คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Because of you (6927)
เพราะคุณเพียงคนเดียว...ทำลายความตั้งใจเดิมที่ผมมีจนหมดสิ้น
เพราะคุณเพียงคนเดียว....ทำให้คนที่ทำทุกอย่างได้เพื่อเป้าหมายอย่างผมเปลี่ยนแปลงไป
เพราะคุณเพียงคนเดียว....ทำให้ความมืดหม่นในจิตใจของผมเบาบางลงได้
และเพราะคุณเพียงคนเดียว....ทำให้คนที่ไม่คิดจะทำเพื่อใครอย่างผมยอมจำนนทุกอย่าง
ทั้งหมด....เพราะคุณเพียงคนเดียว
ท่ามกลางความมืดมิดในห้องขังแสนคับแคบ ร่างสองร่างซึ่งถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนากำลังนั่งนิ่งเงียบ ฟังเสียงพูดคุยและเสียงฝีเท้า มันดูวุ่นวาย เวียนวนไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับว่าผู้อยู่ภายนอกกำลังวาดระแวงและเกรงกลัวผู้อยู่ภายในทั้งสองจับใจ
“ นายไม่น่าออกมาเลย.... ” เสียงหวานเอ่ยทำลายบรรยากาศด้วยความรู้สึกผิด
คิ้วเรียวเลิกสูง พลางส่งเสียงหัวเราะตามนิสัย “ ถ้าผมไม่ออกมา ใครจะช่วยคุณล่ะครับ? ”
ใช่แล้ว....หลังจากที่ตัดสินใจบุกเข้าไปยังฐานของศัตรู การต่อสู้ที่หนักหนาสาหัสผ่านพ้นไปทีละนิด ๆ พร้อมทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายพรรคพวกทั้งหมดต้องกระจัดกระจาย เหลือเขาเพียงที่พลาดท่าตกลงมายังกับดักกระจอก ๆ แบบนี้
แต่ไม่ใช่เพราะความโง่เขลา หากแต่เป็นเพราะเรี่ยวแรงที่ถดถอยลงมากจากการต่อสู้ต่างหาก และนั่นสร้างความเหนื่อยอ่อน ปวดร้าวไปทั่วอวัยวะทุกส่วน แม้แรงจะขยับตนให้ไปในทิศทางตามต้องการยังแทบไม่มี
“ ขอโทษนะ...นายช่วยฉัน...ทุกที ” สึนะกล่าวด้วยน้ำเสียงขาดห้วง ลมหายใจหอบถี่บ่งบอกถึงความอึดอัด
ดวงตาสองสีเริ่มมองไปยังร่างบางที่นั่งหอบสะท้าน เนื้อตัวสั่นเทาพิงกำแพงเย็นยะเยียบ แสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านเมฆดำมืดเล็ดลอดเข้าช่องว่างเล็ก ๆ ด้านบน เห็นทุกอย่าง....ชัดเจน
ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ จากอีกฝ่าย นั่นทำให้จิตใจที่กำลังอ่อนแอหวั่นไหวลงอีก สึนะรู้สึกโทษตัวเองเหลือเกินที่สร้างความเดือดร้อนให้คนรอบข้างมากมาย ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ที่เคยเป็นศัตรู
มุคุโร่ปลดโซ่ที่พันธนาการออกอย่างง่ายดายราวกับเป็นแค่ด้ายเส้นเล็ก ๆ ดวงตากลมโตมองการกระทำนั้นด้วยสติที่เลือนรางเต็มที เลือนรางจนภาพทุกอย่างแทบจะจบลงด้วยความดำมืด
“ เข้มแข็งไว้นะครับวองโกเล่ ” มือเย็น ๆ ทาบทับบนแก้มเนียน สึนะรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
วงแขนแกร่งช้อนร่างตรงหน้าขึ้นอย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้พลังต้องห้ามของตนทำลายบานประตูแกร่ง เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นรอบนอก ก่อนจะจบด้วยเสียงกรีดร้องสุดท้ายและกลิ่นคาวเลือด
เลือด....ที่หลั่งจากศัตรูด้วยความผิดอันยากจะอภัย
โทษ....ที่กักขังท้องฟ้าไว้ในความมืดมิด
สึนะใกล้สิ้นสติเต็มที่ เขารับรู้เพียงแต่แรงกระเทือนและฝีเท้าคู่หนึ่งที่กำลังเร่งจังหวะวิ่งอยู่บนพื้นปูน แม้พยายามข่มไม่ให้หลับใหล แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ความอ่อนแอของร่างกายตน
เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง มองเห็นเพียงเพดานสีขุ่น ดวงไฟสีส้มเรือง ๆ สะท้อนเข้าดวงตา “ นี่ที่ไหนกัน? ”
สึนะค่อย ๆ พยุงร่างกายตนลุกขึ้นนั่ง เสื้อที่คอยคลุมร่างกายไว้หล่นลงกับพื้น มือเล็กเอื้อมหยิบ สำรวจดูทั่ว...มันเป็นเสื้อของมุคุโร่ไม่ผิดแน่ เช่นนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คงไม่ใช่ความฝัน
“ ตื่นแล้วหรือครับ? ” เสียงทุ้มเรียบเอ่ยเบา เขาขยับกายหันมอง
มุคุโร่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง แสงนวลจากดวงจันทร์ส่องบนร่างสูง เส้นผมสีน้ำเงินเข้มยาวเป็นประกาย ใบหน้าคมหล่อเหลากว่าเมื่อก่อนมากนัก ดวงตาสองสีมั่นคง และรอยยิ้มอ่อนโยนที่ถูกแต่งแต้มขึ้น
เขาหลบสายตาจากภาพตรงหน้า “ อะ...อืม ”
แม้จะเคยได้เห็นลาง ๆ ในความฝัน แต่ไม่นึกว่าพอได้เห็นเต็มตาแล้วมันจะรู้สึกแปลกไปได้ถึงเพียงนี้ ทำให้เขาคิดว่าการเจริญเติบโตของร่างกายนี่มันน่ามหัศจรรย์จริง ๆ แล้วตัวเขาล่ะ?....อีกสิบปีข้างหน้าเขาจะเป็นเช่นไรกัน
อีกฝ่ายหัวเราะเบาพลางเดินเข้ามาใกล้ นั่งลงยังปลายโซฟาที่มีที่เหลือพอประมาณ “ ร่างกายดีขึ้นแล้วนะครับ? ”
สึนะพยักหน้า ก้มหน้าก้มตาไม่มองตอบ “ ว่าแต่....มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ”
“ เมื่อครู่? หรือว่า? ”
“ เมื่อกี้....แล้วก็กับนาย... ”
มุคุโร่แย้มยิ้มอีกครั้ง มือเรียวถือวิสาสะเอื้อมสัมผัสผิวแก้มใส เบี่ยงให้คนหลบหน้าหันมองตอบ ดวงตาทั้งสองประสานกัน “ ผม....พาคุณออกมา ความมืดไม่เป็นอุปสรรคสำหรับผม ”
นั่นสินะ....หลังจากเขาถูกจับ เขาก็ถูกมัดมืดมัดเท้าไว้ แม้แต่ดวงตายังถูกปิดไม่ให้มองเห็น และก่อนที่จะแย่ไปกว่านี้ เสียงของมุคุโร่ก็ดังขึ้นขัด แล้วอีกฝ่ายก็ยอมถูกจับตัวมาเสียเฉย ๆ
สึนะพินิจมองใบหน้าคม เอื้อมมือสัมผัสกลับ ดวงตาสองสีแสดงความแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ซ้ำยังยกมืออีกข้างที่ว่างอยู่ขึ้นจับมือที่ทาบบนหน้าตน
“ เปลี่ยนไปมากเลยนะ ดูดีขึ้น ” คนร่างเล็กหัวเราะคิกคัก ดูผ่อนคลายทุกครั้งที่อยู่กับมุคุโร่ ไม่ว่าจะเป็นเพียงความฝัน หรือความจริง....
“ คุณไม่เปลี่ยนไปเลย....แต่ผมเชื่อว่าภายในของคุณแข็งแกร่งขึ้น ” อีกฝ่ายเอ่ยตอบ
ปลายนิ้วโป้งเลื่อนขึ้นลูบใต้ดวงตาสีน้ำตาลกลมโต “ แววตาของคุณ....สวยขึ้นมากนะครับ ”
ทว่าคำชมนั่นกลับได้เป็นหยาดน้ำตารินหลั่งแทน สึนะก้มหน้าลงซุกมือแสนเย็นแต่อบอุ่น พยายามเค้นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก มันฟังไม่เป็นศัพท์ มุคุโร่แลมองนิ่ง
“ น...นาย กลัวไหม เหงาไหม? ”
การถูกกักขังเพียงลำพัง ช่างเงียบเหงาและน่าหวาดกลัวเหลือเกิน
“ ข....ขอโทษที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ”
ผิด....เจ็บใจ ที่ไม่อาจช่วยอะไรได้แม้แต่น้อย
มุคุโร่คว้าร่างที่กำลังสั่นด้วยแรงสะอื้นมากอดแน่น กดใบหน้างามให้ซุกลงกับแผ่นอกกว้าง มือแกร่งลูบเส้นผมนุ่มไปมา อ่อนโยน....แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกมากมาย
“ มันไม่ใช่ความผิดของคุณแม้แต่น้อย ”
มันคือความผิดของผมเพียงคนเดียว
“ อย่าร้องไห้ ”
เพราะน้ำตาทุกหยาดหยดที่รินหลั่งนั้น มันสามารถกัดกร่อนจิตใจของผมให้ผุพังลงได้ไม่ยาก
ราวกับว่าจิตใจเบื้องลึกที่มุคุโร่พยายามเก็บกักไว้สามารถสื่อไปถึงสึนะได้ ร่างในอ้อมกอดผละตัวออกช้า ๆ มือเล็กสองข้างยกขึ้นเช็ดน้ำตา ชั่วอึดใจก็กลับมายิ้มอีกครั้ง
รอยยิ้มงดงาม....ที่สายหมอกหมายจะได้เห็น
“ ฉันจะไม่ร้องไห้ ”
ถ้ามันทำให้นายเจ็บปวด
“ ฉันจะไม่โทษตัวเอง ”
ถ้ามันทำให้นายรู้สึกผิดยิ่งกว่า
ร่างสูงแย้มยิ้มกว้าง ไม่ปฏิเสธว่าตนเองเปลี่ยนแปลงไปเพราะใคร ใบหน้าอันตั้งมั่นกับดวงตาที่แข็งแกร่งจริงจัง
แม้ไม่ใช่สีเดียวกับท้องฟ้า แต่กลับทรงพลังและงดงามเทียมเท่า
ว่ากันว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า แต่สำหรับสายหมอกผู้นี้แล้ว ไม่มีท้องฟ้าใดจะเหนือไปกว่าท้องฟ้าผืนนี้
ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าใด พวกเขาทั้งคู่รับรู้เพียงแต่สีดำมืดของนภายามค่ำ มันคงไม่สะดวกที่จะกระทำการใด อักทั้งร่างกายของสึนะตอนนี้ก็ไม่พร้อมจะเคลื่อนไหว เขายังคงอ่อนแอเกินกว่าใช้พลังได้
ร่างบางนั่งอยู่บนตักแกร่ง จับปอยผมสีเงินเล่นไปมาราวเด็กที่กำลังเล่นของถูกใจ มุคุโร่มองภาพตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี เดาได้จากที่ใบหน้าคมไม่เคยคลายรอยยิ้มสักครั้ง
ความห่างไกลกันใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสียเสมอไป
เพราะมันทำให้เวลาเจอหน้ากันจะรับรู้ได้ถึงคุณค่าของความรักได้มากกว่า
ความรักเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใดกัน สึนะฉุกคิดเมื่อมองยังนัยน์ตาสองสี เคยเจอกันจริง ๆ ก็ตั้งแต่ที่สู้กัน นอกนั้นก็พบเพียงในฝัน ในฝันที่เหมือนโลกแห่งความจริงไปเสียทุกอย่าง
ครั้งแรกคือศัตรู ครั้งที่สองคือคนรู้จัก ครั้งที่สามคือผู้พิทักษ์
ความคุ้นเคยเกิดขึ้นอย่างน่าประหลาด หลายคราที่เขาเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้อีกฝ่ายฟัง ระบายความรู้สึกที่อัดอั้น มุคุโร่กลายเป็นเหมือนสิ่งที่รองรับอารมณ์ของเขา แต่ทั้งอย่างนั้น....ทั้ง ๆ ที่เป็นอย่างนั้น
สายหมอกยินดีแบ่งเบา
บรรเทาความเจ็บปวดให้ท้องฟ้า
เมื่อรู้ตัวอีกทีก็เกิดความรู้สึกนี้อย่างไม่อาจหักห้ามใจ วินาทีแรกที่รู้ว่าโครมบาดเจ็บหนัก จิตใจของเขาว้าวุ่นไปหมด เป็นห่วงคนไกลที่ไม่ได้พบหน้ามานาน ทั้งในความจริงและความฝันนั่น
เมื่อเห็นมือซุกซนหยุดนิ่ง ดวงตากลมโตเหม่อลอย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้น “ คิดอะไรอยู่ครับ? ”
คนถูกถามเมียงมอง “ กำลังคิดว่า....ทำไมนายถึงไว้ผมยาว... ”
“ มันไม่เหมาะหรือไงกันครับ? ” เสียงทุ้มหัวเราะ
สึนะรีบส่ายศีรษะ “ ไม่ใช่ ๆ เหมาะดี ฉันชอบนะ ”
มุคุโร่มองร่างในอ้อมอก จะว่าไปเขาก็นึกเหมือนกัน ตั้งแต่เมื่อใดนะที่ตนเปลี่ยนความคิดไป หมายจะยึดครอง หมายจะทำลายทุกสิ่งด้วยความเคียดแค้น สุดท้ายก็ต้องลงเอยที่นี่...
ใต้ท้องฟ้าที่แสนงดงามสดใสผืนนี้
“ นายยังไม่ตอบคำถามเลยนะ ” สึนะดึงผมในมือตนเบา ๆ ราวกับเด็กน้อยไม่มีผิด
ดวงตาสองสีก้มลงมอง มือแกร่งยกขึ้นสัมผัสพวงแก้มเนียน “ ผมอธิษฐานเอาไว้ ”
คำพูดที่ออกมาเพียงแค่ไม่กี่ประโยคทำเอาคนนั่งนิ่งถึงกับขยับตัว ตั้งใจฟังอย่างอดไม่ได้ ก็จะไม่ให้แปลกใจได้อย่างไรล่ะ คนอย่างมุคุโร่เชื่อเรื่องพวกนี้ด้วย เชื่อถึงขนาดจะพูดออกมา...
“ อธิษฐานว่าอะไรเหรอ? ”
“ ไม่รู้จริง ๆ หรือครับ? ” คิ้วเรียวเลิกสูงเป็นเชิงหยั่งถาม
“ ถ้ารู้จะถามทำไมล่ะ ”
มุคุโร่หัวเราะ ไม่ได้คุยกันเสียนาน ไปติดนิสัยต่อล้อต่อเถียงขี้กวนประสาทแบบนี้มาจากใครกันนะ “ ผมอธิษฐานว่า.... ”
“ ว่า??? ” สึนะทวนคำ
มุคุโร่ก้มลงจุมพิตริมฝีปากนุ่ม ก่อนจะประกบแน่นขึ้น สึนะรับสัมผัสไม่ขัดขืน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธจึงเพิ่มแรง เร่าร้อน วาบหวาม แต่กลับหอมหวานและอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาคลายริมฝีปาก มองใบหน้าแดงระเรื่อที่บัดนี้หอบถี่อยู่ “ ขอให้ได้พบกับคุณ จนกว่าจะถึงวันนั้น ผมจะไม่มีวันตัดผมทิ้ง ”
สึนะพยายามตั้งสติ คิดตามทุกประโยค “ งั้นนายก็จะตัดผมแล้วหรอ??? ”
“ ถ้านั่นเป็นความต้องการของคุณ ”
เส้นผมสีน้ำตาลสั่นไหว “ ไม่เอา ไม่อยากให้ตัดเลย ฉันชอบแบบนี้นะ ”
มุคุโร่หัวเราะ “ แล้วจะให้ผมไว้เพื่ออะไรดีล่ะครับ? ”
จริงสิ....เคยได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน ปกติถ้าสมหวังแล้วเขาก็จะตัดผมทิ้งตามคำอธิษฐาน แล้วนี่ถ้าจะไว้ต่อ จะไว้เพื่ออะไรล่ะ? เพราะสิ่งที่มุคุโร่ขอไว้ มันก็ได้ผลตามนั้นแล้วนี่นา....
“ ผมคิดออกแล้วล่ะครับ ”
สึนะหันมอง “ คิดออกว่าอะไร?? ”
ใบหน้าคมเลื่อนเข้าใกล้ใบหู ก่อนกระซิบแผ่ว …..
คนฟังใบหน้าแดงก่ำทันทีที่จบประโยค มือเล็กยกขึ้นดันอีกฝ่ายให้ออกห่าง แสดงอาการเขินอายอย่างไม่ปิดบัง มันทำให้มุคุโร่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วยความเอ็นดู
มือแกร่งรั้งอีกฝ่ายไว้ โอบกอดไม่ยอมปล่อย “ ตกลงไหมครับ? ”
“ จะบ้าเหรอ!! งั้นนายก็ได้ไว้ยาวจนถึงพื้นแน่ ๆ ล่ะ!! ”
เสียงหัวเราะยังคงคลอไปกับเสียงกร่นด่า แต่นั่นก็คือความสุขที่เกิดขึ้น การรอคอยอันแสนคุ้มค่า คุ้มค่าที่สุดในชีวิตของคนทั้งคู่มี มุคุโร่และสึนะ สายหมอกและท้องฟ้า ธรรมชาติซึ่งไม่มีวันแยกจาก
“ จะไม่ตัดจนกว่า....เราจะได้แสดงความ ‘รัก’ กันจริง ๆ ดีไหมครับ? ”
===================END================
ความคิดเห็น