คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เครื่องรางความรัก หรือเครื่องรางความซวย!!!
ริวและมิยะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาล เพราะพ่อแม่ของทั้งสองนั้นเป็นเพื่อนกันมามากกว่า20ปี และอยู่บ้านใกล้ๆกัน ทำให้ทั้งริวและมิยะสนิทกันมาก ขนาดที่บางคนมาเห็นคงเข้าใจผิดว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันเป็นแน่ หลังจากขึ้นม.ปลายปู่ของริวต้องการให้ทั้งสองมาเรียนที่โรงเรียนฟูจิโนะโรงเรียนดังประจำจังหวัด ที่มี อาคามิยะ ยูริ พี่สาวของริว เป็น ผู้อำนวยการ ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากไปเรียนที่อื่นริวจะออกนอกลู่นอกทาง จึงจำเป็นที่จะต้องมีทั้งยูริ และมิยะ มาคอยดูแล ในตอนแรกริวขัดค้านที่จะไปเรียนที่ฟูจิโนะ แต่หลังจากมิยะบอกว่าอยากลองไปเรียนที่นี้ริวจึงจำใจต้องมาเรียนที่นี้ด้วย
ทั้งคู่นั่งรถเมล์สายประจำ มาลงแถวชานเมืองเพื่อเดินทางกลับหอพักที่พี่ยูริเป็นคนหาให้ ระหว่างทาง
ริวคิดอะไรไปเรื่อยทั้งเรื่องที่มีตัวเองและมิยะมีคนมาสารภาพรัก
‘ทำไมเราถึงไม่ตอบรับความรู้สึกของเขาไปนะ ทั้งๆที่เธอคนนั้นก็น่ารักดีแท้ๆ’ คำถามเดิมที่ริวถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่นั่งรถกลับมา เพราะก่อนหน้านี้เขาคบและนอนกับผู้หญิงที่มาในรูปแบบนี้แล้วทั้งนั้น
‘หรือว่า เพราะเราเบื่อแล้ว ไม่สิ ครั้งสุดท้ายก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วแท้ๆ ไม่น่าจะเบื่อได้นี้น่า ทำไมทำไม ทำไมกันว่ะเนี่ย!!’ คนข้างกายที่เดินมาด้วยกันสังเกตเห็นอาการของตัวสูง ที่ทำท่าทางเหมือนคนจมน้ำ คิ้วชนกันจนเห็นเป็นเส้นตรง แถมสะบัดหน้าแรงๆเหมือนหัวจะหลุดออกมา
“เป็นอะไรไปหรอริว”เสียงเล็กๆจากคนข้างกาย เรียกให้ริวสบตากับมิยะที่มองมาอย่างสงสัย
“เปล่า แค่...คิดอะไรเล่นๆนะ”
“หรอ เห็นทำท่าทางแปลกๆนึกว่าเป็นอะไร” มิยะหัวเราะคิกคัก ถ้าหากว่ามีนักเรียนจากที่อื่นมาเห็นเข้าคงจะถ่ายรูป แล้วเอาไปขายเป็นแน่ ซึ่งนั้นคงได้กำไรอื้อซ่าพอดู
“
.” หลังจากบทสนทนาสิ้นสุดลง ความเงียบได้ปกคลุมอีกครั้ง คนตัวสูงก็เริ่มคิดฟุ๊งซ่านอีกครั้ง
‘จะว่าไปเจ้ามิยะเองก็มีคนมาสารภาพรักก็ออกบ่อย ถึงจะมีผู้ชายบ้างก็เถอะแต่ผู้หญิงก็เยอะ ดีไม่ดีจะมากกว่าเราอีก แต่ทำไมมันถึงไม่คบเป็นตัวเป็นตนไปเลยนะ’ พลันเหลือบสายตาไปเห็นด้านข้างของคนที่คิดถึงอยู่
รูปร่างผอมบาง แขนขาเรียวเล็ก ผมซอยยาวประบ่า ตาใสซื่อ แถมเสียงเล็กๆเหมือนเด็ก ถึงเขาเองจะไม่ได้มีรสนิยมพิศดาล แต่ก็คงต้องยอมรับว่ามิยะน่ารักมากเกินกว่าจะเป็นผู้ชายได้
‘ทำไมมันถึงไม่เป็นผู้หญิงนะ หืม!!!! นี้เราคิดอะไรอยู่เนี่ย มันจะเป็นผู้หญิงไปได้ยังไง อืมม!! จะว่าไปก็ไม่เลวนะ เฮ้ย!!!! ไม่ไม่ไม่ เราไม่ได้คิดแบบนั้น อ่ะ!! แต่เราก็คิดไปแล้วนี้หว่า นี้ตูกลายเป็นโฮโมไปแล้วหรอเนี่ย ม่ายจิ๊งงงงงงงงงงงงง’ จินตนาการพิศดาสบวกนิสัยไม่แคร์สายตาชาวบ้าน ริวแหกปากคร่ำครวญ เอาหัวโขกเสาไฟฟ้าหวังที่จะลืมความคิดสุดสยิวที่ตนจินตนการขึ้น จนมิยะตกใจกับอาการขึ้นๆลงๆของคนตรงหน้า และไม่รู้ว่าจะห่วงความปลอดภัยของริวหรือเสาไฟฟ้าดี
ฟู่~~~~ เสียงจากหัวของริวที่โขกกับเสาไฟฟ้าจนพอใจแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่จำเป็นที่จะต้องห่วงริวแล้วเพราะดูๆไปอาการของเสาไฟฟ้าน่าเป็นห่วงกว่า
‘หัวแข็งชะมัด’
“มะ...ไม่เป็นไรนะ ริว” ถึงจะถามด้วยความเป็นห่วงแต่มิยะก็รักษาระยะห่างจากคนตรงหน้าอยู่พอสมควร
“อืม ฉันไม่เป็นไร”คงจะจริงดังว่า ริวไม่มีอาการหัวบวมโนแต่อย่างใด จะมีก็แค่รอยแดงๆเท่านั้นที่เป็นหลักฐานว่าเจ้านี้เอาหัวโขกเสาไฟฟ้าเป็นรู
“งั้นรีบกลับเถอะจะมืดแล้วนี้น่า ส่วนนี้ยิ่งอากาศหนาวๆอยู่ด้วย” ว่าแล้วทั้งสองก็เร่งฝีเท้ามากขึ้นแต่ก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อมีแขกโผล่มาเซอร์ไพล์จากด้านหลัง
“ว่างาย~~~จ้า มิยะจ๊าง~~~~”เสียงประหลาดที่คล้ายกับผีจูออน แว่บมาจากด้านหลัง
“ว้ากกกก!!!!!” มิยะกระโดดกอดคนตัวสูงหลับตาแน่น ไม่แม้แต่จะหันหลังไปมองว่า ต้นตอของเสียงเป็นคนไม่ใช่สิ่งที่เขาคิด
“หืม มิยะจังนี้ยังกลัวผีเหมือนเดิมเลยนะ คิกคิก” ผู้ที่มาเยื่อนทั้งสองคือ อาคามิยะ ยูริ พี่สาวของริว “แหม่ กอดกันกลมเลยนะ พี่ชักอิจฉาแล้วสิ”
คำพูดของยูริ ทำให้ทั้งสองดูสถาพตัวเองในตอนนี้
ทั้งคู่ อยู่ในท่าทางที่ริวช้อนตัวมิยะเหมือนอุ้มเจ้าสาว แถมมิยะเองยังเอาแขนเรียวเล็กคล้องคอริวเอาไว้เสียด้วย
จะว่าไปก่อนหน้านี้มิยะเอาหน้าซุกกับอกของริวด้วยล่ะ
“อ้ะ โทษทีนะริว หนักสินะ” ริวตะลึงอยู่ซักพักก่อนจะวางหนุ่มร่างบางลง
‘หนักอะไรกัน ตัวเล็กแค่นี้ วันๆกินอะไรบ้างหรือเปล่าเนี่ย’
“แล้วพี่ยูริมีอะไรหรือฮะ” ยูริหัวเราะคิก
“เปล่าจ้ะ พี่แค่จะแวะไปดูพวกเราที่หอนิดหน่อยนะ แต่มาเจอเธอสองคนพอดี” ในมือของยูริมีถุงใหญ่ๆอยู่หลายใบ “จริงสิ พี่ซื้อของมาฝากพวกเราด้วยนะ”
‘อย่างงี้ต้องมีอะไรแน่ๆ ร้อยปี พันปีไม่เคยซื้ออะไรมาให้เลยสักครั้งแท้ๆ’ ริวรู้สึกสังหรณ์ใจ ไม่ดี
“นี้ของมิยะจังจ้ะ” ยูริยื่นหนังสือแปลกๆ เล่มโตให้ หนังสือที่มีความยาวเป็นพันๆหน้า!!
“ขอบคุณมากฮะ” มิยะรับไว้ “แต่ผมว่าพี่ไม่ต้องมีจังลงท้ายก็ได้ฮะ มิยะก็พอ” แต่ดูเหมือนหนังสือจะหนักเกินไป ทำให้มิยะเซไปเซมา
“มา ฉันถือให้” ริวแย่งหนังสือจากมือมิยะมาถือไว้ พลางมองพี่สาว เป็นนัยๆ ว่า ‘ไหนของฉันล่ะ’
“อันนี้ของริวนะ” ยูริยื่นแผ่นไม้ที่มีภาษาประหลาดๆให้ริว
‘คนอื่นล่ะให้ของดีน้องตัวเองให้แผ่นไม้ ’ ริวขบฟันนับหนึ่งถึงร้อย ข่มอารมณ์ เอาไว้ แต่มีหรือว่าพี่สาวของตนจะไม่รู้ แต่เธอเพียงอยากแกล้งน้องชายเล่นๆเท่านั้นเอง
“อ่ะ อย่าดูถูกว่ามันคือแผ่นไม้ธรรมดาๆ นะ เพราะมันคือ เครื่องรางนำโชคที่ส่งตรงมาจากประเทศจีนเลยเชียวนะ” ยูริยังร่ายยาวเหมือนพนักงานขายของที่บรรยายสัพคุณของสิ่งของได้เกินจริงไปถึงไหนต่อไหน
ริวไม่ได้สนใจฟังอะไรจนกระทั่งคำคำนึงลมเข้ามาถึงหูเขา
“เครื่องรางอันนี้หากเราขอพร เกี่ยวกับความรัก แม้มันจะเป็นดังเรื่อง มหัศจรรย์แค่ไหนก็จะบังเกิดได้ ”
เธอกอดอกเชิดหน้าขึ้น บอกถึงความภาคถูมิใจที่ตนบรรยายความสามารถของแผ่นไม้ให้กลายเป็นทองคำได้
“ขออะไรก็ได้หรอ” เขานึกไปถึงเรื่องก่อนหน้าที่พี่ยูริจะมา เรื่องที่เขาเผลอคิดอยากให้ มิยะกลายเป็นผู้หญิงจริงๆ
‘หากขอจริงๆจะได้ผลไหมนะ’
มิยะเดินมาข้างๆริวมองหน้าริวสลับกับเครื่องราง ดูไปแล้วเหมือนริวจะดีใจมากที่ได้เครื่องชิ้นนี้มา ทางริวเองพอรู้ว่ามีคนจ้องอยู่จึงหันไปสบตากับมิยะ
“ดีจังเลยนะ ได้เครื่องรางความรักด้วย นายคงขอพรให้เจอคนรักสินะ” มิยะยิ้มบางๆ
“ถ้าหากฉันอยากให้นายเป็นผู้หญิง และเป็นคนรักของฉันล่ะ นายจะว่าไง” คำพูดประหลาดออกมาจากปากริว ทำให้มิยะและยูริช็อคค้างไปชั่วขณะนึง แต่ก่อนที่มิยะจะได้ตอบกลับ
เปรี้ยงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!
สายฟ้าสีดำผ่าใส่มิยะ เป็นภัยธรรมชาติที่จงใจเกินไป นอกจากนี้ยังมีหมอกควันลอยออกมาเต็มไปหมด ทำให้ริวและยูริต้องถอยห่างออกมา
“มิยะ !!นายไม่เป็นอะไรนะ มิยะ!!นายตอบฉันสิ เฮ้ย!! มิยะ!!!”ริววิ่งเข้าไปในกลุ่มหมอกควัน มือใหญ่พยายามปัดไปมาให้หมอกจางหายไปให้เร็วที่สุด
“มิยะจังเป็นอะไรหรือเปล่าจ้ะ มิยะจัง” ยูริเองก็พยายามมิยะเช่นกัน แต่จนแล้วจนรอดหมอกเหล่านี้ก็ยังไม่หมดไปเสียที
ความคิดเห็น