คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 : สลัดบาทา
บทที่ 1 : สลัดบาทา
ในอดีต ... ตั้งแต่เด็กมา ผมชอบคิดว่า คนเราเกิดมาเพื่ออะไร ? มันเป็นคำถามที่แสนจะปวดหัวสำหรับผม จนจะเรียกว่าคำถามโลกแตกก็ได้ บางคน บอกว่า
เราเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม บางคนบอกว่าเราเกิดมาเพื่อสร้างความดีให้กับโลก ฯลฯ แล้วสุดท้าย มันก็กลายเป็นว่ามีเหตุผล 108 ที่เอามาอ้างว่าคนเราเกิดมา
เพื่ออะไร สรุปแล้ว เราคงไม่มีทางรู้เลยสินะว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร
ใช่ มันเป็นคำถามที่ผมขบคิดมาตั้งแต่ได้ยินรายการวิทยุถามกันเล่นๆเมื่อตอน 6 ขวบเศษๆจนมาถึงตอนนี้ อายุก็ปาเข้าไป 15 ปี ก็ยังไม่รู้เลยว่ามันหมายความ
ว่าไง แต่ช่างเหอะ เดียวเราก็รู้เองแหละ ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร
วันนี้ เป็นวันพิเศษสำหรับผม วันนี้เป็นวันจบพิธีการศึกษาของนักเรียน ม.ต้น หลายๆคนอาจจะบอกว่า แล้วมันสำคัญตรงไหน ? ก็เหมือนกับตอนเราจบ
อนุบาล จบประถม แต่สำหรับผม มันสำคัญตรงที่ว่า ลาก่อนไอ้ทรงผมเกรียนๆที่ผมเกลียดนักเกลียดหนา และขอต้อนรับเข้าสู้ชีวิต ม.ปลายที่แสนสนุกสนาน
ไม่ว่าสาวๆที่ดูสาวขึ้น เมื่อยู่ในชุดนักเรียน ม.ปลาย และอภิสิทธิ์อื่นๆมากมายที่พ่อแม่ยอมให้เราเมื่อผ่านพ้นชีวิต ม.ต้น
" ไง .... ในที่สุดก็จบซะที " เสียงอ่อยๆของเพื่อนชายที่คบกันมา 3 ปี ตั้งแต่เข้า ม.1 บ่นกระปอดกระแปดออกมาหลังจากการเข้าห้องประชุมที่แสนจะยาวนาน
ราวกับว่าจะไม่ได้ออกมา ทั้งๆที่วันนี้มีอาจารย์ใหญ่คนเดียวที่ขึ้นมากล่าวคำอำลานักเรียนแท้ๆ
" อืมดิ ว่าแต่แกจะไปต่อโรงเรียนไหนว่ะ " ผมพูดเรื่องอนาคตกับเพื่อนชายคนนี้
มันยิ้มแหยๆ
" เราไม่ต่อแล้วว่ะ ว่าจะจบแค่ ม.3 แล้วจะไปทำงานกับพ่อเลย " อ้าว ไหงงั้น เจ้าเพื่อนคนนี้ของผมมันไม่เรียนต่อซะแล้ว ผมเองก็ไม่ค่อยแปลกใจอะไรมากมาย
เพราะมันเป็นคนที่ขี้เกียจเข้ากระดูกดำเวลาที่ต้องทำการบ้าน และที่สำคัญ มันมักจะประสาทหลอนเห็นว่าห้องเรียนเป็นห้องทรมานที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์สุด
สยองได้แก่ช็อกที่เขียนศูตรคณิตศาสตร์ และหนังสือเรียน (มันน่ากลัวตรงไหนวะ) นี้ยังไม่นับรวมอาการคลื้นใส้เมื่อเข้าใกล้หนังสือวิทยาศาสตร์ และอื่ๆนอีกมากมาย
" ว่าแต่แกจะไปทำงานกับพ่อแก พ่อแกเปิดบริษัทซะใหญ่โตขนาดนั้น แล้วพนักงานเค้าจะยอมรับแกเหรอ " ผมถามกลับไปด้วยความเป็นห่วงนิดๆ พ่อของ
เจ้านี้ เปิดบริษัทใหญ่ เกี่ยวกับการผลิตและส่งออก ติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศเลยทีเดียว เรื่องความสามารถของผู้บริหารที่มีงานนั่งโต๊ะต้องไม่ต่ำกว่า ปริณญาโทเพื่อให้ลูกน้องในบริษัทนับหน้าถือตา
" เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก พ่อฉันจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าแต่แกเหอะโจ จะต่อที่ไหนว่ะ " เจ้าเพือนตัวดีถามกลับ อ๋อ... ผมลืมแนะนำตัวไป ผมชื่อ นาย
อนุชาติ ชื่อเล่นว่าโจ ส่วนเจ้าเพื่อนคนที่ผมกำลังคุยด้วยอยู่นี้ มีชื่อว่า ตั้ม ลูกเศรษฐีมีอันจะกิน น่าเสียดายที่มันเกลียดการเรียนพอๆกับเกลียดแมลงสาบบิน
" ฉันต่อที่โรงเรียน เซนปีเตอร์ว่ะ จัดการเรื่องเรียนเรียบร้อย " ผมตอบมันไปเรียบๆ เจ้าตั้มมันทำตาโต
" นี้แกจะเข้าโรงเรียนนั้นจริงเหรอว่ะ ค่าเทอร์มโคตรแพงเลยนะโว้ย โรงเรียนคุณหนูอีกตั้งหาก " มันพูดรัวเร็ว มันคงตกใจไม่น้อยหรอก เพราะฐานะทาง
ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวระดับกลาง พอมีกินมีใช้มีเหลือเก็บ แต่ไม่สามารถเอามาใช้สุรุ่ยสุร่ายได้ เพราะงั้น พ่อแม่ไม่มีปัญญาส่งผมเข้าเรียนที่โรงเรียนระดับคุณหนูขนาดนั้น แต่ว่าผมมีอาวุธลับ หึหึ
" ฉันไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเรียนว่ะ เพราะเจ้านี้ ... " ผมควักแผ่นกระดาษบางๆออกจากแฟ้มที่หนีบมาด้วยจากบ้าน
" โอ้ !! เห๊ย แกได้มันมาได้ไงว่ะ ใบประกาศนี้มัน ... " ใช่ ใบประกาศนี้มันสุดยอดมาก ในใบนั้นมันรับรองว่า ผม นายอนุชาติ สุดหล่อคนนี้ ถือเป็นบุคคลที่ประเทศชาติต้องปกป้อง เพราะผมคนนี้ มี I.Q. ถึง 210 .......... นั้นหมายความว่า ตามกฏหมาย ผมสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้โดยไม่ต้องเข้าเรียน ม.ปลายเลยแม้แต่น้อย โดยทางรัฐบาล ยินดีออกค่าเล่าเรียนทุกอย่างให้แกผม แต่มีข้อแม้เล็กๆที่ผมจะต้องเข้าทำงานในหน่วยงานของรัฐบาลหลังเรียนจบ เป็นเวลา 5 ปี ว่าแต่ว่า มันเหมือนทุนการศึกษาธรรมดาๆใช่ไม๊เนี่ยะ แล้วไอ้ I.Q. 210 นี้มันเยี่ยมเหมือนกันเนอะ หึหึ
" หึหึ เป็นไง อึ้งละซี้ ~!! " ผมพูดยิ้มๆ
" เออสิว่ะ เป็นใคร ใครก็อึ้ง ที่บอกว่าไอ้โจคนที่วันๆเอาเล่นบาสอย่างแก การบ้านก็ทำมั้งไม่ทำมั้ง สอบทีไรก็มีคะแนนกลางๆ จะมี I.Q. ตั้ง 210 " เจ้าตั้มมันใส่มาเป็นชุด เอาแต่ด้านไม่ดีของผมมาเผาทั้งนั้นเลย
" นั้นเป็นเพราะฉนั้นไม่เพ่งกับการเรียนมากตั้งหากละเว้ย " ผมตอบพร้อมกับใบหน้าแหยๆ ที่จริงแล้ว ผมไม่ค่อยชอบเรียนซักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะสนใจกับกีฬามากกว่า ไม่ว่าจะเป็นกีฬาอะไร ผมก็มีพรสวรรค์ไปทั้งหมด ไม่รู้ว่าเพราะเจ้า I.Q. 200 กว่า นี้รึป่าว แต่ที่แน่ๆ เรื่องกีฬา ผมก็ไม่เป็นรองใครที่ไหนทั้งนั้น
" เอาเหอะๆ ว่าแต่เรื่อง ผู้หญิง........ " ตั้มชะงักชั่วครู่ เมื่อมันได้ยินเสียงแตรรถที่ดังขึ้นมาด้านหลัง
" อ้าว พ่อนี้หว่า โถ่ เอ๊ย ... บอกแล้วว่ากลับเองได้ แถมดันเอาเปอร์เช่มันรับฉันอีก อายโคตรเลย " เจ้าตั้มบ่นอุบอิป มันอายที่จะบอกทุกคนว่ามันมีฐานะดีแค่ไหน มันปกปิดฐานะทางบ้านของมันเอาไว้กับทุกคนเสมอยกเว้นผมที่เป็นเพื่อนสนิทของมัน เพราะอายที่จะบอกใครว่าพ่อมันเป็นเศรฐีมันอันจะกิน
" เห้ย โจฉันต้องกลับแล้วว่ะ พ่อมันดันมารับงี้อยู่นานไปรังแต่จะเป็นเป้าสายตา " ผมหันมาบอกผมหลังจากที่มันส่งสายตาไม่พอใจไปยังพ่อของมัน
" อืม ยังไงว่างๆก็ชวนกันไปเที่ยวมั้งนะเว้ย " ผมพูดพลางตบบ่ามัน รู้สึกใจหายเล็กๆว่า หลังจากนี้ผมคงไม่ได้เจอมันทุกวันแบบที่เคยเป็นมาเมื่อ 3 ปี ที่แล้ว
มันยิ้มให้ผม พวกเราจับมือกัน และมันก็แยกไปที่รถของเปอร์เช่คันงามที่สตาร์ทเครื่องรออยู่ท่ามกลางสายตาคนรอบๆ ดูเหมือนว่าเปอร์เช่คันนี้เป็นเป้าสายตา
จริงๆ หลังจากนั้นไม่นาน รถคันนี้ก็เคลื่อนจากไป เฮ้อ ~
ผมรู้สึกใจหายแวบๆยังไงไม่รู้ เมื่อยืนอยู่คนเดียว ต้องไปเริ่มชีวิตใหม่ที่โรงเรียนใหม่อีกแล้วนะ ผมเหลียวไปมองอาคารเรียนที่สร้างด้วยอิฐด้วยปูนสูง 4 ชั้น ห้องเรียนของผมอยู่ชั้น 4 นึกถึงวันที่ต้องวิ่งขึ้นวิ่งลง กับบันได 80 ขั้น ผมยืนมองมันอยู่อย่างงั้น เฮ้อ ~ ใจหายอีกแล้ววุ๊ย นี้เป็นการมองครั้งสุดท้ายอีกแล้วมั้งเนี่ยะ ผมนึกถึงเรื่องเก่าๆมากมาย ความทรงจำที่ดีต่อโรงเรียน หันไปมองสนามบาสที่คั้งหนึ่งผมกับเพื่อนร่วมทีมแข่งขันกันเองอย่างดุเดือด ภาพนั้นปรากศเด่นชัดราวกับมีคนแข่งกันอยู่จริงๆ ทั้งๆที่สนามมันแสนจะว่างปล่าว
" เฮ้ย ! ไอ้หนู !! " เสียงหนึ่งก้องเข้ามาในหูอย่างไม่ให้ตั้งตัวเล่นเอาผมสะดุ้งไปเลย หันไปด้านข้างผมก็เห็นลุงยามยืนเรียกอยู่
" คับ ๆ อะไรเหรอคับ " ผมรีบตอบแกกลับ ดูเหมือนว่าผมเหมอไม่นานเหมือนกันนะเนี่ยะ
" ลุงเรียกเอ็งตั้งหลายทีแล้ว ไม่เห็นตอบ เป็นอะไรรึป่าวหึ ? " ลุงแกถามกลับมา สงสัยลุงแกมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้วสินะ
" ป่าวๆ ลุงผมไม่ได้เป็นไร แค่นึกถึงเรื่องเก่าๆนิดหน่อยนะ ใจมันเลยลอย " ผมตอบกลับ ลุงแกทำหน้าเฉยๆ ดูเหมือนว่าแกเคยเห็นอาการคนเป็นแบบนี้บ่อยๆ
ตอนนักเรียนเรียนจบ แล้วผมก็ขอตัวลุงแกกลับบ้าน เดินผ่านหน้าประตูโรงเรียน ไม่มีใครอยู่ซักคน เอ๊ะ ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู โอ้.... ตายโหงแล้วนี้มัน 6 โมงเย็นแล้วนิหว่า !! ซวยละ กว่าจะถึงบ้านก็คงทุ่มกว่า โดนแม่เทศนาแน่เลยงานนี้ ว่าแล้วผมก็รีบสาวท้าวออกจากโรงเรียน
เดินเรื่อยๆไปตามถนนที่ไม่ค่อยมีรถซักเท่าไหร่ ความจริงแล้ว น่าจะเรียกว่าถนนที่มีไว้สำหรับคนเดินจะถูกกว่า เพราะเจ้าถนนเส้นนี้มันเป็นแค่ถนนเลนเดี่ยว แค่รถยนต์คันเดียวก็เต็มถนนแล้ว เวลาตอนนี้ถนนไม่มีทั้งคนทั้งรถ เพราะโรงเรียนเลิกไปนานแล้ว มีเพียงตึกอาคารต่างๆเรียงรายกันเป็นแถวเป็นแนว ส่วน
ใหญ่แล้วเป็นสำนักงาน หรือร้านขายของซะส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้ก็ปิดไปแล้วเกือบทั้งถนน ดูๆไปแล้วมันน่ากลัวเฮะ เหมือนเรายืนอยู่คนเดียวเลย .... ว่าแล้วก็ยิ่งเร่งฝีเท้า อีกซัก 5 นาทีก็คงถึงป้ายรถโดยสารแล้ว ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นเล๊ย ..... =_=
" เห๊ย !! อย่าให้หนีไปได้ !! " เสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกนออกมาตรงซอกตึกด้านซ้ายมือ ผมสะดุ้งเท้าหยุดอยู่กับที่ มองไปทางพวกนั้นมันมีประมาน 6-7 คน
อายุท่าจะประมาน 16-17 มันกำลังล้อมใครคนหนึ่งอยู่ที่ซอกตึก เอาแล้วไง =_= " สงสัยมีการกระทืบกันเกิดขึ้น อย่าไปยุ้งดีกว่า เจ็บตัวปล่าวๆ ว่าแล้วผมก็ออกเดินต่อ แต่เดินไม่ทันถึง 3 ก้าว
" กรี๊ด !!!!!!!! " เสียงแหลมๆบาดแก้วหูดังขึ้น จากซอกตึกที่เดิม อะไรอีกว่ะเนี่ยะ ผมหันไปดูอีกครั้งก็เห็นก็เห็นเจ้าพวกกุ๋ยพวกนั้นเข้าไปพยายามจับใครคน
นึงอยู่ เพ่งดูดีๆ แล้วนั้นมันผู้หญิงนี้หว่า !! หรือว่าไอ้พวกนี้คิดจะข่มขืนเธอ !!
" ไอ้พวกสัตว์นรก !!!!!!!!! " ผมตะโกนก้องออกมาด้วยความโมโหทันที พวกมันสะดุ้งเล็กน้อยหันมาทางผมทันที ไอ้พวกเวรนี้คิดจะข่มขืนผู้หญิงอย่างงั้นเรอะ !! ความโกรธเข้าควบคุมร่างผมให้ตัวสั่นขึ้นมาทันที ไอ้เลวพวกนี้ต้องตาย ว่าแล้วผมก็สลัดกระเรียนกับโยนแฟ้มไปข้างๆ แล้ววิ่งเข้ากระโดดถีบเจ้าคนแรกทันที
พลั๊ก !! เต็มๆตีน หน้าของมันรองบาทาผมเข้าพอดี แหะๆ มันลอยหยังกะตัวโกงในหนังกระเด็นฟุบลงไปนอนแผ่สองสลึงลงทันที
" มึงเป็นใครว่ะ !! " ไอ้พวกเวรนั้นพูดแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน แถมหน้าตายังเถื่อนพอๆกัน ไม่รู้ว่ามันเป็นฝาแฝดกันรึป่าวว่ะเนี่ยะ ผมไม่ตอบ ใช้เท้าถีบท้อง
ไอ้คนที่ใกล้ที่สุดแทนคำตอบ แต่เพราะเท้าผมชาๆเพราะการกระโดดถีบหน้าเจ้าคนเมื่อกี้ ก็เลยถีบพลาดต่ำลงไปหน่อย
" โอ๊ก !! " มันร้องพร้อมกับออกมาอีกที(พร้อมเอามือกุมเป้า) เออ... อันที่จริงผมก็เผลอร้องเหมือนกัน ท่าทางจะเจ็บหนักนะนั้นหน้าเขียวลงไปกองบนพื้นอีกคน
" อย่าอยู่เลยมึง !! " เจ้าพวกนั้นมันพูดพร้อมกันขึ้นมาอีก เอาเป็นว่าผมสรุปเลยละกัน ว่าไอ้เลว 6 ตัวที่ยืนอยู่ตรงนี้มันเป็นฝาแฝดกันแน่นอน พวกมันกรูกันเข้ามาหาผมทันที ทิ้งร่างผู้หญิงคนนั้นลงกับพื้นเธอล้มลงไปทันทีที่พวกมันปล่อยมือ
ผั๊วะ !!! เสียงนึงก้องเข้ามาในหูผม พร้อมกับอาการหน้ามืดเล็กน้อย รู้สึดว่าตัวลอยแล้วลงไปนอนกับพื้น เอะ !! เกิดอะไรขึ้น เราแค่เหลียวไปมองผู้หญิงคนนั้นแล้วทำไมหน้ามืด แต่ที่แน่ๆ ผมรีบลุงขึ้นมาทันที รู้สึกตึงๆที่หน้าซีกซ้าย พอมองไปข้างหน้า ไอ้พวกบ้าฝาแฝดนั้นคนนึงยกเท้าค้างไว้ อ๋อ... ที่แท้เมื่อกี้เป็นอาการ"เมาตีน"นั้นเอง ความแค้นที่เพิ่งมี + ความโกรธที่สะสมอยู่นานแล้ว ผมเลยพุ่งถลาเข้าไปอัดหน้ามันด้วยกำปั้นขวาด้วยหมัดสวิงสุดสวยพร้อมกับก้มหลบตีนของไอ้อีกคนนึง ไอ้คนที่โดนหมัดสวิงผมล้มลงไปเอามือกุมจมูกทันทีภายใต้มือนั้นมีเลือดทะลักออกมา รู้สึกว่าดั้งมันจะหักนะ ... ผมไม่รอช้า อัดหน้าแข้งเข้าไปเต็มกกหูมัน ผลคือแน่นิ้งไปเลย
ผั๊วะ !! อั๊กค์ !! ไม่มีเวลาให้เผลอเลย ไอ้อีกคนมันเตะเข้าเต็มๆชายโครง เล่นเอาผมเซไปชนกำแพงตึก 1 ใน 3 ที่ยืนอยู่ตอนนี้พุ่งเข้ามาต่อยทันที อิปอาย ผมก้ม
หัวหลบแทบไม่ทัน ได้ยินเสียงอะไรแปลกดัง
กร๊อบ ...
" อ๊าก .... " แหะๆ ท่าทางกระดูกนิ้วจะหักเพราะซัดกำแพงซะแล้ว ผมถือโอกาสเอาเท้าถีบมัน เซไปอีกด้าน คนต่อมาก็เข้ามาเตะสูงทันที ผมยกมือขึ้นการ์ด
ถึงแม้ว่าเอามือการ์ดได้ แต่ก็เซเพราะแรงเตะ เลยโดนไอ้อีกคน เอาเท้าถีบเข้าเต็มท้อง จุ๊กจังว๊อยย .... แต่ไม่มีเวลาให้คิดมาก ผมรีบเอาตัวเข้ากระแทกมันให้ไปชนกำแพงตึก จากนั้นก็จับหัวมันโขกกำแพง ..
" โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย !! " ร้องตามจังหว่ะเลยนะ เจอเข้าไป 3 ที ดูท่าตามันลอยแล้ว ผมเลยจับอัดกำแพงอีกทีแล้วมันก็ฟุบลงไป เหลืออีก 2 นิหว่า ! ผมรีบหันไป
เหลือไอ้สารเลว 2 คนยืนอยู่ คนนึงเอามือกุมหมัดที่แหลก อีกคนนึงเอามือกุมท้อง มันไม่กล้าเข้ามาแฮะ ...
" มึงจะเอาไง !! " ผมตะโกนใส่มันทันที ดูท่าจะผง่ะๆนิดหน่อย
" ทะ .. โทษคับพี่ ผมยอมแล้ว ปล่อยพวกผมไปนะ " โอ้โหเห๊ย มันยอมทิ้งศักดิ์ศรียกมือไหว้เลยแฮะ แต่แค่นี้มันไม่สาสมหรอกว๊อย ผมเดินเข้าไปต่อยหน้ามันเต็มแรงซะ มันผงะหงายล้มลงเลือดมันนี้ซึมออกจากปากที่แตกทันที แล้วผมก็ชี้นิ้วไล่ไอ้ 2 คนนั้นมันรีบวิ่งหนีไปทันที เหลือร่างไร้สติ 4 คนที่นอนแอ้งแม๊งอยู่ จะว่าไป ผมเองนี้ก็ดวงดีโคตรๆ นี้ถ้าไม่เป็นเพราะซอกตึกแคบๆที่ทำให้พวกมันรุมผมแบบรอบทิศทางไม่ได้ละก็ ป่านนี้ผมคงเป็นเป็นผ้าขี้ริ้วเช็ดเท้าของพวกมันไปแล้ว ว่าแล้วก็เกือบลืมผู้หญิงคนเมื่อกี้ไปซะสนิท เธอนอนตัวคู้อยู่ไม่ห่างจากผมมากนัก
" นี้ๆ คุณคับ คุณ ..เป็นไงมั้ง !! " ท่าทางเธอจะสลบนะ หน้ามอมแมมยังกะลูกหมาตกน้ำ(โคลน)แต่ถ้าเธอเกิดสลบแล้วตายจะมาเป็นวิญญาณขี่คอเราไม๊เนี่ยะ =_=
" อื้อ.... อ่ะ กรี๊ดดด .... !! " เห๊ย คุณเธอตื่นมาก็กรี๊ดลั่นสนั่นหวั่นไหวเล่นเอาผมหูอื้อตาเลยทีเดียวนี้มันอะไรกันว่ะ หรือว่าเห็นอะไรขี่คอผมเนี่ยะ !
" โอ๊ยๆ ใจเย็นๆคับ นี้ผมมาช่วยคุณนะ " ผมรีบเขย่าตัวเธอแล้วก็พูดกรอกหู เพราะคุณเธอเริ่มที่ใช้มือจิกหน้าผมเข้าให้แล้วสิ
" อ๊ะ .... คุณ .... " เธอพูดออกมาเล็กน้อย แล้วก็หันไปมองเจ้าร่างไร้สติเลวๆทั้ง 4 แล้วก็หันมาทางผม (ที่มีรอยเล็บเล็กน้อย)
" อ๊ะ ... ขอบคุณมากค่ะ !! " เธอพูด เออ.... ท่าทางจะเข้าใจแล้วสินะว่าเรื่องมันเป็นไงมาไง เฮ้อ... หือ ....... เมื่อสังเกตคุณเธอดีๆแล้ว เสื้อของเธอขาดกระจุยกะจายแถมข้างในนั้นก็ขาดด้วย เพราะงั้น เอ......... นั้นมัน ..........
" คุณค่ะ เป็นอะไรรึป่าว ทำไมอยู่ๆหน้าแดงละ " เธอถามกลับ แหะๆ ก็เห็นหนองโพเข้าเต็มๆหยั่งงั้นไม่ให้หน้าแดงได้ไงละคับคุณ ... ว่าแล้วผมก็ชี้นิ้วไปที่อกของเธอ เธอก้มลงดูแล้วก็รู้ว่าผมหน้าแดงเพราะอะไร
" ว๊าย ... " เธอร้องออกมาเบาๆ เอามือปิดหน้าอกหน้าใจเอาไว้ ผมเลยต้องถอดเสื้อตัวเองคุลมเธอเอาไว้ก่อน เธอยิ้มแล้วก็ขอบใจผม สังเกตดีๆแล้ว ตรงคอเสื้อของผมมันมีคราบเลือดอยู่นี้หว่า เอ๊ะหรือว่า ... แหมะ ...
" กรรม ... " ผมอุทานออกมาเบาๆ เมื่อรู้ว่าเลือดกำเดาตัวเองออก สงสัยเพราะไอ้เวรนั้นถีบหน้าแน่นอน ไม่ใช่เพราะหนองโพทิ้มตาหรอก ... เมื่อเธอสังเกตุว่าผมมีเลือดกำเดาไหลออกมา เธอก็วีดวายเบาๆ เอาผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าในกระโปรงออกมาแปะหน้าผมทันที ผมรับไว้พร้อมกับยิ้มให้
" เรารีบออกไปกันเถอะคับ เมื่อกี้ผมปล่อยพวกมันไป 2 คน พวกมันอาจเรียกพรรคพวกมาอีกก็ได้ " ผมพูดแล้วพาเธอออกไปจากตรงนั้นทันที ถ้าขืนพวกมันยกพวกมาอีก คราวนี้ผมคงรับมือไม่ไหวแล้วละ สภาพออกจะอ่วมขนาดนี้ แต่พอเดินออกจากซอกนั้นได้ซัก 2 ก้าว ผมก็รู้สึกว่ามันวูบๆ โอ้ว ที่แท้ขาอ่อนนี้เอง เจ็บทั้งตัว ทั้งหน้า แหม.... ซวยจิงว๊อย ...
" นี้ๆ คุณค่ะ เป็นอะไรหนักมั้งไหมเนี่ยะ ... " เธอรีบมาพยุงผมทันที เออแฮะ.. คนดีจริงๆ
" ไม่เป็นไรมากหรอกคับ แค่ขาอ่อนนิดหน่อย ทานสลัดบาทาเยอะไปหน่อย " ความจริงของความจริงแล้วนอกจากสลัดบาแล้วก็มีหนองโพ Attack อีก 1 ..
เมื่อหยิบกระเป๋า เรียบร้อยแล้วเธอก็พาผมไปนั่งพักที่สวนสาธารณะที่อยู่ห่างออกไป เลยป้ายรถโดยสารของผมไปอีก อะไรกันฟระ นี้เราต้องเดินย้อนลงไปอีกเหรอเนี่ยะ เอาเหอะ ยังไงผมคงไม่รอดกลับไปถึงบ้านแน่ถ้าเกิดไม่ได้นั่งพัก แล้วเมื่อผมฟื้นแรงเหมือนเดิม ผมก็นึกถึงได้ว่า ตอนนี้ผมกลับบ้านสายเอามากๆแล้วสินะ อยากจะรีบกลับอยู่หรอกคับ แต่ว่าคุณผู้หญิงที่อยู่ข้างๆผมนี้สิจะทำไง
" เออ... คุณคับ .... " ผมเรียกเธอหลังจากพวกเราเงียบไปหลายนาที (คุณเธอมัวแต่เอาผ้าเช็ดหน้ากดที่จมูกผม)
" ค่ะ ... " เธอหันกลับมา หน้าตายังดูโทรมเหมือนเดิม =_= ทำไมไม่ไปล้างหน้าล้างตาละว๊า ... ทรงผมก็ไม่จัดให้เรียบร้อย สงสัยมัวแต่ดูอาการผมละมั้งเนี่ยะ (รู้สึกผิดนิดๆ)
" เดียวผมคงต้องไปแล้วละคับ ว่าแต่คุณจะกลับบ้านยังไงเหรอ .. " ผมถามอย่างเป็นห่วงเล็กน้อย เอาเป็นว่า ให้ตายก็ไม่อยากจะเข้าไปเจ็บตัวเพื่อช่วยเธออีกครั้งเป็นแน่ (เจ็บตัวซะ)
" อ๋อ เราโทรบอกคนที่บ้านมารับนะค่ะ .. " อ๋อ ... สรุปว่าคุณเธอจัดการเรื่องกลับบ้านของตัวเองเรียบร้อยแล้วสินะ
" คับ เออ.. ว่าแต่คุณชื่ออะไรเหรอ เผื่อเจอกันอีกทีจะได้ทักได้ ผมชื่อโจนะคับกำลังจะขึ้นม.ปลาย " เอาละคับ ชั่วโมงต่อไปคือการผูกมิตรภาพไวก่อนเพื่อไม่เสียมารยาท
" เออ.. เราชื่อ นุ่น ค่ะ กำลังจะขึ้น ม.ปลายเหมือนกันเลย " เธอพูดพลางยิ้มๆ แหะๆน่ารักเนอะ ชีวิตปลอดหญิงในโรงเรียนชายล้วนของผม เมื่อได้เข้าใกล้ผู้หญิงแล้วมันก็เป็นสุขอย่างนี้นีเอง
" เออ.. ว่าแต่เข้าโรงเรียนไหนเหรอคับ ? .." รู้ไว้ก็ไม่เสียหายนี้เนอะ ..
" อ๋อ... โรงเรียน ....... "
ปี๊น ......... ~!! เสียงบีบแตรดังขึ้นตรงหน้าสวนสารธารณะขัดจังหว่ะของนุ่น เธอหันไปมองแล้วก็หันมาบอกผมว่าเธอต้องไปแล้ว แล้วก็วิ่งไปขึ้นรถนั้นเลย
....... ว่าแต่นั้นมันเบนซ์นี้หว่า - - "
นี้เราไปช่วยลูกเศรษฐีที่ไหนละเนี่ยะ ... เอาเหอะ กลับบ้านไปฟังคุณแม่สุดที่รักเทศดีกว่า T_T ..........
.
ความคิดเห็น