ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Vampires War - แวมไพร์ต๊องป่วนสงครามแห่งสายพันธุ์

    ลำดับตอนที่ #6 : จะได้กลับไหมเนี่ย!

    • อัปเดตล่าสุด 27 ม.ค. 56


    จะได้กลับไหมเนี่ย!

     

     

                    ไอร่ายืนเฉยอยู่ต่อหน้าไซนอล ผู้เป็นฟาเรลแห่งทะเลทราย ยังไม่เกิดการโจมตีใดๆทั้งสิ้นกลางทะเลทรายแห่งนี้ ที่ที่เป็นทะเลทรายมันควรจะร้อน แต่ตอนนี้ไอพลังความเย็นจากสายเลือดของวิหคน้ำแข็งทำให้ท่ามกลางทะเลทรายแห่งนี้เย็นไปทั่วทั้งพื้นผิวเลยทีเดียว

                    คิดจะใช้พลังแค่นั้นกดดันผู้เฝ้าประตูมิติสู่โลกปีศาจ ฉันว่ามันน้อยไปหน่อยนะ ไซนอลแสยะยิ้มให้ไอร่าที่ยืนแผ่พลังอยู่ เขาไม่กลัวพลังของไอร่าเลยแม้แต่น้อย กลับมีความพึงพอใจราวกับได้เจอคู่ปรับของตนเสียที

                    ไซนอลยื่นมือขวาออกไปหน้าลำตัว เขาแบมือราวกับรอรับของบางอย่าง ผมสังเกตเห็นว่าดวงตาของเขาเปลี่ยนไป มันมีแสงที่เป็นรูปโครงของดาวหกแฉกอยู่ในนั้นด้วย

     

                    เม็ดทรายหลายล้านเม็ดถูกดูดขึ้นมาสร้างเป็นอาวุธตามที่ฟาเรลแห่งทะเลทรายต้องการ มันค่อยๆจับตัวกันเป็นกระบองที่ยาวพอๆกับส่วนสูงของไซนอล เมื่อกระบองนั้นสร้างเสร็จตามใจคิดแล้ว เขาก็เอื้อมมือไปคว้ากระบองนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วฟาดลงไปที่พื้น

                    คลื่นทรายที่เกิดจากการกระแทกของกระบอง สะกิดไอร่าได้แค่เพียงปลายเส้นผม เพราะเธอไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจาก ผมเธอกำลังโบกสะบัดไปตามแรงที่เข้ามา

                    ขณะเดียวกันไอร่าปล่อยแส้น้ำแข็งของเธอลงสู่พื้น แส้น้ำแข็งซึมสู่พื้นทรายอย่างรวดเร็ว ทำให้เม็ดทรายแข็งและจับตัวกันเป็นก้อนกันทั้งหมดทันที

                    ไซนอลนิ่งอึ้งกับพลังของไอร่าอยู่พักหนึ่ง ก็โดนไอร่าตอบกลับด้วยการเอาท่อนแขนฟาดเข้าที่ท้ายทอย ก่อนที่จะใช้ความเร็วเหนือแสงพุ่งชนเขาจนกลิ้งกระเด็นกระดอนไปไกล

                    ฮึ่ม!” ไซนอลคำรามเบาๆเมื่อเห็นว่าศัตรูของเขาเก่งกาจเพียงใด ก่อนจะแสยะยิ้มเล็กๆให้พวกผมเห็น

                    ใช้ได้นี่ไอร่า พลังของเธอนี่ไม่เบาเลยจริงๆ แต่แค่นั้นจะทำอะไรได้อย่างนั้นหรือ ทันทีที่พูดจบ ไซนอลก็เรียกทรายขึ้นมาเรียงกันเป็นดาบที่ดูแล้วมีความคมอย่างเห็นได้ชัด

                    ไอร่าตกใจเพราะคิดว่าทรายที่เป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว ทำไมมันยังเรียกใช้ทรายได้อีกล่ะเนี่ย!

                    ดาบถูกเหวี่ยงเข้ามาหาไอร่า แต่ไอร่าก็ใช้เกราะเวทย์กันไว้ได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่จะใช้พลังผลักไซนอลออกห่างตัว

                    ไซนอลถูกผลักออกอย่างแรง เขาไปนอนแอ้งแม้งอยู่ไกลจากไอร่านิดหน่อยคนที่ถูกผลักไปล้มกลิ้งอยู่อย่างนั้นปกติจะต้องครวญครางหงิงๆไปแล้ว แต่ทว่า ไซนอลไม่ใช่ ไซนอลกลับนอนหัวเราะหึหึอยู่ตรงนั้น

                    อ้าวโดนไปนิดหน่อยสติก็แตกซะแล้วเหรอ ไอร่าถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบเฉย

                    หลงตัวเองมากไปไหมไอร่า ไซนอลลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เขาแสยะยิ้มกว้าง แล้วกางแขนออกข้างลำตัว ก่อนที่จะพูดว่า มาลองกับอาวุธของฉันดูดีกว่าไหม

                    ดวงตาของไซนอลเรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆออกมา ก่อนที่เม็ดทรายจะถูกลมหมุนพัดขึ้นมาหมุนรอบๆตัวเขาอย่างช้าๆ ทรายที่คล้ายกับโดนพายุหมุนรวบขึ้นมา โดยมีไซนอลยืนอยู่ใจกลางพายุนั้น

                    ไอร่าสังเกตเห็นสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลจากพายุลูกนั้น มันมีทรายที่จับตัวกันเป็นมีดคมกริบล่องลอยอยู่ในนั้นด้วย

                    เมื่อไอร่าเห็นดังนั้นแล้ว จึงรีบพุ่งไปคว้าซีฟาร์ออกมาทันที ก่อนที่ฝนมีดจะกระหน่ำลงสู่พื้น

                    พื้นดินเต็มไปด้วยมีดเล่มเล็กๆที่ทิ่มแทงทรายที่จับตัวกันเป็นน้ำแข็งโดยพลังของแส้น้ำแข็งที่ไอร่าทำไว้

                    ไซนอล นายนี่มันสกปรกจริงๆ ทำไมไม่เล่นงานที่ฉัน กลับมาลงที่ซีฟาร์แทน ทำแบบนี้ได้ยังไง ไอร่ามีสีหน้าที่โกรธขึ้นมาในทันที ปกติผมเห็นเธอไม่ค่อยจะโกรธอะไรสักเท่าไรนะ

                    “เธอไม่เข้าใจอย่างนั้นหรือ?” ไซนอลในพายุทรายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่กวนอวัยวะเบื้องล่างที่ห่อหุ้มด้วยรองเท้าอย่างที่สุด คำสั่งที่ออกมา ไม่ใช่ให้กำจัดเธอเพียงคนเดียวเสียหน่อย ไซนอลพูดจบก็หัวเราะสะใจกับสิ่งที่ตนทำไป

                    ไซนอลเรียกดาบทรายมากมายขึ้นมาในพายุทรายหวังจะใช้การโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องชะงักที่ไอร่าเข้ามาปรากฎตัวต่อหน้าเขาอย่างรวดเร็ว

                    เป็นไปไม่ได้ พายุทรายของฉันยังไม่เคยมีใครผ่านเข้ามาได้แบบนี้ ไซนอลอุทานขึ้นมา ก่อนที่จะโดนหมัดของไอร่าเข้าที่หน้าอก ลอยละลิ่วออกจากพายุนั้นอย่างแรง พายุหมุนทรายสลายไปทันทีที่ไซนอลถูกเล่นงาน

                    หึ! พลังของเจ้าคิดว่าจะสู้กับสายเลือดของวิหคน้ำแข็งได้อย่างนั้นเหรอ ตลกสิ้นดี ไอร่ามีน้ำเสียงขึ้นมาเล็กน้อย

                    เธอทำให้อากาศเป็นน้ำแข็งได้ มันจึงกลายเป็นออกซิเจนแข็งที่เห็นเป็นรูปดาบอย่างชัดเจน ไอร่าจะใช้มันเพื่อจัดการกับไซนอลที่ล้มไม่เป็นท่าอยู่กลางทราย

                    หยุดก่อนท่านไอร่า เสียงดังขึ้นจากข้างหลังผม ร่างของผู้หญิงผมสีส้มยาวระต้นคอ วิ่งเข้าไปหาไซนอลอย่างรวดเร็ว

                    มิเรนเซีย เจ้ามาทำไมเนี่ย ไซนอลที่นอนแอ้งแม้งหมดท่าอยู่ยังจะขึ้นเสียงถามผู้หญิงผมสีส้มที่วิ่งเข้าไป

                    มาดูเจ้าไงว่าจะตายยังไง ตกลงนี่เป็นพวกเดียวกันหรือเปล่าครับ ผมล่ะสงสัยจริงเชียว

                    ฉันไม่ตายให้เจ้าเห็นง่ายๆหรอกเฟ้ย ไอร่าก็แค่สายเลือดวิหคน้ำแข็ง จะกลัวอะไรไป นี่มันทะเลทรายนะ ฮ่าๆๆ ทันใดนั้น น้ำแข็งที่เกาะทรายอยู่ทั้งหมดก็ละลายหายไปทันที ไอความร้อนปะทุขึ้นมาราวกับจะเกิดระเบิดขึ้นใต้ดิน

                    ไอร่าโดนทรายจับขา จนขยับขาไม่ได้ เมื่อไซนอลได้โอกาสแล้ว ก็ใช้มีดทรายแทงที่ไอร่าทันที

                    “ไอร่า!” เสียงของซีฟาร์ดังขึ้น เสียงของซีฟาร์คล้ายคนกำลังร้องไห้ เธอกรีดร้องเรียกไอร่าที่โดนแทงด้วยมีดทรายจนทะลุหน้าอกแบบนั้น

                    หึ! เป็นยังไง วิหคน้ำแข็ง เจอมีดร้อนๆเข้าไปเป็นยังไงล่ะ เมื่อสิ้นเสียงพูด ไอร่าก็ล้มลงท่ามกลางทะเลทรายแห่งนั้น คิดว่าจะแน่ ที่แท้ก็แน่นิ่ง ร่างของไอร่าสลายกลายเป็นน้ำซึมลงไปในทรายอย่างรวดเร็ว

                    เมื่อไอร่าสิ้นท่าแบบนั้นแล้ว พลังที่คลุมตัวผมอยู่ก็เปิดออก ทำให้ผมเดินไปไหนมาไหนได้เสียที แต่ว่า มันอาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับผมเลยก็เป็นได้ ถ้าหากว่าโดนลูกหลง

                    ทุกคนต่างสลดกับสิ่งที่เกิดขึ้น และต่างโมโหฟาเรลที่อยู่ตรงหน้าอย่างแค้นเคือง

                    มิเรนเซียทำหน้าตื่นตกใจอย่างมากเมื่อเห็นไอร่าสลายไปต่อหน้าต่อตา เพราะอย่างน้อยไอร่าก็เคยช่วยชีวิตเธอไว้ครั้งหนึ่ง

                    ไซนอลนายทำบ้าอะไรของนาย!” มิเรนเซียเบิกตากว้างแล้วพูดกับไซนอลที่ยืนอยู่ข้างๆ

                    ฉันก็จัดการปีศาจ ที่มันจะพาพลังบริสุทธิ์ไปน่ะสิ ไซนอลตอบ ผู้พิทักษ์ประตูมิติ ทำไมช่างโหดร้ายเช่นนี้นะ นี่คือสิ่งที่ผมคิด

                    “… นี่นายไม่รู้ใช่ไหมว่าไอร่าสามารถดูดกลืนพลังของเวทย์มนตร์ที่ใช้โจมตีเธอได้น่ะ ไซนอลได้ยินดังนั้นก็ถึงกับเบิกตากว้างเลยทีเดียว

                    “สายเลือดของวิหคน้ำแข็งทำได้ขนาดนี้เชียวเหรอ!” ไซนอลอุทานเสียงดัง

                    สายเลือดที่แฝงอยู่ในตัวเธอเสี้ยวหนึ่งต่างหากเจ้าโง่ เธอเป็นดาร์คแองเจิ้ล แม้ว่าจะมีสายเลือดของดาร์คแองเจิ้ลอยู่หนึ่งในสิบหกของร่างกาย แต่นายไม่รู้หรือไงว่าดาร์คแองเจิ้ลเป็นผู้ที่ใช้พลังของเซนทราเรียน์ในด้านมืดได้ ทีนี้ฟาเรลที่ชื่อว่าไซนอล ก็พูดไม่ออกเลยทีเดียว เมื่อกลุ่มไอสีดำซึมออกมาจากพื้นทรายอย่างรวดเร็ว ทำให้พื้นที่บริเวณทะเลทรายนี้ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดจากไอสีดำนั้น ร่างของไอร่าปรากฎขึ้นกลางกลุ่มไอสีดำนั้น

                    ดวงตาของไอร่ามีสีดำสนิท เรืองแสงออกมาเป็นสีม่วงเข้มๆ เธอมีเขี้ยวที่งดงามเหมาะกับใบหน้าของเธอ เส้นผมที่เปลี่ยนสีไปเป็นสีน้ำเงินทำให้เธอดูแปลกๆดี ส่วนปีกของเธอก็เป็นปีกขนนกสีดำที่แสดงถึงความมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง

                    ปีกของเธอกางออกกินพื้นที่ไปเยอะพอสมควร เพราะปีกของเธอใหญ่ขึ้นมาก ไซนอลที่กำลังอึ้งกับร่างของดาร์คแองเจิ้ลที่อยู่ตรงหน้า โดยไม่ได้ระวังตัวเลยว่าพลังสายสีน้ำเงินเข้มฟาดผ่านตัวของเขาอย่างรวดเร็ว

                    ส่งผลให้ไซนอลกระอักเลือดออกมามหาศาล ไซนอลทรุดลงกับพื้นอย่างรวดเร็วราวกับหมดสิ้นเรี่ยวแรง เขาพยายามจะใช้แขนยันตัวเองขึ้นมา แต่ความรู้สึกว่าร่างกายของเขาหนักอึ้งราวกับแบกหินอยู่บนหลังไว้เป็นร้อยกิโลทำให้เขาทำได้แค่ชะลอตัวเองไม่ให้หัวฟาดพื้นแรงเท่านั้น

                    ท่านไอร่า อย่าทำร้ายไซนอลเลยนะ ไซนอลเขาบริสุทธิ์ เขาแค่ทำตามหน้าที่ มีเรนเซียอ้อนวอนขอให้ไอร่าไว้ชีวิตไซนอล แต่เวลานี้ไอร่าที่อยู่ในร่างดาร์คแองเจิ้ลจะได้ยินคำขอของเธอหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ

                    เพราะว่าไอร่า เงื้อกรงเล็บสีดำของเธอเตรียมจะแทงใส่ไซนอลอย่างดีแล้ว เฮ้ย!! ไอร่า ใจเย็นๆ เขาแค่ทำตามหน้าที่นะเฟ้ย

                    ฉึก!! กรงเล็บของไอร่ากระซวกทะลุร่างของไซนอลอย่างง่ายดาย ไซนอลเปิดตากว้าง เหมือนผมเห็นอะไรเป็นแสงสีฟ้าๆที่มือของไอร่าแฮะ

                    ไอร่าดึงเล็บของเธอออกจากร่างของไซนอล ร่างกายของไซนอลไม่มีแผลปรากฎให้เห็นแม้แต่รอยเดียว

                    เฮ้ย!! เมื่อครู่นี้ผมเห็นว่ากระซวกลงไปเต็มๆเลยนี่นา ทำไมไม่มีแผลอะไรเลยล่ะครับ!

                    ฉันประกอบวิญญาณคืนให้เขาแล้วนะ ไอร่าพูด เธอทำให้ผมงงนิดหน่อย อะไรประกอบวิญญาณ ช่างเถอะ! ไว้ผมจะถามเธอเอาเอง

                    ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ แต่นายต้องรู้ไว้บ้างว่า นายกำลังสู้กับใคร ไอร่าสั่งสอนไซนอลก่อนที่จะกลับคืนร่างผมสีเทา ตาสีเทาของเธอดังเดิม ผมรู้แล้วครับว่าทำไมเทพแห่งสายน้ำยังกลัวไอร่า

                    เพราะพลังของดาร์คแองเจิ้ลไม่สามารถโจมตีทางกายภาพได้ แต่สามารถโจมตีทะลุถึงแกนวิญญาณให้แตกเป็นเสี่ยงๆได้ทันที อิเรอัลไขข้อสงสัยให้ผมว่า ทำไมต้องประกอบวิญญาณคืน

                    ร้ายกาจแบบนี้ ข้าคงวางใจให้พวกเขาลงไปได้…” ไซนอลพูดขึ้นพร้อมกับค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน

                    หมายความว่ายังไงครับที่ว่าให้พวกผมลงไปได้ผมแหกปากด้วยน้ำเสียงของคนที่ตื่นตกใจเล็กน้อย เพราะสิ่งที่ผมคิดคือ มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ

                    ก็หมายความว่าอย่างนั้นหล่ะ ฉันแค่จะทดสอบพวกของนายว่าจะปกป้องนายในโลกปีศาจได้ไหม แค่ไอร่าก็คงจะปกป้องนายได้อยู่แล้วล่ะ เรย์ ฟาเรลแห่งทะเลทรายยิ้มให้ผม ก่อนที่จะวาดมือไปข้างหลัง

                    ทรายที่อยู่บนพื้นเรียงตัวขึ้นมาเป็นประตูใหญ่บานหนึ่ง มีรูปปั้นที่ถูกฝังอยู่กับประตูทั้งสองข้าง ข้างซ้ายเป็นรูปแวมไพร์ในร่างที่คืนสภาพมีปีกค้างคาว ข้างขวาเป็นรูปปั้นของชายผู้หนึ่ง ซึ่งมีผมยาวถึงกลางหลัง ใส่เสื้อคลุมคล้ายเสื้อกราวน์

                    ผมมองประตูด้วยความตื่นกลัว เพราะว่า ประตูมิติที่มีสีดำมืดสนิท ราวกับไม่มีแสงอยู่ที่นั่นเลยแม้แต่น้อย ทำให้ผมหนาวไปถึงจิตวิญญาณเลยทีเดียว

                    พวกซีฟาร์ก้าวเข้าไปในประตูทีละคนๆ ทำให้ตอนนี้เหลือผม กับซีฟาร์สองคนเท่านั้น

                    เธอหันมายิ้มให้ผมแล้วบอกกับผมว่า ไปโลกของฉันกัน มันไม่น่ากลัวอย่างที่เธอคิดหรอก

                    อื้ม ฉันก็เชื่ออย่างนั้นนะ ผมตอบเธอกลับ สายตาของเธอที่แสดงถึงความดีใจที่จะได้กลับบ้านของเธอ ช่างดูงดงาม แต่หากในจิตใจของเธอ ผมคิดว่า เธอต้องเป็นห่วงพ่อของเธอมากๆ

     

                    ฟิ้ว!!~’ เสียงคล้าย เสียงลมพัดผ่านหูของผมไป พร้อมกับศรสีฟ้าที่พุ่งเข้าชนประตูมิติอย่างรุนแรง ส่งผลให้ประตูมิติทรายนั้นถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว ฟาเรลผู้เปิดประตูมิติให้กับผมเบิกตากว้างมองไปยังร่างที่สวมชุดสีฟ้าคราม มีผ้าโพกหัวปิดหน้าเพื่อป้องกันความร้อนจากทะเลทราย ทำให้ผมเห็นเพียงแค่แววตาของเขาเท่านั้น

                    เขามีดวงตาสีฟ้าอมดำ ทำให้ดวงตาของเขาดูมืดครึ้มคล้ายท้องฟ้าที่มีเมฆฝน  สีผมที่โผล่ออกมาจากผ้านิดหน่อย ทำให้ผมรู้ว่าเขามีเส้นผมสีส้มแดง แววตาที่ดูเย็นชาไร้ความรู้สึกจ้องมองมาทางพวกผมและฟาเรลอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่าเขาไม่ได้เกรงกลัวฟาเรลทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

                    ในมือของเขาไม่มีอาวุธใดๆอยู่เลย แสดงว่าศรสีฟ้าดอกนั้นต้องเป็นเวทย์มนตร์แน่ๆ

     

                    ร่างนั้นหมุนกลับหันหลังไปทามกลางความตื่นตะลึงของผมกับซีฟาร์ที่เห็นประตูมิติระเบิดไปต่อหน้าต่อตา

                    “พลังของมันรุนแรงถึงขนาดทำลายประตูมิติแห่งโลกปีศาจได้ เจ้านั่นไม่ธรรมดาแน่ๆ ไซนอลมีน้ำเสียงอ้ำอึ้งอยู่กับพลังที่ชายผู้นั้นใช้ รวมไปถึงมิเรนเซียด้วย

                    เมื่อเรียกสติกลับคืนกันมาได้ ร่างนั้นก็เดินไปจนเกือบจะเป็นจุดเล็กๆในสายตาของผมแล้ว ทำไมเดินไวจังฟะ

     

                    พวกไซนอลไม่รอช้า รีบวิ่งเข้าไปหาชายผู้นั้นด้วยความเร็วของฟาเรล (เกือบเท่าแวมไพร์) รวมไปถึงผมกับซีฟาร์ เพราะผมขี่คอไซนอล ส่วนซีฟาร์ขี่คอมิเรนเซียไป เมื่อไปหยุดอยู่หน้าร่างที่สวมน้ำเงินคนนั้นแล้ว ไซนอลก็ปล่อยผมลง การใช้ความเร็วระดับแค่นี้ทำไมผมรู้สึกอยากจะอ้วกจริงๆ คิดไม่ทันจบมันก็ออกมากองอยู่ข้างหน้าผมอย่างรวดเร็ว

     กระจอกจริงๆ แค่นี้ก็อ้วกซะแล้ว ไซนอลพูด เพราะนายนั่นแหล่ะ วิ่งไปเขย่าไป ใครจะไม่อ้วกล่ะเฟ้ย

    มิเรนเซียเมื่อปล่อยซีฟาร์ลงแล้ว เธอก็รีบเข้าไปคว้าคอเสื้อของร่างนั้นทันที นักเลงไปไหมเธอ . . .

                    นี่แกเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงทำลายประตูมิติได้!” มิเรนเซีย เรียกมีดเพลิงออกมาอยู่ในมืออีกข้างหนึ่งก่อนที่จะเอามีดเล่มนั้นเข้าจี้คอของชายหนุ่มผู้นั้น ก่อนที่จะพูดต่อว่า และแกทำเพื่ออะไรกัน

                    ร่างนั้นหัวเราะร่าเริงที่ถูกมิเรนเซียหาเรื่องพร้อมกับถอดผ้าคลุมหัวออก เผยให้เห็นหน้าตาที่ดูหล่อราวกับดาราเกาหลีมายืนอยู่ตรงหน้า เส้นผมสีส้มแดงของเขา พัดปลิวตามสายลมร้อนๆที่ผัดผ่านไป ส่วนคอเสื้อก็ยังถูกกำมือของมิเรนเซียดึงอยู่

                    มีอะไรน่าหัวเราะฮึ แกเป็นคนก่อเรื่องไว้ แกจะต้องชดใช้ให้ประตูมิติแห่งนั้นแน่ ไม่ทันขาดคำ มิเรนเซียก็กดมีดเพลิงใส่คอของผู้ชายผมสีส้มแดงนั้นทันที แต่ทว่า มีดเพลิงที่มิเรนเซียออกแรงกดลงไปกลับหักเป็นสี่ท่อน ผมชักเอะใจว่า มีดยังแทงไม่เข้า มันเป็นก้อนหินกันหรือเปล่านะเจ้านี่

                    มิเรนเซียตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มีดแห่งเพลิงของเขาแข็งแกร่งขนาดฟันหินอัคนีได้ง่ายๆ ทำไมกลับหักได้แบบไม่มีชิ้นดีแบบนี้ ผมเห็นเธอตัวสั่นเครือราวกับเธอมีความรู้สึกว่า เธอหนาวสั่นไปทั้งตัว

                    ผมไม่ได้มีธุระอะไรกับพวกคุณ ผมแค่ทำตามความต้องการของผม หนุ่มหล่อดวงตาสีฟ้าอมดำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ละมุนนุ่มนวลชวนให้น่าฟัง แต่พฤติกรรมของเขาช่างเชิญชวนให้เอาบาทาอุดปากที่มีน้ำเสียงละมุนนุ่มนวลนั้นเสียจริง

                    หนอย! ออกมากระบองสองร้อยตัน ทันที่ที่เสียงของมิเรนเซียพูดจบ กระบองเพลิงขนาดพอๆกับกระบองซุนหงอคงที่หดเล็กอยู่ ก็ออกมาอยู่ในมือของเธอ ชายผู้นั้นกลับยิ้มอย่างเยาะเย้ยใส่มิเรนเซียแล้วพูดออกมาว่า

                    แค่มอลเทียร์เธอก็ยังไม่ชนะเลย จะเอาอะไรมาสู้กับฉันงั้นหรือ น้ำเสียงละมุนนอบน้อมพูดออกมาจากปากของชายผู้ที่ใกล้จะโดนสหบาทาในไม่ช้านี้ มีความดูถูกมิเรนเซียเป็นอย่างยิ่ง

                    เหอะ! เรื่องเจ้านั้นน่ะ ฉันยอมให้ต่างหาก เพราะยังไงฉันก็จัดการมันไม่ได้ ร่างหมอกของมันน่ารำคาญจะตายไป มิเรนเซียพูด พลางยิ้มให้กับชายผู้ที่ดูถูกเธอเมื่อครู่ แล้วเหวี่ยงกระบองเพลิงใส่ทันที

                    กระบองน้ำหนักสองร้อยตันถูกเหวี่ยงใส่ชายผู้นั้นอย่างรวดเร็ว แต่ชายผู้นั้นกระโดดหลบกระบองนั้นได้อย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่โดนมืออีกข้างของมิเรนเซียดึงคอเสื้ออยู่

                    อ้าวเฮ้ย พี่แกยอมสละคอเสื้อเลยจริงๆ ผมเห็นคอเสื้อที่ขาดออกมาจากตัวเสื้ออยู่ที่มือมิเรนเซีย แต่ตัวเสื้อยังอยู่กับชายผู้นั้นตามเดิม ...

                    ยัยผู้หญิงป่าเถื่อน เสียงละมุนที่ฟังดูไม่ละมุนในความคิดของมิเรนเซีย ทำให้เธอเส้นกระตุก หวดกระบองใส่อีกครั้ง

                    ฉันป่าเถื่อน แล้วจะ ทำไม!!!!!” ปากเธอก็พูดไป กระบองก็หวดไป ผม กับซีฟาร์นั่งดูการวิ่งไล่กวดกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะซีฟาร์ที่นั่งขำไปปรบมือไปราวกับดูการแสดง ทั้งที่เธอไม่ได้กลับบ้านเนี่ยนะ!

                    ซีฟาร์กระโดดลงพื้นแล้วใช้ความเร็วแบบแวมไพร์พุ่งเข้าไปหาชายผู้นั้นอย่างรวดเร็วแบบไม่เห็นเงา สมกับที่เป็นลูกของหัวหน้าเผ่าแวมไพร์จริงๆ

                    ปืนที่บรรจุกระสุนเวทย์มนตร์จี้อยู่กลางหน้าผากของชายผู้นั้นทำให้เขาไม่กล้าขยับตัวเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าถ้าเธอนิ้วกระตุกตามที่เขาขยับล่ะก็เกรงว่าสมองอาจโดนแทนที่ด้วยลูกปืนก็เป็นได้

                    มิเรนเซียเห็นความว่องไวของซีฟาร์แล้วก็ตกใจอยู่เหมือนกัน ไม่นานเธอก็เข้ามาสอบสวนชายหนุ่มผมสีส้มแดงผู้นี้

                    ตกลงแกเป็นใครกันแน่ มิเรนเซียถาม ในขณะที่ปืนกระสุนเวทย์มนตร์จี้หัวอยู่แบบนั้น

                    คือฉันถูกจ้างมา ฉันเป็นแค่นักเวทย์ที่รับจ้างทำลายสิ่งต่างๆที่ผู้จ้างของข้าต้องการ ชายหนุ่มผู้นั้นบอกกับพวกผม เพราะหากไม่บอก ก็กลัวว่าปืนมันจะลั่นโป้งป้างใส่หัวเขาน่ะสิ แต่จู่ๆเขาก็หัวเราะขึ้นมาดื้อๆซะงั้น

                    ขำอะไร!” ซีฟาร์ทำเสียงดุใส่ คล้ายดุเด็กดื้อเลยจริงๆ

                    ฉันเปล่าขำอะไรนะ แต่ฉันเป็นโรคหัวเราะต่างหาก” … เขาบอก

    ว่าไงนะ ผมกับซีฟาร์พูดด้วยสีหน้าที่มุมปากกระตุกๆเล็กน้อย หน้าตาของผมกับซีฟาร์ตอนนี้แสดงออกคล้ายๆกัน คือแก้มจะพองๆหน่อย เหมือนเก็บลมไว้ข้างใน ปล่อยไว้สักพักผมกับเธอก็ระเบิดก๊ากออกมา

    ก็จะขำอะไรได้ล่ะครับ ผมก็ขำไอ้เจ้าผมส้มแดงนี่น่ะสิ เป็นโรคหัวเราะ สงสัยจะติดยาเกินขนาด ประสาทเลยเพี้ยน

    แกเป็นโรคหัวเราะด้วย ไซนอลพูดขึ้น พร้อมกับเบิกตากว้างก่อนจะพูดประโยคต่อมา หรือว่าแกคือ…!”

    ฉันอลาทอร์ นักเวทย์สายทำลายล้าง สิ้นสุดคำพูดของชายผู้ที่เรียกตนเองว่า อลาทอร์ ก็ทำให้ ไซนอล กับมิเรนเซีย รวมไปถึงซีฟาร์ต่างเงียบกริบเลยทีเดียว นี่ผมเจอกับเหตุการณ์แบบใหม่อีกแล้วใช่ไหม ทำไมผมต้องซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้ด้วยนะ จะไปช่วยพ่อของซีฟาร์ ก็ไปช่วยไม่ได้ เพราะโดนขัดขวาง แถมยังโดนแยกจากพวกไอร่าอีก แล้วไอ้ที่อยู่กับผมก็ดันเป็นแวมไพร์สาวที่ใช้ปืนเป็นอาวุธ นี่เธอไม่มีแรงจะสู้ จนต้องใช้เครื่องทุ่นแรงช่วยใช่ไหม โอยจะบ้าตาย แล้วผมจะไปโลกปีศาจเพื่อตามหาพ่อของซีฟาร์ยังไงล่ะเนี่ย แล้วพวกไอร่าจะทำยังไงที่ผมกับซีฟาร์ถูกแยกออกจากกลุ่มมาแบบนั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×