คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : EDEN (G27)
ดินแดนอันแสนงดงาม
หากแต่อ้างว้างเปล่าเปลี่ยว
ดินแดนที่ราวกับสรวงสวรรค์
หากแต่เงียบงันเศร้าสร้อย
ดินแดนซึ่งเปรียบเสมือนภาพวาด
หากแต่น่าหวาดหวั่น
เสียงสะอื้นดังระงมท่ามกลางบรรยากาศงดงามโดยรอบ ภายใต้ต้นไม้เด่นสูงตระหง่าน ร่างเล็กนั่งกอดเข่าคู้ตัวสั่นไหว โหยหาสิ่งรอบกาย ผู้คน....ความอบอุ่นที่ห่างหายอย่างเดียวดาย แม้ธรรมชาติจะพากันปลอบประโลม ส่งสายลมโบกพัดกลีบดอกไม้และกลิ่นหอมให้ปลิวไหว แต่ก็ยังไม่เป็นผล
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลแหงนมองท้องฟ้าสว่าง มันเจิ่งนองไปด้วยหยาดน้ำใสที่ล้นทะลักอย่างเกินห้าม ใบหน้าเยาว์วัยขมวดมุ่น ริมฝีปากบางเล็กเปลี่ยนโครงไม่ได้รูปดังที่ควรจะเป็น
“ แม่จ๋า....พ่อจ๋า.... ” เด็กน้อยตัวเล็กร้องเรียกที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวในใจ
หากแต่แสงแดดที่สาดส่องกลับถูกบดบังด้วยเงาร่างหนึ่ง ชายหนุ่มสวมชุดสีดำสนิทผู้มีเส้นผมสีน้ำตาล ดวงตาคมเรียวเล็กฉายแววมุ่งมั่นแต่หากแฝงด้วยความอ่อนโยนอย่างสุดหยั่ง อีกฝ่ายค่อย ๆ นั่งลงช้า ๆ ยกมือขึ้นสัมผัสศีรษะที่กำลังต้องการกำลัง
“ เหตุใดเจ้าจึงได้มาอยู่ในดินแดนแห่งนี้ได้หนูน้อย? ” สุรเสียงกังวานแผ่วหากแต่เปี่ยมด้วยห้วงเสน่ห์เอ่ย
ดวงตาสดใสของเด็กน้อยเบิกค้างอย่างตกใจ ก่อนจะค่อย ๆ หรี่ลงกลายเป็นเสียงสะอื้นตามเดิม “ อึก...มะ..ไม่รู้ ป๋มตื่นมา กะ...ก็ไม่มีใคร อยู่...ละเลย ”
ชายหนุ่มแย้มยิ้ม พลางเอื้อมมือช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นอุ้ม “ มาสิ ”
เด็กน้อยไม่ได้ขัดขืนใด ๆ รู้สึกคุ้นเคยกับสัมผัสที่หยิบยื่นให้อย่างบอกไม่ถูก เขาพยักหน้าขึ้นลง พลางเอื้อมมือเกาะรอบคอแกร่งที่ค่อย ๆ ออกเดินไปอย่างช้า ๆ แน่น
“ จะพาไปไหนเหยอฮับ? ” เสียงใสเอ่ยถาม แรงสะอื้นเริ่มลดลงเมื่อรู้สึกถึงใครสักคนที่หยิบยื่นความอบอุ่นมาให้
“ แล้วเจ้าก็จะรู้เอง ”
ทางเดินที่ผ่านมาไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย มันมีเพียงแค่ทุ่งกว้าง ต้นไม้ที่เหมือน ๆ กันตั้งเรียงราย แสงแดดอ่อน ๆ ลำธารเล็ก ๆ ไหลคอดเป็นสายอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด และสายลมเท่านั้น
เหมือนกับมนุษย์....ที่มีทุกอย่างเหมือนกัน
แต่กลับยากจะหยั่งรู้ได้ถึงความคิด
“ พี่ชายเก่งจังเยยฮับ ” เสียงที่เงียบไปนานเอ่ยขึ้นพร้อมกับความสนใจของคนฟัง
“ ทำไมรึ? ”
ดวงตาสีเดียวกันสบมอง “ ก็ป๋มเห็นมันเหมือน ๆ กานไปหมด แต่พี่ชายก็เดินได้ ไม่หลงด้วย เก่งจังเยย ”
ร่างสมส่วนเปล่งเสียงหัวเราะเบา ๆ ดูเป็นการเอ็นดูเสียมากกว่าเยาะเย้ยถากถาง เขายกแขนอีกข้าง ชี้ไปยังสุดขอบฟ้าที่อยู่ไกลแสนไกล ก่อนวกกลับมาชี้ที่จุดเดิมซึ่งเคยเดินผ่าน ราวกับต้องการสื่อความหมายอะไรบางอย่างให้แก่ผู้ที่อยู่ในอ้อมอกตน
“ เราอยู่ที่นี่มานานแสนนาน หากหลงสิแปลกนัก ”
“ เอ๋.....พี่ชายอยู่คนเดียวเหยอฮับ? ”
ใบหน้างดงามละเลียดรอยยิ้ม เจิดจรัสดุจแสงแห่งท้องฟ้า เส้นผมสีน้ำตาลปลิวไสวลู่ตามแรงลม ภาพอันสวยสดติดตรึงสายตาของเด็กน้อยผู้ไม่รู้ประสา
“ ต้องเหงาแน่ ๆ เลย ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบก็เข้าใจเอง
แขนเล็กโอบกอดรอบลำคอแน่น แน่นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ใบหน้าเยาว์ซุกลงกับคอขาว “ ป๋มจะอยู่เป็นเพื่อนนะ สึนะจะอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายเอง ”
การกระทำที่เรียกทั้งความแปลกประหลาดใจและเสียงหัวเราะอันรื่นรมย์ ชายปริศนาผู้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเด็กน้อยที่ถูกทิ้งอย่างเดียวดายขบขันจนออกอาการ ก่อนดวงตาที่สามารถมองทะลุได้ทุกสิ่งแม้กระทั่งจิตใจจะจ้องไปยังร่างเล็กเบื้องหน้า
อดคิดไม่ได้ว่าใครกันหนอ....ใครกันที่เป็นผู้เลี้ยงดูเด็กคนนี้ ใครกันที่คอยสั่งสอนและให้ความรักความอบอุ่น หากเติบใหญ่ ยังคงยึดมั่นในจิตใจอันแสนบริสุทธิ์ เจ้าคงเป็นท้องฟ้าที่งดงามกว่าใคร สดใสยิ่งกว่าผืนใด ๆ และยิ่งใหญ่กว่าที่แห่งไหนเป็นแน่แท้....
ยิ่งใหญ่กว่าเรา....ผู้ซึ่งเป็นท้องฟ้าผืนแรก
“ ไม่ได้ดอก...เจ้าจะอยู่ที่นี่มิได้ ”
เด็กน้อยทำหน้าสงสัย “ ทำไมอ่า??? ”
คนถูกถามคลี่ยิ้ม พลางอุ้มสึนะน้อยให้หันออกไปยังทางที่แสงสว่างกำลังสาดส่อง “ มันยังไม่ถึงเวลา ...ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะต้องอยู่ด้วยกัน ”
ใบหน้านั้นยังคงแสดงออกถึงความไม่เข้าใจ ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตแหงนมองผู้พูดไม่กระพริบ พยายามจับใจความทุกอย่างอย่างยากลำบาก เก็บทุกคำพูดมาคิดอย่างหนัก แต่กระนั้นก็ยังคงมิอาจล้ำออกไปนอกกรอบของคำว่าไม่เข้าใจไปได้
“ เจ้าแค่หลงเข้ามาในห้วงแห่งความสับสน...ความสับสนที่สามารถนำพาเจ้าไปยังดินแดนแห่งความสิ้นหวังได้โดยง่าย ”
ดวงตาเปี่ยมด้วยประสบการณ์จ้องมอง ลึกลงไปในห้วงแห่งจิตใจที่ถูกปิดกั้น การนำพาตนเองมายังสถานที่แบบนี้ ในช่วงเวลาที่ราวกับร่างกายถูกจองจำในอดีต กักขังตนเองกับความสุขในชีวิตที่ผ่านพ้น หลบหนีทุกสิ่ง หลีกลี้ทุกอย่าง
อะไรที่ทำให้เจ้าหวาดกลัวได้ถึงขนาดนี้กัน?
เขาขยับร่างเด็กน้อยให้หันมองออกไป ยังแสงสว่างที่สาดส่องอยู่ไกล ๆ มันเจิดจรัสมากพอกับแสงแห่งรุ่งอรุณ แต่ไม่ร้อนแรงจนสามารถแผดเผาทุกสิ่งได้
“ ตื่นเถิด....ข้าเชื่อว่าเจ้าเข้มแข็งกว่านี้... ” เขากระซิบแผ่ว ข้างใบหูของสึนะที่กำลังเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
อาการสะอื้นที่หยุดไปนานกลับมาอีกครั้ง เด็กน้อยโผเข้าโอบรอบคอเดิมแน่น ศีรษะเล็กส่ายไหวไปมาระรัวยิ่งกว่าหนใด ร่างกายหอบโยนหนักเหมือนคนใกล้ขาดชีวิต “ มะ....ไม่เอา!!สึนะกลัว!! ”
เสียงตีโพยตีพาย คำเอ่ยอย่างขลาดเขลานั่นไม่ได้ทำให้ผู้เป็นท้องฟ้าผืนแรกลดความเชื่อถือลง หากแต่กลับแย้มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง มือแกร่งเลื่อนสัมผัสให้ความอบอุ่นด้วยการโอบกอดกลับ
มนุษย์.....แข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยความอ่อนแอ
ยิ่งอ่อนแอมากเท่าใด.....ก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
เพราะผู้ที่แข็งแกร่ง....คือผู้ที่รู้จุดอ่อนแอของตนเอง
“ ความกลัวไม่ใช่เรื่องผิดเลยเด็กน้อย เจ้าจงกลัว....และเมื่อเจ้ากลัว เจ้าจงอยากเอาชนะ ”
ริมฝีปากได้รูปจุมพิตบางเบาลงบนหน้าผากมน เด็กน้อยสะอื้นรับ “ และหากเจ้าอยากเอาชนะ เมื่อนั้นเจ้าจะแข็งแกร่ง ”
ทางแห่งความหวังจะปรากฏพร้อมกับทางแห่งความสิ้นหวัง
จงแข็งแกร่ง....และเลือกเดินในเส้นทางที่เจ้าเชื่อมั่น
ไม่รู้ว่าด้วยคำพูดหรือความอ่อนโยนที่ได้รับกันแน่ สึนะในวัยเยาว์ค่อย ๆ แปรเปลี่ยน โตขึ้นเป็นเด็กหนุ่มร่างเล็ก นัยน์ตาสดใสที่เปี่ยมด้วยความอ่อนแอกลับมาเข้มแข็งดังเดิม ความสับสนว้าเหว่ในจิตใจถูกบรรเทาลงด้วยมือของบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนแห่งความเปล่าเปลี่ยวนี้
“ เจ้าคือท้องฟ้า....ที่งดงามและแข็งแกร่ง ” ชายหนุ่มยิ้มรับ มือแกร่งเอื้อมสัมผัสผิวแก้มนุ่ม
สึนะแย้มยิ้มรับ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกผูกพันเสียเหลือเกิน ไม่อยากจากไปในที่แห่งใด ไม่อยากทิ้งให้คนผู้นี้ต้องเดียวดายอ้างว้าง ไม่อยากให้ต้องอยู่ในความสวยงามที่แสนเศร้านี้เพียงลำพัง แต่กระนั้น....เขาก็ยังคงต้องกลับไป กลับไปทำหน้าที่ของตนในฐานะท้องฟ้าเพียงหนึ่งเดียว
“ ขอบคุณนะครับ ” เสียงหวานเอ่ยแผ่ว หยาดน้ำใสเอ่อล้นออกมาอีกครา หากแต่ครั้งนี้มันถูกกลั่นออกมาจากความรู้สึกเบื้องลึก หาใช่ความงอแงเศร้าสร้อยอย่างที่ผ่านมา
“ ข้าจะเฝ้ามองดูเจ้า รอคอยเจ้า เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมเราจะได้พบกันอีกครั้ง... ”
กลีบดอกไม้มากมายปลิวละล่องโอบล้อมร่างทั้งสอง มือของชายหนุ่มเอื้อมคว้า กอบกุมเอาดอกไม้ดอกหนึ่งไว้ในกำมือ ก่อนค่อย ๆ คลายออกมาเบื้องหน้าอีกฝ่าย เผยให้เห็นดอกไม้สีขาวสวยสด กลีบดอกบางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ
“ ถือว่ามันคือสัญญา...ว่าข้าจะรอเจ้าที่นี่ ” เขาวางมันลงบนมือเล็กนุ่ม
สึนะมองดอกไม้ในมือ “ ครับ....ผมจะกลับมาแน่นอน มาหาคุณที่นี่ มาอยู่กับคุณที่นี่ ”
ร่างบางเขย่งตัวขึ้นสูงพอเอื้อมคว้ารอบคอ เขาโอบกอดชายผู้เป็นความหวังและกำลังใจในยามท้อแท้ไว้แน่น เป็นอีกครั้งที่อยากถ่ายทอดความรู้สึกและความอบอุ่นทั้งหมดส่งคืนให้
“ แล้วผมจะกลับมาครับ ” สึนะกำดอกไม้ในมือแน่น ก่อนจะเดินไปยังทางแห่งแสงสว่างที่ถูกเปิดกว้างออก ดวงตาของทั้งคู่ยังคงสบกัน ตราบจนแสงนั้นมลายหายไป
ทุ่งดอกไม้กลายเป็นทุ่งอันเดียวดายอีกครั้ง เหลือเพียงแค่ธรรมชาติและตัวตนของผู้ที่ยังคงยืนหยัดเท่านั้น ชายผู้ยิ่งใหญ่เปรยยิ้มน้อย ๆ คลายมือของตนออกจ้องมองสิ่งที่อยู่ภายใน
กลีบดอกไม้สีขาวถูกเด็ดออกจากดอกไม้ที่เขาเพิ่งมอบให้คนที่จากไป ....
“ นี่เป็นคำสัญญาจากผม....ว่าผมจะกลับมาหาคุณอย่างแน่นอน ”
“ แล้วข้าจะรอ....ท้องฟ้าของข้า ”
ดินแดนแห่งคำสัญญา
ร่างของเราจะถูกโอบล้อมด้วยกลีบดอกไม้
ร่างของเราจะถูกโอบล้อมด้วยสายลมเย็น
ถ้อยคำอันเป็นสัญญา
สายสัมพันธ์เราสองจะเชื่อมโยงด้วยกาลเวลา
สายสัมพันธ์เราสองจะเชื่อมโยงโดยสิ่งที่มิอาจมองเห็น
“ แล้วเราจะต้องได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง ”
===================END=================
ความคิดเห็น