ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Destiny Love (Hermione & Malfoy) by Peterpan

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5 : การกลับมาของโอวีล่า (ราตรีนี้มีเพียงเราสอง) +*

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.72K
      98
      27 ก.ย. 49



     




    +- บทที่ 1 -+

    ณ โรงเรียนเวทมนต์ฮอกวอตส์

    คาบวิชาปรุงยาของบ้านกริฟฟินดอร์และบ้านสลิธีริน...

    "จะให้ฉันบอกเธอกี่ครั้งหา! ลองบัตท่อม ว่าให้ใส่เขายูนิคอร์นลงไปก่อนจะใส่เปลือกต้นสน!" สเนปตวาด

    เนวิลล์หน้าซีด มองน้ำยาในหม้อของตัวเองซึ่งควรจะเป็นสีแดงเหมือนคนอื่นแต่มันกลับเป็นสีเขียวใบไม้แทน

    "ซื่อบื้อ" มัลฟอยพูด จงใจจะให้แฮร์รี่และรอนได้ยิน แต่ที้งสองคนทำเป็นหูทวนลม เสียเปรียบแน่ถ้าจะมีเรื่องกับมัลฟอยในคาบของสเนป

    เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองมัลฟอย แต่เขาหันกลับไปมองหม้อของตัวเองแล้วจึงไม่ได้สบตากับเฮอร์ไมโอนี่

    ยังใจร้ายเหมือนเดิม...เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ

    การที่มัลฟอยกลับเป็นเหมือนเดิมนั้น ไม่ทำให้ใครสงสัยเรื่องระหว่างทั้งสองก็จริง แต่สภาพแบบนี้ก็ทำให้เธอน้อยใจอยู่ไม่น้อย

    เสียงระฆังหมดเวลาเรียนดังขึ้น แต่สเนปยังไม่ยอมเลิกราจากเนวิลล์

    "เธอต้องอยู่ก่อน ลองบัตท่อม จนกว่าจะปรุงยาตัวนี้ให้สำเร็จ" สเนปสั่งเสียงเฉียบขาด

    เฮอร์ไมโอนี่และนักเรียนคนอื่น ๆ รู้สึกสงสารเนวิลล์ เขาหน้าซีดเป็นกระดาษ ปากสั่น มือสั่นไปหมดด้วยความกลัว แต่เธอก็จำใจต้องเดินออกไปพร้อมแฮร์รี่และรอน เท่าที่ทั้งสามคนทำได้ ก็คือส่งสายตาให้กำลังใจไปที่เนวิลล์

    เมื่อนักเรียนคนอื่น ๆ เดินออกไปกันหมด มัลฟอยก็เดินมาหาสเนปแล้วพูด

    "อาจารย์ครับ ผมมีอะไรจะให้อาจารย์"

    "อะไรรึ" สเนปถาม

    "ผมคิดว่าอาจารย์จะต้องสนใจ" มัลฟอยยิ้ม หยิบขวดน้ำยาสีแดงกุหลาบที่เก็บไว้ออกมาจากเสื้อ

    สเนปรับขวดมาจากมัลฟอยแล้วชูขึ้นดู มีน้ำยาเหลือเพียงก้นขวดเท่านั้น เขาทำหน้าแปลกใจและสงสัย

    "ไม่น่าเชื่อ เธอได้มาจากไหน"

    "จากพ่อครับ" มัลฟอยโกหก

    ความจริงเขาไม่กล้าเก็บมันไว้กับตัวอีกแล้ว เขารู้สึกว่าถ้าขืนเขาเก็บไว้เรื่อย ๆ โอวีล่าอาจจะออกมาอีกในสักวัน...
    การส่งให้สเนปเก็บไว้เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว!

    "แต่ผมคิดว่าอาจารย์ควรจะเก็บมันไว้มากกว่าผม"

    "นับว่าเธอคิดถูก" สเนปยิ้มแล้วเอาขวดน้ำยานั้นวางไว้บนโต๊ะ

    มัลฟอยจะเดินออกไปแต่เขาก็อดหันไปมองขวดยาสีกุหลาบนั้นเป็นครั้งสุดท้ายไม่ได้

    "ลาก่อน..."

    มัลฟอยพึมพำแล้วหันกลับไปทันที

    เมื่อมัลฟอยเดินออกไปสเนปก็หันมาจัดการกับเนวิลล์ต่อ เขาเดินตรงมาหาเนวิลล์

    "มานี่ลองบัตท่อม มาใช้หม้ออันนี้" สเนปชี้ไปที่หม้อที่อยู่ใกล้โต๊ะทำงานของเขาที่สุด เนวิลล์ขยับตัวอย่างขลาดกลัว

    "ปรุงน้ำยาซะ จนกว่าจะถูก ถ้าน้ำยาของเธอยังไม่กลายเป็นสีแดงก็ไม่ต้องออกไป"

    เนวิลล์รับคำเสียงสั่นแล้วลงมือปรุงยาตามหนังสือทุกอย่างโดยมีสเนปยืนมองอยู่ไม่ห่าง แต่แล้วก็มีนักเรียนคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง

    "อาจารย์สเนปครับ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ขอพบครับ"

    "ไม่เห็นรึว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่" สเนปหันไปมองเด็กคนนั้นด้วยแววตาดุดัน

    "แต่...แต่" เด็กคนนั้นอึกอัก

    "ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์บอกว่าเรื่องด่วนนะครับ"

    สเนปถอนใจหนัก ๆ แล้วเดินตามเด็กคนนั้นออกไปด้วยฝีเท้าที่ราวกับจะทำให้พื้นเป็นรอยร้าว แต่ก่อนจะออกไป เขาหันมาขู่เนวิลล์

    "จำไว้นะลองบัตท่อม หวังว่าพอฉันกลับมา ยาของเธอต้องเป็นสีแดงแล้ว"

    สเนปพูดจบก็เดินออกไปทันที

    เนวิลล์กลัวจนตัวสั่น เขาหันซ้ายหันขวาพยายามคิดหาวิธี ยาในหม้อของเขายังเป็นสีเขียวอยู่ทั้ง ๆ ที่เขาปรุงตามหนังสือทุกอย่างแล้ว ทำไมน้ำยาในหม้อจึงไม่เปลี่ยนเป็นสีแดงเสียที และสเนปอาจจะกลับมาอีกในไม่ช้า...

    "ทำยังไงดี...ทำยังไงดี..." เนวิลล์ร้อนรน

    แล้วเขาก็เหลือบไปเห็นขวดน้ำยาสีแดงกุหลาบบนโต๊ะของสเนป เขาคว้ามันมาถือทันที

    "อย่างน้อยก็ให้มันเป็นสีแดงซะก่อนดีกว่า"

    เนวิลล์เปิดขวดน้ำยาออก กลิ่นหอมประหลาดระเหยออกมาจากขวด เนวิลล์มึนงง รู้สึกตัวชาไปหมด แต่ความกลัวสเนปทำให้เขาเรียกสติกลับคืนมาได้ เนวิลล์สะบัดศรีษะไล่ความรู้สึกมึนงงออกไป

    แล้วเขาก็เทน้ำยาสีแดงกุหลาบนั้นลงไปในหม้อ...!

    +- บทที่ 2 -+

    ได้ผล...เพราะเพียงแค่หยดเดียว น้ำยาสีเขียวใบไม้ของเนวิลล์ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง เขารีบปิดฝาแล้ววางขวดยานั้นไว้ที่เดิม

    ควันสีขาวลอยออกมาจากหม้อของเขาเป็นจำนวนมาก ส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่ว เนวิลล์ได้กลิ่นแล้วก็รู้สึกมึนงง ห้องเรียนทั้งห้องกำลังหมุนไปรอบ ๆ ตัวเขา

    ทันใดนั้น สเนปก็เดินเข้ามาในห้องเรียน เขาเห็นอาการของเนวิลล์แล้วก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

    "เป็นอะไรของเธอลองบัตท่..."

    สเนปพูดได้เพียงเท่านี้ ควันสีขาวจากหม้อก็ลอยตรงเข้ามาหาเขา ไม่ช้า...สเนปก็มีอาการเดียวกับเนวิลล์!

    "เป็น...งาย..ครับ..อา...จารย์" เนวิลล์ที่สูดกลิ่นหอมนั้นเข้าไปเต็มปอดถามด้วยน้ำเสียงเหมือนคนง่วงจัด

    "เอ่อ..." สเนปก้มลงไปดูน้ำยาในหม้อของเนวิลล์ แต่เขาเวียนศรีษะจนต้องพยุงตัวจับปากหม้อยาของเนวิลล์ไว้แน่น ไม่อย่างนั้นหน้าของเขาจะต้องทิ่มลงไปในหม้อแน่

    ผิวน้ำยาสีแดงกระเพื่อมเล็กน้อยแล้วมันก็ค่อย ๆ กลายเป็นรูปหน้าคน มันส่งสายตามองเขม็งมาที่สเนป แล้วขยับปาก!
    ตอบเขาไปสิ...ว่าดีมาก...ออกไปได้แล้ว...ตอบสิ ตอบ!

    สเนปกุมขมับตนเอง พยายามต่อสู้กับเสียงคำสั่งที่ดังเขามาในสมองของเขา แต่...ไม่สำเร็จ

    "ออก...ออกไปได้แล้ว ลองบัตท่อม!" สเนปสั่ง

    เนวิลล์รับคำเนือย ๆ แล้วเดินโซเซออกไปด้วยท่าทางที่เหมือนคนเพิ่งลุกจากที่นอน

    ควันสีขาวที่ลอยออกมาจากหม้อกำลังรวมตัวกันอยู่ที่เพดานของมุมห้อง ไม่ช้ามันก็รวมตัวกันเป็นรูปร่างของคน...

    ผมยาวสยาย ร่างบอบบาง แขนและขาเริ่มชัดเจน แล้วร่างนั้นก็ร่อนลงยืนที่พื้นอย่างนุ่มนวล สเนปที่กำลังมึนศรีษะอย่างหนักไม่ได้สังเกตเห็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นข้างหลังเขา

    จนกระทั่ง...รูปร่างนั้นกลายเป็นเด็กผู้หญิง กำลังยืนอยู่ที่มุมห้อง ผมสีดำยาวถึงกลางหลัง ดวงตาสีเข้ม เธอยกมือขึ้นดูทีละข้างอย่างช้า ๆ รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากสีแดง ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ลดแขนลงวางข้างตัว

    "อาจารย์คะ"

    สเนปหันไปตามเสียงที่ดังจากข้างหลัง เมื่อเขาเห็น...

    "เพียวร์....บลัด..."

    ทันใดนั้นเองก็มีสายลมวูบหนึ่งพัดออกมาจากตัวของเธอ มันปะทะเข้ากับใบหน้าของสเนปพร้อมกับกลิ่นหอมกระจายไปทั่ว เขาฝืนยืนโซเซอยู่ได้ไม่นานก็ล้มลง

    โอวีล่ายิ้มอย่างพอใจ เธอหันไปหยิบขวดน้ำยาสีแดงกุหลาบบนโต๊ะที่เหลืออยู่เพียงนิดเดียวมาใส่ไว้ในเสื้อ แล้วเธอก็เดินมานั่งข้าง ๆ ร่างหมดสติของสเนป เธอยกมือขึ้นแตะที่ศรีษะของเขา

    "ขอบคุณนะคะ"

    โอวีล่าท่องคาถาลบความจำใส่สเนป เขาจะได้ไปบอกใคร ๆ ไม่ได้ว่าพบเห็นอะไร และลืมเรื่องน้ำยาสีแดงกุหลาบที่ได้รับมาด้วย

    แล้วโอวีล่าก็เงยหน้าขึ้น ประกายตาของเธอแรงกล้าขณะที่กำลังจ้องมองไปข้างหน้า

    "สุดที่รัก"

    +- บทที่ 3 -+

    "อ๊ากกก!!" เนวิลล์ที่เดินเซไปเซมาชนเข้ากับรอนที่กำลังเดินมากับแฮร์รี่ และเฮอร์ไมโอนี่ ขณะที่ทั้งสามเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่

    "เป็นอะไรของนายน่ะ! เนวิลล์" รอนถามโกรธ ๆ เขาพยุงตัวขึ้นพลางปัดฝุ่นตามตัว

    "เอ่อ...ขอโทษที" เนวิลล์ขยี้ตาแล้วยืนขึ้นบ้าง

    "นายรอดมาจากสเนปได้ไง" แฮร์รี่ถาม เขาสงสัยที่เห็นเนวิลล์แถวนี้แทนที่ตอนนี้เขาน่าจะถูกลงโทษให้แคะสมองหนูสักเข่งในห้องทำงานของสเนป

    "ก็ฉันปรุงน้ำยาถูกไง" เนวิลล์ยืดอก เขาข้ามตอนที่เขาเอาน้ำยาอื่นใส่ลงไปในหม้อ

    แฮร์รี่กับรอนมองหน้ากันด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ แต่เฮอร์ไมโอนี่ทำจมูกฟุดฟิด แล้วถาม

    "กลิ่นอะไร เนวิลล์"

    เนวิลล์ยกแขนเสื้อของตัวเองขึ้นชิดจมูก

    "กลิ่นน้ำยาในหม้อติดเสื้อฉันมามั้ง แต่ฉันไม่ได้กลิ่นอะไรแล้วนี่ จมูกดีจัง"

    เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วแล้วทบทวนความจำ

    ไม่ใช่สิ...เหมือนกับเคยได้กลิ่นนี้มาก่อน... แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะคิดอะไรออก รอนก็พูดขึ้น

    "เฮอร์ไมโอนี่ เธอจะไปงานเลี้ยงเต้นรำกับใครเหรอ"

    เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วอีก ตั้งแต่เช้ามานี่รอนเอาแต่ถามคำถามนี้กับเธอ ตอนที่เธอเผลอ

    "ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่บอกเธอหรอก" เธอตอบเสียงขุ่น

    แล้วสายตาของเธอก็ไปสะดุดกับมัลฟอยที่กำลังยืนคุยอยู่กับแพนซี่ พาร์คินสันอยู่ไม่ใกล้นัก รอนมองตาม ทั้งสามคนได้ยินเสียงของแพนซี่

    "เธอต้องไปงานเลี้ยงกับฉันนะมัลฟอย" เธอทำเสียงอ้อน

    มัลฟอยที่กอดอกอยู่แอบถอนหายใจ แต่แล้วสายตาของเฮอร์ไมโอนี่ประสานเข้ากับมัลฟอยโดยบังเอิญ มัลฟอยแยกตัวมาจากแพนซี่ทันที แล้วเดินมาหาทั้งสามคน

    "ว่าไงพอตเตอร์ ฉันอยากรู้นักว่าอย่างนายจะชวนใครไปได้มั่งไหม"

    รอนโมโหแทนแฮร์รี่ เขาสวนขึ้นทันที

    "มีก็แล้วกัน ใครเขาจะรอให้ผู้หญิงเอ่ยปากก่อนเหมือนนาย!"

    ใบหน้าของมัลฟอยเป็นสีชมพูจาง ๆ รอนพูดต่อ

    "เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังมีคนพาไปเลย"

    "รอน!"

    เฮอร์ไมโอนี่จับเข้าที่แขนของรอนเป็นเชิงห้ามไม่ให้เขาพูดอะไรอีก มัลฟอยมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างเจ็บปวด แต่รอนและแฮร์รี่ตีแววตาคู่นั้นผิดไป

    "ผิดหวังล่ะสิ เฮอร์ไมโอนี่ก็มีคนพาไปเหมือนกัน"

    มัลฟอยกัดริมฝีปากแน่น เฮอร์ไมโอนี่เองก็เช่นกัน ใบหน้าของเธอเป็นสีขาว ทันใดนั้นเองมัลฟอยก็ตะโกน

    "แพนซี่!!"

    นักเรียนคนอื่น ๆ หันมามองตามเสียง แพนซี่ที่กำลังน้อยใจที่มัลฟอยเดินมาหาแฮร์รี่ตอนที่เธอกำลังชวนเขาไปงานรีบหันมามองอย่างดีใจ

    มัลฟอยตะโกนอีกครั้งทั้งที่ยังมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่อยู่เต็มตา

    "ฉันจะไปงานกับเธอ!"

    เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยด้วยน้ำตาคลอเบ้า

    +- บทที่ 4 -+

    นักเรียนชั้นปีสี่ทุกคนนับวันนับคืนรองานเลี้ยงเต้นรำอย่างมีความสุข บางคนก็รอที่จะได้แต่ตัวสวย ๆ บางคนก็รออาหารรสเลิศ ยกเว้นแฮร์รี่กับรอนที่อยากให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลายในวันนั้น ซึ่งคงจะดีกว่าต้องออกงานด้วยเหตุผลเดียวกันคือ"ไม่อยากขายหน้าผู้คน" แฮร์รี่กลัวว่าจะขายหน้ากลางฟลอร์เต้นรำ ส่วนรอนกลัวตัวเองจะขายหน้าเพราะชุดลูกไม้ของเขา
    แต่ดูเหมือนสวรรค์จะไม่เข้าข้างเสียงส่วนน้อย งานเลี้ยงเต้นรำถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ และสมความต้องการของนักเรียนทุกคน

    เฮอร์ไมโอนี่แต่งตัวสวยงามควงคู่มากับวิกเตอร์ครัม ผิดความคาดหมายของทุกคน ใบหน้าของเธอยิ้มแย้ม แต่ไม่มีใครรู้ว่ารอยประหม่าบนใบหน้าของเธอนั้น เกิดจากความกลัวว่ามัลฟอยจะเห็นเธอกับวิกเตอร์ ครัมสนิทกันมาก

    แฮร์รี่รู้สึกขอบคุณสวรรค์ที่งานในครั้งนี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขากลัวมานาน ส่วนรอนก็ดูเหมือนว่าปัญหาเรื่องชุดของเขาจะหายไปแล้ว

    มัลฟอยควงมากับแพนซี่ เธอเกาะแขนเขาไว้แน่นตลอดเวลา ขณะที่มัลฟอยแสดงท่าทางเบื่อและรำคาญอย่างเห็นได้ชัด แต่แพนซี่ไม่สนใจ เธอกึ่งลากกึ่งจูงเขาไปเต้นรำกลางฟลอร์ด้วยกัน มัลฟอยเต้นตามอย่างไม่เต็มใจนัก เขาเพียงแต่ขยับตัวไปตามแพนซี่

    แล้วแพนซี่ยกก็แขนขึ้นโอบไว้รอบคอของมัลฟอย มองเขาด้วยสายตาหวานฉ่ำ

    "แพนซี่ ไม่เอาน่า" มัลฟอยแกะแขนของเธอออก พยายามเก็บอาการรำคาญเธอไว้ แพนซี่ยอมลดแขนลงด้วยท่าทางฮึดฮัด
    ทันใดนั้นเอง มัลฟอยก็สะดุ้งเฮือก เมื่อเขามองฝ่าฝูงคนไปที่โต๊ะเครื่องดื่ม....

    เด็กผู้หญิงผมสีดำยาวสลวย สวมชุดราตรีสีม่วงเข้ม สวยงามไม่แพ้ใคร ๆ กำลังมองมาที่เขา เธอยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบทั้งที่ดวงตาสีดำคู่นั้นยังคงจ้องเขม็งมาที่เขา

    โอวีล่า!

    เธอยิ้มให้มัลฟอย แล้วกลิ่นหอมที่เขาเคยทำให้เขาแทบเอาชีวิตไม่รอดก็ดูเหมือนจะลอยมาตามลมอีกครั้ง

    มัลฟอยขนลุกเกรียว เขาหยุดเท้าที่กำลังขยับตามจังหวะทันที จึงทำให้แพนซี่สะดุดเข้ากับเท้าของเขาอย่างจัง

    "เป็นอะไรของเธอน่ะ มัลฟอย" เธอถามโกรธ ๆ

    มัลฟอยได้สติ เขาสะบัดศรีษะแล้วมองซ้ำไปที่โต๊เครื่องดื่มอีกครั้ง.... ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว

    "ไม่มีอะไร ฉัน....ตาฝาดน่ะ"

    มัลฟอยพูดพลางกุมขมับ แล้วเขาก็ผละไปจากแพนซี่ทันทีโดยไม่สนใจว่าเขาปล่อยเธอไว้กลางฟลอร์คนเดียวขณะที่ดนตรีเพิ่งเล่นไปได้เพียงครึ่ง

    แพนซี่กระทืบเท้าอย่างไม่พอใจแล้วแหวกคู่เต้นอื่น ๆ ไปด้วยอารมณ์ร้อนกรุ่น

    หลังจากที่แยกกับแพนซี่มาแล้ว มัลฟอยก็ไปยืนที่มุมเงียบคนเดียว เขารู้สึกเวียนศรีษะมาก

    "ไม่...เราคงตาฝาด"

    โอวีล่าจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง...! เธอต้องอยู่ในที่ของเธอ!...ในที่ของเธอ!...

    มัลฟอยคิดพลางลูบใบหน้าตัวเอง มีเหงื่อซึมออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว ทั้งที่อากาศในห้องโถงเย็นสบาย แต่เขารู้สึกหนาวเหน็บราวกับยืนอยู่กลางหิมะ รอยยิ้มอ่อนหวานหากแต่เย็นเยียบ และคำพูดของโอวีล่าดังวนเวียนอยู่ในโสตประสาทของเขา...

    สุดที่รัก....สุดที่รักของฉัน

    +- บทที่ 5 -+

    เฮอร์ไมโอนี่เดินกระแทกสนเท้ามาจากโต๊อาหาร เธอโมโหจัดที่รอนกล่าวหาว่าเธอจะเข้าข้างวิกเตอร์ ครัมให้ชนะการแข่งขันประลองเวทย์ไตรภาคี

    เฮอร์ไมโอนี่เดินย้ำเท้าโครมครามมาที่โต๊ะเครื่องดื่ม แต่สายตาไปสะดุดกับมัลฟอยเสียก่อน เขาพิงผนังห้องโถงอยู่คนเดียว แต่ความน้อยใจที่มีมีอยู่ทำให้เธอไม่ได้สังเกตว่าผิวหน้าของเขาซีดเซียวลงเพียงไร

    เฮอร์ไมโอนี่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเขา แล้วหันหลังทันที

    "เกรนเจอร์" มัลฟอยเรียกเมื่อเห็นเธอจะเดินหนีเขาไปอย่างหน้าตาเฉย

    เฮอร์ไมโอนี่หยุดเท้าแต่ก็ยังไม่ยอมหันหน้ามาเผชิญกับเขา มัลฟอยกอดอก เดินออกห่างจากผนังที่เขาพิงอย่างเชื่องช้า

    "คู่เต้นไปไหนล่ะ" มัลฟอยถามทั้ง ๆ ที่มองแผ่นหลังของเฮอร์ไมโอนี่

    "ฉันกำลังหาเขาอยู่ เขาไม่เคยมาที่นี่ก็อาจจะหลงทาง" เธอตอบเสียงห้วน แล้วกลับหลังหันมาหามัลฟอย

    ทั้งสองสบตากันเต็มตา มัลฟอยไม่ปิดบังสายตาเจ็บปวดของเขา แต่เขาก็ฝืนใจพูดดี ๆ กับเธอต่อ

    "ชุดสวย" เขาพูดชมแต่น้ำเสียงยังเย็นชาด้วยความน้อยใจอยู่

    "เสียเวลากับผมไปเยอะสิ" มัลฟอยหมายถึงผมที่เคยพองฟูของเฮอร์ไมโอนี่ที่ตอนนี้กลายเป็นผมสลวยถูกม้วนเป็นมวยเก๋ที่ศรีษะของเธอ

    "แล้วเธอล่ะ! อยากจะสวดมนต์สักบทไหม หลวงพ่อ!" เฮอร์ไมโอนี่ย้อน เธอเองก็ยังน้อยใจที่เขาชวนแพนซี่มางานต่อหน้าต่อตาเธอ

    ใช่ ชุดผ้ากำมะหยี่สีดำ คอปกตั้งของมัลฟอยดูเหมือนบาทหลวงจริง ๆ มัลฟอยหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู โชคดีที่คนรอบข้างของเขาทั้งสองดูเหมือนจะสนใจจะเต้นรำกันเอง หรือไม่ก็ดูคู่อื่นเต้นรำ และรับประทานอาหาร มัลฟอยกับเฮอร์ไมโอนี่จึงไม่ได้ตกเป็นเป้าสายตาของใครเพราะบทสนทนาที่ดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ ของพวกเขา

    มัลฟอยยื่นมือมาหาเฮอร์ไมโอนี่...

    เป็นการลดศักดิ์ศรีอย่างที่สุดแล้วสำหรับเขา!

    เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่ามัลฟอยกำลังขอเธอเต้นรำ เธอมองใบหน้าสีชมพูของเขาอย่างไม่เชื่อสายตา

    "ฉัน...." เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง เธอมองรอบ ๆ ไม่มีเงาของแครบและกอยล์ และคนรอบข้างจำนวนมากก็ไม่มีใครสนใจเธอว่าเธอจะเต้นกับใครอยู่แล้ว

    เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เงียบไปนาน มัลฟอยจึงเลื่อนมือกลับช้า ๆ มองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาเจ็บปวดอย่างที่สุด

    เขาสะบัดหน้าหันหลังควับ เดินออกไปจากห้องเต้นรำทันที

    ความรู้สึกบางอย่างแล่นเข้ามาในใจของเฮอร์ไมโอนี่ เท้าของเธอขยับตามมัลฟอยไปอย่างรีบร้อนจนเธอเหยียบชายกระโปรงตัวเองหลายครั้ง

    "เดี๋ยวก่อน! มัลฟอย!"

    ...+*+*+...

    แพนซี่ พาร์คินสันทิ้งตัวโครมลงที่เก้าอี้ของโต๊ะอาหาร แล้วนั่งไขว่ห้างฉับ พลางหยิบอาหารบนโต๊ะใส่ปากเคี้ยวด้วยท่าทางโกรธจัด แครบกับกอยล์เจ้าของจานอาหารที่แพนซี่กำลังกำลังกินเอา ๆ อ้าปากค้างด้วยความงง

    "มัลฟอยนะ!" เธอพึมพำทั้งที่ปากยังเต็มไปด้วยขนม แล้วเธอก็เอื้อมมือมาหยิบแก้วในมือของแครบไปดื่มโดยไม่สนใจเขา

    "เป็นอะไรของเธอน่ะ" กอยล์ถาม (เขาเริ่มเลื่อนจานของตัวเองออกห่างจากแพนซี่)

    "ก็มัลฟอย!..." แพนซี่ตั้งท่าจะพูดให้ดุเดือด แต่แล้วเธอก็เงียบเพราะอายที่จะบอกว่าโดนมัลฟอยปฏิเสธ หนำซ้ำเขายังเดินหนีไปตอนที่กำลังเต้นรำ!

    "ช่างมันเถอะ" เธอโบกมือปฎิเสธที่จะเล่า ตั้งท่าจะดึงจานออกมาจากมือของกอยล์ แต่ทันใดนั้นเอง...

    "แพนซี่"

    แครบ กอยล์ และแพนซี่ หันไปมองเจ้าของเสียง ที่ใส่ชุดผ้ากำมะหยี่สีดำคอปกตั้งสูง ผมสีบอล์น และมีดวงตาสีซีดนั้นด้วยกัน

    "มัลฟอย!" ทั้งสามคนพูดพร้อมกัน

    มัลฟอยยิ้มเยือกเย็นให้ทั้งสามคน แต่แครบและกอยล์หนาววูบที่สันหลังโดยไม่รู้สาเหตุ พวกเขารู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นไม่ใช่ของมัลฟอย!

    "ฉันขอโทษที่ปล่อยเธอไว้คนเดียวนะ แพนซี่" มัลฟอยพูดทั้งที่ยังยิ้มอยู่

    แพนซี่ที่อ้าปากค้างได้สติ เธอรีบเอาผ้าเช็ดปากเช็ดลวก ๆ ที่ปากของตัวเองด้วยความอาย หวังให้เขาไม่ได้เห็นท่าทางกินของเธอเมื่อสักครู่

    "ไม่เป็นไรหรอก" แพนซี่รีบพูด

    มัลฟอยยื่นมือมาหาแพนซี่ เธอรีบคว้ามาจับทันที แล้วกลิ่นหอมประหลาดก็ลอยเข้ามาหาแพนซี่

    "หอมจัง..." เธอทำท่าเคลิ้ม มัลฟอยยิ้มอย่างพอใจแล้วจูงเธอไปจากโต๊ะด้วยกัน แครบกับกอยล์ทำท่างงงสุดขีด

    "นั่น...มัลฟอย...แน่เหรอ" แครบเริ่มได้สติ

    "นั่นสิ" กอยล์ขมวดคิ้ว มองมัลฟอยและแพนซี่ที่เดินหายเข้าไปในหมู่คนที่กำลังเต้นรำ

    มัลฟอยหยุดตรงกลางฟลอร์แล้วก็เริ่มขยับตัวไปพร้อม ๆ กับแพนซี่ ที่ตอนนี้เธอเหมือนคนที่กำลังไร้สติอย่างหนัก

    "มัลฟอย" แพนซี่ยกแขนขึ้นโอบไว้รอบคอมัลฟอย เขาไม่ขัดขืน ยังคงยิ้มและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของแพนซี่

    แล้วมัลฟอยก็โน้มตัวลงมาแนบกับแพนซี่ เธอใจเต้นระรัว ใบหน้าเริ่มเป็นสีชมพู กลิ่นหอมที่ออกมาจากตัวของเขา ยิ่งทำให้เธอรู้สึกใจสั่น

    "เราน่าจะไปที่อื่นกันนะ" มัลฟอยพูดที่หูของแพนซี่

    "ไป....ที่ไหน...กันดีล่ะ.." แพนซี่พูดเสียงเหมือนคนง่วงจัด

    มัลฟอยชิดตัวเข้ากับร่างของแพนซี่อีก เธอเท้าคางกับไหล่ของมัลฟอยอย่างสุขใจ

    มัลฟอยแอบยิ้ม แล้วดวงตาสีซีดของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำแว่บหนึ่ง มันส่งประกายจัดจ้า ก่อนจะกลับเป็นสีซีดดังเดิม โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น!

    ...+*+*+...

    แล้วมัลฟอยก็จูงมือแพนซี่เดินมาที่สวนหย่อมพักผ่อนภายนอกของห้องโถง ภายในสวน ถูกประดับประดาด้วยแสงไฟงดงาม ส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า

    มัลฟอยค่อย ๆ ประคองให้แพนซี่นั่งลง เธอยอมโดยดี ดวงตาของแพนซี่ฉ่ำเยิ้มและจ้องมองเขาไม่วาง

    "เดรโก...." แพนซี่เปลี่ยนชื่อเรียกเขา มัลฟอยหรี่ดวงตาแว่บหนึ่งแล้วยิ้มให้ มัลฟอยก้มหน้าลงมาชิดกับใบหน้าของแพนซี่ เธอหลับตาอย่างมีความสุข

    ทันใดนั้นเอง ความง่วงก็จู่โจมเข้ามา ร่างของแพนซี่โงนเงนล้มมาทางมัลฟอยทันที เขานั่งเฉย ไม่ประคองหรือแตะตัวเธออีกแล้ว

    มัลฟอยยืนขึ้น มองร่างไร้สติของแพนซี่ด้วยสายตาสังเวช

    "เขาไม่รักแกหรอก ยายอัปลักษณ์!!" มัลฟอยแค่นเสียง

    "แต่ก็ขอบใจที่ทำให้ฉันรู้ว่า แม้แต่แกก็ยังไม่รู้ว่าไม่ใช่เขา"

    ดวงตาของมัลฟอยหรี่ลง เขาจ้องไปข้างหน้าอย่างมุ่งมาด

    +- บทที่ 7 -+

    ทั้ง ๆ ที่เฮอร์ไมโอนี่เดินตามเขามาติด ๆ แต่มัลฟอยหายไปในสวนที่อยู่อีกด้านของประตูเสียแล้ว เธอไม่กล้าตะโกนเรียกเขา เพราะมีนักเรียนคนอื่นอีกจำนวนมากที่เดินควงคู่คุยกันอยู่ในสวน

    แต่ความรู้สึกผิดนั้นมีมากจนเฮอร์ไมโอนี่ไม่ละความพยายาม เธอจึงเดินหาเขาด้วยตัวเองต่อไป

    มัลฟอยเดินหนีเฮอร์ไมโอนี่มาด้วยอารมณ์ร้อนกรุ่น เขาพยายามจะทำให้เรื่องของพวกเขาดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการเลยแม้แต่น้อย

    มัลฟอยทรุดนั่งลงใต้ต้นแอปเปิ้ลที่ถูกใช้เวทย์มนต์เร่งให้ออกผลเต็มต้น ส่งกลิ่นหอมหวนออกมา

    เขาพิงต้นแอปเปิ้ลเต็มแรง ทำให้แอปเปิ้ลที่สุกงอมแล้วลูกหนึ่งตกลงมาถูกไหล่เขา

    มัลฟอยหยิบแอปเปิ้ลนั้น ขึ้นมาถือในมือ มองอยู่สักครู่ก็หยิบไม้กายสิทธิ์ที่อยู่ในเสื้อออกมาเสกแก้วทรงสูงเหมือนแก้วไวน์ แล้วเอาแอปเปิ้ลลูกนั้นวางลงบนปากแก้ว เขาเอาไม้กายสิทธิ์เคาะเบา ๆ ที่แอปเปิ้ลลูกนั้น ทันใดนั้นแอปเปิ้ลนั้นก็หายไป แต่มีน้ำที่สีเหมือนเนื้อแอปเปิ้ล มีกลิ่นหอมของแอปเปิ้ลและแอลกอฮอล์บางเบาอยู่เต็มแก้วแทน

    มัลฟอยยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมด แล้วถอนหายใจเฮือก หลังจากนั้นแอปเปิ้ลลูกอื่น ๆ ก็ลอยลงมาหาเขาทีละลูก ๆ
    เฮอร์ไมโอนี่เดินมาทางนั้นพอดีและเห็นความผิดปกติ ก็รู้ได้ทันทีว่านี่ต้องเป็นฝีมือของมัลฟอย เธอเดินมาใกล้ก็เห็นเขากำลังยกแก้วขึ้นดื่มอีก เฮอร์ไมโอนี่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากมัลฟอย

    "เธอดื่มอะไรน่ะ!" เฮอร์ไมโอนี่ร้อง แล้วถลาเขามาปัดถ้วยออกไปจากมือมัลฟอย

    มัลฟอยนั่งเฉย เขาดูเหมือนจะดื่มเข้าไปมากพอควรแล้ว ผิวที่ซีดเซียวของเขากลายเป็นสีแดง

    กลิ่น....เหล้า!!

    เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง แล้วกระชากแขนมัลฟอยมาตวาด

    "เธอกินเหล้า! รู้ไหม ถ้าอาจารย์รู้จะเป็นยังไง!"

    มัลฟอยมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่

    "ฉันเคยเห็นพ่อทำ ต่อมาฉันก็ทำได้เอง" เขาหมายถึงวิธีทำเหล้าจากผลไม้ที่นายลูเซียสเคยทำให้เขาเห็น
    เฮอร์ไมโอนี่ได้กลิ่นหอมบางเบาของแอปเปิ้ลและแอลกอฮอล์จากมัลฟอย แต่ความโกรธมีมากกว่าความรู้สึกทึ่งในความสามารถ!

    "เธอดื่มเข้าไปเท่าไหร่ ยืนขึ้นเดี๋ยวนี้! เราต้องไม่ทำให้ใครสงสัย"

    เฮอร์ไมโอนี่พยายามคิดหาวิธีพาเขาหลบไปก่อนจะมีใครมาเห็นเข้า

    มัลฟอยไม่ทำตามที่เธอพูด แต่ชี้ไปที่ต้นแอปเปิ้ลที่ตอนนี้ผลของมันหายไปแถบหนึ่งแล้ว เฮอร์ไมโอนี่พอจะกะปริมาณได้....
    มัลฟอยดื่มไปเกือบสิบแก้ว!

    เฮอร์ไมโอนี่ฉุดกระชากลากถูเขาให้ยืนขึ้นเต็มกำลัง แต่ไม่สำเร็จ ทันใดนั้นเอง เธอก็เห็นใครบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ

    "อาจารย์มา!"

    ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกำลังเดินตรงมาหาพวกเขาทั้งสอง 

    ...+*+*+...
     
    "ซ่อนเร็ว มัลฟอย!" เฮอร์ไมโอนี่ผลักเข้าที่อกของมัลฟอยสุดแรงให้เขาซ่อนตัวลงในพุ่มไม้หนา ๆ ข้างหลังทันที ทว่ามัลฟอยที่ไม่มีแรงแม้แต่จะยืนขึ้นเพราะฤทธิ์เหล้า จึงล้มโครมลงไปในพุ่มไม้เต็มแรง

    เฮอร์ไมโอนี่จัดกิ่งไม้ทั้งหมดให้มาบังตัวมัลฟอยจนมิด แล้วนั่งพับเพียบบังด้านหน้าไว้ให้เขา เธอส่งยิ้มให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่เดินมาถึงตัวเธอแล้ว

    "นั่งทำอะไรอยู่คนเดียว มิสเกรนเจอร์" อาจารย์ถามเสียงเรียบ ๆ

    "หนู...หาวิกเตอร์น่ะค่ะ พอดีเหนื่อยเลย...นั่งพักก่อน" เฮอร์ไมโอนี่รีบพูด
     
    "จริงสินะ แต่ฉันไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ ว่าวิกเตอร์ ครัมจะยอมเป็นคู่เต้นให้ใคร เธอโชคดีมากเลยนะ" ศาสตราจารย์มักกอนากัลชวนคุย

    "ค่ะ..หนูก็ไม่อยากเชื่อ หนูรู้สึกเป็นเกียรติมากเลยค่ะ" เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแห้ง ๆ ในใจภาวนาให้อาจารย์รีบเบื่อที่จะพูดกับเธอเร็ว ๆ

    มัลฟอยผงกหัว ลืมตาขึ้นอย่างมึน ๆ เขาได้ยินเฮอร์ไมโอนี่พูดถึงวิกเตอร์ ตาสีซีดของเขาก็ขวางขึ้นมาทันที

    "แล้วมิสเตอร์ครัมพูดอะไรถึงโรงเรียนเราบ้างไหม" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลถามต่อ

    "ไม่ค่ะ เขาชวนหนูคุยเรื่องตัวหนู...ุอุ๊ย!"

    เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเล็กน้อย หน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพูขึ้นมาทันที เธอกัดฟันพึมพำอย่างโกรธ ๆ

    "มัลฟอย! เอามือออกไป.."

    มัลฟอยเอามือสอดไปในชายกระโปรงของเฮอร์ไมโอนี่ แล้วจับข้อเท้าเธอไว้แน่น

    "เธอว่าไงนะ มิสเกรนเจอร์" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลถาม โชคดีที่เมื่อสักครู่ศาสตราจารย์มักกัอนนากัลสนใจจะดูต้นแอปเปิ้ลที่ผลของมันหายไปทั้งแถบมากกว่า

    "เปล่าค่ะ เปล่า วิกเตอร์เขาพูดถึง อ๊ะ!.. โรงเรียนเราบ้าง เหมือนกันนะคะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดไปสะดุ้งไป

    หน้าของเธอแดงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมัลฟอยเอามือมาแตะที่เอวเธอแทน แล้วเลื่อนไปจับซิบเสื้อที่อยู่ข้างหลังอีก

    "เหรอ..." ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเลิกคิ้ว

    "ค่ะ!" เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกว้าง

    มัลฟอยยิ่งโกรธมากขึ้น เขาดึงซิบเสื้อข้างหลังเฮอร์ไมโอนี่ลงทันที เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้างตั้งท่าจะร้องกรี๊ด

    "โอ! ตายจริง ฉันนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ เธอหน้าแดงเชียว อาจจะมีไข้นะจ๊ะ อย่ามานั่งอยู่ตรงนี้นาน ๆ เลยนะ" ว่าจบศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็เดินไปทันที เมื่อคล้อยหลังอาจารย์...

    "มัลฟอย! ออกมาเดี๋ยวนี้เลยเชียวนะ! อยู่นิ่ง ๆ ไม่เป็นเลยรึไง!" เฮอร์ไมโอนี่ลากเขาออกมาจากพุ่มไม้สุดแรงด้วยความโกรธ มัลฟอยยอมออกมาตามแรงลาก เฮอร์ไมโอนี่จับเขาพิงกับต้นแอปเปิ้ล แล้วพึมพำว่า

    "เอาไงดี จะพาไปหอนอนเดี๋ยวใครมาเห็น"

    เธอคิดอยู่สักพักก็นึกออก

    "บ้านแฮกริด! มัลฟอยยืนเดี๋ยวนี้เลย... ยืน!" เฮอร์ไมโอนี่พยุงเขาขึ้น มัลฟอยงึมงำ

    "ฉันไม่ไปบ้านเจ้านั่น..ไม่ไป"

    "ถ้าขืนนายบ่นนะ ฉันจะปล่อยไว้ตรงนี้!" เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง

    เธอยกแขนมัลฟอยมาพาดไว้ที่บ่าแล้วพยุงไปอย่างทุลักทุเลเต็มทน

    แต่อาจจะเป็นเพราะเฮอร์ไมโอนี่อยู่ใกล้เขามาก มัลฟอยแกล้งแตะริมฝีปากกับแก้มเธอเบา ๆ

    เฮอร์ไมโอนี่โกรธจนหน้าแดงจัด ตั้งท่าจะสะบัดเขาลง

    "ถ้านายไม่อยู่นิ่ง ๆ สักสิบนาทีล่ะก็! ฉันจะปล่อยให้นายนอนกับมดหรือหนอนแถวนี้ซะเลย!"

    มัลฟอยถอนใจหนัก เบือนหน้าไปทางอื่นอย่างเซ็ง ๆ 

    ...+*+*+...
     
    เฮอร์ไมโอนี่ถูลู่ถูกังมัลฟอยให้มาที่บ้านแฮกริดได้สำเร็จ โชคดีที่บ้านของแฮเกร็ดยังสว่างอยู่ เฮอร์ไมโอนี่วางมัลฟอยให้นั่งลงที่นอกบ้านของแฮเกร็ดก่อน แล้วเอาผ้าคลุมไหล่ของเธอคลุมตัวเขาไว้

    "เธออยู่นิ่ง ๆ ตรงนี้นะ อย่าส่งเสียงอะไรเด็ดขาด" เฮอร์ไมโอนี่กำชับเขา แล้วเดินไปเคาะประตูบ้านแฮเกร็ด

    แฮเกร็ดเดินออกมา ท่าทางเขารีบร้อนมาก

    "อ้าว เฮอร์ไมโอนี่ มี'ไรเหรอ" แฮเกร็ดถาม

    "คือ..เพื่อนหนูเธอไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ อยากจะขออนุญาติให้เธอพักที่บ้านคุณก่อนได้ไหมคะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเกรง ๆ

    "ได้สิ ฉันว่าจะออกไปงานเลี้ยงแล้วล่ะ แค่กลับมาเอาของนิดหน่อยเท่านั้น พักได้ตามสบาย จะใช้ครัวฉันก็ได้นะ เผื่อเธอจะชงน้ำชา" แฮกริดเชื้อเชิญอย่างใจดี ก่อนจะลาเฮอร์ไมโอนี่แล้วรีบออกไปงาน

    เมื่อแฮเกร็ดออกไปไกลแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็รีบพยุงมัลฟอยให้เข้าไปในบ้าน แต่มัลฟอยก็ไม่ได้อยู่นิ่ง ๆ เลยเพราะเขาไม่ค่อยอยากจะเข้าไปในบ้านของแฮกริด

    เฮอร์ไมโอนี่ทิ้งตัวมัลฟอยลงไปบนเตียงหนาและแข็งของแฮเกร็ดดังโครมใหญ่ มัลฟอยขยับตัวไปมาจับคอเสื้อตัวเองให้คลายออก

    เฮอร์ไมโอนี่เดินไปในครัว ต้มน้ำสำหรับชงน้ำชาแก่ ๆ ให้มัลฟอยดื่มแก้เมา

    "เกรนเจอร์" มัลฟอยเรียก เฮอร์ไมโอนี่เดินออกมาจาครัวพอดี

    "ขอน้ำกินหน่อย"

    เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจอย่างรำคาญ แล้วรินน้ำใส่แก้วมา มัลฟอยยันตัวลุกขึ้นดื่มน้ำจากแก้วที่เฮอร์ไมโอนี่เอามาจ่อปากไว้
    แต่เพราะคนดื่มกับคนให้ดื่มไม่ประสานกัน มัลฟอยสำลักน้ำเต็มแรงจนน้ำหก เปียกไปทั่วเสื้อสีดำของเขา

    "ตายแล้ว!" เฮอร์ไมโอนี่รีบเอาผ้ามาเช็ดให้

    มัลฟอยทิ้งตัวลงนอน ปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่เช็ดน้ำที่เสื้อให้ แต่สักครู่เขาก็จับมือของเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังเช็ดเสื้อให้เขา มาจับที่คอเสื้อปกตั้งสูงของเขาแทน

    "แกะให้ฉันหน่อย ฉันร้อน"

    เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีแดงขึ้นมาทันที 

    ...+*+*+...
     
    อีกด้านหนึ่ง รอนที่แยกตัวออกมาจากปัทมากำลังเดินหาแฮร์รี่ในงานจนทั่ว เพื่อจะได้มีเพื่อนกลับหอนอนไปทำอย่างอื่นด้วยกัน (ดีกว่ามานั่งดูคนอื่นชื่นมื่นกัน แล้วเขานั่งหาวอยู่คนเดียว)

    รอนเดินถามคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย จนกระทั่งเดินออกมาถึงสวนพักผ่อน แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาของแฮร์รี่

    "เอ...ไปไหนของเขานะ" รอนเกาหัว แล้วก็เดินตัดเข้าไปในสวน พลางร้องเรียกชื่อแฮร์รี่ไปเรื่อย ๆ

    "แฮร์รี่ แฮร์...อ๊ากกกกก!!!!"

    รอนสะดุดเข้ากับวัตถุสีดำที่อยู่บนพื้นเข้าอย่างจัง เขาล้มคะมำหน้าทิ่มลงพื้น

    "ตรงนี้มันที่นอนรึไง! โอ๊ย...!" รอนชูกำปั้น ตวาดใส่ทันทีที่เห็นว่าเป็นคนกำลังนอนอยู่ แลัวเขาก็จับข้อเท้าตัวเองที่ปวดระบม สงสัยจะแพลงเสียแล้ว แต่พอเขาเห็นว่าเป็นใคร...

    "แพนซี่!" รอนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง พยายามจะลุกขึ้นยืนแต่ไม่สำเร็จเพราะนอกจากขาแพลงแล้วเอวของเขาก็เจ็บอย่างหนักด้วย

    อีกฝ่ายลืมตาขึ้นมองเขา ดวงตาคู่นั้นปรือและฉ่ำเยิ้มราวกับคนเมาเหล้าจัด

    "เดรก...โก..." แพนซี่พูดเสียงยานคาง จ้องมาที่รอน

    "หา?" รอนชี้มาที่ตัวเอง เป็นเชิงว่า ฉันเนี่ยนะ?

    "เด..รก..โ..ก..!!" แพนซี่เอื้อมมือมาหารอนที่กำลังงง

    เร็วเกินกว่าที่จะมีใครคิด แพนซี่โผเข้ามากอดรอนไว้หมับ!

    "อ๊ากกกก!!!"

    รอนร้องราวกับโดนคาถาสตูเปฟายอัดใส่ร่าง เขาทั้งดันและแกะแพนซี่ออกจากตัว แต่นอกจากเธอไม่ยอมปล่อยแล้ว ยังหอมแก้มเขาซ้ายขวาอย่าหนักหน่วงและไม่ยอมหยุด

    รอนร้องจ๊าก ตะโกนเสียงดังลั่น

    ่"ช่วยด้วยยยย!!!"

    ...+*+*+...

    "เธอก็แกะเองสิ!" เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงห้วน เธอกลืนประโยคที่จะพูดว่า นายเก่งนักไม่ใช่เหรอเรื่องแกะกระดุม! ลงไป
    มัลฟอยจึงแกะเอง แต่ช่างยากเย็น เสื้อปกตั้งเป็นเสื้อที่แกะยากพอสมควรสำหรับคนที่มึนจนเห็นภาพซ้อนอย่างเขาตอนนี้
    เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยที่กำลังแกะอย่างทุลักทุเลก็เห็นใจ เธอจึงเอื้อมมือมาแกะให้เสียเลย

    "อย่ากระชากให้ขาดอีกล่ะ" มัลฟอยพูด ทิ้งแขนลงข้างตัว มองจ้องมาที่เเฮอร์ไมโอนี่ เขาหมายถึงตอนที่เฮอร์ไมโอนี่เคยกระชากเสื้อเชิ้ตของเขาจนขาด

    เฮอร์ไมโอนี่หน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพูจัด มัลฟอยจะพูดถึงเรื่องเมื่อครั้งที่ผ่าน ๆ มาทำไมกัน

    แล้วสายตาของทั้งสองประสานกันเป็นเวลานาน

    เสียงน้ำในครัวเดือดมาคั่นเสียก่อน เฮอร์ไมโอนี่ลุกพรวดขึ้นจากที่นอน

    มัลฟอยคว้าแขนเธอไว้ทัน

    "เป็นห่วงฉันมากเหรอ" มัลฟอยถาม เขามองหน้าเฮอร์ไมโอนี่นิ่ง

    เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงขึ้นอีก เธอรีบร้อนแกะมือเขาออก แต่มัลฟอยไม่ยอมปล่อย

    "้น้ำเดือดแล้วนะ" เฮอร์ไมโอนี่รีบบอก

    "ตอบก่อนสิ" มัลฟอยยังไม่ยอมเลิก

    "นายจะทำให้บ้านแฮกริดไฟไหม้นะ!" เฮอร์ไมโอนี่เร่งให้เขาปล่อย

    มัลฟอยจึงยอมปล่อยโดยดี เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกขาตัวเองสั่นเล็กน้อย เธอรีบเดินไปในครัวแล้วลงมือชงน้ำชาให้มัลฟอย
    มือสั่น ปากสั่น ไปหมด มัลฟอยทำให้เธอรู้สึกเหมือนเท้าไม่ติดพื้นแล้วในตอนนี้

    เป็นห่วงฉันมากเหรอ...งั้นหรือ จริงสินะ เฮอร์ไมโอนี่ยอมรับว่าตัวเองเป็นห่วงเขามาก ความโกรธและน้อยใจกับเรื่องที่ผ่าน ๆ มาดูเหมือนจะหายไปหมดแล้ว เธอก้มหน้าก้มตาชงน้ำชาให้มัลฟอย เพื่อไล่ความรู้สึกฟุ้งซ่านในใจ

    แต่แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ดูเหมือนจะเห็นบางสิ่ง ที่เหมือนเงาของคนเคลื่อนไหวอยู่ภายนอกหน้าต่าง เธอวางช้อนทีกำลังคนถ้วยน้ำชาลง

    "อะไรน่ะ" 

    ...+*+*+...

    เฮอร์ไมโอนี่เดินถือถ้วยชาออกมาจากครัว เธอยิ้มเมื่อเห็นมัลฟอยนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง แล้วเธอก็เดินมานั่งข้าง ๆ เขา

    "ดื่มซะหน่อยนะ มัลฟอย" เฮอร์ไมโอนี่ยื่นถ้วยให้

    มัลฟอยยันตัวขึ้นนั่ง เขารับถ้วยน้ำชานั้นมาจ่อที่ริมฝีปาก รสของชาในถ้วยค่อนข้างแปลกแต่เขาก็ค่อย ๆ ดื่มจนหมด เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

    มัลฟอยดื่มหมด เขาก็ยื่นถ้วยคืนให้ เฮอร์ไมโอนี่ดูพอใจมากจนมัลฟอยสงสัย

    "ขอบใจ..."

    มัลฟอยพูดได้เพียงเท่านั้น ร่างของเขาก็ทรุดลงกระแทกกับที่นอนแข็ง ๆ ทันที

    "อะ..ไร..กัน!" มัลฟอยพูดเสียงสั่น เขาพยายามขยับตัวแต่เหมือนเรี่ยวแรงหายไปจนหมด แล้วมัลฟอยก็เริ่มหอบ หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เหงื่อซึมออกมาราวกับเพิ่งวิ่งมาจากระยะทางไกล

    เฮอร์ไมโอนี่ไม่พูดว่าอะไร เธอเพียงแต่ยิ้ม แล้วจัดให้เขานอนหนุนหมอนเหมือนปกติ แล้วเธอก็ลูบผมที่ชื้นเหงื่อของมัลฟอย ลูบหน้าซีดเซียวของเขา ก่อนจะไล่ลงมาแกะกระดุมเสื้อของมัลฟอยให้ยาวขึ้นกว่าเดิม แล้วก็แหวกอกเสื้อของเขาออก
     
    เฮอร์ไมโอนี่วาดนิ้วลงบนแผ่นอกแบนราบของมัลฟอย....เขายังเด็กเกินไปที่จะมีกล้ามมีเนื้อ แล้วเธอก็หยุดนิ้วที่อกซ้ายของเขา

    "หัวใจเธอเต้นอยู่ตรงนี้" ฺ้ิ้้้้เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มพลางพูดเหมือนเพ้อ แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมองแววตาตื่นตระหนกของมัลฟอย
    ทันใดนั้นเอง มัลฟอยก็เจ็บแปลบที่อก เมื่อปลายเล็บที่งอกยาวของเฮอร์ไมโอนี่กดลงบนผิว มันบาดลึกเข้ามาจนเลือดของเขาไหล

    นี่!....ไม่...ใช่! มัลฟอยตกตะลึง

    "สตูเปฟาย!"

    เสียงหนึ่งดังขึ้นจากเบื้องหลัง พร้อม ๆ กับมีแสงพุ่งตรงมาที่เฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอยหันไปมองที่มาของเสียง แล้วเลือดในกายของเขาก็ดูเหมือนจะแข็งขึ้นมาทันที

    เฮอร์ไมโอนี่อีกคนยืนอยู่ตรงนั้น!!

    "สตูเปฟาย!" เธอง้างแขนแล้วฟาดไม้กายสิทธิ์ลงมา เฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งอยู่บนเตียงเบี่ยงตัวหลบทัน แต่แสงจากไม้กายสิทธิ์ก็กระแทกเข้ากับประตูบ้านอย่างแรง มันปลิวกระเด็นออกราวกับเป็นแค่เศษกระดาษ

    เฮอร์ไมโอนี่คนนั้นกระโจนหนีออกไปจากบ้านทันที!

    "อย่าหนีนะ!" เฮอร์ไมโอนี่ที่ออกมาทีหลัง ถึงแม้จะเนื้อตัวมอมแมมกว่า วิ่งตามออกไป

    เกิดเสียงปะทะกันอยู่ภายนอก มัลฟอยพยายามลุกขึ้นจากเตียงด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดจนสำเร็จ แต่พอเขาจะยืนขึ้น ขาทั้งสองก็ทรุดลงทันที มัลฟอยฉวยผ้าปูโต๊ผืนใหญ่ไว้เพื่อทรงตัว แต่มันกลับทำให้ข้าวของบนโต๊ะหล่นลงมาแตกกระจาย เขากระชากเสื้อนอกของตัวเองออกเมื่อรู้สึกว่ามันชุ่มเหงื่อไปหมด มัลฟอยหน้ามืดด้วยอาการหอบและหัวใจที่เต้นแรงเกินทนได้

    มัลฟอยไม่ยอมแพ้ เขาเหนี่ยวตู้ที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วยืนขึ้นจนสำเร็จ แต่มันยิ่งทำให้เหนื่อยอ่อนราวกับปีนขึ้นที่สูงลิ่ว เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ของตัวเองออกมา

    ...+*+*+...

    "สตูเปฟาย!"

    "สตูเปฟาย!"

    เฮอร์ไมโอนี่ทั้งสองคนร่ายคาถาเดียวกัน แต่ทั้งสองคนก็ชำนาญพอที่จะหลบการโจมตีของอีกฝ่ายไปได้อย่างฉิวเฉียด และตอนนี้ทั้งคู่ก็มอมแมมเหมือนกันราวกับมองภาพในกระจก

    "เธอเป็นใคร!" เฮอร์ไมโอนี่คนหนึ่งตะโกน

    "ฉันต้องถามเธอต่างหาก!" อีกคนตะโกนบ้าง

    ทั้งสองคนกัดฟันกรอด เมื่อประจันหน้ากันอย่างนี้ไม่มีทางที่จะทำให้ตัวปลอมรับความจริงแน่ แต่ทันใดนั้นเอง...

    "เอ็กซิโอ! เอ็กซิโอ!"

    ไม้กายสิทธิ์ของทั้งสองปลิวหลุดจากมือ มันลอยไปเข้ามือของเจ้าของเสียงทั้งสองอัน

    "มัลฟอย!" เฮอร์ไมโอนี่ทั้งสองร้องขึ้นพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างขยับเข้ามาหาเขา

    "อย่าขยับ!" มัลฟอยตะโกน แล้วชี้ไม้กายสิทธ์ของเขามาที่ทั้งสองคน ตอนนี้เหงื่อชุ่มไปทั่วเสื้อเชิ้ตสีขาวของมัลฟอย เขายังหอบแรงจนน่ากลัว แต่สายตาคู่นั้นแข็งกร้าว

    เฮอร์ไมโอนี่ทั้งสองคนชะงัก แต่ก็ยังไม่วายแสดงท่าทางเป็นห่วงเขาออกมา

    "ถ้าใครขยับฉันจะถือว่าเป็นตัวปลอม!" มัลฟอยตะโกนซ้ำ แล้วจ้องไปที่เฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนทางซ้ายและทางขวา

    ใคร!....คนไหนกันแน่! มัลฟอยกลอกตามอง ถึงแม้มันจะพร่าเลือนเต็มที

    "ฉันคือตัวจริงนะ" เฮอร์ไมโอนี่คนหนึ่งอดรนทนไม่ได้ เธอขยับตัวเข้ามาหาเขา

    "หุบปาก!!"

    มัลฟอยตวาด ชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่เธอ เฮอร์ไมโอนี่คนนั้นสะดุ้ง น้ำตาเอ่อด้วยความตกใจ แต่ตอนนี้มัลฟอยไม่มีเวลาปลอบใจเธอ เพราะเขากำลังจะหมดสติอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว

    "ใครเป็นตัวปลอมก็ช่าง แต่ที่แน่ ๆ ตัวปลอมไม่หวังดีกับฉันแน่!"

    มัลฟอยชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ทั้งสอง แล้วกัดริมฝีปาก!

    ...+*+*+...

    "เธอ!" มัลฟอยชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่เฮอร์ไมโอนี่คนทางซ้ายมือ เธอสะดุ้งและตัวสั่นในท่าทีดุดันของเขา

    "ฉันเคยวางยาอะไรเธอ!" มัลฟอยพูดเหมือนตวาด

    เฮอร์ไมโอนี่คนนั้นปากสั่นเล็กน้อยก่อนจะตอบ

    "น้ำยาฝันร้าย"

    มัลฟอยเม้มริมฝีปาก แล้วหันมาชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่คนทางขวามือแล้วถามเธอบ้าง

    "เราไปไหนด้วยกันต่อหลังจากนั้น!"

    "หนังสือ...เกมผจญภัย" เฮอร์ไมโอนี่คนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่นเช่นกัน

    เป็นคำตอบที่ถูกต้องทั้งสองข้อ!!

    มัลฟอยกัดฟัน คิดอย่างรวดเร็ว.....ตัวปลอมรู้ทุกอย่าง แล้วจะทำยังไงดี!....ยิ่งเขาคิดสมองก็ยิ่งมึนงงหนักขึ้น ร่างของเขาทรุดลงกับพื้นทันที

    เฮอร์ไมโอนี่ทั้งสองคนร้องด้วยความตกใจ แล้วถลาเข้ามาหาเขา

    "ฉันบอกว่าอย่าเข้ามา!!" มัลฟอยตะโกน เขาชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่เฮอร์ไมโอนี่ทั้งสอง พวกเธอชะงักทันที เฮอร์ไมโอนี่คนหนึ่งกัดริมฝีปากด้วยความสงสาร

    "เอาล่ะ...." เขายืนขึ้นจนสำเร็จ แต่อาการหอบของเขายังรุนแรงจนน่ากลัว มัลฟอยจ้องมาที่เฮอร์ไมโอนี่ทั้งสองทีละคน....เพียงแค่ดูด้วยตาไม่มีทางแยกออกได้เลย

    "ตัวจริง...ฟังฉัน" มัลฟอยพูดเสียงหอบ

    "หนีไป! ไม่งั้นฉันจะต้องฆ่าผิดคนแน่"

    เฮอร์ไมโอนี่ทั้งสองคนสะดุ้ง หรือว่ามัลฟอยรู้แล้ว!

    แต่.......

    "ฉันไม่กลัว" เฮอร์ไมโอนี่คนทางขวาพูดขึ้น เธอกัดฟัน น้ำตาเอ่อคลอ ทำให้มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่อีกคนหันไปมอง แล้วเฮอร์ไมโอนี่คนนั้นก็พูดต่ออีกว่า

    "เธอรักฉัน ฉันจะไม่หนี"

    ดวงตาของมัลฟอยเบิกกว้างขึ้น แล้วเขาก็หันหน้ามาทางเฮอร์ไมโอนี่คนทางซ้าย!

    เฮอร์ไมโอนี่คนนั้นสะดุ้งเฮือก! เธอก้าวถอยหลังด้วยใบหน้าซีดขาว มัลฟอยง้างไม้กายสิทธิ์ในมือทันที

    "สตู......เปฟาย!"

    มัลฟอยสะบัดไม้ แต่อาจจะเป็นเพราะเขาอ่อนแรงเต็มที แสงจากปลายไม้จึงกระแทกเข้ากับพื้นก่อนจะสะท้อนเข้าสู่ร่างบอบบางของเฮอร์ไมโอนี่คนนั้น เธอล้มลงทันที!

    "มัลฟอย!!" เฮอร์ไมโอนี่อีกคนวิ่งเข้ามาหามัลฟอย เธอสวมกอดเขาแนบแน่น มัลฟอยยกแขนโอบเธอไว้เช่นกัน

    "เธอเป็นอะไรหรือเปล่า..." เฮอร์ไมโอนี่ร้อนรนถาม สำรวจไปทั่วร่างที่มีแต่รอยถลอกของมัลฟอย

    "ไม่..." มัลฟอยส่ายหน้า แต่เขายังมีท่าทางเหนื่อยอ่อนมาก ผมสีบลอนด์ของเขาตกลู่

    เฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอกอดเขาแน่นอีกครั้ง....แล้วเธอ ก็เขย่งเท้าขึ้นเพื่อจูบเขา

    มัลฟอยหลับตาลงโดยดี....

    เมื่อริมฝีปากของทั้งสองจะสัมผัสกัน มัลฟอยก็พูดเสียงกร้าว

    "ใครเขาจะไปจูบผู้หญิงอย่างเธอ!!"

    เฮอร์ไมโอนี่คนนั้นลืมตาโพลง มัลฟอยยิ้มเหมือนสะใจ ปลายไม้กายสิทธิ์ของเขาแทงเข้าไปที่ท้องของเฮอร์ไมโอนี่

    "สตูเปฟาย!"

    มัลฟอยตะโกนคาถาเสียงดังลั่น แล้วร่างของเฮอร์ไมโอนี่คนนั้นก็ปลิวกระเด็นออกไปไกลราวกับเธอเป็นแค่ตุ๊กตาผ้า!

    มัลฟอยหันหลังแล้วเดินไปหาร่างหมดสติของเฮอร์ไมโอนี่อีกคน เขายกร่างนั้นขึ้นมากอดอย่างเป็นห่วง

    "ทำใจดี ๆ ไว้ เกรนเจอร์"

    เฮฮร์ไมโอนี่ที่กระเด็นไปไกลลุกขึ้น เธอกระอักออกมาเป็นเลือด แล้วพูดว่า

    "ทำไม...ฉันคือตัวจริงนะ"

    "เปล่าประโยชน์!" มัลฟอยหันไปพูดกับเธอด้วยสายตาแข็งกร้าว

    "ทำไม!" ตัวปลอมถามอย่างเคียดแค้น เลือดยังคงไหลออกมาจากปากของเธอ

    "ของง่าย ๆ "

    มัลฟอยยิ้มสะใจ เขากระชับร่างหมดสติของเฮอร์ไมโอนี่ตัวจริงให้แน่นขึ้น

    "ฉันไม่เคยพูดสักคำ ว่าฉันรักเขา!"

    เฮอร์ไมโอนี่ตัวปลอมตกตะลึง มัลฟอยพูดต่ออย่างเยาะเย้ย

    "คิดไม่ถึงล่ะสิ!"

    "แล้วทำไม เธอถึงไม่ทำร้ายฉันตั้งแต่แรกล่ะ"

    "แล้วฉันจะได้เล่นงานเธอในระยะใกล้อย่างนี้รึไง" มัลฟอยพูด

    เฮอร์ไมโอนี่ตัวปลอมกัดฟันอย่างเคียดแค้น แล้วร่างของเธอก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป.....

    "โอวีล่า" มัลฟอยเรียก แต่ท่าทางเขาไม่ได้ตกใจเหมือนกับที่อีกฝ่ายคาดเดา

    "เธอรู้ว่าเป็นฉัน" โอวีล่าพูด มือของเธอยังจับที่ท้องของตัวเอง มันเจ็บปวดเพราะโดนคาถาเข้าอย่างจัง

    "แน่นอน!"

    มัลฟอยลุกพรวดขึ้นโดยไม่ให้เธอตั้งตัว แล้วเขาก็ง้างไม้กายสิทธิ์จนสุดแขน

    "อะวาดาเคดาฟ-รา!"

    เสียงไม้กายสิทธิ์แหวกอากาศดังควับ พร้อม ๆ กับแสงสีเขียวพุ่งตรงมาหาโอวีล่า เธอกระโดดลอยขึ้นจากพื้นดินทันที แสงสีเขียวจึงปะทะเข้ากับบ้านของแฮเกร็ด ผนังบ้านหายไปแถบหนึ่งเลยทีเดียว

    "ยัง! ยังไม่จบแค่นี้แน่!" โอวีล่าประกาศก้อง แล้วร่างของเธอก็หายไป ท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้า

    มัลฟอยทรุดลงกับพื้น เขายันร่างตัวเองไว้ด้วยแขนสองข้าง เขาอ่อนล้าเพราะฤทธิ์ยาและใช้พลังมากเกินไป

    "เกรนเจอร์"

    มัลฟอยเดินมาหาร่างหมดสติของเฮอร์ไมโอนี่ แล้วกอดเธอไว้แน่น

    "ทำใจ...ดี ๆ ไว้ เกรน...เจอร์" เสียงของเขายังขาดเป็นห้วง ๆ แต่ก็ยังคงเขย่าเฮอร์ไมโอนี่ไว้ไม่หยุด

    เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นช้า ๆ เธอมองมัลฟอยด้วยสายตาสะลึมสะลือ พ้อว่า

    "จำ....ผิดคน...ได้ยังไง"

    มัลฟอยหัวเราะอย่างดีใจแล้วกอดเธอไว้แน่น

    ...+*+*+...

    "ค่อยยังชั่วหน่อย" มัลฟอยรัดวงแขนแน่นขึ้นอีก แต่เฮอร์ไมโอนี่ยังโมโหที่ถูกเขาเล่นงาน เธอจึงผลักเขาออกโดยแรง

    "โอ๊ย!" มัลฟอยร้องแล้วจับอกซ้ายของตัวเองไว้แน่น

    เฮอร์ไมโอนี่ตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะเจ็บปวดขนาดนั้น เลือดสีแดงซึมออกมาติดที่เสื้อสีขาวของมัลฟอย เฮอร์ไมโอนีร้อง
     
    "เลือด!"

    มัลฟอยเอามือออก วงสีแดงของเลือดกว้างขี้นแล้วก็หยุด โชคดีที่แผลไม่ลึกนัก

    "ฉันเกือบโดนควักหัวใจไปแล้วนะเนี่ย"

    เฮอร์ไมโอนี่มองอกข้างซ้ายของมัลฟอยอย่างเป็นห่วง พอมัลฟอยเห็นท่าทางนั้นก็เหลือบตาขึ้นมอง แกล้งพูดยั่ว ๆ

    "อยากเห็นแผลไหม" มัลฟอยเลิกคิ้วถาม

    "อยาก เอ๊ย! ไม่ซักหน่อย" เฮอร์ไมโอนี่รีบพูด หน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู

    "เหรอ....ถ้างั้น..." เขาพูดต่อ

    มัลฟอยทรุดลงที่ตักของเฮอร์ไมโอนี่ทันที เธออุทานเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน ดวงตาของมัลฟอยอ่อนล้า ราวกับคนง่วงจัด

    "ขอฉันนอนหน่อยนะ"

    แล้วมัลฟอยก็ปิดตาสนิท เขาหลับไปจริง ๆ และไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นเลยแม้แต่นอน

    เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจเฮือก ความโกรธที่ถูกเขาเล่นงานหายไปหมด เพราะอย่างไรเสีย เขาก็เอาตัวเข้าช่วยเหลือให้พ้นอันตรายมา เฮอร์ไมโอนี่ใช้ปลายนิ้วเช็ดรอยสกปรกที่คิ้วของมัลฟอยออก ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดรอยอื่น ๆ ให้เขาอย่างเบามือ มัลฟอยยังคงนอนนิ่ง ไม่รู้สึกตัวเธอจึงมีเวลาได้พินิจใบหน้าของมัลฟอยชัด ๆ เปลือกตาปิดสนิทที่ดวงตาสีซีดของเขา คิ้วเรียวยาวที่เหมือนของผู้หญิง เฮอร์ไมโอนี่ลูบผมสีบลอนด์ที่ตกลงมาปรกหน้าผากของเขาออก

    แล้วเธอก็เห็นรอยแผลเล็ก ๆ บนหน้าผากของมัลฟอย รอยที่เขาเคยกระแทกเข้ากับก้อนหินเพราะตกลงไปในหลุมลึกเพราะช่วยเธอไว้ เมื่อครั้งที่ทั้งสองเข้าไปในสมุดเกมผจญภัยด้วยกัน ภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นราวกับปรากฏขึ้นอีกครั้ง

    เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปาก แล้วก้มหน้าลงไปหามัลฟอยช้า ๆ แต่เธอก็ชะงัก ก่อนจะยกศรีษะขึ้นตามเดิม

    "อย่าเปลี่ยนใจสิ"

    เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเมื่อดวงตาสีซีดของมัลฟอยลืมขึ้น เขาจับศรีษะเธอไว้เสียก่อน

    "อยากจูบฉันเหรอ" มัลฟอยพูดเสียงหัวเราะ เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูจัดด้วยความอายจนไม่กล้าพูดอะไรออกมา

    "เอ....แต่แบบนี้มันกลับหัวนะ ให้ฉันลุกก่อนดีกว่า"

    มัลฟอยทำท่าคิด แต่ยังยึดศรีษะของเธอไว้ เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง

    "หลงตัวเอง!" ว่าจบเธอก็ศรีษะขึ้นโดยแรงจนหลุดจากมืออีกฝ่าย

    มัลฟอยลุกขึ้นจากตักเฮอร์ไมโอนี่ แล้วมองด้วยสายตาเศร้าแบบล้อ ๆ

    "ฉันไม่กัดลิ้นเธอหรอกน่า"

    มัลฟอยเอื้อมมือมาจับไหล่ทั้งสองของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ แล้วยื้อเข้ามาแต่เธอขัดขืน พูดเสียงโกรธ

    "ฉันเจ็บตัวเพราะเธอนะ! ไม่ต้องเลย!"

    มัลฟอยยกแขนออกจากไหล่เฮอร์ไมโอนี่เหมือนยอมแพ้ เธอจึงพูดต่อ

    "แล้วเอาไม้กายสิทธิ์คืนมาด้วย"

    มัลฟอยยื่นคืนให้ เมื่อเฮอร์ไมโอนี่รับมา เขาก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก เฮอร์ไมโอนี่ยกไม้ขึ้นชี้ไปที่คางของมัลฟอย เขาชะงัก

    "ตอนนี้ฉันมีไม้กายสิทธิ์นะ" เธอพูดเย้ย ๆ

    "ฉันย้ายจมูกนายให้ไปอยู่บนหน้าผากได้สบายเลยนะตอนนี้"

    มัลฟอยเม้มปาก แล้วถอยไปห่าง เฮอร์ไมโอนี่ยังจ้องมาที่เขานิ่ง

    "เธอจะทำอย่างนั้นหรือ" มัลฟอยถาม เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่ แล้วเขาก็แหวกเสื้อเชิ้ตของตัวเองออก
    รอยแผลที่โดนเล็บของโอวีล่าบาด ปรากฏให้เธอเห็น

    "จะทำร้ายฉันอีกเหรอ เฮอร์ไมโอนี่" มัลฟอยเรียกชื่อเธอเป็นครั้งแรก แล้วเขาก็ยิ้ม

    ไม้กายสิทธิ์ตกจากมือของเฮอร์ไมโอนี่ เธอขยับเข้าไปใกล้มัลฟอย

    มัลฟอยเอื้อมแขนมาหาเฮอร์ไมโอนี่แล้วโอบเธอไว้ ก่อนที่ริมฝีปากทั้งสองจะสัมผัสกันมัลฟอยก็พูด

    "สัญญาก่อนว่าจะไม่กัดลิ้นฉัน แล้วฉันจะสัญญาด้วยเหมือนกัน"

    เฮอร์ไมโอนี้หน้าแดง แล้วมัลฟอยก็จูบเธออย่างอ่อนโยนยิ่งกว่าทุกครั้ง

    ...+*+*+...

    อีกด้านหนึ่งของรอน แฮร์รี่ได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากพุ่มไม้ เขาก็จำได้ว่าเป็นเสียงของรอน พอเดินเข้าไปก็เห็นรอนกำลังนัวเนียอยู่กับแพนซี่ แฮร์รี่ขมวดคิ้วงง เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพนี้ในชีวิต

    "ช่วยฉันด้วยสิ แฮร์รี่!" รอนร้อง

    แฮร์รี่พอจะเข้าใจ เพราะอาการของแพนซี่เหมือนคนไม่ได้สติมากกว่า แต่เขาอยากจะแกล้งรอนอีกหน่อยจึงยืนเฉย

    "อ้าว ไม่ดีใจรึไง ฉันว่ายายนี่ไม่ค่อยจะจูบกับใครหรอกนะ"

    รอนฉุนกึก เขาดันหน้าแพนซี่ออกไปห่างแล้วพูดเสียงดัง

    "ดีใจบ้าอะไร ไม่เห็นรึไงว่า...ว่า...ยายบ้ากามนี่!...กำลังลวนลามฉัน!"

    ถ้าไม่ใช่เพราะเกรงใจรอน แฮร์รี่คงจะลงไปกลิ้งกับพื้นแล้วหัวเราะแล้ว เขาฝืนกลั้นไว้แล้วช่วยแกะแพนซี่ออกจากรอน แล้วร่ายคาถาให้เธอหลับไป

    "เกิดอะไรขึ้นล่ะ อย่าบอกนะว่ายายนี่..."

    "จะไปรู้ได้ยังไง สงสัยมีคนหมั่นไส้ที่ควงกับมัลฟอยเลยถูกวางยาเอามั้ง" รอนพูดพลางจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่

    แล้วความสงบก็กลับมาเยือนฮอกวอตส์อีกครั้ง การประลองเวทย์ไตรภาคียังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางความตื่นเต้นและลุ้นระทึกของนักเรียนทุกคน แฮกริดกลับมาเห็นสภาพบ้านของตัวเองแล้วก็แทบล้มทั้งยืน แต่เขาก็ใช้เวทย์มนต์ซ่อมมันจนกลับเป็นเหมือนเดิมได้ในพริบตา (แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น) แพนซี่ พาร์คินสัน เป็นหวัดเพราะนอนตากน้ำค้างทั้งคืน โชคดีที่เธอจำอะไรไม่ได้เลย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×