คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : โรงเรียนใหม่
3
โรงเรียนใหม่
บ้าหน่านี่มันสูงเหนือเมฆเลยนะเออ
“แมกซ์” ผมเดินไปที่ประตูอย่างยากลำบากเนื่องจากผมต้องคอยต่อสู้กับลมที่พัดเข้ามาเรื่อยๆ และตะโกนออกไป
“มีอะไรเรียกฉันงั้นหรอ มีอะไรจะถามงั้นหรอ” เสียงของแมกซ์ตีกับเสียงของลมทำให้ผมแทบจะจับใจความไม่ได้ว่าแมกซ์กำลังพูดอะไรอยู่ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเพราะตอนนี่แมกซ์กำลังเกาะขอบประตูซึ่งอยู่ใกล้เท้าผมมากซะด้วย
“นายไปทำอะไรตรงนั่น ไม่กลัวตกลงไปตายหรือไง” ผมตะเบ็งเสียงแข่งกับลม
“แหม... นายจะให้ฉันไปส่วนอื่นของแบร์รี่ได้ยังไงถ้าไม่ปีนออกจากส่วนนี่ของมัน” แมกซ์ยิ้มและเหวี่ยงตัวไปข้างหน้าและข้างหลังและฮึ้บบ แมกซ์ก็กลับมายืนอยู่ที่ในตัวแบร์รี่
“นายต้องปีนงั้นหรอ?”
“นายจะให้ฉันบินหรือไงถามบ้าๆ” แมกซ์ดันผมให้เข้ามาลึกขึ้นและปิดประตูโดยใช้น้ำหนักทั้งตัวดันมันเข้าไป แมกซ์เดินไปรินชาใส่แก้วใบเล็กบนโต๊ะพร้อมกับหย่อนก้นลงนั้งบนเก้าอี้ข้างๆเก้าอี้ที่ผมแต่เดิมนั้งอยู่ “มานั้งซิ มัวรออะไรอยู่เดี๋ยวชาที่คนอื่นเขาอุตส่าห์เตรียมไว้ให้จะเย็นหมดนะ” แมกซ์ตบเบาะเก้าอี้ข้างๆเป็นเชิงให้ผมไปนั้ง
“อ้อ... อืม”
“รีบๆดื่มเข้าล่ะอีกห้านาทีพวกเราก็จะถึงแล้ว”
“อ่า... แมกซ์ถามหน่อยถ้าเกิดฉันเกิดปลุกพลังตัวเองไม่ได้จริงๆฉันจะต้องตายใช่ไหม... และก่อนที่ฉันจะตายฉันยังต้องโดนแกล้งที่โรงเรียนอีกใช่ไหม” ผมถามด้วยความหวั่น ผมยังไม่อยากตาย ผมไม่อยากโดนแกล้ง ผมอยากมีชีวิตรอดกลับไปหาพ่อแม่อีกครั้ง
“อ้อเรื่องนั่นไม่เป็นไรหรอก... มั้งนะ ถ้านายโดนเขาเอามีดมาแทงนาย นายน่ะมาหาฉันได้เลย พลังของฉันคือการรักษาไงล่ะจำได้ไหม”
“แต่ถ้าฉันตายล่ะ”
“เดี๋ยวฉันเรียกคนมาเอาศพนายไปก็แล้วกันนะ” แมกซ์จิบชาเข้าไปอย่างสบายใจ เขาไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อยเผลอๆอาจจะทำให้ผมรู้สึกยื่งแย่กว่าเดิมซะด้วยซ้ำ
แบร์รี่ตอนนี่ได้หยุดเคลื่อนตัวและหยุดนิ่งอยู่กับที่ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูสถานการณ์ แบร์รี่กำลังลดความสูงลงเรื่อยๆจนในที่สุดมันก็ลดระดับถึงพื้นของโรงเรียนใหม่ที่ผมจะมาอยู่
โรงเรียนแห่งนี่มีลานที่กว้างมากๆ ขอย้ำมากๆ บรรยกาศอะไรก็คล้ายละไมกับโลกของเรา มันมีท้องฟ้าสีฟ้าครามเหมือนของเราถึงอากาศจะอบอ้าวกว่าเล็กน้อยก็ตาม
ผมเดินลงมาจากแบร์รี่ซึ่งดูยังไงก็เหมือนฟักทองเข้าไปทุกที แตกต่างกับจินตรนการของผม ดินแดนทันทารัสนั่นสวยยิ่งกว่าโลกเราเสียอีกดอกไม้บานสะพรั่งท่ามกลางแดดที่สาดส่องลงมายังผืนดินสีน้ำตาลเข้ม อากาศเองก็สดชื่นมากด้วยไม่มีกลิ่นของควันและมลพิษเลยแม้แต่นิด
“สวยใช่ไหมล่ะ... สวยจนไม่น่าเชื่อซะด้วยซ้ำว่าผืนดินนี่แบกรับคำทำนายมรณะนั่น” แมกซ์เดินลงออกจากแบร์รี่และลงมายืนข้างผม
“ฮ่าๆ คงงั้นล่ะมั้ง” ผมเปรย
“เอาล่ะเด็กนักเรียนใหม่ทุกคนที่เพิ่งลงมาจากแบร์รี่หันมาทางนี้ฟังหน่อยซิ” ผมหันไปตามเสียงเมื่อครู่และก็พบหญิงวัยทองยืนบนเวทีจัดเตรียมต้อนรับผู้มาใหม่ “ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียน เอซีพี พวกเจ้าทุกคนล้วนมีสายเลือดของประชากรของดินแดนทันทารัส ทุกคนล้วนมีพลังที่หลับใหลอยู่ในตัว ทุกคนคือคนสำคัญของดินแดน มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ฉัน เมดดร้า ซาลิเวีย รองผ.อ. ของโรงเรียนที่ได้ต้อนรับท่านผู้มีเกียรติทุกคน ตอนนี่นักเรียนทุกคนคงได้พบกับบัดดี้ของตัวเองแล้วซินะ มีคำถามอะไรโปรดถามบัดดี้ของนักเรียน คู่มือนักเรียน ยูนิฟอร์ม และบัตรนักเรียนถูกจัดไว้ให้แล้วในห้องพักของนักเรียน
เอาล่ะบัดดี้แสนน่ารักของอาจารย์โปรดส่งผู้มาใหม่ไปถึงห้องของพวกเขาด้วย... และสิ่งสุดท้ายที่อาจารย์จะบอกคือนักเรียนมาใหม่ทุกคนจะมีเวลาหนึ่งอาทิตย์ในการอยู่อย่างสงบและปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ ซึ่งนักเรียกแข็งแกร่งห้ามจู่โจมนักเรียนมาใหม่เป็นเวลาอาทิตย์หนึ่ง... ไปเข้าห้องได้”
“นายเนี่ยนะบัดดี้ของฉัน” ผมหันขวับไปหาแมกซ์ที่ยิ้มอย่างร่าเริงมาให้ผมอยู่
“ใช่แล้ว... อ่ะๆๆ ฉันเปล่าโกหกเรื่องคนบอกข้อมูลสักหน่อย บัดดี้มีหน้าที่ดูแลนายหนึ่งอาทิตย์และตอบคำถามนาย มันก็เหมือนคนบอกข้อมูลไม่ใช่งั้นหรอ” ผมเริ่มไม่ไว้ใจคำพูดของแมกซ์ขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี่ผมไม่มั่นใจซะด้วยซ้ำว่าคำทำนายบ้าๆนั่นมีจริงหรือเปล่า
“แมกซ์ มีเรื่องอื่นหรือเปล่าที่นายบิดเบือนความจริง” ใครเลือกแมกซ์ให้มาเป็นบัดดี้เนี่ย เลือกได้แจ๋วไปเลย โกหกไปหมดซะทุกเรื่อง
“ฉันเปล่าโกหกเรื่องอื่นนะ” แมกซ์ส่ายหน้า
ก่อนที่ผมจะหันไปด่าแมกซ์อีกทีลมก็พัดมาอย่างบ้าคลั่ง พัดจนคคนตัวเล็กๆบางคนถึงขั้นปลิวเลยซะด้วยซ้ำ แมกซ์ดึงข้อมือของผมลงและกดหัวผมให้ติดกับพื้นพลางเอาตัวมากำบังให้ผม
“แดนนี่อย่าเอาหัวขึ้นมาเด็ดขาด นี่ไม่ใช่แค่ลมปกติแต่นี่คือลมที่ผู้ควบคุมลมปล่อยออกมา นี่คือหนึ่งในพลังที่ฉันพูดถึงไงล่ะ” ผมพยายามแหงนหน้าขึ้นไปมองแต่กลับถูกแมกซ์กดลงกับพื้น “แดนนี่มันอันตรายมากสำหรับนายซึ่งยังไม่ได้ค้นพบพลังที่หลับใหลในตัวนาย นายน่ะตายได้ง่ายๆเลย”
“โอ้วว ฉันเมดดร้า คนนี่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยนะคะ... นักเรียนใหม่คนหนึ่งได้ปลุกพลังตัวเองทันทีที่มาถึงโรงเรียนเอซีพีเลยหรอเนี่ย... มันช่างเป็นรางที่ดีอะไรอย่างนี่” นักเรียนมาใหม่ปลุกพลังตัวเองได้แล้วงั้นหรอ แล้วผมล่ะ ทำไมผมยังไม่สามารทปลุกพลังตัวเองได้ล่ะ “แต่น่าเศร้าที่อาจารย์คงต้องหยุดนักเรียนมาใหม่ในการใช้พลังมากกว่านี่นะคะ เดี๋ยวคนอื่นจะตายกันซะหมด ฮ่าๆ” อาจารย์เมดดร้าตบมือสองทีลมที่พัดอย่างโชกโชนก็หยุดลงทันใด ร่างของหนึ่งในนักเรียนใหม่ก็ฟุบลงกับพื้นทันที “ไหนๆบัดดี้ของเด็กนักเรียนใหม่พาเขาไปห้องพยาบาลหน่อยเร็วเข้า” อาจารย์เมดดร้ายังคงยืนยิ้มอย่างมีความสุขท่ามกลางความหวาดกลัวและตื่นตระหนกของเด็กนักเรียนมาใหม่นับร้อย
“ขึ้นมาได้แล้ว” แมกซ์ปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระและดึงตัวผมขึ้นมาจากพื้น
“นั่น...คือพลังงั้นหรอ” มันสุดยอดไปเลย ไม่อยากจะเชื่อในตัวของผมก็มีพลังแบบนี่หลับใหลอยู่งั้นหรอ มัน... มันน่าอัศจรรย์มาก มันเท่มาก
“ใช่” แมกซ์ตอบและสะพายเป้ของผมที่หล่นอยู่บนพื้นพร้อมกับดึงตัวผมตามเขาไป ระหว่างทางพวกเราไม่ได้คุยอะไรกันแม้แต่นิดมีเพียงแต่ผมที่กำลังชมโรงเรียนใหม่ของผม โรงเรียนมันทั้งกว้างขวาง ดีไซน์ต่างๆก็ถูกจัดมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นทางเดินที่เป็นระเบียบหรือรวดรายบนตึก ตึกของโรงเรียนนั่นไม่สูงมากแต่มีหลายตึก และบางครั้งผมก็จะเห็นเงาคนลอยแวบๆอยู่ด้วย
“แมกซ์คนที่บินอยู่นี่คือพวกเขามีพลังบินใช่ไหม” ผมถาม
“อ่าฮะ... พลังบินนี่หาได้ค่อนข้างง่ายนะไม่เหมือนฉันที่มีพลังรักษาฮ่าๆๆๆ” หลงตัวเองที่สุดเลยบัดดี้ที่มีคนเลือกมาให้ผม
ในที่สุดหลังจากเดินกันมาสิบนาที (บอกแล้วโรงเรียนมันกว้าง) ผมก็ถึงหอชายของโรงเรียน..
ไม่น่าเชื่อมันเหมือนโรงแรมห้าดาวจริงๆ จะให้อธิบายยังไงดีล่ะ พื้นเป็นพรมแดงทางซ้ายมือมีคาเฟ่ทางขวามือก็มีบุฟเฟ่ต์ เสาของที่นี่ก็ถูกวาดด้วยรวดรายสวยงามสีทองอร่าม บวกกับสองสีแดงกับทองที่ถูกใช้ด้วยกันหอนี่มันเลยดูหรูขึ้นมากๆ แถมกลิ่นของในหอมันยังหอมสดชื่นอีก
“ไงล่ะ เจ๋งล่ะซิ” ผมอึ้งจนพูดไม่ออก เอาง่ายๆความรู้สึกของผมตอนนี่มันเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง ทุกอย่างดูหน้าตื่นเต้นไปหมด ขนาดรูปปั้นบางอันยังสวยซะจนผมอยากหยิบกลับบ้านเลย ผมรอไม่ไหวที่จะไปถึงห้องผมเร็วๆแล้วซิ
โอเคผมเรื่มเชื่อสิ่งที่เขาชอบพูดกันแล้ว... คาดหวังมากเกินไปจะเสียใจตอนหลังเอาเปล่าๆ ฮ่ะๆ ผมลืมไปได้ยังไงกัน แมกซ์ก็บอกผมไปแล้วนิว่าพวกอ่อนด้อยหรือพวกยังไม่สามารทปลุกพลังตัวเองได้นั่นต้องอยู่ห้องโสโครกขนาดไหน
ห้องของผมเล็กมาก เล็กจนอึดอัด มีเตียงเก่าๆที่มีฝุ่นเกาะเต็มกับโต๊ะเรียนหนึ่งอันและโต๊ะข้างหัวนอนหนึ่งอัน กระจกก็แตกม่านก็ขาด ขนาดเวลาเดินบนพื้นไม้นี่ยังมีเสียงเอียดอาดเลย
“โห นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันมาห้องของพวกอ่อนด้อย... มันช่าง... อืม ไร้คำเปรียบเปรยอะไรอย่างนี่” แมกซ์สำรวจรอบห้องที่เล็กมากจนน้ำตาผมแทบไหล ผมคิดถึงพ่อแม่แล้ว ผมอยากได้ห้องเก่าของผมคืนมา เอาห้องของผมมา แง้
“แมกซ์ห้องนายเป็นยังไง เหมือนห้องฉันหรือเปล่า”
“เปล่าเลย ห้องของฉันน่ะนะ สวยใหญ่หรูมากๆเลยล่ะ เนื่องจากพลังรักษานี่หายากนะ ฉันเลยห้องหรูกว่าคนอื่นเล็กน้อย... ว่างๆในก็มานอนห้องฉันก็ได้นะ” เหมือนแมกซ์จะถูกสายตาของผมกดดันมากเกินไปเลยหลับตาชวนผมย่างไม่เต็มใจฮ่าๆ แต่ผมก็ขอรับคำเชิญก็แล้วกัน
“คืนนี่เลยดีกว่า” ผมลุกขึ้นและผลักแมกซ์ออกจากห้องนอนของผมและพยายามล็อกมัน
“เฮ้ยคืนนี่เลยหรอ ฉันยังไม่มีเตียงนอนให้นายหรือหมอนหรือผ้าห่มเลยนะ แล้วนายจะไม่เอาคู่มือ บัตรนักเรียน และยูนิฟอร์มโรงเรียนงั้นหรอ” แมกซ์หันหน้าไม่สบตากับผมและทำมือไล่ชิ่วๆ แต่เรื่องอะไรผมจะยอมปล่อยให้โอกาสนอนห้องหรูๆหลุดมือกันล่ะ ผมเอื้อมมือไปจับมือของแมกซ์และลากเข้ามาด้วยกัน “เข้าไปเองเซ่เรื่องอะไรมาลากฉันด้วยล่ะ” แมกซ์พยายามแกะมือผมแต่ก็ไม่สำเร็จ ผมบรรจุยูนิฟอร์ม คู่มือนักเรียน และบัตรนักเรียนเข้าไปในเป้ของผมด้วยมือข้างเดียวก่อนจะหันไปหาแมกซ์
“ไปกันเถอะ” แต่ผมกลับพบแต่ความว่างเปล่า อ่าวแล้วมือที่ผมจับอยู่นี่ของใครกัน เฮือก มือกับแขนที่ปราศจากร่างกายเนี่ยนะ แมกซ์นายสามารทถอดแขนขาเหมือนจิ้งจกถอดหางมันได้งั้นหรอ?
เมื่อคืนคงไม่ต้องบอกว่าผมต้องพยายามนอนหลังขดมากเพียงใด คงไม่ต้องบอกว่าหน้าต่างที่มีกระจกแตกเกือบทำให้ผมเป็นหวัดกี่ที คงไม่ต้องอธิบายความคันยุกยิกที่ผ้าห่มเหม็นหึ่งนั่นทำอะไรกับผิวหนังผมบ้าง และคงไม่ต้องพูดว่าความผิดนี่เป็นของใครที่ไม่ให้ผมไปนอนห้องของเขา
เช้าวันจันทร์หรือวันแรกที่ผมเดินทางมาถึงดินแดนทันทารัส มันเป็นวันที่ผมต้องไปยังห้องเรียนใหม่ของผม ผมจะต้องพบปะกับคนใหม่ๆและพยายามทำเพื่อนใหม่ให้ได้ (ภารกิจของวันนี่ ฮ่าๆ)
จากคู่มือที่ผมได้รับมา มันเขียนกฏไว้มากมายซึ่งผมตัดสินใจจะไม่อ่านเนื่องจากมันเยอะเกินไป (อ่าว) ผมเพียงแต่ดูแผนที่โรงเรียนและห้องเรียนที่ผมต้องไปวันนี่ มันอยู่ชั้นสามตึกคิว จะให้ผมอธิบายว่ามันอยู่ไหนก็ยากเกินความสามารถผม...เอาเป็นว่ามันอยู่ห่างจากหอประมาณห้ากิโลเมตรก็แล้วกันนะ (ตัดกันสั้นๆอย่างนี่เลยหรอ)
ตอนนี่ผมกำลังรอแมกซ์ที่บอกผมว่าจะมารับผมตอนแปดโมงเช้าหน้าหอชาย (ที่ภายนอกนั่นดูหรูหราแต่บางห้องโทรมจนรับไม่ได้)
“ไงแดนนี่ เมื่อคืนหลับสบายไหม?”
“สบายหรอ? นั่นมันยิ่งกว่าห้องนอนคนยากไร้เสียอีก นายยังมีหน้ามาถามอีกว่าสบายไหมเนี่ยนะ” ผมหันไปแขวะแมกซ์ที่เพิ่งเดินทางมาถึงจุดที่เรานัดหมายกัน แมกซ์คลี่ยิ้มขี้เล่นมาให้ผมและแลบลิ้นออกมา
“ใครจะไปรู้อาจจะสบายก็ได้นะ”ผมใช้หางตาเหลือบไปมองแมกซ์ที่ยังคงทำหน้าระรื่นอย่างไม่ไว้หน้าผม “เอาหน่าประสบการณ์ใหม่ไงล่ะ มาๆเดี๋ยววันนี่ฉันออกค่าพาหนะเดินทางไปส่งห้องเรียนนายให้เอง” แมกซ์ควักบัตรนักเรียนตัวเองออกมาและเดินนำผมไปยังป้ายรถเมล์ (ล่ะมั้ง) “นายเห็นนี่ไหม” แมกซ์ชี้ไปที่ขอบบัตรนักเรียนของตัวเองซึ่งมีเลข สี่ห้าเก้าหกเจ็ดแปดเขียนไว้ “นี่คือคะแนนของฉัน เหมือนที่ฉันบอกไปไงล่ะถ้านายฆ่าคนหนึ่งคนนายจะได้คะแนนสักร้อยยี่สิบถ้าฉันจำไม่ผิดนะ (ใครเลือกหมอนี่มาเป็นบัดดี้ผมฟระ) นายสามารถเอาคะแนนพวกนี่แลกเป็นเกรดได้ และที่โรงเรียนนี่พวกเขาใช้แต้มพวกนี่ซื้อของกิน ซื้อตั๋วยานพาหนะ ฯลฯ”
“โหงั้นนายก็รวยมากเลยน่ะซิ” ตั้ง สี่แสนห้าหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยแปดสิบแต้มแน่ะ แมกซ์นายนี่รวยเว่อร์ๆจริงๆ
“ก็แหงล่ะ... งานพิเศษของฉันในโรงเรียนคือคนรักษาบาดแผลไง และเวลาฉันรักษาคนๆหนึ่งฉันจะคิดค่ารักษาประมาณสี่พันแต้ม... นี่เป็นสาเหตุที่ยิ่งนายตายบ่อยขนาดไหนและต้องเข้าไปรักษาตัวมากขนาดไหนนายจะถูกหักแต้มมากขนาดนั่นและทุกครั้งที่นายเสียสามพันแต้มนายจะโดนหักเกรดหนึ่งเกรดไงล่ะ แต่เฉพาะค่ารักษาเท่านั่นนะที่หักเกรดเรา”
“ฆ่าคนได้ร้อยยี่สิบ... รักษาสี่พัน โหแฟร์มากเพื่อน” แมกซ์ยักไหล่อย่างไม่สนใจและเสียบบัตรเข้าไปในตู้เล็กๆ การ์ดสองใบก็หล่นลงมาจากช่อง แมกซ์ยื่นอันหนึ่งมาให้กับผม
“นี่บัตรขึ้นยานพาหนะ... อ้อใช่แดนนี่นายต้องหางานพิเศษทำนะ ถึงนายจะได้แต้มมาจากการบ้านที่นายส่งก็เหอะแต่มันไม่พอกินหรอกนะ แถมนายอาจจะโดนฆ่าหลังจากอาทิตย์นี่จบก็ได้”
“งานอะไร?”
“ก็เหมือนฉันไงล่ะ ฉันเป็นคนรักษาคนอื่น ฉันหารายได้พิเศษมาจากการรักษาคนอื่นไงล่ะ” จู่ๆนกยักษ์ที่หน้าตาเหมือนตัวที่โดนดวาฟพวกนั่นฆ่าก็บินลงมาจากท้องฟ้าและลงมายืนข้างหน้าผมกับแมกซ์
“นี่รถแล้วหรอ” ผมหันไปแขวะใส่แมกซ์
“ฉันบอกว่ายานพาหนะไงล่ะ เอาไงจะขึ้นไม่ขึ้น ฉันอุตส่าห์จ่ายใแล้วนะ” แมกซ์พูดจบก็ผลักผมขึ้นบันไดข้างตัวนกยักษ์นั่นและกดผมให้นั้งลงบนหลังมัน
“ไม่มีเบาะหรือที่ให้เราเกาะระหว่างมันบินงั้นหรอ” ผมพูดอย่างหวั่นๆ ลองนึกสภาพผมนั้งอยู่บนตัวนกยักษ์ที่มีมีอะไรให้เกาะเลย ดูซิ
“อืม...นายแค่พยายามอย่าตกลงไปก็แล้วกันล่ะ” แมกซ์ก้มลงมานั้งข้างๆผมก่อนจะโน้มตัวลงไปและนอนแผ่ซ่านพยายามกอดตัวนกอย่างสุดขีด ผมเองก็ทำตามแมกซ์ “แดนนี่ถ้าพวกเรามีชีวิตรอดลงจากเจ้านกนี่นะหวังว่าพวกเราจะได้เป็นเพื่อนที่สนิทกันกว่านี่”
“อย่าพูดงั้นดิ” ทันทีที่ผมพูดจบนกยักษ์ตัวนั่นก็สยายปีกบินขึ้นไปบนท้องฟ้า มันเหวี่ยงตัวไปซ้ายไปขวาก่อนที่จะบินขึ้นและลง มันไม่ยอมบินเป็นเส้นตรงแถมไม่ยอมลดความเร็วด้วย มันหมุนตัวสามร้อยหกสิบองศาจนผมแทบจะร่วงลงไปกระแทกกับโรงเรียน
“อย่าดึงขนมันนะ” แมกซ์ตะโกนแข่งกับเสียงลมที่ปะทะเข้ากับหน้าของพวกเราอยู่อย่างต่อเนื่อง
“อะไรนะ?”
“อย่า ดึง ขน นก นะ” อย่าดึงขนนกงั้นหรอ ได้ผมจะไม่ดึงมันแน่ๆถ้าไม่ติดว่าผมเพิ่งดึงมันตะกี้หรอกนะ
“จิ๊บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ” นกยักษ์ตัวที่ผมกำลังนั้งอยู่ร้องอย่างโหยหวนและบินสับส่ายยิ่งกว่าเดิม ความเร็วของมันเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะชะลอลงเลยแม้แต่นิด
สิ่งที่ไม่คาดฝันในที่ก็บังเกิดขึ้นกับผม แมกซ์คว้าเป้ของตัวเองและส่งสายตาเป็นนัยๆให้ผมทำตาม เขาคว้าข้อมือของผมและกลิ้งตัวขลุกๆลงจากหลังนกตัวนั่น
ร่างสองเราร่วงลงมาจากหลังนกยักษ์เฮงซวยนั่นทันที ลมปะทะเข้ากับใบหน้าเราอย่างรุนแรง ซึ่งมันทำให้ผมกลัวและพยายามตะเกียตะกายหาที่เกาะยึด
ท้องของผมรู้สึกปั่นป่วนเหมือนมีอะไรน่วงๆต่อยมาอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกของการตกลงมาจากที่สูงไม่ใช่อะไรที่ผมอยากลิ้มรสอีกแล้ว
“แดนนี่คลายตัว อย่าเกร็ง” ในตอนนี่ผมกำลังตื่นตระหนกกำลังตกใจจนสมองเบลอคิดอะไรไม่ออก ผมได้ยินใครพูดอะไรผมก็รีบทำตาม ผมคลายตัวและอ้าแขนออก
แมกซ์ดึงข้อมือของผมอีกจนเราเริ่มเปลี่ยนทิศทางในการตก ตอนแรกพวกเรากำลังตกลงมายังตึกโรงเรียนแต่แมกซ์สามารถเปลี่ยนทิศตกให้กับพวกเราเป็นบ่อน้ำของโรงเรียนได้ (ทำหยังผมก็ไม่รู้)
ร่างทั้งสองของพวกเราหล่นลงมายังบ่อน้ำอย่างรวดเร็ว น้ำในบ่อเข้าทั้งจมูกหูตาปากของผม ผมพยายามตะเกียตะกายว่ายขึ้นมาจากน้ำเพื่อหาอากาศหายใจและไม่ลืมที่จะคว้าเป้ของผมไว้ด้วย
“แดนนี่นายโอเคหรือเปล่า” แมกซ์ที่หัวอยู่เหนือน้ำก่อนผมถามทันทีที่ผมขึ้นมาสำเร็จ
“ฉันคิดว่ายังโอเคนะ” ผมหายใจเข้าออกอย่างบ้าคลั่งและไอน้ำที่ผมกลืนเข้าไปอย่างเต็มที่เมื่อครู่ออกมา
“ดี.. ไม่งั้นฉันต้องโดนลงโทษแน่ๆถ้าทำนักเรียนมาใหม่ตายตั้งแต่วันแรกของโรงเรียน” แมกซ์ว่ายน้ำนำผมขึ้นไปยังฝั่งของบ่อน้ำและปีนขึ้นบนผืนดิน
“ฉันจะไม่นั้งบริการนกนั่นอีกแล้วแน่ๆ” ผมบ่นก่อนจะบิดน้ำออกจากเสื้อผ้าของตัวเอง
“ฉันก็ไม่คิดจะให้นายนั่งอีกแน่ๆ” (เออฉันก็เปล่าอยากนั้งอีกเหอะ)
“เราสายยังสำหรับวิชาแรก”
“นิดหนึ่ง แต่ถ้าเราวิ่งไปตอนนี่ยังทันนะ ตึกเรียนคิวอยู่ตรงนั่นเอง” แมกซ์ชี้ผ่านป่าเล็กๆข้างบ่อน้ำไปยังตึกที่ไม่สูงมากแต่กว้างพอสมควร มันมีอักษรคิวตัวใหญ่เขียนไว้บนยอดตึก “เร็วไปกัน” ผมวิ่งตามแมกซ์ผ่านป่าเล็กๆนี่ ผมพยายามจะหยุดดูอยู่หลายรอบแต่กลับถูกแมกซ์ดุและลากให้ไปถึงตึกให้เร็วที่สุด ในป่านี่มีทั้งแมวบิน หมาจระเข้ หมูดิน นกคลาน และโอ้ววมันช่างเป็นสัตว์ที่ประหลาดอะไรอย่างนี่
“ถึงแล้วหรอ” ผมหอบอย่างบ้าคลั่งหลังจากการวิ่งสองกิโลติดต่อกันอย่างไม่ได้พัก
“อืมเข้าไป ขึ้นไปชั้นสามเลี้ยวซ้ายห้องหลังสุดคือห้องเรียนนาย ฉันต้องไปเรียนของตัวเองก่อนล่ะ” แมกซ์โบกมือและวิ่งออกไปจากที่ๆผมยืนอยู่ ผมก้าวเท้าเข้าไปในตึกนั่นและหาบันไดตามที่แมกซ์บอก
ความคิดเห็น