บ่วงล้อมใจ
คำสั่งเสียในพินัยกรรมของท่านเตชธร ทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องถูกคล้องด้วยบ่วงกิเลศ โยงใยและเกี่ยวพันเข้าด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้นจะคิดหนีไปแสนไกลแต่บ่วงที่คล้องหัวใจนั้นก็ยังคงอยู่
ผู้เข้าชมรวม
1,881
ผู้เข้าชมเดือนนี้
27
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
พิมพ์ลดาจำไม่ได้แล้วว่าวันที่เธอพบกับชยุตร์ครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินทางไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกานั้นเป็นวันที่เท่าไหร่ หากแต่ว่าหญิงสาวยังคงจำภาพเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี ต้นพะยอมที่ขึ้นรอบๆ ศาลาริมน้ำกำลังออกดอกขาวสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ ห่างจากศาลาริมน้ำอันสร้างจากเรือนไม้หลังนั้นคือตัวบ้านรูปทรงสไตล์วิกตอเรี่ยนอันงดงาม ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลัง ที่นี่คือบ้านของเธอ...บ้านใหม่ที่เธอมีชีวิตอย่างมีความสุข แต่ถึงกระนั้นนางดาราผู้เป็นมารดายังคอยกำชับเธอเสมอว่า บ้านหลังนี้มิใช่สมบัติของตน หากแต่ตนมีหน้าที่ต้องรับใช้และกตัญญูกับนายท่านเตชทัชและบุตรของท่านเท่าที่จะสามารถทำได้ พิมพ์ลดาได้ล่วงรู้ถึงความหมายของการสำนึกบุญคุณเหนือสิ่งอื่นใดของผู้เป็นมารดาเมื่อเธออายุย่างสิบห้าปี ในวันที่นายท่านเตชธรจะปลูกเรือนอีกหลังให้มารดาเธอแยกออกมาอยู่ต่างหาก
ดารา เป็นเพียงบุตรบุญธรรมที่นายท่านเตชธรที่นำมาชุบเลี้ยง เมื่อครั้งที่พ่อและแม่ของเธอซึ่งเป็นเพื่อนรักของนายท่านเตชธรประสบอุบติเหตุเสียชีวิตด้วยกันทั้งสอง ดาราในสิบขวบที่ไร้ญาติขาดมิตรอื่นใดจึงกลายเป็นเด็กกำพร้า ด้วยความรักและสงสาร นายท่านเตชธรจึงรับเด็กหญิงเข้ามาเป็นบุตรบุญธรรม ส่งเสียเลี้ยงดูจนเธอเติบโตและได้ทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ เมื่ออายุยี่สิบห้าปีดาราจึงสมรสกับทนายความคนหนึ่ง มีบุตรด้วยกันสองคนคือ พิมพ์ลดา และพักตร์พิไลย แต่อยู่กินกันเพียงได้เพียงสามปี สามีของเธอก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ดาราจึงกลายเป็นหม้ายสาวที่มีหนุ่มใหญ่หลายคนหมายปอง เธอตัดสินใจแต่งงานใหม่อีกครั้งในวัยยี่สิบเก้าปี หลังแต่งงานใหม่ดาราย้ายออกไปอยู่กับทรงศักดิ์ผู้เป็นสามีที่บ้านของเขา หากแต่ผ่านไปได้ไม่กี่ปี ทรงศักดิ์ก็ประกอบธุรกิจขาดทุนจนต้องปิดบริษัทและถูกยึดทรัพย์สินไปหลายรายการ หนึ่งในนั้นก็คือบ้านของตนด้วยเช่นกัน ด้วยความเมตตาสงสารนายท่านเตชธรจึงให้ดารากลับมาอาศัยในบ้านเตชธรพร้อมกับสามีใหม่และลูกสาวทั้งสองคนของเธอ
ชายวัยเจ็ดสิบปีอย่างเช่นนายท่านเตชธร ผู้ผ่านร้อนผ่าวหนาวมานานให้การเอ็นดูหลานสาวทั้งสองคนเป็นอย่างมาก มอบความรักและใส่ใจให้ไม่ต่างกับหลานชายอีกสองคนของตนที่เกิดจากบุตรชายเพียงคนเดียวคือชัชชัย ซึ่งถึงแก่กรรมก่อนวัยอันควรด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์กับภรรยาเขา ทิ้งหลานชายทั้งสองคนซึ่งได้แก่ เชษฐาและชยุตร์ ให้เขาดูแล ทั้งเชษฐาและชยุตร์ที่ขาดพ่อและแม่ไป จึงเข้ามาใกล้ชิดนางดารามากยิ่งขึ้นตามประสาเด็ก และกลายเป็นเพื่อนเล่นของสองเด็กหญิงไปโดยปริยาย
เมื่อเจริญถึงวัยที่หัวใจเริ่มรู้สึกถึงความรักที่ก่อเกิดขึ้นในหัวใจ พิมพ์ลดาก็เริ่มมองพี่ชายของเธอเปลี่ยนไป มิตรภาพที่เขามอบให้แปรเปลี่ยนเป็นความสัมพันธ์อันละเอียดอ่อน ถักทอเกิดเป็นความรักอย่างที่เธอมิอาจรู้ตัวได้เลย ในวัยสิบห้าปีที่นายท่านเตชธรปลูกบ้านหลังใหม่ให้เธอกับแม่ย้ายไปอยู่อาศัยเพื่อความสะดวกสบาย เป็นวันเดียวกับที่ชยุตร์ต้องเดินทางไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ เขาและเธอต้องพรากจากกันไป และอีกนานหลายปีกว่าจะได้พบกันอีก การจากกันครานี้ ไม่รู้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปเขาจะยังคงคิดกับเธอเหมือนเช่นที่รู้สึกอยู่หรือเปล่า ความรักอันบริสุทธิ์ในวันนี้จะแปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นหรือไม่หนอ ?
“พิมพ์...” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นเบาๆ ที่ด้านหลัง คนที่นั่งเอาเท้าแช่น้ำอยู่บนบันไดศาลาริมน้ำรีบหันไปมอง ก่อนจะได้พบกับร่างสูงสมส่วนในวัยสิบเจ็ดปี แต่งตัวอย่างเรียบร้อยพร้อมออกเดินทาง
พิมพ์ลดารีบหยัดกายยืนขึ้น ก้าวขาขึ้นจากบันไดไปบนพื้นศาลา ในดวงตากลมใสวาววับนั้นคลอด้วยม่านน้ำใส ประสานกับสองตาคมของชายที่อยู่เบื้องหน้า
ชยุตร์เม้มริมฝีปากน้อยๆ พยายามฝืนยิ้มข่มความรู้สึกอันอาดูรที่จะต้องพลัดพรากจากพิมพ์ลดาไป เขาค่อยๆ เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนหยิบเอาของแทนหัวใจรักของเขาออกมา
พิมพ์ลดาใจเต้นแรง รู้สึกหนักหน่วงหัวใจเมื่อชยุตร์เอื้อมมือมาดึงมือเธอขึ้นมาและบรรจงสวมแหวนเงินเกลี้ยงลงยังนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
มืออุ่นๆ ของเขายังคงจับมืออ่อนนุ่มของเธอไว้แน่น สองตาสบประสานกัน
“พิมพ์อย่าลืมพี่นะ...พี่ฝากแหวนนี้ไว้แทนตัวพี่ เวลาพิมพ์ก้มลงมองมัน พิมพ์จะได้รู้ว่าพิมพ์มีเจ้าของแล้ว”
“พี่ยุตร์” พิมพ์ลดาเม้มปาก แม้นจะส่งแววตาเง้างอดหากแต่น้ำตากลับปริ่มอยู่ขอบตา
ชยุตร์ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ค่อยๆ รินไหลลงมาจากสองตาของพิมพ์ลดาเบาๆ ก่อนที่เธอจะหันไปยังถุงกระดาษใบหนึ่งที่วางอยู่บนที่นั่งของศาลา ตรงไปหยิบเอาของจากในถุงออกมาและส่งให้กับชยุตร์
“ผ้าพันคอค่ะ พิมพ์เริ่มถักตั้งแต่รู้ว่าพี่ยุตร์จะต้องไปเรียนต่อที่อเมริกา” เธอส่งผ้าพันคอซึ่งพับอย่างเรียบร้อยที่ถักจากไหมพรมสีครีมส่งให้เขา ในส่วนปลายของผืนผ้านั้นปักชื่อของเธอและเขา โดยมีรูปหัวใจกั้นกลาง
ชยุตร์ก้มมองสิ่งของที่ได้รับพร้อมรอยยิ้มกว้างสดใส พิมพ์ลดาพลอยได้คลายยิ้มทั้งน้ำตาตามไปด้วย ชยุตร์ยกผ้าพันคอผืนนั้นขึ้นมาหอมเบาๆ ก่อนจะดึงร่างแบบบางตรงหน้าเข้ามากอดไว้สุดแรง
“พี่จะคิดถึงพิมพ์ทุกวัน...” เสียงนุ่มนั้นกระซิบที่ข้างหูของพิมพ์ลดาแผ่วเบา และเป็นเสียงที่เธอจะนึกถึงก่อนหลับตานอนทุกวันเสมอ
ผลงานอื่นๆ ของ Paramloja ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Paramloja
ความคิดเห็น