คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [Sengoku Basara] Why you KISS ME?! (DateXYukimura)
Sengoku Basara Fanfiction
ความปั่นป่วนที่ 1
Title : Why you KISS ME?!
Author : Derick
Pairing : DateXYukimura
Rate : PG13
ทนไม่ไหว...
ทนไม่ไหวแล้ว......
ทนไม่ไหวแล้วนะขอรับ!!!!!!
ร่างในชุดยูกาตะสีแดงนั่งกำมือแน่น เนื้อตัวสั่นเทาไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง ใบหน้าและสายตาซึ่งเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นบัดนี้กลับเอาแต่ก้มลงมองผืนเสื่อสีอ่อนภายในห้องพัก ไม่ขยับกายหรือแม้แต่จะลุกเดินไปไหนมาไหนเหมือนแต่ก่อน
สร้างความเป็นห่วงให้นินจาคนสนิทผู้รับบทเป็นพี่เลี้ยงกลาย ๆ จนต้องออกมาจากเงามืด “เป็นอะไรไปขอรับนายน้อย?”
อีกฝ่ายยังคงเงียบ “นายน้อย?”
ดวงตาคมจ้องมองร่างนั้นอยู่พัก อาการแบบนี้มักเกิดขึ้นจากความคับข้องใจบางอย่างที่เจ้าตัวยังไม่ได้รับการชี้แจงแถลงไข หรือไม่ก็คงเกิดจากความค้างคาใจ แต่ไอ้ความค้างคาใจที่เห็นก็ดูเหมือนจะได้รับการปลดเปลื้องไปแล้ว หลังจากได้ดวลกับมังกรตาเดียว ดาเตะ มาซามุเนะ อยู่แทบทุกเมื่อเชื่อวัน
เนื่องด้วยช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยว หลายแคว้นจึงพร้อมใจกันหยุดทำสงครามชั่วคราว หันไปเก็บเกี่ยวกักตุนเสบียงไว้ให้กับเมืองของตนและใช้ในยามรบ ทาเคดะเองก็เช่นเดียวกัน
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนายน้อยของเขาถึงได้พบเจอกับดาเตะได้บ่อยครั้งขนาดนั้น...
การทำสงครามใช่จะสามารถยุติและจบลงได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ผืนแผ่นดินไม่ใช่เพียงก้อนเล็ก ๆ มันกว้างใหญ่เกินกว่าจะจัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นได้ในเวลาสามวันเจ็ดวัน
และสำหรับพวกเขาการทำสงครามด้วยอุดมการณ์ของตนเองมันคือสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจมากกว่า ความบ้าระห่ำในอำนาจกับการฆ่าฟัน
ซาสึเกะถอนหายใจยาว ส่ายศีรษะไปมาช้า ๆ “ถ้านายน้อยไม่พูดแล้วข้าจะรู้ไหมขอรับ?” นอกจากความดื้อรั้นเกินมนุษย์แล้ว ไอ้เรื่องหัวแข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้านี่ก็ทำเอาเขาแทบบ้าไปหลายรอบ
แต่แล้วจู่ ๆ ใบหน้านั้นก็เงยขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลส่องประกายระยับ “ซาสึเกะ!!!”
เสียงเรียกนั่นทำเอาคนฟังสะดุ้ง “ขะ...ขอรับ?”
ดวงตานั้นยังคงเพ่งมอง พร้อมกับค่อย ๆ ขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ซาสึเกะเห็นแบบนั้นก็รู้สึกหวาด ๆ อยู่เหมือนกัน จะพูดตรง ๆ ก็คือคนตระกูลนี้ยิ่งไม่ค่อยจะธรรมดากับเขาอยู่ด้วย
“ซาสึกะ!!”
“ขอรับ...นายน้อยมีอะไรก็พูดมาเถอะขอรับ” เขาถอนหายใจอีกครั้ง
นายน้อยยังคงจ้องนินจาหนุ่มอยู่แบบนั้น “คือว่านะ.....คือ....”
“คือ?”
แล้วสุดท้ายไอ้คนที่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ก็ดันมาถอนหายใจหนักเสียแทน “เฮ้อ....”
ซาสึเกะยิ้มน้อย ๆ มือหนึ่งยกขึ้นเกาศีรษะตามนิสัย “อ่า...ถ้านายน้องคับข้องใจอะไร ก็ลองไปหาคน ๆ นั้นดูสิขอรับ”
“ไปหา?”
“ใช่แล้วขอรับ ปัญหาเกิดจากจุดไหนก็ต้องแก้ที่จุดนั้น” เขาขยิบตาให้ผู้เป็นนายตน “จริงไหมขอรับ?”
ร่างนั้นก้มหน้าลงอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็ลุกพรวดขึ้น เข่าข้างหนึ่งชันตั้ง หมะดสองข้างกำไว้แน่นแนบกาย “นั่นสินะ!!ไปถามกับเจ้าตัวก็หมดเรื่อง!!!” ใบหน้าอ่อนวัยหันมายิ้ม “ขอบคุณนะซาสึเกะ!!”
คู่สนทนาหัวเราะ แล้วก็ต้องงุนงงกับการกระทำของนายน้อยตนอีกครั้ง “นั่นจะทำอะไรน่ะขอรับ?” เขาเห็นอีกฝ่ายเร่งเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมใส่คฮากามะสีแดงคล่องตัว ก่อนจะฉวยเอาฮาโอริมาสวมทับอีกครั้ง
“ก็ไปพบเจ้าตัวไง!” เสียงใสเอ่ยตอบพลางวิ่งแจ้นออกไปยังด้านหน้า
ซาสึเกะตะโกนตาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “โฮ่ย ๆ ไปพบใครน่ะขอรับ!!” เผลอเพียงชั่วเวลา ร่างของนายน้อยเขาก็ขี่ม้าควบตะบึงตรงไปยังทางออกปราสาทเสียแล้ว
“โอชู!!!!!!!!” เสียงนั้นตะโกนกลับมา “ฝากบอกท่านเจ้าด้วย!!!ยูคิมุระคนนี้จะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด!!!”
“เอาอีกแล้วสิน่า...” นินจาหนุ่มส่ายศีรษะ “เดี๋ยวนะ....โอชู.....ดาเตะ มาซามุเนะ!!!” ดวงตาเบิกกว้างหันไปมองยังทิศทางที่นายน้อยของตนเพิ่งจากไป มือแกร่งยกขึ้นกุมหน้าผาก “จะเป็นเรื่องอีกแล้วไหมเนี่ย?”
ยูคิมุระควบตะบึงม้าสุดแรงโดยไม่แวะพักที่ไหน ใจเขาอยากจะไปให้ถึงที่หมายโดยเร็ว ขนาดเวลาแค่เพียงเสี้ยววินาทีก็ทำเอาความคับข้องใจนี้แทบระเบิด ต้องไป...ต้องไปให้ถึงและสอบถามความจริงให้รู้เรื่องเพียงเท่านั้น!
รอยยิ้มเปรยแต้มบนใบหน้า เขาค่อย ๆ ชะลอฝีเท้าม้า จนมันหยุดนิ่งหน้าปราสาทโอชู “ข้ายูคิมุระ เก็นจิโร่ ซานาดะ มาขอพบท่านดาเดะ มาซามุเนะ!” เสียงใสประกาศก้อง นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายแววความมุ่งมั่น
จริง ๆ เขาไม่ต้องประกาศตัวขนาดนั้นคนที่นี่ก็ให้เขาเข้าไปได้โดยง่ายแล้ว เป็นที่รู้กันดีหลังจากช่วงสงครามปราบจอมมารฟ้าที่หก โนบุนากะ นอกเวลารบพวกเขาทั้งหมดก็คือสหายร่วมจิตวิญญาณเดียวกัน ซ้ำยูคิมุระเองก็เคยมีบุญคุณต่อคนของทัพดาเตะ
“พี่ชายซานาดะนี่เอง!!” เสียงหนึ่งร้องทักอย่างเป็นมิตรเมื่อเห็นเขากำลังเดินเข้าสู่ภายใน
“อ้าว ไม่ได้เจอกันนานนะขอรับ” ยูคิมุระยิ้ม แม้จะเป็นเพียงทหารธรรมดา แต่เขาก็ถูกสอนให้มองคนทุกคนเท่าเทียมกัน
หลังจากพูดคุยได้เพียงครู่เขาก็ขอตัวไปพบกับนายเหนือหัวแห่งโอชู เมื่อเห็นว่ามาถึงห้องพักของอีกฝ่าย ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ นั่งคุกเข่าลง รอเข้าพบตามมารยาทของแขกที่มาเยือนอย่างกะทันหัน
“ไม่ได้พบกันเสียนานนะครับท่านซานาดะ” บานประตูเลื่อนเปิดออกพร้อมเสียงทักทายจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นดวงตาสำคัญ
ยูคิมุระค้อมศีรษะ “สบายดีนะขอรับท่านคาตาคุระ”
“ท่าทางท่านจะเร่งรีบมา” เขามองสำรวจ “แม้จะในยามปลอดจากสงครามท่านก็ควรจะระวังตัวไว้บ้างนะขอรับ” ชายมากประสบการณ์กว่าเอ่ยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคงรีบร้อนจนลืมหยิบเอาอาวุธคู่กายมาด้วย
คนถูกทักพอนึกออกก็หัวเราะแห้ง ๆ ตอบ “ข้าแค่อยากจะมาถามข้อสงสัยจากท่านมาซามุเนะเท่านั้นน่ะขอรับ เลยลืมฉุกคิดไป”
โคจูโร่ยิ้ม “นายท่านรออยู่ด้านในขอรับ” เขาผายมือเชิญให้อีกฝ่ายเข้าไปพบนายเหนือหัวแห่งโอชู
“ขอบพระคุณขอรับ!” ยูคิมุระเอ่ยเต็มเสียง ก่อนจะเดินเข้าสู่ด้านใน
บานประตูถูกปิดลง เขาค่อย ๆ หย่อนกายนั่งในห้องที่เงียบสนิท มีเพียงกลุ่มควันและกลิ่นหอมจากยาสูบลอยอบอวลอยู่ภายใน ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตจ้องมองไปยังผู้สวมยูคาตะสีน้ำเงินเข้มที่นั่งพิงหมอนอิงสบายอารมณ์อยู่เบื้องหน้า
“See you again ซานาดะ ยูคิมุระ” เสียงทุ้มห้าวเอ่ย คนฟังสังเกตเห็นรอยยิ้มประหลาดหลังม่านควันนั่น
จริง ๆ เขาก็ชินแล้วล่ะกับภาษาญี่ปุ่นคำ ภาษาประหลาดคำ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้ “ต้องขออภัยที่ข้ามารบกวนกะทันหันขอรับ” ชายหนุ่มกำมือทั้งสองข้างวางบนพื้นเบื้องหน้าเข่าทั้งสองของตนก่อนจะค้อมศีรษะลงน้อย ๆ
“มีอะไรก็ว่ามา” ดาเตะเอ่ยตามนิสัยคนไม่ชอบพูดมากความ
ใบหน้าอ่อนวัยก้มลง ทุกอย่างนิ่งเงียบอยู่พัก “คือ......”
“What?”
“คือว่า......”
“Shit! จะพูดอะไรก็พูดมาสิ!!” คนอารมณ์ร้อนเริ่มทนไม่ไหวกับไอ้ท่าทางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ นั่น
ยูคิมุระสูดหายใจลึก แล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าอีกฝ่าย “ข้าอยากจะถามท่านมาซามุเนะว่า เหตุใดวันนั้นท่านถึง…!!”
“วันนั้น? Why?” กล้องยาสูบยังคงถูกคาบอยู่ ควันของมันถูกพ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ทำไมถึงจูบข้าน่ะขอรับ!!!”
ดวงตาสีเข้มที่ปรากฏให้เห็นเพียงข้างเดียวเบิกกว้างอย่างตกใจ กล้องยาสูบแทบร่วงจากปาก ไม่นานอาการนั้นก็เริ่มแปรเปลี่ยน ผู้มาเยือนได้ยินเสียงหัวเราะดังแทนคำตอบที่หวังว่าจะได้ยิน
“ไม่ตลกนะขอรับ!! ข้าเฝ้าคิดมาตั้งแต่วันนั้นแล้ว!!” ยูคิมุระกำหมัดแน่น พร้อมแสดงท่าทีจริงจังตามนิสัย
ดาเตะยังคงหัวเราะ “เจ้าอยากรู้รึว่าทำไม?”
เขาพยักหน้าขึ้นลง ดวงตาสีน้ำตาลทอประกายเช่นทุกครั้ง เห็นแบบนั้นคนถามก็คลี่ยิ้ม พลางยกนิ้วขึ้นกวักเรียกอีกฝ่ายให้มาหาตน “Come on.”
“หา?”
“มาใกล้ ๆ แล้วข้าจะบอก” เขาขยายความเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคงไม่เข้าใจความต้องการของเขาแน่
ยูคิมุระพยักหน้ารับ ด้วยความอยากรู้ที่มีมากเสียจนไม่คิดถึงสิ่งอื่น เขาขยับกายเข้าไปใกล้ดาเตะในอีกระดับหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่ามันยังไม่ใกล้พอ “เข้ามาอีก” เสียงทุ้มของนายเหนือหัวแห่งโอชูว่า
เขามั่นใจว่าตอนนี้ตนเองอยู่ใกล้กับดาเตะสุด ๆ ถ้าใกล้กว่านี้มีหวังคงต้องขึ้นไปนั่งทับบนตัวคนเรียกแน่ ๆ “จะบอกได้หรือยังขอรับ?”
ชายหนุ่มเจ้าของข้อข้องใจหลับตาลงพลางหยิบกล้องยาสูบออกวางไว้บนที่ของมัน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต้มบนใบหน้าคมอีกครั้ง พลันดวงตานั้นเปิดขึ้น ยูคิมุระก็รู้สึกว่าตนโดนกระชากอย่างแรงไปด้านหน้า และรู้ตัวอีกครั้งริมฝีปากที่เต็มไปด้วยรสชาติของยาสูบนั่นก็ประกบทาบทับลงมาเสียแล้ว
รู้สึกเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด.....
ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างอย่างตกใจ ตกใจจนลืมที่จะขัดขืน ไม่นานร่างอันแข็งทื่อของเขาก็ถูกผลักออกเบา ๆ ดาเตะเห็นปฏิกริยานั้นก็หัวเราะ “รู้สึกเป็นไง?”
พยัคฆ์หนุ่มยังคงนิ่ง อีกฝ่ายเลยทำท่าจะคว้ามากระทำแบบเดิมซ้ำอีกครั้ง พอโดนรั้งไปสติที่เตลิดก็กลับมาทันควัน “หวา!! อย่าขอรับ!!” คนร้องห้ามพละตัวถอยออกห่าง
“เป็นไง?” ดาเตะยิ้ม
“มะ....หมายถึงอะไรขอรับ?”
“Kiss รู้สึกยังไง?” เขาหยิบกล้องยาสูบขึ้นมาอีกครั้ง
ใบหน้าของชายหนุ่มฉายแววประหลาด เหมือนจะสับสน เขินอาย แต่ในขณะเดียวกันก็ดูวุ่นวายพิกล ปฏิกริยาแบบนั้นทำเอาคนมองหัวเราะออกมา “เจ้ารังเกียจไหม?”
“รังเกียจ....?” แขนเล็กยกขึ้นกอดอก เวลาใช้ความคิดเขามักขะทำแบบนี้เสมอ “ไม่นะขอรับ...”
คำตอบนั่นดูเหมือนจะเรียกอาการตกใจให้กับดาเตะอีกครั้ง ชักอยากจะรู้แล้วว่าตาลุงนั่นเลี้ยงเจ้านี่มาแบบไหน ไอ้เรื่องจูบน่ะมันไม่แปลกอะไรหรอก “กับผู้ชาย เจ้าไม่รู้สึกอะไรเลยรึ?”
ยูคิมุระเอียงคอน้อย ๆ “เอ๋....แล้วมันต่างกับผู้หญิงยังไงหรือขอรับ?”
เห็นแบบนี้ไม่อยากแกล้งมันก็น่าแปลกเกินไปแล้ว ดาเตะ มาซามุเนะ นายเหนือหัวแห่งโอชู เกิดมาในชีวิตเป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากแกล้งคนได้มากมายขนาดนี้ “แสดงว่าเจ้าไม่เคยมี Sex งั้นสิ?”
“เซะกะ...คืออะไรขอรับ?”
“ฮ่า ๆ น่าสนุกจริง ๆ นี่คงแสดงว่า First Kiss สินะ?” ชายหนุ่มหัวเราะร่วน
แต่อีกฝ่ายดูท่าจะมึนกับภาษาประหลาด ๆ นั่นเต็มทน “อะ....เอ่อ....ข้าไม่เข้าใจหรอกนะขอรับ แค่อยากรู้ว่าทำไมท่านถึงจูบข้าเท่านั้น”
“เจ้าคิดว่าจูบคืออะไร?” ดูเหมือนนายเหนือหัวจะสบายอารมณ์อย่าบอกใคร
ยูคิมุระเงยหน้าขึ้นมองเพดาน ทำท่าทางขบคิดหนัก “การแสดงความรัก? ล่ะมั้งขอรับ?”
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าจูบเจ้าทำไม?”
ใบหน้าอีกฝ่ายยื่นเข้ามา ดวงตาสีน้ำตาลทอประกายมุ่งมั่น “นั่นแหละขอรับที่ข้าอยากรู้!!”
ดาเตะจ้องมองดวงตานั้นพลางยกมือข้างหนึ่งของตนขึ้นปิด แล้วปล่อยให้กล้องยาสูบที่คาบไว้ร่วงหล่นลงกับพื้น เขาเคลื่อนตัวเข้าหาอีกฝ่ายแล้วจูบซ้ำอีกครั้ง ครานี้ยูคิมุระดูเหมือนจะไม่ตกใจจนตัวแข็ง ยืนยันได้ชัดเจนเมื่ออีกฝ่ายพยายามจะดันชายหนุ่มออกและถอยหนี
แต่มือของดาเตะกลับจับแขนอีกฝ่ายไว้แน่น พลางเลื่อนไปจับเส้นผมสีน้ำตาลนุ่ม ออกแรงขยำแล้วดึงให้อีกฝ่ายแหงนหน้าตาม ยูคิมุระรู้สึกเจ็บจึงทำท่าจะเปล่งเสียงร้อง แต่การกระทำนั้นมันดันเปิดช่องทางให้ลิ้นร้อนของอีกฝ่ายเข้ามากวาดเอาความหอมหวานได้ดั่งใจ
“อื้อ!!”
สติของยูคิมุระค่อย ๆ เตลิดไปทีละน้อย พร้อมกับเรี่ยวแรงและลมหายใจซึ่งถูกช่วงชิงไปตามเรียวลิ้นที่ควานไปจนทั่ว รู้สึกถึงรสชาติยาสูบชัดเจนมาก.....
ดาเตะรู้สึกถึงการตอบสนองที่แม้จะน้อยนิด เขาเปล่งเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะผละออกให้อีกฝ่ายได้หายใจอย่างอิสระ “แล้วนี่ล่ะ?” ร่างเล็กกว่าก้มลงพิงอกแกร่ง มือที่พยายามผลักดันและห้ามปรามนั้นขยำยูกาตะสีน้ำเงินเข้มแน่นเหมือนต้องการหาที่ยึดเหนี่ยว
“ว่าไง? Your feeling?”
ร่างในอ้อมแขนของเขายังคงหายใจหอบถี่ ไม่กล้าเงยหน้าสบตากับคนถาม ชายหนุ่มหัวเราะพลางช้อนคางอีกฝ่ายให้มองตน “ว่ายังไงยูคิมุระ?”
ดวงตาคมสบกับดวงตาสีน้ำตาลซึ่งตอนนี้มันเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ปรารถนา ดาเตะจ้องมองนิ่ง “เพราะดวงตาของเจ้าไงล่ะ”
“ตา?”
เพราะดวงตาของเจ้าที่มุ่งมั่น และมองมายังข้าด้วยความรู้สึกแน่วแน่นั่น....
“Yeah.”
พอรู้ตัวอีกครั้งข้าก็ไม่อาจลืมเลือนมันได้
แต่ก่อนที่เขาจะเผยอะไรออกไปมากกว่านี้ ดาเตะก็เบี่ยงประเด็น “จะให้ข้าสอนมากกว่านี้ไหม?”
“อะ...เอ๋?”
“ดูท่าเจ้าไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้เลยสักนิด เอาเป็นว่าข้าจะตอบแทนที่เจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่ทำให้ข้าสนุกมากก็แล้วกัน” ไม่พูดเปล่า ใบหน้าคมก้มลงซุกไซ้บริเวณลำคอขาวเนียน กลิ่นหอมจาง ๆ จากเส้นผมนั่นยิ่งทำให้เขาไม่อยากหยุดยั้งสิ่งที่กำลังจะกระทำ
“วะ...หวา!!! ไม่เอานะขอรับ!!!!” ยูคิมุระออกแรงผลักอีกฝ่าย ก่อนจะลุกพรวดขึ้นยืน “ชีวิตนี้ข้าไม่สนใจเรื่องแบบนี้หรอกขอรับ!!! ข้าคิดเพียงแต่จะอยู่เคียงข้างท่านเจ้าไปตลอดเท่านั้น!!” เขารีบเดินจ้ำออกไปจากห้อง
แต่เหมือนกับลืมอะไรบางอย่าง ยูคิมุระกลับมาอีกครั้ง นั่งลงแล้วค้อมศีรษะให้ “ข้าขอลาขอรับ!”
ดวงตาที่มีเพียงข้างเดียวเบิกกว้าง ก่อนจะหัวเราะดังลั่นไปทั่ว “ทีแบบนี้ล่ะฉลาดขึ้นมาเชียวนะ!!”
ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางรู้สึกเบื่อสิน่า!!
ยูคิมุระรีบคสบตะบึงม้ากลับอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่สนว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเช่นไร ในระหว่างนั้นสมองของเขาก็หวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและความรู้สึกที่ได้รับจากสัมผัสนั่น มันทำเอาร่างกายเขารู้สึกแปลกไปหมด มันเป็นความรู้สึกที่ต่างจากความรู้สึกก่อนหน้าที่เคยได้รับมาทั้งหมด
“ว่าแต่....ที่บอกว่าเพราะตาข้านี่ มันอะไรกัน?” เขาชะลอฝีเท้าม้า...
ใบหน้านั้นหันกลับไปทางปราสาทโอชูที่จากมา “มันอะไรกันล่ะขอรับ! ท่านมาซามุเนะ!!!!”
จบแล้วล่ะมั้ง?
ความคิดเห็น