ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Destiny Love (Hermione & Malfoy) by Peterpan

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 13 : With love

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.33K
      85
      15 ม.ค. 50

    ตอนที่ 13 : With love
     
    +-บทที่ 1-+

    ณ ตรอกนอร์กเทิร์น ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ที่แห่งนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยผู้คนเช่นทุกช่วงเวลา ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นสถานที่อโคจรสำหรับพ่อมดและแม่มดที่ดี แต่มันเป็นสถานที่ที่วิเศษที่สุดสำหรับพ่อมดและแม่มดที่นิยมศาสตร์มืด พวกเขาสามารถหาซื้อของเพื่อประกอบศาสตร์แนวนั้นได้ทุกชนิดที่นี่ ตู้จัดแสดงด้านหน้าของแต่ละร้านมีแต่ของชวนให้สยดสยอง บางร้านมีศรีษะคนขนาดต่าง ๆ กัน หรือบางร้านก็มีอุ้งเท้าสัตว์นานาชนิดแขวนไว้

    นายบอร์เจนเป็นเจ้าของร้านขายอุปกรณ์ศาสตร์มืดที่มีชื่อเสียงร้านหนึ่งในตรอก เขากำลังต้อนรับลูกค้าคนสำคัญที่เพิ่งมาถึง

    "สวัสดีครับคุณมัลฟอยกับคุณหนู" นายบอร์เจนกระตือรือร้นทักทายแขกทั้งสองด้วยท่าทางนอบน้อม

    นายมัลฟอยพยักหน้าอย่างไว้เชิง เดรโกเดินแยกไปดูของต่าง ๆ ในตู้กระจกภายในร้าน

    "ไม่ทราบว่ามีอะไรให้กระผมได้รับใช้" นายบอร์เจนประจบประแจง

    "ฉันมาทั้งซื้อและขาย" นายมัลฟอยตอบ

    อีกฝ่ายมีท่าทางยินดีน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็เก็บอาการไว้ได้โดยแสดงออกด้วยท่าทางแปลกใจแทน

    "เขายังตรวจของตามบ้านอยู่ น่ารำคาญ!" นายมัลฟอยวางของสองสามชิ้นลงบนโต๊ะต้อนรับลูกค้าที่อยู่ลึกเข้าไปในร้าน พร้อมกับรายการของที่จะซื้อ นายบอร์เจนเอากล้องขนาดเล็กมาจ่อที่ตาเพื่อตรวจดูของที่นายมัลฟอยนำมาแล้วพูด

    "กระผมอาจจะต้องใช้เวลาดูนานสักหน่อย"

    "เชิญเถอะ ฉันจะไปธุระแถวนี้สักสิบห้านาทีก่อน" นายมัลฟอยตั้งท่าจะเดินออกไป

    "ไม่ต้องตามมาเดรโก เจ้าอยู่ที่นี่ดีแล้ว" เขายกมือห้ามเมื่อเห็นบุตรชายขยับตัวตาม

    "ทำไมผมถึงไปด้วยไม่ได้!" เดรโกถามเสียงดัง

    นายมัลฟอยส่งสายตาดุดันใส่เขา เด็กชายเม้มปากแล้วสะบัดหน้ากลับไปดูโหลดองสัตวหน้าตาประหลาดอีกครั้ง พอคล้อยหลังบิดาเขาก็แสดงท่าทางกระฟัดกระเฟียดออกมา

    "คุณหนู" นายบอร์เจนเรียกเสียงเย็น

    เดรโกหันไปมองเขา ดวงตาสีซีดคู่นั้นยังมีแววขุ่นใจจากเรื่องเมื่อครู่ นายบอร์เจนเอามือประสานกันไว้ด้านหน้า เดินมาหาเขาช้า ๆ ใบหน้าอัปลักษณ์นั้นแสยะยิ้มเหมือนจะเอาใจ

    "สูงขึ้นมากทีเดียวขอรับ" นายไบเจนมองเดรโกตั้งแต่หัวจดเท้า

    เด็กชายมองสายตาที่เหมือนคนวิปริตของนายบอร์เจนด้วยท่าทางขยะแขยง เขาเดินหนีไปดูของอื่น ๆ ในร้านทันที
    "ไม่ทราบว่าคุณหนูมีคนรักแล้วหรือยัง"

    ถ้าคนอื่นทีสนิทกันมาถาม เขาคงมีสีเลือดขึ้นบนแก้มบ้าง แต่ในเมื่อเป็นนายบอร์เจน เขาจึงส่งสายตาแข็งกร้าวที่เหมือนจะตวาดว่า "สู่รู้!" ออกไป

    "กระผมไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น" นายบอร์เจนพูดเหมือนอ่านดวงตาสีซีดคู่นั้นได้

    "กระผมเพียงแต่อยากเสนอของบางอย่างให้คุณหนู"

    นายบอร์เจนล้วงมือเข้าไปหยิบขวดยาที่บรรจุยาสีเหลืองทองสูงเท่านิ้วก้อยออกมาจากเสื้อคลุม

    "สิ่งนี้จะช่วยให้คุณหนูสมหวัง"

    เดรกโกไม่สนใจ เขาหันหลังให้นายบอร์เจนทันที แต่อีกฝ่ายรีบยัดขวดยาเข้าไปในมือเขา แล้วพูดอย่างรวดเร็ว

    "ถ้าเพียงแต่ให้เธอดม"

    "ฉันไม่ต้องการยาเสน่ห์!" เดรโกตวาดเสียงดังแล้วโยนขวดในมือลอยสูงขึ้นด้วยความโกรธ นายบอร์เจนตะกุยอากาศเพื่อรับขวดยานั้นอย่างร้อนรน เมื่อมันมาอยู่ในมือเขาก็ประคองมันไว้ราวกับเป็นของมีค่ามหาศาล

    "นี่ไม่ใช่ยาเสน่ห์ขอรับ" เขาหอบฮักเพราะเมื่อครู่พยายามรับขวดไว้

    "ไม่ของชั้นต่ำที่พวกมักเกิ้ลบางคนใช้กัน"

    เดรโกทำเป็นหูทวนลม เขาเดินหนีแล้วดูของในร้านต่อด้วยอารมณ์ร้อนกรุ่น แต่นายบอร์เจนยังคงเดินตามและยังคงพูดต่อ
    "เมื่อเธอได้กลิ่น สมองของเธอก็จะว่างเปล่า ถึงตอนนั้นคุณหนูก็เอ่ยชื่อของคุณหนู แล้วบอกกับเธอว่า 'รัก' เธอก็จะหลงรักคุณหนู แล้วคุณหนูก็จะสามารถ…"

    "ฟังนะ…" เดรกโกหันมาประจันหน้ากับนายบอร์เจน เขากัดฟันแน่นแล้วพูดเสียงเย็นเยียบ

    "ฉันไม่เอา!" เด็กชายเน้นทีละคำชัด ๆ แววตาเต็มไปด้วยโทสะ

    "กระผมให้" นายบอร์เจนแสยะยิ้มพูดพลางจับมืออีกฝ่ายให้รับขวดไป

    "แค่พูดว่า 'รัก' คุณหนู จะเป็นคำเท็จก็ได้ ไม่ยากเลยสักนิด"

    เดรโกกัดฟันกรอด เขากำขวดยาในมือแน่นราวกับจะขว้างมันลงพื้น นายไบเจนยิ้มราวกับลุ้นอยู่ในใจ

    +-บทที่ 2-+

    "แฮร์รี่ นายช่วยดูหน่อยสิว่าฉันตาฝาดไปรึเปล่า" รอนบอกเพื่อน

    ขณะนี้พวกเขาสองคนกำลังเดินซื้อของใช้สำหรับเรียนในปีหน้าอยู่ที่ตรอกไดแอกอน ซึ่งพวกเขาก็มาเป็นประจำอยู่ทุกปี โดยเริ่มจากรอนไปรับแฮร์รี่มาพักที่บ้านโพรงกระต่ายในช่วยปลายปิดเทอมฤดูร้อนก่อนจะออกเดินทางมาที่นี่พร้อมกัน
    และภาพที่รอนต้องแปลกใจก็คือเขาเห็นเฮอร์ไมโอนี่กำลังจ้องเข้าไปในตู้กระจกสำหรับแสดงสินค้าอยู่หน้าร้านขายของกระจุกกระจิกของเด็กสาว ๆ อย่างเอาจริงเอาจัง

    "หวัดดี เฮอร์ไมโอนี่"

    รอนทักเสียงดังเหมือนจงใจให้อีกฝ่ายตกใจซึ่งก็ได้ผล เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งโหยงแล้วหันมามองเพื่อนทั้งสอง

    "เธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะ" รอนถามโดยไม่ให้เธอตั้งตัว

    "เปล่า ไม่มีอะไร" เด็กหญิงปฏิเสธ

    "ไม่มีได้ยังไง" รอนรีบเอาหน้าไปแนบกับตู้กระจกเพื่อมองของข้างในให้ชัด ๆ แล้วเขาก็หัวเราคิกคัก

    "น้ำหอมแม่มด ไม่น่าเชื่อเลยแฮะ" รอนหันกลับมาบอกแฮร์รี่ทั้งที่ยังหัวเราะอยู่

    แฮร์รี่ต้องพยายามกลั้นหัวเราะ เพราะใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ที่เป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธและอายกำลังจ้องมาที่พวกเขาอย่างเอาเรื่อง

    "รู้ไหมเฮอร์ไมโอนี่ ฉันเคยได้ยินมาว่าถ้าผู้หญิงเริ่มใช้น้ำหอมล่ะก็แสดงว่าเธอกำลังมีความรัก อย่าว่าแต่น้ำหอมเลย แค่สบู่หอมก็แสดงว่าใช่เแล้ว"

    รอนพูดยาวยืด และไม่ยอมหยุดหัวเราะ แฮร์รี่เอาข้อศอกกระทุ้งสีข้างรอนให้เขาเงียบ เพราะใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่เปลี่ยนเป็นขาวด้วยความโกรธ

    "ฉันไม่ได้คิดจะซื้อสักหน่อย!" เธอว่าเสียงดัง

    แฮร์รี่รีบพูดเพื่อไกล่เกลี่ยสถาณการณ์

    "เข้าไปดูข้างในไหมล่ะ เราเราสองคนก็อยากเข้าไปดู ใช่ไหมรอน"

    "ว่าไงนะ!" รอนอ้าปากค้าง เพราะร้านนี้ดูยังไงก็เหมาะกับแม่มดที่ยังเป็นเด็กสาว ๆ มากกว่า

    แฮร์รี่กระทืบลงไปบนเท้ารอน เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวว่าเฮอร์ไมโอนี่กำลังโมโห ซึ่งก็ได้ผล รอนพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว

    "เออ - - ก็ดี จินนี่อาจจะชอบ"

    เมื่อทั้งสามคนเข้าไปในร้าน แฮร์รี่ก็ได้กลิ่นหอมฉุนจมูกของน้ำหอมหลากสีสันจากขึ้นวางขนาดมหึมาที่ล้อมรอบอยู่ที่กำแพงทั้งสี่ด้าน พวงกุญแจรูปพ่อมดแม่มดที่มีชื่อเสียง ตุ๊กตาจำลองขนาดต่าง ๆ กัน ปากกาขนนกยูง และกระดาษชนิดพิเศษที่จะช่วยปรับลายมือของคนเชียนให้ดูอ่อนช้อยกว่าปกติเวลาเขียนจดหมายรัก

    ขณะที่แฮร์รี่กำลังคิดว่าเขาจะพอยึดมุมไหนไว้เป็นที่พึ่งได้บ้างเพื่อแกล้งทำเป็นดูของในมุมนั้นเพื่อรอเวลาให้เฮอร์ไมโอนี่ได้ดูของในร้าน รอนที่กำลังทำหน้าเหมือนอมแมลงสาบไว้ในปากก็พูดขึ้น

    "โชคดีนะเนี่ยที่ไม่มีลูกค้าตอนนี้"

    แม่มดสาววัยรุ่นใส่เสื้อคลุมสีชมพูหวานแหววเดินมาต้อนรับเฮอร์ไมโอนี่อย่างร่าเริง แฮร์รี่เห็นเธอพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้เด็กหญิงก่อนจะเดินไปหยิบน้ำหอมที่วางไว้ในตู้แสดงหน้าร้านมาให้เธอดู

    "ใหม่ล่าสุดจ้ะ ขวดละเจ็ดซิกเกิ้ล"

    รอนได้ยินจึงกระซิบกับแฮร์รี่

    "ไอ้ขวดเท่านิ้วก้อยนั่นน่ะนะ! เจ็ดซิกเกิ้ล!"

    เจ้าของร้านสาวบรรยายสรรพคุณต่าง ๆ ของน้ำหอมสีเหลืองทองแสนสวยซึ่งชวนให้เด็กชายทั้งสองรู้สึกว่ามัน"ไร้สาระ"มากขึ้นเรื่อย ๆ และดูจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินเหตุ

    "ติดทนนานได้หลายวันนะจ๊ะเนี่ย"

    "จะได้ไม่ต้องอาบน้ำ" รอนกรซิบ

    แฮร์รี่ปั้นสีหน้าให้ดูเป็นปกติที่สุด

    "เป็นกลิ่นที่ประทับใจผู้คน"

    "เพราะจะโดนแช่งไล่หลังว่าทำให้มึนหัว" รอนเถียงอีก

    "จะทำให้เป็นจุดสนใจของคนอื่น ๆ"

    "คนจะหันมามองแล้วก็ด่าว่าใครเป็นคนบอกให้ใช้"

    กว่าที่ทั้งสามจะเดินออกจากร้านได้ก็ถูกเกลี้ยกล่อมให้ซื้อโน่นซื้อนี่อยู่เป็นเวลานาน แฮร์รี่กับรอนปฏิเสธเด็ดขาดที่จะซื้อของสักชิ้นในนั้น น่าแปลกใจที่เฮอร์ไมโอนี่ก็เหมือนกัน

    "มันออกจะเป็นผู้ใหญ่เกินไป" เด็กหญิงพูดด้วยใบหน้าสีชมพู

    "แล้วก็ยังไม่จำเป็นด้วย" แล้วเธอก็มองมาที่เพื่อนทั้งสองเหมือนจะถามว่า - - จริงไหม?

    แฮร์รี่กับรอนพยักหน้าพร้อมกันราวกับนัดกันไว้

    ...+*+*+...

    รถไฟที่จะมุ่งตรงไปยังฮอกวอตส์จอดอยู่ที่ชานชลาที่เก้าเศษสามส่วนสีเหมือนทุกปี เสียงคุยจ้อกแจ้กดังไปทั่ว ซึ่งบทสนทนาส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในช่วงปิดเทอมที่แสนสนุกของแต่ละคน

    เดรโก มัลฟอยนั่งกอดอกอยู่ในห้องเล็ก ๆ บนรถไฟที่แยกไว้เป็นสัดส่วน เด็กชายเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่แววตาคู่นั้นไม่ได้ว่างเปล่า กลับมีแววขุ่นใจอยู่เต็มไปหมด

    เมื่อเช้าแม่ถามเขาว่าขวดยาสีเหลืองทองที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมของเขาที่เธอเจอคืออะไร

    "นี่อะไรลูก เดรโก"

    มัลฟอยหันไปมองแม่ที่กำลังถือขวดยาอยู่

    "แม่จะเอาเสื้อไปซักให้ ก็เจอ นี่ของลูกหรือเปล่า"

    มัลฟอยทำท่างงในตอนแรก แต่พอเข้าเห็นว่าเป็นขวดยาที่นายไบเจนพยายามยัดเยียดให้เขาเด็กชายก็ถึงกับสะดุ้ง เขากัดฟัน นึกโกรธแค้นต้นเหตุอยู่ในใจว่าคงแอบใส่กระเป๋าเสื้อของเขามาโดยไม่รู้ตัวทั้งที่เขาปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงไปแล้ว

    ขวดยาอยู่ในมือเขาแล้วตอนนี้ - - ใครจะไปกล้าบอกแม่ล่ะว่ามันคืออะไร จะแอบเอาไปทิ้งพ่อก็ต้องสงสัยและจะต้องรู้แน่ว่ามันคืออะไร เขาเลยตัดสินใจว่าเอามันมาด้วยดีกว่าจะได้ขว้างออกไปนอกหน้าต่างรถไฟให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

    "หวัดดี มัลฟอย" เขาเกือบสะดุ้ง แครบและกอยล์นั่นเอง พวกเขาเปิดประตูเขามานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

    "เออ" มัลฟอยตอบ

    "นายถืออะไรอยู่น่ะ" กอยล์ถามทันทีที่นั่งลง ท่าทางอยากรู้อยากเห็น

    "ของไร้สาระ" เขาบอก

    เสียงหวูดรถไฟดังขึ้น แล้วรถไฟก็เริ่มเคลื่อนออกจากชานชลา มัลฟอยมองออกไปข้างนอกสักพักก็ยืนขึ้นเพื่อเปิดหน้าต่างเมื่อเห็นว่าสองข้างทางเป็นทุ่งหญ้ารก ๆ

    "เปิดทำไมล่ะ" แครบถาม

    "ฉันจะทิ้งไอ้นี่" มัลฟอยตอบแล้วยกขวดให้ดู

    "มันเป็นอะไรล่ะ" กอยล์ถามอีก

    "ของไร้สาระ!" เสียงบอกว่ารำคาญเต็มทนแล้ว

    ยังไม่ทันที่เขาจะขว้างมันทิ้งไปประตูห้องก็เปิดออก แพนซี่ พาร์คินสัน นักเรียนหญิงจากบ้านสลิธีรินหน้าตางอง้ำกำลังยืนยิ้มให้มัลฟอย

    "หวัดดีเดรโก"

    "หวัดดีแพนซี่" คนที่ตอบกลับไปมีเพียงแครบกับกอยล์

    "ฉันมีอะไรจะอวดล่ะ เธอมากับฉันหน่อยสิ" เด็กหญิงเดินเข้ามาดีงตัวมัลฟอย

    "ไม่ไป ให้สองคนนี้ไปสิ" เขาพูดอย่างรำคาญ

    "สองคนนี้ เขาเห็นแล้ว มาเถอะน่า" แพนซี่ดึงแรงขึ้นอีก มัลฟอยถอนใจเฮือกแล้วโยนขวดให้กอยล์รับไว้

    "ทิ้งมันให้ทีซิ"

    แล้วเขาก็ยอมให้เด็กหญิงถูลู่ถูกังตัวเองไปที่ห้องของเธออย่างเสียไม่ได้

    +-บทที่ 3-+

    ในที่สุดวันเปิดเทอมก็มาถึงแฮร์รี่กับรอนรับฟังข่าวร้ายด้วยสีหน้าผิดหวังระคนเศร้าใจ เพราะคาบแรกที่เรียนคือวิชาปรุงยากับบ้านสลิธีริน ซึ่งสเนปไม่มวันปล่อยโอกาสที่จะได้เล่นงานเด็กจากบ้านกริฟฟินดอร์แน่ ๆ

    "อัสโฟเดลกับเวิร์มวู้ดผสมกันแล้วจะได้อะไรหา ลองบัตท่อม" เนวิลล์เป็นเหยื่อรายแรกของเทอมนี้

    "ยายานอนหลับแรงมากครับ" เด็กชายตอบเสียงสั่นสะท้าน

    สเนปกัดฟันแน่น พูดเสียงลอดไรฟันออกมา ฟังดูเหมือนเสียงคำรามไม่มีผิด

    "ถูก นั่นถูกต้อง เธอก็ตอบได้นี่นะ"

    เสียงนั้นไม่ได้มีแววชมแม้แต่น้อย แต่กลับมีแววโกรธจัดและแค้นเคือง แฮร์รี่คิดว่าถ้าตอนนี้สเนปจะฆ่าเนวิลล์ก็คงไม่แปลก
     
    "แล้วทำไมผลมันถึงเป็นแบบนี้ฮึ" เขาจ้องใบหน้าขาวซีดของเด็กชายเขม็ง ขณะชี้ไปที่คางคกของเนวิลล์ที่เพิ่งถูกยาที่ว่านั่น และมันกำลังเต้นแท๊บอยู่บนโต๊ะ!

    "หักกริฟฟินดอร์ห้าคะแนน!" ประโยคเดิม ๆ ดังมาอีกพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักจากเด็กบ้านสลิธีริน

    จวบจนท้ายชั่วโมง เด็กบ้านกริฟฟินดอร์ก็ถูกหักคะแนนไปคนละคะแนนสองคะแนนแล้วแต่สเนปจะหาเหตุมาได้ แฮร์รี่โล่งใจเป็นอย่างยิ่งที่ระฆังเลิกเรียนดังขึ้น เขาเก็บข้าวของอย่างรวดเร็วแล้วเดินออกไปพร้อมรอน

    "อุ๊ย!" เฮอร์ไมโอนี่ร้องขึ้นเมื่อกระเป๋าของเธอถูกโต๊ะเกี่ยวจนฉีก ของทุกอย่างในกระเป๋าหล่นกระจาย

    นักเรียนหญิงจากบ้านสลิธีรินหัวเราะคิกคักอย่างไม่ปิดบัง เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูขณะเก็บของที่ตกอยู่บนพื้นใส่กระเป๋าให้ได้มากที่สุด คนอื่น ๆ รีบมาช่วยเก็บ เมื่อของทุกอย่างครบแล้วเธอก็เดินเร็ว ๆ ออกไปโดยทำเป็นไม่สนใจเสียงนินทาและเสียงหัวเราะเบื้องหลัง

    มัลฟอยมองตามเฮอร์ไมโอนี่ไปแว่บหนึ่งแล้วเดินไปอีกทางอย่างรวดเร็ว แครบกับกอยล์มองหน้ากันอย่างงง ๆ ว่าทำไมมัลฟอยจึงไม่หัวเราะ ทั้งที่ความผิดพลาดใด ๆ ของเด็กบ้านกริฟฟินดอร์เป็นเรื่องน่าขำทุกครั้ง

    "นั่นอะไรน่ะ" แครบชี้ไปที่ใต้โต๊ะ

    นาฬิกาเรือนเงินแสนสวยตกอยู่บนพื้น กอยล์เดินไปเก็บมันขึ้นมาดู

    "ยายหัวฟูนั่นทำตกไว้นี่ โชคดีเป็นบ้าเลยแฮะ ยึดซะเลย" ว่าแล้วทั้งสองคนประสานเสียงหัวเราะกันดังลั่น

    ไม่มีใครรู้เลยว่า เฮอร์ไมโอนี่เดินกลับมาหานาฬิกาเรือนนั้นทันที่ที่รู้สึกตัว เธอเห็นด้านหลังของกอยล์ไว ๆ - - แต่ที่ชัดเต็มตาก็คือสายนาฬิกาเรือนนั้นที่เธอจำได้แม่นยำ ส่องแสงวิบวับมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมของกอยล์

    ช้าไปเสียแล้วกอยล์ไม่มีทางยอมรับแน่ว่าเอาของ ๆ เธอไป

    "เป็นอะไรของเธอน่ะ เฮอร์ไมโอนี่" รอนถามขึ้นในขณะที่พวกเขากำลังนั่งทำรายงานอยู่ในห้องสมุดด้วยกัน

    "เปล่า" เด็กหญิงรีบตอบ แต่นั่นเป็นคำโกหก เพราะในสมองเธอคิดถึงแต่ว่าทำอย่างไรจะเอานาฬิกาคืนมาได้
     
    "เปล่าก็ดีแล้ว เธอช่วยฉันดูหน่อยสิว่าไอ้คราบงูพิษบูมชะแลงนี่ทำอะไรได้บ้าง" รอนหันหนังสือมาให้เธอดูภาพประกอบในนั้น

    เฮอร์ไมโอนี่หยิบหนังสืออีกเล่มขึ้นมากางบ้างเพื่ออ้างอิง

    "ได้หลายอย่าง เช่น….น้ำยาสรรพรสไง" เธออ่าน

    ทันใดนั้นเอง เฮอร์ไมโอนี่ก็ทำตาโตแล้วร้องเสียงดัง

    "น้ำยาสรรพรส! ใช่แล้ว!"

    แฮร์รี่ตกใจจนแทบทำขวดหมึกล้มลงบนม้วนกระดาษที่กำลังเขียน รอนอ้าปากค้างแล้วพูด

    "ตอบเบา ๆ ก็ได้นี่ ถึงเราจะเคยทำแต่มันก็ลืมกันได้"

    เฮอร์ไมโอนี่ไม่พูดอะไรต่อ เธอลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะแล้วเก็บข้าวของส่วนตัวลงกระเป๋าโดยไม่พูดอะไรสักคำ แฮร์รี่กับรอนมองท่าทางของเด็กหญิงด้วยใบหน้างงสุดขีด

    "ฉัน….ต้องไปค้นอะไรสักหน่อย เธอสองคนทำกันไปก่อนนะ"

    พูดจบเฮอร์ไมโอนี่ก็รีบเดินออกไป รอนมองตามเธอแล้วพูดกับแฮร์รี่

    "พูดว่า 'ค้น' เหรอ แล้วยายนั่นคิดว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกันล่ะ"

    +-บทที่ 4-+

    การปรุงน้ำยาสรรพรสในครั้งนี้ไม่ยากเท่าครั้งแรก ตอนที่แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ต้องการล้วงความลับจากมัลฟอยตอนปีสอง พวกเขาหาตัวยามาได้อย่างยากลำบากยิ่ง ถึงแม้สเนปจะจับไม่ได้แต่แฮร์รี่มั่นใจว่า สเนปต้องรู้แน่ ๆ

    แต่คราวนี้เฮอร์ไมโอนี่มีหนังสือพืชร้อยชนิดพร้อมตัวอย่างที่เธอเคยได้รับมาจากแม่ม่ายเคนท์เมื่อครั้งที่เธอไปพักแบบโฮมสเตย์ที่บ้านของคุณนาย ถึงแม้ว่าจะจำใจที่ต้องแกะเอาพืชตัวอย่างที่จำเป็นสองสามชนิดออกมาจากหนังสือ แต่มันก็ทำให้เธอได้เครื่องปรุงครบแทบจะในทันที ส่วนเส้นผมของกอยล์นั้น ครุกแชงก์ แมวของเธอก็ช่วยไปหามาได้โดยการแกล้งกระโดดลงบนหัวของกอยล์ขณะที่เขาเดินขึ้นบันได

    เฮอร์ไมโอนี่เตรียมส่วนผสมทั้งหมดจนพร้อม เธอโกหกแฮร์รี่กับรอนว่าเธอจะไปเยี่ยมเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญซึ่งเป็นผีเด็กผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในห้องน้ำ - - แฮร์รี่กับรอนปฏิเสธที่จะไปเหยียบที่นั่นอีก ซึ่งก็ตรงกับที่เฮอร์ไมโอนี่หวังไว้

    เฮอร์ไมโอนี่เปิดประตูห้องน้ำหญิงเข้าไปก็ได้ยินเสียงเมอร์เทิลกำลังร้องให้อยู่ในห้องน้ำประจำของตัวเองดังเช่นทุกครั้ง

    "มาทำไมล่ะ มาแกล้งฉันอีกเหรอ" เธอสะอื้นแล้วมองเฮอร์ไมโอนี่

    "เปล่า" เธอตอบทั้งที่ไม่มองหน้าอีกฝ่าย แล้วจัดแจงวางของทั้งหมดลงบนพื้น

    "ฉันหวังว่าเธอจะมองหน้าฉันเวลาพูดบ้างนะ" เมอร์เทิลพูดด้วยเสียงหดหู่

    "ไม่เอาน่าเมอร์เทิล เธอก็รู้นี่ว่าฉันไม่ได้คิดว่าเธอน่ารังเกียจ" เฮอร์ไมโอนี่หยิบเครื่องปรุงใส่ลงไปในหม้อ

    "ไม่ได้คิดหรือ! ฉันรู้หรอกนะ ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจมาหาฉันหรอก!" ผีเด็กหญิงพูดอย่างรู้ทัน มองควันสีขาวที่ลอยมาจากหม้อยาของเฮอร์ไมโอนี่

    "ฉันเกลียดการโกหกที่สุด" เมอร์เทิลร้องไห้ดังขึ้นอีก

    เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจ - - อย่างไรเสียเธอก็คงต้องใช้ชีวิตส่วนหนึ่งอยู่ในนี้ น่าจะเป็นมิตรกับ "เจ้าถิ่น" ซักหน่อย เธอจึงตัดสินใจละสายตาจากหม้อปรุงยาสักครู่

    "เมอร์เทิล อย่าคิดมากเลยน่า ฉันไม่ได้โกหกนะ ฉันมาเยี่ยมเธอจริง ๆ"

    เธอพยายามทำหน้าให้เหมือนกับว่า เธอรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ

    "โกหก!" เมอร์เทิลร้อง

    "เธอไม่ได้มาหาฉันเพราะคิดถึงหรอก จะมาเยาะเย้ยฉันล่ะสิ!" พูดจบเธอก็ร้องโหยหวนบินกลับไปที่ห้องน้ำส่วนตัวของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงราวกับว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ใต้ลงไปในพื้นห้องน้ำ

    ...+*+*+...

    "พักนี้นายว่าเฮอร์ไมโอนี่แปลก ๆ ไปนะ" รอนบอกกับแฮร์รี่ในเช้าวันหนึ่งหลังจากที่เขาสังเกตเธอมาได้ราวสามสัปดาห์แล้ว
    "ก็คงไม่มีอะไรมั้ง ฉันเห็นเขาเข้า ๆ ออก ๆ ห้องน้ำเมอร์เทิลอยู่" แฮร์รี่พูด

    "ไม่รู้เขานึกยังไงนะ ไปเยี่ยมคนแบบนั้น" รอนพูดทึ่ง ๆ

    เฮอร์ไมโอนี่เป็นอย่างที่พวกเขาว่าจริง ๆ - - วันนี้เป็นวันที่น้ำยาสรรพรสพร้อมใช้งานแล้ว เธอรอเวลาหลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วเธอก็แอบเดินไปห้องน้ำของเมอร์เทิลที่มีน้ำยาสรรพรสอยู่แล้ว

    เมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงเมอร์เทิลร้องฮือ ๆ อยู่ในห้องน้ำส่วนตัว

    "มาอีกแล้วเหรอ ฉันไม่ยอมให้แกล้งอีกแล้วนะ ฉันไม่ยอม"

    เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ แล้วเดินมาที่หม้อปรุงน้ำยาสรรพรสที่เดือดพล่าน เมอร์เทิลลอยออกมาจากรูกุญแจพร้อมกับพูด

    "ทำอะไรล่ะ"

    เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ เธอหย่อนเส้นผมของกอยล์ลงไป แล้วก็เหมือนครั้งแรก - - เกิดเสียงดังฟู่แล้วน้ำยาสรรพรสก็เปลี่ยนเป็นสีดำขุ่น ๆ

    "น้ำยานั่นอีกแล้วเหรอ" เมอร์เทิลพูด

    เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบอีก ผีเด็กหญิงร้องไห้โฮ แล้วบินหนีไปพร้อมกับตะโกนว่า"ไม่มีใครสนใจฉัน ๆ!!"

    เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีเวลาสนใจ - - เธอต้องไปหอสลิธีรินในร่างกอยล์ เพื่อเอานาฬิกาคืนมาให้ได้!

    เด็กหญิงเอามือบีบจมูกแล้วยกแก้วน้ำยาสรรพรสสีดำขุ่นนั้นขึ้นดื่มรวดเดียวหมด!!

    +-บทที่ 5-+

    เฮอร์ไมโอนี่แทบร้องกรี๊ด เมื่อเห็นภาพสะท้อนจากกระจกเงาในห้องน้ำปรากฏเป็นภาพของกอยล์ - - เด็กผู้ชายร่างยักษ์ที่กำลังเอาสองมือจับหน้าของตัวเอง และอ้าปากค้างอยู่ตรงหน้า (ซึ่งปกติเธอไม่มีวันได้เห็นท่าทางแบบนี้แน่ ๆ)

    "ไม่ได้ ไม่ได้ เราเราคือกอยล์" เฮอร์ไมโอนี่สงบสติอารมณ์ หลับตาเตือนตัวเองแล้วพึมพำประโยคนี้ซ้ำ ๆ พยายามเลียนแบบท่าทางของคนที่เธอสวมรอยให้มากที่สุด

    จนในที่สุดเธอก็ลืมตาขึ้นก่อนจะหยิบเสื้อผ้าของกอยล์ที่เตรียมไว้มาสวม แล้วก็หยิบขวดยาใบย่อมออกมากรอกน้ำยาสรรพรสลงไปจนหมด - - เธออาจจะต้องใช้อีก

    แล้วภารกิจแรกก็เริ่มขึ้น ก่อนอื่น เธอต้องตามหากอยล์ตัวจริงให้พบ เพื่อทำให้เขาสลบไปด้วยยา"ตายทั้งเป็น"ที่เธอแอบนำมาจากคาบเรียนวิชาปรุงยาของสเนป

    "มีประโยชน์แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ" เฮอร์ไมโอนี่ในร่างกอยล์พึมพำ หยิบเค้กบลูเบอร์รี่ออกมาแล้วใส่ยาตายทั้งเป็นลงไป

    "หวังว่าคงง่ายเหมือนครั้งแฮร์รี่กับรอนทำสำเร็จนะ" ว่าแล้วเด็กหญิงก็เดินออกไปจากห้องน้ำอย่างระแวดระวังที่สุดเพราะกลัวว่าจะเดินไปชนกับตัวจริงเข้า

    ...+*+*+...

    กอยล์นั้นโง่จนเหลือเชื่อ ยิ่งเมื่อเขาแยกกับแครบมาเดินลำพังด้วยแล้วก็ราวกับว่าไม่มีคนช่วยคิดอีกหัว ความจริงเฮอร์ไมโอนี่เคยคิดว่าพวกเขาสองคนอาจจะมีสมองแค่คนละครึ่ง (ถึงต้องมาอยู่ด้วยกันถึงจะคิดอะไรออกสักอย่าง) เขาจึงกินเค้กบลูเบอร์รี่ผสมยานอนหลับที่เฮอร์ไมโอนี่วางไว้ตรงทางเดินหมดในคำเดียว ก่อนจะหลับกลางอากาศล้มลงบนพื้นเสียงดังตุ้บ

    เฮอร์ไมโอนี่ที่ซ่อนตัวอยู่รีบลากเขาไปในห้องเล็ก ๆ ตรงทางเดินห้องหนึ่ง ในร่างของกอยล์นั้น เฮอร์ไมโอนี่ดูเหมือนจะมีเรี่ยวแรงมหาศาลเธอจึงลากกอยล์ไปซ่อนได้อย่างรวดเร็ว

    "ทีนี้ก็กลับหอ" เฮอร์ไมโอนี่พูดกับตัวเองด้วยเสียงหอบฮัก เธอคิดหาวิธีไปหอนอนของบ้านสลิธีรินซึ่งก็คงต้องอาศัยเด็กคนอื่นไป แต่จะรู้ได้อย่างไรล่ะ ว่าเด็กคนไหน

    ขณะที่เธอกำลังยืนกระวนกระวายอยู่ตรงทางเดินนั้น - -

    "กอยล์"

    กอยล์หรือเฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกจากด้านหลัง

    "มะมัลฟอย" เขานั่นเอง เธอรีบละล่ำละลักพูด เหงื่อท่วมตัว

    คิ้วเรียว ๆ ของมัลฟอยขมวดเข้าหากัน เขาหรี่ตาก่อนจะมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจดเท้า

    "เป็นอะไรของแก แล้วแครบไปไหน" เด็กชายถาม

    "ไม่รู้" เฮอร์ไมโอนี่ตอบตามจริง มัลฟอยมองไปอีกทางแล้วก็พูดต่อ

    "อ้อ ฉันนึกออกแล้ว มันกินมากจนปวดท้อง เลยกลับไปนอนแล้ว แกนี่ลืมได้ยังไงนะ"

    หลังจากบ่นแล้วเขาก็เดินนำออกไป

    "ตามมาสิ ยืนบื้ออะไรอยู่ได้" มัลฟอยหันมาเรียกเสียงดัง เฮอร์ไมโอนี่ได้สติจึงรีบเดินตามเขาไป

    จุดหมายก็คือ ....หอนอนของบ้านสลิธีริน!

    +-บทที่ 6-+

    เฮอร์ไมโอนี่เดินอย่างกลัว ๆ ตามมัลฟอยเข้าไปในหอนอนของเขา ดูเหมือนว่ามัลฟอยจะนอนอยู่กับแครบและกอยล์เพราะในห้องมีเตียงใหญ่สามตัววางอยู่ในมุมต่างกัน มีโต๊ะเขียนหนังสือประจำอยู่ข้างเตียงที่มีสี่เสาสูงติดม่านทุกด้านเพื่อความเป็นส่วนตัวทุกเตียง อันที่จริงก็เหมือนบ้านกริฟฟินดอร์ทุกอย่าง เพียงแต่ของตกแต่งและผ้าคลุมเตียงเป็นสีเขียวขลิบเงิน แต่เตียงตัวกลางขาหักทั้งสี่ขาพังพาบอยู่บนพื้น และตรงกลางดูเหมือนจะมีไม้หักทะลุขึ้นมา ผ้าม่านแหว่งไป ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่

    เฮอร์ไมโอนี่ในร่างกอยล์เดินไปนั่งเตียงที่ยังสภาพดีตัวหนึ่ง ซึ่งแครบที่นอนหลับอยู่บนเตียงกำลังกรนดังสนั่นไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น

    "แกอาบน้ำหรือยัง" มัลฟอยถามเริ่มถอดเสื้อคลุมสีดำออก

    กอยล์หรือที่ถูกคือเฮอร์ไมโอนี่รีบพยักหน้า - - เธอไม่อยากอาบน้ำในร่างของกอยล์หรอก

    "ดี" มัลฟอยพูดห้วน ๆ แล้วโยนเสื้อคลุมลงบนเตียงที่เธอนั่งอยู่ พร้อมกับแกะเนคไท

    เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งรีบหันหน้าไปทางอื่นด้วยใบหน้าสีชมพู (ในร่างกอยล์คงน่าเกลียดพิลึก) มัลฟอยขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาคว้าผ้าเช็ดตัวกับชุดเปลี่ยนเดินเข้าห้องน้ำไป

    เมื่อมัลฟอยปิดประตูห้องน้ำแล้ว เธอก็รีบหานาฬิกาเรือนสำคัญของตัวเองทันที เธอมีเวลาไมมานัก ในใจภาวนาให้มัลฟอยอาบน้ำให้นานที่สุด แต่ถึงจะรีบสักเท่าไรเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องหันไปมองแครบเป็นระยะเพราะกลัวว่าจะทำเสียงดังจนแครบตื่นขึ้นมาถาม - - ถึงตอนนั้น ความต้องแตกแน่

    เวลาผ่านไปได้สักพัก นิ้วของเด็กหญิงเริ่มหดกลับเข้าสู่สภาพเดิม เฮอร์ไมโอนี่ร้อนรนหยิบน้ำยาสรรพรสทีเตรียมมาดื่ม

    "ทำอะไรของแก กอยล์"

    เฮอร์ไมโอนี่แทบสำลัก มัลฟอยยืนอยู่หน้าห้องน้ำ เขาสวมชุดนอนแล้ว และดูเหมือนเพิ่งหยุดขยี้ผมเปียก ๆ ของตัวเองเพื่อถามเธอ ผมสีบลอนด์เป็นกระเซิง ไม่เรียบเหมือนทุกครั้งที่เห็น

    "แกะทำอะไรอยู่" เสียงมัลฟอยแข็งขึ้น เขาเดินมาหากอยล์ทันที

    "ฉันแอบขโมยของกินมา" เฮอร์ไมโอนี่รีบแก้ตัวแล้วซ่อนขวดน้ำยาสรรพรสไว้ด้านหลัง

    "อีกแล้วเหรอ จะกินก็รีบ ๆ กินเข้าแล้วอย่าเอาไปกินบนที่นอนสิ" เขาผละไป

    น่าแปลกที่มัลฟอยเชื่อสนิท - - บางทีกอยล์คงแอบเอาของกินขึ้นมากินบนห้องนอนเป็นประจำกระมัง

    "ฉัน ฉันกินหมดแล้ว จะนอนล่ะ" เฮอร์ไมโอนี่รีบปลดม่านที่เตียงลง แล้วซ่อนขวดน้ำยาไว้ข้างเตียง ทิ้งตัวลงนอนห่มผ้าทันที - - จะทำยังไงดีเธอออกไปไม่ได้เสียแล้ว

    ทันใดนั้นเองหมอนใบหนึ่งถูกโยนเข้ามาบนเตียง เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้างเมื่อมัลฟอยแหวกม่านเข้ามา

    "อย่ากินที่นักสิแก! ฉันจะนอนด้วยได้ยังไงกัน"

    +-บทที่ 7-+

    "อะ อะไรนะ!" เฮอร์ไมโอนี่ละล่ำละลักถามด้วยใบหน้าซีดขาว

    "นาย นายจะนอนกับฉันเหรอ"

    มัลฟอยขมวดคิ้วเหมือนสงสัยเหลือเกิน

    "ก็ฉันนอนกับแกมาสองคืนแล้วนี่" เขาว่า

    "ทำไมไม่ไปนอนเตียงตัวเองล่ะ" เฮอร์ไมโอนี่ถาม

    เหมือนไปจี้จุดความโกรธเข้า มัลฟอยพูดเสียงดัง

    "ก็แกเล่นมวยปล้ำกับแครบจนทำเตียงฉันหักนี่" มัลฟอชี้ เฮอร์ไมโอนี่รู้ทันทีว่าเตียงที่หักพังพาบอยู่นั้นเป็นเตียงของใคร
     
    "งั้นทำไมนายไม่ไปนอนกับแครบล่ะ" เธอเสนออีก

    มัลฟอยชี้ไปที่เตียงของคนที่ถูกพูดถึงด้วยสีหน้าขุ่นใจ เฮอร์ไมโอนี่มองตาม เห็นแครบนอนดิ้นหนักจนถีบหมอนลงไปกองกับพื้น ส่วนผ้าห่มก็ขยุกขยิกอยู่ปลายเตียง

    "แกก็รู้นี่ว่ามันนอนดิ้นขนาดไหน แล้วเตียงมันก็แข็งบรรลัย!"

    เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยอย่างหมดหนทาง ตอนนี้ถ้าเธอขอเป็นฝ่ายไปนอนบนพื้นก็คงน่าสงสัยกว่านี้แน่

    "นอนซะ! พรุ่งนี้ฉันมีเรียนแต่เช้า"

    มัลฟอยทิ้งตัวลงนอนเหมือนตัดรำคาญ - - คืนนี้กอยล์แปลกไปมาก

    "ไม่ ไม่ปิดม่านไม่ได้เหรอ" เฮอร์ไมโอนี่ต่อรองอีก มัลฟอยหันควับมาทันที

    "แกนี่เป็นอะไรของแกนะ!"

    "ก็มันมันร้อนนี่นา" เด็กหญิงรีบแก้

    นั่นไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย สายลมเย็นเฉียบพัดเข้ามาทางหน้าต่างจนคนพูดฟันกระทบกันดังกึก ๆ ด้วยความหนาว มัลฟอยที่กำลังทำหน้างงสุดขีดอ้าปากจะพูด เฮอร์ไมโอนี่รีบนอนลงทันที

    "ฉันพูดเล่น นอนเถอะ นอนก็ได้" เธอรีบนอนหันหลังให้เขาแล้วห่มผ้าทันที มัลฟอยนอนลงบ้าง

    เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าคืนนี้คงนอนไม่หลับแน่ และเธอจะนอนหลับไม่ได้เด็ดขาด เพราะต้องตื่นขึ้นมาดื่มน้ำยาสรรพรสทุกชั่วโมงเพื่อไม่ให้คืนร่างเดิม เธอจะต้องไม่หลับ….ถึงหลับก็จะตื่นขึ้นมา….ตื่นขึ้นมา

    ...+*+*+...

    มัลฟอยลุกพรวดขึ้นทันทีเมื่อรู้สึกว่ามดสองสามตัวกำลังรุมกัดแผ่นหลังเขา - - กอยล์มันคงแอบเอาอะไรขึ้นมากินบนเตียงอีกสิเนี่ย มัลฟอยคิดอย่างฉุนจัด เขาอ้าปากจะตวาดปลุกคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ


    แล้วเขาก็ชะงักค้าง แทบไม่เชื่อสายตา เพราะที่นอนอยู่ข้างเขาตอนนี้ ดูยังไงก็ไม่ใช่กอยล์!

    เด็กผู้หญิงสวมเสื้อตัวใหญ่เกินขนาดของกอยล์กำลังหลับสนิทอยู่แทน มัลฟอยขยี้ตาตัวเองแล้วมองใหม่ให้แน่ใจ ไม่ผิดแน่ผมเป็นลอนฟูฟ่องอย่างนี้จะมีใครอีกเล่า

    เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์!

    ทำไมยายนี่ถึงมานอนอยู่กับเขาได้ มัลฟอยคิดด้วยความงงสุดขีด แล้วใบหน้าก็ร้อนผ่าว บางทีเขาอาจจะกำลังฝันอยู่ก็ได้คิดได้แค่นี้ ใบหน้าของเขาก็ร้อนวูบ - - หรือฝันไปกันแน่ - - ใช่ ฝันไปแน่ ๆ ยายนี่ไม่มีทางมานอนที่นี่กับเขาหรอก ไม่มีทางแน่ ๆ! คิดได้แค่นี้ใจเขาก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

    เอาเถอะ! ฝันไปก็ดีแล้ว อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ฝันเห็นยายนี่ครั้งแรกนี่นะ มัลฟอยก้มหน้าลงไปหาอีกฝ่ายช้า ๆ

    "เกรนเจอร์…" เขาเรียกชื่อเธอก่อนจะจูบอย่างแผ่วเบา

    เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวนิดหนึ่ง แต่แล้วก็สะดุ้งโหยง

    "มัลฟอย!" เธอแทบจะถีบเขาออกไปเต็มแรง แต่เพราะเขาอยู่ชิดเกินไปเธอจึงทำได้อย่างมากก็แค่ดิ้นขลุกขลัก

    "โธ่เอ๊ย! ทำไมในฝันเธอยังขัดขืนฉันอีกนะ!" มัลฟอยพูดเหมือนรำคาญเต็มที เขากดเฮอร์ไมโอนี่ให้อยู่นิ่ง ๆ อย่างโกรธ ๆ ตั้งท่าจะก้มหน้าลงมาอีก

    "นายมัน!…" เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูเข้ม เด็กหญิงสูดลมหายใจเต็มปอดพร้อมกับรวบรวมแรงทั้งหมดก่อนจะตะเบ็งเสียง - -

    "กรี๊ดดดดด….!!!!"

    มัลฟอยกระเด็นออกไปตามแรงผลักจนศรีษะไปโขกกับเสาปลายเตียงข้างหนึ่ง (แต่นั่นไม่ได้ทำให้แครบรู้สึกตัวแม้แต่น้อย) เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นหอบหายใจ โชคดีที่เขาเผลอหรอกถึงเล่นงานได้

    "เจ็บเจ็บ" เด็กชายครางแล้วเอามือกุมศรีษะ เขาทำท่านึกออก - - เจ็บเหรอ! งั้นนี่ก็ไม่ใช่ฝันน่ะสิ

    "เฮ้! เธอต่างหาก มาอยูที่นี่ได้ยังไงเนี่ย!" มัลฟอยร้อง แล้วจ้องเด็กหญิงเขม็ง

    เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวว่าพลาดไปเสียแล้ว ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นขาวซีดราวกับกระดาษ ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะมาแก้ตัวได้เลย

    "ฉันฉัน" เฮอร์ไมโอนี่ลิ้นพันกันขึ้นมา

    "ไม่ตอบรึ" มัลฟอยหรี่ตาแล้วลุกพรวดขึ้นแหวกม่านไปตะโกน

    "แครบ! แกมาดูอะไรนี่สิ!"

    "อย่านะ!" เฮอร์ไมโอนี่ร้องแล้วถลาไปดึงชายเสื้อเขาไว้ เด็กชายหันกลับมาถามเสียงคาดคั้น

    "ตอบสิ!"

    เฮอร์ไมโอนี่แทบร้องไห้ ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอทำอะไรหายไปจนต้องมาหาถึงที่นี่

    "เอ่อฉันฉันมาหานาฬิกา กอยล์เอาของฉันมา"

    "นาฬิกา" มัลฟอยขมวดคิ้ว

    "ที่เธอเคยให้ฉัน…" เฮอร์ไมโอนี่มองเขาเต็มตา

    คราวนี้มัลฟอยหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพูเสียเอง เขาไม่กล้าสบตาสีน้ำตาลคู่นั้นขึ้นมาดื้อ ๆ ถึงยังไงเขาก็รู้สึกดีที่เธอทำถึงขนาดนี้เพื่อหาของที่เขาเคยให้

    "ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำมันหาย กอยล์เก็บได้ เขารู้ว่าเป็นของฉันแต่ไม่ยอมคืน" เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าสำนึกผิดน้ำตาเอ่อคลอ รอคำต่อว่าจากเขา มัลฟอยดูเงอะงะขึ้นทันทีที่เห็นเธอร้องไห้

    "หีบของมันอยู่ใต้เตียง" เขาบอกแล้วลุกขึ้นจากที่นอน แล้วลากหีบที่ว่าออกมาจากใต้เตียงก่อนจะเปิดออก

    ภายในบรรจุทั้งของใช้และของเล่นไร้สาระที่ดูเหมือนจะเป็นของสะสมของกอยล์ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอของที่เฮอร์ไมโอนี่หาอยู่เลย

    เมื่อเริ่มจะหมดหวังเฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นว่ามีกล่องอีกใบที่ใต้เตียง เธอรีบหยิบออกมาเปิดดูก็พบนาฬิกาเรือนนั้นอยู่ข้างใน

    "เจอแล้ว เจอแล้ว!" เด็กหญิงดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่

    มัลฟอยที่ตอนนี้เหงื่อเต็มหน้าและมือดำเพราะสมบัติของกอยล์เป็นเครื่องสะสมฝุ่นชั้นดีถอนใจออกมา แล้วลุกไปล้างมือในห้องน้ำ พอออกมาก็เห็นเฮอร์ไมโอนี่กำลังพยายามลากหีบเก็บเข้าที่เดิม แต่มันก็ไม่เขยื้อนแม้แต่น้อย เด็กหญิงหอบฮัก นึกสงสัยว่ามัลฟอยลากมันออกมาได้อย่างไร เด็กชายเดินมาช่วย เขาลากครั้งเดียวมันก็กลับไปอยู่ที่ของมัน เฮอร์ไมโอนี่จึงเดินไปล้างมือบ้าง พอเดินออกมาก็เห็นมัลฟอยกำลังหยิบเสื้อนอนจากตู้ของตัวเองออกมา

    "เปลี่ยนซะ" เขายื่นให้

    เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วแต่ใบหน้าก็เป็นสีชมพู

    "เธอคงไม่คิดจะใส่ชุดใหญ่ยักษ์นั่นทั้งคืนหรอกนะ"

    จริงของเขา - - คอเสื้อของแครบตกห้อยลงมา แขนเสื้อยาวพ้นมือออกมาเกือบเท่าตัว ชายเสื้อลากกรุยกรายลงพื้น เฮอร์ไมโอนี่รับเสื้อมาจากมัลฟอยก่อนจะเดินไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ถึงจะตัวใหญ่กว่าเธออยู่ดี แต่ก็ยังเล็กกว่าชุดของกอยล์

    เมื่อเด็กหญิงเดินออกมาจากห้องน้ำเธอก็มีสภาพยังดูตลกเหมือนเดิม ขากางเกงของมัลฟอยยาวมากจนต้องพับขึ้นหลายตลบ ส่วนแขนเสื้อนั้นแม้จะยาวพ้นมือไปบ้างแต่เธอก็ปล่อยไว้โดยไม่พับ

    มัลฟอยกำลังค้นของในลิ้นชักโต๊ะของตัวเอง - - เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบ ๆ ห้องด้วยใบหน้สีชมพู ตอนนี้เธออยู่ในห้องของเขาจริง ๆ แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งบนโต๊ะของกอยล์

    ขวดแก้วใบเล็กบรรจุน้ำยาสีทองแสนสวยวางอยู่ในมุมมืด เฮอร์ไมโอนี่เดินไปหยิบมันขึ้นมาดู แล้วงง ๆ ว่ามันคืออะไรในตอนแรก

    น้ำหอมที่เธอเคยเจอในตรอกไดแอกอนกระมัง - - เธอคิด กอยล์ซื้อของพวกนี้ด้วยหรือ แต่กลิ่นหอมหวานชื่นใจของมันนั้นเธอยังจำได้ เฮอร์ไมโอนี่อยากได้กลิ่นมันอีกจึงเปิดฝาขวดแล้วยกสิ่งที่เธอเข้าใจว่าเป็นขวดน้ำหอมนั่นขึ้นชิดจมูก!

    +-บทที่ 8-+

    "หิวรึเปล่าล่ะ เกรนเจอร์" มัลฟอยถามมา แต่ตายังคงมองหาของในลิ้นชัก แล้วเขาก็หยิบขนมออกมาดู

    "ฉันมีกบช็อกโกแลตกับขนมปังที่ซื้อมาจากฮอกส์มี้ด เธอคงเคยกินแล้วมั้ง" เด็กชายพูด

    "ถ้าเธอหิว…" มัลฟอยเริ่มขมวดคิ้วแล้วหยุดมือที่ค้นเมื่อรู้สึกว่าเฮอร์ไมโอนี่เงียบไปอย่างผิดสังเกต

    เด็กชายหันไปมองอีกฝ่ายแล้วเขาก็ต้องตกตะลึง!

    เฮอร์ไมโอนี่ยืนสะลึมสะลืออยู่ไม่ห่าง เธอมองมาที่มัลฟอยด้วยดวงตาปรอย เขาอ้าปากค้างแล้วก็เห็นขวดยาที่เขาจำได้แม่นยำว่าเป็นยาที่เขาเคยฝากให้กอยล์ทิ้งไปตั้งแต่อยูบนรถไฟกลิ้งโค่โล่อยู่บนพื้น

    กบช็อกโกแลตหล่นจากมือมัลฟอย เขายังคงตกตะลึงอยู่อย่างนั้นและมองอาการของเฮอร์ไมโอนี่อย่างตระหนก

    "เธอดมมันเข้าไปเหรอ!" เด็กชายถามเสียงตื่น

    แทนคำตอบ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มหวานให้เขาแล้วเธอก็เดินมาชิดตัวมัลฟอยที่กำลังยืนตาเบิกโพลงทำอะไรไม่ถูกอยู่

    สมองของเธอจะว่างเปล่า

    คำพูดของนายไบเจนในวันนั้นดังขึ้นในโสตประสาทของเขาอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้มัลฟอย - - เป็นรอยยิ้มที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน มัลฟอยกัดฟันแน่น ทั้งที่ใจเต้นจนแทบจะระเบิดออกมานอกอก เขามองใบหน้าของอีกฝ่ายที่ยังคงยิ้มให้เหมือนรอคอยบางสิ่ง

    ถึงตอนนั้นคุณหนูก็เอ่ยชื่อของคุณหนู

    มัลฟอยลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่ดวงตาล่องลอยของอีกฝ่ายที่มองมานั้นทำให้เขากลั้นใจทำตามคำพูดของนายไบเจน

    "ฉันชื่อเดรกโก เดรโก มัลฟอย"

    เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกว้างขึ้นอีก - - ไม่มีอะไรมาหยุดเขาได้อีกแล้ว!

    แล้วบอกกับเธอว่า 'รัก' เธอก็จะหลงรักคุณหนู แล้วคุณหนูก็จะสามารถ

    มัลฟอยเม้มริมฝีปากแล้วตัดสินใจพูด

    "ฉัน…"

    อีกฝ่ายมองเขาอย่างตั้งใจเหมือนรอคอยคำนั้น

    "ฉัน…"

    +-บทที่ 9-+

    แค่พูดว่า 'รัก' คุณหนู จะเป็นคำเท็จก็ได้ ไม่ยากเลยสักนิด

    "ฉัน…" มัลฟอยกัดฟันกรอดแล้วส่ายศรีษะ

    "ไม่ได้! ฉันใช้วิธีนี้ไม่ได้!" เขาดันตัวเด็กหญิงให้ออกห่าง

    เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าราวกับเสียใจอย่างหนัก

    "เพราะยาสินะ เธอถึงได้ทำหน้าอย่างนั้น" มัลฟอยพูดเสียงเศร้าแต่ก็มีความรู้สึกเยาะเย้ยตัวเองอยู่ในที - - นั่นสินะ อย่างเขาจะมีหรือจะทำให้เธอมีสีหน้าอย่างนี้ได้

    "ตัวฉันเองยังไม่รู้เลยว่าถ้าพูดไปมันจะเป็นคำโกหกหรือเปล่า" เขาจับไหล่สองข้างของเฮอร์ไมโอนี่ไว้แล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ

    "เพราะเธออยู่ใกล้แค่นี้ต่อให้ต้องโกหกฉันก็คงต้องพูดแน่ ๆ " เขาปล่อยแขนที่จับเธอไว้ แล้วพูดโดยไม่สบตาอีกฝ่าย

    "แต่ฉันไม่อยากโกหก - - ไม่อยากพูดไป….จนกว่าฉันจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วฉันรู้สึกยังไง"

    มัลฟอยสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็พาเฮอร์ไมโอนี่ไปนอนที่เตียง เขาห่มผ้าให้เธอ แล้วจูบหน้าผากอย่างแผ่วเบา

    "นอนซะ เกรนเจอร์"

    เขาปลดม่านปิดให้เฮอร์ไมโอนี่ได้นอน มัลฟอยถอนใจยาวแล้วเดินไปที่เตียงของแครบ แล้วถีบอีกฝ่ายที่นอนหมิ่นจะตกเตียงอยู่แล้วหล่นโครมลงไปนอนกับพื้น - - น่าอัศจรรย์ที่แครบไม่รู้สึกตัวแม้สักนิด กลับหลับสนิทอย่างหน้าตาเฉย

    มัลฟอยฝืนข่มตาให้หลับ เขามองไปบนเพดานเตียงแล้วพูดเหมือนคราง

    "ฉันน่าจะชั่วร้ายกว่านี้อีกสักนิดนะ เธอคงไม่หลุดมือฉันไปอีกเหมือนคราวนี้หรอก"

    ...+*+*+...

    "ตื่น เกรนเจอร์ ตื่นได้แล้ว"

    เฮอร์ไมโอนี่ขยี้ตาแล้วบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน - - ไม่อยากลุกเลย ที่นอนนุ่มขนาดนี้

    "ตื่นเถอะน่า เราต้องรีบออกไปก่อนที่คนอื่นจะตื่นนะ"

    เสียงนั้นดังมาอีก - - เสียงคุ้นจังเลย เสียงเหมือนเหมือน

    "มัลฟอย!" เฮอร์ไมโอนี่ลุกพรวดขึ้น ผ้าม้านรอบเตียงถูกผูกเก็บไว้หมดแล้ว

    มัลฟอยกำลังสวมเสื้อคลุมอยู่ เขาชะงักแล้วหันมามองอีกฝ่ายอย่างงง ๆ ว่าเธอจะเสียงดังไปทำไม

    "เกิด เกิดอะไรขึ้นเนี่ย" เฮอร์ไมโอนี่ละล่ำละลักถาม

    เด็กชายขมวดคิ้ว - - สงสัยเฮอร์ไมโอนี่จะจำอะไรไม่ได้ เขายิ้มเจ้าเล่ห์นึกในใจว่า น่าจะแกล้งซะให้เข็ด!

    "จำไม่ได้เหรอว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น" มัลฟอยแกล้งถามเสียงยั่ว

    ใบหน้าของเด็กหญิงซีดขาวทันที เธอรีบก้มลงสำรวจตัวเอง แต่ก็ไม่มีอะไรผิดไปจากเดิม เธอจำได้แต่เพียงว่าเธอเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย

    มัลฟอยกลั้นหัวเราะพยายามบังคับสีหน้าให้เป็นปกติ อยากจะดูว่าเธอจะทำยังไงต่อไป

    "พูดให้ดี ๆ นะ! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น!" เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ

    "โกรธเหรอ" มัลฟอยเลิกคิ้วถาม

    "โกรธเพราะเสียดายที่ไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง"

    เฮอร์ไมโอนี่หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม จนรู้สึกว่าเส้นเลือดในสมองเต้นตุบ ๆ แล้วเธอก็ตะโกนเสียงดัง

    "ฉันยังใส่เสื้อผ้าอยู่!"

    "ฉันใส่ให้เองแหละ" มัลฟอยโกหกหน้าตาเฉย แล้วไหวไหล่นิดหนึ่งก่อนจะเดินมาชิดเตียงที่เฮอร์ไมโอนี่นี่นั่งอยู่ แล้วก้มหน้าลงมาชิดก่อนจะพูด

    "รู้ไหม ใส่มันยากกว่าถอดเยอะ"

    เฮอร์ไมโอนี่ง้างมือแล้วฟาดลงมาหมายจะตบหน้าซีดเซียวของอีกฝ่ายเต็มแรง มัลฟอยคว้าแขนข้างนั้นไว้ได้แล้วหัวเราะเสียงดัง

    "เชื่อด้วยแฮะ! ไม่อยากเชื่อเลย"

    เด็กหญิงหยุดอาละวาดทันที ความโล่งใจเข้ามาแทนที่ทำให้เหลือไว้เพียงท่าทางที่โกรธภายนอกเท่านั้น

    "ฉันโกหก เธอลื่นล้มหน้าห้องน้ำแล้วก็สลบไป" เขาเล่าเรื่องที่แต่งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน

    "แล้วเธอนอนตรงไหนล่ะ" เฮอร์ไมโอนี่ถามต่อ

    "ข้าง ๆ เธอไง" เขาโกหกอีก

    เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขม็งมาด้วยแววตาโมโหจนมัลฟอยยอมแพ้

    "นอนเตียงแครบ มันตกเตียงฉันเลยได้นอนแทน" เขาอธิบายแล้วหันมาตัดบท

    "ไปล้างหน้าก่อนก็ได้ แต่เร็วหน่อยล่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า"

    เฮอร์ไมโอนี่ลุกไปตามที่เขาบอกทันที เมื่อเรียบร้อยแล้วมัลฟอยก็ให้เธอสวมเสื้อคลุมของเขา

    "ไปได้แล้ว" เขาหันไปมองแครบที่เริ่มขยับตัว

    แสงสีส้มอ่อน ๆ ของดวงอาทิตย์สาดเข้ามาทางหน้าต่างตึกทุกบาน ตามทางเดินว่างเปล่าไม่มีเงาของใครทั้งนั้น นับว่าโชคดีมาก เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าแม้แต่ฟิลช์ก็คงต้องนอนบ้างล่ะน่า

    จนในที่สุดทั้งสองก็มาหยุดที่หน้าหอนอนของบ้านกริฟฟินดอร์ สุภาพสตรีอ้วนงัวเงียทัก

    "อรุณสวัสดิ์ ฮ้าวรหัสผ่านล่ะ"

    "รอเดี๋ยวนะคะ" เฮอร์ไมโอนี่บอก เธอจึงหลับต่อ

    เด็กหญิงหันมาพูดกับมัลฟอย

    "ขอบคุณเธอมากนะ" เธอพูดด้วยแววตาขอบคุณอย่างจริงใจ

    มัลฟอยถอนใจหนักแล้วกลอกตาขึ้นบน - - รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าอย่างไม่น่าให้อภัยที่ปล่อยเฮอร์ไมโอนี่ไปอีก

    "ทุกอย่างมันจบที่หน้าหอเธอกี่ครั้งแล้วเนี่ย" เขาพูดเหมือนบ่น

    เฮอร์ไมโอนี่หน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู เธอก้มหน้าเหมือนไม่ต้องการให้เขาเห็น - - แต่ก็จริงอย่างที่เขาพูดล่ะนะ

    "เอ้า เอาไป" มัลฟอยยื่นนาฬิกาเรือนเงินของเธอคืนให้ เฮอร์ไมโอนี่รับมาก็รู้สึกว่ามันเป็นเงาวับกว่าเดิม

    "ขอบใจมาก" เฮอร์ไมโอนี่บอกแล้วรับมาถือ

    มัลฟอยถอนใจหนักอีกครั้งเมื่อเห็นดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วคู่นั้นจ้องมา เขาอยากตะโกนเหลือเกินว่า - - ขอเป็นอย่างอื่นมั่งได้ไม๊!

    เฮอร์ไมโอนี่กลั้นหัวเราะ เพราะถึงเขาจะไม่พูดแต่สีหน้าก็บอกออกมาหมดแล้ว

    "มัลฟอย" เธอเรียกชื่อเขา

    "หือ" เด็กชายกลอกตากลับมา

    และไม่ทันตั้งตัว เฮอร์ไมโอนี่ก็เขย่งเท้าขึ้นก่อนจะแตะริมฝีปากกับเขาอย่างแผ่วเบา มัลฟอยถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ

    เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูจัด เธอมองเขาแว่บหนึ่งแล้วพูด

    "แล้วเจอกันนะ" ว่าจบเธอก็วิ่งเร็วจี๋ ตะโกนรหัสผ่านแล้วก็ปีนข้ามช่องรูปภาพไป

    มัลฟอยยืนหัวหมุนอยู่พักใหญ่ถึงได้สติ เขายกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง แล้วพูดเหมือนคราง

    "ถ้าวันนี้ฉันเรียนไม่รู้เรื่องล่ะก็ฉันจะโทษเธอนะ"

    เด็กชายผมสีบลอนด์คนนั้นหันหลังแล้วเดินกลับไปยังหอนอนอของ ตัวเองอีกครั้ง เมื่อไปถึง แครบตื่นแล้วพร้อมกับบ่นว่าปวดหลังเพราะตกเตียงได้ยังไงก็ไม่รู้

    มัลฟอยเดินไปที่เตียงนอนซึ่งเฮอร์ไมโอนี่นอนเมื่อคืนเขาทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง มองเพดานของที่นอนพร้อมกับได้กลิ่นหอมที่ผิดไปจากเดิมยังคงอยู่ เด็กชายพูดเสียงดัง

    "เชอะ! ถ้าไม่ปล่อยไปคงได้มากกว่านี้หรอก!"

    2 b con+

    P.S.

    อย่าลืมคอมเม้นต์นะจ้ะ

    ด้วยจิตคาราวะ
    เด็กผมฟู + Peterpan

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×