ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวม One Shot Fanfiction [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #1 : [Tokyo Majin Gakuen Kenpuchou] Until we meet again (KyoichiXHiyuu)

    • อัปเดตล่าสุด 6 ส.ค. 52


    />

    [Shortfiction Tokyo Majin Gakuen Kenpuchou]

     

     

    Title : Until we meet again

    Author : Derick

    Pairing : KyoichiXHiyuu

    Rate : G


     

     

     

     

     

     

     

     

    นายอยู่ไหนกันแน่...?

     

    จะต้องให้ฉันเฝ้ารอและตามหาไปอีกนานแค่ไหน...?

     

    รู้ไหมว่าฉันในตอนนี้เป็นยังไง...?

     

    อีกนานแค่ไหน....?

     

    นานแค่ไหนกัน.....?

     

    ทัตสึม่า....

     

     

     

     

     

    ดวงตาสีน้ำตาลเหม่อมองยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยปุยเมฆซึ่งก่อตัวขึ้นท่ามกลางอากาศชื้นในยามค่ำ  สายลมเย็นยังคงโบกพัดเรื่อย  เหมือนกับความคิดและจิตใจซึ่งล่องลอยออกไปไกลแสนไกล  ไกลเสียจนน่าหวาดหวั่นว่าสักวันหนึ่งคงไม่สามารถที่จะเรียกมันกลับคืนมาได้อีกครั้ง

     

    แต่ไม่มีวัน...ไม่มีวันที่จะยอมแพ้...

     

    ตอนนี้ใกล้ฤดูใบไม้ผลิแล้วนะ..  เขาพึมพำเบา ๆ 

     

    ไม่เคยลืมวันที่พบกันครั้งแรก  ในตอนนั้นเป็นฤดูใบไม้ผลิ  ฤดูกาลที่ว่ากันว่าเป็นฤดูกาลแห่งความรัก  ซึ่งจริง ๆ แล้วสำหรับฉันไม่ว่าจะเมื่อไหร่  วันไหน  ตอนไหน...มันก็เหมือน ๆ กันทั้งนั้น  ใช่...สำหรับคนอย่างฉัน  ไม่ว่าอะไรก็น่าเบื่อไปหมด

     

    แต่นาย...นายทำให้ฉันรู้จักว่า เวลาอันมีค่า และ ความทรงจำอันแสนสำคัญ เป็นแบบไหน...

     

    ดวงตาคมก้มลงมองดาบไม้ซึ่งทำขึ้นด้วยมือของตนเอง  มันไม่ใช่เพียงดาบไม้ที่มีไว้เพื่อสร้างความเจ็บปวด  ไม่ใช่ดาบไม้ที่มีไว้เพื่อทำร้ายใคร  แต่เป็นดาบไม้ที่มีไว้เพื่อปกป้องคนสำคัญ  ปกป้องพวกพ้องและเพื่อนร่วมโลกของตน

     

    นายเป็นคนสอนฉัน...ให้รักและปกป้อง...

     

    เปลือกตาบางปิดลง  ศีรษะเงยพิงต้นไม้ใหญ่ที่เขามักจะชอบขึ้นไปนอนเล่นบนกิ่งก้านสาขาอันแข็งแกร่งของมันเป็นประจำ  เพื่อรอคอย  เฝ้ามอง และสำรวจตรวจตราความเป็นมาเป็นไปอยู่ห่าง ๆ

     

    เมื่อไม่ขอให้ยุ่งก็จะไม่ยุ่ง...  แต่คราวนี้ฉันทำไม่ได้จริง ๆ

     

    ภาพนั้น...ไม่ว่าจะความฝันหรือความจริงก็ตาม  ท่ามกลางกลีบดอกซากุระที่โปรยปราย  ร่างของนายที่ยืนอยู่ภายใต้ความงดงามเหล่านั้น  ใบหน้าซึ่งมองฉัน...และยิ้ม....อย่างที่นายเคยยิ้มมาตลอด

     

    เพราะแบบนั้นฉันจึงไม่สามารถรอคอยอยู่เฉย ๆ ได้อีก

     

    เคียวอิจิมองมือของตนเองแล้วกำมันแน่น  รอยยิ้มเปรยขึ้นบนใบหน้า  เหอะ...ไม่รู้จะซื่อบื้อไปถึงไหนนะเจ้านั่น

     

    เขาหลับตาลงอีกครั้ง  จะต้องพานายกลับมาให้ได้  ได้อย่างแน่นอน...

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    เสียงลมกรรโชกแรงพัดผ่านใบหู  โสตการฟังที่นิ่งสนิทถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง  ดวงตาคมค่อย ๆ ปรือขึ้นอย่างช้า ๆ  นี่เขาผลอยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

    เขาพยายามปรับสายตาแล้วเพ่งมองพาดผ่านกระแสลม  เบื้องหน้าคือความมืดมิดที่ว่างเปล่า  เด็กหนุ่มขยับกายช้า ๆ แผ่นหลังของเขาสัมผัสกับเปลือกไม้หนาที่ห่อหุ้มร่างอันใหญ่ยักษ์ของมันเอาไว้

     

    เคียวอิจิเงยหน้ามอง  เห....?  ต้นไม้ต้นนี้...ไม่ใช่ต้นไม้ที่เขานอนเล่นอยู่ก่อนหน้านี่นา

     

    ใครเล่นตลกอะไรบ้า ๆ รึไงกัน?  โฮ่ย!!ไม่ขำนะเว้ย!! ใครพาฉันมาที่นี่เนี่ย??!!”

     

    พอไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ กลับมาเขาจึงลุกขึ้นยืน  มือกำดาบไม้คู่กายแน่นอย่างไม่สบอารมณ์  ดวงตากวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง  อารมณ์ในตอนนี้เขาคงสามารถพาลหาเรื่องคนที่เดินผ่านมาได้หมด

     

    หากแต่ไม่มีแม้เงาให้ได้เห็น  นี่มันที่ไหนเนี่ย?! คิซารางิ?! มีใครอยู่บ้างไหม?!”

     

    จู่ ๆ ลมพายุที่พัดกรรโชกแรงก็กลับมาอีกครั้ง  พร้อมกับกลีบดอกซากุระสีชมพูอ่อนสวยที่ปะปนรายล้อมรอบตัวเขา  เคียวอิจิยกมือทั้งสองขึ้นบังใบหน้าและดวงตาของตนเอง  แม้มันจะรุนแรงจนเหมือนกับว่าสามารถฉีกร่างเขาออกเป็นชิ้น ๆ ได้  แต่มันกลับแค่โอบล้อม  ไม่ได้ทำอันตรายเขาเลยสักเพียงนิด

     

    วินาทีต่อมาเคียวอิจิรู้สึกว่าร่างของตนเองกำลังล่องลอย  ไม่รู้จุดหมาย  ไม่รู้ทิศทาง  ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยแม้แต่เสียงของตนเองที่กำลังตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

     

    สุดท้ายร่างของเขาก็สัมผัสกับผืนดิน  ความมืดสนิทและพายุกลีบดอกไม้นั้นกลายเป็นทัศนียภาพของป่าในยามค่ำ  แสงจันทร์ที่สาดส่องกับเสียงหริ่งเรไรที่ต่างร้องประชันแข่งกันเป็นสิ่งที่เขาได้เห็นและได้ยินในตอนนี้

     

    นี่มันบ้าอะไรวะ?  เขาอ้าปากค้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ในชีวิตเจอเรื่องแปลกมาก็เยอะ  แต่ไอ้แบบนี้นี่แทบไม่เคยเห็น  ไม่คิดว่าจะได้เจอด้วยซ้ำ

     

    หรือจะเป็นภาพลวงตา?  เขากอดอกแน่น  คิ้วขมวดกันอย่างใช้ความคิด

     

    เสียงฝีเท้าหนึ่งที่ใกล้เข้ามาทำลายห้วงของเด็กหนุ่มจนหมดสิ้น  เคียวอิจิลุกขึ้นยืน  ดวงตาเพ่งมองไปยังเงามืดในทิศทางนั้น  มือกำดาบไม้ของตนนิ่ง  ระแวดระวัง  สงบนิ่งเยือกเย็นเพื่อพร้อมรอรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

     

    ไม่เจอกันนานนะ  เคียวอิจิ  ร่างที่ปรากฏภายใต้แสงจันทร์ในยามค่ำคืนทำเอาเขาเบิกตาค้าง  รอยยิ้มนั้น  น้ำเสียงนั้น...

     

    ร่างกายสั่นไปทั้งร่าง  ทะ....ทัตสึ....ม่า?

     

    ขอโทษทีนะ...ไม่คิดว่าอาจารย์เฟยจะเรียกนายมาด้วยวิธีแบบนั้น  ตอนแรกฉันจะไปหานายเองแต่ท่านห้ามไว้เพราะร่างกายฉันยังไม่แข็งแรงพอน่ะ  เขาว่า  อาจจะเป็นคำพูดที่ยาวที่สุดที่ออกมาจากปากเลยก็ว่าได้กระมัง

     

    ทัตสึม่า...

    อีกฝ่ายยิ้มตอบ  เพียงแค่นั้นเคียวอิจิก็ยอมปล่อยทิ้งทุกอย่างแล้ววิ่งตรงเข้าหา  สองมือที่กำดาบมาเป็นเวลานานบัดนี้กลับโอบกอดร่างของคนที่ตนเฝ้าตามมาหาตลอดเวลาไว้แน่น

     

    ไอ้บ้าเอ้ย!”  เขาว่า

     

    ทัตสึม่าตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ตกลงบนผิวหนัง  ก่อนจะแย้มยิ้มแล้วโอบกอดอีกฝ่าย  กลับมาแล้วนะ  เคียวอิจิ

     

    เออ...  เสียงห้าวตอบ  พักหนึ่งก็ผละออกจากอีกฝ่ายแล้วเดินไปหยิบดาบไม้ของตน

     

    ขอบคุณนะ...

     

    ดวงตาคมหันมองอย่างสงสัย  อะไร?

     

    ขอบคุณที่มา

     

    ดวงตาคู่เดิมเบิกกว้างขึ้น  แล้วปิดลงพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ  มือแกร่งกุมดาบพลางยกมันขึ้นวางพาดบนบ่า  หึ...ก็นายเรียก  เขาเดินเข้าไปหา  ที่สำคัญคนซื่อบื้ออย่างนายถ้าไม่มารับมีหวังกลับไม่ถูกแน่ ๆ

     

    คนฟังยิ้ม  จะว่าไปคิดถึงสตอเบอรี่จัง

     

    นี่นายคิดถึงแต่เรื่องกินเรอะ!!”

     

    ฉันคิดถึงสตอเบอรี่ต่างหาก

     

    เหมือนกันแหละน่า!!!”

     

     

     

     

     

     

    ไม่ว่าที่ไหน....เมื่อไหร่

    ขอให้นายเรียกฉันเท่านั้น

    ฉันก็พร้อมที่จะมาหานายเสมอ

     




     

     

     

    จบ or มีต่อ?

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×