ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Animals (fanfic Kuroko no basket) pairing: แล้วแต่รีเควสท์

    ลำดับตอนที่ #5 : Aomine X Kagami

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 341
      1
      11 เม.ย. 56

                

    “ความผิดแกคนเดียวเลย” เสียงเกรี้ยวกราดดังกลบเสียงทะเลพร้อมกับเสียงฟึดฟัดจากจมุกของชายผมเพลิงที่แลดูแล้วคล้ายจะเป็นหวัดนั้งกอดเข่าตัวสั่นยิกยักดั่งแกะถูกถอนขน โอ๊ะไม่ใช่ซิ แมวตกน้ำมากกว่า

                “เพราะแก....ถ้าแกยอมให้ฉันจิ๊กแว่นตางี่เง่านั่นพวกเราก้คงไม่มานั้งติดเกาะปัญญาอ่อนนี้หรอก” อาโอมิเนะตวาดกลับและหันหลังให้แก่คางามิ

                ผู้ชายอะไรตัวก็ตั้งโตแต่สมองเด็กชะมัด....คางามินึกและหันหลังให้อาโอมิเนะด้วยเช่นกัน

                “...ฟึด...ฟัด (เสียงน้ำมูกกำลังจะไหลออกจากจมูกเจ้าค่ะ)” หนุ่มดวงสีเพลิงใช้มือที่เปียกปอนของตนเองถูร่างกายเพื่อเพิ่มความอบอุ่น พวกเขาทั้งคู่หลังจากแข่งว่ายน้ำกันเป้นเวลายาวนานจนน้ำตาแทบร่วง พวกเขาทั้งคู่ก็ได้หลง (อย่างไม่น่าเชื่อ) และมาติดเกาะแห่งหนึ่ง (ช่าง....ซ้ำกับนิยายอื่นจริงๆ).... และเมื่อพวกเขาทั้งสองมองออกไปยังเส้นแบ่งเขตระหว่างทะเลและท้องฟ้าตะวันก็คล้ายจะจมฝังทะเล....ให้ตายซิ ยิ่งอยู่นภาก็ได้แปรสีจากฟ้าเป็นเหลืองเป็นแดงจนใกล้จะม่วงและอีกไม่นานคงกลายเป็นสีรัตติกาล

                และ....เสือโคร่ง...หมีป่า....หมูป่า....สัตว์ป่า....อสรพิษร้ายพิษร้ายแรง

                อาจจะไม่ทำหน้าที่แทนพวกเขาเพื่อขัดขวางเจ้าเหลืองกับคุโรโกะพลอดรักกานนนนนน.... เจ้าคิเสะนั่นมันได้คุโรโกะไปครอบครองคนเดียวแล้ว เจ็บใจ เจ็บใจจนน้ำตาจะไหล....

                อี๋ นางมารร้ายอันดับชาติกำลังหงุดหงิด ใครก็ได้เอาปืนสไนปืเปอรืมาให้หล่อน นางมารสีเพลิงทีซิ หล่อนจะได้เอามันไปจ่อยิงหัวเจ้าเหลือง.... กร๊าซซซซซซ แต่ว่าไปว่ามาลมเหมือนจะเริ่มหนาวแล้วเนาะ....อูบน้ำมูกจะไหล

                “หนาวงั้นหรอ” น้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วงหลุดออกจากปากของชายเจ้าของนัยต์ตาสีน้ำทะเลลึกที่แสนน่าค้นหา

                “...อืม” เมื่ออีกฝ่ายเหมือนจะมาดี....คางามิก็ย่อมดีตอบแต่เขาเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไปแล้วล่ะ

                “สมน้ำน่าไม่อยากให้ฉันจิ๊กแว่นนัก หนาวตายไปเลยไป๋” อาโอมิเนะหัวเราะในลำคอเยาะเย้ยชายผมแดง คางามิงอนตุ๊ปป่องและยืนขึ้นเต็มความสูงสาวเท้าลึกเข้าไปในป่า อาโอมิเนะร้องเรียคางามิไม่ให้ไปแต่ชายผมเพลิงกลับงอนหน้ามืดเดินไปไม่หันกลับ

                “โธ่เว๊ย....งอนอะไรของมัน” อาโอมิเนะวบถและเดินตามไปแต่ พอชายหนุ่มองไปข้างหน้า เขาก็พบกับซากปรักหักพังของปราสาทหรือไม่ก็วัดเก่าๆ แต่ไม่ใช้วัดญี่ปุ่นแต่กลับเป็นวัดของชาวมายันที่แลดูพลึกกึกกือ

                “มันไปไหนของมันเนี่ย” อาโอมิเนะหรี่ดวงตาสีสวยชของเขาลงเพื่อจะตามหาชายผมเพลิง ทันใดนั้นเสียงร้องของคางามิก้ดังขึ้นจากภายในตัววัด ชายผิวสีแทนรีบวิ่งตามไปดูทันที แม้เขาจะชอบคุโรกะมากก็ตามแต่ตอนที่คุโรโกะไม่อยู่คนที่เขาเล่นบาสด้วยก็คือไอ้เสือแดงตัวนั้นนั่นแหละ

                สองเท้าเปล่าวิ่งด้วยความรวดเร็วบนพื้นที่เต้มไปด้วยกิ่งไม้ ใบไม้ กรวดหิน เม็ดทรายและบ่อน้ำที่เกิดจากฝน จนเขามาหยุดในตัววัดร้างข้างหน้าร่างของคางามิที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น

                อาโอมิเนะเขย่าตัวคางามิอย่างรุนแรง ดวงตาสีท้องทะเลปั่นป่วนเหมือนมรสุม...และไม่ทันไรร่างของคางามิก็เลืองแสงราวกับวิญญาณที่กำลังจะจากร่างไป

                “ตื่นสิฟะ” อาโอมิเนะยังคงเขย่าร่างของคางามิต่อไปจนในที่สุดเสียงโอดครวญก็ดังออกมาจากปากคางามิ

                “เจ็บโว้ยยยย” คางามิแผดเสียงลั่น ดวงตาสีเพลิงลุกโฃอย่างโชติช่วงจากโทสะ แต่ชายผมฟ้ากลับเห็นอะไรที่แปลกไป เขาใช้มือหนาของตนเองวางไว้บนหัวคางามิพร้อมกับขยับมือเข้ามาใกล้ตัวเองเพื่อเทียบความสูงของเขากับคางามิ

                เฮือกกกกกก.....ไอ้แมวบ้าหดตัวลง

                “นายเป็นใคร” คางามิขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดและมองอาโอมิเนะที่เอ๋อกินไปแล้วครับท่านผู้ชม คางามิเด็กลงแต่ไอ้น้ำเสียงโหดๆยังคงเป็นเหมือนเดิม แถมเจ้าบ้านี้ยังจำเขาไม่ได้อีก .... ทำยังไงดี?? เอ๊ะไม่ใช่สิ เล่นดีกว่า ต้องเล่นสิถึงจะสนุก

                “ฉันคือพี่ชายของนาย” อาโอมิเนะยืดอกพูดแต่ในใจกลัวหวั่นว่าชายไม่สิเด็กน้อยผมแดงจะไม่เชื่อใจเขา

                “....อะ...โอ๊ะ...งั้นหรอ? ขอโทษครับ” แทนที่เจ้าหนุน้อยจะโวยลั่นกลับเจียมตัวอย่างรุนแรง แถมดวงตาที่หงุดหงิดก็อ่อนลงอย่างไม่น่าเชื่อ แถมหน้ายังแดงๆจากการกลัวโดนอาโอมิเนะดุ... แค่คำว่าพี่ชายเข้าคางามิจิ๋วก็สิ้นฤทธิ์เลยหรือยังไงกันนะเนี่ย?

                อาโอมิเนะนึกขำในใจก่อนที่จะเล่นตามบทไป

                “รู้ไหมว่านายแย่มาก....แย่มากๆ ว่ายน้ำออกมาจากฝั่งไกลพวกเราเลยติดเกาะนี้อยู่กันยังไงล่ะ ความผิดนายคนเดียว” ชายผิวสีแทนเมื่อเห็นท่าทีอันน่าขันของคางามิจิ๋วที่กลายร่างจากแมวป่ากลายเป้นแมวน้อยสุดน่ารักตัวเล็กชนิดที่เตะแล้วปลิวอะไรก้ไม่ปาน

                ช่างแตกต่างกับตอนโต ตัวก้ตั้งใหญ่ เสียงก็ใหญ่ ตาก้ดุ ไม่มีความน่ารักเอาซะเล้ยย แกล้งเจ้าจิ๋วนี้ดีกส่า หึหึ

                “จะ...จริงหรอ? ผมขอทาครับ” คางามิที่ตัวสูงไม่ถึงอกของอาโอมิเนะเบ้ปากนิดหนึ่งและขบริมฝีปากตัวเองอย่างเศร้าสร้อย กร๊ากกกกก มันจะน่าตลกอะไรอย่างงี้เนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ แถมไอ้ม่านบางๆในดวงตาสีแดงนั้นมันคืออะไรกัน? น้ำตางั้นหรอ? ฮ่าๆๆๆๆๆ น้ำตาของเจ้าบ้าเลือดคางามิอ่านะ? ฮ่าๆๆๆๆ เขาอยากจะหัวเราะให้ฟันหักตาย แกล้งเจ้าจิ๋วนี่สนุกจริงๆ

                เจ้าบ้ากลายเป็นเด็กยังไง ย้อนเวลายังไง เขาไม่รู้แต่รู้อย่างเดียวเขาอยากจะแกล้งเจ้าจิ๋วให้สะใจก่อนที่เขาจะกลับกลายเป้นไอ้หน้าบึ้งเหมือนเดิม ฮ่าๆ

                “รู้ไหม? ฉันต้องเหนื่อว่ายน้ำตามนาย พูดแค่ไหน เรียกแค่ไหนก้ไม่ฟัง เห็นไหมล่ะ หลงป่าเลย พอใจไหม” แกล้งทำเสียงดุหน่อยดีกว่า หึหึ

                เดิมทีอาโอมิเนะหน้าก็ดุอยู่แล้ว ยิ่งทำท่าหงุดหงิด ยิ่งทำเสียงเข้มก็ยิ่งไล่ขวัญของเด้กผมเพลิงไปเท่านั้น

                “ขะ...ขอโทษครับ แต่พี่อย่าทิ้งผมคนเดียวเลยนะครับ” คางามิจิ๋วที่เพี้ยนไปโผเข้ามากอดอาโอมิเนะ แต่ด้วยความตกใจชายผมสีน้ำเงินกลับผลักเด็กน้อยออกไปไกลจนคางามิล้มก้นชนพื้น

                “...ขะ..ขอโทษ” อาโอมิเนะที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าตนเพิ่งทำอะไรลงไปก็รีบขอโทษเด้กน้อยทันที เด้กน้อยยืนขึ้นเต็มความสูงและส่งยิ้มเศร้าๆมาให้อาโอมิเนะ

                “ไม่เป็นไรหรอก... ผมชินแล้วที่ถูกผลัก” หมายความว่ายังไงกันท ชินกับการถูกผลัก? อย่างเจ้าบ้าคางามิเนี่ยนะไม่โวยวายไม่เอาเรื่องคนอื่น ไม่จริงหน่า โกหกใช่ไหม? แต่ด้วยทิฐิของตัวเองอาโอมิเนะไม่คอดจะเข้าไปปลอบโยนเด็กน้อยที่นั้งขดตัวไม่ไกลจากเขามากนัก

                เขาลืมสังเกตไป.... เสื้อผ้าของคางามิมีแค่กางเกงว่ายน้ำหลวมมากๆตัวหนึ่งเท่านั้น แถมอากาสก็หนาว ฝนก็ตกฟ้าก็เริ่มมืดแล้วหนาวน้าดู ไม้ก็เปียกเขาคงก่อไฟไม่ได้

                “คางามิ” ชายผิวสีแทนร้องไปหาเด้กชาย เด็กน้อยหันกลับมาอย่างรวดเร็วราวกับหมาน้อยที่เตรียมรัวฟังคำสั่งของเจ้านายอย่างเต้มที่

                “ครับ?”

                “มานี่มา” คางามิเดินมาแด่โดยดี ดวงตาสีเพลิงประกายสะท้อนถึงความสุขที่ไม่ถูกผลักไสและนั้งลงตรงกันข้ามกับอาโอมิเนะ “ไหนเล่าให้พี่ชายฟังหน่อยซิว่าทำไมกัน....ทำไมถึงชินกับการโดนผลัก” คางามิทำหน้าบูดตามประสาเด็กก่อนจะค่อยๆง้างปากเล่า

                “ผมเป็นเด็กญี่ปุ่นที่โตในอเมริกา... ไม่มีใครอยากเล่นกับพวกต่างชาติหรอก.... พี่ชายเข้าใจหรือเปล่าความรู้สึกของการต้องนั้งกินข้าวคนเดียวในโรงเรียนในขณะที่คนอื่นกำลังมีความสุขกันคุยกัน พอเราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวคุยกับพวกเขา เด็กพวกนั้นก็จะทำหน้าเหมือนรังเกียจแถมยังไล่เราไปที่อื่น.... เวลาจะเล่นกับใครก็เล่นไม่ได้ต้องเล่นคนเดียว มันเหงารู้ไหม?” เด้กน้อยร่างสั่น ม่านน้ำตาก่อใหญ่ขึ้นจนแทบจะเอ่อล้นออกมา มันสาะท้อนเด่นระดาใต้แสงพระจันทร์

                “...” อาโอมิเนะลืมนึกไป เขาลืมไปว่าคางามิไม่ได้อยู่ญี่ปุ่นมาตลอด และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ไม่มีใครเล่นด้วยหากเราไม่ใช่คนจากบ้านเขา

                “ภาษาอังกฤษผมก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่..... พี่ชาย ผมเบื่อโรงเรียน ผมไม่อยากไปแล้ว.... ทุกคนตายๆให้หมดก็ดี” คางามิตะโกนท่อนหลังและนั้งขดตัวหมุดหน้าลงไปในเข่าตัวเองไม่ยอมเงยขึ้นมาสบตาอาโอมิเนะ

                “เบื่อ.... เบื่อที่จะต้องถูกเกลียด.... ผมไม่เป็นที่ต้องการของใคร  อนัที่จริงแทนที่จะให้ทุกคนตายหมดโลก ผมว่าผมตายคนเดียวท่าจะดีกว่าแฮะ” เด้กน้อยพร่ำออกมาอย่างน้อยใจ

                “...”อาโอมิเนะกลับไม่รู้ที่จะพูดอะไร เขากลับเป็นคนที่ใบ้กินเสียเอง

                “.....พี่รู้หรือเปล่า เราเกิดมาคนเดียวใช่ไหม? นอกจากฝาแฝดอ่านะ.... เวลาเราเกิดมาโลกทั้งใบก็เริ่มหมุนสำหรับเราแต่มันกลับหมุนตั้งนานแล้วสำหรับคนอื่น....และถ้าโลกของเราหยุดหมุนพี่คิดว่าโลกของคนอื่นจะเป็นยังไง?” เด็กน้อยยิ้มให้ชายผมสีน้ำเงินนิดๆ

                ใบหน้าของเด็กน้อยเศร้าสร้อย ดวงตาสีเพลิงหม่นลงเหมือนกำลังจะดับ ริมฝีปากที่โค้งขึ้นมาเป็นรอยยิ้มที่ฝืด แม้น้ำตากำลังจะรินไหลออกมาแต่เจ้าตัวเล้กกลับฝืนตัวเองกักมันไว้ กักเสียงสะอื้นและน้อยใจ

                ความรู้สึกเดียวดายราวกับโลกทั้งใบได้หันหลังให้แก่เขาแล้ว

                ความรู้สึกที่ว่าเขาไม่จำเป็นต้องมีตัวตน

                ความรู้สึกที่ว่าหากเขาหายไปไม่มีใครจะล่วงรู้

                หากเขา....หากเขา.... ไม่ซิมันเป็นเรื่องแน่นอนไม่ใช่แค่ความรุ้สึกแต่ไม่มีใครจะตามหาเขาอย่างแน่นอน

                เขาเกิดมาเป็นตัวไร้ประโยชน์

                น่ารังเกียจ….

                คำพูดที่ถูกกรอกหูเขาทุกวัน ทุกคืน....

                เขา....

                “บางครั้ง....แค่บางครั้งผมไม่อยากจะเกิดมาเลย......อยากลบตัวตนของตัวเอง แล้วพี่ชายล่ะว่ายังไงกัน?”



    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    แต่งไปแต่งมาหนูมีความรุ้สึกเหมือนว่ามันไม่ค่อยจะหวานอะไรประมาณเนี่ย-..-
    อันที่จริงตอนนี้ไม่หวานเลย
    แต่ไรเตอรืขอบอกคู่นี้ไรเตอร์ปลื้มจริงๆ (คู่ไบอัสเลย สนุกที่สุก้ตอนแต่งคู่นี้)
    และขออภัยที่ยังไม่ได้แต่งคู่รีที และเหมือนว่าคนจะรี All kuro เยอะ ขจ้าน้อยก็จะจัดไปให้- -ตอนหายเหนื่อย


    ขอบคุณเจ้าค่ะ^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×