คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทเกริ่น ...ระฆังวิวาห์กังวาน
บทเกริ่น ระฆังวิวาห์กังวาน
เจ้าสาวในชุดสีขาวยืนหันหลังเผยให้เห็นช่วงไหล่กลมกลึงจากคอเสื้อที่เว้าต่ำรวบเข้าพอดีกับทรวดทรงอรชรของผู้สวมใส่ด้วยสายริบบิ้นสีเดียวกับกระโปรงยาวกรอมเท้าชายกระโปรงด้านหลังทิ้งชายบานเรี่ยพื้นราวกับกลีบเสน่ห์จันท์หอม ที่จับช่อรวบกับผ้าลูกไม้ลายดอกลิลลี่ทางด้านหน้าตรงสะโพกกลมกลึง เธอก้มหน้าน้อย ๆ มองดูเศษผ้ายู่ยี่ในมือ วงหน้าเรียวดูโดดเด่นด้วยผมที่รวบไว้ข้างหลังเกล้ามวยต่ำตรงท้ายทอย ประดับดอกไอริชสีเหลืองทอง แม้ช่างผมจะทัดทานถึงความเปราะบางไม่ทนทานของดอกไม้สีเหลืองเข้ม หญิงสาวก็ยืนยันที่จะใช้ดอกไม้แห่งราชสำนักฝรั่งเศสประดับมวยผมในวันสำคัญเพื่อเขาคนนั้น
หยาดน้ำหยดลงเปียกเศษผ้าริ้วดิ้นทองมัดเป็นวงราวแหวนปลอกมีดบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ เจ้าสาวยกนิ้วขึ้นจรดกลีบปากเอิบอิ่มสีโอรส จุมพิตสุดท้ายบางเบาลงบนแหวนดิ้นทองที่ติดนิ้วเธอมาปีกว่านับแต่วันนั้น
“หลุยส์ที่รัก ถึงเวลาแล้ว” เธอกระซิบเบา ๆ กับตัวเองก่อนจะบรรจงถอดวงแหวนผ้าจากนิ้วนางเรียวยาวแล้วค่อย ๆ หย่อนลงตรงร่องอกอิ่มในคอเสื้อกว้านลึก
“เธอจะอยู่ที่นี่ เสมอไป” หญิงสาวทาบมือสองข้างลงบนทรวงอก ก่อนจะหันไปมองทางประตูที่เปิดออกโดยผู้เป็นพ่อ
“โรส...ได้เวลาแล้วลูก” ฌองยื่นหน้าเข้ามาเตือนบุตรสาว
เสียงออร์แกนในโบสถ์บรรเลงเพลง Gloire à Dieu* ปิติผุดผ่องแห่งพระผู้เป็นเจ้า* ดังแว่วมาจากห้องโถงประกอบพิธี สักขีพยานของสัญญารักแห่งเธอและเขากำลังรอคอยการปรากฏตัวของผู้สวมชุดขาวด้วยใจจดจ่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...เจ้าบ่าวที่รอคอยเพียงประโยคเดียวจากบาทหลวงผู้ทำพิธี
*คุณสามารถจูบเจ้าสาวได้*
หญิงสาวหมุนตัวช้า ๆไปทางบิดาพร้อมกับรอยยิ้มหวานอมเศร้า
“หนูพร้อมแล้วค่ะ พ่อ”
ฌองส่งแขนให้ลูกสาวเกาะกุม เขาก้มมองกุหลาบแย้มดอกงามในสวนแห่งชีวิต วันนี้ เขาจะเป็นผู้ส่งเธอไปนั่งบัลลังค์รานีในชีวิตชายอื่น สายตาของผู้เป็นพ่อ มีทั้งความสุขและ รอยกังวลปนเปกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่ฉายวาววับในดวงตาของฌองหนุ่มฝรั่งเศสผู้ฝากชีวิตและหัวใจกับสาวไทยและแผ่นดินสยามคือความภูมิใจในกุหลาบงามดอกนี้ โรสอินทวา ผู้อยู่ตรงหน้า งามจับหัวใจผู้เป็นพ่อ
เสียงเพลงบรรเลงหยุดลงชั่วขณะ ประตูไม้แกะสลักบานหนาหนักของวิหารเซ็นต์เดอนี่เปิดอ้าออก ออร์แกนโบราณบรรเลงเพลง *Marche nuptiale*2 กระหึ่มก้อง แขกเหรื่อที่รอคอยหันมามองทางประตูที่เปิดกว้างพร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าสาว เธองดงามราวกับเจ้าหญิง ภายในวิหารอันมืดสลัวกลับสว่างจ้าเพียงแค่ริมฝีปากเอิบอิ่มคู่นั้นแย้มออก เขาผู้นั้น รู้สึกราวกับว่าระยะทางจากหน้าประตูวิหารจนถึงแท่นพิธีช่างไกลลิบ เป็นการรอคอยช่วงสั้นที่แสนจะยาวนาน เมื่อโรสหยุดยืนเคียงข้างเขา เจ้าบ่าวก้มศีรษะลงต่ำกระซิบแผ่วเบาข้างหู กลิ่นน้ำปรุงอวลอบจมูกโด่งเป็นสันของชายหนุ่มผมสีทองนัยน์ตาสีฟ้าเข้ม
“โรสสุดที่รักของผม คุณสวยเหลือเกิน”
หญิงสาวขวยอายจนหน้าเป็นสีชมพูเข้มขึ้นตามชื่อของเธอ เพื่อนเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวแอบอมยิ้มให้กันและกัน เสียงบาทหลวงผู้ประกอบพิธีเชิญผู้กล่าวสุนทรพจน์ขึ้นมายังแท่นด้านหน้า อองเดร์ หนึ่งในพื่อนเจ้าบ่าวลุกเดินออกมาท่ามกลางสายตาของแขกเหรื่อภายในวิหาร เขาเปิดสมุดปกสีทองตรงหน้าก่อนจะกล่าวด้วยเสียงก้องกังวาน
“ดังนี้ เอล มิทราจึ่งกล่าว ;
มาสนทนาถึงความรักกันเถิดผองเรา เขาเงยหน้าทอดสายตาไปยังฝูงชนและความเงียบงันก็เข้าครอบงำ ในที่สุดเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า ; เมื่อความรักส่งสัญญาณจงติดตาม แม้หนทางจะคดเคี้ยวฤาสูงชัน และเมื่อปีกแห่งรักได้รัดรึงเจ้าไว้ จงรินหลั่งดวงจิตในห้วยเสรีแห่งรัก
แม้จะมีคมดาบแอบซ่อนในขนนกที่นุ่มนวลพร้อมจะกรีดผิวให้รวดร้าว และเมื่อความรักกล่าวคำทักทายจงเชื่อในตัวเขา แม้น้ำเสียงเขาจะพร่าความฝันราวกับลมเหนือที่พัดกระหน่ำสวนดอกไม้
เฉกเช่นข้าวสาลีที่เขาเก็บเกี่ยว มัดรวม ฟาด บด กระแทกจนเมล็ดข้าวเปลือยเปล่า ร่อนผ่านกระชอนหลายชั้น จนกว่าจะเผยให้เห็นถึงเม็ดในแล้วจึงขัดสีจนขาวผ่องก่อนจะโม่บดจนเป็นผุยผง นวดจนนวนเนียน นุ่มหวานแล้วบรรจงส่งเข้ากองเพลิงที่บูชาแห่งรักจนกลายเป็นขนมปังศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
เมื่ออยู่ในปีกแห่งรัก จงอย่าบอกว่าพระเจ้าอยู่ในหัวใจของข้า แต่ ข้าอยู่ในหัวใจของพระผู้เป็นเจ้า และจงอย่าคิดว่าจะบัญชาหนทางแห่งรักได้ เพราะรักเลือกทางเดินเองและบัญชาจิตวิญญาณของคุณ
ความรักไม่ปราถนาสิ่งอื่นใด นอกจากตอบสนองซึ่ งตนเอง”
เสียงออร์แกนขานรับเมื่อสุนทรพจน์จบลง อองเดร์ไม่จำเป็น ต้องเปิดสมุดเพื่อจะอ่านถ้อยคำเหล่านั้น เขาจำบทความของท่านคาริล ยิบรานได้อย่างขึ้นใจ เจ้าบ่าวเป็นผู้ขอร้องให้เขาท่องจำมาเป็นเวลานานนับเดือนก่อนวันพิธี
โรสทอดสายตาไปยังชายผู้ที่เธอวางชีวิตไว้ในอ้อมกอดก่อนจะเผยอริมฝีปาก
“ค่ะ ดิฉันยอมรับ”
บาทหลวงหันไปทางเพื่อนเจ้าบ่าวอีกคน นาม มาเตโอ ผู้ที่ตลอดเวลา วางมือข้างซ้ายทับกระเป๋าเสื้อนอกราวกับเกรงว่าแหวนปลอกมีดสองวงในกล่องสีแดงสดจะอันตรธานไป คู่บ่าวสาวสวมแหวนให้กันและกัน พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนสัญญาแห่งรักนิรันดร์
“ด้วยแหวนวงนี้ ...โรสอินทวา คุณจะเป็น รานีแห่งอาณาจักรรักของผมตลอดไป” เขาให้สัญญา ตาสบประสานซึ่งกันและกัน
“ในนามของพระผู้เป็นเจ้า ข้าขอประกาศความเป็น สามีภรรยาของท่านทั้งสองนับแต่บัดนี้ไป สัญญารักต่อหน้าพระพักต์ไม่มีผู้ใดจะทำลายลงใด้”
บาทหลวงเว้นจังหวะเนิ่นนานเหลือเกินในความรู้สึกของเจ้าบ่าวใจร้อน เขากระแอมขึ้นเบา ๆ ขณะสบตาผู้ประกอบพิธี
“พ่ออนุญาตท่านให้จูบเจ้าสาวได้”
เขาประคองใบหน้าของภรรยาสาวบรรจงประทับริมฝีปากอุ่นลงบนกลีบกุหลาบงามคู่นั้น ท่ามกลางเสียงปรบมือไชโยของแขกให้ห้องประกอบพิธี...
ที่ลานด้านหน้าวิหาร กลีบกุหลาบสีแดงสดตัดกับสีขาวของเมล็ดข้าวที่ถูกโปรยเกลื่อนพื้นเพื่อเป็นสิระมงคลแก่คู่สมรส ทุกคนยิ้มแย้มพูดคุยกันอย่างมีความสุข ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปยังสถานที่จัดเลี้ยง ชาโต้ เดอ เซ็งคลู2
แม้ว่าโรสอินทวาจะไม่ได้บอกแก่เจ้าบ่าวถึงเหตุผลที่เธอเลือกทำพิธีที่วิหารเซ็นต์เดอ3นี่หรืองานเลี้ยงที่ชาโต้ เขาก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มกอดหญิงสาวสุดที่รักไวในอ้อมกอด
“ผมทำทุกอย่างให้คุณได้ โรส ขอให้คุณมีความสุข ผมเป็นหนี้ *เขา* ผมต้องตอบแทน หากไม่มีเขาคนนั้น ผมคงไม่ได้พบกับคุณสุดที่รักของผม”ชายหนุ่มกระซิบข้างหูโรสเมื่อหลายเดือนก่อนเมื่อเธอส่งมือให้เขาเป็นการตอบรับคำขอแต่งงาน โรสยิ้มอย่างมีความสุข ขณะที่มือหนึ่งหมุนเศษผ้ามอหม่นแซมดิ้นทองบนนิ้วนาง
“หลุยส์...โรสกำลังจะแต่งงานค่ะ “เธอรำพึงแผ่วเบากับตัวเอง
ท้ายบท
1 เพลง *Marche nuptiale* มาร์คช นุปเชี่ยล เป็นเพลงบรรเลง ที่ใช้เล่นขณะที่เจ้าสาวเดินเข้าโบสถ์
2 ชาโต้ เดอ เซงคลู Château de Saint-Cloud ตั้งอยู่ที่เมืองเซงคลู อีกฝั่งหนึ่งของลำน้ำเซน เดิมเคยเป็นตำหนักหนึ่งของพระนางมารี อังตัวเนต พระนางเชื่อว่า อากาศที่นั่นบริสุทธิและดีต่อสุขภาพของเจ้าชายเจ้าหญิงน้อยๆ ปัจจุบัน ตัวปราสาทถูกเผาทำลายไปในสมัยสงครามพรูเซี่ยน (หรือสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย) ปี1873
3 วิหารเซงเดอนี่ Basilique de Saint Denis ตั้งอยู่ชานกรุงปารีสทางทิศเหนือ เป็นสุสานหลวงของราชวงศ์ฝรั่งเศส พระศพของพระมหากษัตริย์และพระราชินีหลายพระองค์ถูกฝังอยู่ที่นั่น รวมทั้งพระศพของพระเจ้าหลุยสี่ 16 และพระนางอังตัวเนต
ความคิดเห็น