กระโปรง - กระโปรง นิยาย กระโปรง : Dek-D.com - Writer

    กระโปรง

    ถ้าหากคนสองคนที่รักกันมาก แต่งงานและอยู่กินกันมานาน ทว่าอยู่ๆวันนึงกลับต้องพบว่าอีกคนๆที่เรารู้จักนั้นไม่ได้เป็นยังทีเ่ห็น ถ้าหากว่าเรื่องราวของเขามีอะไรมากกว่านั้น คุณจะทำยังไง

    ผู้เข้าชมรวม

    263

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    263

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 ก.ค. 65 / 17:03 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ทันทีที่เปิดประตูกลับเข้ามา กลิ่นหอมของอาหารเช้าก็ลอยเข้ามาในโสตประสาท

    “อาหารเช้าพร้อมแล้วนะ” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ทันทีที่เธอเดินเข้ามาในห้องครัวก็เห็นเจ้าของเสียง ชายหนุ่มร่างสูงในชุมสูทกำลังถอดผ้ากันเปื้อนสีครีมลายการ์ตูนแสนน่ารักที่ไม่เข้ากับตัวเองเลยสักนิดออก บนโต๊ะมีอาหารเช้าขนาด 1 คนกินวางอยู่ บนจานมีครัวซองชิ้นใหญ่ ไข่คนใส่สมุนไพร สลัดผัก และโยเกิร์ตใส่ผลไม้

    อย่างอดไม่ได้ เธอเดินตรงเข้าไปและสูดกลิ่นหอมของขนมปังร้อนๆ “น่ากินมากเลย” เธออุทาน

    “กินให้หมดละ” ชายหนุ่มหัวเราะ ก่อนจะหยิบกระเป๊าหนังขึ้นมา “ผมไปทำงานละนะ”

    หญิงสาวเดินตามมาถึงหน้าบ้าน เงยหน้ารอให้อีกฝ่ายจุ๊บลงบนหน้าผาก ก่อนจะโบกมือให้

                “ไปทำงานดีๆนะ”

                “เจอกันเย็นนี้ครับ” เขาออกไปขึ้นคร่อมจักรยาน ไม่วายหันมาส่งยิ้มกว้างและโบกมือก่อนจะปั่นออกไป

    เธอมองจนอีกฝ่ายเลี้ยวลับสายตา แล้วจึงเดินกลับเข้ามาในบ้าน รอยยิ้มกว้างยังคงประดับอยู่บนใบหน้า

    คริสติน เวสวู๊ด หญิงสาววัย 29 รู้จักกันในชื่อ คริส เจ้าของร้านดอกไม้พ้วงด้วยตำแหน่งศรีภรรยาที่ได้มาสดๆร้อนๆเมื่อ 2 เดือนก่อนหลังจากเข้าพิธีวิวาร์กับ ไบรอัน เวสวู๊ด แฟนหนุ่มที่คบกันมาเกือบ 10 ปี

    ด้วยความหิว เธอตัดสินใจไม่ไปอาบน้ำและเดินตรงไปที่โต๊ะอาหารทันที มือนึงคว้าโทรศัพท์มาเช็คข้อความ ขณะที่อีกมือคว้าครัวซองเข้าปาก

    ผ่านไปราวๆครึ่งชั่วโมง อาหารก็หายลงกระเพาะจนหมด เธอรวบผมสีน้ำตาลขึ้นเป็นมวยอย่างง่ายๆ หยิบผ้ากันเปื้อนสีครีมลายการ์ตูนที่ไบรอันวางทิ้งเอาไว้มาคาดเอว บนโต๊ะไม้มีจานและแก้วที่ว่างเปล่าวางอยู่ คราบซอสมะเขือเทศยังปรากฏอยู่ให้เห็นอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นดูเผินๆคงนึกว่าเป็นจานสะอาด เธอหยิบจานชามซ้อนกันอย่างคล่องแคล้ว คว้าผ้าขี้ริ้วที่วางอยู่วางทิ้งไว้บนเคาร์เตอร์มาเช็ดจนโต๊ะสะอาจเหมือนใหม่ ก่อนจะยกจานสกปรกมาเก็บใส่เครื่องล้างจานและกดปุ่มเริ่ม

    การทำงานบ้านเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆของเธอ แต่มีเครื่องๆต่างก็ทำให้สบายขึ้นไม่น้อยและประหยัดเวลาได้มากโข

    เสียงติ๊ดๆดังมาจากเครื่องอบผ้า เป็นสัญญาณบอกว่าผ้าพร้อมที่จะเก็บแล้ว เป็นเวลาเดียวกับที่หญิงสาวพาดผ้าตากไว้ที่ขอบอ่างล้างจาน

    เธอย้ายผ้าทั้งหมดมาใส่ตะกร้าที่หยิบมา กลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มและผ้าอุ่นๆทำให้เธออยากจะซุกตัวลงไปเกลือกกลิ้งในความอุ่นสบายนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไบรอันถึงได้อาสาทำหน้าที่นี้

    เธอเริ่มฮัมเพลงโปรดโดยไม่รู้ตัว เดินไปยังห้องแต่งตัวของเธอ หลังจากเก็บเสื้อผ้าเธอเสร็จค่อยเข้าห้องของไบรอัน

    ทั้งสองคนนอนห้องเดียวกันมานานแล้ว แต่ทั้งคู่ต่างเห็นตรงกันว่าอยากมีห้องแต่งตัวแยกกัน สำหรับเธอ เธอคิดว่ามันทำให้เธอได้มีพื้นที่ส่วนตัว และยังมีโอกาสให้เธอแต่งตัวเซอร์ไพรส์สามีด้วย

    เธอใช้เวลาเก็บเสื้อผ้าของเธอไม่นานก็มุ่งหน้าไปห้องของไบรอัน หลังประตูสีขาวเป็นห้องเล็กๆ ที่สุดปลายห้องอีกด้านเป็นกระจกบานใหญ่ ผ้าม่านสีน้ำตาลถูกดึงเปิดเอาไว้ ปล่อยให้แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาด้านในได้อย่างเต็มที่ ข้างประตูมีโต๊ะสูงตัวนึงวางอยู่ ถัดไปเป็นเบาะนวมสีขาว ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ตั้งชิดอยู่ด้านซ้าย เมื่อเธอเปิดตัวเสื้อผ้าออก ด้านในเต็มไปด้วยเสื้อเชิร์ตและสูทหลายแบบ 

    ไบรอันเป็นพนักงานบริษัท เสื้อผ้าส่วนมากของเขาจึงจำเจซ้ำซากอย่างช่วยไม่ได้ ริมตู่อีกด้านจึงเป็นเสื้อผ้าสีสันหลากหลาย ตั้งแต่สีขาวดำยันสีสันสดใสอย่างสีส้มสีเขียวหรือสีฟ้า มีทั้งเสื้อยืด เสื้อคอเต่า กางเกงหลากหลายแบบ นอกเวลางานเขาเป็นคนชอบแต่งตัวอย่างไม่น่าเชื่อ เรียกได้ว่าเป็นสามีในฝันเลยที่เธอสามารถพาไปช็อปปิ้งได้อย่างมีความสุข เธอดึงที่รีดผ้าออกมา รีด พับ และเก็บจนเรียบร้อยเธอถึงปิดประตูตู้ลง

    ในขณะที่เธอกำลังกำลังจะออกจากห้อง โดยไม่ได้ตั้งใจเดินเตะโต๊ะข้างประตูอย่างแรงจนน้ำตาเล็ด คริสก้มลงจำเท้าตัวเอง เจ็บอย่างกับนิ้วก้อยจะแตก บ้าบอที่สุด

    รอจนความปวดจางลงเธอถึงลุกขึ้นก่อนจะเห็นถุงกระดาษที่ตกอยู่ที่พื้น ของด้านในกระจายออกมา มีเอกสารหลายฉบับ สมุดโน้ตที่ไบรอันใช้บ่อยๆ เธอโกยทุกอย่างกลับเข้าไปในถุง ทว่าสายตากลับไปสะดุดที่ของชิ้นสุดท้าย มันเป็นเดรสสีขาวแบรนด์โปรดของเธอ

    หรือว่าไบรอันซื้อของขวัญให้เธอ ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอก็ควรจะรอต่อไป เมื่อเธอคิดอย่างนั้น คริสจึงเก็บเดรสตัวนั้นกลับเข้าถุงไป และเดินออกจากห้องไปเข้าห้องน้ำ

    เธออาบน้ำสระผมจนสะอาจสะอ้าน หยิบกระโปรงตัวโปรดมาสวม แต่งหน้าด้วยแป้งผุ่นบางๆ บรัชออนสีพีช จบด้วยลิปมันกลิ่นส้ม

    หลังจากเช็คว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เธอก็คว้าถุงผ้าใส่กระเป๊าตังค์ โทรศัพท์ สายชาร์ต สมุดบัญชี เอกสารการสั่งซื้อสองสามแผ่น ล็อคบ้านให้เรียบร้อยและขับรถออกมา

    วันนี้ก็เป็นวันปกติธรรมดาวันนึง เธอเปิดร้าน จัดร้าน รับดอกไม้ใหม่มา มีลูกค้ามาประปราย จนกระทั่งตอนบ่ายๆ

    เสียงกระดิงดังขึ้น มีลูกค้าเข้ามาในร้าน

    “สวัสดีค่า อยากได้ดอกไม้แบบไหนดีคะ” เธอรีบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส วางเอกสารในมือลงก่อนจะเงยหน้าขึ้น

    ลูกค้าเป็นหญิงสาววัยไล่เลี่ยกับเธอ ผมสีบลอนด์ถูกรวบเป็นหางม้า ใบหน้ามีกระประปราย แต่งหน้าเบาๆทำให้ดูสดใสและเป็นกันเอง เธอใส่เสื้อยืดตัวใหญ่ทับกับกางเกงยีนห้าส่วนสีอ่อน ปิดท้ายด้วยรองเท้าแตะ

    “คริส!”

    “ทิลด้า?” คริสเรียก “มาทำอะไรเนี่ย!”

    ทิลด้าคือเพื่อนซี้ตั้งแต่เด็กของเธอ ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ตัวติดกันมาตลอดจนกระทั่งทิลด้าแต่งงานเมื่อปีก่อน ทั้งสองจึงมาเจอกันน้อยลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสนิทกันไม่เปลี่ยน

    “คิดถึงน่ะสิ” ทิลด้ากระโดดโลกเต้นเข้ามากอด ทั้งคู่พากันนั่งลง คริสไปวางชาเย็นขวดลงบนโต๊ะ

    “ขอโทษทีนะ พอดีไม่มีน้ำอะไรดีๆเลย”

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า น้ำอย่างนี้แหละ อร่อย” ว่าแล้วหล่อนก็หัวเราะร่า

    ทั้งคู่ใช้เวลาที่เหลือในการคุยเล่นกันสักพักก่อนที่สีหน้าทิลด้าจะเคร่งเครียดขึ้น

    “คริส” น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปทำให้คริสต้องปรับโหมดมาจริงตังตาม

    “อะไรหรอ”

    “เรื่องไบรอันน่ะ” ทิลด้าดูลังเลใจเล็กน้อย รู้ว่าการพูดเรื่องสามีของเพื่อนซี้คงทำให้บรรยากาศน่าอึดอัด

    คริสยิ้มบางๆ ตบไหล่เพื่อน “พูดมาเถอะไม่เป็นไหร่หรอก”

    ได้ยินอย่างนั้น ทิลด้าก็ยิ้มเจื่อนๆก่อนจะเริ่มพูด “คือเมื่อวันก่อน ฉันเข้าเมืองมา แล้วก็บังเอิญเจอไบรอันเข้า” หล่อนเหลือบมองคริสเล็กน้อย เห็นเธอไม่ว่าอะไรแล้วจึงว่าต่อ “คือไบรอันหน่ะไม่เห็นฉันหรอก แต่ฉันเห็นเข้ามาเดินช็อปปิ้งกับผู้หญิงคนนึง ถ้าจำไม่ผิดฉันคิดว่าเป็นเจนนี่นะ” เจนนี่คือเลขาของไบรอัน คริสเองก็รู้จักดี สำหรับเธอแล้วไบรอันช็อปปิ้งก็ไม่ได้แปลกอะไร ดีไม่ดีอาจจะเป็นเจนนี่ก็ได้ที่ช่วยไบรอันเลือกเสื้อสีขาวตัวนั้น

    “เห็นเขาไปหลายร้านเลยทั้งร้านเครื่องสำอาง ร้านเสื้อผ้า แล้วก็” ทิลด้าเบาเสียงลง “ร้านชุดชั้นในด้วย”

    “ไม่มีอะไรหรอกน่า” คริสตัดบท เหลือบมองนาฬิกา 5 โมงเย็น ได้เวลาปิดร้านพอดี เธอจึงลุกขึ้นยืน ปัดเรื่องทั้งหมดออกจากหัวอย่างหัว ทุกอย่างให้ไบรอันเล่าดีกว่า ทิลด้าเองก็รู้จักเพื่อนดี เห็นท่าทีก็ลุกขึ้นยืน

    “มารบกวนซะนานเลย ไว้เจอกันวันหลังนะ เดี๋ยวมีธุระต่อเหมือนกัน” กอดร่ำลากันเรียบร้อยก็จากไป ส่วนคริสก็เดินไปพลิกป้ายหน้าร้าน และเดินกลับไปเก็บของทุกอย่าง ดันเรื่องที่ยินมาลึกข้างใน

    เธอกำลังล็อคประตูร้านตอนที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ‘สามี’

    “ว่าไง”

    ‘คิดถึงจัง’ เสียงไบรอันลอดมาตามสาย เธอสามารถจินตนาการหน้าไบรอันตอนนี้ได้เลย เขาคงพยายามทำตัวเหมือนลูกหมาน่าสงสารเพื่อขออะไรสักอย่าง

    “อยากได้อะไร” เธอตอบกลับหัวเราะเบาๆ

    ‘โถ่ ไม่มีอะไรหรอกน่า’ เขาเว้นไปสักพักก่อนจะพูดเสียงอ่อยมา ‘เย็นนี้ผมกลับดึกๆนะ เพื่อนที่ทำงานพาไปกินเลี้ยงน่ะ’

    “เอาสิ ไปกินให้สนุกนะ แต่ก็ดูแลตัวเองด้วยละ” คริสว่าพลางเดินขึ้นรถ ปรับโทรศัพท์เป็นโหมดลำโพง

    ‘ขอบคุณนะ ไปละ รักนะครับ’ ร่ำลาอยู่สักพักก็วางสายไป

    ถึงทิลด้าจะหวังดีมาบอกเธอ แต่ว่าเธอรู้จักไบรอันดี ลูกหมาหงอยอย่างนั้นไม่มีทางทำร้ายเธอแน่นอน

     

                พาสต้าอัลเฟรโด้ของโปรดถูกตักใส่จานอย่างง่ายๆ คริสเทไวน์ขาวให้ตัวเองหนึ่งแก้วเป็นการให้รางวัลตัวเองที่ทำงานมาหนัก ขูดชีสพาเมซ่านโรยด้านบนเยอะๆเป็นอันเสร็จ

                เธอนั่งลงกำลังจะเริ่มกิน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ไบรอันโทรมา? ไม่ได้คิดอะไรมากมายกดรับสาย

                “มีอะไรหรอ” เธอถาม ม้วนพาสต้าด้วยส้อมแล้วเอาใส่ปาก

                ไม่มีเสียงจากปลายสายอีกด้าน มีแต่เสียงกุกกักๆ “ไบรอัน?” ยังคงไม่มีเสียงตอบ “ฮัลโหล” ท่าทางคงจะบังเอิญกดโดน เธอกำลังจะวางสายตอนที่ได้ยินเสียงบางอย่าง

                ‘เหมาะกับไบรอันที่สุดเลย’ เสียงผู้หญิงดังลอยมา มือที่กำลังจะกดวางพลันหยุดชะงัก ‘ผมยังไม่สวยเท่าคุณหรอก’ เสียงผู้ชายเสียงนี้เธอไม่มีทางจำผิด ไบรอันแน่นอน

                ‘ชอบไหม’

                ‘อืม ผมเชื่อคุณ’ ทั้งสองคุยเล่นกันต่อไป ส่วนคริสนั้นตัวแข็งทื่อ รู้สึกแน่นหน้าอก สมองขาวโพลน มือกดวางโทรศัพท์ไปตอนไหนไม่รู้ตัว ปากไม่รับรู้รสชาติอาหารอีกต่อไป

                ในหัวผุดภาพของไบรอันกับผู้หญิงคนอื่น หัวใจพลันเจ็บแปล๊บ

                ใจหนึ่งของเธอก็เชื่อมั่นในตัวไบรอัน อยากจะฟังทุกอย่างจากเขาเอง ถ้าเอีกเสี้ยวหนึ่งก็อดที่จะหวาดกลัวไม่ได้

                ถ้าเกิดว่า... คริสไม่กล้าที่จะคิดต่อ คว้าไวน์ขาวใกล้ตัวกระดกรวดเดียวจนหมด

     

                หลายชั่วโมงผ่านไป ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำสนิท ไฟในบ้านปิดมืด มีเพียงไฟในครัวหนึ่งดวงที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ขวดไวน์ที่วางเปล่าล้มละเนละนาดอยู่บนโต๊ะ แก้วไวน์ทรงสูงยังคงมีเมรัยอยู่เต็ม ส่วนเจ้าของแก้วนั้นพับตัวอยู่บนโต๊ะ ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทไม่รับรู้เรื่องราวภายนอกอีกต่อไป

                ประตูบ้านถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ชายคนนึงในชุดสูทเรียบร้อยเดินเข้ามา ดวงตาเรียวสีฟ้าเป็นประกายสดใส บ่งบอกว่าเจ้าตัวยังคงมีสติชัดเจน ผมสีทองยังเป็นระเบียบเหมือนตอนออกไปไม่มีผิด ปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา

                เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นเป็นจังหวะก่อนที่จะหยุดชะงักไป

                เขาวางกระเป๊าหนังลงบนเคาร์เตอร์ในครัว ก้มลงถอดรองเท้าออกวางไว้ไม่ไกล ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าคลุมไหล่ที่ถูกวางทิ้งไว้ที่โซฟามาคลุมลงบนหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ส่วนตนเองนั้นเริ่มก้มเก็บขวดไวน์และแก้วไปเก็บ

                เมื่อบ้านกลับมาเรียบร้อยแล้ว เขาถึงนั่งลงดึงจานพาสต้าที่ถูกวางทิ้งไว้จนเย็นชืดมาหน้าตนเองก่อนจะเริ่มตักกิน โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันทั้งเย็นชืดและเลี่ยนไปหมด แต่ถึงยังงั้นเขาก็กินจนหมด

                “ฮือ” เสียงครางเบาดังขึ้น ใบหน้าของคริสเบะลงเหมือนกับเด็กที่ไม่ได้ดั่งใจ แลดูทั้งตลกและน่ารักพร้อมกัน รีบวางจานลงในตู้ล้างจานอย่างลวกๆก่อนที่จะเดินมาช้อนตัวภรรยาขึ้นมา

                “ไบรอัน” แม้จะสลืมสลือแต่เธอก็มั่นใจว่าคนตรงหน้าคือไบรอัน แต่จากนั้นเธอก็ต้องย่นจมูก

                “ว่าไง”

                “กินเหล้ามาหรอ เหม็น”

                อีกฝ่ายไม่ตอบเพียงแต่กระชับตัวคนในอ้อมแขนให้มั่นคงก่อนที่จะเดินไปที่ห้องนอน

                คริสเริ่มดิ้นและคว้าแขนชายหนุ่มไว้แน่น “ไม่เอา ไม่ให้ไป ไบรอันใจร้าย”

                ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่าหมายถึงอะไรแต่เขาก็เออออตามน้ำอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่ไปไหนๆ ขอเปลี่ยนเสื้อก่อน”

     

                ภาพแรกที่คริสเห็นคือชายหนุ่มผมทองกระเซอะกระเซิง เสื้อเชิร์ตยับยู่ยี่ กระดุม 3 เม็ดบนถูกปลดออก ท่าทางไม่มีคงจะเหนื่อยมากจนไม่ได้อาบน้ำ

                นานๆทีถึงจะได้มองหน้าอีกฝ่ายเต็มๆตา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปาก แนวสันกรามคมเข้มทำให้ใบหน้าดูดุดันมากขึ้น

                เธอยกมือเขี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าอีกฝ่ายออก ความรู้สึกเศร้าปรากฏขึ้นในใจ เธอจำทุกอย่างได้ อย่างน้อยก็ทุกอย่างก่อนที่เธอจะเมาไม่รู้เรื่อง

                “ร้องไห้ทำไม” จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้น ทำเอาเธอสะดุ้งจนหลุดจากภวังค์ จึงเห็นอีกฝ่ายจ้องเธอด้วยดวงตาสีฟ้าใส เธอยกมือปาดหน้าตัวเองถึงได้รู้ตัวว่าตนเองร้องไห้อยู่

                “อ่าว คงจะหาวมั้ง” เธอว่าและยันตัวขึ้นนั่ง มีอะไรก็ควรคุยกันตรงๆ เธอเม้มริมฝีปากกำมือรวบรวมความกล้า

                ไบรอันก็ไม่ใช่คนโง่ เห็นท่าทีของอีกฝ่ายจึงลุกขึ้นนั่งบ้าง ใบหน้าเคร่งเครียดขึ้น

                “ไบรอัน” หลังจากสูดลมหายใจลึกๆ เธอก็เรียกเริ่มพูด “เมื่อวานทิลด้ามาหาฉันที่ร้าน มาบอกฉันว่าเห็นนายเดินช้อปปิ้งกับเจนนี่” กลั้นหายใจพูดอย่างรวดเร็วก่อนจะที่เงยหน้ากลับมามองอีกฝ่าย ทว่าก็เห็นเพียงเปลือกตา ไบรอันคลี่ยิ้มอย่างเศร้าๆ

                “ไบรอัน” เธอเรียกเสียงเบา พยายามอย่างมากที่จะไม่ให้เสียงสั่นและไม่ให้น้ำตาไหลออกมา “มีอะไรจะบอกฉันไหม”

                อีกฝ่ายก้มหน้าลง มีเสียงถอนหายใจดังออกมา ความเงียบเข้าปกคลุมห้อง ทุกวินาทีนั้นแสนยาวนาน ไบรอันลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ และเดินออกไปจากห้อง

                หัวใจหล่นลงไปที่ตาตุ่ม ไบรอันเป็นทุกอย่างของเธอ เป็นครึ่งชีวิตของเธอ เป็นคนที่เธอเชื่อมั่นที่สุดว่าไม่มีวันทรยศเธอ ถึงแม้ทุกคนจะบอกว่าเป็นการกระทำที่โง่เง่าแต่เธอก็มั่นใจเช่นนั้นมาตลอด โลกใบนี้ของเธอไม่ว่าจะร้อนจะหนาวจะลมจะฝน มันก็แสนสวยงามและสดใสเสมอเมื่อเธออยู่กลับเขา และตอนนี้โลกทั้งใบกำลังค่อยๆพังทลายลง

                ไหล่ที่เคยเหยียดตรงเสมอห่อลง น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ไหลออกมา และเมื่อมันเริ่มมันก็ไม่หยุดง่ายๆ ในวินาทีนั้น เธอก็สัมผัสได้ถึงอ้อมกอดจากด้านหลัง

                “ผมขอโทษนะ” ซองสีขาวซองหนึ่งถูกวางลงบนตักของเธอ อีกฝ่ายยังคงกอดเธออยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย

                ซองจดหมายสีขาว บนหน้าซองนั้นว่างเปล่า มันไม่ได้ถูกผิดผนึกด้วยซ้ำ เธอค่อยๆดึงจดหมายด้านในออกมา มันเป็นข้อความสั้นๆเพียงแผ่นเดียว

     

    ถึง คริส

                คริส ผมขอโทษ ผมหวาดกลัวเกินกว่าที่จะบอกคุณด้วยตัวเองถึงตัดสินใจที่จะเขียนแทน ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องเสียใจ มันเป็นความผิดของผมทั้งหมด ทั้งๆที่ผมบอกไว้แล้วว่าจะไม่มีวันทำให้คุณต้องเสียใจ ผมพูดไม่เก่ง เขียนก็ไม่เก่ง ผมแค่อยากบอกว่าผมรักคุณที่สุด และต่อให้คุณตัดสินใจจะจากไป ผมก็จะอยู่ข้างหลังคุณเสมอ ผมจะรอคุณอยู่ที่เดิม

                นี่คือสิ่งที่ผมต้องบอกคุณ

                ผมไม่ใช่ผู้ชาย

     

                ท่อนหลังของจดหมายนั้นแสนจะหยึกยือ หลายมือแต่เดิมที่ก็ไม่ได้สวยดีเด่อะไรนั้นกลายเป็นแทบจะอ่านไม่ออก ความหวาดกลัวที่แบกไว้สลายวับไปในพริบตา

                ถึงจะแม้จะตกใจ แต่ความสุขมันมีมากกว่า ไบรอันก็ยังคงเป็นไบรอันที่เธอรู้จัก เขาเป็นคนเก่งที่พึ่งพาได้ แต่ในเวลาเช่นนี้ก็ต้องการคนปกป้องเช่นคนทั่วๆไป มันน่ารักจนเธอหุบยิ้มไม่ได้

                เธอคงนิ่งไปนานจนอีกฝ่ายร้อนรนแทน

                “คริส อย่าทิ้งผมไปเลยนะ” เสียงทั้งเบาและอู้อี้ จากนายไบรอันตอนนี้กลายเป็นเด็กชายไม่สิเด็กหญิงไบรอันไปแล้ว

                ถึงจะอยากแกล้งอีกซักหน่อย แต่ดูท่าแล้วเขาคงจะกลัวมากจริงๆ เธอหันหน้ากลับมาดึงตัวอีกฝ่ายออก ไบรอันแทบไม่กล้าสบตาเธอ พอเธอดึงเขาออกก็ยืนนิ่งสนิท

                “มองฉันสิ”

                ช้าๆและกล้าๆกลัวๆ เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามอง ทันทีที่สบตาหญิงสาวคว้าตัวเข้ามาแล้วกอดแน่นๆ

                “You’re mine, and will forever be mine”

     

                ไบรอันเล่าทุกอย่างให้เธอฟัง ปรากฏว่าเสียงของผู้หญิงคนนั้นก็คือเจนนี่ที่เป็นคนแรกที่ทักไบรอันในเรื่องนี้ จากนั้นมาคอยช่วยมาตลอด

                แน่นอนว่าเขาไม่กล้าบอกเธอเพราะกลัวเธอจะทิ้งเขาไป ก็เลยกลายเป็นทำทุกอย่างแอบๆซ่อนๆมาตลอด

                ไบรอันจูงมือเธอเดินมายังตู้เสื้อผ้า เขาเปิดมันออกและหยิบกล่องไม้ใบใหญ่ออกมา

                “เปิดดูสิ”

                ด้านในมีทุกอย่าง ตั้งแต่เครื่องสำอาง เครื่องประดับ และชุดเสื้อผ้าไม่น้อย รวมไปถึงเดรสสีขาวตัวนั้นด้วย

                “อย่าบอกนะว่า” คริสอุทานพลางหยิบเดรสตัวนั้นขึ้นมา

                “อืม ของผมเอง” ว่าแล้วก็เขินเขาเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว “ดูตามสบายนะ ผมจะไปเตรียมอาหารเช้า”

                “เดี๋ยวสิ ฉันชอบเดรสตัวนี้ ขอใส่บ้างนะ” คริสตะโกนตามออกไป ได้ยินเสียงเออออตอบกลับมาแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ นึกภาพใบรอันใส่กระโปรงแล้วถึงจะจั๊กจี้นิดนิดๆ แต่ก็ดูน่ารักดี

                เธอถยอยเก็บของทุกอย่างเข้ากล่องให้เรียบร้อย ว่างๆต้องหาเวลามารีดเก็บเข้าตู้ ตั้งใจกับตัวเองเสร็จก็รีบเดินตามสามี เอ้ย ภรรยาออกไป

     

                ผมยาวสีบลอนด์ปะปนอยู่กับผมหยักศกสีน้ำตาลไม่ต่างจากเจ้าของทั้งสองนอนอยู่ชิดติดกันจนแทบไม่มีช่องว่าง

                คริสลืมตาขึ้นช้าๆจากแสงแดดที่ส่องแยงตา สิ่งแรกที่เห็นคือแผ่นหลังสีขาวเนียน ทั้งกว้างและดูบอบบางในเวลาเดียวกัน เธออดไม่ได้เอาหน้าซุกซอกคออีกฝ่าย

                “ตื่นรึยัง”

                “หื๊ออ” อีกฝ่ายครางตอบอย่างงัวเงียๆ

                “ตื่นได้แล้ว” คริสว่าอย่างซุกซน ก่อนจะเอื้อมตัวไปจุ๊บแก้มอีกฝ่าย การที่ได้ตื่นมาเห็นคนที่นอนข้างๆในทุกเช้ามันทำให้เธออารมณ์ดีเสมอแม้ว่ามันจะเกิดขึ้นซ้ำๆมาหลายปีแล้วก็ตาม

                “ตื่นแล้วๆ” ไบรอันตอบเสียงยานคาง ท่าทางยังไม่อยากจะตื่นแต่ก็ยังยอมแพ้อย่างเสียไม่ได้

                คริสมองอีกฝ่ายขยี้ตาและหันหน้าหนีแดดมาหาเธอ ถึงแม้ว่าโครงหน้าด้วยรวมจะดูแปลกตาไปบ้างเพราะฮอร์โมนและผมที่ยาวขึ้น แต่ดวงตาสีฟ้าคู่เดิมนั้นยังคงสะท้อนแต่ภาพของเธอไม่เปลี่ยนแปลง นั่นทำให้มั่นใจได้ว่าไม่ว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปขนาดไหน แต่มือที่จับกันเอาไว้จะไม่มีวันปล่อยออกอย่างเด็ดขาด

                “ถามหน่อยสิ” คริสว่าพลางซุกตัวไปก่อนคนตัวใหญ่กว่า

                “ว่า”

                “ไม่ชอบผู้ชายหรอ?”

                “หื๊ม? ถ้าชอบเธอจะเป็นผู้ชายให้หรอ?”

                “ก็ไม่แน่นะ”

                “แล้วเธอละ? ไม่ชอบผู้ชายแล้วหรอ?”  

    “ชอบสิ” คริสตอบ หัวเราะเมื่อเห็นหน้ามุ่ยของอีกฝ่าย “ถ้าเธอเป็นผู้ชาย ฉันก็ชอบผู้ชายแหละ แต่เมื่อเธอเป็นผู้หญิง ฉันก็ชอบผู้หญิง ไม่ว่าเธอเป็นใครคนที่ฉันรักก็คือเธอ” พูดเองก็เขินเอง กำลังหมุนตัวหนี “ไปกินข้า...”

    พูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกดึงล้มคว่ำกลับไปใหม่

    “ไม่ฟังคำตอบฉันบ้างหรอ?” ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายพยายามแกล้ง แต่ถึงยังนั้นพอยังเสียงต่ำๆของอีกคนข้างหูก็อดหน้าร้อนขึ้นมาไม่ได้

    “ไม่อยากรู้แล้ว” เธอตอบอย่างรวดเร็ว

    ไบรอันดึงตัวเธอมาจุ๊บแก้มจากด้านหลังอย่างรวดเร็วก่อนจะกระซิบข้างหูเร็วๆ “เหมือนกัน”

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×