คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : B I N G O ! ONE
ONE
งานแถลงข่าวหนังฟอร์มยักษ์ของประเทศจีนที่มีดาราหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงแซงทุกโค้งมาเป็นนักแสดงนำประกบคู่ดาราสาวมากฝีมือที่เป็นที่รู้จักกันดีในแผ่นดินมังกรแห่งรี้กำลังเริ่มขึ้นและดำเนินไปด้วยความชื่นมื่น แฟนคลับส่งเสียงกรี๊ดเป็นระยะเมื่อดาราหนุ่มหันมาพูดเอาใจด้วยคำหวานๆที่แสลงหูซะเหลือเกินในความรู้สึกของพยอนแบคฮยอน
“ผมรักคุณครับ”
แหวะ! พูดออกมาได้ไม่กระดากปากเลยรึไง! เพราะพูดคล่องปากอย่างนี้รึไงนะผู้หญิงถึงวิ่งเข้าหาไม่เว้นว่างซักวินาทีจนพี่สาวของแบคฮยอนคนนี้ชีช้ำถึงขั้นต้องหอบเอาท้องอ่อนๆของลูกน้อยกลับประเทศบ้านเกิดอย่างเกาหลี อยู่ที่โน่นเลี้ยงลูกคนเดียวจนทนแรงกดดันจากสังคมรอบข้างไม่ไหวถึงไดหนีไปแล้วทิ้งลูกน้อยเอาไว้ให้น้ามือใหม่อย่างเขาดูแล
ยิ่งเห็นหน้ามันยิ่งหมั่นไส้ ถึงจะหล่อแต่แล้วก็ยังไง ข้างนอกสุกใสข้างในเน่าเหม็น เหอะ! ผู้หญิงพวกนี้ก็ยังหน้ามืดตามัวหลงไปชอบมันอยู่ได้
“กรี๊ดดดด พี่ฟานหัวเราะ!” เขาอดกลอกตาไปมาไม่ได้เมื่อเพียงแค่ไอ้ดาราหน้ากล้องนั่นหัวเราะหรือยิ้มก็ได้รับเสียงกรี๊ดกึกก้องแสบแก้วหูไปหมด ก็แค่ยิ้ม ก็แค่หัวเราะ ไม่เห็นจะมีอะไรแตกต่างจากมนุษย์ธรรมดา มันบินได้รึยังไงล่ะ? มันนั่งกลางอากาศแบบที่พวกฤาษีโชว์พาวชอบทำรึก็เปล่า?
ต้องยอมรับว่าการมีเหง้าหน้าที่ดีมีชัยไปกว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ แต่มันใช้ไม่ได้กับแบคฮยอนหรอกนะ!
เขาน่ะรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร และก็รู้ด้วยว่าควรจะจัดการกับมันยังไง ก็อย่างที่..กำลังจะทำอยู่นี่ไง
“งั้นตอนนี้ขอถามซอกแซกเรื่องส่วนตัวนิดนึงนะครับ” พิธีกรชาวจีนพูดขึ้นพร้อมกับยิ้ม อู๋อี้ฟานยิ้มกลับแล้วพยักหน้าเบาๆเป็นการอนุญาตว่าถามได้ เพราะถึงยังไงคำถามที่กำลังจะถามเขาก็ได้อ่านมาจากหลังฉากแล้ว
“ไม่ทราบว่าหล่อขนาดนี้ มีคนมาดูแลหัวใจรึยังครับ?” พอสิ้นคำถามเสียงหวีดร้องก็ดังขึ้นมาจากกลุ่มแฟนคลับทันที ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเวทีคู่หญิงสาวหนาตาสะสวยได้แต่อมยิ้มน้อยๆแล้วยักไหล่อย่างไม่ยี่หระก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์ซะจนคนที่เบียดอยู่กับกลุ่มแฟนคลับอย่างแบคฮยอนอดแบะปากออกมาไม่ได้
“อันนี้ต้องรอให้แฟนๆมาตอบครับว่าพร้อมจะดูแลหัวใจให้ผมรึเปล่า”
//กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด//
แหวะ! อยากจะอ้วกกกกก!! นี่ถ้าไม่ติดว่ามีพื้นที่กว้างกว่านี้อีกซักหน่อยแบคฮยอนจะโก่งคออ้วกแล้วจริงๆด้วย มีอย่างที่ไหน เล่นมาพูดอะไรน่าแหวะอย่างนั้นแล้วก็ดันมาขยิบตาให้แฟนๆ แต่อะไรก็ไม่เท่าตอนที่สายตาคมนั่นกวาดมองกลุ่มแฟนคลับแล้วมันดันมาจ๊ะเอ๋กับสายตาเรียวสวยของหนุ่มหน้าสวยอย่างแบคฮยอนพอดี แบบนั้นไอ้ที่ขยิบตาให้มันก็เลยกลายเป็นขยิบตาให้แบคฮยอน เว้ยๆๆๆๆ ขนลุก!
“เดี๋ยวเถอะมึง เดี๋ยวได้ซึ้ง” แบคฮยอนได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆเป็นภาษาบ้านเกิดก่อนจะยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างเยาะๆ
“แหม ปากหวานขนาดนี้ แฟนๆได้ฟังคงชื่นใจแย่”
“ก็อยากให้เป็นอย่างนั้นครับ ฮ่าฮ่า” อู๋อี้ฟานหัวเราะอย่างมีจริตจะก้านจนแฟนๆอดกรี๊ดให้อีกรอบไม่ได้ พิธีกรชื่อดังต้องยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้แฟนๆเงียบเสียงลงหน่อยเพราการสัมภาษณ์ยังไม่สิ้นสุดแค่นั้น เขายิ้มออกมาอย่างมืออาชีพแล้วถามกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่กึ่งเล่นกึ่งจริงแบบเมื่อกี้อีก
“เอาจริงๆน่ะอู๋อี้ฟาน คราวนี้ขอถามจริงๆจังเลยนะว่ามีใครแล้วรึยัง?” สิ้นคำถามเสียงแฟนๆก็โห่ขึ้นอย่างไม่ค่อยชอบใขเท่าไหร่นัก ก็ไม่เชิงว่าไม่อยากจะได้ยินคำตอบหรอก เรื่องอย่างนี้มันอยากรู้แน่อยู่แล้ว แต่ก็โห่เพราะถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ถามเท่าไหร่หรอก กลัวคำตอบมันจะทำร้ายจิตใจและกลัวว่าถ้าคำตอบไม่ตองกับใจ อะไรๆมันจะไม่เหมือนเดิม
แต่อู๋อี้ฟานเจ้าของคำถามกลับยิ้มกว้างแล้วยักคิ้วส่งไปให้แฟนๆอย่างกวนๆก่อนจะแบะริมฝีปากหยักออกมาเหมือนไม่ได้คิดมากเลยที่จะตอบคำถามนั้น ท่าทางอย่างนั้นทำให้แฟนๆเบาใจได้ไม่น้อย
“ก็...”
“อู๋อี้ฟาน นายเอาลูกเอาเมียไปทิ้งไว้ที่เกาหลีแล้วหนีมาดังคนเดียวที่จีน ทำอย่างนี้มันถูกที่ไหน คนแบบนี้เค้าไม่เรียกว่าลูกผู้ชาย!!” ท่ามกลางความเงียบชั่วระยะหนึ่งของกลุ่มแฟนคลับที่กำลังตั้งใจฟังคำตอบจากปากซูเปอร์สตาร์หน้าใหม่อย่างผู้ชายหน้าหล่อที่นั่งยิ้มเหงือกบานอยู่บนเวทีนั่น เสียงเล็กออกแหลมทว่าก็ยังมีเค้าว่าเป็นเสียงผู้ชายก็ดังโพล่งขึ้นมาท่ามกลางความเงียบที่วุ่นวายเหล่านั้น
และคนที่จะพูดประโยคพวกนั้นออกมาด้วยความคับแค้นใจพวกกับน้ำเสียงที่กกก้องแบบนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก... พยอน แบคฮยอน....คนนี้
แบคฮยอนอดยิ้มมุมปากเหมือนที่พวกตัวร้ายในละครชอบทำกันไม่ได้เมื่อกำลังรู้สึกถึงกระแสความสะใจที่ไหลวนไปทั่วร่างกายที่สูง 175 เซนติเมตรและหนัก 61 ของเขา
ทุกสายตาจับจ้องมายังแฟนบอยหน้าเด็กค่อนไปทางสวยหวานที่มีแววตามุ่งมั่นท่ามกลางดงแฟนคลับผู้หญิง แถมยังยิ่งโดดเด่นเมื่อเจ้าตัวเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้หญิงนับร้อย คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆแบคฮยอนก็มองแบคฮยอน คนที่อยู่ไกลออกมาอีกหน่อยก็มองแบคฮยอน ช่างกล้อง ช่างไฟ ช่างแต่งหน้า ผู้จัดการ รวมถึงพิธีกรที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บนเวทีและเจ้าของชื่อที่ถูกกล่าวหาอย่างอู๋อี้ฟานก็อดมองมาทางเด็กหนุ่มไม่ได้
ยิ่งโดยเฉพาะคู่กรณีที่มีชื่ออยู่ในประโยคภาษาจีนสำเนียงแปร่งๆนั่นยิ่งต้องมองไปยังร่างเล็กๆไม่สมกับเป็นผู้ชายนั่น มองธรรมดามันไม่สามารถบรรยายอารมณ์ของอู๋อี้ฟานได้ในตอนนี้ แบบนั้นก็เลยต้องเอียงคอมองทั้งททางซ้ายทีขวาทีจนหนำใจ เมื่อเพ่งมองใบหน้าหวานนั่นยังไงก็ไม่คุ้นถึงได้หลุดแค่นเสียงหัวเราะออกมา ตอนนั้นก็เลยกลายเป็นว่าเสียงหัวเราะกระจายไปทั่วฮอลเปิดตัวหนังซะแล้ว
ใครๆก็หัวเราะใส่แบคฮยอน ตั้งแต่อู๋อี้ฟานลามไปยังพิธีกร ลามเข้ามาทางหน้าเวทีจากช้างกล้องช่างไฟ พีดี นักข่าว ลามเข้ามาใกล้ๆเรื่อยๆจากแถวแฟนคลับที่หนึ่ง สอง สาม ลามเข้ามาจนถึงคนข้างๆตัวแบคฮยอน
มีแต่เสียงหัวเราะดังอยู่เต็มไปหมดจนคนที่คิดว่าอะไรๆมันน่าจะเปลี่ยนต้องหน้าเสีย
“นี่ผมพูดความจริงนะ!” และประโยคยาวๆนั่นที่อุตส่าห์ท่องมาทั้งคืนนั่นมันก็มีความหมายตรงตามทุกคำที่อยู่ในประโยคนั้นด้วย!!
อู๋อี้ฟานหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และแบคฮยอนก็ได้ยินเสียงใครบางคนพูดเบาๆว่า ‘สงสัยจะชอบพี่ฟานจนเพี้ยน’
เพี้ยนบ้าเพี้ยนบออะไรกันเล่า!
ที่พูดออกไปนั่นความจริงนะ ทำไมคนพวกนี้ถึงชอบคิดว่าคนที่นั่งอยู่ข้างบนนั่นมันสวยงามไปหมด มันไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย ก็เพราะถ้ามันใช่ คนอย่างพยอนแบคฮยอนที่ไม่เคยจะสนใจดาราหน้าไหนจะบากหน้ามาจีนเพื่อมาแฉมันทำไม
“นี่น้องครับ ถ้าอยากได้ลายเซ็นพี่ อยากใกล้ชิดและถ่ายรูปด้วยกัน พี่มีงานแฟนมีตแฟนไซน์ น้องไม่เห็นต้องมาทำอะไรอย่างนี้เลย ถ้าน้องอยากได้ลายเซ็นพี่ เดี๋ยวลงเวทีไป พี่จะให้ผู้จัดการเอาไปให้ถึงที่เลยดีมั้ยครับ” อู๋อี้ฟานเสนอข้อเสนอที่เป็นสิ่งล่อตาล่อใจเหล่าแฟนคลับให้แบคฮยอนอย่างง่ายดายพร้อมกับหัวเราะหึๆอย่างชอบใจ
ใบหน้าหวานสวยแดงก่ำ ไม่ใช่เพราะอากาศร้อน แต่เพราะโมโหว่าแม้แต่ไอ้บ้านั่นก็ดันเหมาไปว่าเขาเป็นแฟนคลับมัน
“ผมไม่อยากได้อะไรจากคุณทั้งนั้น อย่างเดียวที่ผมอยากจะได้คือความรับผิดชอบ!”
“หึหึ” อู๋อี้ฟานยังไม่หยุดหัวเราะ รวมถึงคนอื่นๆด้วย
“หัวเราะอะไร!!?” ถึงจะถามอย่างนั้นออกไป แต่อู๋อี้ฟานก็ยังหยุดหัวเราะไม่ได้ เด็กนี่ท่าจะชอบเขาจนเพี้ยนจริงๆ มีแฟนคลับหลายคนที่พยายามหาวิธีเรียกร้องความสนใจจากเขา แต่บอกเลยว่าวิธีของใครก็ไม่เหมือนกับเด็กคนนี้จริงๆ
แฟนบอยงั้นหรอ? เขามีแฟนบอยไม่ค่อยเยอะซะด้วยสิเท่าที่รู้ แต่พอมีมาซักคนก็ฮาร์ดคอจนอดหัวเราะไม่ได้
คนอื่นๆพอเห็นท่าทางไม่ทุกข์ร้อนแถมยังหัวเราะเหมือนมีเรื่องสนุกมาให้ดูอย่างนั้นก็อดหัวเราะไปตามๆกันไม่ได้ แบคฮยอนได้แต่หันซ้ายหันขวาหาพรรคพวก แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่พวกอู๋อี้ฟานอยู่เต็มไปหมด เขารู้สึกตาลายและขายขี้หน้าขึ้นมาชั่วขณะ แบบนั้นถึงได้ตะโกนพูดขึ้นมาเพื่อเป็นการเดิมพันครั้งสุดท้าย และมันก็ได้ผลเมื่อคนที่เป็นแกนนำนั่งหัวเราะอยู่บนเวทีนั่นชะงักกึกขึ้นมาก่อนจะเปลี่ยนเป็นหัวเราะแห้งๆพร้อมกับสายตาแปลกๆที่มองมายังคนตะโกน
“โบนา!!”
“เหอ?”
“พยอน โบนา!! เมื่อสี่ปีก่อน นายรู้จักคนชื่อนี้ใช่มั้ยล่ะ?”
“อ่า...ฮะฮะ” อู๋อี้ฟานได้แต่หัวเราะแห้งๆไม่ใช่เต็มปากเต็มแปดแบบเมื่อกี้ แต่คนอื่นๆยังหัวเราะเหมือนไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอยู่ ทั้งๆที่คิดว่าคนที่ชื่อพยอนโบนาก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ แต่เชื่อเถอะว่าคนที่ชื่อพยอนโบนาที่เขารู้จักเมื่อสี่ปีที่แล้ว.... มีไม่ถึงสองคนแน่ๆ
สายตาคมเบือนไปมองหาผู้จัดการส่วนตัวที่รู้ใจกันดีก่อนจะขมวดคิ้วน้อยๆและพยักหน้าเบาๆให้ไปทำอะไรบางอย่างกับแฟนบอยของตัวเอง เมื่อเห็นผุ่จัดการตัวเล็กของเขาพยักหน้ารับรู้ถึงได้หันสายตามามองพิธีกรก่อนจะหัวเราะประสานเสียงกันก่อนจะเริ่มสัมภาษณ์กันต่อไป
*
“เฮ้ย! อะไร? อะไรกันเนี่ย!?” แบคฮยอนกำลังถูกผู้ชายตัวใหญ่สองคนล็อคแขนทั้งสองข้างแล้วลากออกไปจากวงแฟนคลับ มีบางคนที่หันมามองบ้างแต่ก็ไม่เห็นใครจะว่ายังไง เพราะถึงยังไงตอนนี้คนที่ใครๆจะต้องสนใจไม่ใช่แบคฮยอนอยู่แล้วแต่เป็นใครบางคนบนเวทีนั่นต่างหาก
“เฮ้ย! เฮ้ยหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงหวานยังคงโวยวายแต่ไม่ดังเท่าไหร่นักเพราะถึงยังไงที่นี่ก็มีนักข่าวเยอะแยะ แล้วการที่เขาเล่นมาแฉแถมมาทำเรื่องกลางดงนักข่าวในงานเปิดตัวหนังคนดังอย่างนี้ ถ้าเกิดกลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา แบคฮยอนพอจะรู้ดีว่าชีวิตของเขาไม่สงบสุขแน่ๆล่ะ
ในขณะที่กำลังดิ้นปัดป่ายเพื่อเอาตัวเองให้หลุดจากแขนล่ำๆของผู้ชายร่างยักษ์สองคนอยู่นั่นเอง ผู้ชายตัวเล็กอีกคนก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วจ้องแบคฮยอนด้วยดวงตากลมโตที่พอถลึงแล้วก็ยิ่งโตเข้าไปใหญ่ สีหน้าเหมือนกำลังหาเรื่องกันอยู่เลย แลดูกวนตีนอย่างเป็นธรรมชาติ
“ไปด้วยกันดีๆก่อนที่จะมีน้ำตา” โอเคยอม
*
แบคฮยอนถูกพามานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ในห้องแต่งตัวหลังห้องแถลงข่าว คนที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้จัดการนั่นเอาแต่ยืนกอดอกจ้องหน้าแบคฮยอนไม่ยอมละสายตาไปไหน ไม่รู้ว่าทำไมไอ้อาการอยากแหยมทั้งหลายแหล่ที่เพิ่งจะทำออกไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านไปนั้นหายไปไหนหมดเมื่อได้สบดวงตากลมโตแต่เอาเรื่องนั้น
แบคฮยอนได้แต่สบตาคนที่ยืนมองอยู่แล้วก็เบือนหนีไป สบเสร็จก็เบือนหนีไป พอสบอีกครั้งก็เบือนหนีไป เป็นอย่างนี้อยู่สามสี่ครั้งจนเจ้าตัวเองนั่นแหละต้องถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้แล้วเปิดปากพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบซะเอง
“คุณชื่ออะไร?”
“..............” เงียบ
“โอเค ผมชื่อแบคฮยอน พยอน แบคฮยอน มาจากเกาหลีน่ะ เออ ลืมไป นี่คุณ...เป็นคนจีนนี่นา แล้วจะเข้าใจภาษาที่ผมพูดรึเปล่าเนี่ย”
แบคฮยอนลืมไปว่านี่มันประเทศจีน ไม่ว่าใครต่อใครที่อยู่ที่นี่ก็เป็นคนจีนด้วยกันทั้งนั้น แล้วอย่างนี้ไอ้ภาษาบ้านเกิดของเขาอีกฝากหนึ่งของประเทศนี้นั่นจะไปมีใครเข้าใจได้ยังไง แล้สที่พูดพล่ามไปเมื่อกี้นั่นก็ไม่มีใครฟังออกอย่างนั้นล่ะสินะ พอคิดได้อย่างนี้เขาก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกรอบ
“โอเค... งั้นผมจะพูดเหตุผลที่ผมต้องทำอย่างนั้นกับเด็กในสังกัดคุณไปเรื่อยๆ ถ้าเกิดทนไม่ได้เมื่อไหร่ก็บอกก็แล้วกัน คืองี้นะ อันที่จริงผมก็ไม่ได้รู้จักไอ้อู๋อี้ฟานอะไรนั่นหรอกนะ เออ ไม่ต้องมาทำตาขวางเลย เด็กคุณบนเวทีไอ้โย่งเหงือกบานหาดีไม่ได้เมื่อกี้นั่นแหละ อันที่จริงผมควรจะมีชีวิตที่สงบสุขอยู่ในครัวของผมกับอาชีพและคนที่ผมกำลังดูๆอยู่ด้วยซ้ำ แต่นี่อะไร? ทำไมผมต้องมาตามหาพ่อให้หลานที่เพิ่งจะสามขวบหมาดๆได้ไม่กี่วันแถมยังกลายมาเป็นทั้งคุณน้าและคุณพ่อจำเป็นในเวลาเดียวกันไปได้ อันที่จริงมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรถ้าเกิดว่าพี่สาวของผมเค้าไม่ได้หนีไปกับผู้ชายคนอื่นแล้วทิ้งลูกไว้ให้ผมเลี้ยงอยู่คนเดียว แล้วเด็กที่ไม่มีพ่อมีแม่มาดูแลแถมพ่อมันยังทำร่าเริงไม่สนใจลูกเมียอยู่อีกประเทศสบายใจเฉิบแบบนั้น เป็นคุณคุณจะทำยังไง อย่าบอกนะว่าจะไม่ทำอย่างผม เหอะ โอเค คุณอาจจะไม่ทำอย่างผม แต่เชื่อเถอะ... ผมต้องการพ่อของเด็กมาดูแลเด็กเพื่อตัวเด็กเอง เพราะผมรักหลายหรอกนะถึงทำแบบนี้ ยิ่งมาเห็นมันทำไม่ทุกข์ร้อนผมยิ่ง...”
“หุบปาก” แบคฮยอนคิดว่าตัวเองกำลังหูฝาด ทำไมเขาถึงเข้าใจภาษาช้งเช้งชิ่งชั่งของแดนมังกรไปได้นะ เอ๊ะ!?
ยังไม่ทันที่แบคฮยอนจะได้เข้าใจอะไร อยู่ๆก็มีผู้ชายร่างใหญ่หนึ่งในคนที่ลากแบคฮยอนเข้ามาห้องแต่งตัวแห่งนี้ก็เข้ามากระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับคุณผู้จัดการ แล้วซักพักคุณผู้จัดการก็พยักหน้า สีหน้าดูมีความหนักใจหน่อยๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถืออกมาแล้วหันหน้าไปอีกทางก่อนจะรีบภาษาจีนอย่างบ้าคลั่งใส่เข้าในตามปลายสาย
ทั้งกระแทกกระทั้นเสียง ทั้งตะคอกตะโกน ทั้งใส่อารมณ์แบบจัดเต็มจนคนฟังไม่กล้าขยับ พอกดวางสายปุ้บก็ตัดสายตาดุๆมาทางแบคฮยอนทันทีจนคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับคนปลายสายนั่นสะดุ้งเฮือกแล้วมองคนอีกด้วยรอยยิ้มแหยๆ
“เพราะเธอคนเดียวทำให้เรื่องมันวุ่นวายแบบนี้ ตอนนี้พวกแอนตี้แฟนเริ่มสืบหาเรื่องราวในอดีตกับคนที่ชื่อพยอนโบนาแล้วนะ!”
“คะ..ครับ?”
“เธอ!” คุณผู้จัดการกระแทกเสียงใส่คนฟังแล้วค่อยๆก้าวเข้ามาหาช้าๆ “แบคฮุน”
“แบคฮยอนครับ” แบคฮยอนแก้ชื่อตัวเองให้ถูกต้องแล้วมองตามก้าวเดินของผู้จัดการตัวเล็กข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
“ถ้าเรื่องนี้มันวุ่นวายกว่านี้ขึ้นมาเธอจะรับผิดชอบยังไง? มีเงินร้อยล้ายพอจะจ้างอู๋อี้ฟานไปทำงานให้มั้ย?”
“มะ...ไม่มีครับ”
“รู้มั้ยว่าถ้าเรื่องนี้ถูกขุกคุ้นขึ้นมาแล้วมันเป็นเรื่องจริง หรือถ้าไม่จริงเต่พวกแอนตี้ทำให้มันดูเหมือนเป็นเรื่องจริงขึ้นมา หรือถ้าพวกนักข่าวที่อยากหากินบนความล่มจ่มของคนอื่นใส่ไข่ใส่สีใส่ผมชูรสขึ้นมา รู้มั้ยว่ามันจะเสียหลายหลายร้อยล้านแค่ไหน!!?”
“..............” เงียบเลย ไร้ข้อโต้แย้ง ตอนแรกก็คิดแต่ว่าจะเอาไอ้บ้านั่นมารับผิดชอบเรื่องที่มันเกิดขึ้นให้ได้ แต่... แต่ไม่ได้คิดว่าอะไรๆมันจะซับซ้อนแบบนี้
“นี่พยอน แบคฮุน...”
“แบคฮยอ....”
ปัง!
“ไอ้เด็กนั่นมันอยู่ไหน!!?” ประตูถูกดันเปิดเข้ามาอย่างแรงจะกระแทกเข้ากับผนังสีขาวโล่งๆทั้งๆที่มีตัวชะลอแล้วเชียวนะ แล้วคิดดูว่าหน้าตาคนที่เปิดประตูเข้ามานั่นจะน่ากลัวขนาดไหน
โอเค... หล่อนั่นล่ะหนึ่ง แต่นอกเหนือจากนั้นล่ะ โฮโฮ่ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพยอนแบคฮยอนคนธรรมดาที่ไม่ได้อยากมีความเกี่ยวของกับดาราหนุ่มไหแรงอย่างอู๋อี้ฟานจะได้เห็นสีหน้าโมโหโกรธานอกเหนือจากการนั่งปั้นหน้าหล่อๆเก็กเป็นเทพบุตรอยูหน้ากล้อง แฟนๆหลายคนพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อที่จะได้เห็นอีกหลายมุมหลายด้านของผู้ชายคนนี้เชียวนะ คิดดูสิ แต่บอกว่ารู้จักคนที่ชื่อพยอนโบนามั้ย แค่นี้เอง แค่นี้เองแบคฮยอนก็ได้เห็นอะไรๆหลายๆอย่างจากแวดวงบันเทิงพวกนี้แล้ว
ดวงตาคมที่แสนมีเสน่ห์บนเวทียกระดับนั่นเกรี้ยวกราดจนแม้แต่ผู้จัดการที่มักจะห้ามปรามเขาได้เสมอยังต้องถอย ยิ่งเมื่อดวงตาที่เหมือนมีไฟลุกโชนนั้นสบเข้ากับแววตาซื่อๆใสๆของผู้ชายตัวเล็กผอมๆที่นั่งทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมเพราะโดนผู้จัดการอบรมสั่งสอนมาหมาดๆนั่นก็ยิ่งเกรี้ยวกราดเข้าไปใหญ่
ร่างสูงโปร่งเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรปรากเข้าไปใกล้แล้วใช้มือใหญ่ๆกระชากคอเสื้อยืดไร้ยี่ห้อของแบคฮยอนจนยานออกมา
“เธอทำอย่างนี้ต้องการอะไร?” แบคฮยอนทำหน้างงแป้บนึงแล้วก็เป็นผู้จัดการที่เข้ามาพูดภาษาจีนสั้นๆอะไรซักอย่างกับอู๋อี้ฟาน แล้วประโยคต่างภาษาที่มีความหายเดิมก็ถูกพูดขึ้นอีกครั้ง
“เธอทำอย่างนี้ต้องการอะไร?” น้ำเสียงนุ่มถูกกดให้ทุ้มต่ำจนใครก็ไม่กล้าพูดแทรก ยิ่งบวกกับสีหน้าโมโหและท่าทางเหมือนจะฆ่าคนได้แบบนั้น ยิ่งไม่มีใครอยากจะเข้ามายุ่ง แบคฮยอนที่ตอนแรกใจมันก็สู้เสืออยู่หรอก พอมาเจอเข้าแบบนี้มันก็อดกำลังใจหดไม่ได้ได้แต่แสร้งปั้นร้อยยิ้มเยาะๆส่งไปแล้วค่อยๆใช้มือเล็กแกะมือใหญ่ออกจากคอเสื้อ
“จุ๊ๆ ใจเย็น เรื่องนี้เราคุยกันได้...” ตอนนี้เพิ่งจะรู้ตัวว่าทั้งผู้จัดการและไอ้ดาราดังมันพูดเกาหลีกันได้ แถมสำเนียงชัดแจ๋วซะด้วย
“คุยกันได้บ้าบออะไร!? เธอรู้มั้ยว่าผู้หญิงที่ฉันกำลังเดทด้วยเค้าส่งข้อความมาหาฉัน โทรศัพท์มันสั่นจนต้นขาฉันจะเป็นมะเร็งได้อยู่แล้ว แล้วไหนจะยังสายตาแปลกๆจากนักแสดงคนอื่นอีก พวกผู้กำกับ พวกนักข่าวที่อยากจะกดฉันให้จมดิน...”
“พวกแอนตี้ก็กำลังขุดคุ้ยเรื่องนี้”
“และพวกแอนตี้... ว่าไงนะ!!”
อู๋อี้ฟานยืดตัวขึ้นสูงแล้วพ่นลมหายใจแรงๆออกมา คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น ขายาวเองก็เดินเตะลมเตะอากาศเป็นวงกลม มือใหญ่ยกขึ้นขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดจนผมที่อุตส่าห์เซทมาตั้งนานเสียทรง
“โว้ยยยย!!”
แบคฮยอนได้แต่นั่งมองปฏิกิริยาสติแตกแบบนั้นด้วยหลากหลายความรู้สึก สงสารก็สงสาร สะใจก็สะใจ รู้สึกผิดก็ด้วย แต่ในเมื่อเดินเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว จะถอยทำไมให้โง่
“ฉันว่าก่อนที่นายจะหงุดหงิด ควรจะมาคิดนะว่าจะรับผิดชอบเรื่องที่มันเกิดขึ้นยังไงดี” แบคฮยอนว่า
“รับผิดชอบบ้าบออะไรวะ! เธอนั่นแหละจะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไง?”
“ก็ถ้านายหัดมีความรับผิดชอบตั้งแต่แรก มันก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก!” นี่ก็ชักจะมีน้ำโห คนอะไรเถียงคำไม่ตกฟาก
อี้ฟานใช้สายตาดุๆมองคนที่ตัวเล็กกว่าอย่างหงุดหงิดแล้วโบกมือให้ผู้จัดการเป็นคนพูดต่อ เพราะเขาไม่รับประกันว่าถ้าได้ยินเสียงเล็กๆนั่นต่อปากต่อคำอีกซักประโยคจะไม่พุ่งเข้าไปบีบคอให้ตายคอมือ แบบนั้นคุณผู้จัดการที่ยืนดูอยู่ห่างๆซักพักถึงได้เดินเข้ามาเพื่อเจรจา
“เธอบอกว่าเธอรู้จักคนที่ชื่อพยอนโบนา”
“นั่นน่ะพี่สาวเลย แถมยังมีลูกกับไอ้บ้าดีเดือดนั่นด้วย”
“เธออย่ามามั่วนะ ลูกเลิก...!!” อู๋อี้ฟานพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับชี้หน้าคาดโทษแบคฮยอนทันที แต่คุณผู้จัดการก็เดินมาขวางหน้าคนตัวใหญ่เอาไว้ก่อนที่จะทำอะไรไม่คิด
“ลูก?” ผู้จัดการตัวเล็กขมวดคิ้วแล้วเอียงคอถามพยอนแบคฮยอนอย่างไม่ค่อยเข้าใจ พอเห็นแบบนั้นแบคฮยอนก็เกิดไม่พอใจขึ้นมา
“ก็ไปถามมันสิว่าไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนบ้าง!?”
“ไข่บ้าไข่บออะไร! พยอนโบนานั่นแค่ครั้งเดียว...!!”
“ครั้งเดียวบ้าบออะไรติดออกมาเป็นตัวเป็นตนขนาดนั้น อย่ามาโกหกตลบแตลง!!”
“โอเค...” อู๋อี้ฟานเสยผมขึ้นเพื่อระงับอารมณ์ “หลายครั้ง” แบคฮยอนพ่นลมหายใจออกมาเมื่อชักจะเหลือทนกับผู้ชายคนนี้ ผู้จัดการดันอู๋อี้ฟานให้ไปอยู่ข้างหลังอีกครั้งก่อนจะพูดขึ้นอีก
“เธอรู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้ฟานเค้าขาขึ้นมาก”
“ไม่รู้ ไม่เคยสนใจ” พูดเน้นๆกันไปเลย
“ฉันจะไม่ถามว่าเรื่องที่เธอบอกว่าอู๋อี้ฟานมีลูกนั้นจริงรึเปล่า และเธอเป็นอะไรกับพยอนโบนากันแน่ เธอจะมาหลอกเราหรือตั้งใจจะทำอะไรก็ตาม ฉันจะไม่อ้อมค้อม เพื่อให้เรื่องนี้มันจบ ไม่ยืดเยื้อ เธออยากได้อะไรเท่าไหร่ ว่ามาได้เลย เราพร้อมจ่ายให้...”
“สงสัยผมคงต้องพูดให้ชัดเจนกว่านี้อีกนิดใช่มั้ยว่าผมไม่ต้องการอะไรนอกจากความรับผิดชอบที่พ่อควรจะมีต่อลูก และ...” เหมือนว่าคนฟังในห้องนี้จะกลั้นหายใจว่าแบคฮยอนจะพูดอะไรต่อ “...ผมอยากให้เขากลับไปหาลูก”
“บ้าไปแล้ว!!” อู๋อี้ฟานคนแรกที่พูดสวนขึ้นมาทันที พร้อมกับตบหน้าผากโบ๊ะอย่างเหลือเชื่อ “ให้ตายเถอะ! เธอมันบ้าไปแล้ว!”
“ฉันคงจะให้ฟานไปทอย่างนั้นไม่ได้เพราะเรายังไม่รู้เลยว่าเรื่องที่เธอพูดมามันจริงหรือไม่จริง” ผู้จัดการเองก็รีบพูดขึ้นขัดทันที ก็มันน่าเชื่อที่ไหน อยู่ๆก็มาบอกว่าอู๋อี้ฟานมีเมียเก็บเก่าที่ดันไปหยอดไข่ทิ้งไว้ เวลาผ่านไปนาตาปีไข่ที่ว่าก็ฟักเป็นตัวแล้วน้องชายของคนที่ถูกฝากไข่ไว้กลับมาทวงความยุติธรรมด้วยการจะเรียกตัวซูเปอร์สตาร์ดวงใหม่ของจีนกลับไปฟักไข่ บ้า! หลักฐานอะไรก็ไม่มีซักอย่างแล้วอย่างนี้มันจะเชื่อเข้าไปได้ยังไง
“หน้างี้... ไม่เชื่อใช่มั้ยล่ะ?” ก็กะไว้อยู่แล้วว่ามันต้องลงอีหรอบนี้ พูดไปสองไพเบี้ยไม่มีอะไรให้เสียใครเขาจะไปเชื่อ
แบคฮยอนคว่ำปากอย่างไม่ค่อยพอใจก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดคลิปเด็กน้อยอายุประมาณ 3 ขวบ คนหนึ่งที่กำลังพองแก้มอย่างน่ารักพลางเรียกเสียงหม่นๆถึงคนที่ไม่เคยเห็นเลยมาทั้งชีวิต
“ป่าป๊า...”
“เจสอยากเจอป่าป๊า...” แล้วเด็กน้อยก็แบะปากออกก่อนจะเริ่มสะอื้นไล่ระดับจากน้อยไปมาก สุดท้ายทั้งคลิปก็กลายเป็นคลิปเด็กน้อยอ้าปากหวอร้องไห้จ้า ทั้งผู้จัดการและอู๋อี้ฟานตั้งใจดูคลิปนั้นจนคิ้วขมวด แบคฮยอนอดลอบยิ้มมุมปากเล็กๆไม่ได้เมื่อดูเหมือนว่าทั้งสองคนเริ่มจะใจอ่อนแล้ว แต่แล้วผู้ชายขี้โวยวายกระโชกโฮกฮากก็ตัดบทดังฉับ
“เอาลูกใครมานั่งร้องไห้ล่ะเนี่ย?” น้ำเสียงทุ้มพูดขึ้นพลางมองหน้าเจ้าของคลิปอย่างไม่ไว้ใจ แบคฮยอนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ โอเค เด็กอาจจะหน้าไม่เหมือนพ่อ แต่ใบหน้าที่ละม้ายคล้ายมาทางแม่ แถมพอเหมือนแม่มันก็เลยเลยเถิดมาเหมือนสุดๆราวกับเป็นร่างโคลนของแบคฮยอนตอนเด็กซะขนาดนี้ อย่างนี้ไม่เชื่อ?
ผู้จัดการตัวเล็กเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกันคนพูด แบบนั้นแบคฮยอนก็ยิ่งไม่อย่างจะเชื่อ ให้ตายเถอะคนพวกนี้ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
“อย่ามาโกหกเลยนะน้อง อยากได้เท่าไหร่ว่ามาเลยดีกว่า ที่พล่ามมาซะยาวนี่คืออยากเรียกราคาให้มันสูงขึ้นใช่มะ?” อู๋อี้ฟานถามขึ้นด้วยสีหน้ากวนๆ กวนซะจนอยากกระโดดถีบขาคู่ คิดว่าเบ้าหน้าหล่อแล้วจะทำหน้ายังไงก็หล่อรึไง ขอบอกเลยว่าใช้ไม่ได้กับพยอนแบคฮยอน!
“ฉันไม่ได้โกหก!!”
“เธอน่ะโกหก!”
“ฉันไม่ได้โกหกโว้ยยยยย”
“งั้นก็เอาหลักฐานที่น่าเชื่อถือกว่านี้มาหน่อยสิ” อี้ฟานยักคิ้วยิกๆจนคนตัวเล็กกว่าต้องกัดฟันกรอด ในเมื่อเอาลูกมาใช้เป็นเหตุผลไม่ได้ งั้นก็เอา ‘อะไร’ mจะทำให้เปลี่ยนใจได้ทันทีไปก็แล้วกัน
“แล้วจะเสียใจที่ไม่ยอมกันดีๆตั้งแต่แรก”
ก็พูดได้แค่นั้น บายส์....
TBC.
!--{โค้ดธีม}--> >SQWEEZ

ความคิดเห็น