คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 อบกลิ่นร่ำ ย่ำเมืองน้ำหอม
บทที่ 2 อบกลิ่นร่ำ ย่ำเมืองน้ำหอม
เสียงกัปตันกล่าวอรุณสวัสดิ์ผ่านเครื่องขยายเสียงดังกังวานไปทั่วทั้งลำนเหล็กไทยเที่ยวบินที่ 931 เส้นทางบางกอก-ปารีส ผู้โดยสารซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทย มีชาวต่างชาติเพียงประปรายเริ่มขยับตัวเพื่อขับไล่ความเมื่อยขบจากการเดินทางอันยาวนานถึง12ชั่วโมง บ้างก็เริ่มลุกจากที่นั่งเพื่อไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันก่อนลงจากเครื่องบิน
โรสเหลียวมองฝาแฝดสาว เห็นยังหลับสบายอยู่เลยปล่อยให้นอนต่อไป ส่วนตัวเองนั้นนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยรอเวลาที่คิวห้องน้ำว่างลง หญิงสาวแย้มมุมปากยิ้มทั้งน้ำตาคลอเบ้า เป็นครั้งแรกที่เธอต้องจากคนสองคนที่เธอรักมากคือพ่อกับแม่ ที่สนามบินเมื่อคืนนี้ พ่อแอบกรีดน้ำตาหลายครั้ง ทำไมเธอจะไม่เห็น ส่วนตัวเธอเองก็แทบแย่ ทำนบน้ำตาจวนเจียนจะแตกพ่ายเสียก็หลายที ความที่เกรงว่าจะเพิ่มความกังวลให้บุพการีทั้งสอง โรสจึงต้องเข้มแข็งควบคุมตัวเองจนได้ คนที่ดูจะเกร่งกว่าใครทั้งหมดในตระกูลนี้คงจะเป็น หอมจันทน์ที่ไม่มีแม้แต่ริ้วรอยเศร้าหมองบนใบหน้า แต่โรสรู้จักแม่ดีกว่าใคร ดูเหมือนจะดีว่าฌองเสียอีก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม่ไม่มีทางร้องไห้หรือเจ็บช้ำเพราะลูก ...แม่บอกว่า
*หากแม่ทุกข์หรือน้ำตาตก บาปจะตกถึงลูกเพราะฉะนั้นโรสทำให้แม่มีความสุเสมอ ทำให้แม่ยิ้มได้อยู่เสม
โรสเคยสัญญาไว้ในใจ ขอเป็นแบบแม่ ที่มีรักสีขาว มีหัวใจสีสวยอย่างแม่
“ถึงชาร์ลเดอโกลล์แล้ว โรสโทรกลับบ้านทันทีเลยนะลูกนะ แม่เค้าเป็นห่วง” ฌองสั่งลูกสาว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนคนที่ฌองอ้างว่าเป็นห่วงลูกมากต้องสะกิดเตือน
“สั่งลูกสามครั้งแล้วนะพ่อ” หอมจันทน์หัวเราะสามี จะบอกลูกไปตรง ๆ ว่าตัวพ่อนั่นแหละที่ห่วงหวงเจ้า ก็กลัวจะเสียเชิงพ่อ จึงต้องเอาชื่อแม่มาอ้างทุกทีไป คิดถึงหน้าพ่อตอนโดนแม่ท้วงโรสไม่อาจกลั้นความขำที่แล่นริ้วขึ้นในความคิด หญิงสาวหัวเราะขลุก ๆ ในลำคอจนหัวใหล่สั่นกระคลอน เพื่อนพี่ลืมตาขึ้นช้า ๆ เห็นอาการของสาวลูกครึ่งแล้วต้องยกมือขยี้ตางัวเงีย สงสัยว่าเพื่อนเป็นอะไรไป พอเหลียวมองความวุ่นวายของผู้โดนสารรอบๆที่เริ่มตื่นนอนบ้างก็ออกมายืนรอเข้าห้องน้ำตรงทางเดินระหว่างที่นั่ง
“ใกล้ถึงแล้วเหรอ โรส” เธอหมายถึงเครื่องบินใกล้ถึงที่หมาย โรสพยักหน้า
“ฮื่อ ...เดี๋ยวคงเสิร์ฟอาหารเช้าแล้วหละ เพื่อนปลุกแพงได้แล้วมั้ง โรสจะไปล้างหน้าก่อน รอหลังเสิร์ฟกาแฟคนคงเพียบเลย”
หญิงสาวก้าวยาว ๆ บนทางเดินแคบ ๆ ระหว่างที่นั่ง ตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันเสียหน่อย มาดาม เดอ ออคลีอองเห็น จะได้ไม่ขวัญผวามากนัก... หญิงสาวคิดขำ ๆ ในขณะเดียวกัน เธอก็วาดภาพครอบครัวที่ กำลังจะไปอยู่ร่วมชายคาในฐาณะ* เจินฟียย์โอเปร์*ในอีกไม่นานนี้ ครอบครัวใหม่ของเธอจะปรากฏขึ้น
บานกระจกฝ้าหนาทึบของประตูอัตโนมัติ์เบื้องหน้ากำลังจะเปิดออก ด่านสุดท้ายที่สามสาวลุ่มเจ้าพระยาจะผ่านเข้าสู่ดินแดนอันหอมหวลแห่งน้ำปรุงลุ่มแม่น้ำเซน แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจกันมาพร้อมแล้วสามอนงค์อรชรก็อดที่จะหวั่นไหวมิได้ โดยเฉพาะการแยกจากไปอย่างทันทีทันใดของโรสกับนายจ้าง ในขณะที่เพื่อนและแพงมีคนจากสถานทูตไทยมารอรับ สัวเจ้าสรองจัดการไว้เรียบร้อยเรื่องบ้านรับรองของเพื่อนและพี่แพงน้องในปารีส
“เตี่ยจะให้พระเพื่อนกับพระแพงของเตี่ย ไปตะลอน ๆ หาห้องพักเองได้ยังไงลำบากแย่ เดี๋ยวสั่ง*รัฐมนตี๋*จัดให้ เอาดี ๆ ไปเลยเท่าไหร่เท่ากัน”
คนที่สัวเจ้าสรองเอ่ยถึงนั้น คือน้องชายแท้ ๆ ของเขา ที่ผันตัวไปเล่นการเมืองด้วยเหตุนี้ ทางสำนักงานผู้ดูแลนักเรียนไทยจึงต้องส่งคนมารับสองฝาแฝด ไปส่งถึงอพาร์ตเม้นท์หรูหราสไตล์ลอฟท์ในเขต16ของกรุงปารีส
“ห้องชุดเล็ก ๆ” สัวเจ้าสรองว่า แต่ลืมรายละเอียดปลีกย่อยไปนิดหน่อยว่าเจ้าลอฟต์นี่ เป็นผนังกระจกรอบชมวิว360องศา อยู่ชั้นสุดท้ายของตึก ที่เพียงแต่เปิดผ้าม่านออกก็สามารถชื่นชมหอไอเฟลสตรีเหล็กชาวปารีเซียงนางนั้นได้
โรสมองเห็นรูปตัวเองถูกโบกไหว ๆ ท่ามกลางแผ่นป้ายมากมายของบรรดาผู้ที่มารอรับคนที่สนามบินหญิงสาวหยุดสำรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายอย่างคร่าว ๆ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหา สตรีชาวฝรั่งเศสวัยราว สี่สิบ ผู้ชูรูปของเธออยู๋ในมือ
“นั่นไง มาดามเดอ ออคลีออง” โรส กระซิบ เพื่อนแพง ที่ยังมองหาคนมารับไม่เจอ สองพี่น้องจึงสาวเท้าตามโรสไปด้วย
*เอาที่อยู่โรสไว้ก่อน จะได้มาตามหากันถูก* เพื่อนพี่กระซิบต่อกับแพงน้อง หญิงวัยกลางคนตรงหน้า ร่างสูงโปร่งรูปหน้าเรียวโหนกแก้มสูง แบบชาวตะวันตกทั่วไป ผมสีน้ำตาลเข้มยาวเคลียบ่า หยักเป็นลอนสลวยตามธรรมชาติ ช่วยลดความเข็งกร้าวของจมูกโด่งแหลมลงไปได้ โดย เฉพาะดวงตาสีฟ้าอ่อนใสคู่นั้น ฉายแววปราณีอบอุ่น มาดามสวมชุดสูทลำลองสีเทาเงิน เสื้อตัวในลายดอกสีปูนแห้งแซมเทาเขียวดูสดใส คอแหลมรับกับรูปปกเสื้อสูท มีระบายย้วยล้นออกมาทับเสื้อตัวนอก โรสนึกชมเจ้านายหญิงทันที่เห็นในแวบแรก ว่าแต่งตัวมีภูมิแต่ดูไม่น่าเบื่อเหมือนพวกสูทขรึม ๆทั่ว ๆ ไป มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ โรสนึกฉงน คือสีตาและสีผมที่ค่อนข้างจะขัดแย้งกันเล็กน้อย โดยปกติแล้วคนตาสีฟ้าจะมีสีผมอ่อน ๆ เช่นสีทอง หรือน้ำตาลออ่น แต่สีผมของมาดาม เดอ ออคลีอองนั้น เข้มจนเกือบจะเรียกได้ว่าผมสีดำ
“บองชูว์ โรส ...ชั้นคือ มาดามเดอ ออคลีออง ... มารี ชาลอตต์ เดอ ออคลีออง”
โรสยื่นมือออกไปเพื่อแสดงการทักทายตามธรรมเนียมของประเทศนี้ แต่กลับถูกมาดามดึงตัวเข้าไปกอดอย่างหลวมๆแล้วจุมพิตแก้มสองข้าง
“บองชูว์ มาดาม ชั้น โรสอินทวา เลอ โนตร ค่ะ” โรสตะกุกตะกัก นอกจากกับฌองผู้เป็นพ่อแล้วหญิงสาวไม่เคยแฟร์ลาบิส (Faire la bise) หรือจุมพิตทักทายกับคนอื่นมาก่อน ฝาแฝดยืนมองการทักทายแบบฝรั่งเศสอยู่ข้างๆ อย่างขนลุก รู้สึกจั้กจี้จั้กเดียมอย่างไรพิกล
“ต้องหัดไว้นะจ๊ะ ที่นี่เค้าทักทายกันแบบนี้” มาดามเข้าใจท่าทางพิอักพิอ่วนของสามสาวจึงกล่าวขึ้นยิ้ม ๆ
“แล้ว ...”
มารีชาลอตต์ขยับจะถามถึงสองสาวที่หน้าถอดพิมพ์เดียวกันมา ก็พอดีกับแพงน้องฉวยโอกาสซ้อมภาษาให้คล่องปาก
“หนูแพงน้องค่ะ แล้วนี่ เพื่อนพี่ พี่สาวฝาแฝดของหนู เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทของโรส เรียนการออกแบบ มาจากที่เดียวกัน แล้วจะมาเรียนต่อที่เดียวกันอีก ค่ะ” แฝดน้องร่ายยาว จนคนฟังอมยิ้ม แม้จะยังมีสำเนียงของคนเอเชียปนอยู่มาก แต่มาดาม เดอ ออคลีอองก็เข้าใจภาษาฝรั่งเศสของหมวยตาโตคนนี้ เธอมองท่าที่ของสามสาวที่เกาะติดกันราวกับเป็นแฝดสยามสามฝาแล้วก็นึกสงสาร จึงเอ่ยปากชวนให้ขึ้นรถไปเสียด้วยกัน เธอจะไปส่งฝาแฝดให้ถึงที่หมาย
“ขอบพระคุณมากค่ะมาดาม แต่เพื่อนกับแพง รอคนจากสถามทูตมารับค่ะ”เพื่อนพี่กระพุ่มมือไหว้ขอบคุณตามความเคยชิน มาดามพยักหน้ารับรู้ พลางนึกนิยมความนุ่มนวลของสตรีไทย
“โรสต้องไปแล้ว...อีกสองสามวันคงจะได้โทรไป เพื่อนแพงดูแลตัวเองดี ๆ นะ”
โรสสวมกอดสองสาวน้ำตาแทบร่วง แพงน้องนั่นแก้มชุ่มสองข้างด้วยหยาดน้ำใส ๆ ส่วนเพื่อนพี่ ทำตาแดง ๆ แม้ว่าจะไม่ได้จากกันจริง ๆ จัง ๆ แต่บนแผ่นดินที่ห่างไกล มีเพียงฟางเส้นเล็ก ๆ ที่ยึดเหนี่ยวรวงข้าวน้อยๆไว้ด้วยกัน
“เอานามบัตรชั้นไว้สิจ๊ะหนู...จะได้ติดต่อกันได้ง่ายๆ” มาดามล้วงมือลงในกระเป๋าถือหยิบนามบัตรออกมายื่นส่งให้ฝาแฝด เพื่อนพี่รับมาแล้วกล่าวขอบคุณเบาๆ
โรสเดินลากกระเป๋าเดินทางตามหลังมาดามเดออคลีอองทิ้งเพื่อสาวสองคนไว้เบื้องหลัง หญิงสาวก้าวเท้าไปข้างหน้า ในอกเบาหวิวๆ ราวกับเสี้ยวส่วนของหัวใจขาดหายไป เธอนึกถึงเพลงที่ปาปู๊แน่แอบเปิดฟังอยู่บ่อยๆ
*Je veux chanter pour ceux qui sont loin de chez eux
(เฌอ เวฟอ ชองเต้ ปูคค์ เซอ กิ ซง ลวง เดอ เช เซอ)
ข้าจะขับขานบทเพลงนี้ มอบแก่เขา ผู้ไกลบ้านหล่านั้น
ณ. เวลานี้ เธอเข้าใจความรู้สึกของพ่อที่มีหยาดน้ำคลอเบ้าทุกคราที่ได้ยิน
รถเล่นผ่านประตูเหล็กขนาดใหญ่สีดำสนิท ด้านบนของบานประตูติดเหล็กดัดรูปทรงคล้ายทวนแหลมมีตะขอโค้งบานออกสองข้าง เป็นสัญญลักษณ์ของราชสำนักฝรั่งเศส ดอกลิลลี่สีทอง โรสอ่านป้ายชื่อถนน ที่ติดตรงกำแพงข้า งๆ Route de la reine (คูต เดอ ลา เคนน์) ที่หน้าบ้านมี เด็กชายหญิงสองคน ยืนรออยู่อย่างตื่นเต้น เป็น ครั้งแรกที่พวกเขาจะมีพี่เลี้ยงประจำตัว จอฟฟรัววัยสี่ขวบ ถึงกับเต้นวอย ๆ เมื่อได้เห็นตัวจริงของพี่เลี่ยงที่เขาเป็นคนเลือกจากรูปในใบสมัครงาน *มามอง (แม่) ผมเลือกคนนี้ครับ สวยที่สุด*
“นี่จอฟฟรัว ลูกชายคนเล็ก และ มารีเองเจล ลูกสาวคนโต” มาดามแนะนำง่าย ๆ ไม่มีพิธีรีตรองมากมายตามที่โรสแอบคิดไว้ เมื่อเห็นนามสกุลของนายจ้าง เดอ ออคลีออง เป็นเชื้อสายเจ้านายเก่า ตำแหน่งดยุค เดอ ออคลีอองนั้นเทียบกับราชตระกูลสยามแล้วคงจะใกล้เคียงกับ กรมพระราชวังบวรฯ หรือวังหน้า ของเรา
“โรสสวยจัง” เจ้าหนุ่มน้อยจอฟฟรัว กระโดดเข้ากอดพี่เลี้ยงสาว จุมพิตริมฝีปากฟอดใหญ่ตามประสาเด็ก ส่วนพี่สาวเดินเข้ามหาโรสอย่างเอียงอาย โรสอียงแก้มแนบกับแก้มอิ่มเป็นพวงย้อยของเด็กหญิงวัยหกขวบ ทำเสียงจุ๊บด้วยปากตามธรรมเนียมสองข้างซ้ายขวา ตาของเธอวาวแววด้วยความขำตัวเองว่าโชคที่บ้านนี้ จุมพิตแค่สองครั้ง บางบ้านจุมพิตสี่ครั้ง หากมีแขกมาทานอาหารเย็นสักหกคน มัวแต่จุมพิตกว่าจะได้กินข้าว อาหารคงจะชืดเสียหมด
“ตอนอาหารเย็น เธอถึงจะได้ทำความรู้จักกับสามีชั้นนะ ไม่ต้องกังวล อองตวนเค้าไม่ใช่คนมากเรื่อง เธอทำตัวตามสบาย สิ่งที่เราสองคน ต้องการที่สุดจากเธอคือรักและดูแลเด็กให้ดี อย่างกับเป็นพี่สาวคนโตของพวกเค้า เธอก็จะเปรียบเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวเรา ... เดี๋ยวจะให้เทเรซแม่บ้านพาไปดูห้องพักนะ ไม่ถูกใจยังไงก็บอกกับเค้าได้เลย ส่วนจานน์เป็นผู้ช่วยเทเรซ อีกหน่อยคงจะรู้จักกันมากกว่านี้ เธอพักผ่อนเสียก่อนเดินทางมาเหนื่อย ๆส่วน เรื่องงานค่อยคุยกันพรุ่งนี้”
มาดามสั่งเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงพาลูก ๆ ออกจากบ้านไป ส่วนโรสนั้นเดินตามคุณแม่บ้านไปอย่างว่าง่าย จากข้างหลัง หญิงสาวลอบพิจารณาแม่บ้าน ท่าทางดูเจ้าระเบียบ สังเกตุจากสีหน้าไร้ความรู้สึก ผมรวมตึงขมวดปมไว้ที่ท้ายทอยแบบคุณครูเจ้าระเบียบที่เคยเห็นในหนัง ท่าเดินหน้าเชิดหลังตรง เหล่านี้ทำให้โรสรู้สึก หวั่นๆว่าเธอกับเทเรซคงจะเข้ากันได้ไม่กลมกลืนนัก
ห้องนอนของโรส อยู่ชั้นล่างในตัวตึกใหญ่ ติดกับห้องครัวกว้างขวางทันสมัย สิ่งที่ถูกใจหญิงสาวที่สุดคือเธอสามารถเข้าออกบ้านได้โดยผ่านทางประตูห้องครัวไม่จำเป็น ต้องผ่านทางห่องโถงด้านหน้า
“มาดามคิดว่าเธอคงสะดวกมากกว่าหากกลับเข้าบ้านดึกบ้างเป็น บางคราว”
แม่บ้านหน้าตาย บอกเรียบๆก่อนออกจากห้องไป โรสถอนเป่าลมฟู่ออกจากปาก...ยาวเหยียด ก่อนจะทิ้งตัวลงแผ่หราบนเตียงนุ่ม เธองจ้องมอง โคมไฟระย้า บนเพดาน มือประสานวางราบไว้ตรงทรวงอก อา....ปารีส หอมกลิ่นขนมปังบาเกต รวยริน หญิงสาวยังไม่ทันจะเริ่มงานแต่ไพล่ไปนึกถึงสุดสัปดาห์... จะไปเที่ยวที่ไหนก่อนดีนะ
สัปดาห์แรกของชีวิตในต่างแดนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมอร์สิเออร์ติดต่อที่เรียนภาษาที่มหาวิทยาลัยก่าแก่ของฝรั่งเศส ลาซอร์บอนน์ ให้โรส หญิงสาวดีใจจนเนื้อเต้น ที่เจอครอบครัวใจกว้าง พวกเขาไม่จำเป็น ต้องให้เอเข้าเรียนเรียนภาษาในโรงเรียนแพง ๆ ขนาดนั้นก็ได้ โรงเรียนของที่ว่าการกรุงปารีส ค่าเรียนถูกกว่ากันถึงสามเท่า แต่อองตวนยืนยันจะให้เธอเรียนที่มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ไห้จงได้
“คุณเป็น พี่เลี้ยงของลูกผม จะปล่อยให้ไปเรียนถูกๆแล้วคุณจะสอนการบ้านลูกผมได้หรือ แล้วอีกอย่าง โรงเรียนการออกแบบดูแปร์เค่ที่คุณใฝ่ฝันน่ะ เข้ายากมากคุณก็รู้ คุณจะต้องเป็นหนึ่งเท่านั้นถึงจะสู้เค้าได้”
มาดามหัวเราะขำสามี บางทีอองตวนก็ชอบคิดว่าแพงกว่าเท่ากับดีกว่า ส่วนโรสไม่สนใจอะไรนอกไปจาก เธอจะได้เรียนภาษาที่เดียวกับแฝดสองฝา...
................................................................................................
“จริงเหรอโรส” เสียงแฝดพี่กรี้ดมาตามสายเมื่อหญิงสาวส่งข่าวให้เพื่อนรู้
“ไม่จริงหรอก ...เมอร์สิเออร์โกหก” โรสทำหน้าขึงขังใส่กระบอกโทรศัพท์ แล้วขำกิ๊กลั่นสาย แล้งจึงแกล้งทำเป็น ตะบึงตะบอนเสียงสะบัด
“ไม่เชื่อก็ตามใจนะ” ปลายสายเลยรีบตอบว่า เชื่อ เพื่อเอาใจเพื่อรักไว้ก่อน ดีเหมือกัน โรสเรียนที่เดียวกับเธอและแพง จะได้เจอกันอย่างน้อย ๆ ก็อาทิตย์ละสามวัน
“แล้ววันเสาร์นี้ มาค้างที่บ้านเราได้ไหม”แพงแย่งหูโทรศัพท์จากพี่สาวมาคุยบ้าง
“ได้สิ เราได้หยุดสองวันแน่ะ มาดามยังบอกว่า ต่อไปให้ชวนเธอสองคนมาที่บ้านบ้างก็ได้ โอ้ย... คนอะไรก็ไม่รู้นะใจดีน่าดูเลยหละ โรสรู้สึกดี ๆ กับมาดามมากเลยแถม เด็กสองคนก็น่ารัก เจ้าตัวเล็กนะ ฮิฮิ เค้าขอชั้นแต่งงาน ขำจะแย่ จานน์หลานคุณแม่บ้านหน้าตาย แอบมากระซิบขอบคุณโรสที่ช่วยมาเป็นคู่หมั้นกับจอฟฟรัวแทนให้ ฮ่ะๆ ท่าทางโตไปจะเจ้าชู้น่าดู เจ้าวายร้ายจ้าวกระบะทราย (La terreur du bac à sable ลาแตร์เคอร์ ดือ บัก อะ ซาเบลอ)
“ต๊าย ....” แพงน้องลากเสียงยาวแหลมปรี้ด
“ขายออกแล้วรึยะหล่อน บอกเจ้าวายร้ายให้ระวังตัวไว้ให้ดี ๆ ระวังเจอพี่ลอดักชกหน้า ริอ่านจีบไก่ฟ้าพญาลอซะได้ คริ คริ” แพงน้องต่ออย่างนึกขำ ใคร ๆ ก็มองออกว่าพระลอคิดอย่างไรกับโรส จะมีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่ทำเป็นไม่รู้
“โรสรักพี่ลอแบบพี่ชายแท้” หญิงสาวเคยบอกกับเพื่อนพี่ ที่แอบถามหวังจะช่วยพี่ชาย แม้จะนึกเสียดายอยู่บ้าง เพื่อนพี่ก็ไม่คิดจะเซ้าซี้โรสให้มากไปกว่านี้ ความรักบังคับกันไม่ได้ ความรักไม่เกรงใจใคร ความรักไม่เห็นแก่ใคร เธอเข้าใจดี
“ตกลงวันเสาร์เจอกันนะ โรสจะไปหาแต่เช้า แล้วเราไปที่มหาลัยกัน” หญิงสาวสรุป...
............................................................................................
“ว้าว พระเจ้า มันยอดมาก ...ฮ่ะๆ” โรสอุทาน ทาบมือสองข้างบนกระจกหน้าต่างบานใหญ่ เปิดกว้างสู่ทอเรซที่ จัดเป็นสวนลอยฟ้าขนาดย่อม ๆ ห้องโถงขนาดใหญ่รูปตัวที มีห้องครัวโล่ง กั้นให้แลดูเป็นสัดส่วนด้วยบาร์เปิด ห้อองนอนสองห้องของเพื่อนกับแพง อยู่ตรงข้ามคนละฝั่งมีสวนลอยฟ้ากั้นกลาง ที่ทาบทับบนขอบฟ้าด้านหลังหน้าต่างกระจกคือหอไอเฟล เศษเหล็กร้อยปี ที่ยืนตระหง่าน คร่อม ทุ่งพระอังคาร (champs de Mars )
“ยายฝาแฝดนี่มีบุญแฮะ มีลา ดามเดอเฟร์ มาส่งเข้านอนทุกคืน “โรสเย้าเพื่อนสาว แพงน้องทำหน้าบูด ส่วนเพื่อนขำจนกลั้นไม่อยู่
“อ้าว...แพง ทำหน้าบูดทำไมล่ะ ไม่ดีเหรอ ไม่ใช่ทุกคนจะได้ห็นหอเฟลทุก ๆ วันอย่างนี้นะ” โรสว่าต่อ แต่เริ่มหัวเราะเพราะพอจะเดาต้นหตุของอารมญ์ขุ่นมัวออก หน้าแพงน้องงอยิ่งกว่าม้าหมากรุก
“เตี๋ยต้องแกล้งแน่ ๆ เลย หาบ้านให้ตรง ๆ หอไอเฟลนี่ เจอจัง ๆ เลยนะโรส แพงผลอยหลับลืมปิดม่าน ...ชิชิ เปิดสปอตไลท์วาบ ๆ เราสะดุ้งตื่นแทบตกเตียง คิดว่ากระสือยักษ์...ก๊ากก” เจ้าตัวหัวเราะร่วนเสียเอง โรสพลอยผสมโรงไปด้วย
“แพงเอ้ย... นี่เตี่ยสรองเค้ารักหรอกนะ ไม่งั้นให้ ไปอยู่ข้างๆ นอตเทรอดามม์น่ะ จะหนักกว่านี้นะ ...หง่าง ....แหง่ง” โรสทำเสียงก้องๆราวระฆังใบโต สามสาวพากันหัวเราะ จนเห็นไรฟันขาวสะอาด แสงแดดที่ว่าจ้าแล้วแจ่มจรัสขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า
.................................................
สามใบเถา พากันจับรถไฟใต้ดิน(เมโทร)สาย10ที่สถานี มิคาโบ Pont Mirabeau เพื่อไปดูสถานที่เรียนภาษา ในเขต5 แถบย่านลาตินของกรุงปารีส ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เสียงเล่าลือว่าสมัยนี้ พวกมิจฉาชีพจ้องหาเหยื่อล้วงกระเป๋าชาวต่างชาติ พวกนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นโดนมาแล้วนักต่อนัก โดยมากนักล้วง มักจะเป็นเด็กยิปซี อายุต่ำกว่าสิบสามปี ด้วยว่ากฏหมายของประเทศนี้ ไม่สามารถเอาผิดกับเด็กวัยนี้ได้ ถึงจะจับได้คาหนังคาเขา ก็ทำได้แต่เพียง เทศนา ยึดของกลาง แล้วปล่อยตัวนักล้วงตัวกระจิ้ดไปทำมาหากินเลี้ ยงพ่อแม่ต่อไป ตำรวจได้แต่ถอนหายใจ เด็กเอย... เจ้าตกเป็น เหยื่อของสังคมที่ถูกกำหนดโดย คนใหญ่ ๆ ใจทราม
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสามคนจึงไม่ได้สนใจสองหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่ไม่มีเค้ายิปซีแต่อย่างใด ตรงมุมข้าง ๆ ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ
“นี่เลย... ใช่เลย” หนึ่งในสองหนุ่มกล่าว ดูจากหน้าที่เข้มคม ผิวสีแทนแบบเมอดิเตอเรเนี่ยนแล้ว คาดได้ไม่ยากว่าเป็นชาวยุโรปทางตอนใต้ ยิ่งถูกเรียกขานโดยเพื่อนร่วมทางที่หน้าตาบ่งบอกยี่ห้อยูโรเชียนด้วยแล้ว* มาเตโอ*จะเป็ นใครไปไม่ได้นอกจากอิตาเลี่ยนหนุ่มหล่อ
“เฮ่ย ...มาเตโอ อย่าเลยว่ะสงสารเค้าแล้วเกิดเค้าโวยวายขึ้นมา ซวยเลยนะเอ็ง”หนุ่มยูโรเซี่ยงทักท้วง
“เอ็งกลัวอะไรวะอเล็กซ์ สาวหมวยหนีห่าวพวกนี้ ไม่กล้าหือหรอก ...ไปเร็ว”มาเตโอจบประโยคห้วนๆอย่างรีบร้อนแล้ว เข้าประกบชิดแผ่นหลังแพงน้อง ที่กำลังสอดตั๋วรถไฟเข้าเครื่องตรวจแล้วรอให้ประตูอัตโนมัติเปิดออก หญิงสาวรู้สึกถึงแรงดันจากทางข้างหลังที่จู่โจมอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ติด แพงน้องถลาไปข้างหัวซุกหัวซุน
“ว้าย....” เธอกรีดร้องด้วยความตกใจ พอตั้งสติได้จึงเหลียวมองไปทางข้างหลัง เห็นหนุ่มหน้าเข้ม ยืนยิ้มเผล่ไม่ขอโทษขอโพยที่ดันเธอเสียจนเกือบล้มคะมำ หญิงสาวเปลี่ยนสีหน้าเป็น องค์อินทร์เขียว ๆ ด้วยความโกรธ
“ไอ้บ้า ผลักมาได้ไงวะไม่ดูตาม้าตาเรือ ปั้ด แม่จิ้มตาบอดซะสิ้นเรื่อง”
แพงสั่นด็อด ๆ ราวกับลงทรง ยิ่งเห็นพี่สาวคอยกระตุกแขนเกรงจะมีเรื่องแล้วยิ่งฉุนขาด
“แพง..ไม่เอาน่า” ยิ่งห้ามดั่งยิ่งยุ แถมโรสยังหัวเราะเสียงลั่น ขำอะไรนักหนา แพงยิ่งหัวเสียหนักเข้าไปใหญ่
“โธ่แพง จะไม่ให้โรสขำได้ไงล่ะ แพงโกรธมากเสียจนด่าฝรั่งเป็นภาษาไทย แล้วเค้าจะรู้เรื่องเหรอ”
แพงน้องสะดุ้งเฮือก จริงของโรส หญิงสาวหันไปมองคู่กรณี ไอ้หน้าเข้มทำหน้าทึ่ม ๆ ท่าจะไม่เข้าใจ คราวนี้แพงเลยเปลี่ยนภาษาใหม่เป็นฝรั่งเศส ...ได้ผลแฮะ หน้าทึ่ม ๆ กลายเป็นแดงเถือกสูสีกับ ไชนีสโอเปร่าซะในบัดดล
“โห ....” อีกฝ่ายลากเสียง มองหน้าตา สลับกับหน้าอก คราวนี้แพงเป็นฝ่ายแดงขึ้นมาบ้าง ...คนซกมก
“ผมแค่ขออาศัย ผ่านประตูมาด้วยก็เท่านั้นไม่เห็นต้องงกมากเลยเจ๊”พูดไม่พูดเปล่า มาเตโอจิ้มนิ้วชี้ทั้งสองไปที่หางตาของตัวเอง แล้วรั้งขึ้นสูงไปทางด้านข้าง เป็นสัญญาณมือที่คนยุโรปชอบทำเวลาล้อเลียนคนเอเชียว่าตาตี่ แถมเขายังทำปากขมุบขมิบด้วยสำเนียงคนจีน
"หนี่ห่าวไหม...” หนุ่มอิตาเลียนตั้งใจหาเรื่องเต็มที่ แม้ว่าเพื่อนที่มาด้วยจะพยายามลากออกมาก็ตาม ข้างแพง เธอพยายามสะบัดแขนจากการจับกุมของเพื่อนพี่ ...ชิชะป่วนขนาดนี้ มันต้องเจอเอราวัณเสยงา แล้วต่อด้วยบาทาลูบพักตร์ หญิงสาวคิดด้วยความแค้น
“แพงอย่าไปยุ่งเลย เรื่องนิดเดียวเองช่างเถอะ” เพื่อนพี่เตือนสติน้องสาว แต่กลับกลายเป็นคู่กรณีของแพงที่ถูกเตื่อนสติ น้ำเสียงนุ่มนวลของเพื่อนพี่ สะดุดใจหนุ่มอิตาเลี่ยนจอมป่วน มาเตโอเหลือบมองเจ้าของเสียงนุ่ม จ้าวโว้ย ...พิมพ์เดียวกันกะยายห่าม แต่อะไรจะหวานขนาดนั้น หนุ่มอิตาเลี่ยนถึงกับติดอ่างกุกกัก ปากอ้าค้าง เดชะบุญ ระฆังช่วย รถไฟเล่นเข้าเทียบชานชาลา มวยคู่เอกจึงไม่มีเวลาแลกหมัด ต่างคนต่างกระโดดขึ้นรถอย่างรีบเร่ง
ออกจากสถานี คลูนี่-ลาซอร์บอนน์ สามสาวเดินเข้าไปในมหาวิทยา ตรงรี่ไปที่ป้ายประกาศตารางการเรียนการสอนของชั้นเรียนต่างๆ หน้าตึกเก่าแก่ สามสาวอออึงอยู่หน้าป้ายประกาศ จดตารางเรียนของตนที่จะเริ่มสัปดาห์หน้า ครู่เดียวสามสาวก็รู้สึกอึดอัดจากคนทางด้านหลังที่มุงป้ายประกาศเช่นกันกับพวกเธอ โรสทำจมูฟุดฟิดกับกลิ่นเนื้อหนุ่มฉุนกึกจนสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่เชื่องช้าเรียกพ่อแต่หอมกรุ่นด้วยน้ำปรุงโปะตามวิสัยชาวเมืองน้ำหอมจากวงแขนแข็งแรงของใครบางคนที่ท้าวป้ายประกาศข้ามศีรษะของทั้งสามไป แพงน้องโวยออกมาดังลั่นก่อนที่ใครจะห้ามทัน
“เหม็นเต่าใครวะ...ฮ้าดดดดชุ่ย” เป็นธรรมดาของแพงน้อง เธอแพ้สารเคมีบางตัวหรือน้ำหอมบางกลิ่น แพงจะจามอย่างไม่ยั้ง แถบยังมีเต้าส่วนน้ำข้นกระจายได้ง่ายๆ ในกรณีที่แพ้กันสุดๆ
“เฮ้ย ...อะไรวะ”เจ้าของวงแขนอุทานอย่างตกใจ พอก้มลงมองข้างล่างก็เห็นหน้ากวน ๆ ของแพงและหน้าหวาน ๆ ของเพื่อน
“นี่ ...นายอีกแล้วรอะ” แพงร้องเสียงหลงก่อนจะเงยดูตรงนิ้วของมาเตโอที่ชี้ป้ายประกาศค้างเติ่ง ... ชั้นภาษาฝรั่งเศสขั้นสูงห้องเดียวกันกับสามสาว....
ท้ายบท
1 faire la bise แฟร์ ลา บิส เป็นการจุมพิตทักทาย หรืออำลา ใช้แก้มแนบแก้มซ้ายขวา แล้วทำเสียงจูบด้วยปาก จำนวนการจุมพิตแตกต่างกันไปตามท้องถิ่นตั้งแต่สองถึงสี่ครั้ง
2 loft ลอฟต์เป็นห้องชุดขนาดใหญ่เปิดโล่ง ๆไม่ค่อยนิยมกั้นผนังทึบ
3 เขต16 การแบ่งการปกครองของปารีสแบ่งเป็น 20เขต แต่ละเขตจะมีที่ว่าการกับผู้ว่าการที่มาจากการเลือกตั้ง ย่านคนเอเชียอยู่เขต13 ส่วนเขต16เป็นย่านที่หรูหราย่านหนึ่ง อยู่ติดกับป่าบูโลจญ์ และเป็นเขตที่มีสถานทูตตั้งอยู่กว่า90ประเทศ รวมทั้งสถานทูตไทยด้วย ประตูชัยของปารีสก็อยู่ในเขตนี้
4 หอไอเฟล Tour Eiffel สร้างปีค.ศ1889 โดย กุสตาฟ ไอเฟล สุดปลาย Champ de Marsชองเดอมาร์ พรือเรียกว่าทุ่งพระอังคาร ริมฝั่งแม่น้ำเซน
5เมโทร Métro คือรถไฟฟ้าเครือข่ายกรุงปารีสและชานเมือง ส่วนใหญ่จะอยู่ใต้ดิน มีทั้งหมด14สาย
6 หนี่ห่าวไหม เป็นภาษาจีนที่คนยุโรปชอบใช้ล้อเลียนคนเอเชีย
7 ลาซอร์บอนน์ มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศส
8 ยูเรเซี่ยน ตามความคิดของฝรั่งเศสมักจะหมายถึงพวกรัสเซีย
4
5เมโทร Métro คือรถไฟฟ้าเครือข่ายกรุงปารีสและชานเมือง ส่วนใหญ่จะอยู่ใต้ดิน มีทั้งหมด14สาย
6 หนี่ห่าวไหม เป็นภาษาจีนที่คนยุโรปชอบใช้ล้อเลียนคนเอเชีย
7 ลาซอร์บอนน์ มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศส
8 ยูเรเซี่ยน ตามความคิดของฝรั่งเศสมักจะหมายถึงพวกรัสเซีย
4 หอไอเฟล Tour Eiffel สร้างปีค.ศ1889 โดย กุสตาฟ ไอเฟล สุดปลาย Champ de Marsชองเดอมาร์ หรือเรียกว่าทุ่งพระอังคาร ริมฝั่งแม่น้ำเซน
ความคิดเห็น