คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [Vocaloid] All of YOU (AkitoXKaito)
[Short Fiction Vocaloid]
Title : All of YOU
Pairing : AkitoXKaito
Genre : Romance
Rate : PG13
นายรู้รึเปล่าว่าฉันลำบากใจแค่ไหนที่ต้องอยู่ใกล้นาย....
ดวงตาสีแดงสดนั่งมองใบหน้าที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอันอ่อนโยนนั่น ผ่านมานานเท่าไหร่แล้วนะ....กี่ปีแล้วที่พอรู้ตัวอีกครั้งเขาก็เอาแต่เฝ้ามองตรงตำแหน่งนั้นตลอดเวลา ตรงที่ ๆ เดิม ใบหน้าเดิม ดวงตาและสีผมเดิม ๆ ที่เห็น....
เขารู้สึกสับสน อะไคโตะเฝ้าบอกตัวเองแบบนั้นอย่างไม่อาจหาคำตอบได้ ยิ่งอยู่ใกล้ความสับสนก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ยิ่งได้ยินเสียงไอ้ความรู้สึกที่เก็บกักอยู่ภายในก็แทบระเบิดออกมา นี่ถ้าหากเขาได้สัมผัส...ได้สัมผัสทั้งหมดตามที่ต้องการล่ะ...?
แล้วอะไรล่ะที่ตัวเขาต้องการ?
เส้นผมสีแดงสะบัดไปมาอย่างรุนแรง คนนั่งอยู่ภายนอกหันมาทันได้เห็นอาการผิดปกติก็นึกเป็นห่วง “เป็นอะไรรึเปล่าอะไค?” ร่างนั้นลุกขึ้นเดินตรงเข้าหา นิ้วเรียวยาวที่แต่งแต้มด้วยเล็บสีน้ำเงินสวยทำท่าจะเอื้อมสัมผัส
คนถูกถามเขยิบตัวหนีเบี่ยงหลบ “ไม่เป็นไร” เขาคว้าเอาผ้าพันคอสีแดงที่ถอดพาดไว้เพราะอากาศอันร้อนอบอ้าวขึ้นกำแน่น แล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปยังห้องของตน
ดวงตาสีน้ำเงินเพ่งมอง เรียวเคี้ยวยาวขมวดมุ่นอย่างไม่สบายใจ “เป็นอะไรของเขานะ...”
หลายวันมานี่ดูอะไคโตะแปลกไปมาก ตั้งแต่วันที่เขาขอเข้าไปนอนด้วยเพราะถูกฝาแฝดแกล้งเล่าเรื่องน่ากลัวใส่นั่นแหละ ตอนแรกก็ยังไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ พวกเขาก็นอนด้วยกันได้เหมือนแต่ก่อน แต่พอเช้ามาเท่านั้น อะไคโตะก็พยายามจะหลบหน้า แล้วทำเย็นชากับเขาตลอด
ซึ่งปกติแม้จะทำเหมือนไม่สนใจอะไรก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมางเมินถึงเพียงนี้ “หรือว่าจะไม่สบาย??”
“บ่นอะไรพึมพำคนเดียวน่ะพี่ไค?” ดวงตาสีฟ้าอมเขียวคู่สวยจ้องมองพลางกระพริบตาปริบ ๆ
ชายหนุ่มหน้าเหวอเล็กน้อยด้วยความตกใจ “อ่า.....” เขานิ่งคิดอยู่พัก จะถามดีไม่ถามดี... “เร็นว่า...อะไคแปลกไปไหม?”
“ทำไม?? เห็นพี่เขาก็แปลกปกติอยู่แล้วนี่” ว่าพลางปอกกล้วยที่ถืออยู่ในมือพลาง
ไคโตะส่ายศีรษะไปมา “ไม่ใช่แบบนั้น หมายถึงแบบ....ไงดี พี่ว่าเขาพยายามจะหลบหน้าพี่นะ”
“พี่คิดไปเองรึเปล่า? มีเหตุผลอะไรที่พี่อะไคต้องหลบหน้าพี่ล่ะ??” เร็นเสนอความคิดตามที่ตนมองเห็น จากสายตาคนอื่นให้ตายยังไงก็ต้องมองว่าอะไคโตะเป็นพวกพูดน้อย เย็นชา ชอบเก็บตัวเงียบ ๆ อยู่แล้ว
หรือเขาจะไปปรึกษามาสเตอร์ดี? “พี่อาจคิดมากไปเองก็ได้.....”
เร็นผงกศีรษะขึ้นลง “อั่นอ่ะอูกอ้องเอย(นั่นล่ะถูกต้องเลย)” เขาว่าขณะพยายามเคี้ยวกล้วยคำโตที่อยู่ในปาก
ไคโตะเดินคิดไปตลอดทางขณะไปซื้อกับข้าว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหม่อลอยจนแทบลืมรายการอาหารที่สั่ง บางครั้งถึงกับลืมเงินทอนเจ้าของร้านต้องวิ่งมาส่งให้ แต่กระนั้นก็ไม่ได้เรียกให้ชายหนุ่มหลุดจากห้วงความคิดนั้นเลยสักนิด
เขายืนมองพระอาทิตย์สีส้มสุกใสที่กำลังใกล้ตกดินเต็มทน ก่อนหย่อนกายลงนั่งบนพื้นหญ้าข้างทางเดิน ลมเอื่อย ๆ โบกพัด กลิ่นดอกไม้บริเวณนั้นโชยทั่ว ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก รู้สึกปลดระวางและปล่อยความคิดต่าง ๆ ให้ล่องลอยได้
แผ่นหลังเอนลงแนบกับพื้น เปลือกตาบางปิดสนิทลง... “คงไม่เป็นอะไรล่ะมั้ง?......”
เมโกะยืนท้าวสะเอวด้วยความหงุดหงิด ดวงตาเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังเรือนใหญ่ภายในห้องครัว สิบนาทีผ่านไป ครึ่งชั่วโมงผ่านไป จนนี่เกือบสองชั่วโมงแล้วเจ้าตัวดีที่ถูกใช้ให้ไปซื้อของก็ยังไม่กลับมาเสียที ไม่รู้ไปโง่ตกหลุมตกบ่อที่ไหนรึเปล่า
“ทำไมป่านนี้ยังไม่มาอีก??”
ฝาแฝดวิ่งตรงเข้ามาเมื่อรับรู้ถึงเวลาอาหารเย็น เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่เหลือ “พี่เมโกะ!! อาหารเสร็จยังงงง~”
“ข้าว ๆ”
แต่บนโต๊ะกลับว่างเปล่าไม่เหลืออะไร.... “นี่มันอะไรกันเนี่ย??” มิกุเอ่ย ดวงตาของเธอแฝงไปด้วยความสงสัย
โดยปกติเวลาอาหารของบ้านพวกเขาจะไม่เคยผิดไปเกินสิบนาทีเลยสักครั้ง เพราะเมโกะพี่สาวคนโตของบ้านเป็นคนตรงต่อเวลามาก ๆ ที่สำคัญไม่มีใครกล้าหือหรือเบี่ยงบ่ายเจ้าหล่อนแม้แต่มาสเตอร์ก็ตามที
“เกิดอะไรขึ้น?” อะไคโตะที่เพิ่งตื่นจากการนอนเอ่ยถามด้วยท่าทีสะลึมสะลือ
สายตาทุกคู่หันมอง “ไคโตะยังไม่กลับมา....”
คนฟังเบิกตากว้างอย่างตกใจ “ว่าไงนะ??”
“พี่ไคโตะออกไปซื้อกับข้าวตั้งแต่สองชั่วโมงก่อนยังไม่กลับมาเลย” เร็นว่า “หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น? งั้นเดี๋ยวผมออกไปตาม”
มือแกร่งคว้าไหล่ของเด็กหนุ่มไว้ ก่อนจะสวมเสื้อโคทสีขาวของตนให้เรียบร้อย “เดี๋ยวฉันไปเอง พวกนายรออยู่ที่นี่”
....นายรู้รึเปล่าว่าฉันหวาดกลัวขนาดไหน....
ไคโตะลืมตาตื่นขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเป็นสีดำสนิท เขาเผลอหลับไปจนได้ ชายหนุ่มรีบหยิบเอาถุงของต่าง ๆ แล้วออกวิ่งไปยังทิศทางที่เป็นเป้าหมาย ในใจอดไม่ได้ที่จะคิดภาพเมโกะถือมีดเตรียมเฉือนเนื้อเขาให้ตายทีละนิด ๆ อย่างทรมาน
“ตายแน่ ๆ ตายแน่แล้ว!!”
ในระหว่างทางที่กำลังวิ่งกลับบ้านอยู่เขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง อาจเพราะความเงียบในบริเวณนั้นยิ่งทำให้เขาได้ยินมันชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ไคโตะหยุดยืนตัวแข็ง นึกถึงเรื่องที่เร็นเล่าให้ฟังแล้วอดขนลุกไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ใจภาวนาให้วิ่ง แต่ขามันกลับแข็งจนก้าวไม่ออก
เสียงนั้นแจ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าได้รูปพยายามจะหันไปมองให้มันรู้ดำรู้แดง “ผีไม่มี....ผีไม่มี...”
ยิ่งพอมองไปแล้วเห็นแต่ความว่างเปล่ายิ่งทำเอาสติเขากระเจิดกระเจิง ไคโตะกอดของในมือไว้แนบอกแน่น ขาถอยหลังจนติดราวสะพานข้ามคลองสายเล็ก ๆ “เอ๋....ลูกหมาเหรอ???”
พออยู่ใกล้จึงได้ยินชัดแน่ว่าเป็นเสียงร้องโอดครวญของเจ้าลูกหมาตัวน้อยที่พยายามจะว่ายทวนกระแสน้ำกลับเข้าสู่ผืนดิน ไคโตะมองซ้ายมองขวา ไม่มีผู้คนผ่านมาเลยสักคน จะปล่อยให้เจ้าตัวน้อยเผชิญชะตากรรมแบบนั้นก็ไม่ได้
เขาจึงตัดสินใจวางข้าวของและถอดผ้าพันคอถูกไว้ “รอแปปนะเจ้าหมาน้อย!!” ชายหนุ่มกระโดดลงยังคลองสายเล็กแต่เชี่ยวกรากนั้นทันที
อาจเพราะร่างกายของเขาใหญ่กว่าเจ้าหมาน้อยนั่นมากทำให้กระแสน้ำนี้กลายเป็นน้ำที่ไหลเรื่อย ๆ ไปแทน และเพราะมันไม่ได้ลึกมากอย่างที่คิดด้วย “อยู่เฉย ๆ สิ!” ความลำบากของเขาในตอนนี้กลับกลายเป็นเจ้าลูกหมาขี้กลัวที่พยายามจะตะเกียกตะกายออกจากอกเขานี่แหละ
อะไคโตะที่วิ่งมาจนถึงสะพานเห็นถุงของและผ้าพันคอของคนที่ตามหาปลิวไสวอยู่ก็ถึงกับตกใจ ชายหนุ่มรีบวิ่งไปยื่นหน้ามองหา “ไคโตะ!!!!” เขาตะโกนสุดเสียง
คนที่กำลังถูลู่ถูกังจะพาเข้าหมาน้อยให้รอดพ้นความตายได้ยินเสียงเรียกชื่อตนก็หยุดเงี่ยฟัง ก่อนจะเงยหน้ามอง “อะไค!!!” รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าอย่างยินดี
ตอนแรกหัวใจแทบจะวาย แต่พอเห็นเจ้าตัวปัญหาในอ้อมอกนั่นก็ทำเอาเขาอยากจะกระโดดลงไปซ้ำให้จมน้ำเสียทั้งคู่ “ทำบ้าอะไรอีกแล้วน่ะ!!!”
“เอาน่า ๆ ยังไงก็ช่วยก่อนได้ไหม หนาวจะแย่อยู่แล้ว!!” เขาตะโกนกลับด้วยเสียงหัวเราะ
โชคดีที่มีคนผ่านมาพอดีทำให้การช่วยชีวิตหนึ่งหมาหนึ่งคนเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น พอเท้าแตะพื้นดินได้อะไคโตะก็ดึงเอาลูกหมาออกจากอ้อมกอดตัวปัญหาส่งให้ชาวบ้านแถวนั้น พลางคว้าเอาของและผ้าพันคอก่อนจะลากอีกฝ่ายกลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว
ไคโตะเริ่มรู้สึกเจ็บที่ถูกดึงลากอย่างรุนแรง ซ้ำเสื้อผ้าที่เปียกทั้งตัวก็ทำให้เขารู้สึกหนาวมากด้วย “อะ....อะไค...ดะ...เดี๋ยวก่อนสิ” น้ำเสียงสั่นไหว
คนนำหน้าหยุดเดินทันที ใบหน้าซึ่งแม้จะดูคล้ายแต่กลับไม่เหมือนกันหันมองด้วยความไม่พอใจ “หนาวสินะ?”
“งะ...แหงสิ คิดว่าเล่นน้ำยามดึกมันสบายนักรึไง ถึงจะหน้าร้อนก็เถอะ....” ไคโตะบ่นอุบอิบ
“แล้วลงไปทำไม?”
ดวงตาสีน้ำเงินหันขวับมอง “แล้วจะปล่อยให้เจ้าหมาน้อยตายรึไง?!”
“หัดคิดถึงตัวเองเสียมั่ง!! ถ้าเกิดไม่มีใครผ่านไปนายไม่คิดบ้างเหรอว่าคนที่ตายอาจไม่ใช่แค่เจ้าหมานั่น!!” อะไคโตะขึ้นเสียงใส่ ใบหน้าขมวดมุ่นแสดงความโมโหชัดเจน
พอถูกว่าตรงจุดก็สลดลง ใบหน้าที่ปะทะสายตาเมื่อครู่ก้มลงต่ำ “ขอโทษ....”
พอได้ยินคำขอโทษที่ออกจากปากนั่นก็เล่นเอาคนฟังทำอะไรไม่ถูก ปากที่อ้าเตรียมด่ากลับเต็มที่ก็ต้องหุบลงตามไปด้วย มือแกร่งกำหมัดแน่น “ทีหลังอย่าทำอีก” เขาถอดเสื้อโคทของตนเองคลุมให้อีกฝ่าย
“กลับกันได้รึยัง?” ดวงตาสีแดงจ้องมอง
ไคโตะยิ้มพลางกระชับเสื้อคลุมของอีกฝ่ายแน่น “อื้อ!!”
พวกเขาเดินกลับมาถึงหน้าบ้าน แต่แล้วจู่ ๆ ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “เดี๋ยวก่อนอะไค?” มือเรียวฉุดแขนแกร่งไว้
คนถูกเรียกหันมอง “อะไร?”
“มีอะไรจะถาม ห้ามโกหกนะ?”
“บอกมาก่อน”
ไคโตะทำแก้มพอง “สัญญาก่อนว่าจะไม่โกหก ไม่งั้นไม่บอก”
นี่ตกลงว่าเขาอยากรู้หรืออีกฝ่ายอยากรู้กันแน่เนี่ย คิ้วเรียวขมวดหากันอย่างหงุดหงิด “ตกลง ๆ จะถามอะไรก็รีบถามมา”
“งั้นดี.....” ดวงตาสีน้ำเงินจ้องมองนิ่ง “นายเป็นอะไรรึเปล่า?”
“เป็นอะไร? ก็ปรกติดี?”
“ฉัน....รู้สึกว่านายเหมือนกำลังหลบหน้าฉัน” ไคโตะว่าต่อ
อะไคโตะเบิกตากว้างก่อนหรี่ลงเป็นปรกติ ใบหน้าคมเบี่ยงหลบ เสมองไปทางอื่น “ไม่มีอะไรนี่”
“ต้องมีแน่ ๆ!!” เจ้าของผมสีน้ำเงินเอ่ยด้วยความมั่นใจ “เวลาอะไคโกหกอะไคจะไม่มองหน้าเวลาพูด!!”
ทีแบบนี้ทำเป็นรู้ดีเชียว....อะไคล่ะอยากจะจับคน ๆ นี้ผูกกับเตียงแล้วจับขังไม่ให้ไปไหนเสียให้เข็ด ให้ตายเถอะ...ไอ้เรื่องแบบนี้น่ะถนัดนัก “ไม่มีอะไรจริง ๆ”
“หรือว่านายรำคาญฉัน? นั่นสินะ....นายเองก็โตแล้วนี่นา คงไม่ชอบที่ฉันไปนอนด้วย...”
ชายหนุ่มหันขวับมองคู่สนทนาตน “ไม่ใช่!!”
“งั้นอะไรล่ะ?” ดวงตากลมโตช้อนมอง
รู้สึกเหมือนถูกต้อนให้จนมุมยังไงยังงั้น เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “จะบอกแค่ครั้งเดียวนะ”
“อืม!” ไคโตะพยักหน้ารับรู้
“ถ้าไม่เข้าใจจะไม่บอกแล้วนะ”
“ต้องเข้าใจแน่นอน!!” ดวงตานั้นแฝงไปด้วยความกระตือรือร้น
อะไคโตะระบายรอยยิ้มน้อย ๆ ร่างที่ดูจะสูงกว่าหน่อยก้มลงจนปลายจมูกแทบชนกัน “บอกแล้วนะ...ว่าแค่ครั้งเดียว...”
ริมฝีปากได้รูปประกบริมฝีปากสวยนั่นอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีน้ำเงินเบิกค้างกว้างด้วยความตกใจ ไคโตะไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เขาจำได้แค่เพียงรสชาติเผ็ดร้อนที่ถูกส่งผ่านจากส่วนที่สัมผัสอันนุ่มนวลและอ่อนโยนเท่านั้น
“ที่เหลือก็ไปคิดเอาเองแล้วกัน....” เขาเอ่ยก่อนจะเดินเข้าบ้านไปพร้อมข้าวของที่ไคโตะซื้อไว้ ส่วนไคโตะตอนนี้ก็ได้แต่ยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งอยู่หน้าบ้าน
.....แล้วนายรู้รึเปล่าว่าฉันรักนายมากแค่ไหน?
เพราะทั้งหมดคือนาย
...แค่นายเพียงคนเดียวเท่านั้น...
END.
ความคิดเห็น