ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {exo} in a man's room {krishun}

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER ONE // 100 PERCENT UPDATED

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 58



     

    CHAPTER|ONE

    .

    .

    .
     

     

     

     

    “ให้พี่ขับเข้าไปใกล้กว่านี้มั้ย?

     

     

                “ไม่ต้องหรอกน่า”

               

     

    เซฮุนปลดเข็มขัดนิรภัยออก เอี้ยวตัวไปคว้ากระเป๋านักเรียนที่เบาะหลัง เขามองออกไปนอกกระจก ตรวจตราดูให้ถี่ถ้วนก่อนว่าไม่ได้มีใครที่รู้จักอยู่แถวนี้ ก่อนมือจะจับประตูและกำลังจะเปิดออกไป

               

     

    ผมรีบคว้าแขนเค้าเอาไว้ก่อนจะได้ออกไปจากรถจริงๆ

               

     

    “อะไร?” เค้าตวัดสายตาดุๆมาให้ผม คงกำลังจะต่อว่าผมอยู่ล่ะสิว่าคนกำลังรีบๆจะมาขัดจังหวะอะไรกันตอนนี้ ผมพองแก้มให้เขาแล้วเอานิ้วจิ้มๆ เขาทำเสียงฮึดฮัดแต่ก็ยอมหอมแก้มผมเร็วๆ แก้มทั้งสองข้างและริมฝีปาก เขารีบเปิดประตูแล้วลงจากรถไป ผมเห้นนะว่าที่ไม่ยอมมองหน้ากันนั่นเพราะเขินอยู่ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า

               

     

    “ตั้งใจเรียนนะครับ”

               

     

    ผมพูดกับเขาจากในรถ ก่อนเขาจะปิดประตูปังใส่หน้าผม เขาแยกเขี้ยวให้ผม ก่อนจะเดินไปโรงเรียนเป็นประจำอย่างที่เคยทำมา เค้าไม่อยากให้ผมขับรถไปส่งเค้าที่หน้าโรงเรียนน่ะครับ อีกอย่างสถานะผมก็ไม่เอื้ออำนวยในการไปส่งเค้าหน้าโรงเรียนด้วย ถึงแม้จะส่งสารขาแห้งๆของเขาที่ต้องเดินไปโรงเรียนเองทุกวันโดยที่ผมทำได้แค่มาส่งเค้าที่ซอยใกล้ๆโรงเรียน แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ได้แต่นั่งมองเค้าเดินไปโรงเรียนจากในรถ และซักพักก็จะมีเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆตามมาสบทบ

               

     

    เซฮุนเดินสะพายกระเป๋านักเรียนเดินลัดเลาะไปตามกำแพงอย่างที่เคยทำมาทุกวัน และซักพักก็มีเพื่อนนักเรียนร่วมชั้นของเซฮุนเดิมมาสมทบตามคาด ถ้ามันจะเป็นแค่การเดินไปโรงเรียนธรรมดาตามประสาเพื่อนฝูง ผมจะไม่พยายามเซ้าซี้เซฮุนให้ผมมาส่งที่โรงเรียนทุกวันอย่างนี้เลย แต่นี่มันไม่ใช่ไง!

               

     

    เพื่อนนักเรียนที่เซฮุนชอบบอกว่าก็รู้จักกันเผินๆในห้องนั่น ผมเห็นทีไรก็ไปไหนมาไหนด้วยกันทุกที ตอนเดินไปโรงเรียนก็ชอบเอาแขนพาดไหล่เซฮุน อย่างกับกำลังโอบกันแน่ะ!! ตอนเรียนก็นั่งโต๊ะติดกันอีก แถมตอนกลางวันก็ยังชอบหายไปด้วยกัน! นี่มันอะไรกันวะ! ไหนว่าเพื่อนไง นี่มันไม่ใช่แค่เพื่อนแล้วนะ!

               

     

    ใช่ เซฮุนน่ะอาจจะคิดกับเขาแค่เพื่อน แต่กับไอ้เด็กนั่นล่ะ สายตาท้าทายที่ชอบมองมาที่ผมตลอดเวลาเรา เผชิญหน้ากัน แถมรอยยิ้มเหมือนว่าอยู่เหนือผมแบบนั้นอีก

               

     

    ผมไม่รู้จริงๆว่ามันรู้ได้ยังไงว่าเซฮุนจะเดินไปโรงเรียนตอนไหน พอเซฮุนลงรถแล้วเดินไปได้ซักพักทีไร ไอ้เด็กบ้านั่นก็ชอบมาได้ถูกจังหวะตลอดเลย นี่มันไม่ใช่แล้วนะ! ทั้งๆที่ผมบอกเวฮุนแล้วนะว่าอย่าให้มันเดินโอบไหล่ไปแบบนั้น ผมไม่ชอบ! แต่เขาน่ะ เคยฟังผมซะที่ไหน ฮึ่ย!!

               

     

    “เซฮุน เอาแขนไอ้บ้านั่นออกไปไกลๆนะ” ผมพูดกรอกเสียงที่พยายามระงับอย่างยิ่งยวดลงในตามสายที่ต่อถึงเซฮุน

               

     

    เซฮุนหันหลังกลับมามองผม ก่อนจะโบกมือไล่ผมให้ไป แล้วหันหลังกลับไปตามเดิม แถมยังมีหน้าไปพูดคุยหัวเราะกว้างๆแบบนั้นกับมันอีกด้วย!! ทำไมผมพูดอะไรชอบไม่ฟังอยู่เรื่อยเลยนะ!

               

     

    “ใครหรอ?”

               

     

    “โรคจิตน่ะ”

               

     

    เสียงพวกนั้นดังลอดมาตามสาย ก่อนเซฮุนจะตัดสายผมไป หนอย.. โรคจิตอย่างนั้นหรอเซฮุน

               

     

    ผมสตาร์ทรถอีกครั้งแล้วค่อยๆเคลื่อนไปตามถนน จนกระทั่งถึงตัวพวกเขาทั้งสองคน ค่อยๆชะลอรถแล้วเปิดกระจกออกไปคุย

               

     

    “นักเรียน นี่สถานศึกษานะ ไม่ใช่สถานพลอดรัก”

               

     

    “ไม่ได้พลอดรักครับครู เพื่อนกันทำอย่างนี้ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลย” ไอ้เด็กบ้าที่ชอบมาเกาะแกะเซฮุนของผมพูดขึ้น แถมเซฮุนทั้งๆที่ผมส่งสายตาดุๆไปให้ก็ทำเป็นลอยหน้าลอยตาไม่รู้เรื่องรู้ราวไปซะได้

               

     

    “คิมจงอิน คุณไม่ได้ส่งการบ้านวิชาผมมาสองครั้งแล้วนะ เสร็จโฮมรูมแล้วมาหาผมที่ห้องด้วย”

               

     

    “โหยย ครูโหดไปไหนเนี่ย” เขาบ่นออกมา ผมจะไม่ว่าอะไรเลยนะถ้าเขาแค่บ่น แต่นี่เขากระชับแขนที่กอดคอเซฮุนของผมไปด้วย แถมยังยื่นหน้าไปพูดกันซะใกล้ กระซิบกระซาบอะไรที่ผมไม่รู้เรื่องด้วย เซฮุนก็เออออไปกับเขา ยิ้มซะจนตาหยี ผมไม่ชอบเลย เซฮุนต้องยิ้มแบบนี้ให้ผมคนเดียวสิ!

               

     

    “คิมจงอิน ก่อนคาบโฮมรูมผมต้องเห็นคุณนั่งอยู่ที่ห้องผม เข้าใจนะ!” ผมพูดกระแทกเสียงดังๆใส่เด็กนักเรียนเพื่อนเซฮุนจนสะดุ้ง แขนที่ล็อคคอเซฮุนให้เข้าไปกระซิบกระซาบเมื่อกี้รีบปล่อยออกอย่างรวดเร็ว ผมปิดกระจกแล้วรีบขับรถออกไปด้วยความเร็ว ไอ้เด็กนั่น...อยากลองของใช่มั้ย? ได้.. เดี๋ยวครูคริสสุดหล่อคนนี้จะจัดให้

               

     

     

     

     

      

    --- 30 % ---


     

     

     

     

     

               

                ผมกำลังผิวปากอย่างอารมณ์ดีเดินไปตามระเบียงหน้าห้องเรียนต่างๆที่ตอนนี้เหล่านักเรียนเข้าไปเตรียมตัวสำหรับคาบโฮมรูมเรียบร้อยแล้ว อย่าได้ถามว่าทำไมผมถึงอารมณ์ดีขึ้นได้กลังจากที่เห็นไอ้เด็กนั่นมาเกาะแกะกับเซฮุนที่รักของผม ...นั่นก็เพราะผมจัดการเค้าไปแล้วเรียบร้อยน่ะสิ รับรองเลยว่านายคิมจงอินบ้าบอคนนั้นจะไม่มีทางมาเกาะแกะเซฮุนของผมได้อีกแน่นอน ฮ้า...แค่คิดโลกมันก็สดใสน่าอยู่ขึ้นอีกตั้งหลายเท่าแน่ะ

     

     

    ป้ายห้องเรียนประจำของนักเรียนชั้นปีที่สองห้องห้าเด่นหราอยู่ตรงหน้าผม ผมหยุดเดินเพื่อเช็คความเรียบร้อยของตัวเองแป้บนึงว่าจะไม่มีอะไรหลุดรอดไปให้นักเรียนแซวได้ เมื่อเช็คทุกอย่างละเอียดถีถ้วนดีแล้วถึงได้เดินเข้าไปในห้องเรียน อกผาย ไหล่ผึ่ง หลังตรงหน้านิ่ง ...แบบนี้เลยคือครูอู๋อี้ฟานหรือครูคริส อย่างที่นักเรียนและครูคนไหนๆในโรงเรียนก็รู้จัก

     

     

    เสียงจ้อกแจ้กจอแจในห้องค่อยๆซาลงเมื่อเหล่านักเรียนตัวแสบของผมเห็นว่าผมมาถึงแล้ว ผมวางสมุดการบ้านที่หอบมาด้วยลงบนโต๊ะสำหรับครูแล้วยืดตัวขึ้นเต็มความสูง กวาดสายตามองนักเรียนในห้อง อดไม่ได้ที่จะมองไปยังคนคนหนึ่งที่นั่งติดริมหน้าต่างหลังห้องนานกว่าคนอื่นหน่อย

     

     

    เซฮุนไง! ตัวแสบของผมเอง เค้าดูน่ารักชะมัดยาดเลยในชุดนักเรียนสีเหลืองกับแสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านหน้าต่างมาช่วยขับผิวขาวๆให้ยิ่งสว่างกระจ่างยิ่งขึ้นไปอีก เค้าทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง แต่เพียงไม่นานก็เบือนสายตากลับมาแล้วจ้องตอบกลับผมที่ยืนอยู่หน้าห้อง พอดวงตาของเขากระทบกับแสงแดดมันก็กลายเป็นสีน้ำตาลอ่อน เซฮุนในตอนนี้ทำผมสติจะหลุดไปไกลแล้วล่ะ

     

     

    ผมเห็นด้วยนะว่าที่รักของผมเค้าแอบลอบยิ้มน้อยๆออกมาเหมือนจะยั่วผมอย่างนั้นแหละ หืม...คอยดูเถอะนะ มายั่วกันถึงในห้องอย่างนี้ กลับไปจะเจอดีไม่ใช่น้อย

     

     

    “เซฮุน ดูนี่ดิ” ถึงแม้มันจะเป็นเพียงเสียงกระซิบ แต่ผมก็ยังรู้อยู่ดีว่าคนที่นั่งข้างๆเซฮุนนั่นพูดว่าอะไรจากการที่ดูรูปปากนั่นขยับ นายคิมจงอิน! คนเดิมนั่นอีกแล้ว!

     

     

    ทั้งสองคนกำลังดูอะไรบางอย่างในหนังสือแคตาล็อคแล้วพากันหัวเราะจนเฮซุนของผมตาหยี อารมณ์หวงรอยยิ้มเกิดขึ้นมากะทันหันและมันส่งผลให้ผมตบโต๊ะเสียงดังปังจนนักเรียนทั้งห้องสะดุ้ง ไม่เว้นแม้แต่คิมจงอินและเซฮุนของผม

     

     

    “หัวหน้าห้อง เอาสมุดแจกเพื่อนในห้องด้วย” ผมรู้ดีว่าตัวเองเสียงห้วนและดุขนาดไหนในตอนนี้ ทั้งๆที่มันก็แทบจะกลายเป็นภาพชินตาไปแล้วที่เซฮุนและจงอินมักจะมีบทสนทนาที่รู้กันอยู่แค่สองคน และยิ้มกันแค่สองคน แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งมันก็ไม่ใช่ภาพชินใจสำหรับผม

     

     

    เซฮุนมองด้วยสายตาปรามมาที่ผม ความรู้สึกผิดมันเริ่มก่อตัวขึ้นในใจเงียบๆเมื่ออารมณ์ส่วนตัวชั่ววูบกลายเป็นนายไปชั่วขณะหนึ่ง ผมส่งคำขอโทษไปตามสายตาที่สบกัน เซฮุนแค่ทำหน้านิ่งๆแล้วหันไปตั้งใจจดจ้องกับหนังสือเรียน ทั้งห้องเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ จนกระทั่งเป็นเด็กจงอินนั่นอีกนั่นแลหะที่ยื่นหน้ากระซิบข้างใบหูเล็กที่ผมชอบขบกัดเล่นเวลาหมั่นเขี้ยว อ่านปากได้เลาๆว่า ไปด้วยกันนะและเซฮุนก็พยักหน้ารับ สติผมเกือบกระเจิงอีกครั้งเมื่อเห็นอย่างนั้น แต่เพราะหน้าที่มันค้ำคอถึงได้ข่มอารมณ์เอาไว้แล้วตั้งใจทำหน้าที่ครูให้สำเร็จลุล่วง

     

     

    “นักเรียน วันนี้เราจะขึ้นเรื่องใหม่ต่อจากบทที่แล้ว เปิดหนังสือ” ผมรู้สึกผิดที่น้ำเสียงของผมห้วนดุซะจนไม่มีใครกล้าอิดออด อันที่จริงผมไม่ใช่คนแบบนี้ แต่การที่คิมจงอินไม่ยอมนั่งอยู่ดีๆแทนการเกาะแกะคนของผมจนดูอีนุงตุงนังน่าจับแยกแบบนั้นมันทำให้เป็นเรื่องช่วยไม่ได้

     

     

    เซฮุนไม่สนใจผมและเอาแต่พยักหน้ายิ้มรับคำทุกคำที่เด็กนั่นพูด แบบนั้นเสียงเขียนกระดาษของผม อันที่จริงอาจจะทุกๆการกระทำมันถึงได้ดูกระแทกกระทั้นจนเด้กๆพากันนั่งตัวเกร็ง

     

     

    “ครู... มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่าครับ รู้สึกวันนี้ครูจะแปลกๆ” ในที่สุดหัวหน้าห้องที่ผมแอบเห็นว่าเพื่อนๆส่งซิกมาให้เป็นตัวแทนห้องก็ถามผมขึ้นมา ผมยกยิ้มให้ก่อนที่มันจะหุบลงอย่างฉับพลันเมื่อคิมจงอินยื่นหน้าเข้าไปเอาจมูกแตะที่แก้มเซฮุนเร็วๆหนึ่งที!

     

     

    เซฮุนทำหน้าตกใจพริ้มๆกับที่ผมตบโต๊ะดังปังแล้วตะโกนออกไปสุดเสียง

     

     

    “นักเรียน!!

     

     

    “คะ..ครับ!!ค่ะ!!” ทั้งห้องขานรับเสียงดังพอกัน แถมแต่ละคนยังนั่งตัวเกร็ง เซฮุนเอามือแตะแก้มตัวเองเบาๆแล้วส่งสายตาคาดโทษไปให้จงอินตาเขียว ไอ้เด็กนั่นยิ้มเผล่ไม่สนใจอะไร ดูเหมือนจะดีใจมากที่ทำอย่างนั้นได้ หนอยแน่ะ!

     

     

    “เราเป็นนักเรียนก็ต้องตั้งใจเรียน พ่อแม่ส่งเสียเงินมาเพื่อให้เรียนหนังสือ เพราฉะนั้น พวกเธอต้องจำให้ขึ้นใจ! เรื่อง-เรียน-เรื่อง-หลัก....” สายตาผมจับจ้องอยู่แต่กับคิมจงอินจนเขาหันมาสบตาเข้าพอดี

     

     

    “เรื่อง-รัก-เรื่อง-รอง” แล้วผมก็พุดย้ำประโยคสุดท้ายพร้อมสายตาเหี้ยมๆไปให้เจ้าตัวอย่างไม่ปิดบัง “...เข้าใจมั้ย!!

     

     

    “ครับ!!/ค่ะ!!” เหล่านักเรียนพากันขานรับกันเสียงดัง คงมีแต่คิมจงอินที่เลิกคิ้วแล้วบิดขี้เกียจอย่างไร้มารยาท ผมยังจ้องเขาไม่วางตา สุดท้ายเด็กบ้านี่ก็เบือนสายตามาสบกับผมอีกครั้งก่อนจะเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มจนมันนูนขึ้นมาแล้วยักคิ้วให้ผมสองทีเหมือนกำลังท้าทายกัน

     

     

    หนอย....!!

     

     

     นาทีนี้ผมไม่สนใจหรอกว่าเขาจะรู้อะไรหรือไม่รู้อะไรถึงได้ส่งสายตามาดหมายมาให้ผมอย่างนั้น แล้วยิ่งกับมือดำๆที่ส่งไปแตะหลังมือขาวๆของเซฮุนของผมเบาๆราวกับจะยั่วโมโหกันอย่างนั้น ทำให้ผมต้องเรียกชื่อเจ้าเด็กนั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

     

     

    “คิมจงอิน!” เจ้าของชื่อแค่เลิกคิ้วแล้วมองหน้าผมกวนๆ เห็นแล้วอารมณ์มันพุ่งปิ้วๆเหมือนจรวดไม่มีผิด “ไหนลองออกมาทำข้อหนึ่งในหนังสือซิ”

     

     

    “โหจารย์ สอนก็ยังไม่ได้สอน นี่ใจคอจะให้ทำเลยหรอ?”

     

     

    “เป็นนักเรียนจะเรียนอะไรต้องให้มีคนเอามาป้อนอย่างเดียวหรอ? หน้าที่ของนักเรียนคือเตรียมบทเรียนก่อนมาเข้าเรียนไม่ใช่รึไง”

     

     

    “ก็ผมไม่ได้เป็นพวกเด็กเนิร์ดเอาแต่ไชหนังสือไปวันๆนี่ ผมมีอะไรต้องทำเยอะแยะ” ดูมันตอบ! ตอบแบบห้วนๆ กวนตีนกันสุดๆ ไม่ต้องเดาให้ยากก็รู้ได้เลยว่ามันตั้งใจจะกวนตีนกัน นาทีนี้ถ้าไม่ได้อยู่ในหน้าที่ครูแถมยังเป็นที่โรงเรียน ป่านนี้คงมีตีมวยกันปากแตก

     

     

    ไม่รู้ว่าผมเอาแต่จ้องกับจ้องและจ้องจนเซฮุนทนไม่ได้รึเปล่า ถึงได้ยกมือขึ้นมาขอทำโจทย์ข้อแรกให้ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้สอน และผมก็คือทำผิดทั้งดุ้นจนรู้สึกอับอายขายขี้หน้าแทน

     

     

    “ทำๆไป ผิดถูกก็ช่างหัวมัน ครูบอกให้ทำก็ออกไปทำสิ จะอิดออดอะไรนักหนา กระดูกสันหลังติดกับพนักเก้าอี้รึไง” ท่ามกลางความเงียบก็มีเสียงโอเซฮุนบ่นเพื่อนให้ได้ยินชัดเจนกันทั้งห้อง ทำเอาผมงี้ปรี๊ดยกกำลังสอง แค่คิมจงอินไม่เชื่อฟังครูบาอาจารย์แถมมาทำรุ่มร่ามกับเมียก็อารมณ์เดือดแล้ว คนเป็นเมียยังกวนอารมณ์ด้วยการออกมาทำโจทย์คณิตแบบส่งๆเพื่อให้ผ่านสถานการณ์อึดอัดไป

     

     

    เกิดเป็นอู๋อี้หาน ชีวิตไม่ได้ง่ายจริงๆ

     

     

    มีเมียกับเขาทั้งคน นอกจากจะเสน่ห์แรงไม่ดูเวล่ำเวลาแล้วยังชอบกวนโมโหกันด้วยการเอาใจเพื่อนอีก กลับบ้านไปวันนี้ต้องมีสั่งสอน

     

     

    “คิมจงอิน หมดคาบนี้ตามผมมาที่ห้องพักครูด้วย”

     

     

    “ทำไม ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ? โดดเรียนก็ไม่ได้โดด หรือเพราะไม่ออกไปทำโจทย์ ครูเลยกะหาโทษให้ผมงั้นสิ”

     

     

    “คุณกำลังปรักปรำผมหรอ”

     

     

    “เปล่า ผมถามดีๆ”

     

     

    “งั้นก็ฟังดีๆ”

     

     

    “........”

     

     

    “วันนี้ผมเรียนผู้ปกครองคุณมาเพื่อรับฟังเรื่องความประพฤติ”

     

     

    “ว่าไงนะ!” ไอ้เด็กนั่นขึ้นเสียงสูงและกระเด้งตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้จนมันหงายล้มตึงไปด้านหลัง ผมแกล้งทำเป็นเลิกคิ้วเหมือนไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่ต้องใส่ใจ ก่อนจะพูดเสียงเรียบๆกลับไป แม้เสียงเรียบๆจะแฝงไปด้วยอารมณ์สะใจอันรุนแรงก็เถอะ

     

     

    “ผมทำอะไรผิด?” คิมจงอินถามพร้อมขมวดคิ้วมุ่น ผมเองก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วยักไหล่ส่งๆ

     

     

    “คิมจงอิน อย่าคิดว่าครูไม่รู้ว่าเธอเป็นหัวโจกพาเด็กนักเรียนคนอื่นไปตีกับเด็กโรงเรียนตรงข้าม”

     

     

    “............” ในขณะที่คิมงอินยังคงใบ้กินจากการเรียกพบผู้ปกครองกะทันหัน ผมก็ต้องแอบเบือนหน้าหนีแล้วยิ้มออกมาด้วยอารมณ์สะใจ ก่อนจะเสริมประโยคสุดท้ายเข้าไปเน้นๆ กระแทกใจคนฟังจนเทกระอักเลือด

     

     

    “อีกอย่าง เธอทำรุ่มร่ามกับนักเรียนหญิงคนอื่นๆเอาไว้เยอะนะ เรื่องนี้เพิ่งถูกร้องเรียนมาเมื่อวานนี้จากนักเรียนหญิงทั้งหมดสี่สิบแปดคน”

     

     

    “.....” คิมจงอินอ้าปากพะงาบๆเหมือนไม่อยากจะเชื่อที่ผมบอกเท่าไหร่นัก ก็แหงล่ะ มันมีที่ไหนกันเรื่องนี้ อันนี้น่ะโกหกเพื่อความบันเทิงล้วนๆ แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีมูลอยู่แฮะ

     

     

    “...ทางที่ดีเธอควรทำตัวดีๆตั้งแต่ตอนนี้นะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา” คิดจะเล่นกับคนอย่างอู๋อี้ฟาน ยังเร็วไปอีกสิบปีไอ้หนู

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมยื่นสมุดขนาดเอสี่ถูกไปวางอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มที่ใครๆก็รู้จักดีชื่อว่า คิมจงอิน เจ้าตัวทำหน้างงๆ ก่อนจะเปิดสมุดเพื่อดูว่าอะไรอยู่ข้างใน

     

     

                “สมุดบันทึกพฤติกรรมนักเรียน” ผมเอ่ยแทรกขึ้นโดยที่คนที่นั่งอยู่ตรงหน้ายังไม่ทันจะได้ถามอะไร คิมจงอินหัวเราะแห้งๆเบาๆแวทำหน้าแหยๆ

     

     

    “ครูคงไม่ได้เอาให้พ่อผมดูแล้ว” ผมเลิกคิ้วขึ้นสูงๆแล้วต่อคำให้           

     

     

    “ผมบอกแล้วว่าจะเรียกผู้ปกครองคุณมารับรู้ปัญหาของคุณ”

     

     

    “โถ่ครู แค่ไม่กี่เรื่องเอง ครูหยวนๆไม่ได้หรอ ผมยังเด็กอยู่เลยนะ ถ้าพ่อผมรู้นี่ผมจบเลยนะ” ผมกระแอมเบาๆทีนึงก่อนจะเอามือประสานกันไว้บนโต๊ะทำท่าทางแบบที่ว่าคราวนี้ผมไม่จัดการอะไรไม่ได้อีกแล้ว

     

     

                “อันที่จริง ผมก็ไม่ได้บันทึกอะไรไว้เพราะคุณเป็นลูกคนใหญ่คน” พอพูดถึงตรงนี้ คิมจงอินก็ยิ้มกริ่ม แต่แล้วรอยยิ้มก็ประดับอยู่บนใบหน้าได้ไม่นานเพราะประโยคต่อมา

     

     

                “แต่อันที่จริงก็ไม่ใช่ซะทีเดียวหรอกนะ คุณน่ะมันตัวแสบ ทำผิดกฎโรงเรียนเยอะแยะไปหมด จะให้ผมทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่น่ะ ...ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่วิสัยของครูที่ดีเท่าไหร่นัก”

     

     

                “แหม... ครูก็ เห็นใจเด็กน่า” แล้วโอเซฮุนของผมล่ะ ใครเห้นใจผมบ้าง มีเมียเด็กนอกจากจะต้องหม่นตรวจเช็คร่างกายแล้วยังต้องคอยระแวง ระแวงไม่พอยังต้องระวังไม่ให้เผอเรอทำอะไรให้เป็นที่สงสัยของคนอื่นๆอีก แต่เจ้าเด็กนี่กลับมารุ่มร่ามใส่ที่รักของผมได้หน้าตาเฉย งานนี้เป้ฯไงเป็นกันล่ะ ต้องกำจัดเสี้ยนหนามไปให้ได้

     

     

                “เด็กเดิกอะไร!” เด็กที่ไหนกล้าหอมแก้มเพื่อนต่อหน้าคนทั้งห้อง! กว่าจะรู้ตัวผมก็เผลอขึ้นเสียงใส่นักเรียนที่ไม่ค่อยถูกขี้หน้าซะจนเจ้าตัวสะดุ้ง ผมสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตั้งสติใหม่แล้วพูดออกมา “เอาเป็นว่าถ้าคุณไม่อยากให้เรื่องพฤติกรรมของคุณถึงหูผู้ปกครอง ผมว่าคุณควรจะทำตามที่ผมบอกนะ” พอได้ยินอย่างนั้นคิมจงอินก็อดโอดครวญขึ้นมาไม่ได้ ผมไม่สนใจเสียงโอดครวญนั้นก่อนจะยื่นสมุดเล่มเล็กอีกเล่มไปให้

     

     

                “สมุดลายเซ็น ทุกครั้งที่คุณทำความสะอาดโรงยิมเสร็จต้องเอามาให้อาจารย์เวรเซ็นเพื่อรับรองว่าคุณได้ไปทำความสะอาดจริงๆ...” คิมงอินเหมือนจะยิ้ม ผมถึงได้ใส่เงื่อนไขข้อสำคัญเข้าไปอีก “...โดยที่ห้ามจ้างใครมาทำให้”

     

     

                “โหย ครู โรงยิมโคตรกว้าง”

     

     

                “ถือว่าออกกำลังกายก่อนกลับบ้านก็แล้วกัน”

     

     

                “โหยยยครู...”

     

     

                “กลับไปเรียนได้แล้ว อ้อ... แล้วกับโอเซฮุนน่ะ อย่ารุ่มร่ามให้มันมากนัก ทีนี้โรงเรียน ไม่ใช่โรงแรม” ถึงเป็นโรงแรมก็ห้ามเว้ย!

     

     

                แววตาคิมจงอินพราวระยับก่อนรอยยิ้มนิดๆจะผุดขึ้นมาเหนือริมฝีปาก เจ้าตัวโน้มตัวเท้าแขนลงมาที่โต๊ะผมแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมอยากถอดหัวโขนของความเป้นครูออกแล้วตั๊นหน้ามันซักยก

     

     

                “พยายามอยู่ครับ แต่ทำได้ยากจริงๆ เซฮุนน่ะตัวห๊อมหอม น่ารักก็น่ารัก เห็นผมๆงี้เคยกอดครั้งหนึ่ง ตัวโคตรนุ่มนิ่มเลย บอกครูไปว้ก่อนเลยว่าคนนี้น่ะ...ผมจีบอยู่”

     

     

                “!!

     

     

                “แต่เอาเถอะ เก็นแก่ครูขอ ผมจะพยายามไม่แสดงออก ต่อหน้าคนอื่นมากเกินไปก็แล้วกัน”

     

     

                ไม่แสดงออกต่อหน้าคนอื่น แสดงว่าลับหลังน่ะมีแน่ๆงั้นสิ หนอยยยย!! สงสัยเด็กเมื่อวานซืนอยากเจอดีกว่านี้ ได้สิ อู๋อี้ฟานจะจัดให้!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “ทำไมมาช้า” ผมที่จอดรถรออยู่ในซอยลับตาคนข้างโรงเรียนอกชักสีหน้าหงุดหงิดใส่ไอ้ตัวเล็กของผมไม่ได้เมื่อเวลาในตอนนี้มันเลยเวลาตามปกติของเราไปตั้งเกือบสองชั่วโมง

     

     

                หยาดเงหื่อที่ไหลลงมาตามขมับนั่นทำให้ผมอดเอื้อมมือไปเช็ดมันออกไม่ได้ ใบหน้าขาวๆมีริ้วแดงขึ้นเป็นปื้นเต็มแก้มคงเพราะอาการร้อนๆ เจ้าตัวแสบของผมทิ้งตัวลงนั่งเบาะข้างๆแล้วถอนหายใจออกมาก่อนจะกดเร่งแอร์ในรถแล้วแกะกระดุมเสื้อนักเรียนสองเม็ดบนก่อนจะสะบัดๆมันเพื่อไล่ความร้อน ภาพที่มองเห็นอยู่นี้ทำเอาผมงี้ร้อนๆขึ้นมาเลย

     

     

                “ก็พี่คริสสั่งให้จงอินทำความสะอาดยิม ผมเลยต้องช่วยไง” เซฮุนของผมไม่ว่าเปล่ายังยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผากตัวเองแล้วพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ “เล่นโหดไปนะ คนคนเดียวจะทำความสะอาดโรงยิมทั้งหลังได้ไง”

     

     

                “ก็เด็กนั่นมาหอมแก้มเซฮุนของพี่”

     

     

                “หอมแก้มแล้วยังไง” น้ำเสียงนั้นห้วนๆเหมือนไม่พอใจผมนิดๆ จริงๆมันควรจะเป็นผมมากกว่ามั้ยที่ไม่พอใจ แล้วไอ้หอมแก้มแล้วยังไงนั่นล่ะหมายความว่าไง

     

     

                ผมถอนหายใจออกมา ไม่อยากจะทะเลาะกับเซฮุนเรื่องนี้เลยจริงๆ ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าผมไม่ชอบให้คนอื่นมาแตะต้องคนของผม “เซฮุนเป็นของพี่นะ เราเป็นผัวเมียกันแล้ว คุณแม่เซฮุนก็รับรู้”

     

     

                “ก็แค่เพื่อนกัน”

     

     

                “เพื่อนกันเค้าไม่หอมแก้มหันหรอก!

     

     

                “แล้วไง ก็เพื่อนของผมเค้าจะหอมนี่!” เซฮุนเริ่มขึ้นเสียงทันทีที่ผมพูดจบ “พี่คริสอย่างี่เง่าได้มั้ย?”

     

     

                “อะไรนะ?” ผมรู้ดีว่าเซฮุนเป็นคนหงุดหงิดง่าย แต่การว่าคนที่อายุมากกว่าอย่างผม แถมยังไม่ได้อยู่ในสถานะธรรมดาอย่างเพื่อนกัน หรือครูกับนักเรียนเฉยๆแบบนั้น มันไม่มากไปหน่อยรึไง!

     

     

                “นี่เราแก้ตัวแทนมันถึงขนาดว่าพี่งี่เง่าเลยหรอ? งั้นถามหน่อย ถ้าเกิดมีคนมาหอมแก้มพี่ มาโอบพี่ ป้อล้อพี่แบบนั้น เราจะไม่คิดอะไรใช่มั้ย?” เซฮุนเงียบ ผมเองก็เงียบ มีแต่ความเงียบโรยจัวอยู่รอบๆเราสองคน เว้นก็แต่เสียงเครื่องยนต์และเสียงแอร์เบาๆเท่านั้น

     

     

                ผมถอนหายใจออกมาแล้วเข้าเกียร์เดินหน้า เตรียมกลับบ้านของเรา สุดท้ายเจ้าตัวแสบของผมก็เอ่ยออกมาเบาๆพร้อมด้วยการเบือนหน้าหันหนีออกทางหน้าต่าง

     

     

                “ขอโทษ”

     

     

                ผมรับฟังเพียงเบาๆแล้วเหยียบคันเร่งออกจากที่ซ่อนประจำเพื่อมุ่งสู่ถนนใหญ่

     

     

                “พี่รอเรามาเกือบสองชั่วโมง แถมยังต้องมาถูกตัวเองว่าว่างี่เง่าอีก คิดว่าแค่ขอโทษจะพอมั้ย?” ผมไม่ได้มองว่าเซฮุนทำหน้ายังไง เพราะตามองถนนอยู่ แต่เชื่อเถอะว่าพอทำน้ำเสียงนิ่งๆเข้าใส่ เจ้าตัวก็คงกำลังคิดจะทำอะไรบางอย่าง

     

     

                กลิ่นน้ำหอมปนกลิ่นเหงื่อลอยเข้ามาใกล้ผม ไอร้อนจากตัวเซฮุนกระทบกับแขนข้างขวาของผม แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ผมต้องยอมใจอ่อนให้เด็กดื้อจอมป่วนคนนี้เมื่อริมฝีปากเล็กๆทว่าอุ่นนุ่มทาลลงบนแก้มข้าวขวาของผม

     

     

                “เซฮุนขอโทษ คราวหน้าจะไม่สาย จะไม่ว่าพี่คริสอีกแล้ว” ไม่พอแค่นั้น เจ้าตัวยังสอดแขนเรียวทั้งสองข้างเข้ามากอดเอวผมเอาไว้แล้วซบหน้าลงกับไหล่ผม ทำให้ผมต้องชะลอรถอย่างช่วยไม่ได้ “หายโกรธนะ”

     

     

                เมื่อไหร่จะถึงคอนโด...

     

     

                “พี่คริสไม่โกรธฮุนนะ”

     

     

                พอ ฮุนนะหลุดออกมานี้แทบอยากผละพวงมาลัยแล้วปล้ำจูบเอาให้หายหมั่นเขี้ยว แต่ยังก่อน ผมไม่ได้โกรธเซฮุน แค่ไม่ชอบให้ทำตัวก้าวร้าวไม่น่ารัก ยิ่งกับผู้หลักผู้ใหญ่ ถ้าไม่ใช่กับผมแต่เป็นกับคนอื่น เซฮุนจะถูกมองเป็นเด็กไม่ดี เพราฉะนั้นไม่ต้องมาถามเอาความโกรธจากผมหรอก ผมไม่ได้โกรธ แค่อยากให้เด็กทำตัวดีๆ น่ารักๆ

     

     

                แต่นี่มันชักจะน่ารักเกินไปรึเปล่า

     

     

                “อย่าไปทำอย่างนี้กับใครนะ”

     

     

                “หืม?”

     

     

                “ที่จูบแก้มแล้วก็มากอดมาซบแบบนี้” ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆอออกมา ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเกือบได้เหยียบเบรกหัวทิ่ม เพราะเจ้าของมือเล็กๆนั่นกำลังทำตัวร้ายกาจ!

     

     

                “ไม่ทำหรอก...” อื้อหือ... ลืมจังหวะหายใจแบบปกติเลยครัชงานนี้ “..แบบนี้กับใครน่ะ”

     

     

                จะไม่ให้หายสะดุดได้ไงเมื่อเซฮุนกำลังล้อเล่นกับมังกรน้อยทั้งๆที่ยังอยู่ในรถกันแบบนี้! แล้วได้ แบบนี้ที่ว่าน่ะ อย่าบอกนะว่า แบบนี้’ !!

     

     

                แบบที่ลูบๆกดๆขยำๆอยู่เนี่ย!!

     

     

                “กับพี่คริส...คนเดียว”

     

     

                เมื่อไหร่จะถึงห้อง!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                เผด็จศึกกันไปเรียบร้อยสามรอบถ้วน ตอนนี้เซฮุนเลยนั่งตัวเอียงๆอ่อนๆเพราะเจ็บสะโพกอยู่ที่โต๊ะกินข้าว เจ้าตัวส่งสายตาขุ่นๆมาให้แล้วตวาดแว้ดเข้าให้เมื่อผมดันไปยิ้มเผล่ใส่

     

     

                “ไม่ต้องมาทำเป็นยิ้ม ใครให้ทำแบบตายอดตายอยากขนาดนี้ เสี้ยนมากรึไง”

     

     

                “โถ่... ก็ใครมายั่วกันก่อน”

     

     

                “ยั่วเย่ออะไรก็บอกว่าง้อๆๆ เห็นงอนก็เลยง้อ!!

     

     

                “เอาน่า จะง้อไม่ง้อยังไงก็ต้องโดนอยู่ดี ไม่เมื่อกี้ก็คืนนี้แหละน่า” เซฮุนทำหน้าบูดจนแก้มพอง เห็นแล้วมันอดเดินเข้าไปแล้วหอมแรงๆไม่ได้ เจ้าตัวรีบเอียงหน้าหลบแล้วเอามือปิดแก้มตัวเองไว้ไม่ให้ผมหอม เห็นแบบนั้นเลยยิ่งต้องหอมให้ได้

     

     

                “หยุดเลย! หยุดเลยนะ! ห้ามพี่คริสแตะต้องผมจนกว่าจะหมดคืนนี้”

     

     

                “ทำไมอ่ะ?” ผมทำน้ำเสียงอ้อนๆ แม้เซฮุนจะเคยติว่ามันน่าถีบมากๆก็ตาม

     

     

     

                “เพราะพี่ใช้โควตาคืนนี้หมดไปแล้ว” 






     

     


    TBC.

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×