ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวม One Shot Fanfiction [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #8 : [Dear Boys] Last memory (TakumiXRanmaru)

    • อัปเดตล่าสุด 6 ส.ค. 52


    />

    Last memory….

     



    สายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย  กำลังชะล้างเอาเสียงสะอื้นภายในจิตใจที่ไม่อาจได้ยินให้ไหลลงสู่เบื้องล่าง  หยาดน้ำตาแห่งความเสียใจกำลังไหลปะปนไปกับสายฝน  คำพูดที่ดังวนอยู่ในสมองมันทำให้จิตใจที่บอบช้ำกลับยิ่งทวีความปวดร้าวขึ้นไปอีก....

     

    ร่างเล็กที่ดูบอบบางราวหญิงสาวนั่งอยู่ท่ามกลางสายฝน  ผู้คนมากหน้าหลายตาที่เดินผ่านไปมา  ยามเย็นที่ฝนฟ้าไม่เป็นใจเช่นนี้ คงไม่มีใครสังเกตผู้ที่นั่งอยู่คนเดียวอย่างเดียวดาย  ผู้ที่ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผู้ที่ความเจ็บช้ำกัดกินหัวใจของเขาไปจนหมดสิ้น

     

    ร่างนั้นยังคงนั่งอยู่ตรงที่เก่าเช่นเดิม  เวลาผ่านมานานมากแล้ว จากสายฝนที่หล่นลงมาอย่างไม่ขาดสาย ค่อยๆซาลงๆจนในที่สุดก็เหลือเพียงน้ำค้างที่แสดงให้เห็นถึงร่องรอยของสายฝนเท่านั้นเอง

     

    .............................................................

     

    ผม มิอุระ รันมารุ  ผมยังจำได้ถึงวันแรกที่ผมพบกับเขา  ฟุจิวาระ ทาคุมิ เขาเข้ามาคุยกับผมอย่างไม่ลังเล และเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าจิตใจของผมได้เปลี่ยนแปลงไป  หลายต่อหลายครั้งที่เขาทำให้ผมรู้สึกยินดี  และหลายต่อหลายครั้งที่เขามักจะช่วยปลอบใจผมเสมอในยามเศร้า  แต่นั่นก็ไม่ได้เกินเลยไปกว่าคำว่า เพื่อน เลยแม้แต่น้อย

     

    ผมและเขาคบกันมาตั้งแต่ม.ต้น เราเล่นบาสมาด้วยกัน ความทรงจำที่แสนดีในห้วงเวลานั้น มันยังคงวนเวียนอยู่ ผมรู้สึกเป็นสุขทุกครั้งที่นึกถึงมัน ทุกครั้งที่ผมมองหน้าเขา หรือแม้กระทั่งพูดชื่อเขา หัวใจของผมก็เต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตัวผมเองก็ไม่เข้าใจ แต่ที่ผมรู้คือตอนนี้ผมได้   รัก เขาไปเสียแล้ว

     

    มีเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่ทำให้ผมเสียใจอย่างมาก มันเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน เขามาช่วยผมจนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่หัวเข่า ครั้งแรกที่ผมเห็นเขาลงไปนอนอยู่ที่พื้น ใจของผมแทบจะแตกสลาย ผมภาวนาตลอดเวลาให้เขารอดปลอดภัย หลังจากนั้นเขาก็ได้พักรักษาตัว บาดแผลที่หัวเข่ารุนแรงมากพอดู ผมจำได้ วันนั้นที่เขาพูดกับผม พร้อมกับน้ำตา นั่นทำให้ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองหลงรักชายผู้นี้มากเข้าไปทุกทีๆ เขารักบาสมาก มากจริงๆ

     

    แต่แล้วเหตุการณ์ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อ ไอคาว่า คาซุฮิโกะ หนุ่มน้อยหน้าใสที่ไม่มีใครไม่รู้จักเขา เขาเป็นดาราบาสระดับแนวหน้าของวงการบาสชายระดับมัธยม เขาตัดสินใจที่จะเข้าโรงเรียนมิซึโฮะ โรงเรียนที่ผม เขาคนนั้น และเพื่อนๆอยู่  เขากลายเป็นศูนย์กลางของชมรมขึ้นทุกทีๆ และที่ทำให้ผมอดที่จะกังวลไม่ได้คือสายตาของเขาคนนั้น ยามที่มองไอคาว่า มันทำให้ผมรู้สึกปวดแปลบขึ้นมาที่หน้าอกอย่างบอกไม่ถูก

     

    ความสัมพันธ์ของไอคาว่าและเขาคนนั้นยิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้นเรื่อยๆ  หลายต่อหลายครั้งที่เขามักจะพูดถึงไอคาว่าบ่อยๆ ในบางครั้งผมเองก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกัน  แต่ก็พยายามคิดว่าที่เขาพูดถึงไอคาว่าเพราะว่าชื่นชอบในความสามารถไม่ใช่เพราะอย่างอื่น

     

    ...........................................................

     

    ว่าไงนะ!!!นายจะเลิกเล่นบาสเหรอมิอุระ!!! ”  เสียงเพื่อนๆในชมรมดังขึ้น  หลังจากสิ้นสุดการแข่งขันอินเตอร์ไฮ ครั้งสุดท้ายของพวกผม  ตอนนี้พวกผมอยู่ปี 3 แล้ว ทุกคนจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย พวกเพื่อนๆผมเลือกที่จะสอบเข้าวิทยาลัย N เพื่อที่จะเล่นบาสต่อ รวมถึงเขาคนนั้นด้วย

     

    อืม...ชั้นจะสอบเขาวิทยาลัย K ”  ผมตอบเรียบๆโดยไม่มองหน้าเขาคนนั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะผมกลัว...กลัวที่จะต้องสบตากับบุคคลที่ผมรัก ซึ่งผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันทำให้เขาผิดหวังมากเพียงใด

     

    คิดดีแล้วหรือมิอุระ ฝีมืออย่างเธอถ้าเล่นบาสต้องไปได้ดีแน่ๆ  อาจารย์สาวผู้ดูแลชมรมบาสกล่าวถาม  ถึงผมอยากจะเล่นมากเพียงใดก็ตาม แต่ผมก็ไม่อาจทำให้พ่อแม่ของผมต้องเสียใจได้อีกแล้ว เวลาแห่งการสิ้นสุดมาถึงแล้ว

     

    ทาคุ!!นายพูดอะไรบ้างสิ!!นายสนิทกับหมอนี่ที่สุดเลยไม่ใช่หรือไง!! ”  เพื่อนผม ซึโตมุ อิชิอิ กล่าวกับเขาคนนั้น  ผมรู้ว่าอย่างเขาคงจะไม่พูดอะไรหรอก คงจะไม่พูดแม้แต่น้อย

     

    .....  และก็ใช่จริงๆ เขาเงียบไม่พูด ไม่กล่าวอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งสบสายตาก็ยังไม่มี เขายืนพิงตู้ล็อคเกอร์นิ่งอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา

     

    ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ...แล้วเจอกัน  ผมกล่าวลา ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องพักไป ผมทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาคนนั้น จิตใจผมมันปวดร้าวมาก ยิ่งเวลาที่เค้าเป็นแบบนี้ด้วยแล้ว มันกลับยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีค่าสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย

     

    …………………..

     

    หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้กลับไปที่ชมรมอีก และทุกครั้งผมก็พยายามที่จะหลบหน้าทุกคน ไม่ใช่เพราะเกลียดหรือรำคาญ แต่เป็นเพราะไม่กล้าที่จะสู้หน้าพวกเขาต่างหาก อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงวันสอบแล้ว ผมได้ยินว่าเขาคนนั้นได้รับการทาบทามจากมหาวิทยาลัยชื่อดังเกี่ยวกับบาส และแน่นอนว่าเขาไม่ปฏิเสธ เพราะนั่นคือ ความฝันอีกสิ่งหนึ่งของเขา

     

    ชั้นอยากจะเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ แล้วไปอเมริกา ชั้นอยากเล่นบาสNBA!!! ”  เขาเคยพูดกับผมไว้เช่นนี้เมื่อนานมาแล้ว แต่ผมยังจำมันได้ไม่เคยลืม ดวงตาสีดำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประกายแห่งความมุ่งมั่นนั่น ผมไม่มีทางลืมเป็นเด็ดขาด

     

    พอนึกถึงใบหน้าตอนนั้นแล้วผมก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ ไม่ได้เห็นมานานเท่าไหร่แล้วนะ แววตาแบบนั้น ครั้งล่าสุดก็คงเมื่อตอนที่พวกเราได้รับเลือกแข่งขันอินเตอร์ไฮละมั้ง เขาดีใจมากเชียวละ ผมรู้ดี พอเห็นแบบนั้นผมก็อดจะดีใจไปด้วยไม่ได้ จะว่าไปตั้งแต่เข้าม.ปลายมา เขาก็เหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดูนิ่งเงียบ และเอาจริงเอาจังมากกว่าปรกติ บางครั้งดูเย็นชาเสียด้วยซ้ำ

     

    การสอบผ่านพ้นไปด้วยดี  ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัย K ได้จริงๆ และผมก็ตัดสินใจแล้วว่า ยังไงซะวันพิธีจบการศึกษาในปีนี้  ผมต้องบอกความรู้สึกกับเขาให้ได้  ถึงแม้ว่า....คำตอบที่ได้รับจะทำให้ผมเจ็บปวดมากก็ตามที

     

    ...........................

     

    ยินดีด้วยครับที่จบการศึกษา!!! ”  รุ่นน้องในชมรมร่วมกันแสดงความยินดีกับพวกผม  เป็นเวลาเกือบเดือนทีเดียวที่ผมไม่ได้มาที่นี่  ทุกคนยังดูสดใสเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

     

    ดีใจด้วยน้ามิอุระ..ที่นายสอบเข้าม.Kได้!! ”  โดบาชิ เคนจิ เพื่อนตัวโตของผมกล่าวพลางยิ้มแย้ม  คนอื่นๆที่เหลือก็ต่างเข้ามาร่วมแสดงว่าความยินดีกับผมด้วยเช่นกัน

     

    แล้วไอคาว่ากับทาคุมิล่ะ...หายไปไหน??  อิชิอิกล่าวถามขึ้นเมื่อไม่เห็นคนทั้งคู่  ตอนนี้จิตใจของผมรู้สึกแปลบๆขึ้นมาทันที  ผมรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของไอคาว่าที่มีต่อทาคุมิ มันเกินกว่าคำว่าเพื่อนแน่นอน

     

    ผมผละออกจากกลุ่ม ก่อนที่จะเดินออกตามหาคนทั้งคู่รอบๆโรงยิม ใช่แล้ว....และผมก็เจอกับเขาทั้งคู่จนได้  ไอคาว่าเหมือนพยายามที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา ส่วนเขาคนนั้นก็กำลังนิ่งฟังตามแบบของเขา  ไอคาว่าคิดที่จะทำอย่างเดียวกับที่ผมคิด....

     

    ทาคุมิฮะ.....คือ ผมชอบคุณครับ! ”  ไอคาว่ากล่าวออกมาในที่สุด ผมคิดแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ   เขาที่ยืนฟังอยู่ก็ถึงกับตะลึงอยู่เหมือนกัน  แต่สักพักก็กลับมาเป็นปรกติ เขายิ้ม....มันดูอ่อนโยนมาก

     

    ผมยืนฟังการสนทนาของคนทั้งคู่  แต่แล้วสิ่งที่ผมไม่เคยคิดจะเผยให้ใครได้เห็นหรือรับรู้ก็ออกมา  หยาดน้ำตาของผมไหลรินอย่างไม่ขาดสาย  ความเจ็บปวดภายในใจเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ภาพความทรงจำที่แสนจะเจ็บปวดกลับไหลวนเข้ามาในห้วงแห่งความคิดของผมอีกครั้ง

     

    ไอคาว่า....ชั้นชอบนายนะ...  เขายิ้มตอบ คำพูดนั้นเพียงประโยคเดียวที่เสียดแทงลึกเข้าไปในใจผมได้ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด  หยาดน้ำใสที่เอ่อล้นมากลับมากขึ้นๆไม่ขาดสาย  ผมวิ่งออกจากที่ตรงนั้นไปอย่างรวดเร็ว  หากผมอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้ ได้ยินคำตอบของเขามากกว่านี้ ผมคงต้องปล่อยโฮออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่ๆ

     

    ..........................................

     

    จากวันนั้นเป็นต้นมา  ผมก็ไม่ได้กลับไปที่นั่นอีกเลย  และก็ไม่ได้ติดต่อกับพวกเพื่อนๆของผมด้วย  ชีวิตวันๆหนึ่งของผมผ่านไปด้วยความว่างปล่าว  หลายครั้งที่ผมนึกถึงเรื่องวันนั้นขึ้นมา  น้ำตาของผมมันก็ไหลออกมา จนไม่มีจะให้ไหลแล้วละมั๊ง? 

     

    นึกๆไปผมก็สมเพชตัวเองเหมือนกัน 6 ปีแล้วที่ผมเก็บความรู้สึกของผมไว้ ความจริงผมน่าจะบอกเขาไปตั้งนานแล้ว  ตั้งแต่ก่อนที่ไอคาว่าจะเข้ามา  แต่นั่นก็เถอะ ผมกลัวที่จะบอก  หากบอกไปแล้วเขาไม่ได้คิดอย่างที่ผมคิด เราก็คงเข้าหน้ากันไม่ติดแน่ๆ ผมก็เลยต้องอดทนมาจนถึงทุกวันนี้  ไม่ใช่สิ...ถึงวันนั้นต่างหาก  วันที่ตัวจริงของเขาปรากฏตัว  วันที่พวกเขาทั้งคู่รับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกัน 

     

    เกือบปีแล้วสินะ....  ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีคราม  ผมจำได้ว่าแต่ก่อนผมกับเขามักจะมานั่งมองท้องฟ้าด้วยกันอย่างนี้บ่อยๆ  เขาเคยบอกกับผมว่า เมื่อเขามองมัน ความรู้สึกวุ่นวายในจิตใจของเขาก็ค่อยๆบรรเทาลง  เขายังเคยบอกให้ผมทำเลย

     

    แต่ทำไมนะ...ทุกครั้งที่ผมมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ผมกลับนึกถึงวันคืนเก่าๆตลอดเวลา มันทำให้ผมสบายใจได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ชั่วครู่จริงๆ เพราะเมื่อที่ผมเริ่มนึกถึงเขาเมื่อไหร่ ท้องฟ้าสีครามที่เคยสดใสกับหม่นหมองลงไปถนัดตา  เฮ้อ....ทำไมนะ ชีวิตของผมถึงได้ผูกพันกับคนๆนี้มากขนาดนี้  ยิ่งอยากจะลืมแต่ก็ยิ่งกลับจำ  ผ่านมากี่ร้อนกี่หนาว ผมก็ไม่เคยลืมได้เสียที ทุกๆที่ที่เคยมีผมและเขาอยู่  ทุกๆที่ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเขา

     

    ผมรู้สึกสังหรณ์ใจ....บางทีมันคงอาจไม่ดีสำหรับคนอื่น  แต่มันคงจะดีสำหรับผม  ผมคิดว่านี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ผมจะได้เขียนบันทึกเล่มนี้  ผมเคยคิดว่าหากมีโอกาสผมคงจะได้เห็นรอยยิ้มนั่นอีก  ถึงแม้นจะต้องเจ็บปวดอีกสักครั้งก็ตามที 

     

    สิ่งเดียวที่ผมปรารถนาในตอนนี้ หากสามารถที่จะทำให้มันเป็นจริงได้  ได้โปรด....ได้โปรดเถิด...โปรดบอกเขาที  ช่วยบอกเขาทีว่าผมคนนี้....รักเขา...รักเขามากกว่าอะไรทั้งหมด...ฟุจิซาวะ  ทาคุมิ  ชั้นรักนาย............

     

    ...................................

     

    ทาคุมิ!!!!! ”  ไอคาว่าตะโกนเรียกทาคุมิ   ชายหนุ่มหันมองเพื่อนรัก  จวบจนวันนี้พวกเขาทั้งคู่ก็ยังคงสนิทกันมาก....

     

    เจอมิอุระจังหรือยังฮะ?  ไอคาว่าถาม น้ำเสียงเจือไปด้วยความเศร้าเล็กน้อย  ตั้งแต่วันนั้น วันสุดท้าย  พิธีจบภาคเรียนของพวกเขา เขาตัดสินใจที่จะสารภาพรักกับทาคุมิ  ชายที่เขาแอบรักอยู่ มันเป็นวันเดียวกับที่มิอุระหายตัวไป ไม่ได้ติดต่อกับใครอีกเลย

     

    ไม่เลย....  ทาคุมิทำสีหน้าเครียด คนที่มักจะทำหน้าเรียบๆเสมอกลับทำสีหน้าเป็นกังวลได้ คนๆนั้นต้องสำคัญต่อเขามากเป็นแน่

     

    ผมอิจฉามิอุระจังซะแล้วซิฮะ...  ไอคาว่ายิ้มน้อยๆ รอยยิ้มนั่นแฝงไปด้วยความเสียใจ ตอนที่เขาสารภาพรักกับทาคุมินั้น

     

    ทาคุมิฮะ...ผมชอบคุณครับ  ไอคาว่านึกถึงคำพูดที่เขาพยายามเรียบเรียงสุดชีวิต เพื่อบอกกับคนที่รักของตน  ตอนนั้น...เขายังจำได้ไม่ลืม

     

    ไอคาว่า...ชั้นชอบนายนะ  ทาคุมิตอบรับด้วยรอยยิ้ม  น้ำเสียงที่แสนอ่อนโยนนั่นทำให้ไอคาว่าเงยหน้าขึ้นมองบุคคลตรงหน้าด้วยความยินดี

     

    แต่ชั้นชอบนายแบบเพื่อนเท่านั้น  ชั้นชอบในความสามารถของนาย นายเป็นเพื่อนที่ดีมากคนนึงสำหรับชั้น    ทาคุมิกล่าวต่อ ไอคาว่าเปลี่ยนสีหน้าทันที เขาก้มหน้านิ่ง ความเงียบก่อตัวขึ้นระหว่างคนทั้งคู่

     

    ผมทราบดีครับ...สำหรับทาคุมิแล้ว มิอุระจังคงจะสำคัญสำหรับคุณที่สุด  ไอคาว่ายิ้มให้บุคคลตรงหน้า  ร่างสูงกว่ารับรู้ถึงความรู้สึกของไอคาว่าดี  ร่างบางกำลังฝืนยิ้มออกมาเพื่อให้เขาสบายใจ แต่ทาคุมิรู้ดีว่า ถ้าหากเขาไม่ทำแบบนี้ ต่อไปก็คงจะมีคนเจ็บปวดเป็นแน่ รวมถึงเขาด้วย

     

    ขอโทษนะ...  ทาคุมิกล่าว เขาไม่อยากทำให้ไอคาว่าเสียใจเลยแม้แต่น้อย  แต่เขาก็ไม่อยากจะทำให้คนที่เขารักต้องลำบากใจเช่นกัน

     

    ไอคาว่าๆ...เฮ้...นายเป็นอะไรไปน่ะ?  ร่างสูงถามอย่างสงสัย  เขาเรียกคนข้างๆอยู่หลายครั้งแล้ว

     

    อ้อ....พอดีคิดอะไรเพลินๆน่ะ  ไอคาว่ายิ้มให้ทาคุมิเช่นเดิม  ทาคุมิยิ้มกลับ เขารู้ว่าไอคาว่านั้นเป็นคนอย่างไร 

     

      RRRRR……!!!!!    จู่ๆเสียงโทรศัพธ์ของทาคุมิก็ดังขัดขึ้น เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกไม่ดีเลย เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพธ์ ใช่...ไม่ดีเอามากๆเสียด้วย

     

    อืม....ว่าอะไรนะ!!!!!....รู้แล้วๆจะไปเดี๋ยวนี้!! ”  ทาคุมิลุกพรวดขึ้นทันทีในระหว่างคุยโทรศัพธ์ สีหน้าของเขาดูเป็นกังวลอย่างมาก  นั่นทำให้ไอคาว่าก็ไม่สบายใจไปด้วยเช่นกัน

     

    เกิดอะไรขึ้นครับ!! ”  ไอคาว่าถามอย่างเป็นห่วง  ถ้าทาคุมิเป็นแบบนี้ ต้องเกิดเรื่องไม่ดีๆขึ้นเป็นแน่  อาจจะไม่ดีเอามากๆเลยก็ได้

     

    ไว้ค่อยคุยกัน...เรารีบไปกันเถอะ!! ”  ตอนนี้ทาคุมิไม่คิดอะไรอีกแล้ว  จิตใจของเขาตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังที่ๆหนึ่ง  แน่นอนว่าไอคาว่าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทาคุมิจะไปไหน แต่เขาก็ตามไปด้วยอย่างไม่ได้ถามหรือคัดค้านอะไร  ทาคุมิในตอนนี้คงไม่มีอารมณ์ที่จะตอบคำถามของเขาเป็นแน่

     

    เราทั้งคู่ขึ้นรถไฟตรงไปยังจุดมุ่งหมายทันที  หลังจากถึงสถานี ทาคุมิก็รีบร้อนเหมารถแท็กซี่ไปต่อ  ผมก็ยังไม่อาจรู้ได้อีกเช่นกันว่าเขาจะไปที่ใด  ตอนนี้รถค่อนข้างที่จะติดมากทีเดียว  ทาคุมิดูร้อนใจอย่างมาก ลมหายใจของเขาไม่ปกติเอาเสียเลย

     

    บ้าชิบ...  ทาคุมิสบถขึ้น รถค่อยๆขยับไปทีละนิดๆ ในที่สุดความอดทนของเขาก็หมดลง  ทาคุมิจ่ายค่าแท็กซี่และวิ่งลงจากรถไปทันที ใช่...วิ่ง...เขาวิ่งไปตามทางเรื่อยๆ โดยมีไอคาว่าวิ่งตามหลังอยู่ 

     

    และแล้วในที่สุด ไอคาว่าก็รู้ถึงจุดหมายของทาคุมิ เขาวิ่งมาที่โรงพยาบาลXXXในเขตXXX ไม่รอช้า ทาคุมิวิ่งตรงเข้าไปด้านในทันที ไอคาว่าเหลือบเห็นเพื่อนๆของเขานั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน และมีหญิงชายดูมีอายุคู่หนึ่งอยู่ด้วย  ไอคาว่าจำได้ว่านั่นคือ พ่อและแม่ของมิอุระ

     

    เข้าไปนานรึยัง?...  ทาคุมิถาม อาการเหนื่อยหอบยังคงเห็นได้อย่างชัดเจน ไอคาว่าพอที่จะทราบได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น....มิอุระ....

     

    สักพักนึง....  อิชิอิตอบ ทั้งหมดดูเป็นกังวลกันเป็นอย่างมาก เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีใครออกมาจากห้องฉุกเฉิน  ทาคุมิแทบจะทนไม่ไหว เขายังไม่ได้บอกสิ่งที่ตั้งใจจะบอกกับมิอุระเลย

     

    เวลาผ่านไปเกือบ 3 ชม.แล้ว....

    ขอโทษนะครับ...ใครคือญาติของคนไข้ครับ  สิ่งที่ทุกคนรอคอยมาถึงแล้ว หมอที่ช่วยชีวิตของมิอุระออกมาด้านนอก ทั้งหมดแทบจะถลาเข้าไปหาคุณหมอเลยก็ว่าได้

     

    เป็นอย่างไรบ้างคะคุณหมอ...ลูกชายของชั้น  แม่ของมิอุระถามด้วยน้ำตานองหน้า ทั้งหมดจ้องมองไปที่คุณหมอเป็นตาเดียวเพื่อรอคำตอบ 

     

    เราเสียใจด้วยครับ คนไข้เสียเลือดมากเกินไป....คือ...เราช่วยจนสุดความสามารถแล้วครับ  เมื่อพูดจบแม่ของมิอุระถึงกับเป็นลมล้มพับลงทันที ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาได้  ไปเสียแล้ว  สูญเสียไปเสียแล้ว เพื่อนคนที่สำคัญ ไม่อาจหวนกลับมาได้อีกแล้ว

     

    ..............................................

     

    งานศพถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย มีเพียงคนสนิทและญาติพี่น้องของมิอุระเท่านั้น รูปของมิอุระนั้นยังคงยิ้มได้อ่อนโยน เฉกเช่นวันวานที่ผ่านมา...

     

    ฟุจิวาระคุงใช่มั๊ยจ๊ะ?  แม่ของมิอุระเอ่ยถามทาคุมิขึ้น  รอยยิ้มของเธอดูอ่อนโยนไม่ผิดไปจากของมิอุระเลยแม้แต่น้อย  เธอส่งสมุดเล็กๆเล่มหนึ่งให้ทาคุมิ  มันดูคล้ายกับสมุดบันทึก

     

    ชั้นคิดว่ามิอุระคงอยากให้เธอ...  เธอยิ้มอีกครั้งก่อนที่จะเดินจากไป  แขกในงานทยอยกลับกันหมดแล้ว ทาคุมิและคนอื่นๆยังคงยืนอยู่ที่นั่น.....จ้องมองรูปของมิอุระ เพื่อเก็บภาพความทรงจำที่ดีไว้ เป็นครั้งสุดท้าย...

     

    ............................

     

    ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนถือช่อดอกไม้ช่อโตไว้ในมือ เขายืนอยู่หน้าหลุมศพของบุคคลคนหนึ่ง รอยยิ้มนั้นถึงแม้จะอ่อนโยนสักเพียงใดก็ตาม แต่มันก็แฝงไปด้วยความทุกข์ทรมานใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก  ถึงแม้จะผ่านมานานเท่าไหร่แล้วก็ตาม

     

    ชั้นมาแล้วนะมิอุระ....  ทาคุมิเอ่ยอย่างเรียบๆ เขาบรรจงวางช่อดอกไม้นั้นไว้หน้าหลุมศพ พลางใช้มือสัมผัสยังบริเวณนั้น นัยน์ตาของชายหนุ่มแฝงไปด้วยความโศกเศร้าเกินกว่าจะบรรยายได้

     

    5 ปีแล้วสินะ...นายอย่าเพิ่งเบื่อชั้นเสียก่อนล่ะ  ทาคุมิพูดพลางขบขัน เขามาที่นี่เป็นประจำ บ่อยเท่าที่จะมาได้ และทุกๆวันครบรอบวันตายของมิอุระ เขามักจะเอ่ยคำพูดเดิมๆอยู่เสมอ

     

    ชั้นขอโทษ...หากชั้นตัดสินใจบอกนายเร็วกว่านี้ นายคงไม่ต้องเสียใจมากมายแบบนี้  ชายหนุ่มก้มหน้านิ่ง  สมุดบันทึกที่เขาได้จากแม่ของมิอุระนั้นทำให้เขาได้รับรู้อะไรหลายๆอย่างที่เขาไม่เคยรู้  แต่นั่นมันก็สายไปเสียแล้ว

     

    ชั้นรักนาย...ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราพบกัน...นายเป็นเพียงคนเดียวที่ครอบครองหัวใจของชั้น จากนี้และตลอดไป  ทาคุมิก้มลงจุมพิตบริเวณหลุมศพของบุคคลอันเป็นที่รัก ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี คำพูดนี้ก็ยังคงดังขึ้นทุกครั้งที่เขามาที่นี่ และทุกครั้งที่เขาเอื้อนเอ่ยมัน จะมีสายลมอันอบอุ่นพัดผ่าน ราวกับว่าบุคคลที่เขารักได้ยินคำพูดของเขาอยู่

     

    เขาว่าเวลานั้นไม่มีวันหวนกลับคืนมาได้  ไม่มีใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น  ไม่มีใครรู้ว่าวันต่อๆไปจะต้องพบเจอกับอะไร  ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร  แต่สิ่งที่พวกเรารู้ก็คือใจของตน  อย่าปล่อยให้วันเวลาผันผ่านไปอย่างไร้จุดหมาย ทำตามความต้องการของหัวใจเสีย ก่อนที่คุณจะไม่มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่คุณต้องการทำ......

     






    END.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×