คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ที่มาของความแตกต่าง (S27)
“ ฉันรู้แล้วล่ะว่า....ทำไมนายถึงได้กลายเป็นเอกนภาของวองโกเล่ ”
สึนะนั่งตัวเกร็งอยู่ในรถลีมูซีนคันหรู บรรยากาศโดยรอบไม่ได้กดดัน ไม่มีสายตากินเลือดกินเนื้อของใครที่จ้องมองมา แต่มันคือไอ้นั่นต่างหาก.....ไอ้เอกสารซองสีน้ำตาลเข้มปริศนาที่ส่งตรงมาจากบอสของวาเรีย ส่งตรงมาจากแซนซัส พี่ชายในนามของเขา
ข้อความภายในระบุง่าย ๆ สั้น ๆ
‘แกต้องมาเป็นบอสของวาเรียชั่วคราวจนกว่าฉันจะหายเป็นปกติ!’
แม่เจ้าเหวย....ไอ้นี่แหละที่เป็นตัวปัญหาซึ่งทำให้เขานั่งเกร็งอยู่แบบนี้ เรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อการประชุมครั้งที่ผ่านมา ที่ได้รับอนุญาตให้แต่ผู้มีตำแหน่งระดับสูงเท่านั้น ทางวองโกเล่เลยมีเพียงเขาที่เป็นบอสใหญ่ และแซนซัสที่เป็นบอสของวาเรีย
แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อมีการหักหลังภายใน เกิดการต่อสู้จนบาดเจ็บล้มตายไปตาม ๆ กัน และตอนนั้นเขาก็ได้รับการช่วยชีวิตโดยแซนซัสที่แอบลักลอบนำอาวุธเข้ามาทั้ง ๆ ที่โดนตรวจตราอย่างหนักแท้ ๆ
อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ชั่วคราว จริง ๆ กับอีแค่โดนยิงนี่มันคงไม่ได้ทำให้ถึงขนาดนั่งโต๊ะคอยตรวจตรางานไม่ได้หรอก มันต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังแน่ ๆ
ส่วนไอ้ตัวที่คาดว่าจะอยู่เบื้องหลัง ก็ยุยงส่งเสริมตามระเบียบ ไม่น่าล่ะปล่อยมาง่ายนัก ที่สำคัญ....ใครจะไปกล้าขัดพี่ท่าน “ รีบอร์นนะรีบอร์น.... ”
พอคิดถึงสิ่งที่ตัวเองจะเจอก็ทำเอาขนลุกเกรียว ยังจำได้ดีเลย....ความน่ากลัวของพวกนั้นตอนเมื่อศึกชิงแหวน “ สาธุ....ขอให้รอดปลอดภัยอยู่จนครบกำหนดทีเถอะ ”
ทันทีที่รถยนต์จอดนิ่งสนิท สึนะก็เริ่มปลงกับชะตากรรมของตัวเอง เขารู้สึกกลืนน้ำลายยากเย็นเสียเหลือเกิน ยิ่งพอก้าวลงจากรถและเห็นบรรยากาศภายนอกแล้ว มันยิ่งชวนหวาดหวั่นหนักเข้าไปอีก
บอสหนุ่มจำไม่ได้ว่าตนเคยมาที่คฤหาสน์วาเรียบ้างไหม แต่เท่าที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าตอนนี้ กิริยาอาการที่เปิดเผยออกมาของเขาในตอนนี้ จะเรียกได้ว่า ‘บ้านนอกเข้ากรุง’ ก็คงไม่แปลก
แม้จะไม่ได้ใหญ่โตเทียมเท่าคฤหาสน์วองโกเล่ก็จริง แต่มันกลับดูมีมนตร์ขลังและความลึกลับมากกว่า พลันให้นึกถึงปราสาทในเกมแนวสยองขวัญที่ตัวเอกจะต้องเผชิญและเข้าไปพบกับบอสใหญ่ที่อยู่สุดทาง
ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้บอสนั้นจะบาดเจ็บอยู่อ่ะนะ “ เอ่อ.... ” สึนะพยายามจะเอ่ยอะไรออกมาสักอย่าง เพราะดูเหมือนคนที่นี่พร้อมใจจะนิ่งเงียบกันไปหมด
“ หลังจากนี้จะเป็นทางที่เข้าได้เฉพาะคนที่บอสอนุญาตเท่านั้น ให้ท่านเดินไปเรื่อย ๆ จนสุดทาง จะพบกับวาเรียท่านอื่น ๆ รออยู่ ” ชายผู้นำทางจากหน้าประตูเอ่ย ก่อนจะค้อมศีรษะแล้วเดินจากไป
กลืนน้ำลายรอบที่ร้อย ดวงตาสีน้ำกลมโตมองไปตามทางเดินที่ปูด้วยพรมกำมะหยี่สีแดงสด “ หวังว่าคงไม่มีตัวอะไรโผล่มานะ... ”
นี่มันโลกจริงนี่นาไม่ใช่เกมสักหน่อย สึนะคิดได้ก็พลันโล่งอก ก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วก้าวเดินต่อไปตามทางที่บอก พอพ้นจากระยะสายตาที่เขามองอยู่เมื่อครู่ ก็เลี้ยวเข้าสู่อีกเส้นทางหนึ่ง
“ นะ.....นี่มัน ” นี่มันเขาวงกตหรือไงกันเนี่ย!!
เบื้องหน้าเขาคือทางแยกมากมายที่จะนำไปสู่ห้องต่าง ๆ ภายในบริเวณ สึนะเดินไปถึงทางแยกแรก มองดูทางจนสุด ด้วยสัญชาตญาณของเขา เขามั่นใจว่ามันต้องมีทางไปต่อชัวร์ ๆ ถ้าไม่ใช่ทางวงกต ก็คงต้องเป็นทางวนที่สามารถทะลุถึงกันได้หมด
“ เขาบอกให้ตรงไปเรื่อย ๆ.....เอาไงดีล่ะเนี่ย.... ”
สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมเดินตรงไปเรื่อย ๆ แล้วสุดทางมีประตูอยู่จริงตามที่บอก “ ห้องนี้งั้นเหรอ... ”
ในขณะที่สึนะกำลังเอื้อมมือไปเพื่อจะเปิดประตูนั่นเอง มือของเขาก็ถูกหยุดไว้ด้วยมือใครสักคน บอสหนุ่มหันขวับมอง รอยยิ้มกว้าง....อวัยวะบนใบหน้าส่วนเดียวที่ปรากฏออกมาให้เห็น นักฆ่านามเบลฟากอน
“ คุณเบล!! ”
“ สึนะจะเปิดห้องนี้ไม่ได้เด็ดขาดเลยน้า ห้องนี้เป็นห้องที่บอสหวงมาก ขืนเปิดไปละก็.... ”
คนฟังรีบชักมือกลับทันที “ ขะ...ขอโทษครับ พอดีผมหลงน่ะ ”
“ จะไปห้องบอสสินะ ตามเจ้าชายมาสิ ” ร่างสูงกว่าในชุดหนังสีดำสนิทเดินนำหน้าไปอีกทาง สึนะรู้สึกโล่งใจจริง ๆ ที่มีคนมาพบ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต้องอยู่ทำงานหัวโตแทนที่จะได้กลับไปอย่างครบสามสิบสองโดยเร็วเป็นแน่
บานประตูไม้สลักลวดลายวิจิตรค่อย ๆ เปิดอ้าออกช้า ๆ ดวงตาสีน้ำตาลพยายามมองลอดช่องว่างที่เหลือจากการบดบังของเบลเข้าไปด้านใน อย่างน้อยเขาก็ควรรู้ว่าจะมีใครบ้างที่เขากำลังไปพบ อ่า....เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนถูกเชือดว่างั้นล่ะ...
สายตาคู่อื่นดูจะจ้องมาทางเขาอย่างค่อนข้างเป็นมิตร จะผิดก็แต่นัยน์ตาสีเทาคู่สวยของชายหนุ่มผมยาวนั่นเท่านั้น สควอโล่ดูจะไม่พอใจเขาที่ทำให้บอสตนเองเจ็บตัวมากทีเดียว “ มาช้านะไอ้หนู! ”
สึนะสะดุ้ง “ เอ่อ....พอดีผม... ”
“ เอาน่าสควอโล่....ใครมาที่นี่ใหม่ ๆ ก็หลงกันทั้งนั้นแหละ เจ้าชายว่าอย่าไปดุสึนะเลย ” คนผมสีทองออกตัวช่วยแก้ต่างให้
“ แต่คนจะเป็นบอสมันต้องฉลาดและตรงเวลา หากรู้ว่าจะหลงทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้!!! ”
ชะ..อ้าว ไหงพูดแบบนั้น จะมีใครบ้างไหมที่รู้ว่าตัวเองจะต้องมาเดินหาห้องเอง แถมยังต้องมาหลงทางในคฤหาสน์ ที่สำคัญ...ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ก็ให้รถไปรับเร็ว ๆ หน่อยไม่ได้หรือไงเล่า!!
“ ขอโทษครับผมผิดเอง ความจริงผมรู้ว่าผมต้องรับผิดชอบเรื่องอาการบาดเจ็บของแซนซัส แต่ผมว่าระยะเวลาแค่สั้น ๆ พวกคุณอาจจะบริหารกันเองได้ดีกว่าผมเสียอีก ฉะนั้นผมจะไปคุยกับแซนซัสเรื่องนี้เองครับ ”
คำพูดของสึนะทำให้คนฟังต่างตกอยู่ในสภาวะอึ้งกันไปเล็กน้อย ก่อนคนที่ปรับตัวได้รวดเร็วที่สุดในกลุ่มจะเป็นผู้มาไกล่เกลี่ยแทน “ ไม่เป็นไรหรอกจ้า....ซือคุงน่ะเก่งจะตายไป ที่สำคัญพวกเราก็ไม่ได้จะรู้เรื่องของบอสไปเสียหมดหรอก ก็ดูอย่างการประชุมที่ผ่านมาสิ พวกเราได้รับอนุญาตให้ไปด้วยที่ไหนกัน ” ลุซซิเรียเอ่ย
“ ใช่แล้วล่ะ....ที่สำคัญนะ เจ้าชายยังไม่อยากโดนบอสย่างสด ” เบลเอ่ยพลางเหลือบมองไปที่สควอโล่ ส่วนมาม่อนก็ยังคงนิ่งเฉยเหมือนเดิม ตราบใดที่มันยังคงไม่เป็นผลเสียแก่ตัวเขา
สคอวโล่สะบัดหน้าหนี ร่างสูงสมส่วนยืนกอดอกนิ่งพิงกำแพง “ เออ! จะทำอะไรก็ทำไป อย่ามาผิดพลาดแถวนี้แล้วกัน!! ”
“ อ่า....ครับ ผมจะพยายาม ” สึนะยิ้ม
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่างานของบอสวองโกเล่กับวาเรียมันจะแตกต่างกันขนาดนี้ แต่พอเอาเข้าจริง ๆ แล้ว....มันฟ้ากับนรกเลยนี่หว่า สึนะนั่งดูแฟ้มงานทั้งหมดที่ลุซซิเรียและสควอโล่ขนมาให้ ตั้งแต่มาถึงจวบจนตอนมืด มันทำให้เขาเห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง
พวกวาเรีย....ยอมทำงานสกปรกทั้งหลายเพื่อวองโกเล่ขนาดนี้เชียวหรือ?
พูดง่าย ๆ ว่าถ้าไม่มีวาเรียอยู่ วองโกเล่ก็อาจตกอยู่ในสถานะที่ถูกสั่นคลอนได้โดยง่าย ฐานอำนาจเบื้องหลังส่วนใหญ่ก็มีพวกนี้นี่แหละที่เป็นคนคอยค้ำจุนไว้ ที่สำคัญมันทำให้เขารู้ว่า....
ตัวเองไม่มีความสามารถในการบริหารของวาเรียแน่!!
“ เฮ้อ.... ” สึนะถอนหายใจยาวก่อนคว่ำหน้าเลื้อยลงบนโต๊ะทำงานใหญ่
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ส่งให้คนเผยในเงยหน้ามองขึ้นอย่างหมดแรง อยากขยันต่อหรอกนะ แต่นั่งอ่านแบบนี้ทั้งวันสายตาเขาล้าไปหมดแล้ว ที่สำคัญวันนี้ก็เพิ่งเดินทางมาใหม่ ๆ ร่างกายมันไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่นักหรอก
“ อ๊ะ! คุณสควอโล่! ”
ร่างสูงเดินตรงมามองบนโต๊ะ กองเอกสารที่พวกเขาขนมาให้แต่เมื่อบ่ายหายไปเยอะทีเดียว “ นี่แกกินอะไรรึยัง? ”
“ ยังเลยครับ... ” พอพูดถึงท้องมันก็หิวพอดี จะว่าไปตั้งแต่มาเขาได้ทานไปแค่น้ำกับขนมอีกนิดหน่อยที่ลุซซิเรียนำมาให้เท่านั้น
“ จะบ้าหรือไง!!ปล่อยให้ท้องว่างได้ขนาดนั้น!! ” ว่าแล้วก็เข้าไปลากอีกฝ่ายไปยังห้องอาหารเฉพาะของพวกวาเรียระดับสูง
สึนะมองประตู นี่มันห้องที่เขาจะเปิดเข้าไปตั้งแต่ทีแรกนี่นา ถ้าเป็นแค่ห้องอาหาร แล้วทำไมเบลต้องห้ามไม่ให้เขาเข้าไปด้วยล่ะ? “ เอ่อ....ห้องนี้มัน? ”
“ ห้องทานอาหาร ปกติแล้วจะมีแค่พวกฉันแล้วบอสเท่านั้นที่เข้าไป ”
พอเปิดเข้าไปถึงได้รู้ความหมาย ก็รอบ ๆ ห้องมันมีแต่ตู้เก็บเหล้าชั้นเลิศทั้งนั้นเลยนี่นา สมแล้วที่มีแซนซัสเป็นบอส นอกจากจะสนุกสนานกับการทำอะไรท้าทายแล้ว การสะสมเหล้าคงเป็นงานอดิเรกด้วยละมั้งเนี่ย
ไม่นานนักอาหารจานร้อนก็มาถึง “ กินซะ...แล้วอีกสักพักฉันจะมาพาไปที่ห้องนอน ” ว่าแล้วก็เดินตัวปลิวออกไป
จริง ๆ แล้วเขาอยากจะรั้งไว้หรอกนะ เพราะไอ้การนั่งกินข้าวคนเดียวในสถานที่ที่ไม่รู้จักเนี่ยมันทำให้รู้สึกเปล่าเปลี่ยวมากแค่ไหน ไอ้จากท้องหิว ๆ มันก็ด้านชา ทานอะไรไม่ลงขึ้นมาทันที ถึงจะเคยชินกับการกินอาหารคนเดียวแล้วก็เถอะ แต่นี่มัน.....
“ รีบ ๆ กินดีกว่าเรา.... ” เขาก้มหน้าก้มตาลงทานอาหารที่อยู่ตรงหน้า
ท่ามกลางการจับจ้องของดวงตาคู่หนึ่ง ซึ่งยังคงยืนมองเขาหลังบานประตูไม้ที่แง้มออกเพียงเล็กน้อย ก่อนมันจะปิดลงสนิท เหลือทิ้งไว้แต่คนนั่งทานอาหารเพียงคนเดียวจริง ๆ
ไม่นานนักสควอโล่ก็กลับมา “ ไปได้และ ”
“ เอ่อ...เดี๋ยวครับ...คือผมขอไปเก็บเอกสารก่อน... ” อาจถือเป็นความเคยชินที่ลืมเสียไม่ได้ เวลาทำอะไรทุกครั้งเขาต้องเก็บเอกสารก่อนเลิก เพื่อวันพรุ่งนี้หรือวันต่อ ๆ ไปจะได้หยิบใช้ได้สะดวก
“ ฉันเก็บให้หมดแล้ว วันนี้นายไปพักผ่อนได้... ” ชายหนุ่มเดินนำทาง สึนะจ้องมองแผ่นหลังนั่นอย่างแปลกใจ บางที...สควอโล่อาจไม่ได้โกรธเขาอย่างที่คิด
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมื่อคืนเขาหักโหมเกินไปหรือเปล่า วันนี้เลยรู้สึกว่าอะไร ๆ ก็ดูแย่ไปหมด แม้กระทั่งสภาพร่างกายยังรู้สึกเหมือนคนนอนตื่นไม่เต็มที่ ปวดลูกตาแปลก ๆ หัวก็หนักไปหมด
“ เฮ้ย!!ตื่นหรือยัง!! ” เสียงทุ้มตะโกนเรียกดัง สึนะที่กำลังแต่งตัวต้องรีบแจ้นไปเปิดประตูให้
“ คะ....ครับ ๆ ตื่นแล้วครับ ๆ ”
สควอโล่เองก็คงรู้ว่าสึนะต้องการพักผ่อน ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนัง เกือบสิบโมงแล้ว คงไม่มีบอสคนไหนที่ออกมาทำงานสายโด่งป่านนี้หรอกนะ
“ ขอบคุณนะสควอโล่ ”
อีกฝ่ายหันไปมองใบหน้ายิ้มแย้มนั่น “ อะไรของแก? ”
“ เปล่าครับ ”
วันนี้ก็เป็นวันที่สึนะจะต้องมานั่งจมอยู่กับกองเอกสารอีกวันหนึ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาต้องมานั่งเก็บกวาดงานที่แซนซัสยังเคลียร์ไว้ไม่เสร็จ ให้ตายเถอะ....ตอนแรกก็ว่าทำไมงานวาเรียมันเยอะหนักหนา พอมาดูวันที่ตามรายงานก็รู้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกใช้ไปเสียแล้ว
“ แซนซัสนะแซนซัส...ไอ้บ้าเอ้ย! ” เขากัดฟันกรอด
กว่าจะรู้ตัวเมื่อสายมันเป็นแบบนี้รึเปล่านะ แต่ก็เอาเถอะ...จะโทษใครก็ไม่ได้ เขาดันไปเสียรู้เองนี่นา ว่าแต่ไม่รู้ว่าทางนั้นจะเป็นยังไงบ้าง ป่านนี้โกคุเทระคงวิ่งวุ่นไม่เป็นสุขน่าดู คิด ๆ แล้วก็คงตลกดี
สึนะมัวแต่คิดอะไรเพลินจนไม่ได้สังเกตว่ามีใครอยู่ในห้องอีกคนนอกจากเขา สควอโล่ยืนมองใบหน้าที่แต้มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเบา ๆ นั่นอย่างแปลกใจ งานของวาเรียมันง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?
ร่างสูงเคาะประตูที่เปิดค้างไว้พักหนึ่ง “ ไปกินข้าวได้แล้ว ”
เนื่องจากสึนะเพิ่งมาอยู่ได้ไม่กี่วัน เขาจึงไม่คุ้นเคยกับเวลา ธรรมเนียมปฏิบัติ และสถานที่ภายในนี้เท่าไหร่นัก สควอโล่ที่ปกติก็จะคอยเป็นผู้ช่วยให้แซนซัสอยู่แล้วจึงต้องคอยทำหน้าที่ดูแลเขาไปด้วย ส่วนคนอื่น ๆ ก็จะได้รับงานแล้วแยกย้ายกันไปทำ
อาหารตั้งวางรออยู่ตรงหน้าแล้ว ขาดก็แต่คนที่จะทานเท่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลมองจานอาหารบนโต๊ะสลับกับคนที่พาตนมา
“ อะไร? ” สควอโล่อดจะถามไม่ได้
สึนะยังไม่ได้ทิ้งตัวลงนั่ง “ แล้วสควอโล่ไม่ทานด้วยกันหรอ? ”
“ ไม่ล่ะ...ปกติพวกเราก็ไม่เคยกินอะไรร่วมโต๊ะกับบอสอยู่แล้ว ”
“ งั้นแสดงว่ายังไม่ได้กินสินะ ” ใบหน้าหวานฉายแววความตื่นเต้นดีใจ ดวงตาสีเทาหม่นมองอย่างแปลก ๆ
“ ก็เออ... ”
ร่างเล็กเดินตรงไปยังคนที่ยืนอยู่ ก่อนจะจับมือข้างหนึ่งไว้แน่น “ งั้นมาทานด้วยกันนะ ทานกันหลาย ๆ คนสนุกดีออก นะ ๆ ”
สควอโล่รู้สึกว่าคนตรงหน้าเขานี่เหมือนลูกแมวขี้อ้อนไม่มีผิด ยิ่งมองไปยังดวงตากลมโตใสที่เป็นประกายด้วยแล้ว เขายิ่งรู้สึกอึดอัดจนทำอะไรไม่ถูก เกิดมาเคยเจอคนอ้อนเสียที่ไหน อยู่กับไอ้บอสขี้เหล้านั่นก็เจอแต่กำลังกับคำด่าไม่เว้นแต่ละวัน
พอเห็นชายหนุ่มร่างสูงกว่าจะอ้าปาก สึนะก็รีบกลบคำพูดนั้น “ มาทานด้วยกัน ๆ เร็วเถอะ อาหารเย็นหมดแล้ว ” ว่าแล้วก็ลากไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
เรียบร้อยโรงเรียนมาเฟีย เห็นเป็นคนปากร้ายที่โวยวายก็เถอะ แต่ถ้าลองได้โดนอ้อนแล้ว ใครมันจะไปปฏิเสธได้ลง เขาเลยได้แต่ยอมนั่งทานอาหารเป็นเพื่อนแต่โดยดี
แต่ถึงจะได้เพื่อนร่วมทานอาหารแล้วก็เถอะ มันทำไมถึงได้เงียบเหมือนนั่งทานอยู่คนเดียวแบบนี้ล่ะ “ นี่สควอโล่.... ”
“ ว่าไง? ”
“ นายโกรธฉันเหรอ? ”
สควอโล่แทบสำลักอาหารที่ตนเพิ่งจะเคี้ยวได้ไม่นานออกมา เขารีบดื่มน้ำตาม ก่อนจะหันมองหน้าคนถามด้วยความไม่สบอารมณ์ “ นี่แกมีมารยาทบนโต๊ะอาหารบ้างรึเปล่า?! เวลากินเขาห้ามคุยรู้ไหม?! ”
ใช่ว่าสึนะจะไม่รู้ แต่มันเหงานี่นา “ แหะ ๆ ก็รู้อ่ะนะ...แต่เวลาที่ฉันจะได้คุยกับนายก็มีแต่เวลานี้นี่นา ”
ดวงตาสีเทาเบิกกว้าง “ ทำไมถึงอยากคุยกับฉันนัก? ”
“ ฉันอยากถามว่านายโกรธฉันหรือเปล่า....การที่แซนซัสบาดเจ็บส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะฉัน ” ใบหน้าหวานก้มลงมองจานอาหารตรงหน้า พลางเขี่ยมันไปมาเบา ๆ
สควอโล่สะบัดหน้าเบี่ยงสายตาจากอีกฝ่าย “ ทำไมฉันต้องโกรธแก ในเมื่อคนที่ยิงบอสไม่ใช่แกสักหน่อย ”
“ แต่... ”
“ หุบปากแล้วกินไป ”
ความเงียบก่อกุมมื้ออาหารนี้อีกครั้ง สควอโล่ที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรหันกลับมองคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ดวงตาสีน้ำตาลดูหมองลง อาหารในจานก็ไม่ได้ยุบลงไปเลยสักนิด เสียงช้อนส้อมที่เขาได้ยินอยู่ตลอดมันก็แค่เสียงที่ดังเพราะคนถือเขี่ยมันให้กระทบจานเท่านั้น
“ ถ้าไม่อร่อยก็บอกมา...คราวหลังฉันจะได้ให้เขาทำอะไรที่นายกินได้ ”
สึนะรีบส่ายศีรษะเป็นพัลวัน “ ไม่ใช่ครับ ๆ มันอร่อยมาก แต่ผมแค่ทานอะไรไม่ค่อยลงเท่านั้นเอง ”
“ ก็นั่นแหละที่เขาเรียกว่าไม่อร่อย.... ”
ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดีเลย ความเข้าใจของคนนี่เป็นเรื่องที่แก้ได้ยากจริง ๆ สึนะเลยตัดสินใจเงียบและรวบช้อนส้อมเข้าที่ดีกว่า เพราะยังไงเขาก็ไม่มีอารมณ์จะกินต่ออยู่ดี
ในระหว่างที่เดินกลับห้องทำงาน สึนะนึกอะไรขึ้นมาได้ “ สควอโล่.... ”
“ อะไรอีกล่ะ.... ”
“ คือ....นายช่วยมาทานอาหารเป็นเพื่อนฉันจนกว่าฉันจะหมดหน้าที่ที่นี่ได้ไหม? ”
อีกแล้ว....สควอลโล่รู้สึกว่าวันนี้เขาได้เจอเรื่องอะไรไม่คาดฝันบ่อยเสียเหลือเกิน แม้จะได้ยินคำล่ำลือเกี่ยวกับบอสคนนี้ของวองโกเล่มาบ้างก็เถอะ แถมก็เคยได้เจอกันอยู่บ้าง แต่ไม่ได้สนิทหรืออยู่ใกล้กันขนาดนี้ ก็เลยไม่รู้ว่าจริงเท็จเป็นไงกันแน่
ประจักษ์กับตาก็คราวนี้แหละ “ ทำไมต้องเป็นฉัน? ”
“ ก็....ฉันไม่เคยเห็นคนอื่นอีกเลยอ่ะ ” เออ...ถามตรง ๆ ก็ตอบตรง ๆ คนฟังกุมขมับเครียด
ทำไมเขาต้องคอยมาดูแลไอ้เด็กบ้านี่ด้วยนะ!! “ เออ!! แต่บอกไว้ก่อนอย่าทำอะไรให้ฉันหงุดหงิด ไม่งั้นพ่อจะสับให้เละเป็นโจ๊กเลย! ”
แทนที่จะกลัวสักนิดหรือก็หาไม่ “ ขอบคุณนะ!! ” สึนะแย้มยิ้มรับ ก็คงจะกลัวหรอกนะ....ในเมื่อผู้พิทักษ์ของเขายังมีคนที่คิดว่าน่ากลัวกว่าสควอโล่ตั้งเยอะนี่นา
ไม่รู้ว่าคนรอบข้างจะคิดกันไปเองไหม แต่เท่าที่มองเห็นในตอนนี้ บอกได้อย่างเดียวว่าสควอโล่และสึนะดูสนิทกันมากกว่าปกติ ชายหนุ่มดูจะเปิดเผยมากขึ้น ซ้ำยังชอบโวยวายใส่บอสตัวเล็กแห่งวองโกเล่ด้วย มันเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างหนึ่งว่าสควอโล่เริ่มจะสนิทใจกับสึนะ
สึนะเองที่เป็นคนเข้ากับคนง่ายอยู่แล้วก็รู้สึกดีมาก ๆ เมื่อได้อยู่กับสควอโล่ แม้จะปากไม่ค่อยดีเหมือนฮิบาริ ขี้โวยวายเหมือนคุณพี่ หรือบางครั้งก็ดูอ่านยากเหมือนยามาโมโตะ แต่กระนั้นเขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกัน
“ นี่สควอโล่... ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นระหว่างทานอาหารเย็น
ดวงตาสีเทาหันมอง “ หืม? ”
“ นายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่านายหงุดหงิดอะไร....ตอนนั้นน่ะ ” สึนะกล่าวถึงเหตุการณ์ในตอนแรกที่เขาเข้ามาทำงานแทนแซนซัส ใบหน้าของชายหนุ่มดูไม่พอใจมากเมื่อเห็นเขา
สควอโล่ถอนหายใจหนัก “ แกนี่นะ....จะอยากรู้ไปทำไมกัน เรื่องของตัวก็ไม่ใช่ ”
“ ก็มันอยากรู้นี่นา.... ”
“ นั่นก็เพราะ..... ” จู่ ๆ คนพูดก็นิ่งเงียบไป สควอโล่รู้สึกแปลกใจตนเองอย่างมาก ตอนแรกเขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่บอกใคร ยิ่งเจ้าหนูนี่ด้วยแล้วมันก็ยิ่งไม่สมควรจะบอก แต่แล้วทำไม....ทำไมถึงได้.....?
สึนะเงยหน้ามองอย่างตั้งใจฟัง “ เพราะ? ”
“ ไม่มีอะไร... ”
“ ได้ไง....เมื่อกี้นายจะบอกฉันอยู่แล้วนะ ”
ร่างสูงลุกขึ้นยืน ทำท่าจะเดินออกไปเพื่อหนีความรำคาน “ แกกินไปแล้วกัน เดี๋ยวอีกสักพักฉันจะมาหา ”
“ อะ....อ้าว....เฮ้!! ”
สึนะรู้สึกเหมือนว่าวันแรกของการมาคฤหาสน์แห่งนี้กลับคืนมาอีกครั้ง เขาพยายามที่จะลุกตามอีกฝ่ายไป แต่พอเปิดประตูห้องอาหารออกไปภายนอก มันก็ไร้เงาและวี่แววของคนแล้ว ไม่มีใครอยู่.....นอกจากเขา
สควอโล่ไม่ได้มารับเขาตามที่บอก แต่เป็นลุซซิเรียที่มาทำหน้าที่แทน โดยเธอบอกว่าสควอโล่ติดงานสำคัญด่วนไม่สามารถมาทำหน้าที่นี้ได้ชั่วคราว และสึนะคิดว่าชั่วคราวนั้นก็คงยาวไปจนกว่าเขาจะกลับวองโกเล่
เขาไม่เข้าใจว่าเขาทำผิดอะไร? เขาพูดไม่ดีออกไปงั้นหรอ? หรือว่าถามในเรื่องที่ไม่สมควรจะถามออกไป? ทำไมล่ะ....แล้วทำไมถึงไม่ต่อว่าเขา ไม่ตะโกนด่าเขาอย่างที่ควรจะเป็นล่ะ
“ ทำไมถึงไม่ทำแบบนั้นล่ะ.... ”
ลุซซิเรียมองใบหน้าหวานที่สลดลงอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่รู้หรอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างคนทั้งคู่ แต่ที่เขาสังเกต สัญชาตญาณบางอย่างมันบ่งบอกให้รู้ถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน สควอโล่เปลี่ยนไปในชั่วไม่กี่วัน เพราะใครกัน? สิ่งที่สควอโล่ไม่เคยทำกับคนอื่นแม้กระทั่งบอสตัวเอง นั่นหมายถึงอะไรกัน?
“ หมอนั่นก็เป็นแบบนี้แหละ...พอไม่รู้จะพูดยังไง พอสับสนขึ้นมาหน่อย ก็หนีท่าเดียว... ”
“ แต่....แต่ผมคงพูดจาไม่ดีไปจริง ๆ ” สึนะว่า
ลุซซิเรียเดินไปยังโต๊ะทำงาน “ โถ....อย่าคิดมากสิจ๊ะ อยากรู้ว่าเป็นอะไร คาใจนักก็ไปถามเลยสิ ”
เธอไม่ได้แนะนำเปล่า ยังบอกห้องพักของสควอโล่ให้เสร็จสรรพ หลังจากสึนะกลับเข้าห้องพัก อาบน้ำแต่งตัวแล้วนั่งขบคิดอะไรคนเดียวอยู่ชั่วครู่ เขาก็ตัดสินใจลุกออกไป อย่างน้อยก็ต้องถามให้รู้เรื่อง จะได้ไม่มีเรื่องคาใจก่อนกลับสู่วองโกเล่
แล้วเขาก็รู้สึกว่าตนเองคิดผิดอย่างรุนแรง ที่ออกมาเดินในคฤหาสน์วาเรียมืด ๆ แบบนี้คนเดียว “ ซะ....ซวยแล้ว.... ”
เขาไม่ได้กลัวผีนะ แต่แค่ไม่ชอบเท่านั้นเอง ดวงตาสีน้ำตาลกวาดมองไปรอบ ๆ พยายามเดินให้หลังติดกำแพงมากที่สุด ไปตามทางที่ลุซซิเรียบอก ปากบางท่องมันแทบจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับลมหายใจ อย่างน้อย...จำทางกลับห้องไม่ได้ ก็ต้องมุ่งสู่จุดหมายเท่านั้น
ในระหว่างที่เดินอยู่นั่นเอง สึนะก็รู้สึกเหมือนตนเองเห็นเงาดำ ๆ เงาหนึ่งพาดผ่านไป เขาพยายามจะไม่คิดและมองมัน สองขาเรียวก้าวเดินจนแทบจะวิ่ง “ ไม่มีอะไร ๆ ”
แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดฤทธิ์เมื่อจู่ ๆ มีมือมือหนึ่งมาแตะที่บ่าของเขา สึนะทรุดลงอย่างหมดแรง ปากร้องตะโกนเรียกชื่อคนที่ตนเองนึกถึงอยู่ในขณะนั้น “ สควอโล่!!!ช่วยด้วย!!!! ”
“ อะไรของแก....เรียกทำไม แล้วใครใช้ให้มาเดินดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้ ”
พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครสึนะก็ทุ่มแรงทั้งหมดที่มีโผเข้ากอด ร่างสูงกว่าซึ่งไม่ได้ตั้งหลักถึงกับเซถลาก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น พอจะอ้าปากด่าก็ดันมีตัวอะไรไม่รู้กอดเข้าแน่น แถมยังร้องไห้โฮแบบเด็ก ๆ อีก
คำด่าเลยกลืนหายเข้าไปในคอหมด “ อะไรของแก.... ”
อีกฝ่ายไม่พูด ยังคงเอาแต่ร้องไห้แล้วกอดเขาแน่นอยู่แบบนั้น พอสควอโล่บอกให้ยืนขึ้นเพราะนั่งทับเขาอยู่ก็ไม่ยอม จนชายหนุ่มต้องเป็นฝ่ายอุ้มแล้วพาเดินไปเอง ไม่อย่างนั้นต้องได้ตื่นมากันทั้งคฤหาสน์แน่ ๆ
“ สงบใจได้รึยัง? ” เสียงทุ้มเอ่ยขณะส่งโกโก้ร้อนให้ ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่อยู่ในห้องนอนของสควอโล่
สึนะที่นั่งอยู่บนโซฟาพยักหน้าขึ้นลง “ อือ....ขอโทษนะที่ทำให้เดือดร้อน ”
“ แล้วนายมาที่นี่ทำไม? ทำไมถึงออกมาเดินมืด ๆ คนเดียว? ”
“ ฉันก็แค่..... ” ดวงตาสีน้ำตาลเงยมองร่างที่ยืนพิงกำแพงอยู่ไม่ห่างกันนัก “ อยากคุยกับนายให้เข้าใจก่อนจะกลับวองโกเล่ก็เท่านั้น ”
เขาก้มหน้าลง “ ขอโทษที่ทำให้นายไม่พอใจ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นเลยจริง ๆ ”
สควอโล่คิดหนักก่อนจะถอนหายใจยาว ให้ตายเถอะ...ออกมาเดินตามหาเขาเพราะเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ ทำไมถึงต้องสนใจนัก ทำไมถึงต้องแคร์ความรู้สึกคนอื่นมากมายขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็ยืนอยู่ในจุดสูงสุดแท้ ๆ ในจุดที่ทุกคนต้องยอมก้มหัวให้
“ ฉันไม่ได้โกรธแก ” ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาใกล้
“ แต่นายไม่พอใจ....นายไม่ได้... ”
คนฟังแทรกขึ้น “ ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าติดงานด่วน แกนี่ยังไงนะ... ”
ความเงียบก่อกุมขึ้นภายในห้องนอนกว้าง ชายหนุ่มนั่งลงฝั่งตรงข้ามกัน พลางเสตามองออกไปยังท้องฟ้าสีดำมืดด้านนอก จริง ๆ แล้วมันก็ถูกอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจนั่นล่ะ เขากำลังหนี......หนีจากตัวเอง หนีจากความสับสนที่จู่ ๆ ก็ก่อตัวขึ้นของตัวเอง น่าแปลก....น่าแปลกนักที่คนอย่างเขากลับมีความคิดแบบนี้
กลัว.....กลัวอะไร และทำไม...
“ งั้นฉันก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะ....ขอโทษที่รบกวนนะ ” สึนะวางแก้วในมือก่อนรีบลุกขึ้นยืน หันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เหมือนจงใจจะไม่มองคนที่นั่งอยู่
สควอโล่หูไวแล้วก็ไม่ได้โง่ น้ำเสียงเมื่อครู่มันสั่นไหวเกินกว่าจะเป็นเสียงของคนที่มีอารมณ์ปกติ “ เดี๋ยว...กลับคนเดียวเดี๋ยวก็หลงอีก ฉันจะไปส่ง ”
“ ไม่เป็นไร ฉันรบกวนนายมามากแล้ว นายพักผ่อนเถอะ ” ว่าแล้วก็เร่งเดินออกจากประตูห้องไป
ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะวิ่งตามออกไป เขาคว้าเขาแขนเรียวเล็กนั่นไว้แน่น รั้งไม่ให้ขยับไปไหน สควอโล่รู้สึกหงุดหงิดจริง ๆ ทำไมถึงพูดอะไรไม่ฟังกันบ้าง ชอบหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ!!
“ พูดอะไรก็ฟังเสียบ้างสิ!! แล้วนั่นนายเป็นอะไร ร้องไห้รึไง? ”
ร่างเล็ก ๆ นั่นสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาพยายามมองผ่านความมืด สึนะสะดุ้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจะล่วงรู้สิ่งที่พยายามปกปิดเอาเสียแล้ว เขากลืนมันลงคอ สูดหายใจลึก แล้วข่มเสียงให้เป็นปกติ
“ เปล่า...พอดีอากาศมันหนาว ๆ น่ะ แต่จริง ๆ นะฉันกลับเองได้ นายไม่ต้องไปส่งหรอก ”
ดวงตาสีเทามองแผ่นหลังคนพูด “ แล้วทำไมถึงไม่มองฉัน ”
“ ถ้าไม่ได้เป็นอะไรทำไมไม่หันหน้ามาคุยกับฉัน? ”
ความอดทนสุดท้ายพลังทะลาย น้ำตาที่พยายามเก็บกดไว้เอ่อล้นออกมาอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาสีน้ำตาลได้แต่ก้มลงมองผืนพรมสีแดงที่ชุ่มไปด้วยน้ำตาของเขา แต่กระนั้น...เสียงสะอื้นที่ควรมีก็กลับไม่ปรากฏ
ทำไมจะไม่รู้.....รู้ดีที่สุด สควอโล่กัดฟันกรอดอย่างขัดใจ “ โธ่เว้ย!! ”
สึนะสะดุ้ง “ ขอโทษครับ....ผมขอโทษ ” เขาทรุดนั่งลงกับพื้น ทั้ง ๆ ที่แขนตนเองยังคงอยู่ในมือของอีกฝ่าย
“ บ้าเอ้ย!! ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธนาย ” สควอโล่ดึงร่างเล็กให้เขามาอยู่ในอ้อมแขนตนเอง เขาโอยกอดอีกฝ่ายไว้แน่น “ อย่าทำให้ฉันสับสนมากไปกว่านี้ได้ไหม!! ”
บอสหนุ่มเริ่มไม่เข้าใจกับคำพูดของอีกฝ่ายนัก “ สคอวโล่.... ”
“ ฉันโกรธตัวเองต่างหากที่ไม่สามารถปกป้องใครได้ แล้วที่ฉันไม่ไปหานายวันนี้ก็เพราะฉันหนี เออ!!ฉันมันงี่เง่าเองนั่นแหละ!!! ”
สึนะเริ่มงงหนัก ไป ๆ มา ๆ ตกลงใครผิดกันแน่ แต่เขาก็ถามอะไรไม่ออกหรอก เพราะตอนนี้อ้อมกอดที่เขากำลังพักพิงอยู่มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน...
จิตใจเต้นไม่เป็นระส่ำ....เขาผิดปกติรึเปล่านะ?
ไม่สิ....ความจริงเขาคงผิดตั้งแต่สนใจสควอโล่มากกว่าที่ควรจะเป็นแล้ว “ ขอโทษนะ... ”
“ แล้ว.....สรุปแล้ว....ไม่ได้โกรธฉัน? ”
“ เออ....หยุดร้องไห้ได้แล้ว น่ารำคาญ! ”
สึนะพยายามจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา “ เอ่อ..... ”
“ อะไรของแกอีกล่ะ? ”
“ ปล่อยก่อนได้ไหม....มัน....เช็ดหน้าไม่สะดวกอ่ะ... ” พอรู้ว่าตนเองยังกอดร่างเล็กอยู่สควอโล่ก็รีบปล่อยมือทันที พลางส่งเสียงกระแอมกระไอข่มความอาย
“ กลับห้องได้แล้วจะไปส่ง ” ร่างสูงกว่าส่งมือให้
สึนะวางมือของตนลงไปแต่โดยดี รอยยิ้มอ่อนโยนทาบทับบนใบหน้า ทันทีที่เขาได้รับความอบอุ่น ทันที่ที่ผิวกายสัมผัสกัน บอสหนุ่มก็รู้ได้ทันทีว่ามันเพราะอะไร
แตกต่างจากคำว่าเพื่อนมากมายจนไม่อาจหาใดเปรียบ
“ สควอโล่.... ”
“ อะไรอีกล่ะ... ”
“ ชอบนะ.... ”
ที่มาของความสับสนก็คือความแตกต่าง
ความแตกต่างของท้องฟ้าสีแดงและสีครามอันสดใส
“ คราวหลังก็อย่าเข้ามาในจิตใจของคนอื่นเขาอย่างกะทันหันแบบนี้อีกล่ะ ”
================END==============
ความคิดเห็น