บูเช็คเทียน - บูเช็คเทียน นิยาย บูเช็คเทียน : Dek-D.com - Writer

    บูเช็คเทียน

    โดย delilah_doll

    ฮ่องเต้หญิงคนแรกของจีนที่งดงามและเกรียงไกรที่สุด

    ผู้เข้าชมรวม

    13,623

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    29

    ผู้เข้าชมรวม


    13.62K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    28
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ธ.ค. 51 / 03:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้หญิง  เป็นเพศที่มักถูกกำหนดให้อยู่เบื้องหลังเสมอ  
      แม้ว่าในประวัติศาสตร์จะปรากฏ ชื่อผู้หญิงหลายคน ที่เป็นผู้ชี้นิ้วกำหนดชะตาผู้ชายด้วยวิธีแยบยลนุ่มนวล  
      อย่าง  เนเฟอร์ตีติ  ที่กำ
      อำนาจจากสามี ไว้ในมือ จนได้ครองตำแหน่ง สูงที่สุดของฝ่ายใน  คือเป็นราชินีของอียิปต์  
      เช่นเดียวกับพระนางฮัทเซปซุทแห่งอียิปต์ที่ก้าวขึ้นเป็น ฟาโรห์  ได้สำเร็จ
       

      นางบูเช็คเทียน  เป็นหญิงที่ประวัติศาสตร์จีนต้องจารึกไว้  
      ในความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว  เหี้ยมโหด  อย่างผู้ชายอกสามศอกยังต้องถอย  
      เพราะนางคือ ผู้ที่ก้าวขึ้นมาเป็น ฮ่องเต้สตรีองค์แรก และองค์เดียวของจีน

      นางเกิดมาในสมัยที่ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้าผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง  ไม่มีสิทธิ์มีเสียงแต่บูเช็คเทียนกลับตาลปัตรมานำหน้า  
      ทั้งยังหาความสำราญให้ตัวเองแบบที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าทำ  ผู้คนก็เลยพูดถึงพระนางในแง่ลบ  
      ว่าเป็นคนเลวร้ายมักมากในกามคุณมักใหญ่ใฝ่สูง  อำมหิตโหดร้าย  ฆ่าคนยังกับผักปลา  แต่นางกลับปกครองแผ่นดินที่กว้างใหญ่
      และพลเมืองมากที่สุดในโลกได้อย่างไม่น่าเชื่อ

      บูเช็คเทียนเกิดมาจากครอบครัวธรรมดา  พ่อของนางเป็นพ่อค้าธรรมดาๆ ภายหลังรับราชการอยู่หัวเมืองรอบนอก
      ส่วนมารดาก็เป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา  
      นามเดิมก่อนที่นางจะได้เข้าไปอยู่ในพระราช สำนักคือ  บูเหม่ยเหนียง
      แปลว่า โฉมงามเลอเสน่ห์  
      สมัยที่ยังเป็นเด็กมารดามักจับนางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของเด็กชายจนใครๆ ที่พบเห็นนึกว่าเป็นเด็กผู้ชาย  
      มีเรื่องเล่าว่ามีโหรใหญ่คนหนึ่งชื่อหยวนเทียนกังมา เห็นเข้า นึกว่าหนูน้อยน่ารักคน นี้เป็นเด็กชายจึงออกปากทักว่า 
      เด็กคนนี้ถ้าหากเป็นหญิงล่ะก็  ต่อไปจะได้เป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินจีนเป็นแน่
       
      ยิ่งกว่านั้นเมื่อเข้าวังไปแล้ว  โหราศาสตร์แห่งราชสำนักยังพยากรณ์สำทับอีกว่า  ต่อไปสตรีแซ่อู่จะมีอำนาจขึ้นล้มราชวงศ์ถัง

      ด้วยอายุเพียง 14 ปี  กิตติศัพท์ความงามของนางก็ลือลั้นไปทั่ว  จนรู้ไปถึงพระกรรณพระเจ้าถังไทจง  
      ฮ่องเต้ผู้
      ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ถัง 
      พระองค์จึงทรงมีดำรัสตรัสสั่งให้นำนางเข้าวังมาถวายตัวเป็นนางสนมในราชสำนักและด้วย ความงามกับเสน่ห์อันเย้ายวน  
      นางจึงกลายเป็นสนมที่พระเจ้าถังไทจงรักและหลงเป็นยิ่งนัก

      ขณะเดียวกันไทจือหรือราชโอรสที่เป็นรัชทายาทผู้มีนามว่า หลี่จื้อ ก็มีจิตปฏิพัทธ์ต่อบูเช็คเทียนด้วย  
      ความสวยของบูเช็คเทียนจึงเปรียบเสมือนถนนราดยางอย่างดี  นำพาตัวเองไปสู่ความโดดเด่นเหนือสนมกำนัลในทั้งปวง  
      ว่ากันว่า

      องค์ไทจือนั้นสนิทเสน่หาในตัวนางมากๆทั้งที่มีมเหสีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่อาจทำอะไรนอกลู่นอกทางได้
      นอกจากเฝ้ารอคอยเวลาที่ จะได้ชื่นชมตัวนางเท่านั้น

      แต่แล้วไทจือก็ไม่ต้องทรงรอนาน  เมื่อพระเจ้าถังไทจงผู้เป็นพระราชบิดาสิ้นพระชนม์ลง  
      พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์
      เป็นพระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้สืบต่อราชบัลลังก์  
      ความสนิทเสน่หาในตัวบูเช็คเทียนที่ตรา อยู่ในดวงหทัยของพระองค์เพิ่มมากขึ้นเป็นเงา  และเมื่อพิษสวาทกำเริบหนัก  
      พระองค์ก็อาจหาญสึกบูเช็คเทียนซึ่งจำ ต้องโกนหัวเข้าวัดบวชตามโบราณราชประเพณี  
      มาเป็นสนมเอกของพระองค์สมความปรารถนา

      บูเช็คเทียนได้เข้าวังอีกครั้ง  และรั้งตำแหน่งใหญ่กว่าเดิม  
      นางเริ่มคิดกำเริบในใจว่าไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นข้าบาท
      บริจาริกาเท่านั้น  
      หากจะต้องยิ่งใหญ่กว่าใครในราชสำนักฝ่ายในและหนทางที่จำไปสู่อำนาจได้นั้นต้องอาศัยความแยบบลและรอบคอบ  
      นางจึงใช้ความฉลาดวางหมากเดินแต้ม  โดยเหยียบย่ำลงบนเลือดเนื้อและชีวิตของผู้คนมากมาย  
      ไม่เว้นแม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไข  ลูกในไส้ของตนเอง
      !

      ในตอนแรก  บูเช็คเทียนค่อยๆ ดำเนินการตามเป้าหมายอย่างนิ่มนวล  รวบอำนาจฝ่ายในไว้ในมือ  
      โดยแผนการของนางนั้นเรียกได้ว่าต้องลงทุนมหาศาลและต้องใช้ความเหี้ยมโหดจนใครก็นึกไม่ถึง  
      นั่นคือ  
      นางลงทุนบีบคอธิดาน้อยองค์เดียวของตนเองจนตายคามือ  และป้ายความผิดให้กับฮองเฮา

      มันเป็นหมาก ที่บูเช็คเทียนมอง ไว้ทะลุปรุโปร่ง
      เกาจงฮ่องเต้เชื่อสนิท  
      ทรงพิโรธโกรธเกรี้ยวและทรงสั่งถอดถอน พระนางออกจากตำแหน่งทันที  
      ก่อนจะนำไป คุมขังไว้ในตำหนักเย็นอันเป็นเสมือนคุกดีๆ นี่เอง

      บูเช็คเทียนคิดว่าคงจะพบทางสว่างที่จะได้ขึ้นตำแหน่งใหญ่แทนฮองเฮา  
      แต่ก็ยังได้รับการคัดค้านจากขุนนาง
      ผู้ใหญ่  นางแค้นใจแต่ก็ไม่ว่าอะไร  ค่
      อยๆ กระเถิบก้าวไปข้างหน้าด้วยตัวเอง  โดยการคบหาบัณฑิตจอหงวนรุ่น ใหม่เสมอ
      ทำให้รอบรู้กว้างขวาง  มีสายตากว้างไกล

      ความพยายามของนางในการขึ้นสู่ตำแหน่งสูงก็สัมฤทธิ์ผล  
      เมื่อเสนาบดีฝ่ายกลาโหมให้ความสนับสนุนทำให้
      พระเจ้าถังเกาจงสามารถแต่งตั้งนางขึ้นเป็นฮองเฮา  
      โดยไม่หวั่นไหวต่อคำทัดทานของเสนาบดีคนใดอีกนับว่า ได้ก้าวขึ้นมาถึงจุดสุดยอดของอำนาจฝ่ายในอย่างที่นางต้องการได้สำเร็จ

      แต่ว่าเส้นทางสู่อำนาจวาสนาของนางมิใช่จะสิ้นลงตรงนี้  หากทอดยาวไปถึงบัลลังก์ฮ่องเต้เลยทีเดียว  
      พระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้พระสวามี  แม้จะอยู่ในวัยหนุ่มแน่นแต่ทรงอ่อนแอประชวรจนพระวรกายซูบซีดลงเป็นลำดับ  
      ไม่ช้าก็ทรงเห็นราชการเป็นงานหนัก  
      เมื่อพระองค์ทรงท้อแท้พระนางบูเช็คเทียนจึงเข้ามากำกับราชการถวายอยู่หลังพระวิสูตร
      (ม่าน)  
      ในขณะที่ประทับบัลลังก์มังกรว่าราชการในท้องพระโรง  
      นางมีความรู้เรื่องในการปกครองไม่เหมือนผู้ชายจนมีความเห็นว่าน่าจะกระทำการคัดเลือกข้าราชการด้วยการสอบ แทนที่จะใช้ 
      เส้น “ 
      ฮ่องเต้ก็ทรงเห็นด้วย  ต่อมาฐานของบูเช็คเทียนซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถสอบผ่านเข้ามาเป็นขุนนางได้  จึงทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว

      นางวางหมากไว้อย่างเป็นระบบ  และนางก็กลายเป็นผู้มีอำนาจสามารถสั่งงานแทนฮ่องเต้หมดทุกเรื่อง  
      ด้วย
      เหตุผลนี่ฮ่องเต้ทรงเกรงในความเด็ดขาดของนางที่สามารถว่าราชการแทนพระองค์และประสบความสำเร็จทุกครั้ง

      ในเวลาต่อมาไม่ว่าบูเช็คเทียนจะสั่งอะไรก็ไม่มีใครกล้าไปขัดขวาง  ไม่อย่างนั้นจะมีชีวิตอยู่ในโลกได้ไม่นาน  
      ขุนนางที่กระด้างกระเดื่องล้มตายลงไปมาก เพราะคำสั่งของพระนางไม่ว่าทาง ตรงหรือทางอ้อม  
      หนึ่งในจำนวนคนที่ต้องตายเพราะขวางหูขวางตาฮองเฮานี้ยังรวมไปถึงพี่น้องของนางเองด้วย  
      สาเหตุเพราะพี่สาวของนางบังอาจเข้ามาเป็นสนมอีกคนหนึ่งของฮ่องเต้  ซึ่งบูเช็คเทียนถือว่าเป็นการทรยศอย่างที่ให้อภัยไม่ได้  
      พี่สาวผู้นั้นมีความสุขกับฮ่องเต้ได้ไม่นานก็ต้องตายกระทันหันด้วยสาเหตุอาหารเป็นพิษ  
      ทั้งฮ่องเต้และทุกคนในวังรู้ดีว่าเป็นฝีมือ ของบูเช็คเทียนแต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้  
      ยิ่งไปกว่านั้นพระนางยังมีอำนาจในมืออย่างเต็มที่  พระนางเริ่มกำจัดขุนนางตงฉินหลายคน  ทรงวางยาเจ้าชายรัชทายาทอีกด้วย

      บ้านเมืองเริ่มไม่สงบสุข  โดยเฉพาะซิกังบุตรของซิเตงซันผู้เคยมีบทบาทในราชสำนักอย่างมาก  
      มีความเคียดแค้นการกระทำของพระนางจนก่อการกระด้างกระเดื่อง  พระนางรับสั่งให้จับตัวมาประหารทันที  
      พระเจ้าถังเกาจงก็ช่วยอะไรไม่ได้
      ในที่สุดพระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้ก็สิ้นพระชนม์  ราชโอรสของพระเจ้าถังเกาจง 
      ผู้เป็นไทจือขึ้นครองราชบัลลังก์มังกรต่อ  ทรงพระนามว่า
      พระเจ้าถังจงจงฮ่องเต้ บูเช็คเทียนเปลี่ยนฐานะจากมเหสี-ฮองเฮา  
      เป็นพระราชชนนีฮองไทเฮา
      แต่ก็ทรงอำนาจเหมือนเดิม   
      ไม่ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะทำอะไร เป็นต้องได้รับความเห็นชอบ จากฮองไทเฮาก่อนเสมอ

      หนทางอำนาจนั้นย่อมโรยด้วยขวากหนามเป็นธรรมดา  พระนางต้องผจญกับการต่อต้านจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมากมาย  
      แต่พระนางก็ปราบได้ด้วยความเข้มแข็ง  ต่อมาพระนางก็ได้ลงมือโค่นอำนาจฮ่องเต้ซึ่งเป็นโอรสของพระนางเอง
      แล้วสถาปนาขึ้นเป็นฮ่องเต้สตรีคนแรก
      (องค์เดียว) ของจีน  เปลี่ยนราชวงศ์ใหม่เป็นราชวงศ์โจว  
      ปีนั้นพระนางอายุถึง
      64 ชันษาแล้ว

      บุคคลิกที่ขัดแย้งของพระนางบูเช็คเทียนนอกจากความเหี้ยมหาญไม่แพ้ชายแล้ว  
      อีกด้านหนึ่งนางกลับเป็นคน ที่มีความละเอียดอ่อนละเมียดละไมมากพอที่จะเขียนกลอนได้อย่างไพเราะ  
      พระนางแต่งกวีได้หลายบทตั้งแต่สถาปนา
      ตัวเองเป็นฮ่องเต้  มีทั้งบทความรัฐศาสตร์  ปรัชญาโอวาท

      พระนางยังเป็นคนที่คิดวิธีเร่งดอกไม้บานได้  มีเรื่องเล่าว่าพระนางดำรัสสั่ง ให้นางกำนัลออกไปบังคับดอกไม้ให้บาน  
      วันรุ่งขึ้นดอกไม้ก็บาน  ด้วยวิธีที่ง่ายนิดเดียวคือ  ต้มน้ำร้อนให้เดือด แล้วนำไปตั้งไว้ในราชอุทยานทุกหนทุกแห่ง 
      ไอน้ำเป็นตัวช่วยเร่งให้ดอกไม้แย้มกลีบบานได้ทุกดอก  ถือเป็นความเฉลียวฉลาดของพระนางที่ยากจะหาใครมาเทียบรัศมีได้

       เรื่องราวของฮ่องเต้สตรีคนนี้ตื่นเต้นกว่านิยายเสียอีก  นอกเหนือจากความเหี้ยมโหดผิด ผู้หญิงของพระนางแล้ว
      ต้องถือว่าพระนางสมควรจะได้รับการยกย่อง   ว่าเป็นหญิง ที่สามารถที่บริหารบ้านเมืองได้ในทุกๆ ทาง
      ไม่เว้นแม้แต่ด้านศึกสงคราม
              
      ในบั้นปลายชีวิตของพระนางบูเช็คเทียนทรงพระชันษายืนยาวถึง 80 ปี  แต่ก็ยังไม่ยอมมอบอำนาจให้ใคร  
      จนโอรสองค์ที่เคยเป็นฮ่องเต้ถังจงจงต้องกราบทูลขอบัลลังก์คืนโดยมีเสนาบดีสนับสนุน  บูเช็คเทียนจึงทรงคืนบัลลังก์ให้แล้ว 
      เสด็จไปประทับนอกเมืองก่อนจะสิ้นพระชนม์ลงด้วยโรคชราเมื่อพระชนม์มายุ
      81 ปี

      ปัจจุบันสุสานของพระนางนับเป็นสุสานที่สวยงามมาก  ตั้งอยู่เคียงคู่กับที่ฝังพระศพของถังเกาจงฮ่องเต้  
      ซึ่งพระนางได้สั่งให้จารึกแผ่นศิลาสรรเสริญเกียรติคุณไว้ด้านหน้า  แต่แปลกที่แผ่นศิลาของพระนางกลับ ว่างเปล่า
      เพราะพระนางสั่งไว้ว่าไม่ต้องการให้จารึกอะไรไว้ทั้งสิ้น

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      "โอ้เยี่ยมสุโค่ย"

      (แจ้งลบ)

      เขียนยาวขนาดนี้จะไม่ให้สุโค่ยได้ไง เยี่ยมจิงๆๆ สุดยอด สุดเจ่ง สุดcool(เจ๋ง) โอ้วฟ้าประทาน ทุกเรื่องเป็นเกร็ดประหวัดติสาดท๊านน๊าน ต้องปรบมือให้ เก่ง จิงๆ ไม่ติงนังน่ะ ประทัปใจจร์อด อย่างแรง แงๆ(โอ้วจนร้องไห้เลย) แปะๆๆๆๆๆๆ เยี่ยมgood เนี๊ยบมาก เก๊งเก่ง จังอ่ะ 555+ ทำได้ไง มีความรู้มากเลยน่ะเนี่ย เยี่ยมกู๊ด แป๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆ ... อ่านเพิ่มเติม

      เขียนยาวขนาดนี้จะไม่ให้สุโค่ยได้ไง เยี่ยมจิงๆๆ สุดยอด สุดเจ่ง สุดcool(เจ๋ง) โอ้วฟ้าประทาน ทุกเรื่องเป็นเกร็ดประหวัดติสาดท๊านน๊าน ต้องปรบมือให้ เก่ง จิงๆ ไม่ติงนังน่ะ ประทัปใจจร์อด อย่างแรง แงๆ(โอ้วจนร้องไห้เลย) แปะๆๆๆๆๆๆ เยี่ยมgood เนี๊ยบมาก เก๊งเก่ง จังอ่ะ 555+ ทำได้ไง มีความรู้มากเลยน่ะเนี่ย เยี่ยมกู๊ด แป๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆ   อ่านน้อยลง

      โรคุโด มุคุโร่(ซัง) | 3 เม.ย. 53

      • 3

      • 1

      คำนิยมล่าสุด

      "โอ้เยี่ยมสุโค่ย"

      (แจ้งลบ)

      เขียนยาวขนาดนี้จะไม่ให้สุโค่ยได้ไง เยี่ยมจิงๆๆ สุดยอด สุดเจ่ง สุดcool(เจ๋ง) โอ้วฟ้าประทาน ทุกเรื่องเป็นเกร็ดประหวัดติสาดท๊านน๊าน ต้องปรบมือให้ เก่ง จิงๆ ไม่ติงนังน่ะ ประทัปใจจร์อด อย่างแรง แงๆ(โอ้วจนร้องไห้เลย) แปะๆๆๆๆๆๆ เยี่ยมgood เนี๊ยบมาก เก๊งเก่ง จังอ่ะ 555+ ทำได้ไง มีความรู้มากเลยน่ะเนี่ย เยี่ยมกู๊ด แป๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆ ... อ่านเพิ่มเติม

      เขียนยาวขนาดนี้จะไม่ให้สุโค่ยได้ไง เยี่ยมจิงๆๆ สุดยอด สุดเจ่ง สุดcool(เจ๋ง) โอ้วฟ้าประทาน ทุกเรื่องเป็นเกร็ดประหวัดติสาดท๊านน๊าน ต้องปรบมือให้ เก่ง จิงๆ ไม่ติงนังน่ะ ประทัปใจจร์อด อย่างแรง แงๆ(โอ้วจนร้องไห้เลย) แปะๆๆๆๆๆๆ เยี่ยมgood เนี๊ยบมาก เก๊งเก่ง จังอ่ะ 555+ ทำได้ไง มีความรู้มากเลยน่ะเนี่ย เยี่ยมกู๊ด แป๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆ   อ่านน้อยลง

      โรคุโด มุคุโร่(ซัง) | 3 เม.ย. 53

      • 3

      • 1

      ความคิดเห็น

      ×