คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Closed World (8027)
ดวงตาคมสีดำสนิทมองไปยังภาพเบื้องหน้า ท่ามกลางเหล่าผู้คนมากมายที่ร่วมเป็นสักขีพยานให้แก่บอสคนใหม่แห่งวองโกเล่ ร่างเล็กที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ดูบอบบางน่าปกป้อง หากแต่จิตใจและแววตากลับแข็งกร้าวเสียจนไม่อาจคาดเดาอะไรได้
สึนะอยู่ในชุดสูทสีขาวบริสุทธิ์ ด้านในสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำสนิท มันแสดงออกเป็นนัยถึงความอยากเป็นและไม่อยากเป็น ตำแหน่งมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แต่ไม่ได้ใฝ่ฝัน กับหน้าที่ของสายเลือดและชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เส้นผมสีน้ำตาลที่เคยยุ่งเหยิงแต่บัดนี้กลับยาวเข้ารูปพลิ้วไหวไปมาตามแรงการเดิน ขาเรียวสองข้างมุ่งตรงไปยังกลางห้องโถงกว้าง ตำแหน่งนั้น....ที่แห่งนั้น ที่แห่งคำสัญญาและสาบานของท้องฟ้าเพียงหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งทั้งมวล
ยามาโมตะก้าวเดินไปประจำที่ของตน ทางด้านซ้าย....เขาคุกเข่าลง ก้มจุมพิตบริเวณหัวแหวนซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญในการดำรงตำแหน่ง
สายฝนแสนชุ่มฉ่ำผู้พร้อมจะชำระล้างทุกสิ่งเพื่อนภาที่กว้างใหญ่ผืนนี้
พิธีกรรมอันสำคัญยิ่งสิ้นสุดลง พร้อม ๆ กับการจากไปของผู้มาเยือน และจบลงด้วยความเรียบร้อยอย่างดีเยี่ยม ไม่มีเหตุการณ์อันตรายเกิดขึ้น ไม่มีเหตุการณ์ที่เหนือกว่าการคาดเดา ทุกคนปลอดภัย สึนะปลอดภัย ดวงใจเพียงหนึ่งของวองโกเล่ปลอดภัย
ยามาโมโตะยังคงจ้องมองร่างที่สั่งการอย่างขะมักเขม้น ไม่ว่าเมื่อไหร่ การเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นและความกระตือรือร้นนั้นก็ไม่มีวันจางหายไปจริง ๆ “ สมกับเป็นนายจริงน้า ” เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนเดินออกไปจากบริเวณ
สิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันสอนให้ชายหนุ่มผู้นี้ได้รับรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง มิตรภาพ ความทรงจำ การร่วมเป็นร่วมตาย ความหมายของการมีชีวิตที่ถูกสอนพร้อมกับความรักที่ถักทอขึ้นอย่างไม่อาจมองเห็น
นายจะรู้ไหม....ว่าฉันกลัวแค่ไหน...
กลัวช่องว่าง....ที่มันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามกาลเวลานี้....
ร่างสูงใหญ่ทอดกายลงบนผืนหน้าสีเขียวอ่อนนุ่ม ใบหน้าแหงนมองท้องฟ้ารับแดดอ่อน ๆ ที่ถูกสาดแสงจากพระอาทิตย์ในฤดูแห่งการเริ่มต้นนี้ มันอบอุ่น...แต่ในขณะเดียวกันก็ร้อนระอุจนแทบไหม้
เหมือนกับนาย....ใช่ไหม?
ดวงตากลมโตควานหาผู้หายไป สึนะเมียงมองโดยรอบ ไต่ถามเหล่าผู้พิทักษ์คนอื่นแต่ก็ไม่มีใครทราบ ซ้ำคำตอบที่ได้รับกลับมายังสร้างความปวดหัวได้ไม่น้อยจริง ๆ
“ ไอ้เจ้าเบสบอลหายไป!!ให้ตายเถอะ!!รู้ไหมว่าคนอื่นเขาวุ่นวายกันแค่ไหน!! ” เจ้าของเส้นผมสีเงินที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่อาจสุขุมได้หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนสำคัญเอ่ยกร้าว
สึนะหัวเราะแห้ง ๆ ยกมือขึ้นห้าม “ ไม่เป็นไรหรอกโกคุเทระคุง ยามาโมโตะคงไม่ได้ไปไหนหรอก เดี๋ยวฉันตามหาให้นะ ”
“ ไม่ต้องลำบากดีกว่าครับ เดี๋ยวผมให้คนไปตามก็ได้ ”
ร่างเล็กยกมือขึ้นโบกไปมา ก่อนจะรีบหันหลังวิ่งออกไป ด้วยกลัวว่าถ้ายังอยู่ตรงนั้นมีหวังต้องโดนจับไปนั่งก้นติดเก้าอี้อีกแน่ ๆ “ ไม่เป็นไร ๆ ฉันไปตามเอง ”
สึนะคิดหนัก....หาแทบทุกที่แล้วก็ไม่พบ ยามาโมโตะหายไปไหน แถมไปก็ไม่ได้บอกกล่าวอะไรไว้เลย พอคิดแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ สองสามวันมานี้อีกฝ่ายดูมีท่าทีแปลกไปจริง ๆ แม้จะหัวเราะและพูดคุยอย่างเคย แต่มองมุมไหนก็รู้.....เขารู้ว่ากำลังฝืน...
“ จะไปไหนของแก เห็นวิ่งให้ทั่วไปหมด ” บอสคนใหม่ที่กำลังเพลินกับความคิดถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียก ดวงตาสีน้ำตาลหันมองยังร่างเล็กด้านข้าง
“ หายามาโมโตะน่ะ นายเห็นบ้างไหมรีบอร์น? ”
นักฆ่าต้องสาปเปรยยิ้ม “ ที่ ๆ เห็นท้องฟ้าได้ชัดที่สุด ”
“ ที่ ๆ เห็นท้องฟ้าได้ชัดที่สุดงั้นเหรอ..... ” สึนะนึกตาม แต่กว่าจะนึกออกร่างนั้นก็หายไปจากสายตาของเขาเสียแล้ว
หากไม่ใช่ที่นี่เขาคงจนปัญญาจริง ๆ เพราะนั่นเป็นสถานที่แห่งเดียวที่เขากับยามาโมโตะมักจะชอบไปนอนมองท้องฟ้าด้วยกัน สวนด้านหลังคฤหาสน์ ที่ ๆ มีเพียงต้นไม้และสายลมเท่านั้น เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ ปลดวางภาระต่าง ๆ ไว้เป็นที่สุด
สึนะแย้มยิ้มกว้าง เมื่อมองเห็นร่างที่กำลังนอนเรียบตัวอยู่บนผืนหญ้า “ ไปไหนมาไหนไม่บอกกันเลยน้า ยามาโมโตะเนี่ย ” ใบหน้าหวานยื่นบดบังระดับสายตาที่เพ่งมองไปด้านบน
คนถูกทักแย้มยิ้มราวแก้ขวยเขิน “ แหะ ๆ โทษที พอดีเห็นมันวุ่นวายเลยหลบมาอู้หน่อย ”
สึนะหย่อนกายลงด้านข้าง มองใบหน้าหล่อเหลาที่แต้มด้วยรอยแผลแห่งเกียรติยศ ยามาโมโตะไม่เปลี่ยนไป ไม่เลยสักนิด....สำหรับเขา ไม่ว่าเมื่อไหร่การมีตัวตนอยู่ของยามาโมโตะก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
สานฝน....อยู่คู่กับฟากฟ้าเสมอ
ไม่ว่าจะฤดูไหน....ไม่ว่าจะเมื่อไหร่
“ นายเป็นอะไรรึเปล่า....สองสามวันนี้ดูแปลกไปนะ? ”
เสียงหวานที่เรียกเอาคนถูกถามถึงกับเบิกตามอง หนีไม่พ้นจริง ๆ ความช่างสังเกตอย่างคนถูกมองไม่อาจรับรู้ได้ จะปิดบังอะไรนายนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ “ ไม่หรอก....ก็แค่รู้สึกแปลก ๆ เท่านั้น ”
“ แปลกอะไรเหรอ? ”
รอยยิ้มเข้มเปรยบาง ๆ คล้ายจะยิ้มเยาะตนเอง “ นั่นสิ.... ”
จะผิดไหมหากฉันอยากจะเหนี่ยวรั้งนายไว้คนเดียว
จะผิดไหมหากสายฝนอย่างฉันอยากจะกักขังนายไว้เพียงลำพัง
อยากให้โลกนี้มีเพียงแค่ฉัน....และนายเท่านั้น
ทว่าจู่ ๆ ร่างสูงที่นอนอยู่ก็หัวเราะออกมา ขบขันกับความคิดที่คนรอฟังคำตอบยากจะคาดเดา สัมผัสได้เพียงความขมขื่นที่ปนเปื้อนมาจนเกินสะท้อนใจ มือเล็กยกขึ้นกุมหน้าอก มองไปยังใบหน้าที่บัดนี้ถูกบดบังด้วยลำแขนแกร่ง
“ เรา....ไปทะเลกันไหม? ” สึนะเอ่ยชวน
ยามาโมโตะแลมองใบหน้าหวานที่ทำท่าเหมือนจะเป็นตายเสียให้ได้ นี่เขาทำให้เป็นห่วงอีกแล้วใช่ไหม? “ แต่พวกนั้นกำลังยุ่งนะ เรากลับกันเถอะ ”
ร่างสูงหยัดกายยืน บิดตัวไปมาก่อนหันมามองร่างข้าง ๆ ที่เอาแต่ก้มหน้า “ สึนะ? ”
มือเล็กเอื้อมขึ้นจับ เหนี่ยวรั้งคนที่จะออกเดินให้หยุดอยู่กับที่ ดวงตาสีน้ำตาลช้อนมอง คล้ายจะร้องไห้แต่ก็ไม่ใช่ เหมือนจะอ้อนวอนขอร้องเสียมากกว่า “ ไปนะ...ไปกันเถอะ ”
สุดท้ายยามาโมโตะก็ต้องยินยอมอย่างจำนน ไม่เคยเลย....แม้เพียงสักครั้งที่เขาจะอาจหาญกล้าขัดสายตาที่มองมาด้วยความรู้ต่าง ๆ ได้ ใครกันที่ชื่นชมว่าเขาแข็งแกร่ง ใครกันที่บอกว่าเขานั้นอยากจะหาคู่มือเทียบเทียม นี่ไงล่ะ...ตรงหน้านี่ไงล่ะ
เสียงเกลียวคลื่นซัดสาดเม็ดทรายเข้ากระทบโขดหินบริเวณชายฝั่ง ราวกับวงดนตรีแห่งธรรมชาติที่โหมโรงเรียกความสงบเงียบภายในจิตใจให้บังเกิด ลมเย็นโชยโบกพัดเข้าปะทะทุกส่วนของร่างกาย สึนะแย้มยิ้มกว้าง เช่นเดียวกับยามาโมโตะเองที่รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย
เสื้อสูทสีขาวถูกถอดพาดแขน เส้นผมสีน้ำตาลยาวถูกรวบไว้ด้วยยางรัดหลวม ๆ “ สบายดีนะ ”
ร่างสูงกว่าเดินตามหลังอีกฝ่ายไป มือแกร่งคลายปมเนคไทสีดำที่คอออก พอ ๆ กับที่สึนะกำลังพยายามถกขากางเกงตนเองขึ้นพับให้สูงเหนือหัวเข่า นี่หากไม่ติดว่าจะต้องกลับไป เขาคงได้กระโจนลงน้ำเล่นให้หายอยากไปแล้ว
ใบหน้าคมมองด้วยรอยยิ้ม คิดถึงวันวานที่ผ่านมา “ ระวังนะสึนะ!! ”
ยังไม่ทันไรคนที่หนีไม่เคยพ้นเรื่องเจ็บตัวก็เป็นอันต้องลื่นแทบล้ม โชคดีที่ยามาโมโตะรั้งไว้ได้ทัน “ ขอโทษที ๆ ” สึนะหัวเราะแห้ง ๆ ยังคงไม่ลุกออกไปจากร่างที่ตนนั่งทับอยู่
มือเล็กสองข้างกดลงไปบนแผงอกกว้าง ดวงตากลมฉายแววความจริงจัง จ้องลึกลงไปยังดวงตาสีดำคมที่มองกลับมาอย่างงง ๆ “ บอกมาว่านายเป็นอะไรกันแน่? ”
ครั้นจะไม่บอกก็คงไม่อาจเลี่ยงได้ แต่ถ้าบอกไปสิ่งที่เกิดขึ้นมันทำลายความสัมพันธ์ที่ดีให้แย่ลงล่ะ? เขาควรจะเลือกเส้นทางไหนกันแน่ เสี่ยง....หรือไม่เสี่ยง
ยามาโมโตะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ นายนี่นะ.... ”
สึนะเอียงคออย่างสงสัย “ ก็บอกมาสิ ”
มือแกร่งเอื้อมสัมผัสแก้มใส คนถูกสัมผัสไม่ได้หลบเลี่ยง ดวงตากลมโตยังคงจ้องมองไปยังอีกฝ่าย “ ฉันก็แค่กลัวเท่านั้น... ”
“ ตลอดเวลาที่ผ่านมา มันทำให้ฉันเห็นและรู้สึกอะไรหลาย ๆ อย่าง มากมายจนนับไม่ถ้วน ”
เขาเว้นจังหวะ “ สิ่งที่ฉันกลัว....คือการสูญเสีย ยิ่งนับวันก็ยิ่งกลัว ”
กลัว....จะสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุด
กลัว....จะพรากจากดวงใจของตนเอง
กลัว....จะต้องแยกห่างจากสิ่งที่ตนปรารถนาจะเคียงข้าง
สึนะยังคงไม่เข้าใจ ยามาโมโตะรู้ดี ดวงตาที่เปล่งประกายคู่นั้นยังคงไม่อาจคิดคำนึงถึงสิ่งใดได้ มันยังคงเต็มไปด้วยความสับสน ร่องรอยของความมึนงงสงสัย คำถามต่าง ๆ มากมายไหลออกมาราวกับสายลมที่โบกพัดในยามนี้
“ กลัวจะสูญเสียนาย.... ”
ดวงตาคู่เดิมเบิกกว้างยิ่งกว่าครั้งไหน ปฏิกิริยาตอบรับที่ยามาโมโตะกลัวแสนกลัว หลังจากนี้สินะ...เครื่องชี้วัดอนาคตของชีวิตเขา อนาคตที่จะเดินต่อไปอย่างมีนาย....หรือไม่มีนาย
สายฝนจะสูญเสียท้องฟ้าเพียงหนึ่งเดียวหรือไม่กัน?
น้ำใสไหลรินลงกระทบใบหน้าคนด้านล่าง ยามาโมโตะฝืนกายลุกพรวดขึ้นนั่ง มือแกร่งเลื่อนสัมผัสสิ่งที่เอ่อล้นออกมา ใบหน้าคมฉายแววความตกใจระคนเสียใจ นี่เขาถึงกับทำให้ต้องร้องไห้....ทำให้คนสำคัญต้องเสียใจอย่างงั้นเหรอ?
“ ฉันผิดเอง ขอโทษนะสึนะฉันผิดเอง ” เสียงทุ้มพร่ำบอก
วงแขนเรียวเล็กเลื่อนขึ้นโอบล้อมรอบลำคอ ซุกหน้าลงกับบ่ากว้าง “ เจ้าบ้า!!ใครเขาว่านายผิดกันเล่า! ”
คำตอบที่ทำให้กับคนฟังถึงกับงง “ นายว่าอะไรนะ? ” มือที่ยังคงค้างเติ่งด้วยความฉงนเริ่มขยับ สัมผัสลงบนเส้นผมสีน้ำตาลนุ่ม
“ ฉันดีใจต่างหาก.... ”
ยามาโมโตะจับให้อีกฝ่ายออกมามองหน้า รอยยิ้มเปื้อนขึ้นอย่างมีความหวัง “ ดีใจ? ”
ใบหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นจนออกสี น้ำตาน้ำมูกไหลปะปนกันไปหมด “ ดีใจที่ฉันไม่ได้คิดไปเองคนเดียว ฉันกลัวมากเลยนะ กลัวว่านายจะทิ้งฉันไป ”
เสียงหัวเราะที่สมกับเป็นเขาดังลั่นขึ้น มือข้างหนึ่งยกขึ้นสัมผัสศีรษะ ความกังวลมลายหาย แค่คำเพียงคำเดียว คำเพียงคำเดียวเท่านั้นที่เข้าสู่จิตใจของสายฝนผู้นี้ได้
‘ดีใจ’
“ นายไม่ได้รังเกียจฉันใช่ไหม? ” ยามาโมโตะเอ่ยถาม
สึนะส่ายศีรษะ “ ไม่....ไม่มีวัน ”
เพราะนายสำคัญสำหรับฉัน
“ นายคือคนสำคัญของฉันรู้ไหม? ”
ใบหน้าหวานแย้มยิ้มอ่อนโยน “ รู้....นายก็สำคัญสำหรับฉันเหมือนกัน รู้ใช่ไหม? ” มือเล็กเอื้อมสัมผัสแก้มทั้งสองของอีกฝ่าย หน้าผากมนเลื่อนแตะหน้าผากของยามาโมโตะ
สองใจประสานรวมกันเป็นหนึ่ง
เชื่อมสายสัมพันธ์ที่มองไม่เห็นจนแน่นยิ่งกว่าสิ่งใด
“ แล้วรู้ใช่ไหม....ว่าฉันรักใคร? ”
ดวงหน้าหวานที่ปะทะอยู่เมื่อครู่เบี่ยงหลบ แต่ก็ถูกมือแกร่งคู่เดิมรั้งไว้ เป็นฝ่ายที่รั้งไว้แทน....คว้าความหวังของหัวใจเพียงหนึ่งเดียวเอาไว้ด้วยมือของตนเอง
“ ฉันรักนายนะสึนะ.... ”
รักมากจนไม่อาจหาคำใดมาเปรียบเปรยได้
หากมีคำนิยามที่มีคุณค่ามากกว่านี้ เขาคงต้องเลือกที่จะใช้มันเป็นแน่
ริมฝีปากได้รูปเคลื่อนประกบทาบทับริมฝีปากสีชมพูเรียวบาง สึนะหลับตาพริ้มรับสัมผัสที่โหยหา ความอบอุ่นแผ่ซ่าน ซึมซาบผ่านรสการสัมผัสที่ดูเหมือนจะเนิ่นนานราวแรมปี ซ้ำแล้ว....ซ้ำเล่า อย่างไม่อยากแยกจากกัน
ตราบจนอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
สายฝนจะเคียงคู่ฟ้า ท้องนภาเพียงหนึ่งเดียวแห่งนี้
===============End==============
ความคิดเห็น