแต่ มาหาชั้นทำไม" เธอถามอีกเป็นครั้งที่ 3

    "ก็เมื่อคืนชั้นนึกออกแล้ว ว่าที่ๆ ชั้นไปนั่งอ่านหนังสือในฝันน่ะ คือที่ไหน" เขาพูดเรียบๆ

    "ที่ไหนล่ะ" เธอพูดพร้อมกับเขย่าตัวเขาไปด้วย แต่เค้ากลับชี้ไปที่แก้มตัวเอง

    "ฝันไปเถอะ" เด็กหญิงพูด พร้อมกันหันหน้าหนีอีกครั้ง

    "ไม่เป็นไรแต่หนังสือที่ชั้นอ่านตอนนั้นน่ะ มีข้อมูลเกี่ยวกับ 'เถาวัลย์บาดาล' ที่เธอต้องการด้วยนะ" เขาพูดแล้วยิ้มอย่างมีชัย

    "โธ่!!! มัลฟอย ทำไมนายถึงเรื่องมากอย่างนี้นะ" เด็กหญิงบ่น แต่เขาก็ชี้ไปที่แก้มตัวเองเหมือนเดิม

    "ติดไว้ก่อนได้ไหมหน่านะ" เธอพูดเสียงอ้อน

    "ถ้าติดไว้น่ะ ชั้นคิดดอกเบี้ยนะ" เขาพูด แล้วลอยหน้าลอยตาอย่างกวนๆ

    "อือก็ได้" เฮอร์ไมโอนี่พูด อย่างรวดเร็ว จนแทบไม่ได้คิดเลย

    "แต่บอกไว้ก่อนนะ ถ้าเธอคิดจะเบี้ยวล่ะก็…" เขาเว้นช่วงเล็กน้อย "เจอดีแน่" มัลฟอยพูด แล้วยิ้มกวนประสาท

    "เออแล้วนายจะบอกชั้นมั๊ยเนี่ยวันนี้…" เธอพูดอย่างรำคาญ "ที่ไหน" เด็กหญิงเร้า

    "ห้องทำงานพ่อชั้น" เด็กชายตอบ เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยฮาออกมาทันที

    "โอ้โห!! นายนี่เหลือเชื่อเลยขนาดห้องทำงานของพ่อตัวเองยังจำไม่ได้เลย" เธอพูด พร้อมกับหัวเราะไปด้วย

    "ถ้าเธอเป็นชั้นแล้วจะรู้ ตั้งแต่เกิดมา ชั้นเคยเข้าไปในนั้นไม่ถึงห้าครั้งด้วยซ้ำ" เขาพูดเสียงแข็งกร้าว เฮอร์ไมโอนี่หยุดขำทันที

    "เอ่อชะชั้นขอโทษ" เธอพูดแล้วก้มหน้าสำนึกผิด

    "ไม่เป็นไร"  เขาพูด แล้วเงยหน้าขึ้นมองเพดานห้องสมุด เกิดความเงียบครอบคลุมพื้นที่ตรงนั้นทันที

    "นายจะให้ชั้นยืมหนังสือที่นายอ่านในฝันตอนนั้นได้มั๊ย" เธอพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจเพื่อทำลายความเงียบ

    "ชั้นไม่แน่ใจ เพราะ อย่างที่ชั้นบอก นั่นเป็นหนังสือของพ่อชั้น" เด็กชายพูด แล้วก้มหน้าลงมามองเธอ

    "แล้วนายคิดว่าห้องสมุดจะมีหนังสือเล่มนั้นไหม" เฮอร์ไมโอนี่ถาม แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา

    "คงมีแต่คงอยู่ในเขตหวงห้ามของห้องสมุด" เขาตอบเสียงเรียบ และสบตากับเฮอร์ไมโอนี่เช่นกัน

    "งั้นเหรอ" เธอพูดน้ำเสียงผิดหวัง

    "แต่เพื่อเธอชั้นจะลองหาวิธีเอาหนังสือนั่นมาจากห้องทำงานพ่อให้ก็แล้วกัน" เขาพูด แล้วเอื้อมมือไปหยิกแก้มของเฮอร์ไมโอนี่เบาๆ

    "ขอบใจ" เด็กหญิงตอบแล้วยิ้มให้เขาอย่างน่ารัก จนใจของเขาเต้นเป็นจังหวะกลอง

    "ไปกินข้าวกันเถอะ ยัยเลือดสีโคลน" เขาพูด แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่เฮอร์ไมโอนี่ยังนั่งนิ่ง

    "ไปกินข้าวกันเถอะครับ คุณหัวฟู" เด็กชายพูดอีกครั้ง แล้วยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังไม่ลุกแถมทำท่าว่าจะปักหลักตั้งรกรากอยู่ตรงนี้เสียเลย

    "จะลุกดีๆ หรือ จะให้กระผมอุ้มไปครับ" มัลฟอยบอก คราวนี้เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าเก้าอี้จะล้มลงภายในสองสามวินาที มัลฟอยจึงลากเธอเดินออกไปจากห้องสมุดทันที

    …+*+*+…

        มัลฟอยเดินจูงมือเฮอร์ไมโอนี่ มาตามทางที่พาไปสู่ห้องโถงที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน จากนั้นไม่นาน ความซวยเกิดคิดถึงเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมา จึงเดินทางมาเยี่ยมเยียนเธออย่างกระทันหัน



    "กรี๊ดดดดดดดดดดดด แกกล้าดียังไงถึงได้จับมือกับเดรโก" เสียงแหลมแสบแก้วหูดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยมือออกจากมัลฟอยอย่างรวดเร็ว และยกมือขึ้นมาปิดหูแทน

    "นี่!!! ชั้นรู้ว่าเธอเสียงดี แม่นกหวีด" เด็กหญิงกรีดเสียงสู้

    "หุบปากเน่าๆ ของเธอไปเลย ยัยเลือดสีโคลน สกปรก ยี้!!" แพนซี่ พาร์กินสัน นักเรียนหญิงปีสี่บ้านสลิธีรินร้อง ตอนนี้ทั้งผิวพรรณและหน้าตาของเธอ ดูผุดผ่องขึ้นจากเดิมมาก แต่นิสัยของเธอกลับแย่เหมือนเดิม

    "ชั้นก็ไม่อยากจะพูดกับเธอมากหรอกย่ะ ยัยเลือดบริดสุทธิ์" เฮอร์ไมโอนี่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

    "หยุด!!! ทั้งคู่เลย" มัลฟอยพูดเสียงเย็น ทั้งคู่หยุดทันที

    "โธ่!!! เดรโก" แพนซี่ร้องเสียงออดอ้อนแล้ว เดินเข้าไปควงแขนมัลฟอย

    "พาร์กินสัน ขอโทษ เกรนเจอร์ เดี๋ยวนี้" เด็กชายพูดเรียบๆ แพนซี่หันขวับมาทันที

    "ไม่มีทาง" แพนซี่พูด แล้วปล่อยมือออกจากแขนของมัลฟอย

    "จะขอโทษดีๆ หรือขอโทษทั้งน้ำตา" เขาพูดเสียงเย็น "ชั้นจะนับถึงสามนะ" เด็กชายหยิบไม้กายาสิทธิ์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม

    "หนึ่ง…" เขาร้องเสียงก้อง แต่แพนซี่ยังยืนนิ่ง อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

    "สอง…" มัลฟอยพูด มัลฟอยยกไม้กายาสิทธิ์ขึ้นมาจ่อหน้าแพนซี่ที่ยังลอยหน้าลอยตา อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

    "สาม…" เขาพูด แล้วกำลังจะท่องคาถา แต่ก็มีคนมาขัดเสียก่อน

    "เอกซ์เปลลิอาร์มัส" เสียงหนึ่งดังขึ้น ไม้กายาสิทธิ์ของมัลฟอยลอยเข้าไปอยู่ในมือของเจ้าของเสียงทันที

    "เรอคลอฟ" ทั้งมัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่ และแพนซี่ร้องพร้อมกัน

    "เธอรู้จักมันเหรอ" มัลฟอยถามเฮอร์ไมโอนี่ แล้วชี้ไปที่เรอคลอฟที่กำลังเดินมาหา

    "ก็ใช่น่ะสิแล้วนายก็รู้จักเขาเหมือนกันเหรอ" เธอถามกลับบ้าง และมัลฟอยก็พยักหน้าแทนคำตอบ

    "แหม!!! ถ้าชั้นมาช้ากว่านี้ไปนิดนึงนะ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างเนี่ย" เรอคลอฟถามอย่างอารมณ์ดี

    "ลองดูไหมล่ะ" มัลฟอยพูดอย่างกวนๆ

    "นี่!!! เดรโก ชั้นบอกนายแล้วไงว่าผู้หญิงคนเนี้ย ชั้นขอ…" เรอคลอฟพูดยิ้มๆ

    "ขอไปทำไม เอาไปเป็นแม่ของลูกนายเหรอ" มัลฟอยถาม แล้วยิ้มมุมปาก

    "เฮอะ!!! ถ้าใครคิดจะเอายัยนี่ไปเป็นแม่ของลูกตัวเองนะ คงต้องรสนิยมแปลกน่าดู ชั้นขอนับถือ" เรคลอฟพูดเรียบๆ

    "กรี๊ดดดดดดดดดดดด คอยดูนะ เรอคลอฟ เกรนเจอร์" แพนซี่กรีดเสียงอีกครั้งแล้วเดินจากไปทันที

    "ไปซะที" เรอคลอฟพูด แล้วหันมายิ้มให้ทั้งสอง "ชั้นยังพูดไม่จบว่า ขอให้ทีหลังนายรีบสาปยัยนี่ เร็วๆ ไม่ต้องนับหนึ่งถึงสามหรอก เดี๋ยวอาจารย์ก็เดินมาเห็นกันพอดี" เขาพูด แล้วหัวเราะ

    "ตกลง นายสองคนรู้จักกันได้ยังไงเนี่ย" เฮอร์ไมโอนี่พูด หลังจากเงียบไปนาน

    "ชั้นต้องถามเธอต่างหาก ว่าเธอไปรู้จัก เจ้านี่ได้ยังไง" มัลฟอยย้อนถาม

    "เอาเป็นว่าเดี๋ยวชั้นจะเล่าให้ฟังระหว่างทางที่เดินไปห้องโถงดีมั๊ย" เรอคลอฟเสนอความคิด แล้วเริ่มออกเดิน

    "ก็ดีเหมือนกันนะ" เฮอร์ไมโอนี่พูด "มาสิ มัลฟอย" เธอหันมาแล้วจูงมือเด็กชาย เดินตามเรอคลอฟไป



    + - บทที่ 7 - +

        ระหว่างทางนั้น เรอคลอฟก็ได้เล่าให้มัลฟอยฟังว่า เขารู้จักเฮอร์ไมโอนี่ได้อย่างไร ("ชั้นล่ะ เบื่อจริงๆ ไอ้พวกหนอนหนังสือเนี่ย") พอเล่าจบ เรอคลอฟ ก็เล่าเรื่องที่เขารู้จักกับมัลฟอยให้เฮอร์ไมโอนี่ฟังบ้าง



    "คือ ชั้นกับเดรโก รู้จักกันมาตั้งแต่เราอายุเท่าไหร่นะ เดรโก" เรอคลอฟหันหน้าไปถามมัลฟอย

    "อืมๆประมาณ หกเจ็ดขวบ มั้ง" เขาตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่

    "เออก็ประมาณนั้นแหละ คือ เราเป็นญาติกัน" เรอคลอฟบอก

    "จริงเหรอ ทำไมญาตินายเยอะจัง มัลฟอย" เฮอร์ไมโอนี่ถาม

    "พวกเลือดบริสุทธิ์น่ะ เขาเป็นญาติกันหมดนั่นแหละ" เขาตอบเรียบๆ

    "แล้วทำไม รอน ถึงไม่เห็นเป็นญาติกับนายเลยล่ะ เขาก็เลือดบริสุทธิ์หนิ" เธอถามอีก

    "นี่!!! เกรนเจอร์ ตอนนี้ชั้นกำลังมีความสุขเลย อย่าพึ่งพูดถึงไอ้หัวแดงนั่นได้ไหม" เขาพูดเสียงเย็นชา

    "อย่าเรียกรอนอย่างนั้นนะ มัลฟอย" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วหันไปจ้องหน้าเขา

    "เฮ้ย!!! นี่พวกเธออย่าพึ่งทะเลาะกันตรงนี้ได้ไหม" เรอคลอฟร้องอย่างรำคาญ

    "แล้วทำไม เรอคลอฟถึงอยู่บ้านเรเวนคลอล่ะ ชั้นนึกว่าญาติเธอทุกคนจะอยู่สลิธีรินซะอีก" เด็กหญิงถามอีก

    "นี่!!! เธอไปสนิทสนมกับเจ้านี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงเรียกชื่อมันแล้ว ทีชั้นล่ะ เธอไม่เห็นเรียกชื่อชั้นบ้างเลย" เขาพูดหาเรื่องเธอ

    "โอเคๆ ทำไม ฟอสเตอร์ ถึงอยู่เรเวนคลอล่ะ พอใจรึยังค่ะ คุณหนู" เธอเน้นเสียงประชดประชัน

    "ไม่รู้สิ" มัลฟอยตอบสั้นๆ

    "ชั้นรู้ๆ" เรอคลอฟพูดขึ้น "ก็หมวกคัดสรรส่งชั้นไปน่ะสิ" เขาพูดเสียงกวน

    "เฮ้อ!!! มัลฟอยสอนนายให้พูดกวนเหรอ" เธอถามอย่างหน่ายๆ

    "เปล่า ชั้นสอนเดรโกต่างหาก" เรอคลอฟพูด แล้วยิ้มอย่างกวนๆ

    "ชั้นอยู่กับพวกนาย แล้วปวดหัวจริงๆ เลย" เฮอร์ไมโอนี่คราง

    …+*+*+…

    "เอ่อ ว่าแต่ เกรนเจอร์ คุณหาข้อมูลเกี่ยวกับเถาวัลย์บาดาล ให้ผมเจอรึยัง" เรอคลอฟถาม ขณะที่พวกเขาเดินลงบันไดที่ระเบียง ทางเดินชั้นสอง

    "ก็เจอแล้วล่ะ" เธอพูด แล้วหลิ่วตาให้มัลฟอย

    "อ๋อ เธอหาข้อมูลไปให้เจ้าเรอคลอฟเองเหรอเนี่ย" เขาพูด แล้วยิ้มมุมปาก

    "เออ ก็ใช่น่ะสิ ข้อมูลอยู่ที่นายรึไง เดรโก" เรอคลอฟพูด แล้วยิ้มมุมปากเช่นกัน

    "นายรู้ได้ยังไง เรอคลอฟ" มัลฟอยถามอย่างงงๆ

    "นายคิดว่าเด็ก…" เรอคลอฟพูด แต่ยังไม่ทันจะจบมัลฟอยก็ขัดขึ้นมา

    " 'ท๊อปของชั้นปีอย่างชั้น จะไม่รู้เหรอ' ใช่ไหม" มัลฟอยถาม อย่างกวนๆ

    "เออ" เรอคลอฟตอบอย่างเซ็งๆ "เอาข้อมูลมาสิ ชั้นต้องเอาไปทำรายงาน" เขาพูด แล้วยื่นมือออกไปจะรับข้อมูลมา

    "อีก 1 อาทิตย์ ชั้นรับรอง ว่าจะเอาไปให้นายแน่" มัลฟอยพูด พลางปัดมือของเรอคลอฟออกไป

    "แต่ มัลฟอยนายต้องเอามาให้ชั้นอ่านก่อนนะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงอ้อน

    "แน่นอนครับ คุณผู้หญิง" เขาพูด ตอนนี้พวกเขามาถึงหน้าห้องโถงแล้ว

    "ชั้นไปก่อนนะ แล้วอีก 1 อาทิตย์ ชั้นก็จะหาข้อมูลเกี่ยวกับใบไม้นั่นมาให้พวกเธอเช่นกัน" เรอคลอฟพูด แล้วหันหลัง แต่แล้วเค้าก็หันกลับมา "อ้อแหวนสวยดีนะ เกรนเจอร์" เขาพูดทิ้งท้ายและเดินไปนั่งที่โต๊ะเรเวนคลอ ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง และถอดแหวนเก็บใส่ในกระเป๋าเสื้อคลุม

    "เดี๋ยวก็สำลักน้ำฟักทองหรอก" มัลฟอยพูดหยอก

    "ไม่กลัวหรอก" เฮอร์ไมโอนี่พูด

    "งั้นชั้นไปก่อนนะ" มัลฟอยพูดแล้วหันหลังกลับ แต่เฮอร์ไมโอนี่ฉุดแขนเขาไว้ก่อน

    "อะไรอีกล่ะ" เขาหันมาถามอย่างรำคาญ เด็กหญิงไม่พูดอะไร เธอเขย่งปลายเท่าแล้วประทับริมฝีปากของเธอลงบนริมฝีปากของเขาอย่างนุ่มนวล แล้วเธอก็ถอนริมฝีปากออกช้าๆ "ที่ติดไว้ รวมดอกเบี้ยเรียบร้อยแล้วนะ" เธอกระซิบอย่างแผ่วเบา แล้วเดินเข้าไปในห้องโถง นั่นทำให้เขารู้สึกหวิวๆ อย่างบอกไม่ถูก

    "ชั้นนึกว่าเธอจะเบี้ยวซะแล้ว" เขาครางไล่หลังเฮอร์ไมโอนี่ แล้วเดินตามเธอเข้าไปในห้องโถง



    + - บทที่ 8 - +

        เมื่อมาถึงในห้องโถง รอนกับแฮร์รี่ นั่งรอเธออยู่ก่อนแล้ว พวกเขาทั้งสองดูสดชื่นกันกว่าตอนที่ห้องโถงมาก เฮอร์ไมโอนี่จึงเข้าไปที่โต๊ะของกริฟฟินดอร์ เพื่อไปหาเพื่อนทั้งสอง



    "อ้าว!!! มาแล้วเหรอ" รอนถามอย่างกระตือรือร้น

    "ขอโทษที่มาช้า" เธอพูดแล้วนั่งลงระหว่างกลาง สหายทั้งสอง

    "เธอไปไหนมา พวกชั้นรอตั้งนานแหนะ" แฮร์รี่ถามบ้าง

    "ห้องสมุด" เธอตอบเรียบๆ

    "เออ ชั้นลืมไป ว่าเธอกำลังจะทำสถิติ อ่านหนังสือในห้องสมุด ให้มากกว่านักเรียนทั้งฮอกวอตส์รวมกัน" รอนแกล้งพูด

    "เป็นไอเดียที่ดีมาก รอน" เธอพูดประชด

    "นี่!!! เธอรู้ไหม ทำไมวันนี้เนวิลล์ ถึงปลุกเราให้ตื่นตอนเที่ยงคืน" แฮร์รี่ถาม เด็กหญิงจึงส่ายหน้า และเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

    "วันนี้วันเกิดของ คุณย่าเขาน่ะสิ เลยตื่นขึ้นมายืมนกฮูกของชั้นกับแฮร์รี่ เพื่อส่งของขวัญไปให้คุณย่า" รอนตอบ

    "ตอนนั้น ชั้นกับรอนกำลังง่วง ก็เลยไม่รู้เรื่องอะไร" แฮร์รี่เสริม

    "เหรอ" เฮอร์ไมโอนี่ตอบสั้นๆ

    "คุณย่าของเนวิลล์นะ ใจดีมากเลย ขนาดวันเกิดของตัวเองนะ ยังส่งกบช็อกโกแลตมาฝากทุกคนเลย คนละห้าหกกล่องแน่ะ" รอนพูดอย่างสำราญใจ

    "อ๋อ อย่างนี้นี่เอง พวกนายถึงได้ดูสดชื่นผิดปกติสินะ" เธอพูด แล้วยิ้มให้เพื่อนทั้งสอง

    "อือ" แฮร์รี่และรอนพูดเสียงแผ่ว อย่างพร้อมเพรียง

    …+*+*+…

        หลังจากนั้นไม่นาน นักเรียนก็ต่างพากันทยอยมาเข้าห้องโถงกันเกือบครบ แล้วเสียงสิ่งของกระทบกันก็ดังขึ้น เสียงช้อนและแก้วของศาสตราจารย์มักกอนนากัลนั่นเอง เสียงนักเรียนที่กำลังคุยกันเงียบลงไป ราวกับปิดสวิทซ์ แล้วอาจารย์ก็เริ่มประกาศข่าวสำคัญอีกครั้ง ที่ทำให้นักเรียนหลายคนตื่นเต้น และรอคอยให้เวลาค่ำนี้มาถึง นั่นก็คือ นักเรียนจาก โบซ์บาตง และเดิร์มสแตรง กำลังจะเดินทางมาที่ฮอกวอตส์ในค่ำวันนี้ และเรียกประชุมอาจารย์และพรีเฟ็คทั้งวัน (8.00 – 17.10 น.) เพื่อเตรียมต้อนรับนักเรียนจากต่างโรงเรียน ดังนั้นวันนี้พวกเขาก็ไม่ต้องเรียนตลอดวัน และวันนี้ให้พวกเขามารวมกันที่ห้องโถงเวลา 17.30 น.

        เมื่อพวกเขาทานอาหารเช้ากันเสร็จ แฮร์รี่และรอน ขอตัวไปกินกบช็อกโกแลตกันต่อที่หอคอยกริฟฟินดอร์สัก 2 ชั่วโมง แล้วจะตามเฮอร์ไมโอนี่ไปที่ห้องสมุด เพื่อหาข้อมูลช่วยมารีนและจินนี่ ที่ตอนนี้ออกมาจากห้องพยาบาลแล้ว (มาดามพอมฟรีย์ให้ออกมาเมื่อ 6 อาทิตย์ก่อน) และทั้งสองยังทนไม่ได้ที่ต้องสลับร่างกันอย่างนี้ เฮอร์ไมโอนี่จึงต้องไปหาข้อมูล พร้อมกับมัลฟอยและอแมนด้า

    …+*+*+…

    "พี่เฮอร์ไมโอนี่ค่ะ พี่เดรโกหายไปไหนเนี่ย" อแมนด้าถาม ตอนนี้พวกเขากำลังหาหนังสืออ่านอยู่ที่ห้องสมุด

    "ไม่รู้สิ ไปกับบอร์ดี้การ์ดทั้งสองมั้ง" เฮอร์ไมโอนี่ตอบ พาดพิงถึงแครบกับกอยล์

    "ชั้นอยู่นี่ เกรนเจอร์" เสียงของมัลฟอยดังขึ้นข้างหลังเธอ

    "ไปไหนมา" เธอถาม แล้วหันไปมองเขา

    "ไปหา 'ด๊อบบี้' มา" เขาตอบเรียบๆ

    "เอ่อ 'ด๊อบบี้' ที่เคยเป็นเอลฟ์ประจำบ้านของพี่เดรโกใช่ไหมค่ะ" อแมนด้าถามอย่างกระตือรือร้น

    "ใช่" มัลฟอยตอบห้วนๆ อย่างไม่ค่อยใส่ใจ

    "ไปหา 'ด๊อบบี้' ทำไม" เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างแปลกใจ

    "คิดถึงมัน" มัลฟอยตอบกวนๆ

    "เชื่อตายล่ะ!!! บอกมามัลฟอย ไปแกล้ง 'ด๊อบบี้' มารึไง" เธอถาม แล้วชี้หน้าเขา

    "ประมาณนั้น" เขาตอบ แล้วเดินไปที่ชั้นหนังสือที่อยู่ข้างหลัง แล้วหยิบหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง

    "ไปแกล้ง 'ด๊อบบี้' ทำไม นายนี่นิสัยแย่จริงๆ" เด็กหญิงพูดอย่างไม่พอใจปนโกรธ

    "เชื่อด้วยเหรอ ยัยหัวฟู" มัลฟอยพูด แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเธอ

    "แล้วตกลง ไปหา 'ด๊อบบี้' ทำไม" เธอถามอีกครั้ง

    "ก็ให้มันช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ น่ะ" มัลฟอยพูดอย่างมีลับลมคมใน แล้วเปิดหนังสือออกอ่าน

    "งานอะไร" เฮอร์ไมโอนี่ถาม แล้วหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด

    "ชั้นไม่บอกหรอก มันเป็นความลับ" เขาบอก แล้วนั่นก็ยิ่งทำให้ความอยากรู้ของเธอเพิ่มเป็นสองเท่า

    "บอกหน่อยน้า" เธอเร้าเสียงอ้อนอย่างสุดๆ แต่ลูกอ้อนใช่ไม่ได้ผลอีกแล้วในคราวนี้

    "ไม่" เขาพูดเสียงหนักแน่น "เดี๋ยวเธอก็รู้เอง ไม่นานนี้หรอก"

    "โธ่!!! บอกหน่อยก็ไม่ได้" เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นจากโต๊ะ แล้วเดินไปที่หน้าต่างห้องสมุดอย่างงอนๆ

    "พี่เดรโก พี่เฮอร์ไมโอนี่ เดี๋ยวหนูขอไปตามพี่รอน กับพี่แฮร์รี่ก่อนนะค่ะ สงสัยว่าคงจะกินกันเพลินไปแล้ว" อแมนด้าพูด แล้ววิ่งออกไปทันที

    "งอนอีกแล้วเหรอ เกรนเจอร์" มัลฟอยพูด เพราะ ตลอดเวลา 6 อาทิตย์ที่ผ่านมาเธองอนเค้าไปทั้งหมด 8 รอบ แต่เด็กหญิงไม่ตอบอะไร

    "เดี๋ยว เธอก็จะได้รู้เองล่ะน่า" เขาพูด แล้วเดินไปสวมกอดเธอจากทางด้านหลัง

    "มัลฟอย ปล่อยนะ" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วพยามดิ้นออกจากอ้อมกอดของเด็กชาย

    "เมื่อสามวันก่อน ตอนที่อแมนด้ามาบอกชั้นว่าเธอ 'งอน' ชั้น" มัลฟอยพูดแล้วซบหน้าลงกับไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่ ทำเอาเธออึ้งที่เขาขุดเรื่องนี้ขึ้นมาคุย ทั้งๆ ที่เธอก็ลืมมันไปแล้ว

    "เธอรู้มั๊ยว่า ชั้นแทบนอนไม่หลับทั้งคืนเลย" เขาพูด แล้วกระชับกอดให้แน่นขึ้น

    "ชั้นรู้สึกผิดมากรู้มั๊ย" เขากระซิบ

    "ชั้นขอโทษนะ มัลฟอย ที่ทำให้นายต้องรู้สึกอย่างนั้น" เธอพูด แล้วกุมมือของเขา และรู้สึกถึงความอบอุ่นได้ทันที

    "เธอรู้มั๊ย เกรนเจอร์ เธอเป็นคนๆ 'แรก' ในชีวิตของชั้น ที่ชั้นรู้สึก 'แคร์' มากขนาดนี้" เขากล่าวเสียงแผ่ว แล้วบีบมือของเธอไว้แน่น

    "ทำไมนายถึง 'แคร์' ชั้นล่ะ มัลฟอย" เธอกระซิบถาม

    "เธอยังไม่รู้ความรู้สึกของชั้นที่มีให้ต่อเธออีกหรือ เกรนเจอร์" เขาครางถามมาจากหัวไหล่ของเธอ

    "รู้สิ ชั้นรู้ว่า นายไม่ได้เกลียดชั้นแล้ว นายชอบชั้น ก็แค่นั้น" เด็กหญิงตอบเสียงสั่น

    "ก็มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ แต่ยังไม่ถึงเวลาที่ชั้นจะบอกเธอ เกรนเจอร์ รอให้ชั้นมั่นใจในหัวใจของตัวเองให้มากกว่านี้อีกหน่อย แล้วชั้นจะบอกเธอแน่นอน" เขาเงยหน้าขึ้น กระซิบที่หูของเธอ

    "แล้วชั้นจะรอนะ…" เฮอร์ไมโอนี่พูด พลางหมุนตัวในอ้อมกอดของมัลฟอย และหันมาสบตากับดวงตาสีซีดของเด็กชาย

    "นี่คือ เดรโก มัลฟอยเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อ ชั้นนึกว่านายพูดเป็นแต่กวนๆ ซะอีก" เธอพูดอย่างล้อเลียน

    "แล้วไม่ชอบรึไง" เขาถามด้วยเสียงที่กวนที่เหมือนสไตล์เดิมๆ

    "ไม่ชอบ!!!" เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเรียบ "นายเป็นอย่างเดิมของนายนั่นแหละดีแล้ว" เธอพูด

    "ทำไมล่ะ" เด็กชายถาม แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ

    "กะก็หน้าตานายออกจะ 'ยียวนกวนประสาท' ขนาดนี้ถ้าพูดธรรมดาเนี่ยนะ มันแปลกๆ น่ะสิ" เด็กหญิงพูดอย่างขำๆ ในใจก็คิดว่า 'พูดออกมาได้ยังไงเนี่ย เหตุผลฟังไม่ขึ้นเล้ย…'

    "จริงเหรอ" เขาพูด แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีก "งั้นแบบนี้เธอคงชอบสินะ" มัลฟอยพูดเสียงที่กวนน่ากระทืบเหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้หน้าของเฮอร์ไมโอนี่ แดงยิ่งกว่าพระอาทิตย์ยามเย็นเสียอีก

    "มะไม่ชะชอบ" เธอพูดตะกุกตะกัก หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ ริมฝีปากของทั้งคู่เกือบจะสัมผัสกันแล้ว แต่



    + - บทที่ 9 - +

    "พี่เฮอร์ไมโอนี่ พี่เดรโก" อแมนด้ายืนอยู่ตรงปลายโต๊ะ ทั้งคู่ผละออกจากกันทันที

    "หนูขัดจังหวะรึเปล่าค่ะ" อแมนด้าพูดด้วยที่เป็นสีชมพู และกำลังจะเดินหนี

    "ปะเปล่าจ๊ะ" เฮอร์ไมโอนี่บอก แล้วชำเลืองมองมัลฟอยที่ยืนกอดอกพิงหน้าต่างห้องสมุดอยู่

    "คือพี่รอน กับพี่แฮร์รี่บอกว่า จะแอบไป 'ฮอกมี้ด' กันน่ะค่ะ ให้มาถามว่าพี่จะไปกันด้วยไหมค่ะ" อแมนด้ากระซิบถาม พลางเดินเข้ามาใกล้

    "จะไปกันยังไง" มัลฟอยถามอย่างงงๆ

    "ทางลับ 'แผนที่ตัวกวน' เหรอ" เฮอร์ไมโอนี่กระซิบถาม อแมนด้า ซึ่งพยักหน้าช้าๆ

    "ไม่ไปหรอกจ๊ะ ว่าแต่พวกนั้นจะไปกันทำไมล่ะ" เธอถามด้วยระดับเสียงที่ยังเหมือนเดิม

    "ก็เห็นเค้าบอกว่า จะไปซื้อระเบิดเหม็นมาเล่นกันน่ะค่ะ" อแมนด้าตอบ

    "แหม พวกนี้หนิ คิดได้แต่เรื่องไม่เป็นเรื่องนะ - - พี่ไม่ไปหรอกจ๊ะ ไปกันเถอะ" เธอตอบ และอแมนด้าวิ่งออกไปทันที

    "พวกนั้นจะไปกันยังไง" มัลฟอยถามซ้ำเมื่อไม่ได้รับคำตอบ

    "ไม่บอกหรอก" เฮอร์ไมโอนี่พูด เพราะ เธอคิดว่ายังไงก็ไม่สมควรให้มัลฟอยรู้เรื่อง 'แผนที่ตัวกวน'

    "ชั้นก็ไม่ได้อยากจะรู้นักหรอก" เขาพูด แล้วเดินลงมานั่งที่เก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด

    "ว่าแต่ นายจะไม่บอกชั้นเรื่อง 'ด๊อบบี้' จริงๆ เหรอ" เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงอ้อน แล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวข้างๆ เขา

    "อยากรู้นัก ก็ไปถามมันเอาเอง" มัลฟอยพูด อย่างรำคาญ

    "นี่!!! แล้วจะให้ชั้นไปถามที่ไหนล่ะยะ" เธอถามอย่างโกรธๆ

    "ด๊อบบี้อยู่นี่ครับ เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์" เสียงแหลมๆ ของด๊อบบี้ดังขึ้นจากปลายโต๊ะอีกด้านหนึ่ง

    "อ้าว ด๊อบบี้ อยู่นี่เองเหรอ" เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงอ่อนลงทันที พลางกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาเอลฟ์ประจำบ้านตัวจ้อย

    "ครับ" เอลฟ์ตอบเสียงแหลมสูง

    "เฮ้ย!!! เบาหน่อยสิแก" มัลฟอยร้อง "เดี๋ยวมาดามพินซ์รู้เข้า ก็ถูกจับโยนออกไปนอกห้องสมุดกันหมดพอดี" เขาพูดเสียงเย็น (ทั้งๆ ที่รู้ว่ามาดามพินซ์ต้องไปประชุมอาจารย์ด้วย)

    "คะครับ นายน้อย" ด๊อบบี้ตอบเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ เฮอร์ไมโอนี่รีบปลอบทันที

    "ว่าแต่ งานที่ชั้นให้แกทำน่ะ สำเร็จไหม แล้วของอยู่ที่ไหน" เด็กชายถามอย่างไม่สนใจ

    "สำเร็จครับแต่หนะนายน้อยต้อง ใช้ให้เสร็จภายในสองอาทิตย์นี้นะครับด๊อบบี้เกรงว่า นายท่านจะรู้เสียก่อน" ด๊อบบี้กระซิบด้วยเสียงแผ่วต่ำ แล้ววิ่งไปส่งของให้กับมัลฟอย

    "เออชั้นรู้น่า" มัลฟอยพูด แล้วรับของมาจากด๊อบบี้ "แกไปได้แล้ว" เขาเสริม

    "ครับ นายน้อยใช้เสร็จเมื่อไหร่ ก็บอกด๊อบบี้ด้วยนะครับ" ด๊อบบี้พูด "ด๊อบบี้ไปแล้วนะครับ นายน้อย เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์" เอลฟ์คำนับให้นิดหนึ่ง แล้วดีดนิ้วครั้งหนึ่ง ด๊อบบี้หายตัวไปพร้อมกับเสียงเหมือนแส้ฟาดในอากาศ

    "นายใช้ให้ด๊อบบี้ ไปเอา 'อะไร' ของ 'ใคร' มา" เฮอร์ไมโอนี่ถามทันที

    "อ่ะชั้นให้เธอ" เขายื่นหนังสือเล่มหนึ่งให้เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเดินเข้ามาดูทันที "ชั้นให้ด๊อบบี้ไปเอามา 'หนังสือพืชน้ำหายาก' มาจากห้องทำงานของพ่อชั้น ที่ชั้นสัญญาว่าจะให้เธอ" เขาพูด "หนังสือที่ชั้นอ่านให้ฝันน่ะ"

    "ขอบใจมาก มัลฟอย" เฮอร์ไมโอนี่คราง แล้วรับหนังสือมาจากมือของเขา

    "ชั้นอุตส่าห์เอาหนังสือมาให้แล้ว ไม่คิดจะตอบแทนอะไรเลยหรอ" เขาพูด แล้วมองเธอด้วยสายตาออดอ้อน แต่เธอแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วอ่านหนังสือ

    "งั้นเอาเป็นว่า เธอตกลงจะตอบแทนชั้นด้วยการ จูบหนึ่งทีล่ะกัน" มัลฟอยพูดเสียงกวนอย่างแผ่วเบา แต่คราวนี้เธอไม่ได้ยินจริงๆ

    "เอาเป็นว่าตกลงไหม" เขาถามอีก แล้วจ้องเธอ

    "มัลฟอย อย่าจ้องสิ" เธอร้องอย่างรำคาญ

    "ตกลงรึเปล่าล่ะ" เขาพูด แล้วยังไม่ได้ล่ะสายตาออกจากเธอเลย

    "เออๆ ตกลง" เธอพูด แล้วอ่านหนังสือต่อไป ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองตกลงเรื่องอะไรไป

    …+*+*+…

        เฮอร์ไมโอนี่นั่งอ่านหนังสือจนถึงบ่าย โดยไม่ได้ทานอาหารกลางวัน ส่วนมัลฟอยนั้น เขานั่งเสกคาถาใส่หนังสือแต่ละเล่ม ให้มีชีวิต บินไปบินมาเฉียดหัวเด็กหญิง จนเบื่อและนั่งหลับอยู่ข้างๆ เด็กหญิง เฮอร์ไมโอนี่อ่านทุกตัวอักษรที่จารึกอยู่ในหนังสือเล่มนั้น ระหว่างที่นั่งอ่านนั้น เธอหาวไปทั้งหมด 8 ครั้ง และบิดขี้เกียจ 3 รอบ แต่ความรู้สึกง่วงนอนของเธอก็หายไปทันทีเมื่ออ่านไปถึง 'หมวด : พืชน้ำที่ได้ยากมากที่สุดในโลกเวทย์มนตร์'



    "พืชน้ำที่ได้ยากมากที่สุดในโลกเวทย์มนตร์นั้น อาทิเช่น เถาแมนลัช  เถาวัลย์บาดาล เถามองกู้ด รอฟเฟอร์ เป็นต้น พืชน้ำเหล่านี้มีค่ามากเปรียบประดุจ ทองคำ และเสาะหาได้ยากยิ่ง ต้องใช้ทั้งไหวพริบ และความเฉลียวฉลาด อย่างมาก จึงจะได้พืชเหล่านี้มา และบางครั้งอาจจะต้องใช้ทั้งดวง ทั้งโชค และเสี่ยงอันตราย บางทีอาจจะต้องใช้ของที่มีค่า เช่น คริสตัลน้ำงาม หรือ เพชรสูงค่า เพื่อแลกกับพืชเหล่านี้ พ่อมดแม่มดที่เคย พบพืชเหล่านี้ มีน้อยคนนัก และส่วนมากมักบังเอิญพบเท่านั้น (รายละเอียดที่หน้า 784)" เมื่อเธออ่านถึงตรงนี้ เธอก็รีบพลิกหนังสือไปที่หน้า 784 ทันที เพราะ ความรู้สึกของเธอนั้น บอกว่าเธอต้องพลิกไปที่หน้านั้น และเมื่อเปิดไปถึงหน้า 784 เธอก็ตะลุยอ่านรายละเอียดทันที

    "เถาแมนลัช หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า…" เธออ่านขณะที่หัวใจเต้นรัว "ขนตาชาวเงือก" เธอร้อง จนมัลฟอยที่นอนหลับอยู่ข้างๆ สะดุ้งตื่น

    "อะไรกัน เกรนเจอร์" มัลฟอยถามอย่างตกใจ แต่เธอโผเข้ากอดเขาทันที

    "มัลฟอย!!! ชั้นหาเจอแล้ว หาเจอแล้ว" เธอร้องอย่างดีใจ

    "หาอะไรเจอ" เขาถามอย่างงงๆ

    "ชั้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ 'ขนตาชาวเงือก' เจอแล้ว โอ้ย!!! ชั้นอยากจะกรี๊ดดังๆ" เธอร้องเสียงดัง

    "จริงเหรอ เกรนเจอร์" มัลฟอยร้องด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กับเธอ

    "จริงสิ" เธอร้องขณะที่ยังกอดเขาแน่น

    "เงียบหน่อยสิ นี่ห้องสมุดนะ" เสียงเหี้ยมเกรียมของมาดามพินซ์ดังมากจากที่ไหนซักแห่งในห้องสมุด

    "มาดามพินซ์ไม่ได้ไปประชุมอาจารย์กับเขาด้วยเหรอ" เฮอร์ไมโอนี่กระซิบ แล้วผละออกจากเขา

    "ไม่รู้สิ" มัลฟอยตอบความจริง

    "เคยรู้อะไรบ้างไหมเนี่ย!! ไปกันเถอะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วหยิบหนังสือขึ้นมา

    "ไปไหน" เขาถาม แล้วฉวยมือเฮอร์ไมโอนี่ไว้

    "ริมทะเลสาป ที่นั่น ไม่มีมาดามพินซ์มาคอยกวนใจอย่างนี้แน่" เธอตอบ แล้วลากเขาออกไปที่ริมทะเลสาปทันที



    + - บทที่ 10 - +

    "เฮ้อ!!!" เฮอร์ไมโอนี่คราง แล้วทรุดตัวลงนั่งใต้ต้นบีชริมทะเลสาป

    "ไหน เอาหนังสือมาดูซิ" มัลฟอยพูด พลางนั่งลงข้างๆ เธอ

    "อ่ะ เอาไปดูสิ อ่านให้ชั้นฟังด้วย ตอนนี้ชั้นแทบจะเห็นทุกอย่างเป็นตัวหนังสือไปหมดแล้ว" เธอส่งหนังสือให้เขา แล้วนั่งชันเข่า หลับตา และซ่อนหน้าไว้กับฝ่ามือ

    "แหม!!! ใช้เชียวนะ ยัยหัวฟู" เขาพูด แล้วกางหนังสือลงบนพื้นหญ้าที่ชุ่มชื้น

    "เถอะน่า อย่าบ่นเลย" เธอคราง

    "หน้าที่เท่าไหร่" เด็กชายถาม

    "เอ่อ…782 มั้ง เอ้ย!!! ไม่ใช่ 784" เธอร้อง

    "เรื่องของ 'เถาแมนลัช' ใช่มั๊ย" เขาถาม

    "เอออ่านซะทีเถอะ" เธอตอบอย่างรำคาญ

    "เถาแมนลัช หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ขนตาชาวเงือก…  เถาแมนลัชนั้น หาได้ยากมาก เพราะ พืชชนิดนี้เกิดจาก 'ชาวเงือก' ซึ่งเกิดจาก 'ขนตา' ของชาวเงือกที่หลุดร่วงออกมา และจะเปลี่ยนแปลงสภาพกลายเป็นพืชน้ำชนิดหนึ่งมีความสำคัญและมีคุณสมบัติเป็นเครื่องปรุงยาที่สำคัญ เช่น น้ำยาสลับร่าง ยานอนหลับ น้ำยาแอนนิเมจัส น้ำยาคลายโรค น้ำยาจับผิด น้ำยาไบร์ท เป็นต้น ซึ่งยาเหล่านี้มักจะปรุงไม่สำเร็จ เพราะ ขาดส่วนผสมที่สำคัญคือ 'เถาแมนลัช' ซึ่งเมื่อ 'ขนตา' ของชาวเงือกหลุดร่วงออกมา และกลายเป็นพืชน้ำนั้น ชาวเงือกจะเก็บรักษาขนตานั้นเอาไว้อย่างดี เพราะ ถ้าหาก 'ขนตา' หายไป ชาวเงือกจะเจ็บป่วยทันที…" มัลฟอยอ่านให้เฮอร์ไมโอนี่ฟัง

    "จบแล้วเหรอ" เธอกระซิบถาม

    "ยัง…" เขาตอบอย่างเซ็งๆ "เธอมาอ่านบ้างสิ" เด็กชายพูด

    "ก็ได้" เธอพูดแล้วฉวยหนังสือมาจากมือของมัลฟอย "อ่านสิ" เขากระตุ้น เมื่อเห็นเธอนั่งนิ่ง

    "ค่ะ นายท่าน" เธอประชดแล้วเริ่มอ่านต่อ

    "การค้นหาเถาแมนลัช (ขนตาชาวเงือก) ต้องแลกกับของมีค่าชนิดหนึ่ง เช่น คริสตัล เพชร นิล ทองคำ เป็นต้น แต่ของมีค่าเหล่านี้ ต้องเป็นของสูงค่ามากๆ (เช่น หล่อหลอมด้วยความรัก เจียรไนด้วยความภักดี เป็นต้น)…" เฮอร์ไมโอนี่หยุดอ่านกระทันหัน

    "หยุดทำไมล่ะ" มัลฟอยหันมาถามอย่างงงๆ ขณะที่เขาพึ่ง เสกคาถามแกล้งเด็กปีหนึ่งบ้านเรเวนคลอให้ล้มหน้าคะมำที่หน้าประตูปราสาท

    "นายเข้าใจไหม ของสูงค่า เช่น 'หล่อหลอมด้วยความรัก เจียรไนด้วยความภักดี' น่ะ" เธอถามเขา

    "อย่าคิดมากเลย ก็แค่ของที่มีค่า แต่หนังสือมันก็เขียนให้เวอร์ๆ ไปงั้นแหละ" เขาพูด แล้วเก็บไม้กายาสิทธิ์ไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุมตามเดิม "ต่อสิ" เขาพูด เธอจึงอ่านต่อ

    "ซึ่งคนที่ค้นพบเถาแมนลัชนั้น ส่วนมากมักจะบังเอิญมีของมีค่าชนิดที่ว่ามาติดตัวไป แล้วพบกับชาวเงือกโดยบังเอิญ (อย่างเช่น ดำลงไปใต้น้ำ ว่ายน้ำในทะเลลึก หรือก้นทะเลสาป) และชาวเงือกจะใช้นำของสูงค่านี้ไปโดยที่เรายังไม่ทันตั้งตัว จะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า 'ขโมย' ก็ได้ เพราะ เราจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าของมีค่าของเรา หายไปแล้ว แต่ชาวเงือกจะไม่ให้ 'ขนตา' เราทันที ชาวเงือกตนที่เอาของสูงค่าของเราไป จะนำ 'ขนตา' มามอบให้ในความฝัน (เป็นความจริงที่อยู่ในรูปของความฝัน) และขอขมาลาโทษเราอย่างสุภาพ และจะเลือกคนที่มีจิตใจดี มีเมตตา เฉลียวฉลาด มีไหวพริบ กล้าหาญ เสียสละ รู้จักคำว่า 'รัก' รู้จักให้อภัย (ชาวเงือกจะได้รู้ว่า เรานำ 'ขนตา' ไปใช้ในทางที่ถูกที่ควร) โดยใช้การทดสอบเรา เช่น การถามคำถาม การอ่านจิตใจ หรือการพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ และถ้าเรามีคุณสมบัติตามที่ชาวเงือกต้องการ เมื่อเราตื่นขึ้นมา เราจะพบ เถาแมนลัช (ขนตาชาวเงือก) อยู่ในมือ หรือใต้หมอน…" เธอสูดหายใจลึกๆ อย่างตื่นเต้น "จุดประสงค์ที่ชาวเงือกนำของสูงค่าของเราไป ก็เพราะ อาจจะนำไปเป็นของกำนัลให้แก่ 'คิงส์ไทตัน' (เจ้าบาดาล) หรือ รักษาอาการเจ็บป่วยของชาวเงือกด้วยกันเอง…"

    "จบแล้วรึยัง" มัลฟอยถาม แล้วหยิบก้อนหินก้อนหนึ่งปาออกไปบนผิวทะเลสาป

    "ก็ยังหรอกแต่สาระสำคัญมีเท่านี้นอกนั้นก็เป็น ตำนานชาวเงือก แล้วก็พืชน้ำชนิดอื่นๆ" เธอกล่าว

    "ก็หาไม่เห็นยากเลย" เขาพูดอย่างสบายๆ

    "แต่ชั้นว่า ถึงนายมีของสูงค่ายังไง นายก็เอา 'ขนตาชาวเงือก' มาไม่ได้หรอก เพราะว่า นายไม่มีคุณสมบัติตามที่ชาวเงือกต้องการน่ะสิ" เธอพูดกวนๆ

    "เชอะ!!! หยั่งกะเธอจะทำได้งั้นแหละ" เขาพูดน้ำเสียงดูถูก

    "อย่างน้อย ก็มีคุณสมบัติตามที่ชาวเงือกต้องการมากกว่านายล่ะกัน" เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่สบอารมณ์

    "เอาเถอะ!!! เดี๋ยวก็รู้" เด็กชายพูด ด้วยเสียงที่ท้าทาย "เออนี่ ชั้นมีอะไรจะให้เธอด้วย" เขาพูดแล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุม

    "บ้านเธอรวยมานักรึไง" เฮอร์ไมโอนี่ถามกวนๆ

    "รวยกว่าบ้านไอ้หัวแดงนั่นแหละ" มัลฟอยพูดแล้ว เอามือออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมโดยไม่ได้หยิบอะไรออกมา

    "ไม่ให้ชั้นแล้วเหรอ" เด็กหญิงถาม พร้อมกับหน้ากวนๆ

    "ไม่มีอารมณ์" เขาพูด แต่แล้ว

    "โอ้ย!!!" เฮอร์ไมโอนี่ร้อง พลางเอามือกุมที่หน้าอก

    "เป็นอะไรล่ะ สำออยจริง" มัลฟอยพูด แล้วเบนหน้าหนีไปทางอื่น

    "ชั้นปวดโอ้ย!!" เด็กหญิงร้องพลางเอามือจับหน้าอกไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม แต่มัลฟอยก็ยังไม่สน เพราะ นึกว่าเธอแค่แกล้งเท่านั้น

    "อะโอ้ย!!! หายใจไม่ออก…" เฮอร์ไมโอนี่ครางออกมาอย่างยากลำบาก พลางหอบหายใจถี่ๆ เธอรู้สึกเหมือนว่ามีกำมือเหล็กมาบีบอยู่ที่หัวใจ และบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ ความเจ็บปวดทำให้เธอรู้สึกตาพร่ามัว เธอกระพริบตาถี่ๆ เพื่อจะได้มองให้ชัดเจน แต่เธอก็รู้สึกหมดแรง แต่ถึงแม้เธอจะไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ แต่สติของเธอยังทำงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เธอยังรับรู้สิ่งภายนอกทุกอย่าง ได้ยินเสียงหัวเราะเยียบเย็น และได้ยินเสียงมัลฟอยชัดเจน

    "เฮ้ย!!! เป็นไรไป" มัลฟอยร้อง พลางช้อนร่างของเด็กหญิงที่กำลังจะฟุบลงกับพื้นหญ้าที่ไม่ค่อยอ่อนนุ่มเท่าไหร่นักขึ้นมา

    "เกรนเจอร์!!" มัลฟอยร้องอย่างเก็บกั้นอาการตกใจไว้ไม่อยู่ แล้วตบหน้าเธอเบาๆ เธอรับรู้สิ่งที่เด็กชายพูด แต่เธอก็ไม่สามารถตอบเค้าได้ เพราะ ริมฝีปากของเธอนั้นไม่ยอมขยับตามเลย เด็กชายเห็นดังนั้น จึงไม่รีรอ รีบอุ้มเธอไปที่ห้องพยาบาลทันที

    …+*+*+…

        ระหว่างทางที่เขาอุ้มเธอไปที่ห้องพยาบาลนั้น เขาเรียกชื่อเธอ เบาๆ ตลอด แต่ก็ไม่ได้ส่งผลดีขึ้นมาเลย มิหนำซ้ำ เฮอร์ไมโอนี่กลับหน้าซีดและตัวเย็นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมาถึงห้องพยาบาล มัลฟอยส่งเสียงตะโกนเรียกมาดามพอมฟรีย์อย่างร้นรน แต่ไม่มีเสียงมาดามพอมฟรีย์ตอบกลับมา เขาจึงอุ้มเด็กหญิงไปวางนอนลงบนเตียงที่มีผ้าลินินสีขาวสะอาดปูอยู่อย่างเรียบร้อย ไม่มีใครอยู่ในห้องพยาบาลเลย ยกเว้น เขา 2 คนเท่านั้น



    "เกรนเจอร์….ได้ยินชั้นมั๊ย" มัลฟอยแผดเสียงก้องห้องพยาบาล และกุมมือเธอไว้แน่น เฮอร์ไมโอนี่อยากจะตอบเค้าเหลือเกิน แต่เธอทำไม่ได้เลย และเธอก็รู้สึกเจ็บหน้าอกขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของเธอปวดร้าว เธออยากจะกรีดร้องออกมาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด แต่ก็ไม่สามารถทำได้

    "เกรนเจอร์….ลืมตาขึ้นมาสิลืมตาขึ้นมาพูดกับชั้น" มัลฟอยตะโกนเสียงดังจนปราสาทฮอกวอตส์แทบจะพังลงมา ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่กำลังจมดิ่งลงไปสู่ห้วงนิทรา เธอไม่รับรู้สิ่งใดทั้งสิ้น และเธอรู้สึกปวดร้าวระบมที่หน้าอกเหลือเกิน เธออยากให้ความเจ็บปวดนี้หายไปเสียที

    "เกรนเจอร์เธอนอนอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวชั้นจะไปตามคนมาช่วย" เด็กชายพูดเพื่อให้เธอจะได้ยิน แล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องพยาบาล แต่แล้วดั่งสวรรค์ทรงโปรด หรือนรกแกล้งกันแน่



    + - บทที่ 11 - +

        เพราะแพนซี่ พาร์กินสัน เดินเข้ามาให้ห้องพยาบาลโดยอังเอิญ 'โอ้ว!!! พระเจ้าช่วย จะทำไงดีเนี่ย จะให้ยัยนี่ช่วยไปตามมาดามพอมฟรีย์ที่ห้องประชุมดี หรือว่าจะไปเองดี' เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้



    "พาร์กินสันช่วยไปตามมาดามพอมฟรีย์ให้ชั้นหน่อย ได้ไหม" เขาพูดด้วยเสียงที่อ้อนวอนแบบที่หาฟังได้ยาก กับแพนซี่ ซึ่งฉีกยิ้มอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เด็กชายรู้ได้ทันทีว่าต้องได้รับการปฏิเสธ

    "ได้สิ เดรโก" แพนซี่พูด แล้ววิ่งออกไปจากห้องพยาบาลทันที

    "แปลกแฮะ" เด็กชายครางอย่างสงสัย แต่ความสงสัยก็ถูกลบออกไปจากหัวสมองทันที เพราะ ความเป็นห่วงเฮอร์ไมโอนี่นั้นมากมายเสียจน ถ้าเป็นไปได้ เค้าอยากจะเจ็บแทนเธอเสียเอง (น้ำเน่าเนอะ) เขาจึงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง และหันไปหาเธออย่างร้อนรน

    …+*+*+…

    ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่หน้าซีด เสียยิ่งกว่าไก่ต้มแล้ว เธอมีเม็ดเหงื่อเม็ดใหญ่นับสิบเม็ดผุดอยู่บนใบหน้า ริมฝีปากที่เคยเป็นสีชมพูนั้น ซีดขาวจนไม่เหลือสี ลมหายใจของเธอแผ่วเบามาก เนื้อตัวของเธอเย็นยะเยือกราวน้ำแข็ง มัลฟอยดึงผ้าห่มที่พับอย่างเรียบร้อยที่ปลายเตียงมาห่มให้เธอ ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่ดูไม่ต่างอะไรจากเจ้าหญิงนิทราเลย เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อให้เธอ ด้วยมืออันสั่นเทาด้วยความเป็นห่วง แล้วคว้ามือเธอมากุมไว้

    ผ่านไปกว่า 10 นาที แพนซี่ก็ยังไม่โผล่มา ตอนนี้เขาแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว เขาปล่อยมือออกจากเธอ และเดินวนไปวนมาในห้องพยาบาลอย่างกลุ้มใจ แล้วเขาก็กลับมานั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง แล้วฟุบหน้าลงบนเตียง แต่แล้วเค้าก็นึกสิ่งที่เขาพูดกับเธอเมื่อครู่ 'เออนี่ ชั้นมีอะไรจะให้เธอด้วย…' เขาจึงหยิบสิ่งที่เค้าต้องการให้เธอออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม มันเป็นสร้อยทองคำขาว เส้นเล็กๆ ที่ดูเหมาะกับเฮอร์ไมโอนี่อย่างมาก มัลฟอยซื้อมันมาจากแม่มดแก่ๆ ที่ตรอกไดแอกอน และเป็นคนเดียวกันที่ขายแหวนคริสตัลรูปดาว ให้กับเขาเมื่อปีที่แล้ว

    เขาจึงโอบร่างเธอขึ้นมาเพื่อจะสวมสร้อย แต่… 'ยังไม่มีจี้หนิ' เด็กชายคิด แล้วเค้าก็นึกออก 'แหวนคริสตัลรูปดาวนั่นไง' เขาคิด พลางมองหาแหวนที่เคยให้เฮอร์ไมโอนี่เมื่อปีที่แล้ว แต่มันไม่ได้อยู่ที่นิ้วของเด็กหญิง เขารู้สึกหัวเสียขึ้นมาทันที แต่แล้วเค้าก็นึกถึงตอนที่อยู่ที่หน้าห้องโถงในเช้าวันนี้ 'อ้อแหวนสวยดีนะ เกรนเจอร์…' นั่นคือสิ่งที่เรอคลอฟพูดก่อนจะเดินไปที่โต๊ะเรเวนคลอ และเฮอร์ไมโอนี่ถอดแหวนเก็บใส่ในกระเป๋าเสื้อคลุม เขาจึงล้วงมือเข้าไปหยิบแหวนในกระเป๋าเสื้อคลุมของเฮอร์ไมโอนี่ออกมา และนำแหวนมาทำเป็นจี้สำหรับสร้อยทองคำขาว และสวมให้เธออย่างเบามือ และวางเธอนอนอย่างนุ่มนวลเหมือนเดิม



    "ชั้นให้เธอนะ เกรนเจอร์" เขากระซิบเบาๆ ที่หูเฮอร์ไมโอนี่

    "ขะขอบใจมัลฟะฟอย" เสียงของเฮอร์ไมโอนี่บอกเค้าอย่างอ่อนเพลีย ตอนนี้เธอสามารถพูดกับเค้าได้แล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เรี่ยวแรงของเธอนั้นกลับมาได้อย่างมหัศจรรย์ แถมอาการปวดที่หน้าอกนั้น หายไปเป็นปลิดทิ้ง

    "เกรนเจอร์" มัลฟอยร้องอย่างแปลกใจระคนดีใจ

    "อะไรมัลฟอย" เธอถาม

    "เปล่าๆ" เขาตอบปัดๆ

    "สร้อยสวยดีนะ" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วหยิบสร้อยทองคำขาวที่ห้อยอยู่ที่คอขึ้นมาดู

    "ชั้นให้เธอ" เขาบอก

    "ขอบใจมาก" เธอพูดแล้วหลับตาลง

    "เฮ้ย!!! อย่าหลับสิตื่นๆ" เขาร้องออกมาอย่างขวัญเสียเมื่อเห็นเธอหลับตาลง

    "อีตาบ้าชั้นแค่พักสายตาย่ะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเพลียๆ

    "ชั้นก็แค่กลัวเธอจะตายแล้วเดี๋ยวเจ้าหัวแผลเป็นกับไอ้หัวแดงจะมาโทษชั้น" เขาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

    "เออๆ เงียบหน่อยล่ะกัน ชั้นจะนอนว่าแต่เอาหนังสือมาด้วยรึเปล่า" เธอนอนตะแคงหันมาพูดกับเขา

    "เปล่า" เด็กชายตอบเรียบๆ

    "อ้าว!!! ทำไมล่ะ" เฮอร์ไมโอนี่พูด พลางสะบัดผ้าห่มออกแล้วกระโดดลงจากเตียง

    "เฮ้ย!!! เดี๋ยวสิ เธอมีแรงแล้วเหรอ" มัลฟอยถาม

    "มีแล้ว เร็วไปเอาหนังสือกัน" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วฉุดมัลฟอยให้วิ่งตามไปกับเธอด้วย

    …+*+*+…

        แต่เมื่อมาถึงต้นบีชริมทะเลสาป หนังสือ 'พืชน้ำหายาก :โดย มอร์กาน่า โอดิปุส' อันตธานหายไปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ถึงกับโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เธอรีบเดินปึงปังเข้ามาในปราสาท โดยไม่รอมัลฟอยเลย



    "งอนอีกแล้วเหรอ" มัลฟอยถามอย่างหน่ายๆ

    "ใช่สิ ทำไมนายไม่หยิบหนังสือมาด้วยล่ะ มัลฟอย" เธอหันไปว่าเขา เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องโถง

    "แล้ว ระหว่างชีวิตเธอ กับ หนังสือ เธอจะเลือกอะไรล่ะ" มัลฟอยถามอย่าเย็นชา

    "เอ่อชั้นขอโทษ ชั้นไม่ทันคิด" เธอพูด แล้วก้มหน้าก้มตามองพื้น

    "ทีหลังก็หัดคิดซะบ้างล่ะ" เด็กชายพูดเสียงเย็น แล้วสะบัดเสื้อคลุมเดินเข้าห้องโถงไปทันที เฮอร์ไมโอนี่จึงเดินตามเขาไปช้าๆ

    …+*+*+…

    แต่เมื่อเข้าไปในห้องโถง ทั้งห้องนั้นมืดมิด เพราะ ไม่มีเทียนไขจุดไว้ซักเล่ม ไม่มีใครอยู่เลย นอกจากพวกเขาสองคน เฮอร์ไมโอนี่จึงเหลือบดูนาฬิกาทรายติดผนังที่หน้าห้องโถง 'ห้าโมงห้านาที เองหนิ' เธอคิด และมองไปรอบๆ ห้อง เผื่อว่าจะมีใครอยู่ในห้องบ้าง แต่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น ซึ่งยืนอยู่คนละฟากกันเลย เธอจึงตัดสินใจขอโทษมัลฟอยอีกครั้งหนึ่ง



    "มัลฟอย ชั้นขอโทษนะ" เธอครางเสียงแผ่ว แต่เสียงนั้นก้องดังได้ยินทั่วห้องโถง

    "เออ…" เด็กชายตอบกลับมาอย่างรำคาญ

    "นายโกรธชั้นเหรอ" เด็กหญิงถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ

    "เปล่า…" เขาตอบเย็นๆ

    "งั้นเหรอ งั้นชั้นขอโทษอีกครั้งนะ" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วก้มหัวน้อยๆ

    "ฮ่าๆๆ" มัลฟอยหัวเราะออกมาเสียงดัง "เธอนี่ตลกจริงๆ เป็นยังไง รู้รึยังเวลาโดนคนอื่นเค้าโกรธบ้างน่ะ" เขาพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะ

    "นี่!!! นายแกล้งชั้นเหรอ" เฮอร์ไมโอนี่พูด พร้อมกับชี้นิ้วไปหาเขา

    "ก็ใช่น่ะสิแต่ตอนอยู่หน้าห้องโถงน่ะ ชั้นโกรธเธอจริงๆ พูดอะไรไม่หัดคิด" เขาพูดแล้วมองเธออย่างเหยียดๆ

    "ก็ขอโทษแล้วไง" เธอพูด พร้อมกับขมวดคิ้ว

    "คำขอโทษ 'คำเดียว' ใช้ไม่ได้เสมอไปหรอก" เด็กชายพูด แล้วยิ้มมุมปากอย่างมีเล่ห์นัย

    "ต้องให้ขอโทษซัก 'พันคำ' เลยรึไง" เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างใสซื่อ

    "เอาเถอะๆ" เขาพูด แล้วถอนหายใจหนักๆ ที่เด็กหญิงไม่เข้าใจในสิ่งที่เค้าพูดเลย (หวังว่าคงรู้นะ)

    "ขอโทษขอโทษขอโทษ…" เฮอร์ไมโอนี่เริ่มท่อง แล้วยกนิ้วขึ้นนับ

    "ชั้นไม่ได้หมายความว่าหยั่งงั้นซะหน่อย ที่ชั้นพูดน่ะหมายถึง นี่!!!" เขาพูดแล้วชี้ไปที่แก้มของเขา

    "บ้ากาม" เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนก้อง มัลฟอยทำท่าจะโต้กลับ แต่ก็ถูกขัดขึ้นโดย ศาสตราจารย์มักกอนนากัล

    …+*+*+…

    "สวัสดีค่ะ ศาสตราจารย์มักกอนนากัล" เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงหวาน

    "สวัสดี มิสเกรนเจอร์ มิสเตอร์มัลฟอย" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดแล้วเดินไปที่หน้าห้องโถง เธอปรมมือครั้งหนึ่ง เทียนไขติดไฟนับพันเล่มก็ปรากฏขึ้นมาราวกับล่องหน ทำให้ทั้งห้องสว่างขึ้นทันที

    "พวกเธอนี่มากันเร็วดีนะ ปีหน้าคงจะได้เป็นพรีเฟ็คแน่ๆ" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่แทบตัวลอย แต่มัลฟอยนั้นกลับทำหน้าแหยๆ

    "ตอนนี้ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์คงไปยืนรอนักเรียนที่หน้าประตูปราสาทแล้วล่ะ" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด "อ้าวมากันแล้วรึพวกเธอ" เธอพูด แล้วมองไปที่ประตูห้องโถง ซึ่งมีพรีเฟ็ค ทั้ง 8 กำลังเดินเข้ามา

    "เดี๋ยว ห้าโมงครึ่ง แล้วพวกเธอต้องคุมนักเรียนเดินไปเป็นแถวด้านหน้าปราสาทนะ" เธอพูดอีก และไม่ทันขาดคำ นักเรียนก็เริ่มเดินเข้ามาในห้องโถง เฮอร์ไมโอนี่จึงเดินไปสมทบกับรอนและแฮร์รี่ ที่เดินเข้ามาในห้องโถงอย่างตื่นเต้น ส่วนมัลฟอย นั้นก็แยกตัวไปหาอแมนด้า แครบและกอยล์ที่เดินรี่เข้ามาหาเขาทันที

    "มากันครบรึยังเอ้า!!! มิสเตอร์ครีฟวีย์ ค่อยๆ เดิน ไม่ต้องวิ่ง" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลร้องอย่างตกใจ เมื่อสองพี่น้องครีฟวีย์ วิ่งจนเกือบชนนักเรียนคนอื่นล้มหน้าคะมำ

    "นักเรียนมาครบแล้วครับ" พรีเฟ็คของเรเวนคลอร้องบอกอาจารย์

    "เอ้าๆ ตามมา นักเรียนปีหนึ่งอยู่ข้างหน้า ตามด้วยปีอื่นๆนะ ห้ามผลักกันเด็ดขาด!" เธอพูดแล้วเดินนำนักเรียนออกไป

    …+*+*+…

        นักเรียนเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านหน้าปราสาท ครั้นถึงเวลา 18.00 น. ความมืดก็เริ่มโรยตัวเข้ามาและความเงียบก็จางหายไปทันที และถูกแทนที่ด้วยเสียงร้องอย่างตื่นเต้นของนักเรียน ที่ชี้มือชี้ไม้ ไปบนอากาศ เพื่อดูรถม้าสีฟ้าจางๆ ขนาดมโหฬารเท่ากับบ้านหลับหนึ่งที่กำลังพุ่งตรงมาโดยมีม้ามีปีก 12 ตัวลากมา ทุกตัวเป็นพันธุ์พาโลมิโนสีทอง แต่ละตัวมีขนาดเท่าช้าง นั่นคือการมาของนักเรียนจาก 'โบซ์บาตง' และไม่นานพวกเด็กๆ ก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นเรือลำหนึ่งค่อยๆ โผ่ขึ้นมาจากน้ำช้าๆ อย่างสง่างาม พร้อมกับเสียงซู่ซ่าดังสนั่น และเรือก็ค่อยๆ เคลื่อนมายังริมฝั่ง และนี่คือการเดินทางมาของนักเรียนจาก 'เดิร์มสแตรงก์'

    …+*+*+…

        การต้อนรับเป็นไปอย่างราบเรียบ มีการเลี้ยงอาหารอย่างเป็นกันเองของเหล่านักเรียนและบรรดาคณาจารย์ทั้งหลาย นักเรียนจากโบซ์บาตงเลือกนั่งที่โต๊ะเรเวนคลอ และนักเรียนจากเดิร์มสแตรงก์เลือกนั่งกับโต๊ะสลิธีริน รอนนั้นรู้สึกตื่นเต้นกับ 'วิกเตอร์ ครัม' เป็นอย่างมาก เขาผุดลุกผุดนั่งอยู่หลายต่อหลายครั้ง เพื่อจะไปของลายเซ็นต์ แต่ถูกเฮอร์ไมโอนี่และแฮร์รี่ฉุดไว้เสียก่อน และก็ถึงเวลาที่ดัมเบิลดอร์จะแถลงการณ์เรื่องการประลองเวทย์ไตรภาคีซักที และเมื่อเขาพูดไปถึง 'นักเรียนอายุต่ำกว่า 17 ปี ไม่สามารถร่วมการแข่งขันได้ เพื่อความปลอดภัย…' ก็เกิดเสียงพึมพำของนักเรียนทันที มีทั้งในทางที่ดีและทางร้าย ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นทางร้ายมากกว่า โดยเฉพาะ ฝาแฝดวีสลี่ย์ที่ตะโกนประท้วงเสียงดัง



    + - บทที่ 12 - +

        เช้าวันรุ่งขึ้นแฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่รีบตื่นแต่เช้า เพราะ ความตื่นเต้น วันนี้เป็นวันเสาร์ และเป็นวันฮัลโลวีน (31 ตุลาคม) ด้วย และก็เป็นวันที่จะได้ทราบกันว่า ใครจะเป็นตัวแทนของฮอกวอตส์ ซึ่งทั้งสามตั้งหน้าตั้งตา ขอให้เป็น 'แอนเจลิน่า' เชสเตอร์ของกริฟฟินดอร์ ที่พึ่งอายุครบ 17 ปีเมื่ออาทิตย์ก่อน และวันเวลาผ่านไปรวดเร็ว พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากไปนั่งเล่นอยู่ที่บ้านของแฮกริด ในที่สุดเวลาที่พวกเขาตั้งหน้าตั้งตารอก็มาถึง งานเลี้ยงวันฮัลโลวีน ถูกจัดขึ้นอย่างพอเป็นพิธี พวกเขารู้สึกเหมือนว่า เวลา 5 นาทีช่างผ่านไปเหมือน 10 วันเสียเหลือเกิน และพวกเขานั่งนับเวลากันและอีกไม่ถึง 2 นาที พวกเขาจะได้รู้แล้วว่าใครจะได้เป็นตัวแทนของฮอกวอตส์ไปร่วมแข่งขัน

    …+*+*+…

    "ตัวแทนจากเดิร์มสแตรงก์ คือ…" ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูด หลังจากที่ถ้วยอัคนีพ้นชื่อออกมา "วิกเตอร์ ครัม" เกิดเสียงตะโกนโห่ร้องอย่างดีใจจากทั่วสารทิศ ไม่เว้นแม้แต่สลิธีริน วิกเตอร์ ครัม เดินไปหลังโต๊ะอาจารย์และหายลับไปในห้องๆ หนึ่ง

    "ตัวแทนของโบซ์บาตง คือ…" ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ตะโกนเสียงกึกก้อง นักจากโบซ์บาตงนั่งบีบมือกันแน่น "เฟลอร์ เดอลากูร์" เสียงเฮลั่นมาจากโต๊ะ เรเวนคลอ และกริฟฟินดอร์ แต่เมื่อเด็กนักเรียนหญิงที่เหมือนวีล่าเสียเหลือเกิน ลุกขึ้นยืนอย่างสง่า เสียงก็เงียบไปทันที นักเรียนชายแทบทุกคนอ้าปากค้าง มัลฟอยเองก็จ้องเฟลอร์ ตาแทบไม่กระพริบ แต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยอแมนด้าซึ่งกระทุ้งศอกใส่เข้าที่ท้อง

    "พี่ค่ะ แหมตาเป็นมันเชียวนะ" อแมนด้ากระซิบ

    "อะไรชั้นแค่จะดูให้ชัดๆ ว่ายัยนั่นเป็นวีล่ารึเปล่า" มัลฟอยตอบ ซึ่งนั่นก็เป็นความจริง

    "แก้ตัวน้ำขุ่นๆ" เด็กหญิงคราง

    "และตัวแทนคนที่สาม ตัวแทนของฮอกวอตส์…" ดัมเบิลดอร์พูดหลังจากที่เฟลอร์ เดอลากูร์ เดินเข้าห้องหลังโต๊ะอาจารย์ไปแล้ว พลางเอื้อมมือรับชื่อที่พุ่งออกมาจากถ้วยอัคนี "คือเซดริก ดิกกอรี่" นักเรียนหญิงจากโต๊ะฮัฟเฟิลพัฟ เรเวนคลอ และกริฟฟินดอร์ร่วมกันปรบมือเสียงดังสนั่น โดยเฉพาะ โช แชง ที่ลุกขึ้นยืนปรบมือเลยทีเดียว และเซดริก ก็เดินหายลับไปในห้องหลังโต๊ะอาจารย์อีกเหมือนกัน

    "เยี่ยมยอด!! เอาล่ะ บัดนี้ตัวแทนทั้งสามก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเธอทุกคนแล้ว ทั้งโบซ์บาตง เดิร์มสแตรงก์และฮอกวอตส์ ซึ่ง…" แต่แล้วศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก็เงียบไป เมื่อถ้วยอัคนีพ่นชื่อออกมาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งห้องโถงกลั้นหายใจพร้อมกัน เหมือนนัดกันมา และ "อะแฮ่มแฮร์รี่ พอตเตอร์…" ทั้งห้องเงียบสนิททันที แฮร์รี่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนไปตามแรงผลักของเฮอร์ไมโอนี่ และเดินไปรวมกับตัวแทนทั้งสามในห้องๆ เดียวกัน

    …+*+*+…

        ผลสรุปก็คือ แฮร์รี่ ได้เป็นตัวแทนของฮอกวอตส์อีกคนหนึ่ง เขาไม่รู้สึกภาคภูมิใจเลยแม้แต่น้อย ใครซักคนต้องแกล้งเค้าแน่ๆ ไม่มีใครเชื่อเขาเลยว่าเขาไม่ได้ใส่ชื่อลงไป เว้นแต่ เฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งอยู่เคียงข้างเขามาตลอด แต่แฮร์รี่ก็อดเสียใจไม่ได้ ที่รอนไม่เชื่อเค้าเลย ทั้งๆที่พวกเขาเป็นเพื่อนรักกันแท้ๆ

        แต่การที่เฮอร์ไมโอนี่มาอยู่เคียงข้างแฮร์รี่นั้น ก็ไม่ค่อยส่งผลดีให้กับตัวเค้าเท่าไหร่ เพราะ ประการแรก ริต้า สกีตเตอร์ สาวผมบลอนด์ วัยสี่สิบสามปี เขียนข่าวว่า แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่เป็น 'แฟน' กัน และประการที่สอง คือ มัลฟอยที่แสดงอาการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แล้วยิ่งมีข่าวจาก 'ริต้า' นั้น มัลฟอยยิ่งดูหงุดหงิดเป็นพิเศษตลอดทั้งวัน และนั่นก็เป็นผลกระทบถึงเฮอร์ไมโอนี่ด้วย เพราะว่า มัลฟอยดูเหมือนจะเชื่อข่าวของริต้า และพาลโกรธเฮอร์ไมโอนี่ด้วย



    "ชั้นขอโทษนะ เฮอร์ไมโอนี่ ที่ทำเอาเธอพลอย 'ซวย' ไปกับชั้นด้วย" แฮร์รี่พูด ขณะที่เขาอยู่ในห้องสมุดกับเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งยิ้มแหยๆ มาให้

    "อืมไม่เป็นไรหรอก ช่วงนี้เธอต้องฝึกบ่อยๆ นะ แฮร์รี่ ใกล้ถึงวันที่ต้องเผชิญหน้ากับภารกิจแรกแล้วนะ" เฮอร์ไมโอนี่พูด

    "โอเค ชั้นจะทำตามที่เธอบอก" แฮร์รี่พูด แล้วฝืนยิ้มให้

    "นายต้องฝึกคาถาเรียกของบ่อยๆ นะ" เฮอร์ไมโอนี่พูด เธอรู้เรื่องมังกรแล้ว และยังไม่ทันขาดคำ หนังสือเล่มหนึ่งก็ลอกเฉียดหัวเธอไปแค่ไม่ถึง 5 มิลลิเมตร

    "โอ๊ะ!! ขอโทษที เกรนเจอร์ ชั้นกำลังฝึกคาถาเรียกของน่ะ" มัลฟอยพูดอย่างเย็นชา แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจ

    "มัลฟอย ชั้นว่า นายอย่าโกรธเฮอร์…" แฮร์รี่พยามจะพูด แต่มัลฟอยก็เดินออกไปแล้ว

    "ไม่มีประโยชน์" เฮอร์ไมโอนี่พูด พลางหันมาสบตากับแฮร์รี่ "เค้าไม่ยอมพูด กับชั้นดีๆ เลยตั้งแต่ยัยริต้าบ้าบออะไรนั่น เขียนข่าวเรื่องของเราขึ้นมา" เธอพูดอย่างหัวเสีย

    "ขอโทษนะ" แฮร์รี่คราง พร้อมกับความรู้สึกผิดที่พกไว้เต็มกระเป๋าเสื้อคลุม

    …+*+*+…

        ในที่สุดภารกิจแรกก็มาถึง แฮร์รี่ต้องไปเก็บไข่ทองคำ ของมังกรพันธุ์ฮังการีหางหนาม (ซึ่งชาลีพี่ชาของ รอนได้ลั่นวาจาไว้ว่า มังกรตัวนี้ดุร้ายที่สุด) และเค้าก็ทำสำเร็จ แถมยังเป็นตัวแทนที่อายุน้อยที่สุด และเก็บไข่ทองคำใช้เวลาน้อยที่สุดด้วย



    "เยี่ยมแฮร์รี่เก่งที่สุด ไม่เสียแรงที่ชั้นสอนคาถาเรียกของเธอนะ" เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างภาคภูมิใจ

    "เอ่อแฮร์รี่ ชั้นคิดว่า ใครที่ใส่ชื่อนายลงไปในถ้วยอัคนีน่ะ เค้าคงต้องการฆ่านาย" รอนพูดอย่างสำนึกผิดกับแฮร์รี่

    "เข้าใจรึยังล่ะใช้เวลานานไปนะ รอน" แฮร์รี่พูดน้ำเสียงเย็นชาแต่ก็แฝงไปด้วยความดีใจที่รอนคิดได้

    "ชะชั้นขอโทษนะ แฮร์รี่" รอนพูดอย่างประหม่า

    "ลืมมันซะเถอะ ชั้นไม่ได้คิดอะไรมาก" แฮร์รี่ตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง

    …+*+*+…

        หลังจากนั้น แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แต่เรื่องของเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยนั้น ไม่ได้คืบหน้าขึ้นเลย แต่กลับคืบหลังซะด้วยซ้ำ เมื่อมัลฟอยเห็นแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่เดินด้วยกับเมื่อไหร่ เขาก็จะพยายามเดินห่างๆ หรือหลบหน้าหลบตา และเมื่อถึงวิชาปรุงยาของสเนปที่ทั้งสองบ้านต้องเรียนด้วยกัน มัลฟอยก็เหมือนจะระบายอารมณ์โกรธของเขาโดยการทำให้กริฟฟินดอร์ถูกหักซัก 15 คะแนนภายในเวลา 30 นาที โดยการอ้างว่า 'เกรนเจอร์ กับ พอตเตอร์ แอบสวีทกันจนน้ำยาเกือบล้นหม้อ' ถึงแม้พวกเขาจะนั่งห่างกันคนละฟากของห้องก็ตาม ซึ่งสเนปก็มีท่าทีเต็มอกเต็มใจที่จะหักกริฟฟินดอร์ซัก 5 หรือ 10 คะแนน สรุปแล้วพวกเขาก็จะเสีย 30 คะแนน ต่อ การเรียนวิชาปรุงยาหนึ่งครั้ง ถึงแม้กระนั้นคะแนนของกริฟฟินดอร์ก็ยังมากกว่าสลิธีรินอยู่ดี เพราะ เหมือนกับว่าคะแนนของสลิธีรินจะลดลงทุกวันเหมือนกัน

        ในเวลาชั้นเรียนแปลงร่างของวันพฤหัสบดีวันหนึ่ง นักเรียนกริฟฟินดอร์ก็ได้ทราบว่า จะมีงานเลี้ยงเต้นรำฉลองคริสต์มาส ซึ่งเป็นธรรมเนียมของการประลองเวทย์ไตรภาคี เป็นงานเฉพาะนักเรีนตั้งแต่ปีสี่ขึ้นไปเท่านั้น แต่ถ้าพวกเขาจะเชิญเด็กที่เล็กกว่าไปเป็นคู่ด้วยก็ได้ และทุกคนต้องสวมชุดราตรี งานจะเริ่มเวลาสองทุ่มของวันคริสต์มาสในห้องโถงและจะปิดงานเวลาเที่ยงคืน และแถมด้วยตัวแทนทั้งสี่ พร้อมกับคู่ต้องเปิดฟลอร์เต้นรำ และดูเหมือนว่าไม่มีนักเรียนตั้งแต่ระดับปีสี่ขึ้นไป กลับบ้านในช่วงงานวันคริสต์มาสเลยซักคนเดียว



    + - บทที่ 13 - +

    "เฮอร์ไมโอนี่ มีคู่เต้นรึยังเอ่ย" รอนถาม ในวันเสาร์ที่มีหิมะตก วันนี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของเทอมแล้ว (พวกเขาปิดเทอมกันวันคริสต์มาส)

    "มีแล้ว" เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ พลางก้มลงจัดการอาหารของเธอต่อ

    "กับใครเหรอ" แฮร์รี่ถาม พลางจิ้มแครอทที่อยู่ในจาน

    "มัลฟอยเหรอ" รอนถาม พลางทำหน้าแหยๆ

    "ไม่ใช่หรอก" เธอตอบอย่างหงอยๆ เพราะ มัลฟอยยังไม่หายโกรธเธอเลย

    "ดีแล้ว ไม่งั้นนะ เธอคงต้องถวาย 'First Kiss' ให้กับมันแน่เลย" รอนพูดอย่างสำราญใจ แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับหน้าแดงเอาดื้อๆ 'รอน ถ้านายรู้ว่าตานั่นขโมย First Kiss ของชั้นไปแล้วนะ นายต้องคลั่งแน่' เธอคิดอย่างขำ เพราะ รอนออกจะหวงเพื่อนขนาดนั้น

    "ว่าแต่ รอน นายจะถวาย 'First Kiss' ให้กับอแมนด้ารึเปล่าล่ะ" แฮร์รี่ถามหยอกๆ

    "คงไม่ล่ะ เพราะ เด็กบ้านเรเวนคลอ มาขออแมนด้าเต้นรำตัดหน้าชั้นไปแค่ห้านาทีเอง" รอนพูดอย่างเจ็บใจ พลางกระแทกมีดลงกับไส้กรอก ซึ่งแยกเป็นสองท่อนทันที

    "แล้วนายคู่กับใครล่ะ แฮร์รี่" รอนถาม พลางเอาไส้กรอกเข้าปาก

    "ปาราวตีตอนแรกชั้นกะจะไปกับจินนี่ แต่นายก็รู้ มารีนกับจินนี่สลับร่างกัน คงพิกลน่าดูนะ ถ้าชั้นจะไปงานกับจินนี่ในร่างมารีน" แฮร์รี่กระซิบ

    "เออจริงด้วยสิ" รอนพูด

    "แล้วนายไปกับใครล่ะ รอน" เฮอร์ไมโอนี่หันมาถาม

    "เอ่อปัทมาอ่ะ" รอนตอบ แล้วเหลือบมองปาราวตี "แฮร์รี่ ชั้นจะควงผิดคนไหมเนี่ยวันงาน หน้าตาออกจะเหมือนกันขนาดนี้" รอนพูดอย่างหวาดๆ

    "เออนั่นสิ เค้าคงไม่ติดป้ายชื่อไว้ที่ชุดราตรีหรอกนะ" แฮร์รี่พูด พร้อมกับขำน้อยๆ

    "ว่าแต่ เฮอร์ไมโอนี่ เธอจะไปกับใครล่ะ ถ้าไม่ใช่มัลฟอย" รอนหันมาถามอีกครั้ง

    "เดี๋ยวนายก็คงรู้ล่ะ อีกแค่ อาทิตย์ เดียว" เฮอร์ไมโอนี่พูด และลุกจากโต๊ะ มุ่งหน้าไปยังหอคอยกริฟฟินดอร์

    …+*+*+…

        ในที่สุด พวกเขาก็รู้ถึงการค้นหา 'ขนตาชาวเงือก' แล้ว ยังเหลืออีกอย่างเดียวที่ยังไม่รู้ว่าต้องค้นหาอย่างไร คือ น้ำตาเซ็นทอร์ซึ่งหาได้ยากไม่แพ้กับขนตาชาวเงือกเลย

    - +**2 B Con**+ -

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×