คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : งานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 29 เมษายน 2549 (อภิสิทธิ์) (ต่อ)
พี่น้องประชาชนที่เคารพครับปัญหาของรากหญ้าปัญหาของประชาชนเองก็เหมือนกันหนี้สินซึ่งเป็นปัญหาใหญ่เราก็ต้องใช้มุมมองที่จะแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม ประชาธิปัตย์ยืนยันเลยว่าต้องเลิกคิดการแก้ปัญหาหนี้สินด้วยการเอาหนี้ใหม่ไปล้างหนี้เก่า ไม่มีทางคนของเราคนยากคนจนจะหลุดพ้นจากความยากจนจากภาระหนี้สินได้ถ้าเพียงแต่ว่าเราให้เขาหมุนหนี้
แต่เศรษฐกิจความเจริญที่เกิดขึ้นโดยรวม และแนวนโยบายที่มุ่งไปช่วยพี่น้องในระดับรากหญ้านั้นต้องมุ่งไปสู่การสร้างเศรษฐกิจคุณภาพ เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากความสามารถในการผลิตจริง เศรษฐกิจที่มาจากความเข้มแข็งเป็นพื้นฐาน
และนั่นคือหน้าที่สำคัญที่รัฐบาลที่จะทำวาระประชาชน นั้นจะต้องไปส่งเสริมความเข้มแข็งให้คนทุกคนมีรายได้ มีอาชีพที่มั่นคง เพื่อหลุดพ้นจากภาระหนี้สิน และความยากจนไม่ว่าเขาจะอยู่ในภาคการเกษตรก็ต้องไปดูแลเขา เรื่องน้ำ เรื่องคุณภาพดิน เรื่องคุณภาพของพันธุ์พืช เรื่องการหาตลาด ไม่ว่าเขาจะเป็นภาคอุตสาหกรรมก็ต้องไปดูว่าเขามีความต้องการส่งเสริมสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องใด หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาคบริการ หรือการท่องเที่ยวก็ต้องไปดูว่าจะพัฒนาอย่างไร สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ที่เป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจคุณภาพ เป็นเรื่องที่มีความจำเป็น
ถามว่านโยบายที่เขาเรียกกันว่านโยบายประชานิยมนโยบายที่เคยเป็นความหวังของคนจำนวนมากวันนี้เป็นอย่างไร ผมอยากจะเรียนกับพี่น้องว่าประชาธิปัตย์เข้าใจดีว่าเป้าหมายของนโยบายที่เราเรียกว่าประชานิยมนั้นมุ่งในการที่จะตอบสนองประชาชน เราไม่คัดค้าน เราไม่ละทิ้งความพยายามที่จะให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงทุนสามารถมีเงินไปใช้ในการหมุนเวียนที่เป็นประโยชน์ได้ เราไม่ละลายแน่นอน
เพราะเราก็ผลักดันมาตั้งแต่ต้นให้มีหลักประกันสุขภาพทั่วหน้าที่พี่น้องประชาชนเจ็บไข้ได้ป่วยต้องสบายใจที่จะเดินไปรักษาพยาบาลไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเงิน แต่สิ่งที่เป็นความผิดพลาดเสียหายของประชานิยมก็คือนโยบายเหล่านี้ถูกบริหารโดยคนที่คิดถึงผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นหลัก สภาพของนโยบายเหล่านี้วันนี้ก็คือถูกทำแล้วทิ้ง
กองทุนหมู่บ้านกลายเป็นกองหนี้ที่อยู่ในหมู่บ้าน ระบบ 30 บาทเลยเป็นระบบที่ป่วย เพราะบุคลากรจะเป็นแพทย์พยาบาลบุคคลสาธารณสุขรับภาระไม่ไหว ถามว่าแล้วประชาธิปัตย์จะทำอย่างไรประชาธิปัตย์ขอยืนยันว่านโยบายเหล่านี้เราจะใช้วิธีปรับปรุง ปรับปรุงก็คือว่าหันเหกลับมาว่าทำอย่างไรนโยบายเหล่านี้มันตอบสนองประชาชนไม่ใช่เป็นนโยบายที่ทำไปเพื่อคะแนนนิยมของผู้ทำ (เสียงตบมือ)
เงินที่อยู่ในกองทุนหมู่บ้าน เงินที่จะตามลงไปในเรื่องของ SML ต้องถูกปรับกลับเข้ามาเป็นการลงทุนเพื่อส่วนรวม เป็นการลงทุนเพื่อทำอาชีพอย่างแท้จริง และเงินเหล่านี้แหละครับ ในระดับของหมู่บ้าน ในระดับของชุมชน ควรจะถูกนำไปใช้หรือเสริมโดยการมีกองทุนเศรษฐกิจพอเพียงที่ลงไปในระดับหมู่บ้านเพื่อความยั่งยืนของชีวิตความเป็นอยู่และอาชีพการงานของคนทุกหย่อมหญ้า (เสียงตบมือ)
สำหรับนโยบาย 30 บาทนั้น ผมขอเรียนครับว่าผมเป็นผู้ที่ได้เสนอแนะรัฐบาลมาโดยตลอดว่าจะต้องแก้ไขอย่างไร
ปัญหาวันนี้มีอยู่เพียงว่ารัฐบาลไม่เคยจัดสรรเงินให้เพียงพอและใช้ระบบวิธีการจัดสรรที่ทำให้กระทรวงสาธารณสุข หรือผู้เกี่ยวข้องต้องวิ่งไปของบกลางอยู่ทุกปี ๆ ยากต่อการบริหารจัดการ กระทบกระเทือนต่อขวัญกำลังใจของหมอ ของพยาบาล ของบุคลากรทั่วประเทศ
และปัญหาวันนี้เป็นเพราะรัฐบาลมุ่งมั่นว่าจะต้องผูกขาดเรื่องของระบบประกันสุขภาพให้มันเป็นระบบเดียวคือระบบ 30 บาท ผมอยากเรียนกับพี่น้องครับว่า ประชาธิปัตย์เราศึกษาเรื่องเหล่านี้มาต่อเนื่อง เรารักษานโยบาย 30 บาทได้ รักษาทั้งในความหมายที่ว่าเก็บไว้เป็นระบบประกันสุขภาพ และรักษาในความหมายที่ว่าทำให้มันหายป่วย
นั่นก็คือเราจะต้องใช้ประโยชน์จากระบบประกันสุขภาพอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือประกันสังคม ฐานะของประกันสังคมนั้นเพียงพอที่จะขยายสิทธิ์ให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมนั้นสามารถมารับประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลไปให้บุคคลที่เกี่ยวข้องด้วยจะเป็นบุคคลในครอบครัว หรือใครก็ตาม เพียงแค่เราขยายตรงนี้ครับ คนเหล่านี้ก็จะเข้ามาสู่ระบบที่มีคุณภาพดีขึ้น และเราก็จะลดจำนวนคนอยู่ในระบบ 30 บาท ก็เป็นการลดภาระที่จะเกิดขึ้นตรงนั้นได้
หลักคิดอย่างนี้แหละครับคือหลักของประชาธิปัตย์ เราไม่ได้บอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างถ้าใครทำมาก่อน เราต้องไปโละทิ้ง เราจะต้องเก็บด้านที่ดี ด้านที่ตอบสนองประชาชนไว้แต่ทำให้ดีกว่า
โดยการยึดเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง นี่คือแนวทางที่เป็นคำตอบของปัญหาหลายปัญหาที่อยู่ในใจของพี่น้องประชาชนในเรื่องของเศรษฐกิจ แต่เศรษฐกิจคุณภาพที่ประเทศไทยยังจะต้องเดินหน้าในการแข่งขันก็จะต้องมีการรองรับอีกหลายต่อหลายเรื่อง
เรายังจำเป็นที่จะลงทุนในโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ เรายังจำเป็นที่จะต้องแสวงความร่วมมือระดับระหว่างประเทศครับ แต่ไมใช่ยึดติดอยู่กับเฉพาะ FTA กับผนึกกับอาเซียน ผนึกกับหลายประเทศในภูมิภาค รองรับเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างจีน และอินเดีย ที่เติบโตขึ้นมา และการลงทุนการทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าความชัดเจน และความโปร่งใส ไม่มีประโยชน์หรอกครับที่จะไปเที่ยววาดว่าจะมีรถไฟฟ้ากี่เส้น กี่สาย กี่สี ถ้าไม่มีความชัดเจนว่าจะลงมือทำเมื่อไหร่ จะให้ใครมาทำ
ประชาธิปัตย์ทำให้เห็นแล้วครับ กทม. ไม่รอใครแล้วเดินหน้าต่อรถไฟฟ้าลอยฟ้าข้ามไปฝั่งธนฯ และเราสนับสนุนที่ท่านรองฯ อภิรักษ์ ท่านผู้ว่าฯ จะเอาเงินจากโครงการที่ถูกยกเลิกมาต่อรถไฟฟ้าอีก 3 สายทันที (เสียงตบมือ)
ฉะนั้นโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องเดินต่อ ประชาธิปัตย์ต้องการที่จะเห็นเป็นความโปร่งใสมาจัดลำดับความสำคัญ และให้ทั่วโลกเรามั่นใจว่าเขาเข้ามาแล้วเขาได้รับความเป็นธรรมในการเสนอตัวเข้ามามีกติกาชัดเจนแต่เศรษฐกิจคุณภาพในความหมายของประชาธิปัตย์นั้น
ท่านจะเรียกว่าการลงทุนขนาดใหญ่หรือจะเรียกว่าเป็นเมกะโปรเจกต์ สำหรับเราเศรษฐกิจคุณภาพ ไม่มีการลงทุน ไม่มีโครงการหรือโปรเจกต์ใดที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่าการลงทุนในเรื่องของการพัฒนาคนหรือการศึกษา ใหญ่กว่าเมกะโปรเจกต์ (เสียงตบมือ)
ผมได้เรียนกับพี่น้องไปแล้วว่า วันนี้ลูกหลานเรากลุ่มหนึ่งอาจมีความกังวลเรื่องของ โอเน็ต เอเน็ต แต่สภาพที่เกิดขึ้นกับปัญหาโอเน็ต เอเน็ต คือการสะท้อนสภาพปัญหาของการศึกษาทั้งระบบ เราจะปล่อยให้สภาพสังคมเป็นสภาพที่พ่อแม่ทุกคนทุกข์ตั้งแต่ลูกเกิด ว่าจะหาโรงเรียนดี ๆ ให้ลูกเข้าได้อย่างไร ต้องวิ่งเต้น ต้องฝาก ต้องเสียแปะเจี๊ยะ เรียนฟรีไม่จริง สอบแข่งขันกันเอาเป็นเอาตาย แย่งกันได้ปริญญาแล้วสุดท้ายอาจจะนำไปสู่การตกงาน เราจะยอมให้สภาพเหล่านี้เดินต่อไม่ได้ นี่ไม่ใช่พื้นฐานที่แข่งแกร่งของเศรษฐกิจคุณภาพ ประชาธิปัตย์จะถือการลงทุนในเรื่องการศึกษาเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดและจะต้องปรับเปลี่ยนระบบทั้งระบบ (เสียงตบมือ)
ตั้งแต่การดูแลเด็กเล็ก มาจนถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานซึ่งขอประกาศเลยครับว่าถ้าเป็นประชาธิปัตย์ การเรียกฟรีจะเป็นการเรียนฟรีจริง ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นมาแอบแฝงอีกต่อไป (เสียงตบมือ)
ไม่มีค่าแบบเรียน ไม่มีค่าแป๊ะเจี๊ยะ ไม่มีค่าใช้จ่ายเรียนพิเศษเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่มาเก็บกับเด็กทุกคน เราจำเป็นที่จะต้องลงทุนอย่างจริงจังในเรื่องนี้ และต้องเป็นลำดับความสำคัญสูงสุดของการจัดสรรงบประมาณ พี่น้องที่เคารพครับ สำหรับการศึกษาที่จะเป็นระบบที่ตอบสนองทั้งเศรษฐกิจและประชาชนอย่างแท้จริงนั้น เราต้องมาปรับแก้กันเป็นครั้งใหญ่
ระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้น ต้องถือโอกาสนี้ในการเดินเข้าหาผู้ปกครองและเด็กเหมือนที่เราสัมผัสมาทั้งปีที่ประชาธิปัตย์ไปทำโครงการยุวประชาธิปัตย์เขาบอกเรามาตลอดว่าเขากังวลเรื่องระบบการสอบคัดเลือก
ต้องไปฟังเขาว่า เขาต้องการระบบแบบไหนที่เป็นธรรมและส่งเสริมให้เด็กเก่ง เป้าหมายเด็กทุกคนต้องมีโอกาสและเด็กฉลาดก็ต้องได้รับการส่งเสริม ไม่ใช่ให้ระบบมีแต่ความสับสนเป็นการแก่งแย่งโดยไม่มีคำตอบไปสู่การมีบุคลากรที่มีคุณภาพสำหรับสังคม และสำหรับเรื่องของการศึกษาในระดับสูง ทั้งปริญญา ทั้งสายอาชีพ มีความจำเป็นแล้ววันนี้ครับที่จะต้องมาจัดทำแผนกำลังคนของชาติ
และจัดทำแผนที่เลยว่าวันนี้สถานศึกษาของเราแต่ละประเภทอยู่ที่ไหนอย่างไร สอดคล้องกับการความต้องการของคนที่เขาจะต้องเป็นผู้จ้าง เป็นผู้ใช้คนที่จบการศึกษาไปหรือไม่ นี่คือแนวทางของพื้นฐานของเศรษฐกิจคุณภาพที่เราจำเป็นต้องทำ และกระบวนการของการศึกษานั้นต้องไม่จำกัดอยู่เฉพาะโรงเรียนเป้าหมายสำคัญและจะไปโยงกับการสร้างสังคมคุณธรรมก็คือ การเรียนรู้จากสื่อ
วันนี้ผมไม่พูดเรื่องการเมือง จะไม่พูดเรื่องปฏิรูปสื่อเพื่อการเมืองหรอกครับ แต่หนึ่งในวาระประชาชนของการปฏิรูปสื่อคือต้องปฏิรูปสื่อเพื่อเยาวชน ต้องปลูกฝังคุณธรรมต้องเอาค่านิยมที่ถูกต้องผ่านสื่อสารมวลชนไปถึงลูกหลานของเรา
พี่น้องครับการลงทุนในสิ่งเหล่านี้การปรับแก้ปรับปรุงนโยบายที่เสียหายผิดพลาดการจะไปลดภาระของประชาชน การจะไปผลักดันวาระของประชาชน แน่นอนทุกคนจะถามว่าเราจะเอาเงินมาจากไหน ผมอยากจะบอกกับพี่น้องครับว่า วันนี้เราจำเป็นที่จะต้องมาดูระบบภาษี และการจัดสรรงบประมาณกันทั้งระบบโดยยึดถือประชาชนและวาระประชาชนเป็นที่ตั้ง
คนที่เป็นนักการเมืองอย่างพวกเราเนี่ยครับ ไปทำงานอะไร เป็นผลงานอะไรไม่ได้ใช้เงินเป็นของตัวเอง แต่ใช้เงินที่เก็บมาจากพี่น้อง ใช้เงินที่เก็บมาจากหยาดเหงื่อแรงงานของพี่น้องในรูปของภาษี วันนี้เราต้องตั้งคำถามเรื่องของความเป็นธรรมของระบบภาษี และระบบงบประมาณ จะให้ผู้มีอำนาจอยากใช้เงินตามใจชอบตั้งเป้าไว้ แล้วสั่งสรรพากรไปทำให้ได้ตามเป้าระบบนี้ต้องเลิก (เสียงตบมือ) ต้องเลิกไปหาผู้ค้ารายเล็กรายน้อย บอกปีที่แล้วเสียหมื่นบอกปีนี้เสียหมื่นสาม ไม่ว่าการค้าการขายจะดีขึ้นหรือไม่ แต่เราต้องปฏิรูประบบภาษีทั้งหมดให้ง่าย ทุกคนรู้ว่าสิทธิ์ของตัวเองตรงไหน หน้าที่ตัวเองตรงไหน ไม่เป็นช่องว่างสำหรับกรมที่จัดเก็บภาษีไปแสวงหาผลประโยชน์
และสำคัญก็คือเราต้องใช้จ่ายภาษีอย่างเป็นธรรม คนเป็นผู้นำต้องสำนึกอยู่ตลอดว่าเงินทุกบาทที่ใช้ไม่ใช่เงินของตัวเอง ไม่มีสิทธิ์เอาเงินนั้นไปใช้เป็นวาระของตัวเองทั้งในเรื่องการเมืองหรือเรื่องอื่นใด ไม่มีเหตุผลอีกต่อไปที่จะเอาเงินภาษีไปกองไว้ให้คน ๆ เดียวตัดสินใจว่าจะใช้ยังไงหลายหมื่นล้าน (เสียงตบมือ)
ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่ผู้นำประเทศจะเอาภาษีของประชาชนไปต่อรองกับประชาชนว่าจะให้งบประมาณเฉพาะคนที่เลือกตัวเองก่อน (เสียงตบมือ)
ผู้นำที่จะมาผลักดันวาระประชาชน ต้องเป็นผู้นำของคนทั้งประเทศ ต่อไปนี้ต้องไม่มีนายกฯ คนเหนือ นายกฯ คนใต้ นายกฯ กรุงเทพฯ ต่อไปนี้ต้องไม่มีนายกฯ ไทยรักไทย นายกฯ ประชาธิปัตย์ ต้องมีนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยเท่านั้น (เสียงตบมือ)
สำคัญที่สุดก็คือทุกบาททุกสตางค์จะต้องไม่รั่วไหล นโยบายและความมุ่งมั่นในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ต้องเป็นจริงเป็นจังและแน่นอนย่อมเป็นส่วนหนึ่งของทิศทางการปฏิรูปการเมืองอยู่แล้ว แต่การต่อสู้กับคอร์รัปชั่นยังต้องทำอีกหลายทาง และเป็นส่วนสำคัญของการสร้างสังคมคุณธรรม
เราต้องต่อสู้กับค่านิยมในเรื่องของความฟุ่มเฟือย วัตถุนิยม บริโภคนิยม เราต้องปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องตั้งแต่เด็ก เราต้องเลิกนับถือคนที่โกงไม่ว่าเขาจะร่ำรวย หรือมีอำนาจ หรือมีตำแหน่งแห่งหนใด แต่เราต้องช่วยกันสนับสนุนคนดี คนที่ซื่อสัตย์ (เสียงตบมือ)
และค่านิยมในเรื่องของการทุจริต คอร์รัปชั่น ว่าเป็นสิ่งที่เลวร้าย ต้องเริ่มจากผู้นำ ต้องเริ่มจากนักการเมืองที่เป็นแบบอย่าง และจะมาอ้างเพียงแค่ว่าฉ้อฉลทุจริต แต่ว่าไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไปไม่ได้ คุณธรรม จริยธรรม ต้องเป็นที่ตั้ง (เสียงตบมือ)
วาระในเรื่องของการปฏิรูปสิ่งเหล่านี้ และการแก้ปัญหาเหล่านี้เราคงจะได้ร่วมกับทุกภาคส่วนของสังคมในเรื่องของการปฏิรูปทางการเมือง แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ผมจะเริ่มต้นด้วยการให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคในอนาคตทุกคน ไม่ว่ากฎหมายจะกำหนดหรือไม่ ต้องประกาศครับว่าตัวเองและครอบครัว มีผลประโยชน์อะไรบ้าง (เสียงตบมือ)
เมื่อเราไปตัดสิทธิ์ครอบครัว คนใกล้ชิด เขาทำธุรกิจบางอย่างไม่ได้เพราะมันไม่ผิดกฎหมายอย่างน้อยมันต้องโปร่งใส และจะได้ถูกตรวจสอบว่า ถ้าคนเหล่านั้นประกอบธุรกิจแล้วได้ประโยชน์อะไรก็ตามมาด้วยความเป็นธรรมมาด้วยความถูกต้องหรือไม่ นี่คือสิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญของการผลักดันสังคมคุณธรรม และคุณธรรมนั้นจะต้องครอบคลุมไปถึงค่านิยมอื่น ๆ
สำคัญมากก็คือการยอมรับความแตกต่าง ความหลากหลายสิทธิเสรีภาพ ไม่ใช่เพื่ออะไรล่ะครับ เพื่อว่าถ้าเรามีคุณธรรมและค่านิยมอย่างนี้แล้ว ความขัดแย้งและความรุนแรงต่าง ๆ มันจะหมดไป เพราะเราจะเรียนรู้ในการเปิดใจกว้าง ยอมรับความเห็นที่แตกต่าง และเคารพการใช้สิทธิ์ในการแสดงออกของทุกฝ่าย ค่านิยมเหล่านี้ก็จะมีส่วนสำคัญด้วยในการนำความสงบกลับคืนมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
หมดยุคครับของคนที่มีอำนาจแล้วคิดว่า อำนาจนั้นใช้ได้ตามใจชอบ อุ้มฆ่า ฆ่าตัดตอน ต้องจบไปกับรัฐบาลชุดนี้ (เสียงตบมือ)
สำหรับเรื่องของการเมืองการบริหาร พี่น้องครับวาระประชาชนจะต้องสอดคล้องกับการปฏิรูปทางการเมือง ผมจะไม่ใช้เวลาพูดถึงเรื่องนี้ในวันนี้มากนักครับ แต่ผมบอกได้ว่าเป้าหมายเมื่อประกาศแล้วว่าต่อไปนี้ การเมืองต้องเป็นการเมืองเพื่อประชาชน ทุกองค์กรทุกกลไก ต้องกลับมาเป็นองค์กร และกลไกของประชาชน ไม่ใช่กลไกของรัฐบาล
ผมอยากเห็นสื่อเพื่อประชาชนไม่ใช่สื่อเพื่อรัฐบาล ผมอยากเห็นผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อประชาชน ไม่ใช่ผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อรัฐบาล ผมอยากเห็น ปปง. DSI เพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อรัฐบาล (เสียงตบมือ)
และผมอยากเห็นพี่น้อง ข้าราชการตำรวจเนี่ยครับ ยืนยันการเป็นตำรวจของประชาชน เหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนที่ดูแลให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ตบมือให้ตำรวจเพื่อประชาชน (เสียงตบมือ)
การวางและการผลักดันวาระประชาชนทั้งหมดนี้แหละครับ คือภารกิจที่สำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ และแน่นอนในฐานะหัวหน้าพรรค นั่นคือความรับผิดชอบสูงสุดของผม ผมยืนยันว่า วาระประชาชน เป็นจริงไม่ได้ถ้าเราไม่เปลี่ยนทั้งแนวนโยบายและถ้าเราไม่ได้ผู้นำแนวใหม่ ผู้นำที่มีจิตวิญญาณของประชาธิปไตย ผู้นำที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ผู้นำที่ต้องบอกว่า โกงแม้แต่น้อย แม้แต่นิด ก็ไม่ได้ (เสียงตบมือ)
และต้องเรียกร้องให้คนทั้งสังคมบอกด้วยว่า เลิกเถอะครับค่านิยมที่บอก โกงบ้าง ก็ไม่เป็นไร ขอให้ทำอะไรบ้าง วันนี้เราต้องยอมรับไม่ได้ ผู้นำต้องไม่โกง และต้องทำงานได้ด้วย (เสียงตบมือ)
ผมเรียนพี่น้องประชาชนครับว่า พี่น้องประชาชนต้องเป็นคนตัดสินว่าผู้นำแนวใหม่ที่ต้องมีทั้งความซื่อสัตย์ และทำงานได้ จะเป็นใคร ไม่มีใครสมบูรณ์หรอกครับ ไม่มีใครเก่งทุกเรื่องรู้ทุกเรื่องหรอกครับ แต่ว่าทุกคนต้องรู้จุดแข็งจุดอ่อนของตัวเอง
ผมก็เข้าใจครับ คนจำนวนมากบอก ผมอาจจะไม่มีประสบการณ์อายุน้อย ผมไม่เคยทำธุรกิจ ผมก็ยอมรับ
แต่ผมอยากจะเรียกกับพี่น้องประชาชนว่า 15 ปี ที่ผมมาเป็นผู้แทนของประชาชนผมพบคนทุกกลุ่ม จำนวนมากมายมหาศาลนับไม่ถ้วน ทุ่มเทกับทุกวันที่จะเข้าถึงปัญหา ที่จะเข้าใจพี่น้องประชาชนทุกคนทุกกลุ่ม
ตลอดทั้งชีวิต ผมก็ตั้งใจว่าผมจะมาทำงานเพื่อส่วนรวม เพราะผมถือว่าผมเกิดมาในครอบครัวที่มีความเป็นอยู่ที่ดีเพียงพอแล้ว ผมจบเศรษฐศาสตร์ ผมเฝ้าดูการพัฒนาของเศรษฐกิจต่าง ๆ ในโลกมาโดยตลอด ผมรู้ครับว่าในยุคของเศรษฐกิจเสรีในยุคของโลกาภิวัฒน์
หน้าที่ผู้นำทางการเมืองคืออะไร มันไม่ใช่หน้าที่ผู้นำประเทศหรอกครับ ที่มาสอนนักธุรกิจว่าเขาต้องทำธุรกิจอย่างไร มันไม่ใช่หน้าที่ของผู้นำประเทศหรอกครับที่ต้องมายัดเยียดว่าคนนั้น คนนี้จะต้องใช้ชีวิตเป็นอยู่ทำมาหากินอย่างไร เพราะในที่สุดความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจมันเกิดขึ้นจากสมอง หยาดเหงื่อ ด้วยฝีมือของคนในภาคเอกชนทั้งนั้น
ส่งออกคุยว่าโตเท่าไหร่ ถามว่ากระทรวงพาณิชย์ส่งออกกี่บาท แต่ผู้ส่งออกต่างหากที่เขาต้องต่อสู้ที่เขาต้องแข่งขัน เศรษฐกิจโตกี่เปอร์เซนต์รัฐบาลเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่จะไปสร้างว่าเศรษฐกิจมันโตกี่เปอร์เซนต์
ผมเข้าใจคนในภาคเอกชน ผมรู้ว่าหลายคนเขาขอแค่โอกาส เขาเป็นผู้ส่งออกบางคนขอแค่ว่ารัฐอย่าไปเบียดเบนเขาได้ไหมเลิกเก็บเงินใต้โต๊ะได้ไหม ศุลกากรเลิกข่มขู่เขาได้ไหม เลิกมาไถเงินจากเขาได้ไหม ขอให้เขาได้แข่งขันด้วยความสามารถ
ผมรู้จักผู้รับเหมาเยอะแยะที่อยากจะหลุดพ้นจากวางจรของการฟันราคาการฮั้ว การวิ่งเข้าหานักการเมือง และการจ่ายเงิน เศรษฐกิจคุณภาพเกิดจากการแข่งขันน่าที่ผู้นำไม่ได้ไปวิ่งแข่งเศรษฐกิจกับเขา หน้าที่ผู้นนำคือดูแลว่าเราส่งเสริมสนับสนุนในสิ่งที่จำเป็น เช่น โครงสร้างพื้นฐาน จะเป็นถนนหนทาง บ่อน้ำกายภาพต่าง ๆ จะเป็นเรื่องของคน และหน้าที่สำคัญที่สุดคือโครงสร้างพื้นฐานในเรื่องของการดูแลกติกาการประกอบธุรกิจเป็นธรรมทุกฝ่ายเน้นความสามารถนี่ต่างหากคือภาระกิจ
ที่สำคัญที่สุดของคนที่จะเป็นผู้นำแนวใหม่ที่จะมาผลักดันวาระของประชาชน ผมบอกสั้น ๆ กับพี่น้องประชาชนว่า
ถ้าเห็นว่าผู้นำแนวนี้เหมาะสมผมพูดได้คำเดียวว่าผมพร้อม
1 ปีที่ผ่านนับตั้งแต่ผมมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคผมได้บอกกับพี่น้องว่าผมจะเริ่มต้นของการทำบทบาทของฝ่ายค้านคุณภาพทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มแข็งและสร้างสรรค์
วันนี้เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปกรอบเวลาหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปผมบอกได้แต่เพียงว่าปีข้างหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต้องทำงานหนักขึ้น
และไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการวางและผลักดันสิ่งที่เป็นวาระประชาชนทุ่มเทความสามารถจิตวิญญาณเพื่อให้วาระประชาชนเป็นจริง เพราะนั่นคือการคืนการเมืองให้กับประชาชน และนั่นคือความหมายของประชาธิปไตยที่แท้จริงนั่นเป็นอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ
ความคิดเห็น