ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกมนต์ตรา

    ลำดับตอนที่ #2 : ผู้บุกรุก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 114
      0
      25 มิ.ย. 46

       แสงแดดยามเช้าสดใส  ส่องกระทบทั่วพื้นฟ้า  เด็กชายสามคนประกอบด้วย  โรม  ดอล  โปวา  ต่างก็ฝึกฝนพลังเวทกันตั้งแต่ราตรี 4  วันนี้ทั้งสามเรียนการต่อสู้เฉพาะตน  โดยใช้เวทมนต์ที่ตัวเองถนัด  โรมนั้นถนัดพลังไฟที่มีอานุภาพร้ายแรง  มีท่าไม้ตายคือ ไฟตอมนิก  เป็นการปล่อยลูกไฟใส่ศัตรูตั้งแต่ดวงเล็กเท่าก้อนหิน จนใหญ่เท่าดวงอาทิตย์  ดอล นั้นเก่งการใช้อาวุธและมีดาบคู่ใจคือ  ดาบเปลวไฟ  เป็นอาวุธที่สามารถตัดยานรบได้ทั้งลำ  มีเปลวไฟติดอยู่กับดาบ  ส่วนโปวามีอาวุธคือการสร้างพลังงานรอบข้างเอามาใช้  เช่น  นํ้า  สามารถทำเป็นอาวุธจู่โจมศัตรูได้  ทั้งสามฝึกฝนท่าของตนเองแบบไม่หยุดพัก

         \"เอาละ  หยุดได้แล้ว !\"

       คำสั่งที่ออกมาจากปากของพ่อมดเวทไกวานั้นสร้างความแปลกใจให้เด็กชายทั้งสามเป็นอย่างมาก เพราะพึ่งฝึกกันแค่ครึ่งวันเท่านั้น  ทั้งสามรีบมายืนต่อหน้าอาจารย์ของตนทันที  พ่อมดเวทมองแต่ละคนอย่างพิจารณา  ก่อนจะสั่งว่า

         \"นั่งลง \"

       เมื่อทุกคนนั่งลงหมดแล้ว  พ่อมดเวทไกวาก็นั่งลที่โขลดหิน  ก่อนจะกล่าวว่า \"มีสิ่งหนึ่งที่อาจารย์ต้องบอกพวกเธอ  มันเป็นสิ่งที่อาจารย์เคยบอกอยู่หลายครั้ง  พวกเธอจะเป็นกำลังสำคัญในการปกป้องเปโลในปลอดภัย  ช่วงบ่ายอาจารย์จะเล่าเรื่องราวครั้งอดีตอันยาวนานให้พวกเจ้าฟัง  มันเป็นอดีตที่นานมาแล้วหลายเวลากาล  เมื่อก่อนนี้ก่อนที่จะมีการจัดตั้งนครเปโล  นครโอมเมอร์  นครพันธสัญญา  พวกเราในยุคนั้นต่างเป็นผู้เดินทางผ่านห้วงเวลาแห่งจักรวาลที่ไม่ตั้งถิ่นฐานที่ใด  พร้อมกันนั้นเราเองก็ต้องทำสงครามกับกลุ่มกองมากมาย  สูญเสียคนและกำลังคนไปไม่น้อย  ตอนนนั้นเรามีราชามาสตอล  เป็นผู้นำ  ท่านเป็นผู้นำที่เก่งกล้าใจการศึก  มีเวทมนต์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในจักรวาล  ยกเว้นท่านผู้สร้าง  เราพเนจรด้วยยานลำใหญ่ที่จุคนได้จำนวนไม่ตํ่ากว่าหนึ่งแสนคน  จนมาพบที่นี่ซึ่งมีความสวยงามและเป็นดินแดนที่ยังไม่มีผู้มาเยือนคนใดมาพบ  เราจึงตั้งเมืองขึ้นที่นี่  ตอนนั้นพวกของโอมเมอร์ยังอยู่ฝ่ายเรา  ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เมื่อ  โซดาร์  ผู้ที่ตั้งตนเองเป็นผู้นำชนเผ่าโอมเมอร์  ได้ขอแยกตัว  ทั้งสองฝ่ายต่างทำสัญญากันว่าจะไม่รุกรานกัน  มีอะไรจะช่วยกัน  เผ่าโอมเมอร์จึงเลือกบริเวณรุกร้างใกล้กับดินแดนเรา  โอมเมอร์เริ่มศึกษาเกี่ยวกับมนต์ดำจึงมีเวทมนต์ที่น่ากลัว  แต่ก็ไม่เคยที่จะรุกรานใคร พวกเขาฝึกไว้ป้องกันอาณาจักรของตนเอง  ผู้สร้างซึ่งยิ่งใหญ่ในจักรวาลได้มาปรากฎตัวเองเป็นแสงสว่างจ้าพ่อราชาแต่ละฝ่าย  มอบหมายหน้าที่สำคัญให้คือ เผ่าโอมเมอร์จะควบคุมนรกทั้งหมด  ส่วนพวกเราชาวเปโลก็ดูแลมนุษย์ให้มีชีวิตตามวันเวลาของแต่ละคน  เราจึงไม่อาจทำสงครามกันเองได้อย่างถาวร เพราะจะกระทบกับมิติของมนุษย์  สิ่งนี้คือประวัติศาสตร์อันยาวนานของทั้งสองอาณาจักร\"

         \"แล้วผู้ที่จะทำลายเปโลจะเป็นใครกัน\" โรมยกมือถามขึ้น

        \"อาจารย์เองก็ตอบเจ้าไม่ได้  เราคงต้องรอเวลานั้นมาถึง\"

        \"อาจารย์ครับ  นอกจากพวกเราในมิตินี้แล้ว  ยังมีกลุ่มอื่นอีกไหมในจักรวาล\"  โปวาถามขึ้น

        \"มีแน่นอน  เช่น  เผ่าอารายา  ที่หายสาบสูญไปหลายเวลากาล  เผ่าธารนอส  เผ่ามิสมันส์  ชนเผ่าเหล่านี้ไม่มีใครพบอีกเลยหลังจากสงครามจักรวาล\"  

        \"ผมเคยอ่านเจอว่า เผ่าอารยานั้นชำนาญเวทในด้านมืด  มีกองทัพที่ยิ่งใหญ่  แต่ทำไมถึงหายไป\"ดอลถามขึ้นบ้าง

        \"เผ่าอารยานั้นโหดร้าย  พวกนั้นยึดครองที่ใดจะไม่ปล่อยไว้แม้แต่คนเดียว  ฝ่ายที่โดนทำร้ายต่างจับมือกัน โดยมีเปโลเป็นแกนนำ  เป็นการสู้รบที่ยาวนานถึง  12 เวลากาล(12 ปีแสง)  จนฝ่ายอารายาหายไปจากความทรงจำของผู้คนในจักรวาล\"

        ไม่มีใครที่จะถามสิ่งใดต่อ  พ่อมดเวทไกวาจึงให้เด็ก ๆ ไปพักผ่อนตามสบาย  



        ณ ดินแดนที่ถูกเรียกขานว่า ดินแดนมรณะ  อาณาจักรโอเมอร์  ที่ปกคลุมไปด้วยความมืดไร้แสงสว่าง  ผู้คนที่เป็นประชากรของที่นี่มีลักษณะผสมผสานระหว่างปีศาจกับมนุษย์  บางคนมีรูปร่างเป็นปีศาจมากกว่าคน  ถ้าดูภายนอกจะน่ากลัวสำหรับผู้พบเห็น  แต่เมื่อสนิทกันจะพบว่า คนกลุ่มนี้เป็นคนที่มีไมตรีจิตดีที่เดียว  ราชาคนปัจจุบันที่ปกครองโอเมอร์ คือ ราชาโกมาร์  ที่อายุปาเข้าไปร้อยกว่าเวลากาล

    โดยราชาโกมาร์มีบุตรชายและบุตรสาวอย่างละคน  คนแรก เป็นจอมทัพที่มีฝีมือ  คือ โคอาร์  ส่วนฝ่ายหญิงเป็นเด็กสาววัยสิบเอ็ดที่ซนเอาเรื่องแถมด้วยความคลั่งไคล้ในพลังเวท   กองทัพของโอเมอร์มี  3 กอง คือ  กองทัพวิญญาณ  กองทัพอสูรกาย  กองทัพพิทักษ์ราชา  ทั้งสามกองทัพขึ้นตรงกับโคอาร์เพียงผู้เดียว  

       ระบบการรักษาความปลอดภัยถูกป้องกันเอาไว้อย่างดี  มียามรักษาการอย่างเข้มงวด  ในยามกลางคืนจะเพิ่มยามรักษาความปลอดภัยในบริเวณรอบปราสาท  และบริเวณเมืองโดยรอบ  น่านฟ้ามียานตรวจการที่มีรูปร่างเหมือนมวนบุหรี่ลอยลำอยู่  บนยอดเขาที่ห่างจาก

    โอเมอร์ไปทางใต้ กำลังโดนบุกรุก จาก ยานลำหนึ่งที่กำลังลงจอดด้วยความเงียบเชียบ  คนสวมผ้าคลุมหน้าสีดำสิบคนเดินลงจากยาน  ผู้เป็นหัวหน้าทีมจะสวมสีเขียว  ทั้งสิบมองหน้ากันก่อนจะเดินตามทางที่จะไปสู่เมืองโอเมอร์

       ราชาโอเมอร์ยังไม่นอน  จึงตรวจดูด้วยวิชาทำนายหมู่ดวงดางบนท้องฟ้า  เมื่อทราบผลก็รู้สึกตกใจ  เพราะมันเป็นสิ่งร้าย ราชา

    โกมาร์รีบคำนวนซํ้า  แต่ผลก็ออกมาเหมือนเดิม  นี่มันอะไรกัน !  จะเกิดอะไรขึ้นกับอาณาจักรนี้  ระหว่างที่คิดอยู่นั้น โคอาร์เดินเข้ามาในชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศ  ราชาโกมาร์มองบุตรชายด้วยความแปลกใจ  และถามว่า

         \"มีเหตุอันใดท่านแม่ทัพ ถึงมาพบเวลาเช่นนี้\"

         \" เรียนองค์ราชา  มีทูตจากจักรวรรดิ์อารายามาพบ\"

       ราชาโกมาร์ได้ยินถึงกับหน้าซีด  พวกอารายาหายสาบสูญไปแล้วไม่ใช่หรือ  แต่ทำไม..

        \"องค์ราชาจะทรงให้พบหรือไม่\"

        \"เชิญเขาไปยังห้องว่าการ อีกสักพักจะตามไป\"

       โคอาร์ทำความเคารพก่อนจะเดินออกไป  ราชาโกมาร์แทบจะเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นในทันที  ไม่ได้การต้องรีบบอก โอโปโล  คิดได้ดังนั้นเตรียมจะส่งข้อความเตือนทางเปโล  แต่ทว่า...

       ตูมมมม!

       เสียงระเบิดด้วยพลังของทูตทั้งสิบคนของเผ่าอารยาดังขึ้น  ไฟดวงใหญ่ที่นำความพินาศส่องสว่างใจกลางนคร   -- แผ่นดินไหวทั่วทุกที่  เพลิงไฟเผาทำลายทุกอย่างรวดเร็วจนบางคนต้องโดนไฟเผาทั้งเป็น  ราชาโกมาร์มองสิ่งที่เกิดภายในเมืองด้วยความตระหนก  พอหันจะเดินออกจากประตู หัวหน้ากลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าทูต เดินเข้ามาเพียงคนเดียว  ราชาโกมาร์ถามว่า

        \"พวกแกต้องการอะไร\"

        \"ยึดครองที่นี่\"

        \"ไม่มีวัน...โอปาเซ่\"ราชาโกมาร์ปล่อยลูกไฟสีดำเข้าใส่บุรุษในชุดสีเขียว  แต่ผู้เป็นหัวหน้าทีมปัดออกไปได้อย่างง่ายดาย  ก่อนจะเยาะเย้ยว่า \"ท่านไร้นํ้ายาแล้ว  องค์ราชา\"

        มิเตอร์นอส !

         บึม !!

        พลังที่ปล่อยอย่างรวดเร็วพุ่งออกจากฝามือของบุรุษชุดเขียว  มันพุ่งโดนราชาโกมาร์กระเด็นไปตามแรงระเบิด  ราชาโกมาร์ล้มกองไปกับพื้นเจ็บแทบกระอัก  ชายผู้เป็นหัวหน้าทีมทูตกล่าวว่า

        \"เราได้รับคำสั่งให้ไว้ชีวิตท่าน  จะยอมอยู่ใต้การปกครองของเรา  หรือจะตาย\"

      โกมาร์ที่ตอนนี้ไม่สามารถต่อกรกับผู้บุรุกได้อีกแล้ว  พยักหน้าช้า ๆ แล้วก็ไอออกมาเป็นเลือด  ชายผู้เป็นหัวหน้าทีมยิ้มอย่างเยือกเย็น  เขาเดินจากไปโดยไม่หันกลับมา คืนนั้นนครโอเมอร์โดนถล่มจนไม่เหลือสภาพเดิม  ด้วยฝีมือบุรุษลึกลับสิบคน                











            
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×