ขบวนการชาวร็อค ตอนที่ 1 ช่วงที่ 1
ロッカー戦隊ロックンレンジャー Rokkā Sentai Rokkunrenjā [ Rocker Squadron Rock 'n' Ranger ] หมายเหตุ:เป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นด้วยตัวผู้เขียนเอง
ผู้เข้าชมรวม
150
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตอนที่ 1 ช่วงที่ 1
ชายสวมชุดสีดำล้วนคนหนึ่ง กำลังวิ่งหนีคนกลุ่มหนึ่ง เขามีอาการตื่นกลัว เขากำลังวิ่งหนีบางสิ่งบางอย่าง เขาวิ่งจากซอกตึกหนึ่งไปยังอีกซอกตึกหนึ่ง เพื่อพยายามจะหนีคนกลุ่มนั้นให้พ้น แล้วเขาก็ซ่อนตัวอยู่ ณ มุมเล็กๆ มุมหนึ่งในซอกตึก
“แกหนีพวกฉันไปไม่พ้นหรอก!!! ” เสียงๆหนึ่งตะโกนมาหาเขา เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งเข้าใกล้ตัวเขาเข้ามาเรื่อยๆ ชายฉกรรจ์จำนวนหกคน กำลังตามล่าหาชายผู้กำลังวิ่งหนีพวกเขา
“ที่นี่มันถิ่นของพวกฉัน แกไปได้ไม่ไกลแน่” หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ พูดข่มขวัญ
กลุ่มชายฉกรรจ์เริ่มเร่งฝีเท้าขึ้นทีละน้อย เดินเข้าหา ใกล้จุดที่ชายผู้นั้นซ่อนตัวอยู่ เรื่อยๆ
“ฉันคิดว่ามันไปทางนั้น” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งหันมาพูดกับพวกตัวเอง “เราไปดูทางนั้นกันดีกว่า” ชายฉกรรจ์พูด
พวกเขาเข้าใกล้จุดที่ชายผู้เคราะห์ร้ายซ่อนตัวอยู่เรื่อยๆ ชายผู้เคราะห์ร้ายรีบนำถุงขยะจำนวนหนึ่งข้างๆตัวเขามาปกตัวเอง เท้าของเหล่าชายฉกรรจ์หยุดตรงข้างๆบริเวณที่เขาซ่อนตัว พวกเขามองไปมองมา
“เอ็งจ้องทำไมตรงนั้นวะ?” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งถามพวก “ทำไมข้ารู้สึกเหมือนมันอยู่ตรงนั้น?” ชายฉกรรจ์คนนั้นตอบ “อะไรเล่า? ก็แค่กองขยะ จะไปใส่ใจมันทำไม?” ชายฉกรรจ์อีกคนถามกลับมา
“เออว่ะ แถวนี้ท่าจะไม่มี เราไปหามันต่อกันเถอะ” ชายฉกรรจ์ในกลุ่มคนหนึ่งพูดชักชวน ทั้งหกคนเดินจากเป้าหมายของพวกเขาไป ไม่มีใครเห็นชายเคราะห์ร้ายคนนั้น ชายเคราะห์ร้ายคนนั้นค่อยๆออกมาจากที่ซ่อนแล้ววิ่งเรื่อยๆ กลับไปในทางที่เขาวิ่งมา เขาหนีคนกลุ่มนั้นพ้นแล้ว แต่ทันใดนั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างเสา และเอาท่อเหล็กตีไปที่หน้าผากของเขาอย่างจัง ในขณะที่เขาวิ่งอยู่ เขาล้มลงทันที
“สวัสดี พ่อคนแปลกหน้า” หญิงคนนั้นทักทาย ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา และยืนคู่กับหญิงสาว
“ฉันแม่นดีไหมคะ? ที่รัก” หญิงสาวถามชายร่างยักษ์ “แน่อยู่แล้วจ้ะน้องจ๋า หึๆๆ” ชายร่างยักษ์ตอบหญิงสาว
ชายร่างยักษ์ใช้มือขวาจับคางของชายผู้เคราะห์ร้าย แล้วยกเขาขึ้นมา “ยินดีด้วย นายหนีเจ้าพวกนั้นพ้นแล้วล่ะ” ชายร่างยักษ์พูด “แต่นายหนีฉันไม่พ้นแน่นอน หึๆๆๆ ……. ยินดีต้อนรับเข้าสู่นรกนะน้องชาย” ชายร่างยักษ์หัวเราะและทุ่มชายในมือของเขาลงบนโต๊ะเหล็กยาวๆตัวหนึ่ง
ที่นี่คือนรก ที่ๆวิญญาณที่มีความชั่วร้ายจะได้รับการ“สั่งสอน” นรกเดี๋ยวนี้เจริญขึ้นกว่าเดิมมาก
มีตึกเต็มไปหมด มีน้ำ ไฟฟ้า ถนน รถรา ฯลฯ ทว่าแทบไม่มีแสงสว่างจากท้องฟ้าเลย
หลายครั้งเป็นท้องฟ้ามืด และหลายครั้งเป็นท้องฟ้าครึ้ม เหล่าวิญญาณที่ตกนรกลงมาจะมีชุดสีดำทั้งตัว
และมักจะถูกซ้อม ถูกทุบตีตามข้างถนน ถูกตามไล่ล่า หรือทำไม่ดีไม่ร้าย อยู่บริเวณข้างถนนเสมอ บรรยากาศที่นี่เหมือนในหนังบางเรื่อง ที่มีฉากหลังเป็นเมืองผุๆพังๆ มีพวกนักเลงเต็มไปหมด ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่เหล่านั้นคือ “ชาวนรก” นอกจากชายร่างใหญ่แล้ว ยังมีสาวสวย ที่เป็นชาวนรกเช่นกัน อยู่ประจำในที่นี้เป็นจำนวนมาก
พวกเขาและเธอทำงานเดิมๆมาเกือบหลายแสนปีแล้ว แต่ไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อกันเลย
“เฮ้ เจ้าหนู แกเป็นอะไรตาย?” ชายชาวนรกคนหนึ่งใช้มือทั้งสองบีบคอเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายและถามเขา
“ผะๆๆๆ ผม ติดยา ผะๆๆ ..ผม เสพยา” ชายผู้เคราะห์ร้ายตอบ
“นายรู้ไหม? ฉันชอบอัดพวกผีขี้ยาว่ะ ไอ้พวกนี้มันอ่อนหัด ฉันชอบอัดพวกมันทั้งวันทั้งคืนเลย ฮ่าๆๆๆๆ”
ชายชาวนรกหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะจับชายขี้ยาทุ่มลงกับพื้น และต่อยเขาซ้ำๆ ชาวนรกคนอื่นๆเห็นแล้วก็หัวเราะด้วยความสะใจ
เสียงเพลงร็อคท่วงทำนองหนักหน่วง อึกทึกไปทั่วทุกที่ จากแทบทุกๆหัวมุมถนนในเมืองนรก มีดิสโก้เฮาส์ ไฟสลัวๆ และบาร์อยู่มากมาย เช่นเดียวกับบ่อนการพนันหลากรูปแบบ ที่ผุดขึ้นเหมือนดอกเห็ด
ความน่ากลัวในเมืองมีอยู่มาก ต่างจากบริเวณเขตวังของซาตาน จักรพรรดิแห่งความชั่วร้าย ที่ดูสงบลงมาบ้าง
มีทหารองครักษ์ของซาตาน สวมเครื่องแบบสีดำ ร่างใหญ่ ถือปืนกล ยืนเฝ้าอยู่หลายสิบนายอยู่ในเขตนี้ ตามปกติ ซาตานก็จะใช้ชีวิตตามปกติ ออกมาเดินเล่นบ้าง เยี่ยมเยียนเมือง หรือหาความสุขในเมืองบ้าง แต่ว่าช่วงนี้ กว่าหนึ่งอาทิตย์แล้ว ที่ซาตานไม่ออกมาจากในห้องนอนของเขา
“ท่านซาตานไม่ออกมาจากห้องบรรทมของพระองค์นานมากเลย ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ” ทหารองครักษ์นายหนึ่งพูด ใบหน้าของเขายังคงจ้องมองไปด้านหน้าในขณะที่พูด
“เท่าที่ฉันทราบ ท่านกำลังนั่งทางในอยู่น่ะ เหมือนกำลังถอดจิตไปยังโลกมนุษย์ ไม่ใช่ธุระของเราแน่ล่ะ ตอนนี้เราอย่าไปยุ่งอะไรกับท่านจะดีกว่า” องครักษ์อีกนายหนึ่งพูด ทั้งสองยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าไปภายในตัววัง
ทหารองครักษ์กลุ่มหนึ่งขนเครื่องกระสุนกล่องใหญ่หลายกล่องลงจากรถบรรทุกที่จอดอยู่ในพื้นที่ภายในวัง พร้อมทั้งปืนกล และ วัตถุระเบิดจำนวนมาก เพื่อนำไปเก็บไว้ที่คลังอาวุธภายในเขตวัง
ที่ห้องเครื่อง (ห้องครัว) สาวผมบลอนด์ยาว รูปร่างดี มีอายุ คนหนึ่ง กำลังช่วยกันทำอาหารกับลูกมือสาวของเธออีกสองคน จำนวนหกจาน เพื่อที่จะไปเสิร์ฟให้กับซาตาน
“เอาล่ะ เดี๋ยวถ้าเสร็จแล้ว แบ่งกันเสิร์ฟคนละสองจานนะ” สาวผมบลอนด์คนนั้นบอกลูกมือทั้งสองของเธอ
ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ขัดกับบุคลิกภายนอกของเธอที่ดูห้าวเล็กน้อย
ที่ห้องบรรทมของซาตานที่อบอวนไปด้วยกลิ่นยาสูบ ซาตานกำลังนั่งบนขอบเตียง จิตล่องลอยไปยังโลกมนุษย์ เห็นความวุ่นวาย และความชั่วร้ายที่มีมากขึ้นในทั่วทุกมุมโลก จิตของเขาสัมผัส และรับถึงพลังของความชั่วร้าย จากโลกมนุษย์ พลังของซาตานเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก มากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของซาตานมีความเคลิ้ม เฉกเช่นคนรับกลิ่นกัญชา
“ความชั่วร้าย …. มนุษย์โลก …. จำนวนมาก …. ทำความชั่วร้าย ….. ยังมีคน นับถือ พระเจ้า ? พระเจ้า …? หมอนั่น ….. สงคราม …. การเข่นฆ่า …. อาชญากรรม …. มลภาวะ…. จลาจล …. ยังมีอยู่ … ยังมีอยู่ … ไม่มี…. ใคร หยุดข้าได้ ไม่ได้อีกแล้ว” ซาตานรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีทันใดพร้อมกับพลังความชั่วร้ายที่มีมากขึ้นกว่าเดิมอย่างมหาศาล เขาลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว และใช้คลื่นพลังจากแขนทั้งสองข้างพังประตูห้องนอนออกมาด้วยความคึกคะนอง สามสาวผู้เสิร์ฟอาหารหยุดชะงักด้วยความตกใจ ขณะกำลังเดินมาที่หน้าห้องบรรทมของซาตาน เหล่าทหารองครักษ์ภายในตัววัง เมื่อได้ยินเสียงดังโครมนั้นแล้ว ก็ต่างรีบพากันไปหาที่มาของเสียง
“เสียงมาจากห้องบรรทม เร็วเข้า รีบไป!” ทหารองครักษ์ยศสูงนายหนึ่งบอกเหล่าสมุนของตน
เมื่อทหารทุกนายมาถึงหน้าห้องบรรทม ก็เห็นซาตานยืนอย่างอหังการ ใบหน้ามีรอยยิ้มของวายร้าย หญิงสาวทั้งสามได้เดินมาถึงภายหลัง และหยุดชะงักด้านหลังกลุ่มทหารองครักษ์เหล่านั้น
“ พวกท่าน … ข้าเอง ….ต้องขออภัยที่ทำให้พวกท่านต้องตกใจ …” ซาตานพูด
“จากการที่ข้าได้ไปเมืองมนุษย์มา ข้าได้เก็บเกี่ยวพลังงานจากด้านมืดของมนุษย์โลก เป็นจำนวนมาก มันมาก มากพอที่จะทำให้ข้า บุกขึ้นไป ถึงสวรรค์” ซาตานพูดไป แล้วก็เดินไปหยิบแก้วเครื่องดื่มจากถาดของหญิงสาวพร้อมรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ เขาหัวเราะเล็กน้อย หันหน้ามาทางเหล่าทหาร แล้วประกาศกร้าวว่า “ตัวข้า เพื่อชาวนรกทั้งปวง ข้าจะใช้พลังจำนวนมหาศาลที่ข้าได้มา ข้าจะขึ้นไปบนสวรรค์ และจะพิชิตพระผู้เป็นเจ้าด้วยตัวของข้าเอง !!!” เหล่าทหารองครักษ์ ต่างชูอาวุธขึ้น และโห่ร้องแสดงความดีใจ สาวทั้งสามต่างยิ้ม ใบหน้าของซาตานแสดงรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง และหัวเราะด้วยความหลงตัวเอง
ณ เมืองนรกอันน่ากลัวแห่งนี้ กำลังจะมีสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ซาตานเดินออกมาจากในตัววังพร้อมกับดาบเล่มใหญ่ในมือ เขาเดินออกมา และหยุดอยู่ตรงหน้าประตูเข้าตัววัง เบื้องบนนั้นเป็นผืนฟ้าอันมืดมิด
“ข้าคิดไว้แล้วว่ามันจะต้องเกิดขึ้น ….. และมันจะต้องเกิดขึ้น” ซาตานพูดอย่างมีความหวัง
เขาปักดาบเล่มใหญ่นั้น ลงบนพื้น พลังจากตัวถูกเปล่งและพุ่งพล่านออกมา เป็นพลังที่มีขนาดใหญ่มหึมา
และมีความรุนแรงมหาศาล พลังนั้นพุ่งเป็นลำยาวขึ้นไปข้างบน เปิดท้องฟ้าอันมืดมิดของนรก ทะลวงมิติที่กั้นทั้งสองดินแดนไว้ เกิดลมพัดแรง ไปทั้งแปดทิศทาง
พลังได้ดูดตัวของซาตานขึ้นไป พร้อมกับดาบเล่มใหญ่เล่มนั้น ผลักดัน ผ่านพุ่ง มุ่งขึ้นสู่สรวงสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า
…………………. ……………………… ……………………. …………. ………….
ณ สวรรค์ ท้องฟ้าสีคราม สิ่งแวดล้อมงดงาม คล้ายกับทวีปยุโรป ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี สภาพอากาศกำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาวมากเกินไป เหล่าผู้คนที่ล่วงลับไปแล้วจำนวนมากต่างใช้ชีวิตในโลกหลังความตายใบนี้อย่างเรียบง่าย แม้บนดินแดนแห่งนี้ จะมีผู้คนที่มีความสามารถและฉลาดเป็นจำนวนมากก็ตาม แต่ก็มักจะไม่มีความขัดแย้งใดๆมาให้วุ่นวาย
แดนสวรรค์แห่งนี้ มีความสวยงามของบ้านเรือนแบบยุโรปคลาสสิค ความรักและโรแมนติก ผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยและอำนวยความสะดวกให้กับผู้คนในดินแดนแห่งนี้อย่างดี และที่จะขาดไม่ได้เลยคือเสียงดนตรีอันอ่อนหวาน และนุ่มละมุน คนที่นี่ไม่ค่อยชอบดนตรีหนักๆ แต่ก็ใช่ว่าที่นี่จะไม่มีดนตรีที่มีจังหวะปลุกเร้าให้เต้นรำ ทุกอย่างในวันนี้ดูราบรื่น การใช้ชีวิตที่นี่ดูเป็นปกติดี
ณ วังของพระผู้เป็นเจ้า ปัจจุบันถูกปรับแต่งหลายๆอย่างจนดูคล้ายๆกับรัฐสภาสหรัฐ
มีทหารองครักษ์ของพระเจ้าถือปืนยาวคอยเฝ้าเวรยามอยู่มากมาย
ชายผู้มีอายุสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวผู้หนึ่ง กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนเก้าอี้ไม้ข้างโต๊ะกลมๆตัวหนึ่งริมระเบียงของวัง ซึ่งใกล้ชิดกับแม่น้ำ และภูเขาอันสวยงาม
อากาศเย็นกำลังดี ทว่าสีหน้าของชายผู้นั้นดูเป็นกังวล
“กาแฟได้แล้วขอรับ” พ่อบ้านหนุ่มคนหนึ่งพูด เขาเสิร์ฟถ้วยกาแฟร้อนบนจานรองให้กับชายผู้นั้น แล้วหันหลังเดินจากไป
“ขอบใจมาก” ชายผู้นั้นพูด สายตายังคงกวาดจ้องถ้อยความบนหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ซึ่งนำเสนอข่าวสารจากโลกมนุษย์ไว้เป็นจำนวนมาก มีข่าวเกี่ยวกับสงครามใหญ่ๆที่เกิดขึ้นเกือบทั่วทุกมุมโลก ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มมนุษย์ และปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นในหลายแห่งบนโลก
ชายผู้นั้นหุบหนังสือพิมพ์ในมือของเขาลง แล้วพับวางไว้บนโต๊ะกลมๆตัวนั้น “ข่าวดีมีน้อยลงนะเนี่ย” ชายผู้นั้นพึมพำกับตัวเอง เขาหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบ แล้วมองไปยังสีครามของท้องฟ้า “แต่อีกไม่นานก็คงมี” เขาพูดกับตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
ไม่นานนัก ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยสีครามก็เริ่มมืดดำลง หลอดไฟหลายดวงติดๆดับๆ ความมืดอันน่าเกรงกลัว ได้เข้าครอบงำท้องฟ้าสีคราม ผู้คนบนสวรรค์ต่างตื่นกลัวไปตามๆกัน ลมเริ่มพัดแรงขึ้น “ชักไม่ดีแล้วสิ” ชายผู้นั้นพูดกับตัวเอง
โปรดติดตามต่อ ในช่วงที่สอง
ผลงานอื่นๆ ของ Frost Delta ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Frost Delta
ความคิดเห็น