คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [Vassalord] Happy End. (ชาร์ลีxเรย์โฟร)
[Shortfiction Request Vassalord]
Title : Happy End.
Author : Derick
Pairing : เชอร์รี่xลุง
เพราะมีค่ามากมายกว่าใคร
จึงอยากที่จะอยู่ใกล้
เพราะสำคัญมากกว่าใคร
จึงอยากที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นบางสอดส่ายมองไปทั่วห้องพักที่คุ้นตา สำรวจจนทั่วบริเวณแล้วจึงเดินเข้ามาจัดแจงวางสัมภาระของตนลง เสื้อนอกถูกปลดออกแขวนไว้เป็นระเบียบ ปมเนคไทคลายหลวมพอให้รู้สึกสบายตัวขึ้น
พลันดวงตากลับแลไปเห็นเศษซากอะไรซักอย่างร่วงกองอยู่บนพื้นหน้าห้องนอนตน ชายหนุ่มซึ่งกำลังจะทิ้งตัวลงนั่งลุกขึ้นก้าวเท้ายาว แล้วก้มลงหยิบมันขึ้นมองด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ “เสื้อ.....” เสื้อผ้าถูกถอดกองระเกะระกะเรี่ยราดพื้น
เขาเปิดประตูเข้าไปภายใน “มาสเตอร์ครับ อย่างน้อยก็ช่วยถอดเสื้อผ้าให้เป็นที่หน่อยจะได้ไหมครับ....”
ผู้นอนอยู่บนเตียงลืมตาขึ้นข้างหนึ่งเพื่อมองเจ้าของเสียง “เชอร์รี่!!~ คิดถึงจังเลยยยยย” ว่าแล้วก็ลุกพรวดขึ้นกอดร่างสูงใหญ่กว่าทันใด
อีกฝ่ายรับร่างนั้นไว้ แต่ใบหน้ายังคงเต็มเปี่ยมด้วยความเหนื่อยหน่ายใจเหมือนเดิม “บอกแล้วไม่ใช่หรือครับว่าเวลานอนให้ใส่เสื้อผ้าให้มิดชิดหน่อย”
คนถูกต่อว่ายิ้ม “อะไรกัน ๆ ได้ข่าวว่านายเป็นลูกฉันไม่ใช่หรือไง? หืม?”
“อย่างน้อยก็ช่วยถอดเสื้อผ้าไว้เป็นที่ก็ยังดีนะครับ” เขาขยับแว่นเบา
“ขี้บ่นจริงนะนาย....ว่าแต่ไม่สนใจจริง ๆ หรือ?” เรย์โฟรจงใจเผยผิวคอให้อีกฝ่ายเห็น
ชาร์ลีเบิกตามองเพียงครู่แล้วเบือนหน้าหนี “ผมจะออกไปข้างนอกหาอะไรมาทำให้ทาน คุณอยากทานอะไรรึเปล่าครับ?” ว่าแล้วก็ก้มลงเก็บเสื้อผ้าและข้าวของที่อยู่บนพื้นให้เข้าที่เข้าทาง
ทานอาหาร? ฟังดูหรูหราเสียจริง... “ทำเมินกันเลยน้า....ใจร้ายจริง ๆ เถอะให้ตายสิ”
หากว่าการพยายามจะหลีกเลี่ยงครั้งนี้ไม่เป็นผลเอาเสียเลย ในระหว่างที่เขากำลังจะออกจากห้องของตนนั่นเอง อีกฝ่ายกลับลุกขึ้นแล้วเดินมาใกล้จนแผ่นหลังของเขารู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น
มือเรียวยาวเลื่อนสัมผัสใบหน้าคนสูงกว่าตนช้า ๆ มันลูบไล้ทั่วใบหน้าแล้วละเลียดไปตามริมฝีปากได้รูป ดวงตาภายใต้กรอบแว่นหลับแน่นอย่างข่มกลั้นความรู้สึก
“ผมจะออกไปข้างนอกครับ” ชาร์ลีหันมาจับเอาตัวร่างของผู้ยั่วยวนให้ออกห่างจากตน แล้วก้าวเดินดุ่ม ๆ จากไปอย่างรวดเร็ว
เรย์โฟรยืนกอดอกพิงบานประตูที่ถูกเปิดอ้าออกกว้างอย่างเหนื่อยใจ “ให้ตายเถอะ ลูกมาหนีหน้าพ่อแบบนี้ คนเป็นพ่อกลุ้มใจนะจะบอกให้” เขาพึมพำเบา
ชาร์ลีที่เดินจนแทบวิ่งออกมาจากห้องพักของตนทรุดลงนั่งอยู่บนม้านั่งแถว ๆ สวนสาธารณะใกล้ ๆ มือสองข้างกุมศีรษะที่ถูกสั่งให้ก้มลงจนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้
“ภาระงั้นเหรอ....?”
‘ไม่คิดบ้างหรือว่ามันคือภาระ’
‘นายคิดว่าเขาจะสามารถทำแบบนั้นไปได้อีกนานแค่ไหนกัน’
‘ก็เหมือนกับมนุษย์นั่นแหละ ยิ่งขาดมันไปก็ยิ่งอ่อนแรงลง’
และสักวัน....ก็จะต้องตายไป...
ตาย...เขาเฝ้ากังวลเรื่องนี้มาตลอด ไม่อยากให้คนสำคัญในชีวิตจากไป “สักวัน...งั้นหรือ...”
ทำไมกันนะ....แม้จะเห็นสภาพที่แทบไม่เหมือนมนุษย์ของอีกฝ่ายมาก็แล้ว สภาพที่ไม่น่าจะทำให้มีชีวิตรอดมาได้ก็เห็นมาแล้ว แต่ทำไม....ทำไมกับอีแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ถึงได้ทำให้เขาคิดมากไปได้นะ
เพราะมันเกี่ยวข้องกับความตายงั้นหรอ? น่าขันน่ะ.....กับอีแค่นี้มีหรือจะทำให้คนอย่างนั้นตาย
แต่ถึงจะลืมเรื่องนั้นไป ไอ้คำว่า ‘ภาระ’ มันก็ยังคงฝังแน่นในอกอยู่ดี....
“เลือด....” ตลกร้ายเสียจริงบาทหลวงกลับต้องคอยดื่มเลือดแวมไพร์...
มันคือสำนึกของคนประเภทไหนกันล่ะ? สำนึกของคนมีชีวิต หรือสำนึกของคนที่ได้เคยตายไปแล้วกัน... เพราะกลัวตายงั้นหรือ? ไม่....ไม่ใช่...
แค่กลัวที่จะไม่ได้อยู่กับคนสำคัญต่างหาก....
“เฮ้อ....” เขาถอนหายใจหนัก
พลันรู้สึกได้ถึงมือเล็กที่สะกิดบนต้นขาของตนเบา ๆ ชาร์ลีเงยหน้ามอง เห็นเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งส่งไอศกรีมโคนสีอ่อนท่าทางหวานหอมให้พร้อมรอยยิ้ม แล้วเธอก็ชี้ไปยังมุมหนึ่งของสวนธารณะนั่น
ร่างในชุดสีดำยืนโบกมือไหว ๆ แย้มยิ้มกว้างให้เช่นทุกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเดินผ่านเหล่าเด็กและผู้ปกครองจากลานกว้างตรงมานั่งยังม้านั่งในส่วนที่ว่างอยู่ “เป็นอะไรเชอร์รี่ ทำหน้าไม่ดีใจเลยนะ อุตส่าห์ซื้อขนมให้”
“ผมไม่ใช่เด็กนะครับ” ดวงตาภายใต้กรอบแว่นมองของที่ตนได้รับในมือ
“ในสายตาคนเป็นพ่อไม่ว่าเมื่อไหร่ลูกตนก็เด็กอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ”
ไม่มีคำตอบรับจากชาร์ลี ชายหนุ่มนั่งก้มหน้าลงต่ำ ปล่อยให้ไอศกรีมที่ถืออยู่ละลายไปตามเวลาและสภาพอากาศที่ไม่ร้อนไม่เย็นนัก
ดวงตาเปี่ยมด้วยเสน่ห์จับมือที่ถือไอติมนั้นยกขึ้น แล้วเลียยังส่วนที่ละลายลงจนแทบเปื้อนมือ
“ทำอะไรน่ะครับมาสเตอร์!!”
“ก็นายไม่กินฉันก็เลยกิน ปล่อยให้ละลายก็เสียดายของแย่” ว่าแล้วก็ทำท่าจะเลียต่อ
ชาร์ลีชักมือกลับ แล้วกัดเอาครีมที่ค่อย ๆ ละลายนั่นเข้าเต็มปาก บ่งบอกว่าตนจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำแบบนั้นต่อได้แน่ เรย์โฟรที่เห็นก็หัวเราะเบา “ก็แค่นั้น....”
ชายหนุ่มผมดำหยักศกสวยวางมือของตนพาดไปบนพนักเก้าอี้ เอนหลังพิงยืดกายนั่งในท่าสบายอารมณ์ “ผู้ใหญ่ให้อะไรก็รับไว้ ไม่เห็นจะยาก”
แม้จะเป็นคำพูดธรรมดาแต่คนฟังกลับรู้สึกได้ถึงความนัยที่แฝงอยู่ บางทีเรย์โฟรอาจรู้แล้วว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไร จริง ๆ ไอ้ความรู้มากตรงนี้เขาก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกันนะ เพราะเวลาอยากจะเก็บอะไรไว้...มันก็ไม่สามารถเก็บได้เสียทุกทีไป
“มัน......ไม่ใช่แบบนั้นครับ”
“แล้วมันอะไรกันล่ะ?”
ยังคงไปตอบคำถาม ดวงตาของเรย์โฟรจ้องมองไปยังภาพโดยรอบที่เกิดขึ้น รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของเหล่าผู้ปกครองและเด็กตัวน้อยที่ต่างวิ่งเล่นกันไปมา ภาพความสุขและความสนุกสนานในการอยู่ร่วมกัน...
มันทำให้เขาหวนนึกถึงอดีตอันน่าจดจำ “ไม่ไว้ใจฉันขนาดนั้นเลยรึไง?”
ชาร์ลีสะดุ้งกับคำถามนั้น มือทั้งสองประสานกัน “ผม...เป็นภาระให้คุณรึเปล่า?”
คนถูกถามเบิกตากว้าง “อะไรกัน เพิ่งจะมาถามเอาป่านนี้เนี่ยนะ?” คำพูดกลั้วหัวเราะสร้างความไม่พอใจให้อีกฝ่าย
“แสดงว่าผมเป็นภาระให้คุณจริง ๆ”
เรย์โฟรยิ้มบาง มือเรียวยกขึ้นวางบนเส้นผมสีอ่อนนุ่มเบา ๆ แล้วรั้งศีรษะนั้นเขามาใกล้ “ผ่านมาตั้งเท่าไหร่แล้วคริส....ฉันเคยเห็นเธอเป็นภาระด้วยหรือไงกัน?”
เขาเว้นจังหวะ “ไม่มีพ่อคนไหนมองลูกตัวเองเป็นภาระหรอกนะ ที่สำคัญ....”
“ที่สำคัญ??” ชาร์ลีย้ำคำ ไม่อาจซ่อนความอยากรู้ไว้ได้
“ฉันมีความสุขที่มีนายอยู่ด้วยแบบนี้” ดวงตาทั้งสองจ้องมองกันนิ่ง มันแฝงด้วยความรู้สึกมากมายที่ต่างส่งผ่านให้กันตลอดระยะเวลาอันยาวนานของช่วงชีวิตที่ผ่านพ้นมา
“ที่สำคัญไปกว่านั้นอีก....นายน่ะมันน่ารักที่สุดดด!~” เรย์โฟรคว้าเอาศีรษะอีกฝ่ายมากอดแน่น พลางไซร้แก้มของตนไปมาบนเส้นผมอ่อนนุ่ม
“หยุดนะครับมาสเตอร์!! ที่นี่มันด้านนอกนะครับ!!”
“ไม่เห็นเป็นไร พ่อจะแสดงความรักให้ลูกมันแปลกตรงไหนกัน มามะ...” ว่าแล้วก็หอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่
ไม่รู้ว่าผู้คนโดยรอบที่เห็นภาพนี้จะคิดกันยังไง ให้ทายหากคงไม่หาว่าเป็นคู่รักวิปริตก็คงคิดว่าเป็นพวกบ้าบอที่มาทำอนาจารกันต่อหน้าสาธารณะชนเป็นแน่ แต่ก็นะ.....ถึงจะอย่างไรมันก็ไม่เท่ากับความสบายใจที่ได้รับกลับคืนมานี้หรอก...
ถ้าคุณพูดว่ามีความสุข....ผมก็ยินดีที่จะอยู่แบบนี้ตลอดไป
แต่หากวันใดที่ผมกลายเป็นตัวการทำร้ายคุณขึ้นมา....วันนั้นผมก็พร้อมที่จะจากคุณไป
End.
ความคิดเห็น