คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ผู้กล้ามาแล้วจ้า
//...
บนชั้นสุดท้ายของหอคอยสูงเสียดฟ้า ศึกการต่อสู้ชี้ชะตาระหว่างเหล่าผู้กล้าและมังกรดำซึ่งเป็นราชันแห่งเหล่าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้น อัศวินเกราะทองวิ่งตรงเข้าใส่มังกรยักษ์ตรงหน้า ลากดาบสองมือสีทองคำที่เปล่งประกายเจิดจรัสไปตามพื้น กรีดพรมสีโลหิตบนพื้นจนเกิดเป็นเส้นแสงสีขาว จ้าวมังกรคำรามประหนึ่งหัวเราะความโง่เขลาของผู้กล้า พร้อมกับพ่นเปลวเพลิงร้อนแรงออกจากปาก อัศวินหนุ่มหลบก้อนเพลิงยักษ์ไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ทิศที่เปลวเพลิงกำลังจะตรงไปนั้นมัน !
“ ซิลฟ์ ! ระวัง ! ” ผู้กล้าตะโกนเรียกแม่มดหญิงซึ่งกำลังขับขานบทเพลงสนับสนุนอยู่
“ ฟรอสซ์แอโร่ว์ ! ” เอลฟ์หญิงรีบปล่อยศรในมือเข้าใส่เปลวเพลิงที่กำลังพุ่งตรงเข้าใส่แม่มดหญิง หวังจะหยุดเปลวเพลิงร้อนแรงด้วยพลังเวทน้ำแข็งของตน ไอเย็นสีขาวพวยพุ่งออกมาจากศรไม้ตรงเข้าไปสู่ใจกลางของก้อนเพลิงยักษ์ แต่ศรที่อาบเวทมนตร์น้ำแข็งซึ่งพุ่งออกไปนั้นกลับมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา ! ทันใดนั้นนักฆ่าหนุ่มก็พุ่งตัวเข้ามาผลักแม่มดหญิงออกมาจากทิศของเปลวเพลิง ก่อนที่จะถูกเปลวเพลิงอันร้อนแรงกลืนหายไปต่อหน้าต่อของสหายร่วมทางทั้งหมด
“ คงเป็นนิทรากาลที่ยาวนาน นิรันดร... ”
“ เอปซิลอนนน ! ” ผู้กล้าตะโกนสุดเสียง
//....
หนุ่มผมแดงสะเดาะกลอนประตูย่องเข้ามาในบ้านหลังเล็กอย่างเงีบบเชียบ ค่อยๆ บรรจงไล่สายตามองหาเป้าหมายที่กำลังนอนฝันหวานอยู่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ต้นเสียงกรนน้อยๆ ดังมาจากโจรหนุ่มหน้าเรียว ผู้ซึ่งมีผมยาวสลวยสีน้ำเงินอ่อน และมีผิวนุ่มเรียบเนียนราวกับอิสตรี หนุ่มผมแดงจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าเรียวยาวที่นอนหลับไม่รู้เรื่องพลางกอดอกครุ่นคิด ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ตามเจ้าโจรผมยาวคนนี้ก็เป็นคนที่เขาแกล้งแล้วสนุกที่สุด ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกเพราะมันโด่งดังในหมู่ผู้หญิงต่างหากถึงต้องแกล้ง ! มันน่าอิจฉาเฟ้ย ใช่ น่าอิจฉา !!
ความอิจฉาแทบจะพุ่งออกมาเป็นคำพูด คงไม่ต้องรออะไรอีก เขาลงมือทันที ชายผมแดงลองจิ้มนิ้วลงไปบนแก้มนิ่มๆ ของโจรหนุ่มที่นอนหลับอยู่ โจรหนุ่มหัวเราะคิกคักพลางยิ้มหวาน ทำหน้าเคลิ้ม แต่ก็ยังคงหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่ายังไงมันก็ดูน่าหมั่นไส้เสียจริง
‘ ให้ตายเถอะ เจ้านี่ไม่มีความระมัดระวังตัวเลย มันมาเป็นโจรทำไมวะเนี่ย ’ ผู้มาเยือนคิดในใจ
“ เป็นลูกแมวสินะ ? ฮึ... ฉันล่ะสงสัยจริงๆ เลย ว่านายกำลังฝันเรื่องอะไรอยู่... ” หนุ่มผมแดงลูบคางตัวเอง พร้อมรำพึงออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ลากเสียงคำสุดท้ายไปยาวเหมือนยังพูดไม่จบประโยค ก่อนที่จะหลับตาลง
ชั่วอึดใจต่อมาชายผมแดงก็แสยะยิ้ม ลืมตาขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลทั้งสองข้างตาลุกวาวราวกับปีศาจ พร้อมเปล่งเสียงหัวเราะหึหึออกมาจากลำคอ จากนั้นจึงค่อยๆเอ่ยปากพูดคำสุดท้ายของประโยคออกมาอย่างชั่วร้ายด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ เพื่อนสนิท... ”
คร่อกกก...ก...
“ หนึ่ง... เอาแก้วครอบหูไว้แบบนี้... ”
คร่อกกก....ก..ก
“ สอง... เอาช้อนมา แล้วก็ อืม... หวังว่ามูเก็นคงไม่โกรธมากหรอกนะ ? ”
ป๊อง... ป๊องงง ป๊องงงง
“ ว๊ากกก..กก ”
ชายผมแดงใช้ช้อนเคาะแก้วซะดังลั่น กรอกหูเพื่อนสนิทที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวให้สะดุ้งตื่นขึ้นมาจนแทบจะตกเตียง
โจรผมยาวสีน้ำเงินคนนี้มีชื่อว่ามูเก็น มิสเทอเรีย เขานั่งลนลานตกใจทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อได้สติแล้วจึงรีบมองหาตัวการสำคัญที่ทำให้ตนต้องตื่นจากความฝันทันที นัยน์ตาคมกริบสีมรกตไล่มองหาต้นเหตุอย่างกินเลือดกินเนื้อ
‘ ใครก็ตามที่มันบังอาจมารบกวนเวลาฝันหวานของ เราผู้นี้ มันต้องโดนซักเปรี้ยงสองเปรี้ยง แล้วค่อยกลับไปนอนต่อ ‘ มูเก็นคิด แต่เมื่อเห็นใบหน้าเจ้าเล่ห์ของอัศวินหนุ่มผมแดงผู้มาเยือนซึ่งปรากฏขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่ไม่น่าไว้วางใจตรงหน้าแล้ว ความรู้สึกโกรธเกรี้ยวของเขามันหดหายไปทันที โจรหนุ่มกลับยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผาก
‘แกล้งนอนต่อได้มั้ยเนี่ย...’ มูเก็นคิด พร้อมพยายามหลบสายตา รีบหันหน้าไปมองทางอื่น
อัศวินผมแดงรุ่นราวคราวเดียวกันกับคนนี้มีชื่อว่า สเตท , สเตท อีสท์วินด์
ถ้าจะให้อธิบายคงต้องบอกว่าเป็นเพื่อน
เพื่อน__ของมูเก็น
ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกไม่ต้องพูดถึง สเตทก็เป็นแค่ตัวละคร 8 บิท ผมแดงที่พบเห็นได้ตามหน้าจอเกมRPG กากๆ ของเครื่องเกมเก่าๆ มองไม่ออกด้วยซ้ำว่าตาสีอะไร ! ผู้อ่านคงจะสงสัยแล้วสิว่าทำไมมูเก็นถึงดูละเอียดนัก ใช่ครับ มูเก็นเป็นเพียงตัวประกอบในเกมซึ่งเป็นเพื่อนในวัยเด็กของสเตทเท่านั้น รู้ไปก็ไม่สำคัญหรอก แต่มันก็คงมีบ้างแหละที่ตัวประกอบดันดังกว่าพระเอก
( สเตท : เห้ยนี่ เรื่องนี้ฉันเป็นพระเอกไม่ใช่หรอ ?? )
( สเตท : อย่าเงียบดิ้ ผู้กำกับ ตอบมาสิเฟ้ย ทำไมตัวฉันยังเป็นเหลี่ยมๆอยู่ฟะ เกมกากนี่หว่า ไม่ลงทุน ! )
( สเตท : ไม่ลงทุนชัดๆ แต่ทำไมถึงทุ่มเททำตัวประกอบฟะ ลำเอียงนี่หว่า แว๊กกกกก... *การเชื่อมต่อถูกตัดขาด )
และแม้ว่าจะอธิบายไปว่ายังงั้น มูเก็นคงตอบได้ไม่เต็มปากนักว่า เพื่อนสนิท... แต่ถ้าหากคำว่าเพื่อนสนิทหมายถึงสิ่งมีชีวิตที่ชอบนำปัญหาและความเดือดร้อนทั้งสิ้นทั้งปวงที่เป็นไปได้ในโลกนี้มาให้ เขาก็คงยินดียืนยันด้วยการตะโกนตอบจนสุดเสียงเลยทีเดียว
สเตทชะโงกหน้าตามไปจ้องหน้ามูเก็น โจรผมน้ำเงินหลบสายตาไปทางอื่น อัศวินผมแดงก็ชะโงกหน้าตามนัยน์ตาสีมรกตทั้งสองข้างนั้นไป ราวกับกำลังเล่นเกมจ้องตากันอยู่ และสุดท้ายโจรหนุ่มที่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมก็ยอมสบตาด้วยเพื่อบอกให้รู้ว่า ยอมฟังเรื่องที่จะพูดแต่โดยดีแล้ว
‘ มีอะไรก็พูดมาเถอะ ’ เขาคิด
“ ไง ! มูเก็น เป็นเช้าที่สดใสนะวันนี้ ...” สเตทพูดเสียงสดใส เหมือนเป็นการเกริ่นเรื่องและเริ่มต้นบทสนทนา แต่มูเก็นที่ทำหน้าตาย ค่อยๆ ไล่สายตาออกไปมองดวงอาทิตย์ที่ลอยโด่งอยู่กลางท้องฟ้า เหมือนกับเห็นคำว่าปัญหาตัวโตๆเขียนอยู่บนหน้าของอัศวินผมแดงตรงหน้า
สเตทฉีกยิ้ม มันเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ไอ้รอยยิ้มของปีศาจก่อนที่อะไรร้ายๆจะหลุดออกมาจากปากของตัวต้นเหตุของปัญหาสารพัด แล้วนี่อะไร จงใจไบ้ให้ชัดๆว่ามันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วแน่ ถ้ามาชวนคุยเรื่องอากาศสดใสอะไรแบบนี้
‘ ปัญหา ! นี่มันปัญหาชัดๆ ’ มูเก็นนิ่งเงียบทำได้แค่เพียงภาวนาอยู่ในใจ เขาลุ้นระทึก
‘ ไปๆๆ ไปให้พ้นทีเถ้อะ สาธุ...’ อยากจะยกมือขึ้นมาปิดหู รู้สึกกลัวจนไม่อยากรับฟัง และเมื่อเห็นว่าโจรหนุ่มยังคงเงียบและไม่ตอบกลับ อัศวินผมแดงจึงพูดต่อ
“ คือว่านะ... ” ชายผมแดงก้มหน้าลง จากท่าทีรื่นเริงกลับกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตายขึ้นมา
‘มันจะใช่ปัญหารึเปล่า... เจ้าหนี้สินะ ไม่ หรือมันไปขโมยอะไรมา หรือยุแยงให้คนเลิกกันอีก ให้ตายเถอะ ไม่อยากให้มันพูดออกมาเลย ทำไมถึงต้องเป็นเรานะ แบบนี้มันเรื่องใหญ่แน่ๆ เวรแล้วไง... เวรแล้วไง... ’ เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นมาบนใบหน้าของโจรผมน้ำเงิน เขารอคอยคำพูดถัดไปที่กำลังจะออกมาจากปากของสเตทอย่างใจจดใจจ่อ
มะ... ไอ....
‘ ไม ? ไมอะไร ไมไมไม ไมโล ? ไมเคิ้ล ? เดี๋ยวแล้วไมเคิ้ลนี่มันเป็นชื่อของอะไร ’ มูเก็นเริ่มคิดสับสนกับความคิดของตัวเอง ประกอบกับเมื่อได้ยินน้ำเสียงจริงจังนั่นแล้วยิ่งทำให้เขาเครียดจนคิดอะไรไม่ถูก
“ ไม่บอกหรอกก ! อยากรู้อ่ะดิ ฮี้ ” แล้วสุดท้ายเจ้าตัวป่วนก็เฉลยสิ่งที่จะพูด สเตทยักไหล่ เลิกคิ้ว ก่อนที่จะแลบลิ้นปริ้นตาใส่มูเก็นที่ตัวทำหน้าเหวอ และกำลังลุ้นจนตัวโก่ง
“เจ้า..า..าา นี่...มันน...นน.. แฮ่.... ” โจรผมน้ำเงินพูดเสียงสั่น โกรธที่ถูกกวนประสาทจนแทบจะคำรามใส่เจ้าอัศวินผมแดงตรงหน้าคนนี้อยู่แล้ว นอกจากตัวการตรงหน้าจะมีความผิดโทษฐานปลุกให้ตื่นจากฝันหวานแล้วยังมีโทษกวนประสาทแบบไม่น่าให้อภัยนี้อีก
“ อยากรู้อ่ะดิ้ ? ” แต่จนแล้วจนรอดตัวการตรงหน้าก็ยังวางท่า ยิ้มแป้น พูดจากวนประสาทต่อ และไม่ทันได้สังเกตเลยว่าสันมือของคู่สนทนากำลังแหวกอากาศลงมาใส่กลางกระหม่อมของตน
ป้าบบบ.... เสียงดังฟังชัด แน่นๆ เน้นๆ แต่ก็ยังไม่กังวาลเท่าไหร่นัก ดูเหมือนว่าในหัวสมองของเจ้าอัศวินนี่ยังคงมีอย่างอื่นนอกจากขี้เลื่อยและเรื่องไร้สาระสินะ มูเก็นคิด
“ โอ้.ววว..โอ้ย...นายไม่เห็นต้องใช้ความรุนแรงเลยก็ได้นี่นา ! ” สเตทยกมือขึ้นห้าม
และตามด้วยครั้งที่สองตามมาแทบไม่ได้ให้หายใจ
ป้าบบ....
“ โอเคๆ เอานะๆ ฟังๆ ผมจะเริ่มเล่าแล้วนะครับ... ”
อัศวินหนุ่มยิ้มราวกับภาคภูมิใจอะไรมาสักอย่าง แต่ก็ต้องรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมารับฝ่ามือขวาของมูเก็นไว้ก่อนที่จะโดนสับกระหม่อมอีกรอบ นัยน์ตาอาฆาตมาดร้ายสีเขียวมรกตจ้องตรงมาที่สเตทเขม็งเป็นเหมือนคำเตือนครั้งสุดท้ายว่า
‘ เวลาของแกมีไม่มากแล้วนะ มีอะไรจะพูดก็รีบบอกมาเถอะ ’
“ ไม่เยิ่นเย้อก็ได้เฟ้ย ! ฉันได้รับเลือกให้เป็นผู้กล้าไปปราบจอมมารแหละ โอเค โอเค้ อย่าใช้ความรุนแรงกับฮีโร่คนใหม่สิ ฉันได้เป็นพระเอกของเรื่องเลยนะเว้ย ผู้กล้าที่ถูกเลือกเชียวนะ ผู้กล้าเลยแหละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”
สเตทยืดอกอย่างภูมิใจ มูเก็นถึงกับผงะเหมือนกับชะงักไปเพราะเรื่องที่ได้ยิน จากนั้นเขาค่อยๆถอนฝ่ามือออกมา มันเป็นแสดงอาการตกตะลึงราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นความจริง
แล้วโจรหนุ่มก็ฟาดมือลงไปอีกครั้ง !
ป้าบบบบบ ! ***Critical hit !***
“ เจี๊ยกกกก ! ” สเตทร้องเสียงหลง
คราวนี้มูเก็นฟาดลงไปสุดแรง ซ้ำลงไปที่เดิมเป๊ะ แล้วก็ตามมาด้วยยินเสียงแน่นๆ ของฝ่ามือกระทบศีรษะ และเสียงร่างของเหยื่อเคราะห์ร้ายทรุดฮวบลงไปกับพื้น
“ โอ้วววว เจ็บว้อยยย... นายจะสับหัวฉันอีกรอบทำไมเนี่ย ฉันไม่ได้โกหกนะ... ” อัศวินผมแดงทรุดลงไปนอนกลิ้งพรวดพราดบนพื้น เอามือทั้งสองข้างกุมหัวตัวเอง เจ็บจนน้ำตาเล็ด
“ เอาเถอะ ดูเหมือนเวลาได้เวลาไปวังพระราชาแล้วสินะ ไปกันเถอะ สเตท ! ” มูเก็นลุกขึ้นจากเตียง ทำท่าทางขึงขังเหมือนกำลังจะไปกอบกู้โลกจากหายนะอะไรสักอย่าง แต่จริงๆ แล้วเขาอยากเห็นมากกว่าว่าพ่อมดหมอผีที่ไหนกันทำนายว่าเจ้าบ้าตรงหน้าเขานี่เป็นผู้กล้าหรือวีรบุรุษ ให้ตายสินี่มันพระเอกของเรื่องเลยเชียวนะ ผู้กล้าในคำทำนายหรืออัศวินฮีโร่ที่ได้รับเลือกที่ไหนกัน มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ ! อนาคตของโลกใบนี้เลยเชียวนะ ทำไมจอมโจรสุดหล่ออย่างเขาถึงไม่ได้เป็น ! มันใช้อะไรมาทำนายหรือเอาอะไรทดสอบกันแน่ ! โชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกับเหล่ามวลมนุษย์รึเปล่า หรือว่าถึงคราวหายนะของโลกใบนี้จริงๆ แล้ว ?
“ หยุด หยุดเลย ! แล้วทำไมถึงได้เปลี่ยนเรื่องง่ายๆอย่างนี้เล่า ตะกี้นายฟาดกะเอาตายเลยไม่ใช่หรอไงฟะ ดูดิ มีเลือดออกด้วย ! ” สเตทลุกขึ้นมาโวยวาย แสดงท่าทางไม่พอใจ ฝ่ามือสุดท้ายที่ฟาดลงมาจงใจจะฆ่าแกงกันชัดๆ หลังจากโวยวายสเตทก็เริ่มบ่น พร้อมชี้ไปที่คราบเลือดบนหัวของตน
‘ สีเลือดของเจ้าเหมาะกับสีผมดีแล้วนี่...ไม่สิ ’ โจรหนุ่มเกือบจะหลุดปากตอบกลับไป แต่ไม่ดีกว่า
“ โทษที ตะกี้มือลื่นหนะ ” มูเก็นที่ยืนหันหลังให้อยู่ตอบกลับเรียบๆ
“ มือลื่น? เหตุผลดีมากเลย ถ้ามือลั่นก็ว่าไปอย่าง นายกะฆ่าฉัน ไม่ใช่หรอ ตะกี้นี้ นายกะจะฆ่าฉันชัด ๆ นั่นมันถึงตายเลยนะเว้ย ถึงตายเลย...น... ! ” สเตทบ่น แล้วเสียงพูดเจ๊าแจ๊ะก็เงียบลงเหมือนเป่าสากเมื่อมูเก็นหันหลังกลับมามองหน้าสเตท อัศวินผมแดงขนลุกซู่ เสียวสันหลังวาบ สเตทกล้ายืนยันเลยทีเดียวว่าอะไรก็ตามซึ่งปรากฏบนใบหน้าที่เขาเห็นทำเขาเสียขวัญจนน่าทำให้เด็กที่ร้องไห้อยู่หยุดร้องได้
‘ มันจะเรียกว่าอะไรดีนะ ความอาฆาต ? รังสีอำมหิต ? หรือนัยน์ตาหยาดเยิ้ม เอ๊ะ อันหลังชักดูไม่เข้าท่าแฮะ แต่ยังไงก็ช่างเถอะ จริงๆ ฉันยังมีอนาคตนะ ใช่ มีอนาคต... บ้างครั้งเงียบๆมั่งก็ไม่เป็นไรหรอกนะ ฮะๆๆๆ ‘ สเตทคิด คงไม่ต้องบอกต่อว่าความกลัวที่ฝังเข้ามาในจิตใจเขามีมากขนาดไหน และอาจจะไม่ใช่แค่ความกลัวหรอกที่สเตทอาจจะได้รับ บางทีถ้าเขายังดันทุรังพูดต่อ ปัจจุบันของเขาอาจจะจบลงตรงนี้โดยไม่มีคำว่าอนาคตเหลืออยู่เลยก็ได้...
“ ไป... ออกเดินทางกัน... นำเลย... ” มูเก็นพูดต่อ จริงๆมันก็น่าจะเป็นคำชวนออกผจญภัยที่ดีทีเดียว ถ้าไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ และแผ่วเบาจนแทบจะเหมือนเสียงกระซิบของภูตผีปีศาจแบบนี้ ซึ่งแน่นอน...ไม่ว่ามันจะเป็นคำสั่งที่ห้ามขัดขืน คำเตือนสุดท้ายก่อนตาย หรือคำเชิญชวนอย่างเป็นมิตรของเพื่อนสนิทก็ตาม สเตท(จึงต้อง)ตอบตกลงทันที
“ โอเค ลุยเลย เย้... ”
...
..
.
ที่ตลาดใจกลางเมือง...
เสียงผู้คนเอะอะโวยวาย...
( สเตท : หยุด หยุด หยุด สะ-ต็อบ สะต็อบบบบ ! มันจะมีใครเอะอะโวยวายได้ไงแว๊ะ ถามจริง! แหกตาดูหน่อยดิ้ นี่มันหมู่บ้านเริ่มต้นของผู้กล้ามีแต่ NPC พ่อค้าขายของ มีลูกค้าที่ไหนเล่า โว้ นั่นมันเสียงbgm ประกอบต่างหากเล่า ! )
( คนเขียนบท : *ล้มโต๊ะ... ปึงงง ! บ่นจัง ! บ่นจังเว้ยเห้ย เป็นแค่ตัวละครแท้ๆ เก่งนัก มาๆ มาเขียนบทเองเลย หรืออยากโดนลดบทไปเป็นตัวประกอบมั้ย จัดให้ได้นะ ! )
( สเตท : เอ่อ...เพ่ครับ ผมล้อเล่น โกรธอะไรไปได้~ค่อยๆพูด ใจเย็นๆก่อนน้า~ )
“ สเตท นี่เจ้าจะมาแวะตลาดก่อนเพราะเหตุใด ฤา ? ” มูเก็นเอ่ยปากถามขึ้นมาเมื่อเห็นสเตทรีบเดินนำหน้าดุ่มๆ ไปที่ตลาดกลางเมือง เขาพูดสำเนียงเหมือนคนโบราณเป๊ะๆ นั่นก็เป็นอีกเอกลักษณ์หนึ่งของตัวละครในโลกแฟนตาซียุคโบราณที่ดี แต่ช่างเถอะมันไม่สำคัญหรอก เป็นแค่ตัวประกอบก็ทำได้แค่นี้แหละ สเตทคิดเยาะเย้ยอยู่ในใจ
แม้ว่าจะมีกลุ่มคนต่างถิ่นหัวทองเดินไปเดินมาในเมืองบ้าง แต่ยังไงมันก็ยังดูไร้ผู้คนอยู่ดี เพราะมันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นการผจญภัยของผู้กล้านั่นเอง และที่น่าสงสัยมากกว่านั้นคือว่าราชาที่ไหนกันช่างสรรหาทำเลมาสร้างปราสาทในหมู่บ้านที่โคตรจะหลังเขาแบบนี้ และอีกอย่างคือไปเอาเงินมาจากไหนมากมายมาสร้างปราสาทซะหรูหราใหญ่โต จริงๆ ถ้าอยู่ได้มาเป็นพันๆไป เมืองก็น่าจะใหญ่ขนาดเป็นเมืองหลวงด้วยซ้ำ หรือเมืองมันไม่เจริญเองนะ ?
แต่พูดถึงพวกแปลกหน้าคนหัวทองๆ ที่เดินไปเดินมาให้ขวักไขว่นี่แล้ว ทุกคนต่างใส่ชุดเกราะของอัศวินกันหมด มันน่าสงสัย... น่าสงสัยจริงๆ มูเก็นคิด แต่แล้วเขาก็พบว่ามีสิ่งที่น่าสงสัยมากกว่าเดิมอีกจนต้องเอ่ยปากถามออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ เจ้าซื้อกระป๋องสเปรย์นั่นมาเพราะเหตุใด ”
สเตทซื้อของเสร็จแล้วหันกลับมาพร้อมกับสเปรย์สีทองในมือ อัศวินผมแดงยิ้มแป้น เหมือนกับว่าพึ่งได้ของดีบางอย่างมา แน่นอนบนรอยยิ้มใสซื่อที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าอัศวินหนุ่มตรงหน้ามูเก็นนี้ ยิ่งดูบริสุทธิ์เท่าไหร่ หมายความว่ามันยิ่งน่าสะพรึงกลัวมากกว่านั้นหลายเท่าเลยทีเดียว แค่มูเก็นเห็นก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบแล้ว พนันได้เลยว่าร้อยทั้งร้อยสเตทต้องมีแผนการณ์ชั่วร้ายอยู่แน่ๆ
“ นายคิดมากไปเองน่า ”ฟู่ ~ ~!
สเตทตอบกลับเหมือนรู้ใจผู้ถาม จากนั้นจึงยกสเปรย์ขึ้นมาฉีดผมตัวเองจนทั้งหัวกลายเป็นสีทอง อัศวินหัวย้อมทองหัวเราะหึๆอยู่คนเดียวไปพักหนึ่งก่อนที่จะเริ่มถามโจรหนุ่มผมสีน้ำเงิน พร้อมยกกระป๋องสเปรย์เล็งไปใส่ผมสีน้ำเงินที่พาดอยู่บนไหล่ของคู่สนทนา
“ เอาป่าว ” สเตทจ้องผมมูเก็นตาไม่กะพริบ เหมือนมีความแค้นกับความเงางามเป็นประกายของผมสีน้ำเงินนั่นมาช้านาน
‘ เจ้าเพื่อนสนิทที่น่าหมั่นไส้นี้มันต้องดูแลผิวพรรณและสุขภาพผมเป็นอย่างดีแน่ หรืออาจจะเกิดมาโชคดีจนเหล่าสาวงามยังต้องอิจฉา แต่ก็ช่างมันเถอะ ด้วยสเปรย์กระป๋องนี้นี่แหละ ด้วยสเปรย์เกรดต่ำ ราคาถูกยี่ห้อนี้นี่แหละ *พึมพำๆ... ‘
มูเก็นถอยหลังครืดเมื่อเห็นเจตนาชั่วร้าย เขายกมาขึ้นมาขู่เตรียมจะสับกระหม่อมสเตทเต็มที่ ความคิดชั่วร้ายของเจ้านี่มันดังเกินจนหลุดออกมาทางปากแล้ว
“ อย่าคิดมากน่าๆ แค่ล้อเล่น ฮี่ๆ ” สเตทปฏิเสธหน้าด้านๆ
มูเก็นทำหน้าเจือน การันตีได้เลยว่าเมื่อกี้มันไม่ใช่การล้อเล่น ถ้าเขาเผลอเจ้าอัศวินผมแดงคนนี้ต้องเล่นงานเขาแน่ แต่ทุกอย่างก็ลงเอยด้วยดี เพราะมูเก็นคุมสถานการณ์ไว้ด้วยการใช้กำลังเล็กๆน้อยๆ ...อีกครั้ง
“ อื้อ...เจ็บ ” สเตทเดินกุมหัว ครวญครางไปตามทาง ของแถมจากสันมือพิฆาตกระหม่อมปูดขึ้นมาซ้อนกันสองสามก้อนเลยทีเดียว
และเมื่อเดินไปเรื่อยๆ ทางที่สเตทเดินนำมูเก็นไปกลับเป็นทางไปหลังปราสาท
...แล้วไปหลังปราสาททำไม ??
“ ใช่มะ นายจะถามคำถามนี้ใช่มั้ยหละ ~ ” อัศวินหนุ่มพูดดักคออย่างกวนประสาทก่อนที่โจรผมน้ำเงินจะได้อ้าปากพูดอะไรออกมา พร้อมชี้นิ้วไปทางประตูเข้าสู่ทางระบายน้ำใต้ดิน กรงเหล็กแน่นหนากับแม่กุญแจอันใหญ่และโซ่คล้องอันเบ้อเร้อนั่นมันมีอะไรอยู่รึเปล่า ? มูเก็นทำหน้าฉงน
“ ฟังให้ดีนะ นี่เป็นภารกิจลับจากพระราชาแหละ ” สเตทกระซิบพร้อมทำหน้าจริงจัง จนมูเก็นคล้อยตามและไม่ได้สังเกตเลยว่าตนเองนั้นกำลังจะถูกหลอกใช้ จริงๆก็ไม่ได้เชิงว่าคล้อยตามหรอก แค่ได้ยินคำว่า ภารกิจจากพระราชา ก็ปั่นหัวมูเก็นที่อยากเป็นผู้กล้าได้ง่ายๆ แล้ว
( สเตท : ช่างเป็นโจรที่หลอกง่ายจริงๆ )
“ เอานี่ ” สเตทยื่นระเบิดเวลาให้มูเก็น โจรผมน้ำเงินรับวัตถุที่ไม่รู้จักไปดูอย่างว่าง่าย เขาไม่เคยพบเจอสิ่งของรูปทรงแปลกประหลาดแบบนี้มาก่อน แถมรอบกระบอกดินระเบิดสีแดงมีรอยหมึกเข้มๆ เขียนว่า ‘C-4’ ให้สงสัยเล่น และมีหน้าปัดกระจกซึ่งมีเข็มนาฬิกากำลังเดินอยู่ และที่สำคัญมีปุ่มให้กดอีกด้วย
ติ๊กๆๆๆๆๆ... เสียงลานนาฬิกาเดิน สำหรับมูเก็นมันแปลกใหม่แล้วก็ไพเราะดี จึงก้มหัวลงไปแนบหูฟังใกล้ๆ สเตทแทบจะพุ่งตัวหลบไปอีกทิศเมื่อเห็นว่ามูเก็นเกือบแตะโดนปุ่มสีแดงเข้า
“ แล้วสิ่งนี้เอาไปใช้ทำอะไรรึ ? ” โจรผมน้ำเงินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ ใจเย็นๆ ฟังให้จบก่อนสิ ” เมื่อเห็นว่าทุกอย่างยังปกติดีอยู่ สเตทที่กำลังทำท่าพุ่งตัวรีบกลับมายืนเต๊ะท่าอีกครั้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็ดุมูเก็นพร้อมทำท่าให้มูเก็นวางสิ่งของแปลกใหม่ของในมือลง ใช่... มันอันตรายมากเลยทีเดียวเชียว และที่บอกว่าใจเย็น สเตทกำลังปลอบขวัญตัวเองต่างหาก
“ อืม งั้นว่ามาเลย ” มูเก็นตามน้ำไปอย่างว่าง่าย โจรหนุ่มหยิบระเบิดขึ้นมาดูเล่นอีกครั้ง และไม่ทันได้สังเกตเหงื่อที่ท่วมตัวของอัศวินเพื่อนสนิทเลยแม้แต่น้อย
“ ให้นายเดินตามแผนที่นี่ไปนะ พอเจอแท่นหินก็เอา’ไอ้นั่น’ไปวางตรงที่มีหินเยอะๆ ” สเตทรีบดึงความสนใจของมูเก็นกลับมา เขาพูดพร้อมหยิบกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่ง ในกระดาษมีภาพเส้นทางภายในถูกวาดไว้อย่างละเอียดยิบ ราวกับคนออกแบบปราสาทหลังนี้เขียนให้เองกับมือ ไม่สิ ไม่ใช่แค่นั้น เพราะในแผนที่มีการลงสีทางเดิน และคำอธิบายต่างๆไปจนถึงจุดหมายไว้ด้วย ยังไงก็ไม่มีทางหลงทางแน่นอน แต่มูเก็นก็ไม่ได้สงสัยเลยว่าทำไมเจ้าอัศวินผมแดงนี่ถึงมีของแบบนี้ เพราะฉะนั้นความคิดอย่างเช่น
แผนที่? ประตูแน่นหนาแบบนั้นทำไมสเตทมีแผนที่ เหมือนรู้เส้นทางภายในได้ล่ะ
จึงไม่มีทางเกิดขึ้นเลย !
อ่อ แล้ว’ไอ้นั่น’ ที่ว่าคืออะไรน่ะหรอ ? ก็ระเบิดที่มูเก็นถืออยู่ยังไงล่ะ ถึงเจ้าตัวจะยังไม่เข้าใจก็ตามเถอะว่าจะทำตามสเตทบอกไปเพื่ออะไร และสิ่งที่ถืออยู่คืออะไร แต่เขาก็ไม่ทันได้ฉุกคิดอยู่ดี
“ แค่นั้นหรอ ” มูเก็นพยักหน้าพร้อมถามต่อ เขาพิจารณาเส้นทางในแผนที่อย่างรอบคอบ ทุกอย่างรัดกุมและแม่นยำมาก มีอัตราส่วนระบุไว้ชัดเจน เดินไปกี่เมตร ทางเลี้ยวกี่ครั้ง เจออะไร มีบันไดตรงไหน ทิศไหนห้ามเดิน รังหนูรังนี้มีสมาชิกกี่ตัว หินตรงนั้นมีกี่ก้อน กำแพงมีรอยร้าวเหมือนรูปอะไร แทบจะกำหนดไว้เลยด้วยซ้ำว่าต้องก้าวเท้าไปกี่ก้าว
‘ นี่มันจะละเอียดเกินไปมั้ย ? ’
“ ก็น่าจะประมาณนั้นแหละ อ่อ ใช่ถ้านายได้ยินเสียงเคาะสามครั้งก็กดปุ่มสีแดงตรงนั้นเลย ” สเตทชี้ไปที่ปุ่มสีแดงใกล้ๆกับหน้าปัดนาฬิกา นั่นแหละ ที่จุดชนวนระเบิด สำหรับกรณีที่ต้องการให้มันระเบิดก่อนกำหนดน่ะนะ
“ สามครั้งนะ ” มูเก็นทวน ทำท่าจริงจัง เหมือนกับว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงภารกิจนี้ยังไงก็ต้องทำให้สำเร็จให้ได้
“ อื้อ สามครั้งก่อนนะ ” สเตทพยักหน้าหงึกๆ ในใจเขาดีใจแทบจะกระโดดโหยงแล้วที่มูเก็นหลอกง่ายขนาดนี้ แล้วก็โล่งใจมากเสียด้วยที่ปุ่มสีแดงนี่จะไม่ถูกกดเล่นซะก่อน
‘ ตอนนี้ทุกอย่างก็พร้อมแล้ว เวลาพร้อม แผนสำรองกรณีที่ต้องระเบิดก่อนกำหนดพร้อม ฟิ้ว~ค่อยยังชั่ว ’ สเตทยิ้ม
“ โอ... เข้าใจล่ะ ” โจรหนุ่มรับคำ
“ งั้นลุยเลย ” สเตทสั่ง มูเก็นปฏิบัติงานทันที แต่ก็ต้องพบว่าประตูทางเข้าที่ถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนานี่แทบไม่มีทางบุกรุกเข้าไปได้เลย เหล็กชั้นดีที่เอามาทำโซ่หนาและลูกกรงซี่ใหญ่ ไม่มีแม้กระทั่งร่องรอยบุบสลายหรือคราบสนิมเกาะเลยด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม่กุญแจชั้นดีที่ไม่สามารถสะเดาะได้ด้วยชุดกุยแจผี มูเก็นพยายามไขแล้วไขอีก ยังไงก็ไม่ยอมเปิด นี่มันประตูปิดตายชัดๆ ถ้าไม่มีลูกกุญแจตัวจริงยังไงก็เปิดไม่ออกหรอก !
5 นาทีผ่านไป... 10 นาทีผ่านไป... 20 นาทีผ่านไป... ไม่มีความคืบหน้า โจรผมน้ำเงินเหงื่อตก
“ เราสะเดาะกลอนพวกนี้ไม่ออก ” มูเก็นทำหน้าเครียด ถึงจะเป็นอาชีพโจรก็เถอะ แต่แบบนี้ก็ไม่ไหวนะ มันยากเกินไป
“ ว้า แย่จัง ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันทำให้ละกัน ” สเตทแย่งอุปกรณ์ในมือมูเก็นมาใช้ พริบตาเดียวเท่านั้นแหละ สเตทก็แสดงทักษะอันคล่องแคล่วว่องไว รวดเร็วและชำนาญชนิดที่ว่าจอมโจรบางคนก็ยังทำไม่ได้
1 วินาทีผ่านไป...10วินาทีผ่านไป... 45 วินาที โซ่คล้องและแม่กุญแจทั้งหมดก็ร่วงลงมาอยู่บนพื้นเสียแล้ว
แกร๊ก ครึกๆๆๆ ครืด ประตูทางเข้าท่อน้ำใต้ประสาทถูกเปิดออกแล้ว ออกอย่างง่ายดายซะด้วย
“ เสร็จเรียบร้อย ! ” สเตทค่อยๆผลักประตูกรงเหล็กให้แง้มออก โจรหนุ่มถึงกับยืนอึ้ง
“ นี่เจ้าเป็นโจรหรือเป็นอัศวินกันแน่ ”
“ อย่าคิดมากน่าๆ นายไปทำหน้าที่เถอะ ฉันก็จะไปทำธุระเหมือนกันไปก่อนนะ ! ” สเตทรีบตัดบทพร้อมวิ่งออกไปทันที
ในห้องโถงปราสาท...
อัศวินผู้กล้ามากหน้าหลายตาจากทั่วสารทิศต่างมาชุมนุมกันคับคั่ง ทุกคนต่างมีผมสีทองทั้งหมด สงสัยล่ะสิว่าทำไมต้องผมทอง ! มันมาจากคำทำนายของโบราณของผู้วิเศษนั่นเอง แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าผู้วิเศษที่ไหนบอกว่าผู้กล้าที่ถูกเลือกจะสามารถดึงดาบศักดิ์สิทธิ์อายุกว่าพันปีที่ปักอยู่บนแท่นหินกลางห้องโถงไปใช้ปราบจอมมารจะต้องมีผมสีทอง ! และก็ไม่รู้หรอกว่าทำไม ก็เค้าว่าคำทำนายมาแบบนั้น และก็มีคนเชื่อมาแบบนั้นจนถึงวันนี้ และแน่นอนหนึ่งในอัศวินผู้มาคัดเลือกในวันนี้นั้นคือสเตท อัศวินผู้มีสีผมและสีหนังศีรษะย้อมไปด้วยสีทอง เขาเดินอาดๆ ยืดอกเข้ามาในห้องโถงอย่างไม่เกรงกลัวสายตาคู่ใดที่จับจ้องมาอย่างตกตะลึง บนศีรษะยังมีผมสีแดงที่ย้อมไม่หมดปรากฏให้เห็นเป็นหย่อมๆอยู่เลยด้วยซ้ำ ! เสียงฝีเท้าของสเตทเดินเข้ามาในห้องโถง สยบลงแทบทุกเสียง แม้กระทั่งราชาที่กำลังตรัสเกริ่นเรื่องเยิ่นเย้ออยู่ถึงกับอึ้งกิมกี่ไปด้วย ทุกคนอ้าปากค้างมองไปที่อัศวินหนุ่มผู้เดินเข้ามาสมัครเป็นผู้คัดเลือกคนสุดท้ายเป็นตาเดียว หลายคนกำลังจะอ้าปากพูด แต่ไม่ว่าจะเป็นคำถามหรือคำพูดใดๆที่กำลังจะมีคนพูดขึ้นมา ก็ถูกสยบลงอีกครั้งด้วยสิ่งที่สเตทชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ หัวฉันมีผมสีทองมั้ยล่ะ ! ”
“ ... ”
ตัดฉากไปที่การคัดเลือกเลยดีกว่า...
มิวสิค เริ่มได้! เสียงเพลงประกอบให้อารมณ์ยิ่งใหญ่อลังการเริ่มบรรเลงขึ้น ผู้กล้าคนแรกเดินเข้ามายืนบนแท่นหินที่มีด้ามดาบปักอยู่กลางห้องโถง
ตึก... ตึก... ตึก... เสียงบูทเหล็กกระทบพื้นเป็นจังหวะการก้าวอย่างสง่าผ่าเผย ท่ามกลางความเงียบของฝูงชนผมทองที่ยืนอยู่รายล้อม อัศวินหนุ่มรูปหล่อ ในชุดเกราะหนักชั้นดีสีเงินเงางามราวกับกระจก หันหน้ามองไปทางสเตทราวกับกำลังเย้ยหยั่นตัวตลกที่มีเพียงเกราะลำตัวชั้นเลวเท่านั้นที่บอกว่าตัวเองเป็นอัศวิน ชายหนุ่มสะบัดผ้าคลุมสีแดงของตน โบกสะบัดตราสัญลักษณ์ประทับรูปดาบไขว้สีทมิฬที่สลักอยู่กลางเนื้อผ้ากกำมะหยี่สีแดงสดให้ปลิวไสว ค่อยๆชี้นิ้วของตนที่ถูกหุ้มด้วยเกราะสีเงินไปทางสเตทอย่างดูหมิ่นดูแคลน
“ จงเบิกตาของเจ้าดูให้ดี เจ้าตัวตลก! ข้า... อัศวินลำดับที่ 1 แห่งราชวงศ์... คนนี้นี่แหละคือผู้กล้าที่แท้จริง ! ”
คมดาบที่รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ จิตใจที่แข็งแกร่งดุจหินผา ความกล้าหาญเก่งกาจอันไร้เทียมทานที่ตั้งมั่นอยู่บนศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่ของอัศวินผู้เลื่องชื่อ อัศวินหนุ่มผู้นี้ฆ่ามังกรยักษ์มาแล้วไม่ต่ำกว่ายี่สิบตัวเพียงลำพัง เขาเป็นอัศวินผู้เลื่องชื่อที่อุทิศตนให้กับศักดิ์ศรีและคำปฏิญาณในฐานะอัศวิน และที่สำคัญเก่งสุดๆ ไม่เคยแพ้ใคร นี่มัน !? ผู้กล้าชัดๆ !
สเตทนิ่งเงียบ เขาตกใจจนไม่ได้ฟังชื่ออัศวินที่กำลังเรียกเขาว่าตัวตลก แต่ก็ไม่ต่างกับกิริยาของอัศวินคนอื่นๆ ที่บางคนถึงร้อง ‘โอโห้’ ออกมา แต่กลับไม่ใช่เพราะจากสาเหตุเดียวกัน ! สเตทกำลังคิดอยู่ว่าทำไม อัศวินคนนี้ถึงใส่ชุดเกราะหนักป้องกันตัวได้ทั่วทั้งร่าง แต่กลับไม่ใส่หมวกเหล็กที่กันส่วนศีรษะด้วยต่างหาก หรือว่าไม่มีเงินซื้อ หมอนี้มันจ้องจะเอาดาบเล่มนี้ไปขายหาเงินแน่ๆ ! สเตทคิด
อัศวินหนุ่มค่อยๆ ใช้มือทั้งสองจับด้ามดาบ
บรรยากาศตื่นเต้นกดดันเกิดขึ้น อัศวินคนอื่นๆบางคนถึงกับหมดหวัง บางคนถึงกับถอดใจ เมื่อเห็นเพียงแค่ท่าเตรียมดึงดาบออกจากแท่นหินอันสง่างามของอัศวินผู้นี้ เสียงพูดคุยเงียบลง ทุกคนต่างลุ้นระทึกจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น
...ยกเว้นเพียงคนเดียว นั่นคือสเตทที่กำลังแคะหูอยู่
“ ทำไมมันเงียบๆฟะ ระบบเสียงไม่ดีหรอ หรือหูตูไม่ดีแล้วฟะเนี่ย ” พระเอกของเรื่องกล่าวขึ้นมาเบาๆ
ทันใดนั้นเอง
“ ฮึ้ดดดด...!!! “
ผู้เข้าคัดเลือกคนแรกก็ก้มลงไปแล้วออกแรงดึงดาบ แต่ทว่า...
ไม่ออก...!!
ดึงไม่ออก ?
ด้ามดาบที่พันด้วยผ้าไหมยังคงหยุดนิ่งไม่ไหวติง ดาบศักดิ์สิทธิ์ในตำนานที่ปักอยู่บนแท่นหินนั้นไม่เคลื่อนไหวราวกับมีเรี่ยวแรงมหาศาลกดมันไว้บนแท่นหิน ! อัศวินรูปหล่อรู้สึกได้ทันทีเลยว่ามีอะไรบางอย่างออกแรงดึงดาบศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้าอยู่ มันไม่ยอมให้เขาดึงดาบขึ้นมา อัศวินหนุ่มถึงกับหน้าถอดสี ดาบศักดิ์สิทธิ์ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ความพยายามสุดแรงเกิดไม่เป็นผล ด้ามดาบยังคงหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ปรากฏให้เห็นแม้กระทั่งเศษเสี้ยวของใบดาบ
ทำไมกัน ทำไมคนที่เหมาะสมจะเป็นผู้กล้าอย่างข้าถึงดึงดาบเล่มนี้ออกมาไม่ได้ !
หรือว่าสวรรค์จะทอดทิ้งมวลมนุษย์แล้วจริงๆ อัศวินอย่างข้ามีคุณสมบัติไม่พออย่างนั้นรึ พระเจ้า !
“ ทำไมกัน ทำไมถึงดึงดาบไม่ออก ! ” อัศวินทรุดตัวลงไปกับพื้น ราวกับเป็นผู้พ่ายแพ้ให้แก่โชคชะตา อัศวินคนอื่นบางคนถึงกับหมดกำลังใจและรู้สึกสลดหดหู่ตามไปด้วย ขนาดอัศวินที่มีความเหมาะสมเพียบพร้อมยังไม่สามารถทำให้ดาบเล่มนี้ไหวติงได้ หรือว่าผู้กล้าที่แท้จริง...ผู้กล้าที่ถูกเลือกจะเป็นสเตทจริงๆ ?
‘ไม่... ไม่ใช่แบบนั้นหรอก’ สเตทยิ้มกริ่ม
ที่ด้านล่างใต้แท่นหิน...
โจรผมน้ำเงินคลานไปสำรวจรอบๆ แท่นหิน ช่องทางข้างใต้นี้แคบมาก เหมือนกับอยู่ใต้ห้องอะไรสักอย่างกว้างๆ ไม่ได้รู้เลยว่าแท่นหินตรงนี้คือใจกลางแท่นหินที่ดาบในตำนานปักอยู่กลางห้องโถง มูเก็นเริ่มเอะใจแล้วว่าสเตทกำลังหลอกใช้เขาทำอะไรบางอย่าง แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นหินแม่เหล็กก้อนใหญ่นี่วางติดหนึบอยู่กับแท่นหินนี่มันเกะกะจริงๆ ใครมันช่างขนมาวางนะ ! ช่างมีความพยายามจริงๆ แล้วเอาหินแม่เหล็กก้อนใหญ่แบบนี้มาวางรอบๆแท่นหินนี่เพื่ออะไรกันนะ ร่องรอยหินแม่เหล็กที่ถูกขูดลากมากับพื้นยังดูใหม่อยู่เลย ว่าแล้วไม่ทันขาดคำมีดพกของเขาก็ถูกอิทธิพลจากแรงดึงดูดของหินแม่เหล็กดึงเข้าไปติด ทำให้โจรหนุ่มเสียหลักกลิ้งไปกับพื้น รู้ตัวอีกทีมีดพกอันเล็กก็ไปติดหนึบอยู่ที่หินแม่เหล็กแล้ว โดนดึงไปทั้งฝัก
“ *เฮือก... ” มูเก็นกลืนน้ำลาย เขานึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ ว่าถ้าใส่เกราะเหล็กเข้ามาในนี้จะเป็นยังไง
( สเตท : เพื่ออะไรน่ะหรอ ? )
( สเตท : เพื่อให้ดาบที่ปักอยู่ในแท่นหินไม่มีใครดึงออกยังไงล่ะ ยังไงซะตัวดาบก็เป็นโลหะนี่นา )
( สเตท : ฉันนี่ช่างเป็นพระเอกที่ฉลาดและมีพรสวรรค์จริงๆ แบบนี้ได้รับรางวัลพระเอกยอดเยี่ยมแน่นอน )
ที่ห้องโถงด้านบน...
อัศวินคนแล้วคนเล่าผลัดกันมาดังดาบบนแท่นหิน แต่ก็ไม่มีใครสามารถดึงมันออกจากแท่นหินได้ ถึงขนาดช่วยกันดึงแล้วก็เถอะ และแล้วก็มาถึงผู้สมัครคัดเลือกเป็นผู้กล้าคนสุดท้ายที่ยังคงยืนนิ่งอยู่....
สเตท อีสท์วินด์
อัศวินผมทองย้อมคนนี้ไม่ปรากฏราศีความเป็นผู้กล้าเลยสักนิด
ความสง่า...ไม่มี ความเท่...ไม่มี ความเก่ง...ไม่มี พลังเวทย์...ไม่มี ความสามารถพิเศษ...ไม่มี ความหล่อแบบที่พระเอกควรจะมีกัน...ไม่มี ชุดเกราะชั้นดี...ไม่มี คุณสมบัติของผู้กล้า...ไม่มี ศักดิ์ศรี...ไม่มี และฐานะ...ไม่ดีด้วย
แต่มีอยู่อย่าง !... “ แผนการณ์ที่ได้ถูกเตรียมไว้แล้วเป็นอย่างดี ”
สเตทเดินขึ้นไปยืนบนแท่น ท่ามกลางสายตาทั้งหมดที่จับจ้องมาทางเข้าอีกครั้ง พร้อมกับความคิดเดียวกัน
หมอนี่ยังไงก็ไม่มีทางเป็นผู้กล้าที่ถูกเลือกหรอก !
“ ได้เวลาแล้วสินะ... ” สเตทรำพึง ทันใดนั้นเขาก็ใช้เพียงนิ้วชี้กับนิ้วนางช้อนด้ามดาบแล้วคีบไว้เหมือนกำลังถือแก้วบรั่นดี จากนั้นชายหนุ่มก็ตะโกนก้อง
“ จงดูฉากเปิดตัวของฉันซะ สเตท อีสท์วินด์ มาแล้ว ! วะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่าๆๆๆ ”
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดๆๆๆๆ
ที่ด้านล่างเสียงร้องถี่ๆ ดังมาจากระเบิดที่มูเก็นเอาไปวางไว้บริเวณใต้แท่นหิน โจรผมน้ำเงินจึงคลานไปดูใกล้ๆ
“ ทำไมถึงรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะชั่วร้ายของเจ้าสเตทนะ ? ” มูเก็นบ่น ทันใดนั้น...
บึ้มมมม !!
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เอฟเฟคตระการตา เต็มไปด้วยเศษซากของพื้นห้องโถงที่กระเด็นไปมา พร้อมกับฝุ่นควันที่ฟุ้งเต็มห้องโถงไปหมด ถัดลงมาจากด้ามดาบที่ถูกผ้าพันไว้ แสงจากใบดาบสีทองเปล่งประกายสีทองเจิดจรัสอยู่กลางห้องโถง มันคือดาบในตำนานอายุกว่าพันปีที่ครั้งหนึ่งถูกใช้ผนึกจอมมารในอดีตกาลได้สำเร็จ ! บัดนี้มันปรากฏรัศมีสีทองของมันขึ้นมาอีกครั้งแล้ว ในมือของอัศวินหนุ่มผมทอง(ย้อม)
ผู้กล้าคนใหม่ถือกำเนิดแล้ว !!!
ตืดตือดื๊อตือดือตื้ดตือดื้ดดดด
***ผู้กล้าเลเวล 1 ได้รับ ดาบศักดิ์สิทธิ์***
ชะตากรรมของโลกใบนี้จะเป็นอย่างต่อไป จากนั้นผู้กล้าจะทำอะไรต่อ ? โปรดติดตามตอนต่อไป !
ความคิดเห็น