คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : หนึ่งแสงหลังเเดนอสูรย์ After the light โดย Hayashi Kisara
หนึ่งแสงหลังเเดนอสูรย์ After the light โดย Hayashi Kisara
เรื่องย่อ
การเดินทางที่ยาวนานของชิเอะ เด็กสาวที่ดูเหมือนจะเเตกต่างจากสมาชิกตนอื่น ๆ ในดินเเดนโยมิ เริ่มขึ้นเมื่อหญิงสาวได้พบวิญญาณของชายวัยกลางคนผู้จบชีวิตตนเองเพื่อตามหาบุตรีที่หายไปเมื่อยี่สิบปีก่อน จากเด็กผู้ช่วยในเรือส่งวิญญาณข้ามเเม่น้ำซันสุ ชิเอะต้องใช้เส้นทางเดียวกับวิญญาณบาปทั้งหลาย ผ่านปราสาทพิพากษา ฝ่าภัยอันตรายมากมายจนถึงปราสาทหลังที่5ของเจ้าโลกันต์ ท่านเอ็นมะ ด้วยการต่อลองด้วยหินที่ท่านเชงโคแห่งปราสาทหลังที่หนึ่งมอบให้ติดตัวมา ชิเอะสามารถทำให้เอ็นมะต้องยอมรับเธอเข้าทำงานร่วมกับพวกยมทูตทั้งหลายในดินเเดนโลกันต์ได้
การที่มีเด็กมนุษย์มีชีวิตวนเวียนอยู่ในดินแดนโยมิแล้วดูเหมือนจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากผู้เป็นใหญ่ในดินเเดนแห่งนั้น สร้างความกังขาให้กับสมาชิกของดินแดน แม้กระทั่งท่านเอ็นมะเองก็อดสงสัยความรู้สึกประหลาดที่ผุดขึ้นทุกครั้งยามได้เจอกับเด็กมนุษย์ ชิเอะ กระนั้นเด็กสาวผู้มุ่งมั่นตามล้างบาปให้บิดาที่ตนไม่รู้จักนั้นก็ไม่ได้ดึงดูดเเต่ความสนใจใคร่รู้ของยมทูตทั้งหลายเเต่เพียงอย่างเดียว ที่ใดมีลาภยศที่นั่นย่อมมีริษยา ยมทูตสาวฝาแฝดผู้ไม่ยอมให้เอ็นมะไดโมต้องตกใต้คำครหาจึงต้องหาทางที่จะทำให้ชิเอะนั้นหายไปจากดินแดนโยมิ ทางออกจากนรกมีอยู่ทางเดียวเท่านั้น...
ในที่สุดทางเดินของชิเอะในดินแดนอสูรย์นั้นก็สิ้นสุดลงที่หนึ่งลำเเสงพวยพุ่งวาบขึ้นจากโลกันต์ และดำเนินไปตามครรลองของกรรมตามคำขององค์เมียวจิ
...พระอาทิตย์ขึ้นนั้นคือสัญญาณของการเริ่มต้น วัฏจักรใหม่กำลังจะดำเนินไป ดวงชะตาที่ยิ่งใหญ่นั้นจะเปิดออกไม่ได้หากไม่ผ่านเคราะห์กรรม...
เเล้วคงต้องถึงเวลาที่แสงสว่างจะหันเข้าหาดินแดนที่อยู่เบื้องหลัง หนึ่งเเสงหลังเเดนอสูรย์
.............................................................................................................................
...หนึ่งเเสงหลังเเดนอสูรย์ นี่มันนิยายรักนรกๆชัดๆ...
ใครก็ตามที่เปิดหน้าเเรกแล้วกวาดสายตาตามนิ้วกรีดไปจนถึงหน้าสุดท้าย เมื่อเเสงนั้นวาบแลดับลงแล้วคงหนีไม่พ้นที่จะออกอุทานเช่นนั้น
ถ้าหยิบหนังสือเล่มนี้มาจากหิ้งโดยเลือกตามชื่อแล้วท่านอาจจะประหลาดใจที่ทั้งชื่อไทยและภาษาต่างด้าวนั้นโน้มน้าวให้นึกถึงกลิ่นอายของความลึกลับชวนขนหัวลุกนิดๆของดินแดนที่อยู่หลังเเสงสว่าง ที่เราท่านต่างรู้กันดีว่าคือโลกแห่งวิญญาณ หรือชีวิตหลังความตายนั่นเอง แต่เมื่ออ่านจนจบแล้วต้องขอยืนยันตามHayashi Kisara ผู้เขียน ว่านี่คือนิยายรัก
ผู้เขียนใช้ฉากที่น้อยคนนักคิดจะหยิบมาใช้ในนิยายรักโรเเมนติกนั่นคือนรก ตามคติความเชื่อของชาวอาทิตย์อุทัย ชีวิตที่ต้องดำเนินไปตามครรลองของการพิพากษากรรมเวรที่แต่ละวิญญาณได้กระทำมาบนโลกมนุษย์เมื่อครั้งยังมีลมหายใจ ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคืออ่านไปเรื่อยแล้วเผลอนึกถึงละครทีวีสมัยโน้น พิภพมัจจุราชใครถึงฆาตดับชีวี ในเเง่ของความเชื่อหลังความตายที่มีความคล้ายคลึงกันพอสมควรสำหรับคติแบบไทย ๆ ผู้เขียนผูกเรื่องได้น่าติดตาม วางหมากกลเอาไว้พอสมควรตั้งเเต่ผีลักซ่อน การเกิดใหม่ ในช่วงเริ่มแรกให้ความรู้สึกตื่นเต้นคล้ายคลึงกับเกมส์ออนไลน์ ที่นางเอกต้องผจญอันตรายระหว่างที่เดินทางตาหาวิญญาณในภพใต้ดิน แต่เเล้วมาช่วงกลางจนถึงท้ายสุด เกือบจะเคืองๆ Hayashi Kisara อยู่นิดนึงตรงที่เหมือนจะยุยงกลาย ๆ ให้คนทำบาป ...มีอย่างที่ไหน นรกอะไรจะน่าอยู่เสียขนาดนั้น ดูแค่การลงโทษบทหนึ่ง ก็พอจะเข้าใจว่านรกของท่านเอ็นมะไดโอผมแดงท่าทางเท่ ท่านนี้ไม่ธรรมดา
“ความคิดถึงนั้นเป็นส่วนสำคัญในการลงโทษ หากผู้กระทำผิดเห็นคนที่เรารัก ยังรักและนึกถึงเรา ย่อมจะสำนึกผิดที่ทำชั่ว แต่ถ้าเห็นว่าไม่มีใครคิดถึง ใยดีตนแล้ว ก็จะสำนึกได้เช่นกันว่าเคยทำสิ่งใดเลวร้ายไว้บ้างจนไม่มีใครอยากนึกถึง”
นี่เป็นสิ่งที่น่าสนใจและนึกสงสัยต่อไปด้วยว่าหรือวันพบญาติในเรือนจำต่างๆนั้นจะได้รับอิทธิพลมาจากดินเเดนโยมิเช่นกัน
แก่นที่เป็นรูปธรรมของหนึ่งเเสงหลังเเดนอสูรย์นั้นน่าจะเป็นเเสงสว่างวูบหนึ่งของทุกๆวิญญาณที่ชดใช้กรรมหมดสิ้นเเละได้ถือกำเนิดในวัฏจักรอีกครั้ง ส่วนที่ลึกไปกว่านั้นและน่าค้นหาเป็นอย่างยิ่งคือวังวนของทั้งสามโลก การเวียนว่ายตายเกิด และเมื่อวิเคราะห์ลึกลงไปอีกนิดมากกว่าจะตีความว่านรกน่าอยู่ดูขบขันนั้นคือเมตตาธรรมที่มีอยู่ในทุกๆ ที่แม้กระทั่งในนรกดังว่าในที่มืดมิดที่สุดนั้นยังมีเเสงสว่างอยู่อีกหนึ่ง
“คำว่าเมตตา...บางครั้งอาจสำคัญกว่าปล่อยให้เป็นไปตามกรรม...” ประโยคนี้ในเนื้อเรื่องตอนหนึ่ง ย่อมเป็นพยานได้เป็นอย่างดี
ในงานเขียนที่มีฉากและพื้นคติจากต่างแดนนั้นอย่างที่ควรพูดถึงไว้ข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับฉากและคติไทย ๆ คือความรู้ที่กว้างออกไปจากสิ่งที่คุ้นเคย นอกจากจะได้ความสนุกสนานในเรื่องราวและประทับใจกับความรักของเอ็นมะแล้ว ยังได้รับรู้คติของชาวญี่ปุ่นควบคู่ไปด้วย จะเสียดายนิดหนึ่งที่หลายๆ คำที่ผู้เขียนใช้นั้นเป็นคำเฉพาะที่น่าจะมีการอธิบายให้เห็นภาพชัดกว่านี้อีกนิด เช่นชุดประจำชาติเเบบต่าง ๆ หรือลักษณะของดอกไม้ ผู้อ่านที่ไม่มีพื้นวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาก่อนก็จะพลอยได้รับความรู้ไปด้วย ทั้งยังเพิ่มความสนุกสนานในการอ่านเมื่อสามารถจินตนาการภาพตามไปด้วย
อีกจุดที่คงจะต้องกล่าวถึงในเรื่องหนึ่งเเสงหลังเเดนอสูรย์เห็นจะเป็น เรื่องชื่อของตัวละครที่ยากแก่การจดจำ แต่ทั้งนี้เนื่องจากเป็นตัวละครต่างชาติที่ชื่อเสียงเรียงนามมิค่อยคุ้นลิ้นนักอ่านคนไทยนัก แต่ยิ่งกว่านั้นท่านผู้เขียนยังใช้เทคนิคการเขียนแบบชาวอาทิตย์อุทัยในการใช้วลีที่บอกลักษณะ เช่นสี ขนาด อายุ แทนชื่อหรือสรรพนาม ซึ่งหากว่าผู้อ่านจำได้ไม่เเม่นว่า ท่านนี้ผมสีอะไร ตาสีอะไรคางมนหรือคางเหลี่ยม อาจจะงงเอาง่ายๆ ว่าใครเป็นใคร แต่บุหลันโดนเข้า ต้องพลิกกลับไปกลับมาตลอดหลายรอบถึงรู้ว่าถูกหลอกให้อ่านซ้ำ ...เป็นงั้นไป ...
ขอนอกเรื่องสักนิดนึง เมื่ออ่านถึงส่วนที่เกี่ยวข้องกับเด็กๆที่ไซโนะฮาวาระแล้วโดยส่วนตัวรู้สึกไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่เด็กที่ตายก่อนบุพการีจะต้องมาชดใช้ความผิดที่ไม่ได้เลี้ยงดูพ่อแม่ ...แต่กลับเป็นจุดที่ส่งให้เข้าใจความหมายของคำว่ากตัญญูของชาวญี่ปุ่นได้อย่างลึกซึ้ง
เสียดายอีกนิดที่นิยายรักนรก ๆ เรื่องนี้ ให้กลิ่นอายของนรกน้อยไปหน่อยตั้งเเต่กลางเรื่อง หรืออาจจะเป็นไปได้ที่นรกญี่ปุ่นนั้นเป็นอเวจีสีชมพูดังประโยคสุดท้ายของผีเสื้อโคคิ ...ผีเสื้อเสกช่างเจรจา ... นั่งตีลังกาคิดว่า เมื่อมังกรกลับตัวเอาหางพาดเเม่น้ำซันสุที่วิญญาณทั้งหลายจะต้องข้ามฝั่ง หนึ่งแสงหลังเดนอสูรย์คงจะมีกลิ่นอายลี้ลับมากขึ้นอีกนิด อันนี้ไม่ขอขยายความ ณ ที่นี้ คิดว่าท่านใดได้อ่านน่าจะเข้าใจความหมาย
ความคิดเห็น