ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวม Short Fanfiction Katekyo Hitman Reborn [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #7 : ที่มาของความแตกต่าง (S27)

    • อัปเดตล่าสุด 5 ส.ค. 52


    /> />

     

      ฉันรู้แล้วล่ะว่า....ทำไมนายถึงได้กลายเป็นเอกนภาของวองโกเล่ 

     

     

     

     

    สึนะนั่งตัวเกร็งอยู่ในรถลีมูซีนคันหรู   บรรยากาศโดยรอบไม่ได้กดดัน  ไม่มีสายตากินเลือดกินเนื้อของใครที่จ้องมองมา  แต่มันคือไอ้นั่นต่างหาก.....ไอ้เอกสารซองสีน้ำตาลเข้มปริศนาที่ส่งตรงมาจากบอสของวาเรีย  ส่งตรงมาจากแซนซัส  พี่ชายในนามของเขา

     

    ข้อความภายในระบุง่าย ๆ สั้น ๆ

     

    แกต้องมาเป็นบอสของวาเรียชั่วคราวจนกว่าฉันจะหายเป็นปกติ!’

     

    แม่เจ้าเหวย....ไอ้นี่แหละที่เป็นตัวปัญหาซึ่งทำให้เขานั่งเกร็งอยู่แบบนี้  เรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อการประชุมครั้งที่ผ่านมา  ที่ได้รับอนุญาตให้แต่ผู้มีตำแหน่งระดับสูงเท่านั้น  ทางวองโกเล่เลยมีเพียงเขาที่เป็นบอสใหญ่  และแซนซัสที่เป็นบอสของวาเรีย

     

    แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้  เมื่อมีการหักหลังภายใน  เกิดการต่อสู้จนบาดเจ็บล้มตายไปตาม ๆ กัน  และตอนนั้นเขาก็ได้รับการช่วยชีวิตโดยแซนซัสที่แอบลักลอบนำอาวุธเข้ามาทั้ง ๆ ที่โดนตรวจตราอย่างหนักแท้ ๆ

     

    อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ  ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ชั่วคราว  จริง ๆ กับอีแค่โดนยิงนี่มันคงไม่ได้ทำให้ถึงขนาดนั่งโต๊ะคอยตรวจตรางานไม่ได้หรอก  มันต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังแน่ ๆ

     

    ส่วนไอ้ตัวที่คาดว่าจะอยู่เบื้องหลัง  ก็ยุยงส่งเสริมตามระเบียบ  ไม่น่าล่ะปล่อยมาง่ายนัก  ที่สำคัญ....ใครจะไปกล้าขัดพี่ท่าน    รีบอร์นนะรีบอร์น.... 

     

    พอคิดถึงสิ่งที่ตัวเองจะเจอก็ทำเอาขนลุกเกรียว  ยังจำได้ดีเลย....ความน่ากลัวของพวกนั้นตอนเมื่อศึกชิงแหวน  สาธุ....ขอให้รอดปลอดภัยอยู่จนครบกำหนดทีเถอะ

     

    ทันทีที่รถยนต์จอดนิ่งสนิท  สึนะก็เริ่มปลงกับชะตากรรมของตัวเอง  เขารู้สึกกลืนน้ำลายยากเย็นเสียเหลือเกิน  ยิ่งพอก้าวลงจากรถและเห็นบรรยากาศภายนอกแล้ว  มันยิ่งชวนหวาดหวั่นหนักเข้าไปอีก

     

    บอสหนุ่มจำไม่ได้ว่าตนเคยมาที่คฤหาสน์วาเรียบ้างไหม  แต่เท่าที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าตอนนี้  กิริยาอาการที่เปิดเผยออกมาของเขาในตอนนี้  จะเรียกได้ว่า บ้านนอกเข้ากรุง  ก็คงไม่แปลก 

     

    แม้จะไม่ได้ใหญ่โตเทียมเท่าคฤหาสน์วองโกเล่ก็จริง  แต่มันกลับดูมีมนตร์ขลังและความลึกลับมากกว่า  พลันให้นึกถึงปราสาทในเกมแนวสยองขวัญที่ตัวเอกจะต้องเผชิญและเข้าไปพบกับบอสใหญ่ที่อยู่สุดทาง 

     

    ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้บอสนั้นจะบาดเจ็บอยู่อ่ะนะ    เอ่อ....    สึนะพยายามจะเอ่ยอะไรออกมาสักอย่าง  เพราะดูเหมือนคนที่นี่พร้อมใจจะนิ่งเงียบกันไปหมด

     

      หลังจากนี้จะเป็นทางที่เข้าได้เฉพาะคนที่บอสอนุญาตเท่านั้น  ให้ท่านเดินไปเรื่อย ๆ จนสุดทาง  จะพบกับวาเรียท่านอื่น ๆ รออยู่      ชายผู้นำทางจากหน้าประตูเอ่ย  ก่อนจะค้อมศีรษะแล้วเดินจากไป

     

    กลืนน้ำลายรอบที่ร้อย  ดวงตาสีน้ำกลมโตมองไปตามทางเดินที่ปูด้วยพรมกำมะหยี่สีแดงสด    หวังว่าคงไม่มีตัวอะไรโผล่มานะ... 

     

    นี่มันโลกจริงนี่นาไม่ใช่เกมสักหน่อย  สึนะคิดได้ก็พลันโล่งอก  ก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วก้าวเดินต่อไปตามทางที่บอก  พอพ้นจากระยะสายตาที่เขามองอยู่เมื่อครู่  ก็เลี้ยวเข้าสู่อีกเส้นทางหนึ่ง 

     

      นะ.....นี่มัน    นี่มันเขาวงกตหรือไงกันเนี่ย!!

     

    เบื้องหน้าเขาคือทางแยกมากมายที่จะนำไปสู่ห้องต่าง ๆ ภายในบริเวณ  สึนะเดินไปถึงทางแยกแรก  มองดูทางจนสุด  ด้วยสัญชาตญาณของเขา  เขามั่นใจว่ามันต้องมีทางไปต่อชัวร์ ๆ  ถ้าไม่ใช่ทางวงกต  ก็คงต้องเป็นทางวนที่สามารถทะลุถึงกันได้หมด

     

      เขาบอกให้ตรงไปเรื่อย ๆ.....เอาไงดีล่ะเนี่ย.... 

     

    สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมเดินตรงไปเรื่อย ๆ แล้วสุดทางมีประตูอยู่จริงตามที่บอก    ห้องนี้งั้นเหรอ... 

     

    ในขณะที่สึนะกำลังเอื้อมมือไปเพื่อจะเปิดประตูนั่นเอง  มือของเขาก็ถูกหยุดไว้ด้วยมือใครสักคน  บอสหนุ่มหันขวับมอง  รอยยิ้มกว้าง....อวัยวะบนใบหน้าส่วนเดียวที่ปรากฏออกมาให้เห็น  นักฆ่านามเบลฟากอน

     

      คุณเบล!! 

     

      สึนะจะเปิดห้องนี้ไม่ได้เด็ดขาดเลยน้า  ห้องนี้เป็นห้องที่บอสหวงมาก  ขืนเปิดไปละก็....   

     

    คนฟังรีบชักมือกลับทันที    ขะ...ขอโทษครับ  พอดีผมหลงน่ะ 

     

      จะไปห้องบอสสินะ  ตามเจ้าชายมาสิ    ร่างสูงกว่าในชุดหนังสีดำสนิทเดินนำหน้าไปอีกทาง  สึนะรู้สึกโล่งใจจริง ๆ ที่มีคนมาพบ  ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต้องอยู่ทำงานหัวโตแทนที่จะได้กลับไปอย่างครบสามสิบสองโดยเร็วเป็นแน่

     

    บานประตูไม้สลักลวดลายวิจิตรค่อย ๆ เปิดอ้าออกช้า ๆ  ดวงตาสีน้ำตาลพยายามมองลอดช่องว่างที่เหลือจากการบดบังของเบลเข้าไปด้านใน  อย่างน้อยเขาก็ควรรู้ว่าจะมีใครบ้างที่เขากำลังไปพบ  อ่า....เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนถูกเชือดว่างั้นล่ะ...

     

    สายตาคู่อื่นดูจะจ้องมาทางเขาอย่างค่อนข้างเป็นมิตร  จะผิดก็แต่นัยน์ตาสีเทาคู่สวยของชายหนุ่มผมยาวนั่นเท่านั้น  สควอโล่ดูจะไม่พอใจเขาที่ทำให้บอสตนเองเจ็บตัวมากทีเดียว      มาช้านะไอ้หนู! 

     

    สึนะสะดุ้ง    เอ่อ....พอดีผม... 

     

       เอาน่าสควอโล่....ใครมาที่นี่ใหม่ ๆ ก็หลงกันทั้งนั้นแหละ  เจ้าชายว่าอย่าไปดุสึนะเลย    คนผมสีทองออกตัวช่วยแก้ต่างให้

     

      แต่คนจะเป็นบอสมันต้องฉลาดและตรงเวลา  หากรู้ว่าจะหลงทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้!!! 

     

    ชะ..อ้าว  ไหงพูดแบบนั้น  จะมีใครบ้างไหมที่รู้ว่าตัวเองจะต้องมาเดินหาห้องเอง  แถมยังต้องมาหลงทางในคฤหาสน์  ที่สำคัญ...ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ก็ให้รถไปรับเร็ว ๆ หน่อยไม่ได้หรือไงเล่า!!

     

      ขอโทษครับผมผิดเอง  ความจริงผมรู้ว่าผมต้องรับผิดชอบเรื่องอาการบาดเจ็บของแซนซัส  แต่ผมว่าระยะเวลาแค่สั้น ๆ พวกคุณอาจจะบริหารกันเองได้ดีกว่าผมเสียอีก  ฉะนั้นผมจะไปคุยกับแซนซัสเรื่องนี้เองครับ   

     

    คำพูดของสึนะทำให้คนฟังต่างตกอยู่ในสภาวะอึ้งกันไปเล็กน้อย  ก่อนคนที่ปรับตัวได้รวดเร็วที่สุดในกลุ่มจะเป็นผู้มาไกล่เกลี่ยแทน    ไม่เป็นไรหรอกจ้า....ซือคุงน่ะเก่งจะตายไป  ที่สำคัญพวกเราก็ไม่ได้จะรู้เรื่องของบอสไปเสียหมดหรอก  ก็ดูอย่างการประชุมที่ผ่านมาสิ  พวกเราได้รับอนุญาตให้ไปด้วยที่ไหนกัน    ลุซซิเรียเอ่ย

     

      ใช่แล้วล่ะ....ที่สำคัญนะ เจ้าชายยังไม่อยากโดนบอสย่างสด    เบลเอ่ยพลางเหลือบมองไปที่สควอโล่  ส่วนมาม่อนก็ยังคงนิ่งเฉยเหมือนเดิม  ตราบใดที่มันยังคงไม่เป็นผลเสียแก่ตัวเขา

     

    สคอวโล่สะบัดหน้าหนี  ร่างสูงสมส่วนยืนกอดอกนิ่งพิงกำแพง     เออ! จะทำอะไรก็ทำไป  อย่ามาผิดพลาดแถวนี้แล้วกัน!! 

     

      อ่า....ครับ  ผมจะพยายาม    สึนะยิ้ม

     

    ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่างานของบอสวองโกเล่กับวาเรียมันจะแตกต่างกันขนาดนี้  แต่พอเอาเข้าจริง ๆ แล้ว....มันฟ้ากับนรกเลยนี่หว่า  สึนะนั่งดูแฟ้มงานทั้งหมดที่ลุซซิเรียและสควอโล่ขนมาให้   ตั้งแต่มาถึงจวบจนตอนมืด  มันทำให้เขาเห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง

     

    พวกวาเรีย....ยอมทำงานสกปรกทั้งหลายเพื่อวองโกเล่ขนาดนี้เชียวหรือ?

     

    พูดง่าย ๆ ว่าถ้าไม่มีวาเรียอยู่  วองโกเล่ก็อาจตกอยู่ในสถานะที่ถูกสั่นคลอนได้โดยง่าย  ฐานอำนาจเบื้องหลังส่วนใหญ่ก็มีพวกนี้นี่แหละที่เป็นคนคอยค้ำจุนไว้   ที่สำคัญมันทำให้เขารู้ว่า....

     

    ตัวเองไม่มีความสามารถในการบริหารของวาเรียแน่!!

     

      เฮ้อ....    สึนะถอนหายใจยาวก่อนคว่ำหน้าเลื้อยลงบนโต๊ะทำงานใหญ่

     

    เสียงเคาะประตูเบา ๆ ส่งให้คนเผยในเงยหน้ามองขึ้นอย่างหมดแรง  อยากขยันต่อหรอกนะ  แต่นั่งอ่านแบบนี้ทั้งวันสายตาเขาล้าไปหมดแล้ว  ที่สำคัญวันนี้ก็เพิ่งเดินทางมาใหม่ ๆ ร่างกายมันไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่นักหรอก

     

      อ๊ะ! คุณสควอโล่! 

     

    ร่างสูงเดินตรงมามองบนโต๊ะ  กองเอกสารที่พวกเขาขนมาให้แต่เมื่อบ่ายหายไปเยอะทีเดียว    นี่แกกินอะไรรึยัง? 

     

      ยังเลยครับ...    พอพูดถึงท้องมันก็หิวพอดี  จะว่าไปตั้งแต่มาเขาได้ทานไปแค่น้ำกับขนมอีกนิดหน่อยที่ลุซซิเรียนำมาให้เท่านั้น

     

      จะบ้าหรือไง!!ปล่อยให้ท้องว่างได้ขนาดนั้น!!    ว่าแล้วก็เข้าไปลากอีกฝ่ายไปยังห้องอาหารเฉพาะของพวกวาเรียระดับสูง

     

    สึนะมองประตู  นี่มันห้องที่เขาจะเปิดเข้าไปตั้งแต่ทีแรกนี่นา  ถ้าเป็นแค่ห้องอาหาร  แล้วทำไมเบลต้องห้ามไม่ให้เขาเข้าไปด้วยล่ะ?     เอ่อ....ห้องนี้มัน? 

     

      ห้องทานอาหาร  ปกติแล้วจะมีแค่พวกฉันแล้วบอสเท่านั้นที่เข้าไป 

     

    พอเปิดเข้าไปถึงได้รู้ความหมาย  ก็รอบ ๆ ห้องมันมีแต่ตู้เก็บเหล้าชั้นเลิศทั้งนั้นเลยนี่นา  สมแล้วที่มีแซนซัสเป็นบอส  นอกจากจะสนุกสนานกับการทำอะไรท้าทายแล้ว  การสะสมเหล้าคงเป็นงานอดิเรกด้วยละมั้งเนี่ย

     

    ไม่นานนักอาหารจานร้อนก็มาถึง    กินซะ...แล้วอีกสักพักฉันจะมาพาไปที่ห้องนอน    ว่าแล้วก็เดินตัวปลิวออกไป

     

    จริง ๆ แล้วเขาอยากจะรั้งไว้หรอกนะ  เพราะไอ้การนั่งกินข้าวคนเดียวในสถานที่ที่ไม่รู้จักเนี่ยมันทำให้รู้สึกเปล่าเปลี่ยวมากแค่ไหน  ไอ้จากท้องหิว ๆ มันก็ด้านชา  ทานอะไรไม่ลงขึ้นมาทันที  ถึงจะเคยชินกับการกินอาหารคนเดียวแล้วก็เถอะ  แต่นี่มัน.....

     

      รีบ ๆ กินดีกว่าเรา....    เขาก้มหน้าก้มตาลงทานอาหารที่อยู่ตรงหน้า

     

    ท่ามกลางการจับจ้องของดวงตาคู่หนึ่ง  ซึ่งยังคงยืนมองเขาหลังบานประตูไม้ที่แง้มออกเพียงเล็กน้อย  ก่อนมันจะปิดลงสนิท  เหลือทิ้งไว้แต่คนนั่งทานอาหารเพียงคนเดียวจริง ๆ

     

    ไม่นานนักสควอโล่ก็กลับมา     ไปได้และ 

     

      เอ่อ...เดี๋ยวครับ...คือผมขอไปเก็บเอกสารก่อน...    อาจถือเป็นความเคยชินที่ลืมเสียไม่ได้  เวลาทำอะไรทุกครั้งเขาต้องเก็บเอกสารก่อนเลิก  เพื่อวันพรุ่งนี้หรือวันต่อ ๆ ไปจะได้หยิบใช้ได้สะดวก

     

      ฉันเก็บให้หมดแล้ว  วันนี้นายไปพักผ่อนได้...    ชายหนุ่มเดินนำทาง  สึนะจ้องมองแผ่นหลังนั่นอย่างแปลกใจ  บางที...สควอโล่อาจไม่ได้โกรธเขาอย่างที่คิด

     

    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมื่อคืนเขาหักโหมเกินไปหรือเปล่า  วันนี้เลยรู้สึกว่าอะไร ๆ ก็ดูแย่ไปหมด  แม้กระทั่งสภาพร่างกายยังรู้สึกเหมือนคนนอนตื่นไม่เต็มที่  ปวดลูกตาแปลก ๆ หัวก็หนักไปหมด

     

      เฮ้ย!!ตื่นหรือยัง!!    เสียงทุ้มตะโกนเรียกดัง  สึนะที่กำลังแต่งตัวต้องรีบแจ้นไปเปิดประตูให้

     

      คะ....ครับ ๆ ตื่นแล้วครับ ๆ 

     

    สควอโล่เองก็คงรู้ว่าสึนะต้องการพักผ่อน  ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนัง  เกือบสิบโมงแล้ว  คงไม่มีบอสคนไหนที่ออกมาทำงานสายโด่งป่านนี้หรอกนะ 

     

      ขอบคุณนะสควอโล่ 

     

    อีกฝ่ายหันไปมองใบหน้ายิ้มแย้มนั่น    อะไรของแก? 

     

      เปล่าครับ   

     

    วันนี้ก็เป็นวันที่สึนะจะต้องมานั่งจมอยู่กับกองเอกสารอีกวันหนึ่ง  ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาต้องมานั่งเก็บกวาดงานที่แซนซัสยังเคลียร์ไว้ไม่เสร็จ  ให้ตายเถอะ....ตอนแรกก็ว่าทำไมงานวาเรียมันเยอะหนักหนา  พอมาดูวันที่ตามรายงานก็รู้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกใช้ไปเสียแล้ว

     

      แซนซัสนะแซนซัส...ไอ้บ้าเอ้ย!    เขากัดฟันกรอด 

     

    กว่าจะรู้ตัวเมื่อสายมันเป็นแบบนี้รึเปล่านะ   แต่ก็เอาเถอะ...จะโทษใครก็ไม่ได้  เขาดันไปเสียรู้เองนี่นา  ว่าแต่ไม่รู้ว่าทางนั้นจะเป็นยังไงบ้าง  ป่านนี้โกคุเทระคงวิ่งวุ่นไม่เป็นสุขน่าดู  คิด ๆ แล้วก็คงตลกดี

     

    สึนะมัวแต่คิดอะไรเพลินจนไม่ได้สังเกตว่ามีใครอยู่ในห้องอีกคนนอกจากเขา  สควอโล่ยืนมองใบหน้าที่แต้มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเบา ๆ นั่นอย่างแปลกใจ  งานของวาเรียมันง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?

     

    ร่างสูงเคาะประตูที่เปิดค้างไว้พักหนึ่ง    ไปกินข้าวได้แล้ว 

    เนื่องจากสึนะเพิ่งมาอยู่ได้ไม่กี่วัน  เขาจึงไม่คุ้นเคยกับเวลา  ธรรมเนียมปฏิบัติ และสถานที่ภายในนี้เท่าไหร่นัก  สควอโล่ที่ปกติก็จะคอยเป็นผู้ช่วยให้แซนซัสอยู่แล้วจึงต้องคอยทำหน้าที่ดูแลเขาไปด้วย  ส่วนคนอื่น ๆ ก็จะได้รับงานแล้วแยกย้ายกันไปทำ

     

    อาหารตั้งวางรออยู่ตรงหน้าแล้ว  ขาดก็แต่คนที่จะทานเท่านั้น  ดวงตาสีน้ำตาลมองจานอาหารบนโต๊ะสลับกับคนที่พาตนมา 

     

      อะไร?    สควอโล่อดจะถามไม่ได้

     

    สึนะยังไม่ได้ทิ้งตัวลงนั่ง    แล้วสควอโล่ไม่ทานด้วยกันหรอ? 

     

      ไม่ล่ะ...ปกติพวกเราก็ไม่เคยกินอะไรร่วมโต๊ะกับบอสอยู่แล้ว 

     

      งั้นแสดงว่ายังไม่ได้กินสินะ    ใบหน้าหวานฉายแววความตื่นเต้นดีใจ  ดวงตาสีเทาหม่นมองอย่างแปลก ๆ

     

      ก็เออ... 

     

    ร่างเล็กเดินตรงไปยังคนที่ยืนอยู่  ก่อนจะจับมือข้างหนึ่งไว้แน่น    งั้นมาทานด้วยกันนะ  ทานกันหลาย ๆ คนสนุกดีออก  นะ ๆ 

     

    สควอโล่รู้สึกว่าคนตรงหน้าเขานี่เหมือนลูกแมวขี้อ้อนไม่มีผิด  ยิ่งมองไปยังดวงตากลมโตใสที่เป็นประกายด้วยแล้ว  เขายิ่งรู้สึกอึดอัดจนทำอะไรไม่ถูก  เกิดมาเคยเจอคนอ้อนเสียที่ไหน  อยู่กับไอ้บอสขี้เหล้านั่นก็เจอแต่กำลังกับคำด่าไม่เว้นแต่ละวัน

     

    พอเห็นชายหนุ่มร่างสูงกว่าจะอ้าปาก  สึนะก็รีบกลบคำพูดนั้น    มาทานด้วยกัน ๆ เร็วเถอะ อาหารเย็นหมดแล้ว    ว่าแล้วก็ลากไปนั่งที่โต๊ะอาหาร

     

    เรียบร้อยโรงเรียนมาเฟีย  เห็นเป็นคนปากร้ายที่โวยวายก็เถอะ  แต่ถ้าลองได้โดนอ้อนแล้ว  ใครมันจะไปปฏิเสธได้ลง   เขาเลยได้แต่ยอมนั่งทานอาหารเป็นเพื่อนแต่โดยดี

     

    แต่ถึงจะได้เพื่อนร่วมทานอาหารแล้วก็เถอะ  มันทำไมถึงได้เงียบเหมือนนั่งทานอยู่คนเดียวแบบนี้ล่ะ    นี่สควอโล่.... 

     

      ว่าไง? 

     

      นายโกรธฉันเหรอ?   

     

    สควอโล่แทบสำลักอาหารที่ตนเพิ่งจะเคี้ยวได้ไม่นานออกมา  เขารีบดื่มน้ำตาม  ก่อนจะหันมองหน้าคนถามด้วยความไม่สบอารมณ์    นี่แกมีมารยาทบนโต๊ะอาหารบ้างรึเปล่า?! เวลากินเขาห้ามคุยรู้ไหม?! 

     

    ใช่ว่าสึนะจะไม่รู้  แต่มันเหงานี่นา    แหะ ๆ ก็รู้อ่ะนะ...แต่เวลาที่ฉันจะได้คุยกับนายก็มีแต่เวลานี้นี่นา 

     

    ดวงตาสีเทาเบิกกว้าง    ทำไมถึงอยากคุยกับฉันนัก? 

     

      ฉันอยากถามว่านายโกรธฉันหรือเปล่า....การที่แซนซัสบาดเจ็บส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะฉัน    ใบหน้าหวานก้มลงมองจานอาหารตรงหน้า  พลางเขี่ยมันไปมาเบา ๆ

     

    สควอโล่สะบัดหน้าเบี่ยงสายตาจากอีกฝ่าย    ทำไมฉันต้องโกรธแก  ในเมื่อคนที่ยิงบอสไม่ใช่แกสักหน่อย 

     

      แต่... 

     

      หุบปากแล้วกินไป 

     

    ความเงียบก่อกุมมื้ออาหารนี้อีกครั้ง  สควอโล่ที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรหันกลับมองคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ  ดวงตาสีน้ำตาลดูหมองลง  อาหารในจานก็ไม่ได้ยุบลงไปเลยสักนิด  เสียงช้อนส้อมที่เขาได้ยินอยู่ตลอดมันก็แค่เสียงที่ดังเพราะคนถือเขี่ยมันให้กระทบจานเท่านั้น

     

      ถ้าไม่อร่อยก็บอกมา...คราวหลังฉันจะได้ให้เขาทำอะไรที่นายกินได้ 

     

    สึนะรีบส่ายศีรษะเป็นพัลวัน    ไม่ใช่ครับ ๆ มันอร่อยมาก  แต่ผมแค่ทานอะไรไม่ค่อยลงเท่านั้นเอง 

     

      ก็นั่นแหละที่เขาเรียกว่าไม่อร่อย.... 

     

    ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดีเลย  ความเข้าใจของคนนี่เป็นเรื่องที่แก้ได้ยากจริง ๆ  สึนะเลยตัดสินใจเงียบและรวบช้อนส้อมเข้าที่ดีกว่า  เพราะยังไงเขาก็ไม่มีอารมณ์จะกินต่ออยู่ดี

     

    ในระหว่างที่เดินกลับห้องทำงาน  สึนะนึกอะไรขึ้นมาได้     สควอโล่.... 

     

      อะไรอีกล่ะ.... 

     

      คือ....นายช่วยมาทานอาหารเป็นเพื่อนฉันจนกว่าฉันจะหมดหน้าที่ที่นี่ได้ไหม? 

     

    อีกแล้ว....สควอลโล่รู้สึกว่าวันนี้เขาได้เจอเรื่องอะไรไม่คาดฝันบ่อยเสียเหลือเกิน  แม้จะได้ยินคำล่ำลือเกี่ยวกับบอสคนนี้ของวองโกเล่มาบ้างก็เถอะ  แถมก็เคยได้เจอกันอยู่บ้าง  แต่ไม่ได้สนิทหรืออยู่ใกล้กันขนาดนี้  ก็เลยไม่รู้ว่าจริงเท็จเป็นไงกันแน่

     

    ประจักษ์กับตาก็คราวนี้แหละ     ทำไมต้องเป็นฉัน? 

     

      ก็....ฉันไม่เคยเห็นคนอื่นอีกเลยอ่ะ    เออ...ถามตรง ๆ ก็ตอบตรง ๆ คนฟังกุมขมับเครียด

     

    ทำไมเขาต้องคอยมาดูแลไอ้เด็กบ้านี่ด้วยนะ!!    เออ!! แต่บอกไว้ก่อนอย่าทำอะไรให้ฉันหงุดหงิด ไม่งั้นพ่อจะสับให้เละเป็นโจ๊กเลย!  

     

    แทนที่จะกลัวสักนิดหรือก็หาไม่    ขอบคุณนะ!!    สึนะแย้มยิ้มรับ  ก็คงจะกลัวหรอกนะ....ในเมื่อผู้พิทักษ์ของเขายังมีคนที่คิดว่าน่ากลัวกว่าสควอโล่ตั้งเยอะนี่นา

     

    ไม่รู้ว่าคนรอบข้างจะคิดกันไปเองไหม  แต่เท่าที่มองเห็นในตอนนี้  บอกได้อย่างเดียวว่าสควอโล่และสึนะดูสนิทกันมากกว่าปกติ  ชายหนุ่มดูจะเปิดเผยมากขึ้น  ซ้ำยังชอบโวยวายใส่บอสตัวเล็กแห่งวองโกเล่ด้วย  มันเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างหนึ่งว่าสควอโล่เริ่มจะสนิทใจกับสึนะ

     

    สึนะเองที่เป็นคนเข้ากับคนง่ายอยู่แล้วก็รู้สึกดีมาก ๆ เมื่อได้อยู่กับสควอโล่  แม้จะปากไม่ค่อยดีเหมือนฮิบาริ  ขี้โวยวายเหมือนคุณพี่   หรือบางครั้งก็ดูอ่านยากเหมือนยามาโมโตะ  แต่กระนั้นเขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกัน

     

      นี่สควอโล่...    เสียงหวานเอ่ยขึ้นระหว่างทานอาหารเย็น

     

    ดวงตาสีเทาหันมอง    หืม? 

     

      นายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่านายหงุดหงิดอะไร....ตอนนั้นน่ะ    สึนะกล่าวถึงเหตุการณ์ในตอนแรกที่เขาเข้ามาทำงานแทนแซนซัส  ใบหน้าของชายหนุ่มดูไม่พอใจมากเมื่อเห็นเขา

     

    สควอโล่ถอนหายใจหนัก    แกนี่นะ....จะอยากรู้ไปทำไมกัน  เรื่องของตัวก็ไม่ใช่ 

     

      ก็มันอยากรู้นี่นา.... 

     

      นั่นก็เพราะ.....    จู่ ๆ คนพูดก็นิ่งเงียบไป  สควอโล่รู้สึกแปลกใจตนเองอย่างมาก  ตอนแรกเขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่บอกใคร  ยิ่งเจ้าหนูนี่ด้วยแล้วมันก็ยิ่งไม่สมควรจะบอก  แต่แล้วทำไม....ทำไมถึงได้.....?

     

    สึนะเงยหน้ามองอย่างตั้งใจฟัง    เพราะ? 

     

      ไม่มีอะไร... 

     

      ได้ไง....เมื่อกี้นายจะบอกฉันอยู่แล้วนะ 

     

    ร่างสูงลุกขึ้นยืน  ทำท่าจะเดินออกไปเพื่อหนีความรำคาน    แกกินไปแล้วกัน  เดี๋ยวอีกสักพักฉันจะมาหา 

     

      อะ....อ้าว....เฮ้!! 

     

    สึนะรู้สึกเหมือนว่าวันแรกของการมาคฤหาสน์แห่งนี้กลับคืนมาอีกครั้ง   เขาพยายามที่จะลุกตามอีกฝ่ายไป  แต่พอเปิดประตูห้องอาหารออกไปภายนอก  มันก็ไร้เงาและวี่แววของคนแล้ว  ไม่มีใครอยู่.....นอกจากเขา

    สควอโล่ไม่ได้มารับเขาตามที่บอก  แต่เป็นลุซซิเรียที่มาทำหน้าที่แทน  โดยเธอบอกว่าสควอโล่ติดงานสำคัญด่วนไม่สามารถมาทำหน้าที่นี้ได้ชั่วคราว  และสึนะคิดว่าชั่วคราวนั้นก็คงยาวไปจนกว่าเขาจะกลับวองโกเล่

     

    เขาไม่เข้าใจว่าเขาทำผิดอะไร?  เขาพูดไม่ดีออกไปงั้นหรอ?  หรือว่าถามในเรื่องที่ไม่สมควรจะถามออกไป?  ทำไมล่ะ....แล้วทำไมถึงไม่ต่อว่าเขา  ไม่ตะโกนด่าเขาอย่างที่ควรจะเป็นล่ะ 

     

      ทำไมถึงไม่ทำแบบนั้นล่ะ....   

     

    ลุซซิเรียมองใบหน้าหวานที่สลดลงอย่างเห็นได้ชัด  เขาไม่รู้หรอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างคนทั้งคู่  แต่ที่เขาสังเกต  สัญชาตญาณบางอย่างมันบ่งบอกให้รู้ถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน  สควอโล่เปลี่ยนไปในชั่วไม่กี่วัน  เพราะใครกัน?  สิ่งที่สควอโล่ไม่เคยทำกับคนอื่นแม้กระทั่งบอสตัวเอง  นั่นหมายถึงอะไรกัน?

     

      หมอนั่นก็เป็นแบบนี้แหละ...พอไม่รู้จะพูดยังไง  พอสับสนขึ้นมาหน่อย  ก็หนีท่าเดียว... 

     

      แต่....แต่ผมคงพูดจาไม่ดีไปจริง ๆ    สึนะว่า

     

    ลุซซิเรียเดินไปยังโต๊ะทำงาน    โถ....อย่าคิดมากสิจ๊ะ  อยากรู้ว่าเป็นอะไร  คาใจนักก็ไปถามเลยสิ 

     

    เธอไม่ได้แนะนำเปล่า  ยังบอกห้องพักของสควอโล่ให้เสร็จสรรพ  หลังจากสึนะกลับเข้าห้องพัก  อาบน้ำแต่งตัวแล้วนั่งขบคิดอะไรคนเดียวอยู่ชั่วครู่   เขาก็ตัดสินใจลุกออกไป  อย่างน้อยก็ต้องถามให้รู้เรื่อง  จะได้ไม่มีเรื่องคาใจก่อนกลับสู่วองโกเล่

     

    แล้วเขาก็รู้สึกว่าตนเองคิดผิดอย่างรุนแรง  ที่ออกมาเดินในคฤหาสน์วาเรียมืด ๆ แบบนี้คนเดียว    ซะ....ซวยแล้ว.... 

     

    เขาไม่ได้กลัวผีนะ  แต่แค่ไม่ชอบเท่านั้นเอง  ดวงตาสีน้ำตาลกวาดมองไปรอบ ๆ พยายามเดินให้หลังติดกำแพงมากที่สุด   ไปตามทางที่ลุซซิเรียบอก  ปากบางท่องมันแทบจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับลมหายใจ  อย่างน้อย...จำทางกลับห้องไม่ได้  ก็ต้องมุ่งสู่จุดหมายเท่านั้น

     

    ในระหว่างที่เดินอยู่นั่นเอง  สึนะก็รู้สึกเหมือนตนเองเห็นเงาดำ ๆ เงาหนึ่งพาดผ่านไป  เขาพยายามจะไม่คิดและมองมัน  สองขาเรียวก้าวเดินจนแทบจะวิ่ง    ไม่มีอะไร ๆ 

     

    แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดฤทธิ์เมื่อจู่ ๆ มีมือมือหนึ่งมาแตะที่บ่าของเขา  สึนะทรุดลงอย่างหมดแรง  ปากร้องตะโกนเรียกชื่อคนที่ตนเองนึกถึงอยู่ในขณะนั้น    สควอโล่!!!ช่วยด้วย!!!!   

     

      อะไรของแก....เรียกทำไม  แล้วใครใช้ให้มาเดินดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้  

     

    พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครสึนะก็ทุ่มแรงทั้งหมดที่มีโผเข้ากอด  ร่างสูงกว่าซึ่งไม่ได้ตั้งหลักถึงกับเซถลาก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น   พอจะอ้าปากด่าก็ดันมีตัวอะไรไม่รู้กอดเข้าแน่น  แถมยังร้องไห้โฮแบบเด็ก ๆ อีก

     

    คำด่าเลยกลืนหายเข้าไปในคอหมด    อะไรของแก.... 

     

    อีกฝ่ายไม่พูด  ยังคงเอาแต่ร้องไห้แล้วกอดเขาแน่นอยู่แบบนั้น  พอสควอโล่บอกให้ยืนขึ้นเพราะนั่งทับเขาอยู่ก็ไม่ยอม  จนชายหนุ่มต้องเป็นฝ่ายอุ้มแล้วพาเดินไปเอง  ไม่อย่างนั้นต้องได้ตื่นมากันทั้งคฤหาสน์แน่ ๆ

     

      สงบใจได้รึยัง?    เสียงทุ้มเอ่ยขณะส่งโกโก้ร้อนให้   ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่อยู่ในห้องนอนของสควอโล่

     

    สึนะที่นั่งอยู่บนโซฟาพยักหน้าขึ้นลง    อือ....ขอโทษนะที่ทำให้เดือดร้อน 

     

      แล้วนายมาที่นี่ทำไม?  ทำไมถึงออกมาเดินมืด ๆ คนเดียว? 

     

      ฉันก็แค่.....    ดวงตาสีน้ำตาลเงยมองร่างที่ยืนพิงกำแพงอยู่ไม่ห่างกันนัก    อยากคุยกับนายให้เข้าใจก่อนจะกลับวองโกเล่ก็เท่านั้น 

     

    เขาก้มหน้าลง    ขอโทษที่ทำให้นายไม่พอใจ  ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นเลยจริง ๆ 

     

    สควอโล่คิดหนักก่อนจะถอนหายใจยาว  ให้ตายเถอะ...ออกมาเดินตามหาเขาเพราะเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ  ทำไมถึงต้องสนใจนัก  ทำไมถึงต้องแคร์ความรู้สึกคนอื่นมากมายขนาดนี้  ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็ยืนอยู่ในจุดสูงสุดแท้ ๆ ในจุดที่ทุกคนต้องยอมก้มหัวให้ 

     

      ฉันไม่ได้โกรธแก    ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาใกล้

     

      แต่นายไม่พอใจ....นายไม่ได้... 

     

    คนฟังแทรกขึ้น    ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าติดงานด่วน  แกนี่ยังไงนะ... 

     

    ความเงียบก่อกุมขึ้นภายในห้องนอนกว้าง  ชายหนุ่มนั่งลงฝั่งตรงข้ามกัน  พลางเสตามองออกไปยังท้องฟ้าสีดำมืดด้านนอก   จริง ๆ แล้วมันก็ถูกอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจนั่นล่ะ  เขากำลังหนี......หนีจากตัวเอง  หนีจากความสับสนที่จู่ ๆ ก็ก่อตัวขึ้นของตัวเอง  น่าแปลก....น่าแปลกนักที่คนอย่างเขากลับมีความคิดแบบนี้

     

    กลัว.....กลัวอะไร  และทำไม...

     

      งั้นฉันก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะ....ขอโทษที่รบกวนนะ    สึนะวางแก้วในมือก่อนรีบลุกขึ้นยืน  หันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว  เหมือนจงใจจะไม่มองคนที่นั่งอยู่

     

    สควอโล่หูไวแล้วก็ไม่ได้โง่  น้ำเสียงเมื่อครู่มันสั่นไหวเกินกว่าจะเป็นเสียงของคนที่มีอารมณ์ปกติ     เดี๋ยว...กลับคนเดียวเดี๋ยวก็หลงอีก  ฉันจะไปส่ง 

     

      ไม่เป็นไร  ฉันรบกวนนายมามากแล้ว  นายพักผ่อนเถอะ    ว่าแล้วก็เร่งเดินออกจากประตูห้องไป 

     

    ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะวิ่งตามออกไป  เขาคว้าเขาแขนเรียวเล็กนั่นไว้แน่น  รั้งไม่ให้ขยับไปไหน  สควอโล่รู้สึกหงุดหงิดจริง ๆ  ทำไมถึงพูดอะไรไม่ฟังกันบ้าง  ชอบหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ!!

     

      พูดอะไรก็ฟังเสียบ้างสิ!! แล้วนั่นนายเป็นอะไร  ร้องไห้รึไง? 

     

    ร่างเล็ก ๆ นั่นสั่นไหวอย่างรุนแรง  เขาพยายามมองผ่านความมืด  สึนะสะดุ้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจะล่วงรู้สิ่งที่พยายามปกปิดเอาเสียแล้ว  เขากลืนมันลงคอ  สูดหายใจลึก  แล้วข่มเสียงให้เป็นปกติ 

     

      เปล่า...พอดีอากาศมันหนาว ๆ น่ะ  แต่จริง ๆ นะฉันกลับเองได้ นายไม่ต้องไปส่งหรอก   

     

    ดวงตาสีเทามองแผ่นหลังคนพูด   แล้วทำไมถึงไม่มองฉัน 

     

      ถ้าไม่ได้เป็นอะไรทำไมไม่หันหน้ามาคุยกับฉัน? 

     

    ความอดทนสุดท้ายพลังทะลาย  น้ำตาที่พยายามเก็บกดไว้เอ่อล้นออกมาอย่างบ้าคลั่ง  ดวงตาสีน้ำตาลได้แต่ก้มลงมองผืนพรมสีแดงที่ชุ่มไปด้วยน้ำตาของเขา  แต่กระนั้น...เสียงสะอื้นที่ควรมีก็กลับไม่ปรากฏ

     

    ทำไมจะไม่รู้.....รู้ดีที่สุด  สควอโล่กัดฟันกรอดอย่างขัดใจ    โธ่เว้ย!! 

     

    สึนะสะดุ้ง     ขอโทษครับ....ผมขอโทษ    เขาทรุดนั่งลงกับพื้น  ทั้ง ๆ ที่แขนตนเองยังคงอยู่ในมือของอีกฝ่าย

     

      บ้าเอ้ย!! ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธนาย    สควอโล่ดึงร่างเล็กให้เขามาอยู่ในอ้อมแขนตนเอง  เขาโอยกอดอีกฝ่ายไว้แน่น    อย่าทำให้ฉันสับสนมากไปกว่านี้ได้ไหม!! 

     

    บอสหนุ่มเริ่มไม่เข้าใจกับคำพูดของอีกฝ่ายนัก    สคอวโล่.... 

     

       ฉันโกรธตัวเองต่างหากที่ไม่สามารถปกป้องใครได้  แล้วที่ฉันไม่ไปหานายวันนี้ก็เพราะฉันหนี  เออ!!ฉันมันงี่เง่าเองนั่นแหละ!!! 

     

    สึนะเริ่มงงหนัก  ไป ๆ มา ๆ ตกลงใครผิดกันแน่  แต่เขาก็ถามอะไรไม่ออกหรอก  เพราะตอนนี้อ้อมกอดที่เขากำลังพักพิงอยู่มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน...

     

    จิตใจเต้นไม่เป็นระส่ำ....เขาผิดปกติรึเปล่านะ?

     

    ไม่สิ....ความจริงเขาคงผิดตั้งแต่สนใจสควอโล่มากกว่าที่ควรจะเป็นแล้ว    ขอโทษนะ...   

     

      แล้ว.....สรุปแล้ว....ไม่ได้โกรธฉัน? 

     

      เออ....หยุดร้องไห้ได้แล้ว น่ารำคาญ! 

     

    สึนะพยายามจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา    เอ่อ..... 

      อะไรของแกอีกล่ะ? 

     

      ปล่อยก่อนได้ไหม....มัน....เช็ดหน้าไม่สะดวกอ่ะ...    พอรู้ว่าตนเองยังกอดร่างเล็กอยู่สควอโล่ก็รีบปล่อยมือทันที  พลางส่งเสียงกระแอมกระไอข่มความอาย

     

      กลับห้องได้แล้วจะไปส่ง    ร่างสูงกว่าส่งมือให้

     

    สึนะวางมือของตนลงไปแต่โดยดี  รอยยิ้มอ่อนโยนทาบทับบนใบหน้า  ทันทีที่เขาได้รับความอบอุ่น  ทันที่ที่ผิวกายสัมผัสกัน  บอสหนุ่มก็รู้ได้ทันทีว่ามันเพราะอะไร 

     

    แตกต่างจากคำว่าเพื่อนมากมายจนไม่อาจหาใดเปรียบ

     

      สควอโล่.... 

     

      อะไรอีกล่ะ... 

     

      ชอบนะ.... 

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ที่มาของความสับสนก็คือความแตกต่าง

    ความแตกต่างของท้องฟ้าสีแดงและสีครามอันสดใส

     

      คราวหลังก็อย่าเข้ามาในจิตใจของคนอื่นเขาอย่างกะทันหันแบบนี้อีกล่ะ 

     

     

     

    ================END==============

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×