คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
Fic Naruto ( saseukeXnaruto )
My Immortal.
ตอนที่ 2
แคว้นอิวะโนะคุนิ
เสียงฝีเท้าม้าหลายตัวดังเป็นจังหวะรับกันบนถนนที่ทอดยาวไปยังจุดหมายปลายทาง สองข้างเต็มไปด้วยผู้คน ร้านค้า และบ้านเรือน ซึ่งดูแล้วเหมือนจะสงบสุขและครึกครื้น แต่เปล่าเลย บนใบหน้าของผู้คนบางกลุ่มนั้นไร้ซึ่งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ บางกลุ่มมีทั้ง 2 สิ่งแต่มันกลับเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและหยิ่งทะนง มันทำให้รู้ว่าที่นี่มีการแบ่งชนชั้น ซึ่งก็มีมานานแล้วตั้งแต่คนผู้นั้นขึ้นเป็นผู้นำ
“ ท่านอุจิวะค้า~ ” เสียงหญิงสาวดังขึ้นระหว่างทาง ชายหนุ่มผมสีดำ ใบหน้าคมเข้มที่นั่งอยู่บนหลังม้าอย่างองอาจหันมองตามเสียงเรียก
“ ไม่ว่าวันไหนท่านก็ยังคงสง่างามเหมือนเดิม ” หญิงสาวหลายคนพูดขึ้น
“ …. ” ผู้ถูกกล่าวถึงมองคนเหล่านั้นก่อนจะหันหลับและควบม้าตรงไปตามทางเดินอย่างไม่สนใจอะไร แต่ถึงกระนั้น เหล่าหญิงสาวพวกนั้นก็ยังคงไม่ละสายตาหรือเกิดอาการรังเกียจแต่อย่างใด เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มคนนี้กระทำเป็นประจำ
ทั้งคนและม้าในตอนนี้กำลังก้าวผ่านประตูใหญ่เข้ามาด้านในปราสาท เหล่าทหารที่ยืนรักษาการอยู่ที่ประตูต่างคุกเข่าให้ผู้มาเยือนด้วยความเคารพ ร่างสูงกระโดดลงจากม้าสีดำสง่าด้วยท่าทางนิ่ง ความสุขุม เยือกเย็นแผ่ออกมาจากตัวของคนผู้นี้อย่างน่าเกรงขาม
“ ท่านผู้นั้นอยู่ที่ใด? ” เสียงเรียบกล่าวถามทหารรักษาการที่นั่งคุกเข่าอยู่
“ เรือนกลางน้ำด้านหลังขอรับ ” ผู้ถูกถามกล่าวตอบ
ผ้าคลุมสีดำพลิ้วไหวตามแรงของผู้สวมใส่ ฝีเท้าแต่ละก้าวที่ก้าวออกไปช่างนิ่งเงียบและมั่นคงยิ่งนัก ใบหน้าคมนิ่งงันราวกับไร้ความรู้สึกใดๆ ผู้ที่เดินตามมาด้วยก็เช่นกัน ไม่ต่างจากผู้เป็นนายเลยแม้แต่น้อย ดูเกรงขามและน่าหวั่นเกรงยิ่ง
“ ตรงเวลาไม่เคยเปลี่ยนนะ ซาสึเกะ... ” ร่างหันหลังอยู่กล่าวต้อนรับผู้มาใหม่
“ ท่านทสึจิคาเงะมีอันใดให้กระผมรับใช้หรือขอรับ ” ผู้มาคุกเข่าลงทำความเคารพ ผู้เป็นนายหันมามอง ใบหน้างามราวกับหญิงสาว ผมสีดำสลวย และรอยยิ้มอันน่าหลงใหลนั่นอีก(ไปขโมยหน้าชาวบ้านมา-*-)
“ ไม่เอาน่าซาสึเกะ ทำแบบนี้ห่างเหินแย่ ลุกขึ้นเถอะๆ ” ผู้นำกล่าว ก่อนจะเดินมาประคองซาสึเกะให้ลุกขึ้น แต่ดูถ้าว่าชายหนุ่มจะไม่ยอมลุกขึ้นง่ายๆ
“ กระผมมิบังอาจ ” อีกฝ่ายกล่าวเรียบๆ
“ งั้นนี่ถือว่าเป็นคำสั่ง ”
“ ขอรับท่านโอโรจิมารุ ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน แต่ก็ยังคงอยู่ในท่าที่เคารพนบนอบอยู่
ร่างบางเข้ามาใกล้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ มือเรียวลูบไล้ยังใบหน้าเข้มเรื่อยไปจนถึงแผงออก ส่วนมืออีกข้างกำลังหยอกล้อกับเส้นผมสีดำเงานั่น แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ถูกกระทำ(??)ก็ยังคงนิ่งไม่ไหวติง ทำเอาโอโรจิมารุหัวเราะออกมาในทันที
“ ข้าไม่ยักรู้ว่าคนของข้าตายด้านนะซาสึเกะ ” เขากล่าวออกมาพลางหัวเราะ ก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้ที่เตรียมไว้เป็นอย่างดี
“ ท่านโอโรจิมารุมีเรื่องอันใดหรือขอรับ ” ผู้ถูกว่ากล่าวถามกลับอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก
“ เรื่องนั้นไปถึงไหนแล้ว... ” ผู้เป็นนายกล่าวถาม ดวงตาสีดำมองออกไปด้านนอก
“ กำลังดำเนินไปตามแผนที่ท่านวางไว้ทุกอย่างขอรับ ” ซาสึเกะตอบรับ
“ เท่าที่เจ้าดูๆมีใครที่คิดจะออกห่างจากข้าบ้างไหม ” น้ำชาที่วางอยู่ด้านหน้าถูกยกขึ้นจิบ น้ำเสียงที่กล่าวออกมายังคงเป็นปรกติไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
“ ข้าไม่ทราบได้ ” ร่างสูงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเดียวกัน
“ อืม...ฆ่าเนจิซะ..หวังว่าข้าคงจะไม่ได้เห็นหน้ามันอีก ” โอโรจิมารุกล่าวน้ำเสียงเรียบแต่ฟังดูเด็ดขาด คำสั่งของเขาที่ถ่ายถอดออกไป ไม่มีคำว่าปฏิเสธหรือไม่สำเร็จ
“ รับทราบ ” ซาสึเกะโค้งให้อีกครั้งก่อนจะเดินหันหลังกลับไป
ซาสึเกะและผู้ติดตามอีก 4 คนมาถึงยังที่พักแล้ว ร่างสูงนิ่งคิดสักครู่ ก่อนจะเอ่ยปากสั่งให้ลูกน้องคนสนิทแยกย้ายกันไปทำภารกิจ จนเหลือเพียงแค่ นารา ชิกามารุ คนสนิทที่สุดในบรรดาลูกน้องทั้ง 4 ของเขา
“ นำสิ่งนี้ไปมอบให้เนจิกับท่านผู้นั้น รู้ใช่ไหมจะต้องทำอย่างไรบ้าง ” ซาสึเกะถาม ดวงตาสีดำทมิฬยังคงมองไปด้านหน้า
“ ข้าน้อยทราบดี ” ชิกามารุกล่าวรับคำผู้เป็นนายก่อนจะค่อยๆหายตัวไปในเงามืด
แคว้นโคโนฮะโนะคุนิ
ร่างบางยืนอยู่หน้ากระจกบานเดิม เสียงหยดน้ำไหลสู่พื้นดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน ดวงตาสีฟ้าใสที่เคยกระจ่างถกปิดสนิท ใบหน้างามนิ่งคิด แม้เสียงโดยรอบจะดังขึ้นมากแค่ไหน แต่ก็ราวกับว่าเสียงนั้นเป็นเสียงแค่เสียงสายลม ไม่ได้ไหลซึมเข้าสู่เขาแต่อย่างใด
“ ท่านอิรุกะติดต่อมาหรือยัง? ” นารุโตะถาม
“ ยังขอรับแต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 2 วัน ” ร่างคุกเข่าในเงามืดกล่าวอย่างนอบน้อม
“ อืม...นำนี่ไปให้ท่านโฮคาเงะ แล้วบอกด้วยว่าข้าจะเดินทางคืนนี้ ” ร่างบางเดินไปหยิบม้วนกระดาษบนโต๊ะส่งให้อีกฝ่าย
“ ต้องการให้พวกข้า.... ”
“ ไม่ต้อง...พวกเจ้ารอรับคำสั่งที่นี่เถอะ ” นารุโตะกล่าวขัดขึ้น ราวกับรู้ว่าลูกน้องของตนกำลังจะพูดอะไร
“ รับทราบคำสั่ง ” เมื่อสิ้นเสียงร่างทั้งร่างก็หายไป ดวงตาสีฟ้าใสจ้องมองไปยังสภาพด้านนอก รอยยิ้มและความครึกครื้นในตอนนี้กำลังจะถูกพรากไปงั้นหรือ ไม่มีทาง เขาขอสาบาน จะไม่มีทางให้เป็นอย่างเมื่อ 12 ปีที่แล้วเป็นแน่
ในยามราตรีอันเงียบสงัด ท่ามกลางเสียงสายลมที่ปะทะกับต้นไม้ ใบไม้จนก่อเกิดเป็นเสียงเพลงยามค่ำคืน ใจกลางเสียงนั้น ยังมีเสียงฝีเท้าม้าควบแล่นไปข้างหน้าเรื่อยๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยอ่อน ร่างบางบนหลังม้าภายใต้เสื้อคลุมและฮูดสีดำดูเร้นลับยิ่ง
“ ที่นี่สินะ... ” บุคคลลึกลับกล่าว ในที่สุดการเดินทางก็จบลงเสียที เขาก้าวลงจากหลังม้าก่อนจะจูงมันและเดินไปยังประตูใหญ่ ประตูที่กั้นซึ่งเขตแดนระหว่างแคว้นโคโนะฮะโนะคุนิและอิวะโนะคุนิ
“ เจ้าเป็นใครกัน...เหตุใดจึงมายามรัตติกาลเช่นนี้ ” ทหารยามเฝ้าประตูกล่าวถามผู้มาเยือน
“ ข้าเป็นนักเดินทาง เดินทางร่อนเร่ไปทั่ว ” ร่างนั้นตอบกลับ
“ มีใบผ่านทางสำหรับนักเดินทางหรือเปล่า? ” ทหารยามถามต่อ พลางนำหอกในมือชี้ไปยังอีกฝ่าย
“ แน่นอน..... ” เขาตอบก่อนจะส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้ ทหารยามคนนั้นมองร่างลุกลับไปมาสลับกับใบอนุญาตบนมือ
“ เปิดหน้า!! ” ทหารยามกล่าวพลางขู่
“ ขออภัย....ท่านคงไม่อยากเห็นใบหน้าอันน่ารังเกียจในยามนี้หรอกจริงไหม? ” อีกฝ่ายกล่าวอย่างนอบน้อม
“ บอกให้เปิด!! ” ทหารยามอีกคนตะโกนมาจากอีกด้าน
“ ตกลง....ข้าเตือนแล้วน่ะ ” เขาเปิดฮูดออกจริงๆ ภายใต้ฮูดนั่นมีใบหน้าที่ไม่สามารถบรรยายได้ รอยกำไหม้ถูกกินไปกว่าครึ่งหน้า ดูแล้วน่าขยะแขยงนัก
“ ไป๊ๆๆๆเปิดประตูๆๆๆ ” ทหารยามทั้งสองทนไม่ไหวจนต้องยอมให้เข้าไป ร่างนั้นสวมฮูดกลับอีกครั้ง
“ ขอบคุณพี่ชาย ” เขาโค้งให้ก่อนจะจูงม้าต่อไป ดวงตาที่มองเห็นในความมืดได้เป็นอย่างดี กำลังสำรวจที่หาง พลางมองหาที่พักสำหรับค่ำคืนนี้
เมื่อเดินเข้ามาถึงใจกลางตัวเมือง สิ่งที่ได้เห็นคือแสงไฟยามราตรีสว่างไสวไปทั่ว ต่างกับเส้นทางที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง บรรดาเหล่าเศรษฐี ต่างพากันมาหาความสำราญยามค่ำคืน ร่างในชุดคลุมดำมองไปรอบๆอย่างเวทนา
“ พี่ชายคะ~~ ” เสียงหญิงสาวกลุ่มหนึ่งกล่าวเรียก ก่อนจะเข้ามาพัวพันกับเขา
“ อาหารดีๆสักมื้อ หญิงสาวงามๆสักคน ข้ารู้ว่าท่านต้องการพ่อนักเดินทาง ” หล่อนคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวออกมา ก่อนจะใช้มือของตนลูบไล้ไปทั่ว แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังคงนิ่งอยู่
“ ข้าต้องการที่พักและอาหารสำหรับข้าและม้าของข้า ” เขากล่าว น้ำเสียงช่างฟังดูน่าเคลิบเคลิ้มยิ่งนัก เหล่าหญิงสาวที่รายล้อมอยู่กลับยิ่งเบียดตัวเข้ามาอีก
“ แน่นอนค่ะ....เรามี...ท่านไม่สนใจอย่างอื่นด้วยหรือคะ? ” เธอถาม ฮูดที่ปิดบังใบหน้าอยู่ค่อยๆเลื่อนลงมาเผยให้เห็นเรือนผมสีทอง ใบหน้างามและดวงตาสีฟ้าใสอันดึงดูดใจผู้พบเห็นนั่น
“ ข้าต้องการที่พัก อย่างอื่นข้าไม่สน ขอตัว ” นารุโตะตัดบท ก่อนจะรีบสวมฮูดและเดินเลี่ยงออกไป เสียงร้องกรี๊ดกร๊าดของหญิงสาวยังดังไล่หลังเขามา
“ รู้แบบนี้ไม่น่าคืนร่างเลย ” เขาพูดอย่างเหนื่อยๆก่อนจะมุ่งหน้าหาที่พักต่อ
นารุโตะจูงม้าของตนต่อไปตามทาง ยิ่งเสียงครึกครื้นเบาบางลงเท่าไหร่ แสงไฟก็มืดสลัวลงเท่านั้น ดวงตาสีฟ้าพยายามมองแหวกผ่านความมืด ในที่สุดเขาก็พบแสงไฟเล็กๆ ที่พักที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขา
“ เชิญคร้าบ.....ไม่ทราบว่าท่านจะรับอะไรดีขอรับ ” เด็กรับใช้วิ่งมาต้อนรับถึงหน้าประตู ที่นี่ดูราวกับว่าไม่มีแขกมาพักนานแล้วอย่างนั้นล่ะ
“ ข้าต้องการที่พัก แล้วก็อาหารสำหรับข้าและม้าของข้า ” ร่างบางชี้ไปยังม้าของตน เด็กรับใช้มองตามก่อนจะยิ้มให้
“ ได้ขอรับ ไม่ทราบว่าท่านจะพักกี่คืนขอรับ? ” เขาถามต่อ
“ ข้ายังไม่แน่ใจ ” นารุโตะตอบ
“ ขอรับ งั้นเชิญท่านด้านในก่อน ” เด็กรับใช้ผายมือเชิญ ก่อนจะจูงม้าของนารุโตะไปไว้ด้านหลัง ชายหนุ่มเดินเข้าไปด้านใน ที่นี่มีเพียงแสงไฟจากตะเกียงเท่านั้น ผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ
“ ห้องพักใช่ไหมขอรับ เชิญทางนี้ๆ ” ชายชราอายุประมาณ 50-60 ปีเดินมายิ้มให้กับเขา ก่อนจะเชิญเขาขึ้นไปยังด้านบน
ห้องที่นี่ดูโทรมๆเก่าๆ หากเป็นคนอื่นคงคิดว่ามันสกปรกและไม่น่าอยู่อย่างยิ่ง แต่ไม่ใช่สำหรับนารุโตะ เขาคิดว่าที่นี่ดูเหมาะสมและเงียบสงบ เขาชอบที่จะอยู่ที่แบบนี้มากกว่า
นารุโตะเดินตรงไปยังระเบียงเล็กๆด้านนอก ดวงตาสีฟ้าจ้องมองไปยังปราสาทหลังใหญ่ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับที่พักของเขา ชายหนุ่มนิ่งคิด
“ สักพักเราจะนำอาหารขึ้นมาให้นะขอรับ เชิญท่านพักผ่อนตามสบาย ” ชายชรากล่าวก่อนจะขอตัวออกไป นารุโตะมองตามจนแน่ใจว่าปลอดภัย เข้าจึงปลดฮูดและเสื้อคลุมออก ผมสีทองยาวของเขาส่องประกายเมื่อต้องกับแสงจันทร์
ไม่นานนักทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกกลืนหายไปในความมืด การเดินทางอันยาวนานทำให้ร่างกายของเขาอ่อนเพลียไม่น้อย วันนี้เขาต้องการพักผ่อน ร่างบางหลับลงอย่างง่ายดาย ความเงียบแห่งรัตติกาลนี่แหละ ที่เขาโหยหาตลอดการเดินทาง
10 ปีที่แล้ว บ้านเล็กๆบนยอดเขาแห่งหนึ่ง
“ ดูสิๆๆๆฟุยุกิ ข้าชนะโซไคกิแล้วเห็นมั๊ย...ฮ่าๆๆๆ ” เด็กน้อยคนหนึ่งหัวเราะร่วน ในมือถือมีดสั้นเล่มเล็กหลายเล่มไว้ด้วย
“ เจ้านี่เก่งจริงๆนารุโตะ ” ชายหนุ่มเดินจาลูบศีรษะเด็กน้อยด้วยความรักใคร่
“ อยู่แล้ว....อิอิ ” และแล้วเสียงหัวเราะของคนทั้ง 3 ก็ดังขึ้นพร้อมกัน
ความทุกข์ในใจของเด็กน้อยดูเหมือนกับจะคลายลงแล้วด้วยความรักที่ผู้เลี้ยงดูทั้งสองมีให้แก่เขา แต่ไม่นานภาพความทรงจำอันเลวร้ายก็ได้ก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง มันมาเพื่อตอกย้ำความแค้นให้กับเด็กน้อยคนนี้
ร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่กลางบ้านไม้หลังนั้น นารุโตะและโซไคกิที่พึ่งกลับจากการไปหาของป่า รีบวิ่งตรงไปที่ร่างๆนั้นทันที แต่ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะสายไปเสียแล้ว
“ ฟุยุกิๆๆ....ไม่นะๆๆไม่เอาอย่าทิ้งข้าไปนะ ฟุยุกิ!!!!!! ” เด็กน้อยร้องลั่น ดวงตาสีฟ้าเจิ่งนองไปด้วยน้ำตาที่ไหลล้นออกมาอย่างไม่ขาดสาย เช่นครั้งวันวาน ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังได้เพียงแต่กำมือแน่น ไร้ซึ่งเสียงและน้ำตา
ร่างสองร่างนั่งคุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพที่ถูกประดับด้วยดอกไม้ป่านาๆชนิด เสียงสะอื้นยังคงมีอยู่ แต่ในเสียงแห่งความเศร้าโศกนั้น หารู้ไม่ว่ามันแฝงไปด้วยความเคียดแค้นที่เพิ่มขึ้นทวีคูณ ภายหลังจากที่เด็กน้อยได้รู้ว่าใครเป็นผู้ทำแบบนี้
“ พวกมัน!!พวกมัน!!ทำไมต้องทำแบบนี้!! ” เด็กน้อยกล่าว น้ำเสียงเต็มไปด้วยโทสะ
“ ใจเย็นๆอาจไม่ใช่พวกมันก็ได้ ” โซไคกิกล่าวอย่างใจเย็น ถึงแม้จะรู้สึกไม่ต่างจากนารุโตะแม้สักนิด
“ ไม่ใช่งั้นหรอ...ไหนลองบอกข้าซิ ว่าไอ้ผ้าผืนนี้ ถ้าไม่ใช่ของพวกมันแล้วจะเป็นของใคร ข้าจำได้จำได้ไม่เคยลืม!!! ” นารุโตะตวาด น้ำตาที่เกือบแห้งเหือดไปได้ไหลลงมาอีกครั้งด้วยความแค้น
“ มันต้องการอะไรกันแน่!!ทำไมล่ะ!!ทำไมต้องฆ่าฟุยุกิ ทำไมต้องข้าพ่อกับแม่ ทำไมต้องทำร้ายคนในหมู่บ้านด้วย ทำไม!!!! ” คำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบ อีกฝ่ายรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็ไม่อาจกล่าวออกไปได้
กาลเวลาล่วงเลยผ่านไป เด็กน้อยคนเดิมเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยความแค้น สิ่งเดียวที่หล่อเลี้ยงชีวิตของนารุโตะก็คือความแค้น เขาขอให้โซไคกิสอนทุกอย่าง นารุโตะเป็นคนหัวไว บวกกับความตั้งใจของเขา ภายในเวลาไม่นาน เขาก็รุดหน้าจนแทบจะเก่งกว่าผู้สอนเสียแล้ว
ความลำบากใจไม่ตกที่ใครอื่น โซไคกิพยายามเลี่ยงทุกครั้งที่นารุโตะขอให้เขาสอนวิชาให้ แต่ก็ไม่สำเร็จทุกครั้งไป น่าแปลกที่เด็กคนนี้ดูมีอิทธิพลกับคนรอบข้างอย่างประหลาด เหมือนเช่นพ่อและแม่ของเขาไม่มีผิด นารุโตะเป็นศูนย์รวมของคนทั้งสอง
แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง กระทบกับใบหน้างามที่กำลังหลับใหลอยู่ ร่างนั้นค่อยๆขยับตัว ก่อนที่เปลือกตาสีเนื้อจะลืมขึ้นอย่างช้าๆเผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าใส
“ นายท่านขอรับ....อาหารเช้ามาแล้วขอรับ ” เสียงดังขึ้นหลังจากนารุโตะตื่นได้พักใหญ่ ร่างบางเดินมาเปิดประตูให้ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะไม่สามารถเปิดประตูได้เอง
“ ขอบคุณ ” นารุโตะกล่าว ชายหนุ่มผู้เสิร์ฟอาหารหันมายิ้มกลับ แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆลดลง
“ หืม?....ยังมีอะไรอีกหรือไง? ” นารุโตะกล่าว พลางจ้องไปยังอีกฝ่ายที่ยืนตาค้างอยู่
“ มะ...ไม่มีขอรับๆขะ...ข้าขอตัวก่อน ” อีกฝ่ายตอบแบบอึกอัก ก่อนจะรีบพรวดพราดออกไป
“ ยังไงคงต้องไปสำรวจรอบๆก่อน ” เขากล่าว ก่อนจะนั่งลงทานอาหาร แน่นอนว่าถึงแม้จะเป็นนักฆ่า แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะประมาทเรื่องที่ทาง โดยเฉพาะการทำงานที่อยู่นอกเหนือจากเมืองที่เขารู้จัก เขาจึงจำเป็นต้องออกไปสำรวจเสียก่อน
TBC.
ความคิดเห็น