เรื่องรักๆ ของมิตรภาพแห่งรัก
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านนะครับนี่เป็นเรื่องแรกของผมหวังว่าทุกท่านจะชอบกันนะครับ >_< วันที่ต้องไปโรงเรียนเขามักจะชอบโดดเรียน แล้วเขาโดดไปไหนกันละ !
ผู้เข้าชมรวม
53
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
สวัสดี …
“ …… “
“คือว่า… ผมมีอะไรจะบอกคุณน่ะ… “ ใบหน้าของเธอนั้นกำลังแดง แต่ในเวลาตอนเช้าอากาศเย็นๆแบบนี้ ที่ไม่น่าเหงื่อออกได้ดันค่อยๆออกเหมือนดอกไม้ที่กำลังบาน
“ขะ ขอโทษที่ทำให้อึดอัด แต่ผมจะพยายามที่จะพุดกับคุณนะ คุณเมย์ “
“ อื้อ “ คุณเมย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเด็กกำลังตอบกับพ่อแม่ด้วยความมุ่งมั้น
“คะ คือว่า มีถั่วไหม ? “
“นายต้องการอะไรจากฉันกันแน่ห่ะ นี่นาย… เหงามากรึไง ไปเล่นตรงนู้นเลยไป “ คุณเมย์พูดด้วยน้ำเสียงโมโห
“ ก็ผมอยากเล่นตรงนี้นี่หน่า ” เวลาแกล้งคุณเมย์แล้วทำให้ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่ผมคิดว่าผมคงไม่ได้ตกหลุมรักใครง่ายๆหรอก เพราะผมเป็นคนที่เวลาจะตกหลุมรักใครยากมากๆเลย แต่นี่ที่ผมเล่นกับคุณเมย์คงเป็นเพราะคุณเมย์น่ารักก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งเหมือนกันที่ทำให้ผมอยากแกล้งเธอ
“ฉันคิดว่าจะ … ตึง ติ้ง ติ๊ง ตึ่ง” คุณเมย์ที่กำลังพูดแต่เสียงที่ออกมาเบาของเบามากๆราวกับเหมือนมีหมอกหนาๆกำลังปกครุมอยู่รอบๆเราสองคน แต่นั้นก็มีเสียงออดเข้าแถวดังขึ้นทำให้กรบเสียงของคุณเมย์ที่กำลังพูดเสียงเบามากๆอยู่นั้น ทำให้ราวกับว่าเธอไม่ได้พูดซะอย่างนั้น แต่ผมก็เห็นริมฝีปากที่ขยับไปมาแต่ก็ไม่สามารถตีความออกมาได้เลยคุณเมย์กำลังพูดอะไรออกมา แต่ไม่รู้ทำไมมันทำให้ผมรู้สึกเขินซะไง
ต่อจากนั้นผู้คนมากมายจากที่ต่างๆ ไม่ว่าจากในห้องเรียน ม้านั่ง หรือในโรงอาหาร ก็กำลังจะมารวมตัวกันที่ลานกว้างเพื่อที่จะเข้าแถวในตอนเช้า ผมกับคุณเมย์ที่ยืนอยู่ระหว่างตึกสองตึกมันเป็นทางผ่านที่จะไปลานกว้าง เพตุผลที่เรามายืนคุยอยู่ตรงนี้เป็นเพราะผมแค่จะไปสถานที่หนึ่งเท่านั้นเองแต่ดันเจอคุณเมย์ระหว่างทาง ผมเลยแวะแกล้งเธอซักหน่อย
“ ฉันไปเข้าแถวก่อนนะ บ๊อบ ” เธอพูดแบบสดใส
“ ดะ เดี๋ยวสี้ เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ “ ผมที่ตะโกนพูดแบบครึ่งๆกลางๆ เพราะแถวนี้คนอาจจะเยอะและเสียงดังมากก็จริงแต่ถ้าหากตะโกนดังไปอาจจะเป็นจุดสนใจได้ ถ้าผมโดนเป็นจุดสนใจแบบนั้นละก็ผมคงอยากลาออกเลยแหละนะ
“ ไม่มีอะไรหรอก แล้วเจอกันนะ “ เธอพูดแล้วยิ้มพรางๆแล้วหายใจแรง แก้มของเธอนั้นแดงกว่าบทสนทนาแรกของเราซะอีก จากนั้นคนก็เริ่มเยอะขึ้นทำให้เธอก็หายไปกับผู้คนจำนวนมากมายที่กำลังจะไปเข้าแถว เหมือนกับว่าสีต่างๆที่ผสมกับสีอะไรก็จะเนียนไปเป็นเนื้อเดี่ยวกัน แต่ ท ว่าผมสีดำของเธอนั้นมันยาวเท่าไหล่มันถูกผูกกับโบผูกผมที่ใช้สีไม่เหมือนใครๆ แม้แต่มองเธอข้างหลังก็รู้ทันทีเลยว่าเธอเป็นคนที่สวยงามมากๆคนหนึ่งเลยแหละและแม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายก็เหอะนะ
“ ให้ตายสิ คนเยอะเป็นบ้าเลย “ แต่จริงๆแล้วผมนั้นไม่ค่อยชอบที่จะเข้าแถวซักเท่าไหร่คงเป็นเพราะมันน่าเบื่อที่ต้องอยู่กับคนมากมายขนาดนั้นมันทำให้ผมอึดอัด แล้วต้องฟังจารบ่นนู้นบ่นนี้ มันทำให้ผมรู้สึก หงุดเหงิดและน่าเบื่อ อย่างมาก
แต่ผมก็มีที่ประจำนะเวลาโดดแถว ผมมักจะปีนรั้วหลังโรงเรียนแล้วค่อยๆเดินเลาะทุ่งหญ้าหลังโรงเรียนไปยังห้องน้ำร้างนี่ ห้องน้ำร้างห่างจากตัวโรงเรียนไปประมาณ ห้าร้อยเมตร ซึ่งเป็นสนามกีฬาเก่าที่ปล่อยทิ้งร้าง ผมจึงเดินตัดผ่านสนามหญ้าสีน้ำตาลปนกับสีเขียวอ่อนๆที่เหมือนกำลังไกล้ตายไม่ช้าก็เร็วในสนามนี่ไม่มีแม้กรทั้งลมแม้แต่นิดเดี่ยว และแล้วผมก็มาถึงห้องน้ำร้าง
มันตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆเป็นรูปทรงจตุรัส ทาสีขาวหม่นๆ มีเศษกระจกเงาที่แตกกระจักระจายเต็มพื้นกระเบื้องลายตารางสีขาว คงเป็นเพราะมีพวกหัวรุนแรงมาทุบเล่นอะนะ ผมละไม่ชอบกับคนพวกนี้จริงๆ แต่สำหรับผมที่แปลกที่สุดก็คือห้องน้ำร้างนั่น น้ำประปาทำไมยังใช้ได้อยู่ปกติ ทั้งๆในสถาพนี้ก็ไม่น่าจะมีใครดูแลหรือจ่ายค่าน้ำแล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องไฟฟ้าคงใช้ไม่ได้แน่นอนแหละ
ภายในนั้นมีห้องน้ำชายและห้องน้ำหญิง อย่างละ 3 ห้อง มีกำแพงกลั้นห้องน้ำชายและหญิงก็จริงแต่ถ้าจะปีนก็ปีนดูได้ง่ายๆทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงเลย เพียงแค่ปีนบนอ่างล้างหน้าที่ติดกับกำแพงที่สุด ถึงแม้ว่าจะมีแค่ 2 อันก็เถอะนะ
“ อื้มมมมมมม เดินออกกำลังกายตอนเช้านี่สดชื่นจังเลยหน่า” ผมที่พูดกับตัวเองหลังมาถึงห้องน้ำ ซึ่งแน่นอนต้องเป็นที่หลังสุดในห้องน้ำ เพราะตรงนั้นมีของเปอร์นิเจอร์พังๆ มีทั้ง โซฟาเก่าๆเป็นทรงแบบเป็นรูปทรงตัว i สีน้ำตาลเข้ม โต๊ะไม้ผุๆ ซึ่งแน่นอนทั้งหมดนี้ใครก็ไม่รู้ทิ้งไว้
ผมนั่งลงบนโซฟาขาดๆ นำขาทั้งสองข้างวางไว้บนโต๊ะไม้ผุๆที่วางอยู่หน้าโซฟา มันมีความกว้างและยาวพอๆกับโซฟาเลย แต่ถึงแม้โซฟามันจะขาดจนไส้ปลิ้นออกมาและมีรูหลายรูก็ตาม มันก็ยังทำให้ผมนั่งสบายๆอยู่ดี ผมจึงปล่อยให้ทั้งแผ่นหลังของผมไหลไปตามแรงโน้มท่วงของมัน และพลางมองและฟังสิ่งที่เกิดขึ้น
ฝั่งซ้ายมือของผมจะเป็นถนนที่ไม่ใหญ่มากแต่ก็พอมีรถวิ่งตลอดเวลา ฝั่งขวามือก็เป็นป่ามีต้นไม่ต่างๆ แต่ตรงกลางนั้นกลับกลายเป็นเนินขนาดเล็กใหญ่สลับกันไปมามันถูกปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียวขจี แต่พอมองข้างหน้าระดับสายตา ก็จะเห็นเป็นป่าเล็กๆ ถึงแม้จะไม่เท่าฝั่งขวาก็เถอะ แต่ผมก็ไม่รู้ทำไมทั้งหมดนี่ก็ไม่น่าเข้ากันได้ แต่กลับเข้ากันได้เหมือนกับ
ไอสครีมวานิลาใส่ในราเมงต้มยำชาชูละมั้ง
สายลมที่ค่อยๆพัดอ่อนๆ หญ้าที่เขียวขจี อากาศที่เย็นกำลังพอเหมาะ ท้องฟ้าที่มองเห็นไม่มีสุดสิ้นสุด ก้อนเมฆก้อนน้อยๆที่ไม่กลืนสีของท้องฟ้าไปทั้งหมด มันแบ่งตัวเป็นก้อนๆ พอดิบพอดีกับสัดส่วนของท้องฟ้า มันเป็นเหมือนเป็นงานศิลปะที่งดงามมากๆชิ้นหนึ่งเลยแหละ ถ้าเป็นจิตรกรละก็เขาคงกวาดรางวัลทุกอีเว้นแน่นอนเลย
ก้อนเมฆค่อยๆลอยไปตามสายลมอ่อนๆที่พอทำให้เส้นผมปลิวสะไหว ลมที่กระทบหู ต้นไม้และใบไม้ที่ปลิวสหวัย เสียงใบไม้ใบหญ้าที่กระทบไปมาเหมือนกับว่ามีศิลปินที่ขายวิณญาณให้ซาตานมาบรรเลงเพลงให้ฟัง
ตอนนี้ผมเหมือนกำลังล่องลอยในบทเพลงและจิตรกรรมสะเหมือนทั้งโลกไม่มีใครนอกจากตัวเรา ถึงแม้จะรู้สึกเหงา ที่มาคนเดี่ยวแต่ก็รู้สึกดีโครตๆเลย ที่ตัวเองได้ร้อมรอบกับสิ่งเหล่านี้
แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งที่แกรกมาระหว่างที่ธรรมชาติกำลังบรรเลงเสียงของเหล่าศิลปินกับจิตรกรที่กำลังวาดลวดลายต่างๆให้ชื่นชม แต่กับเสียงนี้มันเป็นเสียงที่ไม่ได้มาจากศิลปินกับจิตรกรเลย แต่มันเป็น …
เสียงคนกำลังเดินมา !!!
ผลงานอื่นๆ ของ ชื่อเล่นเป็นรถ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ชื่อเล่นเป็นรถ
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น