ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Unknow: หนังสือแห่งหายนะ

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่2: การทดสอบความกล้า??

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 52


                  “แซ่ดๆๆ เสียงคุยกันดังไปทั่วทั้งห้องโถงกลางฟังแล้วไม่ได้ศัพท์เพราะปริมาณคนที่คุยกันมันมากมายเสียเหลือเกิน  อะแฮ่มๆ เอ่อ นักเรียนฟังทางนี้สักนิดอย่าเพิ่งคุยเสียงกระแอมเล็กๆดังขึ้นพร้อมกับการพูดที่ดูติดหัวเราะไปด้วยนิดนึง เขาคนนั้นคือ อาจาร์ใหญ่ของโรงเรียนนี้นี่เอง ข้ามหาปราชญ์มอนเกรย์ อาจารย์ใหญ่ของที่นี่ ขอประกาศให้การทดสอบเริ่มขึ้น ณ บัดนี้ เสียงที่ฟังดูแล้วช่างแฝงไปด้วยอำนาจเสียจริง และแล้วท่านอาจารย์ใหญ่ซึ่งขณะนี้กำลังเดินอย่างอาดๆลงมาจากที่ประกาศไม่รู้เพราะท่านแก่หรือว่าเสื้อคลุมที่ดูอลังการสุดๆแต่ท่าทางจะหนักนั่นทำให้ท่านเดินช้าลงโข

    ต่อไปนี้หากชื่อใดถูกขานให้ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในประตูนั้นสิ้นเสียงพิธีกรสาว ประตูแห่งเวทย์ก็ปรากฎแก่สายตาของทุกๆคน  เสียงเรียกรายชื่อยังคงมีต่อไปเรื่อยๆแต่พอถึงคนที่สองร้อยยี่สิบสองเท่านั้นล่ะสาวๆทุกคนถึงกับอึ้งเพราะคนที่ถูกขนานนามคือ โครโนส  เครเวล ทหารรับจ้างแห่งมินลาทีเรียด้วยใบหน้าของเขาที่หล่อราวกับเทพบุตรก็กระชากใจสาวทุกๆคนไปเลยแต่หากมีเพียงคนเดียวที่พอเห็น ปุ้ป พลันโทสะในใจก็บังเกิดขึ้นอีกรอบ นั่นคือ... ปิ้งป่อง ถูกต้องแล้ว ลีเลียนั่นเองซึ่งตอนนี้เธอกำลังดับไฟโทสะอยู่ในใจเงียบๆ

    หลังจากร่างเทพบุตร เอ้ย! โครโนสผ่านประตูไปสาวๆแต่ละคนใจก็ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวหน่อย  ผ่านไปอีกประมาณสองรายชื่อก็ถึงตาลีเลียเขาบ้างล่ะ  องค์หญิง ลีเลีย  โยรีเนฟ  รัชทายาทแห่งมินลาทีเรีย เอาน่ามันคงไม่แย่เท่าไหร่หรอกน่าลีเลียคิดในใจก่อนเดินผ่านประตูไปใช่ว่าขณะเธอเดินผ่านจะไม่มีใครมองนะแต่มองกันทุกคนเลยเพราะลีเลียนั้นเธอมีหน้าที่งดงามใบหน้าได้รูป ผมยาวๆสีแดงสดถูกดัดเป็นลอนๆช่วยให้ใบหน้าของเจ้าหล่อนนั้นน่ารักขึ้นเป็นกองแถมด้วยดวงตากลมโตสีเขียวมรกตด้วยแล้ว ยิ่งกระชากใจหนุ่มๆทุกคนเลยทีเดียว

    และเมื่อทุกๆคนถูกขานชื่อแล้ว หลังประตูนั่นคือ ห้องที่มืดมนไปหมดมีเพียงแต่ตัวอักษรสีทองปรากฎเท่านั้น อักษรเหล่านั้นเรียงกันเป็นคำว่า    หากเราไร้ซึ่งความกล้าย่อมมีแต่ความกลัว   หากเมื่อนั้นท่านจงกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความกลัวแล้วชนะมัน ท่านจะพบกับชัยชนะที่แท้จริง    สิ้นแสงจากตัวอักษรก็ปรากฏเสียงสัญญาณอันแสดงว่าการทดสอบได้เริ่มขึ้นแล้ว


                  “ตึก ตักๆ”เสียงหัวใจค่อยๆดังขึ้นทีละนิดๆ แสดงถึงความกลัวที่กำลังเพิ่มมากขึ้นหากแต่สำหรับพ่อหนุ่มโครโนสของเราแล้วมันไม่ใช่เลยมันกลับกลายเป็นเสียงหัวใจของความตื่นเต้นแทนซะงั้น หลังเสียงสัญญาณดังขึ้นเขาก็บุกทะลวงไปตามทางรวมทั้ง ทำลายกับดักและสัตว์ต่างๆที่ดูน่าขยะแขยงและน่ากลัวไปพร้อมๆกัน ด้วยความเร็วของเขาไม่นานก็ถึงประตูที่อยู่สุดทาง ประตูบานนี้ช่างน่าสงสัยจริงๆ เขาคิดขึ้นพลางพิจารณาไปที่ประตูบานสีเขียวแก่ท่าทางเก่าคร่ำครึเหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้มานาน ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดมันแล้วเดินเข้า

    ภายในห้องหลังประตูปรากฎเทียนนับร้อยเล่มตามทางเดินเพื่อทำให้เห็นทางเดินได้ประตูที่ต้องผ่านเพื่อผ่านการทดสอบอยู่ที่สุดปลายทางนั่น เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงเดินต่อไปอย่างระมัดระวังเพราะการทดสอบมันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น เมื่อถึงกลางทางพลันเกิดเสียง คลิ้ก!!ซึ่งเป็นเสียงที่บ่งบอกได้ว่าประตูนั้นถูกล็อคเรียบร้อยแล้ว ขณะนั้นเองก็เกิดเงาสีดำขึ้นพุ่งกระแทกเข้าร่างของเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

    ตุ่บ!!เสียงร่างกายเขาล้มลงหากแต่ไม่ได้ล้มลงทั้งตัวเพียงแค่ยันเข่าไว้เท่านั้น พร้อมกับมองหาเงาตนนั้น เมื่อสายตาไล่มองไปตามทางเขาก็พบเงาตนนั้นหากแต่เงานั้นดูใหญ่กว่าปกติแล้วมันกำลังเคลื่อนเข้ามาหาเขาแล้วทันใดนั้นมันก็พุ่งกระโจนเข้าหาร่างของเขา !!  ปึง เสียงของบางสิ่งกระแทกกำแพงเข้าอย่างจังเนื่องจากพลาดเป้าหมาย  เมื่อถูกแสงสว่างร่างกายของเงานั้นก็ปรากฎให้เห็นมันมีร่างกายที่ใหญ่โตแข็งแรงและมันมี สามหัว!! ใบหน้าดุร้ายคล้ายกับสุนัข เคลเบรอสเรอะ?’ เขาถามตัวเองในใจพร้อมกับกระโจนเข้าหาเจ้าสามหัวนั่นอย่างรวดเร็วเพื่อปิดฉากก่อนที่มันจะหันกลับมา

    “เปรี้ยง ตุ้บตั้บ” “เอ๋งๆ~~” เสียงรัวหมัดกับลูกเตะของโครโนสดังขึ้นสลับกับเสียงร้องโหยหวนของเจ้าสัตว์ร้าย เอ่อ..แบบว่าตอนนี้มันกลายเป็นกระสอบทรายร้องได้ของโครโนสไปซะแล้ว “เปรี้ยง!!!!!”เสียงดังลั่นไปทั่วเมื่อโครโนสทนความอึดถึกของเจ้าสามหัวไม่ไหวจึงทำให้เขาเหลืออดรวบรวมกำลังทั้งหมดเข้าสู่หมัดขวาก่อนจะกระโดดเอี้ยวตัวบิดเป็นเกลียวแล้วต่อยเสยปลายคางเจ้าสามหัว กระเด็นทะลุเพดานไปเลย      เมื่อเห็นว่าหมดตัวน่ารำคาญแล้วเขาก็เดินไปที่ประตูเพื่อผ่านการทดสอบ



                 ตัดมาทางลีเลียบ้างบัดนี้เจ้าหล่อนก็ถึงห้องสุดท้ายแล้วเหมือนกันหากแต่ที่เธอเจอะน่ะมันไม่ใช่เคลเบรอสหรอก
    แต่มันคือ ต้นเรเซอร์เรีย ที่ขึ้นชื่อด้านทนทานเวทย์น่ะสิ ยิ่งลีเลียเป็นพวกที่ถนัดเวทย์มากกว่าพละกำลังด้วยแล้วยิ่งทำให้เธอกลุ้มใจเข้าไปอีก จะทำลายมันยังไงดีล่ะเนี่ยเป็นความคิดรอบที่ 20 ได้แล้วล่ะมั้งหลังจากที่ลีเลียพบไอ้เจ้าต้นไม้ต้นใหญ่ที่มีเถาวัลย์ล้อมรอบเหมือนกับปกป้องมันอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปซักพักเธอก็คิดออก ถ้ารวมพลังไว้ที่จุดๆเดียวแล้วปล่อยออกไปยังไงๆมันก็ต้องทนไม่ไหวแน่

    พอนึกขึ้นได้เด็กสาวก็ได้ยกมือทั้งสองขึ้นประสานกันไว้ข้างหน้าแล้วร่ายเวทย์แห่งสายลม “สายลมที่เงียบสงบเอ๋ย จงแปรเปลี่ยนเป็นสายลมแห่งความโกรธเกรี้ยวเพื่อทำลายศัตรูแห่งข้า  วินเดอร์แสลช” เมื่อเวทย์ถูกร่ายเธอก็ยกมือที่ประสานกันขึ้นแล้วฟาดลงมาอย่างรวดเร็วเกิดเป็นสายลมที่อัดแน่นรวมกันเหมือนคมดาบตัดผ่านลำตัวของต้นบั่กอึดนี่ขาดเป็น2ท่อน “จะทำก็ทำได้แฮะแต่ทำเกินไปหน่อยมั้งเรา” พูดจบลีเลียก็สาวเท้าไปที่ประตูทันทีเนื่องจากกลัวว่าจะมีอะไรโผล่มาอีก แกร้ก เสียงเปิดประตูดังขึ้นเรียกให้เด็กหนุ่มที่กำลังอ่านหนังสือชายตามามองทันใดนั้นเองที่ดวงตาสีเลือดได้สบตากับดวงตาสีเขียวมรกตเข้าอย่างจัง

    “นะ..นี่นาย”ลีเลียอุธานขึ้นเมื่อพบเขาก่อนที่หันไปมองดูรอบๆห้องๆนี้มีเตาผิงอยู่ที่เดียวแต่ห้องมีขนาดใหญ่โตมากๆมีชั้นหนังสือเต็มไปหมดและก็มีโซฟาตั้งไว้เพียบเลย เมื่อเห็นดังนี้ลีเลียจึงเดินตรงเข้าไปหาโซฟาที่ใกล้ที่สุดเพื่อหาที่พัก แต่ก่อนที่เธอจะได้นั่ง ทันใดนั้นเองประตูก็ถูกเปิดขึ้นอีกรอบ  ปรากฎร่างของเด็กสาวผมยาวสีน้ำผึ้งเดินออกมาอย่างโซเซเหมือนกับหมดแรงอย่างไงอย่างงั้น ลีเลียจึงรีบเดินเข้าไปหาแล้วประคองร่างนั้นมาที่โซฟา จากการสังเกตสีหน้าแล้วทำให้ลีเลียรู้ว่าสาวน้อยคนเนี้ยแค่เสียพลังงานมากไปต้องพักซักนิดจึงจะหาย เธอจึงปล่อยให้พักส่วนตัวเธอนั้นก็เดินไปที่กาน้ำชาซึ่งวางอยู่บนโต้ะข้างๆ เมื่อรินน้ำใส่แก้วเรียบร้อยเธอก็เอามันวางไว้ข้างๆ เพื่อรอเด็กสาวคนนี้ตื่น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×