คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [Vocaloid] ผลลัพธ์ของความไม่เข้าใจ (LenXKaito)
[SFic Vocaloid]
Title : ผลลัพธ์ของความไม่เข้าใจ
Pairing : LenXKaito
Author : derick
Rate : Yaoi (PG-13)
*ฟิคเรื่องนี้แต่งขึ้นตามความคิดและจินตนาการของผู้แต่ง*
ดวงตาสีน้ำเงินใสดูหม่นหมองลงกว่าทุกครั้ง ริมฝีปากที่ช่างพูด ดวงตาที่มักสอดส่ายอย่างอยากรู้อยากเห็นกลับจางหายไปจนผิดวิสัย ทำให้คนที่เปรียบเสมือนพ่ออดกังวลไม่ได้ “เป็นอะไรไปไคโตะ หมู่นี้ดูไม่สดใสเลยนะ มีอะไรผิดปกติรึเปล่า?” มือแกร่งช้อนใบหน้าอีกฝ่ายให้สบมองนัยน์ตาตน
เด็กหนุ่มแค่นยิ้ม “ไม่ครับ ไม่มีอะไรครับมาสเตอร์”
“งั้นก็เริ่มตรวจเลยแล้วกันนะ”
ไคโตะพยักหน้าพลางถอดเสื้อผ้าของตนออก แล้วเดินไปนอนเหยียดตัวตรงภายใต้แสงไฟเรืองรอง “เอาล่ะ..” มือของผู้เป็นพ่อเลื่อนขึ้นปิดดวงตาสีน้ำเงินใสให้หลับลง พลางเชื่อมต่อระบบต่าง ๆ เพื่อตรวจเช็คสภาพ
โวลคัลลอยด์ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่เป็นมนุษย์และก็ไม่ใช่มนุษย์ที่เป็นหุ่นยนต์ พวกเขาเกิดขึ้นโดยความตั้งใจของผู้สร้าง ให้กลายเป็นสิ่งที่มีพลังในการบันดาลเสียงเพลงแบบต่าง ๆ เสมือนอีกหนึ่งเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ใบกลมใบนี้
แต่ที่น่าแปลกก็คือความแตกต่างของพวกเขา โวลคัลลอยด์โดยมีโปรแกรมเป็นแบบเสียงจะไม่สามารถพัฒนาการเจริญเติบโตทางร่างกายได้เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง แต่โวลคัลลอยด์ที่มีเสียงต้นแบบจากมนุษย์ จะมีการพัฒนาร่างกายและสิ่งต่าง ๆ ไปตามปกติ
เหตุนี้ไคโตะซึ่งเป็นโวลคัลลอยด์รุ่นแรกจึงไม่อาจเติบโตขึ้นอีก ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีเขาก็จะยังคงความหนุ่มไว้จนกว่าจะถูกทำลายลง “ทุกอย่างปกติ....”
“ระบบสมอง ความคิด การเต้นของหัวใจ การหายใจ....” ชายวัยกลางคนตรวจสอบบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏ
แสงไฟภายในส่องสว่างพร้อมกับเครื่องตรวจสภาพร่างกายที่ดับลง ดวงตาสีฟ้าลืมตื่นขึ้นช้า ๆ “เรียบร้อยแล้วหรือครับ?”
“ทุกอย่างปกติดี...” มาสเตอร์เอ่ยพลางเปิดบันทุกในมือตน “พรุ่งนี้คิวเร็นสินะ รายนั้นโตวันโตคืนจริง ๆ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้ที่อยู่ภายในด้วยกัน ไคโตะก้มหน้าก้มตาสวมเสื้อผ้าที่วางพาดไว้ “แล้วผมจะบอกเร็นให้นะครับ” เขาหันมายิ้ม
“เดี๋ยวไคโตะ...” ดวงตาภายใต้กรอบแว่นจ้องมอง
“ครับ?”
เขาวางเอกสารในมือลง เดินไปหาอีกฝ่ายแล้วยกมือขึ้นวางบนเส้นผมสีน้ำเงินนุ่มเบา ๆ “มีอะไรอยากบอกกับฉันไหม?”
“ผม...” ดวงตาของเด็กหนุ่มจ้องมองตอบ “ผมอยากจะโตขึ้นกว่านี้ครับ....อยากโตกว่านี้” ไคโตะก้มหน้าลงกำมือแน่น
เพียงแค่นั้นก็พอเข้าใจอะไรได้บ้าง จากคำบอกเล่าของโวลคัลลอยด์ตัวก่อน ๆ ที่มาตรวจเช็คสภาพร่างกายไปแล้ว นอกจากจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่เหมือนกับมนุษย์แล้ว ยังมีความคิดและจิตใจที่คล้ายคลึงกันด้วยสินะ...
ความรู้สึก ชอบ ไม่ชอบ รัก เกลียด กลัว อยากทำโน่นนี่ ความต้องการต่าง ๆ ที่ทำให้โวลคัลลอยด์ไม่ใช่หุ่นยนต์...
มาสเตอร์หัวเราะ “แปลก...มีแต่คนไม่อยากแก่”
“ก็ถ้า....” ถ้าผมอายุมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น... “บางทีถ้าผมโตกว่านี้ อาจจะเข้าใจอะไรมากขึ้นก็ได้..” เข้าใจเหตุผลของความเปลี่ยนไป ของความห่างเหินและช่องว่างที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นนั่น
ดวงตาของผู้กร้านโลกมองอย่างเข้าใจ เขาเดินไปยังจอคอมพิวเตอร์ตัวเดิม “ถ้าโตไม่ได้...ลองกลับไปเป็นเด็กไหมล่ะ?”
“เอ๋?????” ไคโตะหันขวับมองอย่างตกใจ
“ไม่แน่ใจหรอกนะว่าจะสำเร็จแค่ไหน แต่พอดีฉันทดลองไว้สำหรับโวลคัลลอยด์น่ะ ตอนนี้มันยังไม่สมบูรณ์นัก เลยทำให้กลับเป็นเด็กชั่วคราว”
เด็กหนุ่มฟังมาสเตอร์ตนอธิบายอย่างสนอกสนใจ คนที่โตแล้วจะกลับไปเป็นเด็กอย่างงั้นหรือ? “แล้ว...”
“แต่ความทรงจำที่ผ่านมาก็จะหายไปด้วยนะ....จะลองดูไหม?” ความทรงจำหายไป....งั้นหรือ?
ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการสูญเสียความทรงจำ แต่ถ้ามันมีแต่เรื่องแย่ ๆ และสร้างเพียงความเจ็บปวดให้ล่ะก็....การสูญเสียความทรงจำก็คงเป็นแค่สิ่งของสิ่งหนึ่งที่หายไปจากชีวิตเท่านั้นละมั้ง?
“ครับ...ผมอยากลองดู...”
มาสเตอร์ยิ้ม “นั่นสิ....ลองเป็นคนที่ได้รับการเอาใจใส่ดูบ้างเป็นไร....”
เป็นฝ่ายที่ถูกรัก....เป็นฝ่ายที่ได้รับการดูแลบ้าง...
เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นไปทั่วบ้าน เด็กหนุ่มและเด็กสาวที่เพิ่งกลับมาถึงต่างหันหน้ามองกันด้วยความสงสัย แล้วพร้อมใจเดินไปยังบานประตูที่เปิดอ้าอยู่ พลันดวงตาสีเขียวอมฟ้าสวยเห็นอะไรบางอย่างวิ่งผ่านตนไป
“เร็นจับที!!!!” เสียงหญิงสาวตะโกนดังลั่น มือแกร่งเอื้อมคว้าเอาร่างเด็กชายตัวน้อยไว้
เขาจับร่างที่ดิ้นไม่หยุดนั่นหันหน้ามา เส้นผมสีน้ำเงิน ดวงตาสีน้ำเงินกลมโต ทำไมถึงดูคุ้นตาแปลก ๆ “นี่เด็กที่ไหนอ่ะพี่ โวลคัลลอยด์ตัวใหม่รึ?”
เมโกะยืนหอบ “มาพอดี...จะได้คุยกันทีเดียวเลย”
ดวงตาของเร็นยังคงไม่ละจากเด็กชาย มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ เพียงแต่ไอ้ความดื้อดึง เอาแต่ใจ ไม่อยู่นิ่งราวกับลูกลิงไม่ปานนี่มันค่อนข้างจะแตกต่างออกไปอ่ะนะ
“เด็กคนนี้ใครหรือคะพี่ไมโกะ?” รินเอ่ยถาม
มิคุเองก็ดูเหมือนจะสงสัยในจุดเดียวกัน เธอกลับมาก่อนหน้าสองแฝดไม่นาน แล้วก็พบกับสภาพความวุ่นวายเดียวกัน “นั่นสิ...”
หญิงสาวพี่ใหญ่ของบ้านวางอาหารเย็นลงบนโต๊ะ พลางล้างมือและปลดผ้ากันเปื้อนตนเองออกแขวนไว้ตามเดิม ยังคงไม่ลืมจะหยิบเอาเหล้าขวดใหญ่คู่ใจออกมาวางเป็นสิ่งช่วยเพิ่มรสชาติอาหาร
ทั้งสามจ้องไปยังแก้วใสที่ถูกยกขึ้นซัดรวดเดียวหมด แล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “แล้วไคจังล่ะ ยังไม่กลับมาอีกเหรอ?” เจ้าของเส้นผมสีเขียวกวาดมองโดยรอบ
นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังเด็กน้อยที่นั่งตรงข้าม “นั่นไง...”
“ไหน??” รินเอ่ยพลางมองไปโดยรอบบ้าง
เร็นเริ่มไม่สบายใจ เส้นประสาทกระตุกเหมือนกับต้องการบอกเหตุบางอย่าง ริมฝีปากบางค่อย ๆ ขยับอย่างยากลำบาก “พี่อย่าบอกนะว่า.....”
“นั่นแหละไคโตะ” เมโกะตอบ
ทั้งสามมองจ้องไปยังเด็กชายตัวน้อยซึ่งบัดนี้ตกอยู่ในอาการตื่นกลัว มิคุเริ่มเดินเข้าไปหา จับแก้มใสเบา ๆ แล้วออกแรงบีบอย่างหมั่นเขี้ยว “ตอนแรกก็นึกว่าเด็กที่ไหน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไคจังเป็นเด็กแล้วจะน่ารักแบบนี้”
“นั่นสิคะ....” รินเดินมาหยอกล้อเล่นบ้าง
แต่ดูจะผิดคาดเมื่อไคโตะน้อยไม่เล่นด้วย ริมฝีปากเล็กเริ่มเบ้อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะแหกปากร้องไห้ลั่น เมโกะได้แต่นั่งกุมขมับ นึกย้อนไปถึงสมัยที่เธอต้องเลี้ยงไคโตะ “เจ้าบ้าเนี่ยเหมือนจะเลี้ยงง่าย แต่ดันยากสุด ๆ”
พอเห็นว่ายังร้องไห้ไม่หยุด เร็นก็ลุกขึ้นปัดมือเด็กสาวทั้งสองออกแล้วช้อนร่างนั้นขึ้นอุ้ม “พวกเธอจะบ้ารึเปล่า ไปทำแบบนั้นเด็กก็กลัวหมด เขาไม่ใช่ไคโตะคนเดิมนะ”
เร็นเขย่าแขนตนเบา ๆ แม้เขาจะไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนแต่ก็พอจดจำได้ว่าควรต้องทำอย่างไร ไคโตะน้อยหยุดร้องไห้เปลี่ยนมาเป็นเสียงสะอื้นเบา ๆ แทน “ไม่เป็นไรนะ ๆ”
ใครจะเชื่อว่าคนอย่าง คากามิเนะ เร็น จะใจดีได้ถึงเพียงนี้ ที่สำคัญกับไคโตะที่จ้องจะคอยกัดตลอด แต่ที่เมโกะตกใจไม่ใช่ตรงนี้เพียงอย่างเดียว เธอตกใจมนุษย์ประหลาดนอกจากมาสเตอร์ที่ทำให้ไคโตะหยุดร้องไห้ได้ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที
“งั้นดี....ต่อไปนี้เร็นก็คอยดูแลไคโตะแล้วกัน” เธอยื่นคำขาด
เด็กหนุ่มร่างสูงหันขวับมอง “หา!!!”
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าไคโตะติดใจอะไรเธอ แต่นอกจากมาสเตอร์แล้วไม่เคยมีใครทำให้ไคโตะหยุดร้องไห้ได้ง่าย ๆ แม้กระทั่งฉัน ฉะนั้นเธอก็ต้องเป็นคนที่ดูแลไคโตะ” เมโกะอธิบาย
“แต่ผมต้องไปเรียนนะ?!”
“ในช่วงเช้าก่อนไปเรียนเธอก็เอาไปฝากไว้กับมาสเตอร์ แล้วช่วงเย็นก็ไปรับกลับมา แค่นี้คงทำได้สินะ?”
ดวงตาสีเขียวอมฟ้าจ้องมองใบหน้าเด็กน้อยที่ดูเหมือนจะค่อย ๆ เคลิ้มหลับด้วยความง่วงงุน “แต่ผมมีกิจกรรม...”
“คนอย่างนายทำกิจกรรมเป็นด้วยเหรอเร็น วัน ๆ เอาแต่เที่ยว” รินว่า ดูเหมือนเธอเองก็จะเห็นด้วยที่ให้เร็นเลี้ยงไคโตะ
“นั่นสิ....หรือจะไปฝากกับกาคุโป....ก็ดีนะ เห็นเขาก็สนิทกับไคจังดี” มิคุที่นั่งลงทานอาหารเอ่ยบ้าง ดูเหมือนหญิงสาวในบ้านต่างจะรู้ความลับอะไรหลาย ๆ อย่างที่เหล่าชายหนุ่มมองข้ามกันไป
เร็นกลืนน้ำลายฝืดคอ ให้กาคุโปเลี้ยงหรอ....ไม่มีทาง “ตกลง ผมเลี้ยงเองก็ได้”
ดูเหมือนเขาเองก็ตกใจเกินคาดเหมือนกันที่ไคโตะน้อยติดเขาแจ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถ้าตามที่ไมโกะบอกไคโตะจะสูญเสียความทรงจำในช่วงร่างโตไปจนหมด นั่นก็แสดงว่าต้องสูญเสียไปจนถึงตอนก่อนจะรู้จักเขาเสียอีก แล้วทำไมถึง.....?
มือแกร่งยื่นจับพวงแก้มของเด็กน้อยที่นอนหลับอยู่ข้างกายตนเบา ๆ “ทำไมถึงได้คุ้นเคยกับผมนัก....พี่ไค...?”
เร็นทำทุกอย่างจนกลายเป็นกิจวัตร เขาเคยชินกับการมีไคโตะน้อยเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตอย่างรวดเร็ว และทำตัวเป็นพี่ชายที่ดีคอยดูแลตลอดเวลา ตั้งตื่นนอนตอนเช้า อาบน้ำ ทานอาหาร ไปส่งให้กับมาสเตอร์ มารับกลับและพาไปเดินเล่น โดยไม่สนใจสายตาของผู้ที่มองมาด้วยอารมณ์อันหลากหลายเลยสักนิด
“ไปกินไอศกรีมกันดีไหม??” เด็กหนุ่มยิ้มให้กับที่ตนอุ้มอยู่
แขนเล็ก ๆ ชูขึ้นพลางส่งเสียงร้องอย่างดีใจ “เย้!!ไอติม ๆ” มือน้อยจับใบหน้าของพี่ชายให้เลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนหอมฟอดเข้าไปบนแก้มขาว “รักพี่ชายมาก ๆ เลย!!”
ดวงตาสีเขียวอมฟ้าสวยเบิกกว้างอย่างตกใจ ใบหน้าคมเริ่มออกสีระเรื่อ “ใครเป็นคนสอน?” ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ได้ ไอ้เรื่องแบบนี้คงมีแค่...
“พี่รินกับพี่มิคุสอนมา บอกว่าถ้าจะขอบคุณคนที่รักมาก ๆ ให้หอมแก้ม!!” ดวงตาสีน้ำเงินแย้มยิ้มเช่นเดียวกับริมฝีปากบาง
พอเห็นใบหน้าใครบางคนซ้อนทับแล้วทำเอาเขาอยากจะเป็นลมเสียตรงนี้ มือเรียวยกขึ้นปิดปากพลางหันหน้าเบี่ยงหนีไปทางอื่น “ไปกินไอศกรีมกันดีกว่านะ”
รู้สึกเหมือนข่าวการกลับกลายเป็นเด็กของไคโตะจะรั่วไหลไปอย่างรวดเร็ว เพราะทันทีที่เขากลับมาถึงบ้านพร้อมเจ้าตัวเล็ก แขกเหรื่อที่ไม่ได้เห็นหน้ามานานก็นั่งรอกันอยู่เต็ม ไม่ว่าจะเป็นกาคุโปที่เหมือนจะบินตรงกลับมาจากที่ไหนสักแห่ง ลูกะสาวแกร่งเกินร้อย อะไคโตะที่ตรงมาดูหน้า ไทโตะ ไคโกะ หรือคนอื่น ๆ ที่แห่กันมาเสียยิ่งกว่าวันรวมญาติ
และแล้วเด็กน้อยน่ารักของถูกคว้าตัวจากไป ทิ้งให้ผู้เป็นพี่เลี้ยงยืนงง “อะ...อะไรกัน.....?”
เขาหันมองหน้าคนในครอบครัวคนอื่น อยากถามเหลือเกินว่าใครมันเป็นตัวปล่อยข่าวกันว่ะ!!! แต่สุดท้ายก็ได้รับการปฏิเสธกลับมาทั้งหมด
เร็นนั่งมอง จะห้ามก็ห้ามไม่ได้ อยากจะเอาคืนเสียเหลือเกินแต่มันก็จะออกนอกหน้าเกินไป แล้วก็ต้องมานั่งปวดหัวตามเดิม....คิดแล้วก็.... “เห...” เขายกมือขึ้นกุมหน้าอก อาการที่เคยเกิดขึ้นกลับมาอีกแล้ว
หลังจากหายไปเมื่อตอนเขาอยู่กับไคโตะน้อย “บ้าชะมัด” เด็กหนุ่มกัดฟัน
ร่างสูงลุกพรวดขึ้นยืนพลางก้าวดุ่ม ๆ ไปคว้าตัวไคโตะน้อยขึ้นอุ้ม “เดี๋ยวฉันจะพาไคโตะไปหามาสเตอร์ พอดีนึกขึ้นได้ว่านัดกันไว้” ว่าแล้วก็พรวดพราดออกไปอย่างไม่รอคำคัดค้านของใคร
มีแต่รินและมิคุเท่านั้นที่หันมากลั้นหัวเราะให้กัน มือเรียวของสองสาวยกขึ้นแตะกันเบา ๆ “สำเร็จ...”
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นจ้องมองร่างสองร่างสลับกันไปมา ใจหนึ่งก็นึกดีที่คนในบ้านเริ่มจะขวนขวายเอาไคโตะคนเดิมกลับคืนมา แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าเวลาที่ไคโตะจะได้รับการดูแลมันดูสั้นเกินไป
สั้นเกินไปแน่หากผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่หวัง “มีอะไรรึเร็น ถ้าเรื่องวิธีแก้ล่ะก็....”
“ผมอยากคุยกับมาสเตอร์น่ะครับ”
ชายวัยกลางคนมองก่อนพาทั้งสองเข้ามายังด้านใน “คุยเรื่องอะไรล่ะ” เขานั่งลงกับเก้าอี้ทำงานตัวเดิม เร็นปล่อยให้ไคโตะไปไหนมาไหนเอง ดูเหมือนเด็กน้อยจะเคยชินกับบ้านหลังนี้อย่างมาก
“คือ...อีกนานไหมครับกว่าจะหาทางแก้ได้?”
อีกฝ่ายยิ้ม “ทำไมไม่ชอบไคโตะตอนนี้รึ?”
ใบหน้าคมออกสีขึ้นทันควันเมื่อรู้สึกเหมือนว่าตนกำลังถูกแหย่อยู่ “ใครจะไปชอบล่ะครับ!! ต้องมานั่งดูแลเด็กเล็ก เวลาก็ไม่มี ทำอะไรก็ไม่ได้!”
“แย่จังน้า...” มาสเตอร์ว่าพลางมองเลยตัวเขาไป
เร็นหันมองตาม ไคโตะน้อยยืนนิ่งอยู่ ในมือถือถ้วยไอศกรีมแน่น “ไค....โตะ...”
เด็กน้อยหันหลังวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว เร็นทำท่าจะลุกขึ้นตามแต่โดนห้ามไว้ “ไม่ต้องตามไปหรอก อยู่คุยกับฉันนี่แหละ”
“แต่!!”
ชายหนุ่มยกกาแฟขึ้นดื่มช้า ๆ “อยากจะปลดภาระออกจากตัวไม่ใช่หรือไง? ฉะนั้นต่อไปนี้ฉันจะเลี้ยงไคโตะเอง จนกว่าเจ้านั่นจะคืนร่างเดิม”
ดวงตาคมปราดมองร่างที่ยืนกำมือแน่น “ตกลงแบบนั้นแล้วกันนะ?”
“ผมจะเอาไคโตะกลับไป” ดวงตาสวยมองเป็นมั่น
มาสเตอร์หัวเราะ “คงยากสักหน่อย...”
“ยาก?”
“ฉันจะบอกอะไรให้ ไคโตะน่ะแต่เล็กมาเป็นคนที่ไวกับการเปลี่ยนแปลงของคนรอบข้างมาก โดยเฉพาะกับคนสำคัญแล้ว หากใครเปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าจะนิสัย ท่าทางหรือการแสดงออก เพียงแค่นิดเดียวหมอนั่นก็รู้”
เร็นนิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ฟัง... “ก่อน...ก่อนที่พี่ไคจะกลายเป็นเด็กได้พูดอะไรไหมครับ?”
ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง แต่รับรู้ได้ถึงต้นเรื่อง สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงไปในครั้งนี้คงมีส่วนมาจากตน ไม่มากก็น้อย....เขาค่อนข้างจะมั่นใจตรงจุดนี้ “ได้พูดอะไรเกี่ยวกับผมใช่ไหม?”
คนฟังดูจะทึ่งเล็กน้อยที่อีกฝ่ายกล้าถามออกมาตรง ๆ “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขาหมายถึงเธอไหม แต่เห็นบอกว่าอยากโตขึ้น อยากรับรู้อะไรให้มากกว่านี้ เผื่อว่าจะเข้าใจใครบางคนมากขึ้น”
เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกำหน้าอกแน่น ที่ไม่เข้าใจ ที่เปลี่ยนแปลงไป ที่เป็นคนทำให้เสียใจ คือตัวของเขาเองสินะ...การออกห่างเพื่อหนีความจริงบางอย่าง มันทำร้ายอีกฝ่ายอย่างร้ายแรงสินะ...
“ตอนนี้เธอกลับไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวถ้าไคโตะดีขึ้นฉันจะพาไปส่งเอง เด็กน่ะแปปเดียวก็ลืม...”
เขาจงใจเว้นจังหวะ “แต่ผู้ใหญ่น่ะ...มันตรงกันข้ามกันนะ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นตบบ่าแกร่งเบา ๆ พลางเดินออกไปจากห้อง ๆ นั้น
เร็นมองมือของตนที่กำลังสั่นไหว “นี่ฉันทำบ้าอะไรลงไป....”
ดวงตาสีฟ้ามองร่างที่เดินก้มหน้าจากไปทางหน้าต่างห้องนอนชั้นบน เสียงเปิดประตูเบา ๆ เรียกให้ร่างเล็กวิ่งเข้าหา ไคโตะซบหน้าตนลงกับขายาวของผู้เปรียบเสมือนพ่อ กอดมันแน่นไม่ปล่อย
“อย่าร้องสิ...เร็นเขาพูดเล่นน่า” มาสเตอร์ว่า มือทั้งสองช้อนร่างของเด็กชายขึ้นอุ้ม พลางเช็ดคราบน้ำตาน้ำมูกที่ไหลปะปนกันให้
“ผะ...ผมเป็นเด็กไม่ดีหรอ...”
“ไคโตะน่ะเป็นเด็กดีจะตาย”
“ทำไมพี่ชายถึงไม่ชอบผม...” เด็กน้อยก้มหน้า
คนฟังหัวเราะ “ใครว่า...”
“เอาล่ะ....ได้เวลากลับเป็นคนเดิมแล้วล่ะมั้งไคโตะ?” เขายิ้มกว้างให้
กลับไปดูผลของโจทย์ปัญหาที่ถูกสร้างไว้
ตั้งแต่กลับถึงบ้านเร็นก็ตรงเข้าห้องนอนตนเองทันที ไม่ว่าใครจะเรียกหรือถามอะไรเขาก็ไม่ยอมตอบ เด็กหนุ่มเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง นั่งคิดถึงสิ่งที่ตนเองทำ นั่งคิดถึงคำพูดของมาสเตอร์ โดยเฉพาะคำพูดสุดท้ายนั่น
“ไม่ว่าจะเป็นยังไงขอให้พวกนายมีความสุขก็พอ คนเป็นพ่อเขาก็คิดกันแบบนั้นล่ะนะ”
“ไม่ว่าจะเป็นยังไง....งั้นหรอ?” เขามองมือของตนเองที่แผ่กว้างออก
เมโกะตัดสินใจโทรถามมาสเตอร์เพราะหลาย ๆ คนเริ่มเป็นห่วงไคโตะน้อยกันจนวุ่น พอสุดท้ายได้คำตอบว่าอยู่กับมาสเตอร์ก็สบายใจ เลยแยกย้ายกันกลับที่พักของตน
รินกับมิคุนั่งมองหน้ากัน “เกิดอะไรขึ้นกันนะ?”
“นั่นสิ...เร็นทำหน้าอย่างกับคนอกหัก หรือว่ามาสเตอร์จะไม่ยกพี่ไคให้เร็น!!” รินร้องอย่างตกใจ
มิคุส่ายศีรษะไปมา “ไม่หรอกมั้ง มาสเตอร์ไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย ที่สำคัญพวกเราก็บอกไปแต่เรื่องดี ๆ ทั้งนั้นนี่นา”
“สงสัยเร็นจะน้อยใจที่ไม่ยอมให้ไคโตะกลับมาด้วยมั้ง” เมโกะที่ได้ยินบทสนทนาพูดขึ้นบ้าง
“พี่เมโกะรู้เหรอ?”
ริมฝีปากสีแดงแย้มยิ้ม “ฉันอายุเท่าไหร่แล้ว อาบน้ำร้อนมาก่อนนะยะ”
ทั้งสามมองหน้ากันก่อนหัวเราะคิกคัก “ให้ตายเถอะ...รีบ ๆ ทำอะไรเข้าสักอย่างสิเร็นเอ้ย!!”
เสียงเรียกแสนคุ้นเคยปลุกให้เร็นต้องลืมหนังตาอันหนักอึ้งขึ้นอย่างยากลำบาก อาจเพราะเมื่อคืนคิดมากเกินไปทำให้กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า แล้วนี่พอจะลืมตาตื่นขึ้นคนปลุกก็ดันเปิดม่านเสียจนแสงสว่างส่องเข้าลูกนัยน์ตาเขาอีก คิดแล้วน่าโมโหชะมัด....
แต่ไอ้การกระทำแบบนี้.... “พี่ไค...?” เขาพยายามมองคนที่ยืนอยู่ภายใต้แสงของอรุณอันสว่างไสวนั่น
“ก็พี่เองน่ะสิ! อะไรกันพอไม่ปลุกก็ไม่ยอมตื่นเลยนะ ไหนว่าโต....หวา!!!!” ร่างในชุดสีขาวยืนพร่ำบ่น ทำตัวเป็นดั่งเช่นปกติ แต่ในขณะที่พูดอยู่นั้นเขาก็ถูกมือแกร่งของผู้ที่เพิ่งตื่นนอนฉุดรั้งอย่างเต็มแรง
ทำเอาคนไม่ทันตั้งหลักต้องโอนอ่อนตามไป “เจ็บ ๆ อะไรกันเร็น?”
คนถูกถามโอบกอดเขาไว้แน่น แน่นจนหายใจแทบไม่ออก ไคโตะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่การกระทำของเร็นในตอนนี้มันทำให้เขานึกถึงเมื่อสมัยยังเล็ก เวลาที่เร็นกลัวอะไรมาก ๆ ก็มักจะกอดเขาไว้แน่น ไม่ยอมพูดหรือปริปากอะไรสักคำ
ผู้เป็นพี่ยิ้ม ยกมือขึ้นลูบเส้นผมสีทองด้านยาว “กลัวอะไรของเรากัน? โตป่านนี้แล้วนะ” เขาหัวเราะ ยิ่งอยู่ใกล้กันแบบนี้ยิ่งทำให้เขารู้ถึงความแตกต่างของร่างกายในอดีตกับปัจจุบัน
จากร่างเล็กที่เขาโอบกอดได้เต็มแขน กลายเป็นเด็กหนุ่มตัวสูง แผ่นอก ไหล่ และแผ่นหลังที่ทั้งกว้างและแข็งแกร่ง กล้ามเนื้อที่มีแม้ไม่มากจนเห็นเป็นรูปร่างใหญ่โตแต่ก็สัมผัสได้ถึงความสมบูรณ์อย่างเหมาะสม
“ขอโทษ....”
ดวงตาสีน้ำเงินเบิกกว้าง “เห?”
ร่างที่ยังคงกอดเขาไว้แน่นเอ่ย “ขอโทษที่ผมทำให้พี่ต้องลำบากใจ”
“ลำบากใจเรื่องอะไรกัน?” ไคโตะแสร้งทำเป็นไม่รู้ แต่ในใจกลับปรากฏความขุ่นข้องชัดเจน
“จริง ๆ แล้วผมกลัว...” วงแขนแกร่งคลายออก
ไคโตะที่ซบอกอีกฝ่ายอย่างไม่เป็นท่าพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ไม่สะดวกนักเพราะอีกฝ่ายยังคงไม่ยอมปล่อยเขา “กลัวอะไรกัน? นายโตจนป่านนี้แล้วนะเร็น” เขาหัวเราะพลางยกมือขึ้นลูบเส้นผมนุ่มของเด็กหนุ่มเบา ๆ
เร็นซุกหน้าลงกับอกของคนที่นั่งคุกเข่าอยู่บนตักของเขา “กลัวจะเสียพี่ไป กลัวว่าถ้าผมทำตัวเหมือนเดิม ใกล้ชิดพี่เหมือนเดิม สักวันผมจะอดใจไม่ไหว....”
ยิ่งฟังก็ยิ่งงง แต่ไคโตะก็ไม่ได้คิดจะพูดแทรกขึ้น เขาเองคิดว่าควรจะหยุดฟังสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจของอีกฝ่ายก่อนมากกว่า อย่างน้อยก็เพื่อดูว่าอะไรที่ไม่เข้าใจ อะไรที่สมควรจะปรับให้ตรงกัน
“ผมพยายามอดทนอย่างมาก จนเมื่อคิดว่าจะต้องถูกพี่เกลียด คิดว่าจะต้องสูญเสียพี่ไปจริง ๆ ผมถึงได้รู้...”
ใบหน้าคมเงยหน้าขึ้นมอง มือข้างหนึ่งยกขึ้นสัมผัสแก้มเนียนใส “ผมทนไม่ได้ถ้าไม่มีพี่อยู่ ทนไม่ได้ที่จะไม่เห็นพี่ ทนไม่ได้ที่จะไม่มีพี่อยู่ข้าง ๆ”
ริมฝีปากที่พูดอยู่เมื่อครู่ขยับเข้าใกล้ ไคโตะที่มัวแต่นิ่งอึ้งจึงไม่ทันได้ตั้งตัว “ผมรักพี่...” เร็นประกบริมฝีปากตนเองกับริมฝีปากบางนุ่ม
“อะ....อะ...หวา...” พออีกฝ่ายถอนจุมพิตออกผู้เป็นพี่จึงได้รู้สึกตัว ใบหน้าหวานออกสีแดงจัด มือทั้งสองยกขึ้นจับผ้าพันคอคู่ใจยกขึ้นปิดหน้าตน
เร็นมองปฏิกริยานั้นพลางจูบลงไปข้างแก้มใส “ผมรักพี่นะ....ขอโทษที่เป็นแบบนี้ แต่ผมห้ามตัวเองไม่ได้จริง ๆ ”
อีกฝ่ายไม่ตอบ ยังคงปิดหน้าปิดตาพร้อมกับส่ายศีรษะไปมาอย่างแรง เด็กหนุ่มเห็นก็รู้สึกงง “พี่?”
ไคโตะยังคงไม่ตอบ เร็นยิ่งรู้สึกไม่สบายใจหนัก “พี่คงเกลียดผมสินะครับ...ขอโทษนะ แต่นี้ไปผมจะพยายามไม่ทำอีก...”
พอได้ยินน้ำเสียงที่เศร้าสร้อยนั้นดวงตาสีน้ำเงินก็รีบลืมมอง “ไม่ใช่นะ!!!พี่ไม่ได้เกลียดเร็น!!!” เขาตอบรับอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่เบี่ยงหลบไปหันกลับมาอีกครั้ง
“ไม่ได้เกลียดผม?”
ไคโตะพยักหน้า “อื้อ....”
เร็นเปรยยิ้มบาง พลางจุมพิตลงบนริมฝีปากสีอ่อนนั่นอีกครั้ง “แล้วนี่ล่ะรังเกียจไหม?”
ไคโตะก้มหน้าพลางส่ายศีรษะไปมา คนมองยิ้มอีกครั้ง มือหนึ่งยกขึ้นรองด้านหลังอีกฝ่าย อีกมือออกแรงดันร่างนั้นให้นอนลงบนเตียงเบา ๆ จากฝ่ายที่ถูกนั่งทบอยู่กลายเป็นฝ่ายคร่อมทับเสียแทน
“แล้วแบบนี้ล่ะ...” จุมพิตที่เคยสัมผัสเพียงบางเบากลับลึกซึ้งขึ้นทันควัน เร็นละเลียดลิ้นบนกลีบปากที่ปิดแน่นเพื่อให้มันเปิดอ้าออก เพียงเล็กน้อยลิ้นร้อนก็แทรกเข้าไปสู่ภายใน วาดวนดื่มด่ำความหอมหวานจนเต็มปอด
ดวงตาสีน้ำเงินหยาดเยิ้มไปด้วยอารมณ์ประหลาดที่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อน สมองที่มีสติเริ่มเห็นเพียงแต่ภาพสีขาวและความว่างเปล่า สิ่งที่รับรู้ตอนนี้มีเพียงริมฝีปากและมืออุ่น ๆ ที่เลื่อนไปเรื่อยบนร่างตนเท่านั้น
“อะ...” ไคโตะเปล่งเสียงเบา ๆ เมื่อโดนสัมผัส
เร็นเลื่อนตัวขึ้นมองใบหน้าหวานที่ออกสีแดงจัด ลมหายใจร้อนรรดใบหน้าที่เคลื่อนเข้าใกล้ “ผมรักพี่นะ...”
ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากไปกว่านี้เสียงบานประตูก็เปิดออกกระแทกกับผนังห้องอย่างดัง “ให้มาปลุกแล้วทำไมถึงหายกันไปทั้งคู่ยะ!!!” เมโกะตะโกน มือข้างหนึ่งยังคงถือทัพพีแน่น
แต่ดูเหมือนสายตาของเธอและเด็กสาวทั้งสองจะไปหยุดลงตรงภาพคู่ที่กำลังจะเป็นข้าวใหม่ปลามันตรงหน้าเสียมากกว่า “อุ้ย!”
รินเดินตรงไปจับบานประตู “ขอโทษที่มาขัดจังหวะนะจ๊ะ เชิญต่อตามสบาย” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงรื่นเริงก่อนจะปิดประตูลงอีกครั้ง
ไคโตะที่โดนเรียกสติกลับมาด้วยเสียงประตูก็ลุกพรวดขึ้น “ดะ....เดี๋ยว....!!”
พอทำท่าจะลุกขึ้นเดินก็ถูกอีกฝ่ายรั้งไว้ “ไปไหนล่ะพี่ พวกนั้นก็บอกแล้วว่าตามสบาย” เร็นจูบเบา ๆ ที่ซอกคอขาว
“ตามสบายอะไรเล่า!!! หยุดนะเร็น!!!!” ร่างเล็กกว่าดิ้นไปมา
“พี่รังเกียจผมหรอ?” ใบหน้าคมสลดลงทันตา
เห็นแบบนั้นก็ทำเอาปฏิเสธไม่ออก ให้ตายเถอะ....เข้าใจเลยว่าทำไมพวกสาว ๆ ถึงได้หลงกันนัก!! “ปะ...เปล่า ไม่ใช่...”
“งั้นก็ต่อนะ” คนพูดยิ้มราวกับเด็กน้อยที่ได้ของเล่นถูกใจ
“ไม่เอา!!!หยุดนะ!! เร็นนนนนนนน!!!!!!!!”
สามสาวนั่งทานอาหารเช้ากันอย่างครึกครื้น ใครจะไปคิดละว่าเสียงร้องตะโกนนั่นจะกลายเป็นเสียงแสนน่าฟังของเหล่าผู้ที่ได้ยิน “ว่าแล้วเชียวว่าเร็นต้องรุก...ตอนแรกไม่คิดว่าจะสูงได้พรวดพราดขนาดนี้”
“นั่นสิคะ....แต่ก็ดีนะ รินน่ะชอบให้พี่ไครับมากกว่า”
เมโกะคีบอาหารใส่ปาก “หมอนั่นน่ะชาตินี้ก็รุกใครไม่ได้หรอก”
สองสาวมองหน้า “นั่นสินะ!!” ก่อนจะพูดเห็นด้วยกับพี่สาวใหญ่ของบ้านพร้อมกัน
จบดีกว่า.
สารานุกรมฉบับอินุ๊ก
- เร็นในฟิคนี้เป็นเร็นตอนอายุ 17 ปีค่ะ ซึ่งคุณท่านสูงปรี๊ด ๆ พอกันกับเสาไฟฟ้า ประมาณ 182 – 185 ได้ แถมยังเพลย์บอยสุด ๆ นิสัยก็พวกชอบตีหน้าตาย ขี้แกล้ง ขี้หึงและขี้หวงสุด ๆ พวกเมะเอาแต่ใจดี ๆ นั่นเองแหละ เหอ ๆ
- ไคโตะในเรื่องอายุราว ๆ 22 ปีค่ะ ความสูงไม่เพิ่มขึ้นเลยจากปกติ - -“ นุ๊กตีให้อายุไคโตะมากกว่าเร็น 5 ปี ซึ่งตอนที่ไคโตะกลายเป็นเด็กก็เป็นเด็กอายุเพียง 8 – 10 ขวบเท่านั้นเอง
- มีภาคต่อ....?
ความคิดเห็น