คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Surrender to you (6927)
ความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นช่างน่าขบขันนัก....
ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองใบหน้าของผู้ที่ยืนถือแฟ้มเอกสารอยู่ข้างโต๊ะทำงานตัวใหญ่ มือเรียวเท้าปลายคางของตนนิ่ง เหมือนจงใจจะหาคำตอบอะไรสักอย่างให้ได้จากนัยน์ตาสองสีแปลกประหลาดนั่น นาทีแล้วนาทีเล่า ผ่านไปจนคนถูกมองรู้สึกหงุดหงิด
มุคุโร่สาวเท้ามาใกล้ ใบหน้าคมเลื่อนเข้าปะทะ “จะมองอีกนานไหมครับ?”
“ก็จนกว่าจะหาคำตอบได้ละมั้ง?” สึนะยิ้มกว้าง ไม่ได้หวั่นเกรงอีกฝ่ายเลยสักนิด
ชายหนุ่มยืนตรงพลางถอนหายใจยาว มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นกุมศีรษะ “ถ้ามองแล้วงานเอกสารเดินไปด้วยผมก็จะไม่ว่าหรอก แต่นี่วองโกเล่หยุดทำงานมาจะร่วม 20 นาทีแล้วนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยแกมต่อว่า
คนถูกว่าก้มลงมองเอกสารบนโต๊ะ แล้วเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มสลับไปมา “ถ้าฉันทำได้จริง ๆ ฉันคิดว่าฉันคงรู้คำตอบที่ต้องการไปนานแล้วล่ะ”
มุคุโร่รู้สึกว่าตนเองกำลังนั่งเถียงอยู่กับเด็กเอาแต่ใจที่ไม่มีวันรู้จักโต ให้ตายเถอะ...ตั้งแต่เมื่อไหร่นะที่ดวงตาคู่สวยส่องประกายของเพลิงนภางดงามนั่นถึงได้กลายเป็นแบบนี้ ไม่สิ...ต้องถามว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่กลายมาเป็นแบบนี้
ตามปกติแล้วไม่ใช่หน้าที่ของเขาเลยที่จะต้องมายืนคอยเฝ้าดูแลการทำงานของบอสวองโกเล่ แต่โกคุเทระมือขวาแสนหวงเจ้าของรายนั้นดันติดภารกิจสำคัญที่จะต้องบินไปเจรจาการค้าแทน เพื่อลดความเสี่ยงโดยไม่จำเป็นต่อชีวิตของสึนะโยชิ
ทำให้ภาระที่เหลือตกมาเป็นของเขาที่ดันไม่มีงานจำทำในช่วงนี้พอดิบพอดี “รีบสะสางให้เสร็จเถอะครับ ผมไม่ได้มีเวลามานั่งรอคุณทั้งวันหรอกนะ”
ริมฝีปากบางทำท่าจะเอื้อนเอ่ยอะไรบางอย่างก่อนจะปิดนิ่งลง ดวงตาสีน้ำตาลก้มลงมองงานตรงหน้านิ่ง มือเริ่มขยับลงนามในเอกสารต่อดังเดิม “ฉันรู้...” เขาพึมพำเบา ๆ
คิ้วเรียวเลิกสูงอย่างแปลกใจให้กับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันนั่น มุคุโร่พยายามมองสีหน้าอีกฝ่าย ใบหน้าหวานดูหม่นหมองลงทันตา เพราะเขางั้นหรือ?
ความรู้สึกมากมายไหลล้นท่วมในห้วงความคิดและจิตใจ ชายหนุ่มกำมือแน่นอยู่นานก่อนจะตัดสินใจวางแฟ้มในมือของตนลงบนที่ว่างที่เหลือเพียงน้อยนิดบนโต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่นั่น แล้วหันหลังให้คนก้มหน้าก้มตา
“ผมจะให้คนมาคอยดูแลแทน หากมีอะไรก็ให้คนไปตามผมได้ที่ห้องสมุดนะครับ” มุคุโร่เอ่ยพลันเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เสียงบานประตูปิดลงแผ่วเบา ดวงตาสีน้ำตาลเงยมองไปยังทิศทางนั้น “ฉันยังไม่รู้คำตอบเลยนะ....”
ทั้ง ๆ ที่ไม่คิดจะเปิดใจ ทั้ง ๆ ที่ไม่คิดจะให้ใครเข้ามาครอบครอง....
มุคุโร่ไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือเลยสักนิด ถึงจะเป็นเล่มที่ตนโปรดปรานแค่ไหนก็ตาม เขาปิดมันลงอย่างหงุดหงิด แล้วเอนกายลงจนศีรษะพิงบนพนักของโซฟาตัวใหญ่นุ่มได้
เปลือกตาบางปิดลงทาบทับดวงตาสองสี มือสองข้างวางบนหนังสือที่ถูกวางไว้บนตัว หากเป็นไปได้ก็อยากนอนหลับไปเรื่อย ๆ แบบนี้ ไม่ต้องรับรู้ความเป็นไปหรืออะไรที่มารบกวนจิตใจในตอนนี้ ไม่อยากทำหรือคิดอะไรเลยสักนิด
เพราะกลัว...กลัวใจของตัวเอง “จะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่...?”
สึนะลงนามเอกสารฉบับสุดท้ายบนโต๊ะเสร็จสิ้น เขาปิดมันลงพร้อมกับหันไปยิ้มให้กับลูกน้องที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “รบกวนจัดการต่อทีนะ”
อีกฝ่ายค้อมศีรษะให้ “ครับบอส”
บอส...เป็นคำเรียกที่เขาน่าจะชินหูได้แล้วแต่กลับไม่ สึนะรู้สึกถึงลำดับชั้นและความห่างไกล จริง ๆ เขาชอบจะให้เรียกเป็นชื่อตนเองมากกว่า แต่ธรรมเนียมก็ต้องเป็นธรรมเนียม ใช่ว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงกันได้ง่าย ๆ
แบบนี้เขาเลยรู้สึกกดดันทุกครั้งที่ต้องทำงานร่วมกับคนอื่นที่ไม่ใช่ผู้พิทักษ์ตน “ขอบคุณนะ” เขาเอ่ยกับลูกน้องระดับสูงในวองโกเล่แฟมิลี่ อีกฝ่ายก็ยังคงทำความเคารพเพื่อรักษาความห่างไว้ดังเดิม
เมื่อมั่นใจว่าอยู่ในห้องเพียงลำพังสึนะจึงลุกขึ้นยืน บิดกายไปมาน้อย ๆ เพื่อคลายความเมื่อยล้าจากการนั่งอยู่กับที่มาทั้งวัน แล้วหันมองออกไปยังท้องฟ้าสีแสดด้านนอก
อีกไม่นานก็คงจะมืดแล้ว และจะเป็นอีกคืนที่เขาต้องนั่งทานอาหารเย็นเพียงลำพังคนเดียว... “ชินเสียเถิดเรา..”
ความจริงเขาควรจะดีใจไม่ใช่หรือที่เวลาที่เหลือต่อจากนี้จะเป็นเวลาว่างเพียงน้อยนิดของบอสมาเฟีย สึนะมองนาฬิกาบนโต๊ะพลางคิดในใจ ตอนนี้เวลาห้าโมงเย็น...ถ้าออกไปข้างนอกก็คงจะพอได้ผ่อนคลาย
ที่สำคัญ...เผื่อเขาจะนึกคำตอบที่ค้างคาอยู่ในใจออกบ้าง...
“ออกไปแค่นี้ไม่ต้องบอกก็คงไม่เป็นไรมั้ง...” เขานึกถึงคนที่ยังอยู่อีกคนหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรซะก็คงไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกหากบอกไป
ไม่รู้ว่าเพราะความหละหลวมในการป้องกันดูแลหรือสึนะนั้นเชี่ยวชาญชำนาญทางเกินไปกันแน่ จึงไม่มีใครรู้เลยว่าบอสของพวกเขากำลังออกไปจากคฤหาสน์เงียบ ๆ ตามลำพัง ไม่แม้กระทั่งจะสนใจสังเกตหรือไถ่ถามสักนิด
มั่นใจว่าจะไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวนโดยพละการเลยสามารถจะออกมาได้อย่างสบาย ๆ “จะว่าไปออกมาแบบนี้คนเดียวนี่นับครั้งได้เลยแหะ...”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สึนะแอบออกมาคนเดียวเพียงลำพัง แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสบ่อยครั้งนักที่จะทำได้ ปกติอย่าว่าแต่จะออกจากคฤหาสน์เลย แค่จะก้าวออกจากห้องทำงานของตนยังต้องมีคนคอยตามติด อย่างน้อยสายลมของเขาก็ไม่ยอมปล่อยให้ไปไหนง่าย ๆ หรอก...
“หาอะไรกินเล่นดีกว่า...”
สึนะดูเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ รูปร่างเล็กผอมเพรียวในเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัว สวมทับด้วยเสื้อกันหนาวมีฮูดสีเข้ม เส้นผมสีน้ำตาลนุ่มยาวกับดวงตาสีเดียวกัน ดูยังไงก็เหมือนเด็กชายชาวเอเชียที่ไม่น่าจะมาเดินเล่นคนเดียวในเมืองใหญ่แบบนี้ได้
และนี่เป็นข้อเสียสำคัญที่ทำให้ความปลอดภัยของเขาลดต่ำลง “อะไรดี....” สึนะกำลังคิดถึงคำตอบของสิ่งที่ตนพยายามค้นหา ขนาดนั่นมองหน้าอีกฝ่ายตั้งนานสองนานยังนึกไม่ออก
ไม่มีมาเฟียคนใดในอิตาลีที่จะไม่รู้ว่าบอสรุ่นที่สิบแห่งวองโกเล่เป็นคนเอเชีย แต่ที่พวกเขาไม่รู้คือผู้ยิ่งใหญ่เหนือคนอื่นคนนี้นั้นจะเป็นแค่ชายหนุ่มตัวเล็กซึ่งดูไม่ออกเลยว่าเคยผ่านความมืดมนโหดร้ายมาก่อน
ถือว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายสินะ “อ๊ะ....” ดวงตากลมโตเหลือบมองไปในร้านขายเครื่องประดับ จะว่าไปสึนะก็เคยได้ยินเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวเนื่องกับพวกของเหล่านี้อยู่เหมือนกัน
“เข้าไปดูหน่อยก็ไม่เสียหายนี่นะ....”
มุคุโร่เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาเรือนใหญ่ ใกล้จะหกโมงเย็น ป่านนี้งานต่าง ๆ ที่มีคงจัดการได้เรียบร้อยหรือไม่ก็คงใกล้จะสำเร็จเต็มทน เขาวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะเล็ก ๆ พลางลุกขึ้นยืน
“เป็นสีที่สวยแต่ไม่น่ารื่นรมย์เอาเสียเลยนะครับ” ดวงตาสองสีมองออกไปยังท้องฟ้าด้านนอก แสงสีแสดที่เริ่มถูกปะปนด้วยความมืดหม่นของช่วงเวลากลางคืน
ชายหนุ่มเดินตรงไปยังห้องทำงานของบอสแห่งวองโกเล่ มือแกร่งยกขึ้นเคาะประตูเป็นสัญญาณบอกคนภายในให้รับรู้ถึงการมาเยือนของตนเบา ๆ ก่อนจะหยุดนิ่งฟังเสียงตอบรับ
ทุกอย่างเงียบงัน... “วองโกเล่ครับ?”
ยังคงไม่มีเสียงตอบรับคำใด ๆ มุคุโร่เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี เขาผลักบานประตูเข้าไป กวาดสายตามองโดยรอบแต่กลับไร้วี่แววของร่างที่สมควรจะปรากฏให้เห็น “บ้าจริง...” เขากัดฟันแน่น นึกโมโหตัวเองและคนรอบข้างที่ไม่ได้คิดจะสนใจคอยดูแล
หากเกิดอะไรขึ้นกับคน ๆ นี้เขาคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตแน่... “สึนะโยชิคุง...”
แต่สุดท้าย...ทุกอย่างก็ไม่เป็นไปดังคาดหวัง...
สึนะมองกล่องผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินในมือของตนด้วยรอยยิ้มกว้าง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจซื้อมาจนได้ อาจเพราะคำแนะนำของหญิงสาวผู้ขายที่บังเอิญมาตรงกับใจของเขาเสียเหลือเกินก็ได้ ทำให้คิดตัดสินใจที่จะซื้อ
‘ต่างหูน่ะเหมาะดีนะคะสำหรับจะซื้อให้คนสำคัญ ยิ่งถ้าต่างคนต่างใส่ไว้คนละข้างล่ะก็ จะยืนยันความเป็นคู่ได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ แม้จะเป็นสิ่งที่คนทั่วไปอาจไม่ได้สังเกตเห็น แต่สำหรับคนที่ใส่มันไว้คงจะมีความหมายและยินดีมากอย่างแน่นอนค่ะ’
ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสังเกต...แต่มีความหมายมากสำหรับผู้สวมใส่....
“หวังว่าคงจะชอบนะ...” เสียงหวานกล่าวกับตนเองด้วยรอยยิ้ม สองมือกำของสิ่งนั้นไว้แนบอก
ความปลอดภัยที่ตั้งอยู่บนความไม่ปลอดภัย จริง ๆ แล้วทุกฝีเท้าที่ก้าวเดินของเขาถูกจับตามองจากใครบางคนโดยตลอด จากที่ไหนสักแห่งไกลห่างออกไป แต่ก็ไม่ไกลเกินกว่าระยะซึ่งจะสามารถเข้าถึงได้
ผิดพลาดครั้งใหญ่...ความเสียใจที่เกิดขึ้นไปตลอดชีวิต....
ปัง!!!!!
เสียงกระสุนนัดหนึ่งดังขึ้น มันแล่นตรงไปยังเป้าหมายที่ถูกเล็งไว้เป็นอย่างดี สึนะซึ่งมีความไวต่อเสียงเหล่านี้เป็นพิเศษหันหลังมองตามทิศทางที่มา
ดวงตาสีน้ำตาลเห็นเพียงกระสุนที่พุ่งตรงเข้าหาเพียงเท่านั้น....
มุคุโร่ซึ่งออกมาตามหาสึนะพอได้ยินเสียงปืนไกล ๆ ก็รู้สึกใจไม่ดี รีบเร่งไปยังทิศทางนั้นทันที บรรดาลูกน้องพรรคพวกที่เหลือก็แยกกันออกตามหาให้จ้าละหวั่น ด้วยกลัวว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับบอสของตน ชีวิตที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวนี้อาจจะถูกพรากไปด้วยเช่นกัน
เสียงพูดคุยด้วยความตื่นตระหนกดังเข้าโสตการฟัง “น่ากลัวจริง ๆ เห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มคนเอเชียนะ...”
หัวใจกระตุกวาบ ใบหน้าคมเริ่มซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด มือสั่นไปด้วยอารมณ์ความหวั่นเกรง ขอให้ไม่เป็นดั่งที่คิด ขอให้ไม่เป็นดั่งที่ได้ยิน ขอให้ปลอดภัย....
แล้วเขาคนนี้จะยอมทุกอย่าง....ยอมทุกอย่างอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ “สึนะโยชิคุง...”
คราบเลือดสีแดงสดบนทางเดินเท้าทำเอามุคุโร่แทบคลั่ง ดวงตาสองสีกวาดมองโดยรอบ ความสุขุมเยือกเย็นดูเหมือนจะค่อย ๆ เลือนหายไป ยิ่งได้กลิ่น ยิ่งมองเห็น มันก็ทำเอาสติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดแทบขาดออกจากกัน
มุคุโร่เหลือบเห็นแสงบางอย่างซึ่งอยู่ภายในความมืดมิดของตัวอาคารเก่า สองขายาวออกวิ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว สุดแรงชีวิตเท่าที่ตนจะทำได้ “วองโกเล่!!!”
ภาพที่เห็นคือร่างของคนร้ายที่นอนหมดสติอยู่ภายใต้เปลวเพลิงสวยของท้องนภา ดวงตากลมโตหันมองก่อนค่อย ๆ หรี่ลงและแปรเปลี่ยนเป็นสีปกติ สึนะทรุดลงกับพื้นทันทีที่พลังไฟมอดลง
“วองโกเล่!” ชายหนุ่มตรงเข้าประคอง
ใบหน้าหวานค่อย ๆ แหงนมอง “มุคุโร่...มาได้ยังไงกัน??”
อีกฝ่ายไม่ได้สนใจจะตอบคำถาม เขามองเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดจากต้นแขนทางซ้าย “เกิดอะไรขึ้นครับ?!”
“ประมาทไปหน่อยน่ะ....แต่ไม่เป็นอะไรมากหรอก โชคดีที่เบี่ยงหลบได้ทัน...” เขาพูดราวคนใกล้หมดแรง อาจเพราะเสียเลือดมากเกิน
มุคุโร่ช้อนร่างเล็กขึ้นทันทีหลังจากทำการห้ามเลือด “อยู่เฉย ๆ นะครับ”
สึนะไม่ขัดขืน ศีรษะที่เต็มไปด้วยเส้นผมสีน้ำตาลนุ่มเอนพิงอกแกร่ง เขาไม่อาจมองภาพข้างหน้าได้ชัด เพราะทุกอย่างเริ่มดูเลือนลางไปหมด แม้แต่เสียงที่ได้ยินก็เหมือนอยู่ไกลออกไป ไกลจนทุกอย่างค่อย ๆ เบาลง มืดมัว...และดับวูบในที่สุด
ดวงตากลมโตลืมตื่นขึ้นอีกครั้งในห้องสีขาวสะอ้าน เขากระพริบตาเบา ๆ สองสามครั้งแล้วมองไปยังร่างในชุดสูทสีดำสนิทที่นั่งเอนกายอยู่ข้าง ๆ ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มอย่างรู้สึกถึงความผิด “ขอโทษนะ...ฉันไม่ระวังเอง”
“รู้ก็ดี แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดแกคนเดียว ฉันจำได้ว่าสั่งให้หมอนั่นคอยดูแลแก” รีบอร์นนั่งกอดอกนิ่ง
“ฉันแอบหนีออกไปเองแหละ...”
นักฆ่าหนุ่มถอนหายใจยาว “แกก็แบบนี้ทุกที โชคดีนะที่คราวนี้โดนที่แขน”
“รู้แล้วน่า...จะไม่ออกไปคนเดียวอีกแล้ว....” สึนะเบ้ปาก ให้ตายสิ...โตขนาดนี้แล้วยังต้องทำอะไรเหมือนเด็ก ๆ อีก สงสัยต้องมีพี่เลี้ยงคอยตามไปไหนมาไหนด้วยจนตายนั่นแหละ!
เขานึกขึ้นได้ “นี่ยังไม่มีใครรู้ใช่ไหม?”
“ยัง มีแค่ฉันกับมุคุโร่”
คนฟังถอนหายใจอย่างโล่งอก “ดีแล้วล่ะ....” เขายิ้ม “อ๊ะ!!จริงสิ!! กล่องสีน้ำเงินล่ะ???” สึนะนึกถึงของที่ตนซื้อไว้ พอถูกยิงแล้วไล่ตามคนร้ายไปก็ลืมเรื่องของเสียสนิท
รีบอร์นเลิกคิ้วถาม “กล่องอะไรของแก?”
“กล่องผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินน่ะ ฉันเพิ่งซื้อมา”
ชายหนุ่มนักฆ่านิ่งคิด “ไม่มีนะ....คนเราที่ไปตรวจบริเวณนั้นก็ไม่พบอะไร”
“ทำไงดี.....” ใบหน้าหวานก้มลงต่ำ จริง ๆ กับแต่ของชิ้นสองชิ้นเขาจะซื้อเมื่อไหร่ก็ซื้อได้ แต่ไอ้ของที่ว่ามันคือของที่เขาอุตส่าห์ได้มีโอกาสเลือกกับมือ ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจที่ไม่ว่าของสิ่งไหนก็อาจไม่มีค่าเทียมเท่า
“พักผ่อนซะ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเคลียร์งานแทนให้ ถ้ามีอะไรก็บอกเจ้าพวกนั้นแล้วกัน” เขาชี้ไปยังด้านหน้าของห้องพักที่สึนะพักรักษาตัวอยู่
เขาพยักหน้าเบา ๆ ก่อนเอนตัวลงนอน “ขอบใจนะ...”
เป็นเวลาดึกมากแล้ว มุคุโร่เข้ามาภายในห้องอย่างเงียบเชียบที่สุด สองขาก้าวเดินมาหยุดข้างเตียงคนไข้ตรงกลาง แล้วก้มลงมองใบหน้าหวานที่บัดนี้กำลังนอนหลับอย่างเป็นสุข
มือหนึ่งหยิบเอากล่องผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินวางไว้ยังโต๊ะด้านข้าง ก่อนเลื่อนขึ้นสัมผัสพวงแก้มใสเบา ๆ “ขอโทษนะครับ....”
“อืม....” อาจเพราะฤทธิ์ยาที่เขาได้รับหมดลง ทำให้ประสาทการรับรู้ของสึนะกลับมาเป็นปรกติ การถูกสัมผัสแม้เพียงบางเบาจึงทำให้เขารู้สึกตัวได้ไม่ยาก “มุคุโร่?”
“ขอโทษครับที่ทำให้ตื่น ผมแค่จะนำของที่คุณทำตกไว้มาคืนเท่านั้น” มือที่ยกสัมผัสเลื่อนลงมาวางแนบลำตัวอย่างรวดเร็ว ดวงตาสองสีเบนมองไปยังกล่องที่ตนเพิ่งวางไว้
สึนะเบนหน้ามอง “คืนทำไมล่ะ....”
คำพูดที่ได้ยินทำเอาคนฟังงุนงง “ไม่ใช่ของ ๆ คุณหรือครับ?”
“ใช่....แต่ฉันให้นาย...”
“ให้ผม?”
ร่างที่นอนอยู่บนเตียงแย้มยิ้ม “ใช่....มันคือคำตอบของคำถามที่ทำให้ฉันมองหน้านายเมื่อเช้าไงล่ะ”
ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ พอเห็นมุคุโร่ทำหน้าแบบนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “ลองเปิดดูสิ...”
ชายหนุ่มลังเลอยู่พักก่อนจะหยิบมันออกมาเปิดดู “ต่างหู?” ต่างหูคู่หนึ่งจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ก้านของมันทำจากเงินแท้ ตรงยอดเป็นตุ้มสีแดงสดที่ถูกเจียอย่างละเอียด
“ฉันเห็นว่านายใส่ต่างหูก็เลยคิดว่าน่าจะชอบ...จริง ๆ ก็ไม่รู้หรอกนะว่าชอบไหม แต่คิดว่ามันน่าจะดีน่ะ” สึนะหัวเราะแห้ง ๆ แก้เก้อ จริง ๆ แล้วมันมีความหมายแฝงอยู่ต่างหาก
แต่ความหมายนั้นมันจะไร้ค่าถ้าหากอีกฝ่ายไม่ได้มองในทิศทางเดียวกัน “นายชอบไหม?”
มุคุโร่เงียบ มือปิดฝากล่องนั้นลง “ทำไมถึงให้ผมครับ?”
น้ำเสียงที่ถามออกมาอย่างจริงจังนั่นทำเอาคนฟังกลืนน้ำลายฝืดคอ เขาจะบอกว่าอะไร? อยากจะซื้อให้? พอใจจะซื้อให้? หรือว่าคนอื่นก็ได้แต่เห็นนายยังไม่ได้เลยซื้อให้งั้นหรือ? เขาควรจะบอกว่ายังไงดี???
พอเห็นอีกฝ่ายเงียบอยู่นานเขาก็เอ่ยขึ้น “ถ้าซื้อให้ผมด้วยเหตุผลแค่อยากซื้อให้ล่ะก็...” เขาเว้นจังหวะนาน ดวงตาสองสีจ้องมองสบกับดวงตาสีน้ำตาล “ผมก็จะขอไม่รับด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากได้เหมือนกัน”
คำตอบที่ได้รับทำเอาคนที่กำลังหาเหตุผลสารพัดเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างถึงกับนิ่งอึ้ง ดวงตาที่มองจ้องตอบอีกฝ่ายค่อย ๆ สั่นไหว ก่อนหยาดน้ำใสจะไหลรินออกมาเป็นสาย ทำเอามุคุโร่ถึงกับตกใจ
“วองโกเล่....?”
สึนะพอรู้ตัวว่าตนเองกำลังร้องไห้ก็รีบยกมือขึ้นปิดหน้า เช็ดน้ำตาที่ดูเหมือนจะไหลบ่าไม่หยุดอย่างลวก ๆ “ไม่อยากได้ก็ไม่เป็นไร ช่วงวางไว้ที่เดิมที”
“วองโกเล่...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียก มือทั้งสองยกขึ้นจับมือเล็กที่ปิดหน้าปิดตาอยู่
เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลส่ายศีรษะไปมาราวกับต้องการหลบเลี่ยงมือของอีกฝ่าย “ฉันอยากนอนแล้ว ช่วยออกไปที”
“วองโกเล่ครับ”
“ออกไปเถอะนะ....” สึนะดูเหมือนจะไม่ฟังที่มมุคุโร่พูดเลยสักนิด พยายามที่จะไม่ฟังมากกว่า บอกตามตรงคือเขารู้สึกช็อคกับคำตอบที่ได้รับ ไม่คิดว่าตนจะไร้ค่าในสายตาอีกฝ่ายถึงขนาดนี้
มุคุโร่ออกแรงดึงแขนเล็กทั้งสองให้แยกออกจากกัน ดวงตาสองสีสบกับดวงตาสีน้ำตาลอีกครั้ง “สึนะโยชิคุง...”
เขาก้มลงจูบซับน้ำตาที่ยังคงไหลเรื่อยไม่หยุดเบา ๆ “ขอโทษครับที่พูดแบบนั้น...”
รู้ไหมว่าคุณทำลายกำแพงในใจของผมลงอย่างไม่มีชิ้นดี
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ผมไม่คิดว่ามันจะทำให้คุณเสียใจเพียงนี้”
รู้ไหมว่าสิ่งที่ผมพยายามสร้างมันขึ้นเพื่อขวางตนเองไว้มันพังย่อยยับไม่มีเหลือ
“ต่างหูนั่น...ผมดีใจมากที่ได้รับจากคุณ และจะดีใจมากหากมันมาจากเหตุผลที่นอกเหนือจากเหตุผลอื่น..” เขามองดวงตาคู่นั้นอีกครั้ง
ความอ่อนโยนจากคำพูดและการกระทำที่ได้รับทำให้สึนะหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง ความคิดแก้ตัวต่าง ๆ นา ๆ ที่เคยมีหายไปสิ้น ตอนนี้มีเพียงจิตใจพองโตที่กำลังเต้นระส่ำกับความลับภายในที่อยากจะบอกให้อีกฝ่ายรู้เท่านั้น
“ฉันตั้งใจซื้อมันให้นาย อยากให้นายเก็บไว้ ให้เป็นตัวแทนของฉัน ให้มันอยู่กับนายตลอดไป...” มือเรียวยกขึ้นสัมผัสใบหน้าคมที่อยู่ห่างไปเพียงช่องว่างเล็กกั้น
มุคุโร่ยิ้มบาง เขายืดตัวตรงพลางหยิบกล่องที่ถูกวางไว้ขึ้นมาอีกครั้ง “ต่างหูข้างนี้...” ชายหนุ่มถอดต่างหูของตนเองออกพลางใส่ต่างหูที่ได้รับแทน “จะอยู่กับผมตลอดไป”
เขาหยิบต่างหูที่เหลืออีกข้างขึ้นกำไว้ในมือที่ถือไฟแช็คอยู่ “และต่างหูข้างนี้...” เข็มกลัดแหลมถูกนำขึ้นลนไฟ มุคุโร่ก้มลงเลียใบหูบาง แล้วใช้ปลายเข็มแทงลงไปอย่างเบามือที่สุด
สึนะหรี่ตาลง ความเจ็บปวดบริเวณใบหูแล่นผ่านชั่วครู่ “อ๊ะ...”
“มันจะอยู่กับคุณตลอดไปเช่นกัน” เขาใส่ต่างหูที่เหลือให้กับสึนะ
ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่สิ่งของหรือราคา แต่อยู่ที่ความตั้งใจและเจตนาของผู้ให้ต่างหาก....
“ขอบคุณนะครับ...สำหรับสิ่งที่มีค่า” ริมฝีปากได้รูปก้มลงจุมพิตริมฝีปากสีระเรื่อของผู้ที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ สึนะหลับตารับสัมผัสอย่างเต็มใจ...
สุดท้าย....ผมก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับใจของตนเอง....
End.
ความคิดเห็น