คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ๐๑ วิชนี รสายน (พัดจีน) :: หมาป่า เนื้อสมัน
“คู่หมั้นเหรอคะ”
“จ้ะ เราตกลงกันตั้งแต่ลูกอยู่ในท้อง” คุณแม่พยักหน้าพร้อมยิ้มให้กำลังใจ
นี่ละคือสาเหตุที่ทำเช้าวันนี้วุ่นวาย คุณแม่ให้ฉันเตรียมตัวอย่างกระทันหัน ยื่นเดรสสีฟ้าใหม่เอี่ยมบนไม้แขวน บอกว่าเราต้องออกไปข้างนอก คุณพ่อพารถเก่าที่จอดทิ้งไว้มาที่หน้าบ้าน รับเราแม่ลูกแล่นไปบนถนนดินที่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้สูงขึ้นแน่นเป็นป่าทึบ ลัดเลี้ยวออกจากตรอกเล็ก ๆ จนไปถึงถนนคอนกรีตวิ่งมุ่งหน้าออกนอกเมือง
เครื่องยนตร์ช่วงล่างส่งเสียงดังก๊องแก๊งตลอดทาง ฉันยังคงเงียบ พูดจาอะไรไม่ออก สำหรับเด็กสาววัย ๑๕ นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับได้โดยง่าย คุณแม่กุมมือฉัน บีบไว้เบา ๆ
“ไม่รู้ลูกจำเวคินได้มั้ย ลูกชายของนักสืบวาตะที่ตอนเด็ก ๆ ไปเล่นกันบ่อย ๆ”
ฉันนึกย้อนไป พบเด็กชายตัวเล็กยืนท้าวเอวอยู่ที่หน้าประตู ตะโกนชวนให้ออกไปเล่นด้านนอก ถึงจะคุ้นเคยอยู่บ้างแต่ความทรงจำช่างว่างเปล่า คุณพ่อเหลือบมองจากกระจกหลัง ท่านไม่สบายใจนักที่เห็นฉันอึดอัด คุณพ่อกระแอมออกมา ขอจังหวะในการพูด
“จริง ๆ ทางแม่ของเวคินบอกว่าจะให้ปิดเรื่องหมั้นไว้ก่อน ให้ลูก ๆ เจอหน้ากันดูปฏิกิริยาแล้วค่อยตกลงกันอีกที แต่พ่อคิดว่านี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับลูก แต่ถ้าพัดจีนมีคนชอบอยู่แล้วหรือรู้สึกว่าเร็วไป ก็ปฏิเสธได้ พ่อจะช่วยเต็มที่”
คุณแม่สบตาคุณพ่อสะท้อนผ่านกระจกมองหลัง แววตาดูตกใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปาก
“ไม่มีหรอกค่ะ” คิดดูก็เป็นเรื่องที่น่าอาย เด็ก ๆ รุ่นฉันจับคู่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกันหมดแล้ว “...ก็มีคนมาจีบ แต่หนูไม่ถูกใจใคร”
ทั้งพ่อและแม่ระบายลมหายใจออกมาพร้อมเพียง ความตึงเครียดดูคลายลงไปเล็กน้อย แต่ปัญหายังไม่จบ ความกังวลมากมายทับถมคนทั้งคู่ คุณพ่อส่ายศีรษะบ่นกับตัวเอง
“แบบนั้นยิ่งน่าเป็นห่วงใหญ่ เวคินมันไม่ใช่แบบที่เด็กสาว ๆ ชอบกันเสียด้วย” คุณพ่อจับพวงมาลัยรถแน่น
ไม่รู้เวคินหน้าตาแย่ขนาดไหน แต่มันก็ไม่ใช่เงื่อนไขที่ฉันจะยอมรับหมั้นหรือปฏิเสธ คุณพ่อเองก็ไม่ใช่คนหน้าตาดีอะไร แถมขี้น้อยใจเวลาคุณแม่พูดเรื่องศีรษะที่ล้านเลี่ยน แต่ทั้งสองก็รักกันดีแม้จะอยู่กันด้วยเงินรายได้ที่จำกัด
ยิ่งใกล้บ้านของเวคิน คุณพ่อยิ่งคิดมาก คิดว่าฉันต้องปฏิเสธ ท่านห่วงเรื่องที่ฉันต้องอยู่คนเดียว หากไม่สำเร็จต้องรีบหาทางอื่นที่ฉันจะปลอดภัย ตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจความหมายในช่วงความคิดนั้นแม้แต่น้อย
คุณพ่อบังคับรถเลี้ยวออกข้างทาง เข้าสู่ถนนสายเล็ก วิ่งเรียบข้างกำแพงสูงสีเข้มที่ขนานไปกับแนวต้นไม้ ประตูเหล็กปิดทึบขนาดใหญ่เปิดต้อนรับ รถตีโค้งไปตามถนน เผยให้เห็นคฤหาสหลังใหญ่สีขาวกระจ่างเต็มตา เป็นฉากคุ้นตาที่มักเห็นในละครหลังข่าว
“พัดจีนเหรอนี่ ผมจำแทบไม่ได้เลย” เวคินยืนตะลึง สีหน้าดูตื่นเต้น ฉันมองเขา ลอบพิจารณาจากศีรษะจรดเท้า เวคินตัวใหญ่ สูงกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน หน้าตาแค่พอไปวัดไปวา แต่แต่งตัวดีสมฐานะ ผมเผ้าตัดสั้นหวีเป็นระเบียบ เขายกข้อมือดูนาฬิกา คิดในใจว่ามีเวลาไม่มาก รีบก้าวมาตามสะพานไม้ หาฉันบนเก๋งจีนกลางน้ำ
นี่ละเวคิน แม้รูปร่างจะไม่คุ้นตาแต่ฉันก็มั่นใจ แววตาเขายังคงเดิม ดูแจ่มใสมั่นใจ ชอบมองมาทางฉันด้วยรอยยิ้มซุกซน และเดินเข้ามาเหมือนมีเรื่องสนุกจะเล่า จุดแปลกไปมีเพียงช่วงไหล่ที่กว้างและรูปร่างสูงใหญ่ที่ดูแข็งแรงสมชาย ถึงจะแต่งตัวดูภูมิฐาน แต่ก็ยังไม่ใช่แบบที่สาวไหนจะเก็บไปฝันถึง ดาราชายสมัยนี้ต้องผิวขาว หุ่นบางเป็นเจ้าชายขี้โรคถึงจะเรียกว่าดูดี
“ขอโทษนะฉันจำเวคินไม่ได้เลย” ฉันยิ้มให้เขาเล็กน้อย “นึกได้แค่เมื่อนก่อนเราเคยวิ่งเล่นกันที่สวนป่ารอบสำนักงานนักสืบ”
เวคินพยักหน้าก่อนก้าวเข้ามาในเก๋งกลางน้ำ ขณะที่ฉันรวบกระโปรงนั่งลงบนเก้าอี้ ยกการินน้ำชาส่งให้เขา เวคินนั่งลง ขยับซ้ายขวามองใบหน้าฉันหลายมุมก่อนยกชาในถ้วยเคลือบขึ้นดื่ม
“พัดจีนเปลี่ยนไปแยะเลย เมื่อก่อนตัวอ้วนเป็นตุ่ม เวลาวิ่งไล่จับก็มักจะตามไม่ทันใคร แล้วก็ร้องไห้ขี้แยจนน่าเหนื่อยใจ”
ฉันสะดุ้งทั้นที เวคินหัวเราะกลั้วรอยยิ้ม
“แต่ตอนนี้เป็นสาวสวยไปแล้ว”
“ขอบคุณที่ชม” ฉันยิ้มให้เขา “สวยจนจำไม่ได้เลยสินะ”
“จำได้สิ” เวคินรีบปฏิเสธ “ถึงจะสวยยังไง แววตาของพัดจีนยังเหมือนเดิม แลดูเศร้าเหมือนแบกอะไรไว้ในใจ ต่อให้เปลี่ยนไปมากกว่านี้ผมก็ไม่มีทางลืมได้หรอก”
เวคินตอบมันออกมาจากใจ ความคุ้นเคยในตัวของเด็กหนุ่มทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่เวคินกลับรู้สึกเป็นกังวล เขาคิดว่าฉันคงมีแฟนแล้ว ไม่มีทางที่คนสวยอย่างนางฟ้าจะไม่มีใครสนใจ คนดี ๆ มากมายเดินเข้ามาเป็นตัวเลือกให้ฉันคัดสรรค์
เวคินเปลี่ยนท่าที เขาประสามมือช้า ๆ วางบนโต๊ะ จ้องมองฉันด้วยแววตาอันสงบ ก่อนอธิบายว่าพวกผู้ใหญ่กำลังคุยเรื่องอะไรกัน และสรุปว่าจะช่วยอีกแรงให้ฉันปฏิเสธเรื่องหมั้น
ถึงจะพูดออกมาแบบนั้น แต่เวคินก็ชอบฉัน จากทั้งความสวยและรูปร่าง ความบอบบางกับกริยาที่น่าทะนุถนอมกระตุ้นให้เขาอยากลุกขึ้นเสนอตัวเป็นองครักษ์ เพื่อเคียงข้างคุ้มครองเจ้าหญิง ในขณะเดียวกันเวคินก็คิดว่าฉันควรมีโอกาสฝันถึงเจ้าชายของตัวเอง คนที่ฉันรักจากหัวใจ
เขาพูด ขอเพียงฉันยืนยันเสียงแข็งปฏิเสธเรื่องการหมั้น ฉันก็จะได้รับอิสระ เวคินเยือกเย็น พูดจาทีละคำอย่างระวัง กลัวว่าฉันจะตื่นตระหนกไปกับชะตากรรม แต่เบื้องหลัง จิตใจของเวคินเต็มไปด้วยความปรารถนา มันรุนแรงก้าวข้ามความคิดเป็นรูปร่าง ฉันรู้สึกเหมือนถูกงูยักษ์โอบรัด เขาอยากกอดฉัน อยากสูดกลิ่นหอมให้ชุ่มปอด ริมฝีปากของฉันทำให้เขาหวั่นไหว เวคินไม่ต่างกับเด็กหนุ่มคนอื่น แต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว
เขารู้สึกละอาย รู้สึกผิดที่คิดแบบนั้น เวคินเริ่มตำหนิตัวเอง เขาไม่ควรคิดอะไรสกปรก โดยเฉพาะกับเพื่อนสมัยเด็ก
ฉันได้แต่มองเขานิ่ง ๆ นึกหาคำพูดเพื่อสลายความเงียบ เวคินกำลังรอคำตอบ เขาหวังว่าฉันจะร่วมด้วยกับแผนยุติการหมั้น
“แล้วเวคินละมีแฟนหรือคนที่ชอบบ้างหรือเปล่า”
สีหน้าเขาดูยากลำบาก สะดุดใจอย่างแรงกับคำว่าคนที่ชอบ
มันทำให้เขาคิดได้ ตลอดมาเวคินไม่เคยชอบใคร ผู้หญิงไหน ๆ ก็ดูเหมือนกัน อย่างโดดเด่นก็ได้แค่แสงดาวที่กระพริบในราตรีกาล จนกระทั้งพบฉัน เขาก็เข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ถ้ำที่ได้เห็นดวงอาทิตย์ ถ้าจะชอบใครก็คงเป็นฉันที่อยู่ตรงหน้า ความคิดของเขาทำให้ฉันพยักหน้าโดยไม่รอฟังคำตอบจากปาก
“ตกลงฉันจะพูดกับคุณพ่อคุณแม่ให้ชัดเจน คุณแม่ของเวคินเองก็คงไม่มีปัญหาถ้าฉันยืนยันด้วยตัวเอง”
เวคินเข้าใจได้ทันทีว่าฉันตีความจากสีหน้าลำบากใจ เขาเสียดาย คิดไปว่าถ้าไม่มาพูดอะไร เด็กดีอย่างฉันก็น่าจะอือออตามที่ผู้ใหญ่จัดการให้ ในขณะที่อีกใจยอมรับสภาพ กล่าโทษตัวเองว่าต่ำต้อยเกินกว่าจะเด็ดดอกฟ้ามาเชยชม
เขาเปลี่ยนเรื่องคุยถามเรื่องขึ้นชั้น ม.๔ ตัวเลือกที่ไม่มากนักทำให้พวกเราเรียนที่เดียวกัน เวคินแอบมีความหวังเล็ก ๆ ก่อนโทษตัวเองว่าอย่าได้ฝัน แต่อย่างน้อยเขาอยากเป็นเพื่อนกับฉันเหมือนสมัยก่อนที่ยังเป็นเด็ก
“งั้นเรามาตั้งชมรมนักสืบกันมั้ย” เขาเสนอ “แบบที่เราเคยเล่นกันไง แต่ครั้งนี้เราจะสืบคดีจริง ๆ กัน” เวคินถาม ความจริงจังแผ่ออกจากด้านลึกของจิตใจ แววตาของเด็กหนุ่มเป็นประกาย มีรอยยิ้มรับประกันว่ามันต้องเป็นเรื่องที่สนุก
“ชมรมนักสืบเหรอ ฟังดูน่าตื่นเต้นดีเหมือนกัน”
เวคินยิ้มดีใจ ไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อ พวกผู้ใหญก็ยกกลุ่มเดินมาที่เก๋งกลางน้ำ คุณพ่อคุณแม่เดินมาสีหน้าอารมณ์ดี ขณะที่น้านารีรัตน์มองเขม็งทำตาดุมาทางลูกชาย ระแวงว่าเวคินจะมาพูดกับฉันทำให้เสียเรื่อง
แม่ของเวคินปรับเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว ยิ้มให้ฉันพร้อมถามพวกเราทั้งสองว่าอยากทานอะไรเป็นพิเศษ จะให้แม่ครัวจัดเตรียมขึ้นโต๊ะ
“ผมกินได้ทั้งนั้นละ” เวคินตอบทันที เขาเกือบหลุดปากไปว่าปลากระป๋องกับข้าวเปล่าก็พอ แต่ยังรู้จักกาละเทศะ ทางฉันสิค่อนข้างยุ่งยาก
“หนูขอผักสลัดแล้วก็น้ำซุบสำหรับทานก่อนอาหารนะคะคุณน้า”
“ไม่ต้องห่วงจ้ะ น้าตรียมไว้ให้แล้ว อ๋อแล้วก็ที่หลังเรียกคุณแม่ก็ได้นะ น้าจะได้เรียกตัวเองว่าแม่ไงจ๊ะพัดจีน” คุณแม่ของเวคินยิ้มเปิดเผย ในใจท่านเอ็นดูและชอบฉันมาก ฉันจึงคิดว่านี่ละเป็นจังหวะที่ดีที่สุด จึงลุกขึ้นยืน
“คือหนูอยากจะขอพูดเรื่องการหมั้นอย่างตรงไปตรงมาค่ะ”
พวกผู้ใหญตกใจกันหมด คุณแม่เวคินหันมองลูกชายวูบหนึ่งก่อนรีบออกปาก
“เอาไว้หลังทานอาหารดีกว่ามั้ย ทานอิ่ม ๆ อารมณ์ดีแล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กัน”
“หนูคงไม่เปลี่ยนความตั้งใจหรอกค่ะ หนูกับเวคินก็เพิ่งอายุ ๑๕ คงยังตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้...”
เวคินลุกขึ้นตามทันที หันมาเผชิญหน้ากับแม่เขา
“ใช่แล้วครับ ถึงแม่จะอ้างว่าตกลงกันตั้งแต่ผมกับพัดจีนอยู่ในท้องก็เถอะ แต่ยังไงแม่ก็ต้องให้ความสำคัญกับความรู้สึกของพวกเราสองคนด้วยสิ”
“ความรู้สึกของแกงั้นเหรอ แกพูดอย่างกับพัดจีนไม่ดีอย่างนั้นละ”
“นี่เราคุยกันตั้งนานแม่ยังไม่เข้าใจเหรอว่ามันไม่ใช่เรื่องที่พัดจีนดีไม่ดี แต่ความรู้สึกของเค้าต่างหาก”
“งั้นพัดจีนละ หนูว่ายังไง” คุณน้าหมดความอดทนกับลูกชาย ระบายลมหายใจหันมาถามฉันอย่างอ่อนแรง
“เรื่องการแต่งงานยังเป็นอนาคตอีกไกลค่ะ หนูรู้สึกว่าตอนนี้ยังเร็วที่จะพูดคุยเรื่องนั้น” ฉันโค้มศีรษะ เวคินพยักหน้ารับทั้งที่ในใจแสนเสียดาย จ้องกลับไปที่ปฏิกริยาของแม่เตรียมรับมือกับทุกคำถาม
เรื่องนี้น่าสนุกจนฉันอดยิ้มออกมาไม่ได้
“แต่โดยส่วนตัวหนูรู้สึกคุ้นเคยกับเวคินมาก ดังนั้นจะหมั้นกันไว้ก่อนเพื่อนเป็นการตามใจผู้ใหญ่หนูก็ไม่ขัดข้องค่ะ”
บรรยากาศโดยรอบดีขึ้ทันที คุณพ่อคุณแม่รู้สึกโล่งใจ คุณแม่ของเวคินเองก็ดีใจไม่น้อยรีบเรียกฉันเข้าไปกอด เหลือแต่เวคินเท่านั้นที่รู้สึกมึนงง ความคิดของเขาสับสนไปหมด
กว่าจะได้ทานข้าวกันก็ตกบ่าย พวกฉันถูกเชิญไปนั่งรอที่ห้องรับประทานอาหาร โต๊ะไม้สักพนักที่นั่งแกะสลักดูหรูหรา เพดานสูงด้านบนประดับโคมไฟระย้าสะท้อนแสงระยิบระยับ พวกเขาร่ำรวยจนฉันหวาดกลัว เวคินขอคุยกับแม่ กระแสความคิดอยู่ไกลเกินกว่าที่ฉันจะแทรกจิตเข้าไปฟัง แต่ฉันกังวล กลัวเวคินจะคิดว่าฉันเห็นแก่เงิน กลัวเขาถามว่าทำไมถึงหมั้นกับเขา ฉันพยายามคิดหาคำตอบ แน่นอนว่าเร็วเกินไปที่จะบอกว่าฉันรักเขา เพียงแต่ระบบความคิดที่ขัดแย้งของเขามีเสน่ห์เหลือเกินสำหรับฉัน
นานพอควรกว่าเวคินจะมาพร้อมกับแม่ พวกเราพูดคุยกันเรื่องทั่ว ๆ ไป ไม่มีเรื่องประเด็นการหมั้นหมายมาแทรกอย่างกับอย่างที่คิด จนกระทั้งหญิงรับใช้เก็บจานออกจากโต๊ะอาหาร คุณแม่ของเวคินจึงเริ่มพูดว่าจะจัดห้องของฉันไว้ในคฤหาส
“หนูต้องย้ายมาอยู่ทีนี่เหรอคะ”
“แม่ตามใจพัดจีนจ้ะ จะบังคับก็แค่เรื่องต้องออกงานสังคมกับแม่แล้วก็มาเรียนรู้งานที่บริษัท มีห้องไว้สะดวกกว่า เกิดงานเลี้ยงเลิกดึกก็จะได้มานอนที่บ้านนี้เลย ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวแม่จะให้คนทำระบบล็อกไฟฟ้าแล้วก็ติดกลอนด้านในให้ รับรองไม่มีหมีที่ไหนพังประตูห้องหนูเข้าไปทำอะไรมิดีมิร้ายได้แน่นนอน” พวกผู้ใหญ่หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
เวคินระบายลมหายใจเก็บงำคำพูด เขาคิดว่า เพื่อความสบายใจวันไหนที่ฉันมาค้างเค้าจะออกไปนอนที่สำนักงานนักสืบของพ่อเขา
“หนูไว้ใจเวคินค่ะ”
คุณแม่เวคินยิ้มรับ
“ไว้ใจถูกคนแล้ว ถึงตัวโตเป็นหมีควาย แต่ไม่มีน้ำยาอะไรหรอก ขนาดแมลงสาปยังไม่กล้าตีเลย”
เวคินแย้งในใจว่าเพราะถ้าตีมันตายจะลำบากมากกว่าจึงใช้วิธีไล่มันไปไกล ๆ ตา
เวคินทำอย่างที่พูดไว้ เวลาที่ฉันมาค้างที่คฤหาสเขาจะออกไปอยู่สำนักงานนักสืบของพ่อที่ห่างออกไปคนละฝั่งเมือง ขนาดว่าช่วงปิดเทอมที่ฉันถูกจองตัวเป็นสัปดาห์ เพื่อให้มาเรียนรู้งานที่บริษัทและออกงานกับคุณแม่ของเวคิน ฉันก็ยังไม่เคยเห็นเขา แม้พรุ่งนี้จะเป็นวันประถมนิเทศของโรงเรียนใหม่เวคินก็ยังไม่กลับ เลขาคุณแม่รายงานว่าเขาจะโทรถามเสมอว่าฉันอยู่ที่บ้านหรือไม่
แม้ฉันจะสามารถอ่านใจคนได้ สัมผัสความคิดในช่วงเวลานั้น ๆ แต่กลับไม่มั่นใจเลยว่าอ่านใจเวคินได้ทะลุจริงหรือไม่
หากเขาไม่ได้ชอบฉันอย่างที่คิดแล้ว เขากำลังรำคาญฉันหรือไง ผู้ชายควรเอาอกเอาใจผู้หญิงที่ชอบไม่ใช่เหรออย่างน้อยก็ต้องอยากเห็นหน้าเห็นตากัน ฉันถอนหายใจยาว ลุกขึ้นถอดชุดราตรี อาบน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นชุดคลุมนอนเบาสบาย รอจนผมแห้งค่อยดับไฟล้มตัวลงนอน แสงจากฟ้าผ่าสว่างวาบฉาบสีขาวไปทั่วห้อง เสียงระเบิดดังลั่นไม่ห่างไปมากนัก
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เรียกข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศพบว่ามีพายุดีเปรสชันก่อนตัวขึ้น ฝนเม็ดใหญ่สาดกระทบหน้าต่าง เสียงของมันอย่างกับมีพายุเมล็ดถั่วโหมกระหน่ำอยู่ด้านนอก
ฉันหลับตา เหนื่อยเกินกว่าจะสนใจอะไรพรุ่งนี้ยังต้องขึ้นพูดในพิธีประถมนิเทศอีก แต่หลับไปได้ไม่นานก็สะดุ้งตื่น ฉันสัมผัสได้ถึงกระแสความคิดที่อยู่ใกล้ มีใครกำลังเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอก ระมัดระวังการก้าวเท้าข้ามระเบียง
เวคินกำลังข้ามมาจากห้องของเขา ไต่ขอบผนังที่มีจุดวางเท้าอยู่เพียงเล็กน้อย โดยมีเป้าหมายที่ระเบียงด้านนอกห้องฉัน ฝนยังคงตกหนัก ฟ้าคำรามสาดแสงกระพิบถี่
เงาของเด็กหนุ่มร่างยักษ์พาดยาวเข้ามาในห้อง เขาบังคับอุปกรณ์บางอย่างดันกลอนให้เปิดออก และค่อย ๆ ผลักประตูอย่างเบามือ
เขาก้าวเข้ามาใกล้เตียง มองฉันที่แกล้งหลับ ก่อนจะถอนหายใจและตัดสินใจก้าวกลับไปยังทางเดิม
“เวคิน” ฉันเรียก เจ้าตัวตกใจหยุดนิ่ง หันศีรษะมองฉันก่อนหมุนตัวกลับมาทีเตียงอีกรอบ
“ขอโทษ ผม...ทำให้พัดจีนกลัวหรือเปล่า” เขาถาม ทั้งที่คาดเดาได้ในคำตอบ ฉันลุกขึ้นนั่ง หย่อนเท้าลงจากเตียงเดินไปหยิบผ้าขนหนู สั่งให้เขาเลื่อนเก้าอี้มานั่ง และก็เริ่มเช็ดศีรษะให้ ภายในห้องมืดสนิท เขามองฉันอย่างงุนงง
ฉันจ้องลึกลงไปในดวงตาของเวคิน หวังจะได้พบอะไรบ้างจากคลื่นความคิดที่สับสน เวคินหลบสายตา คิดว่าควรรีบออกไปให้เร็ว ก่อนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เนื้อตัวของฉันหอมกรุ่น กลิ่นกายสาวและการอยู่กันสองต่อสองกระตุ้นเร้าความรู้สึก
พอสัมผัสได้แบบนั้นฉันกลับยิ่งรู้สึกอยากท้าทาย แกล้งซับหยดน้ำอย่างเบามือ เนินนานที่สุดเพื่อสร้างความว้าวุ้นให้กับเขา ในสถานการณ์แบบนี้คงมองได้ว่าฉันกำลังเชิญชวน ใครก็ต้องคิดว่าฉันทำเพื่อเงิน
ฉันยื่นนิ้วสัมผัสผิวหน้าเขา วางฝ่ามือเปลือยทาบลงบนแก้มเย็นเฉียบ ฉุกคิดว่ากำลังล้ำเส้นแต่ไกลเกินกว่าจะหยุด ฉันไม่เพียงวิ่งเข้าไปในผงหนามทั้งที่รู้ว่าอันตราย แต่ยังแหกปากร้องเรียกสัตว์ร้ายให้ออกมารับเครื่องสังเวย
“ปีนเข้ามาหาฉันทำไมเวคิน” ฉันจ้องลงในดวงตาเขา สำรวจหาคำตอบที่ปะปนอยู่ในช่วงความคิดที่ซับซ้อน ในคืนที่พายุโหมกระหน่ำ เสียงฟ้าร้องคงกลบทุกอย่าง ฉันไม่คิดว่าเวคินเลว เขาควบคุมตัวเองได้กระทั้งในความคิด มีพลังยับยั้งชั้งใจ เขากำลังถอยกลับไป แต่ฉันต่างหากที่หาเรื่อง ยกประตูลูกกรงขึ้นยื่นหน้าท้าทายหมาป่าหนุ่มที่หิวกระหาย
เวคินก้มหน้าลงเล็กน้อย หลูบตาลงครุ่นคิด เขาเชื่อว่าคำแก้ตัวไม่มีน้ำหนัก
“ตอนเด็ก...พัดจีนกลัวเสียงฟ้าร้องที่สุด บางครั้งพอเห็นฟ้าผ่าก็ร้องไห้ออกมา คิดว่ามาอยู่แบบนี้อาจจะต้องอยู่คนเดียว อาจะกลัวแล้วก็ไม่มีใครคอยปลอบ ผมก็เลยกลับมาดู”
ตอนเด็กฉันเป็นแบบนั้น กลัวไปหมดทั้งผี ฟ้าผ่า กลัวกระทั้งจิ้งจกตัวเล็กจิ๋ว
“พายุหนักขนาดนี้เวคินกลับมาได้ยังไงกัน”
“ก็มี...มอเตอร์ไซค์ของผม”
“เวคิเป็นห่วงฉันด้วยเหรอ” ฉันไม่กล้าพูดออกไป เพราะคำตอบที่ได้รับจะทำให้หัวใจที่พองโตอยู่นั้นระเบิดออก และคงกลายเป็นฉันเองที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
“แต่ดูเหมือนว่า...พัดจีนจะหายกลัวฟ้าผ่าแล้ว” เขายิ้มอย่างเบาใจ
“เปล่า ฉันยังกลัวอยู่” ฉันตอบเสียงเรียบ ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยเลือดลมที่พุ่งพล่าน
“แบบนั้น...” เขาคิดทันที พยายามหาวิธีช่วยเหลือ เวคินนึกถึงเลขาของแม่ที่อาศัยอยู่ด้วยกัน
“เวคินนั่งอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนฉันได้มั้ย”
เวคินไม่ตอบแต่ฉันทราบว่าเขาคิดอย่างไร ฉันก้าวกลับไปที่เตียง ล้มตัวนอน หัวใจของฉันเต้นระรัว กินเวลานานกว่าร่างกายที่ลุกโชนเป็นถ่านเผาไฟจะสงบลงจนเหลือเพียงขี้เถ้าขาว
เวคินนั่งอยู่บนเก้าอี้ ต่อสู้กับแรงขับของวัยหนุ่ม เป็นสุนัขป่าหิวกระหาย ที่ได้แต่จ้องสมันเนื้ออ่อนที่นอนไร้เดียงสาอยู่เบื้องหน้า แม้อยากจะฝังเขี้ยวฉีกกระชากเนื้อลิ้มรสเลือดอันโอชะ แต่ก็ยังยอมอดทนยืนจ้องโดยไม่แตะต้องทำอันตราย
เมื่อฉันตื่นขึ้นมาเขาก็หายไป ยามเช้าหลังพายุดูสดใส เป็นวันแรกที่ฉันรู้สึกได้หลับอย่างเป็นสุขในคฤหาสหลังใหญ่
จบ ๐๑ วิชนี รสายน (พัดจีน) :: หมาป่า เนื้อสมัน
ความคิดเห็น