ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Legend of Varos - วาลอสผู้ครองแห่งลาฟเฟล

    ลำดับตอนที่ #1 : อดีตกาล

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 56


    อดีตกาล

     

                    พรึ่บ!! ลูกไฟลูกเล็กๆลูกหนึ่งปรากฎขึ้นบนมือของชายผู้หนึ่ง ผู้มีดวงตาสีทองอร่ามทรงพลังอำนาจ และเส้นผมสีขาวบริสุทธิ์ที่ยาวสลวยลงไปถึงเอวของเขา ผิวพรรณที่ขาวดุจหิมะเกือบกลืนไปกับสีผมของเขา ชุดสีทองคลุมร่างกายที่ดูคล้ายบอบบางไร้ซึ่งพละกำลัง คลุมลงไปจนลากพื้น ที่คอห้อยจี้ที่มีรูปร่างคล้ายปีกสองข้างประกบกันอยู่ เขากำลังยืนประชันหน้ากับกองทัพปีศาจและทหารของความมืดนับครึ่งแสนนาย ซึ่งห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร อยู่เพียงผู้เดียว

                    ข้าขอเตือนพวกเจ้าทุกตน หากใครยังรักชีวิตตนเอง อยากที่จะกลับไปอยู่กับครอบครัวของพวกเจ้า ข้าขอให้พวกเจ้าถอนตัวออกจากที่นี่ซะ ชายเจ้าของดวงตาสีทอง พูดขึ้นด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง ทั้งที่รอบข้างเป็นที่ราบเรียบ ไร้ซึ่งสิ่งกีดขวางใดๆ

                    ชิ! น่าขำนะเซนทราเรียน์ ลำพังเจ้าเพียงคนเดียวจะสู้กับทั้งกองทัพได้ ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อน ข้าคิดว่าเจ้านั่นแหล่ะ ถอนตัวออกไป หากเจ้ายังรักชีวิตของเจ้าอยู่ เสียงตอบกลับมาจากผู้นำกองทัพปีศาจ ชายผู้นั้นมีดวงตาสีโลหิตดูน่าเกรงขาม เส้นผมสีดำยาวเลยบ่า ใส่ชุดคลุมสีดำมีฮู้ดคล้ายจอมเวทย์ปิดบังร่างกายที่ดูคล้ายบอบบางเช่นเดียวกับชายผมขาวนั้น ทำให้ทหารในกองทัพของเขายืนหัวเราะร่า เพราะขำกับคำเตือนของชายผมขาว

                    เจ้าก็รู้ชื่อของข้า ถ้าเป็นข้า ข้าจะไม่พูดแบบเจ้านะ ธอลิเฟล” ชายผู้มีดวงตาสีทอง เจ้าของชื่อ เซนทราเรียน์ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจและเด็ดขาด อย่างก้องกังวาล

                    งั้นอย่าหาว่าข้าไม่ปราณีเจ้า ข้าได้เสนอทางรอดให้เจ้า แต่เจ้าไม่รับไว้เอง น้ำเสียงของชายชื่อธอลิเฟล ที่ฟังดูแล้วสามารถข่มขวัญทหารของศัตรูได้แทบทั้งกองทัพ แต่เซนทราเรียน์กลับไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดนั้นเลย แถมยังยืนเล่นลูกไฟในมืออยู่ซะด้วย

                    ทหาร ฆ่ามัน!!!!” จบคำสั่ง เหล่าทหารปีศาจและทหารความมืดก็วิ่งกรูเข้ามาหาเซนทราเรียน์ พร้อมหอก ดาบ และอาวุทที่ใช้หมายสังหารคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

     

                    เมื่อกองทัพปีศาจใกล้เข้ามาถึงตัวเซนทราเรียน์แล้ว เขาก็ยืนมือซ้ายออกไปหน้าลำตัว ฉับพลันดวงตาที่เป็นสีทอง ก็มีแสงสีแดงเรืองรองอยู่แวบหนึ่ง ทันใดนั้น ลูกไฟที่อยู่ในมือขวาของเขาก็พุ่งลงไปที่พื้นข้างหน้าเขา เกิดกำแพงเพลิงยาวไม่รู้ว่าสิ้นสุดที่ไหน สูงราวยี่สิบเมตร ทำให้กองทัพปีศาจชะงักเท้าไม่วิ่งเข้าไปให้ไฟคลอก แต่ก็หยุดไม่ทัน ทำให้กองทัพปีศาจแถวหน้า พุ่งเข้าสู่กำแพงเพลิงที่เซนทราเรียน์สร้างขึ้น ทำให้ปีศาจเหล่านั้นเป็นฝุ่นผงไปในพริบตา

                    จากนั้นเซนทราเรียน์ก็ก้าวเดินไปข้างหน้า และยังยื่นมือซ้ายออกไปหน้าลำตัวผลักกำแพงไฟให้เลื่อนไปข้างหน้าพร้อมกับที่เขาก้าวเดิน ทหารปีศาจวิ่งหนี หกล้มคลุกคลานเอาชีวิตรอดจากกำแพงไฟของ เซนทราเรียน์  หลายตัวหนีรอดไปได้ แต่บางตัวก็ถูกไฟคลอกจนสลายเป็นฝุ่นไป จนกำแพงไฟมาหยุดอยู่หน้าธอลิเฟล เซนทราเรียน์จึงหยุดเดิน และดับกำแพงไฟลง

                    ข้าคิดว่ากองทัพของเจ้า ช่างไร้ค่าเหลือเกินธอลิเฟลเอ๋ย เซนทราเรียน์ยืนยิ้มอยู่หน้าธอลิเฟล ทำให้ธอลิเฟลฉุนกึก เพราะหน้าแตกที่ทั้งกองทัพไม่สามารถเอาชนะคนคนเดียวได้ ธอลิเฟลชักดาบที่มีออร่าสีดำฟันผ่าร่างเซนทราเรียน์เป็นสองซีก

    ร่างของเซนทราเรียน์ล้มลงแล้วแยกออกเป็นสองซีกก่อนสลายกลายเป็นควันสีขาว ธอลิเฟลแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย แล้วพูดว่า

                    เซนทราเรียน์ ข้าคิดว่าเจ้าเก่งมากมาย แต่เจ้าโดนเข้าไปแค่ดาบเดียว ก็แพ้ข้าแล้วหรือเนี่ย ฮ่าๆๆๆธอลิเฟลขำสะใจที่ตนเองได้จัดการศัตรูของตนเองได้

                    แต่แล้วกลุ่มควันสีขาวก็ลอยกลับมารวมกันใหม่จนกลายเป็นร่างของเซนทราเรียน์ ที่ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนบนชุดคลุมของเขา แม้แต่จี้ที่ห้อยอยู่ก็ไม่มีรอยขีดข่วนเลย ทั้งๆที่โดนดาบของธอลิเฟลลงไป

                    ข้าเห็นเจ้ายืนขำอยู่ เจ้าขำอะไรของเจ้างั้นหรือ ธอลิเฟล เซนทราเรียน์ ยืนกอดอกอยู่หน้าธอลิเฟล ซึ่งตอนนี้หยุดหัวเราะไปแล้ว แต่กลายเป็นช๊อกตาค้างแทน เพราะสิ่งที่เห็น คือเซนทราเรียน์ยังมีชีวิตอยู่

                    บ้าน่า ข้าเห็นเจ้าขาดครึ่งไปแล้วนี่ ธอลิเฟลน้ำเสียงสั่นเครือ แต่ไม่วายยกดาบฟันเข้าที่เซนทราเรียน์ ทันใดนั้นร่างของเซนทราเรียน์โปร่งแสงเล็กน้อยทำให้ดาบวาดผ่านไปเหมือนฟันลม

                    เจ้ากำลังฟันลมอยู่หรือไง เซนทราเรียน์พูด พร้อมกับยกมือซ้ายขึ้นแล้วผลักออกไป ธอลิเฟลปลิวกระเด็นไปนอนแผ่อยู่ไกลเกือบสิบเมตรจากที่เขายืน ดาบหลุดจากมือของเขาลอยไปไกล ธอลิเฟลพยายามลุกขึ้นยืน แต่เซนทราเรียน์หายตัวมาอยู่ตรงหน้าธอลิเฟลอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาล้มลงไปอีกครั้งเพราะแรงดันอากาศจากการพุ่งเข้ามา

                    ธอลิเฟลเอ๋ย เจ้าเป็นผู้ครอบครองพลังขั้นสูง แต่เจ้าใช้พลังนั้นในทางที่ผิด เซนทราเรียน์พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

                    ข้าใช้พลังเพื่อปลดปล่อยพวกพ้องของข้า ข้าต้องการความเป็นอิสระเท่านั้น ธอลิเฟลพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเศร้า

    ข้าทำเพื่อพวกพ้องของข้า ไม่เหมือนเจ้าที่ไร้ความเมตตากับพวกพ้องของเจ้า เจ้ามันเห็นแก่เรื่องของตัวเองเซนทราเรียน์

    ธอลิเฟล เอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว ซึ่งเปลี่ยนจากที่เมื่อกี้กำลังเศร้าอย่างรวดเร็ว

                    ข้าไม่มีพวกพ้องใดๆทั้งสิ้น แม้แต่เหล่าเทพหรือเทพธิดา ก็ไม่ใช่พวกของข้า ข้าไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งอะไรทั้งนั้น เพราะทุกอย่างเป็นไปตามสมดุล และเป็นตามที่ลิขิตไว้ เซนทราเรียน์เอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่นุ่มนวลไร้ซึ่งอารมณ์โกรธ

                    พลังของเจ้ายิ่งใหญ่ก็จริง แต่เจ้าจะทำลายสมดุล และเปลี่ยนทุกอย่างไป ธอลิเฟล ข้าให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้ และอีกอย่างข้าก็ฆ่าเจ้าไม่ได้เช่นกัน เซนทราเรียน์มองธอลิเฟลด้วยสายตาที่อบอุ่น ซึ่งธอลิเฟลเองคงไม่ได้อบอุ่นไปกับสายตานั้นอย่างแน่นอน ธอลิเฟลยื่นมือสองข้างออกไปข้างหน้า ดวงตาสีโลหิตทอแสงสีดำออกมาแวบหนึ่ง ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดมิดไร้ซึ่งแสงอาทิตย์ ดวงจันทร์ทอแสงสีแดงสด

                    ดาร์คฟิล ช่างเข้าใจเล่นกับข้านะธอลิเฟล เซนทราเรียน์เดินถอยหลังออกห่าง ธอลิเฟลซึ่งกำลังแผ่รังสีพลังความมืดออกมา ซึ่งเซนทราเรียน์สัมผัสได้ว่ามีพลังมหาศาล ดวงตาของธอลิเฟลดำสนิทจากที่เป็นสีแดงโลหิต ทำให้เซนทราเรียน์รับรู้ว่า ธอลิเฟลกำลังจะใช้พลังที่แท้จริงของเขาแล้ว

                    ย้าก! รังสีความมืดถูกระเบิดออกมาแผ่วงกว้าง ซัดเซนทราเรียน์กระเด็นไปราวสามเมตร ธอลิเฟลไม่รอช้า พุ่งเข้ามาหาเซนทราเรียน์ พร้อมเงื้อมือที่มีพลังความมืดหุ้มอยู่เหมือนเป็นกรงเล็บ จ้วงลงที่เซนทราเรียน์อย่างรวดเร็ว แต่

    เซนทราเรียน์ยกมือขึ้นปัดกรงเล็บออก แล้วถีบธอลิเฟลออกห่างตัวไป แรงถีบส่งให้ธอลิเฟลกระเด็นออกไปเกือบสองเมตร

                    ดวงตาของเซนทราเรียน์เรืองแสงสีทองออกมาแวบหนึ่ง เขาชูมือขวาขึ้นมาแล้วแบออก ทันใดนั้นก็บอลแสงปรากฎอยู่บนมือของเขา เขาซัดมันออกไปหาธอลิเฟลอย่างรวดเร็ว บอลแสงปะทะตัวธอลิเฟลเต็มแรง ทำให้เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นก้องไปทั่วบริเวณนั้น ส่งผลให้ธอลิเฟลลอยละลิ่วไปไกลลิบเลยทีเดียว

                    โอเม เทร่า โฟเล็ม วิซท์ ดราโกนี เมื่อเซนทราเรียน์ร่ายคาถาจบ ก็มีลูกไฟพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ลูกไฟนั้นมีรูปร่างคล้ายมังกรปีกตัวมหึมา พุ่งลงใส่ธอลิเฟลที่นอนแผ่อยู่หลังจากปะทะกับบอลแสงไป ธอลิเฟลส่งเพลิงสีดำใส่เพลิงมังกรนั้น แต่ก็ไม่อาจต้านทานเพลิงมังกรได้ ทำให้ธอลิเฟลโดนเพลิงมังกรคลอก แต่ธอลิเฟลยังไม่ถึงตาย เพราะพลังของธอลิเฟลต้านเพลิงมังกรไหว แต่ร่างกายของเขารับไม่ไหว จึงหมดสติไป ท้องฟ้าก็จึงค่อยๆ กลับมาสว่างดังเดิม เพราะพลังของธอลิเฟลถูกหยุดการควบคุม

                    ข้าขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ สหายข้า แต่ข้าไม่อาจให้เจ้าเปลี่ยนแปลงอนาคตที่ถูกลิขิตไว้แล้วได้ ข้าจำเป็นต้องทำ

     เซนทราเรียน์พูดกับร่างที่ไร้สติของธอลิเฟลก่อนที่จะร่ายเวทย์อีกครั้ง

                    โอเม เทร่า ดีฟอซไมนอน กราเฟน เวียนฟีน่า พรอทอส อินวิซิบลิ เมื่อร่ายเวทย์จบ ดวงตาของเซนทราเรียน์ก็เรืองแสงทีทองออกมาแวบหนึ่ง ทันใดนั้นบนแขนข้างซ้ายของธอลิเฟลก็มีอักขระขึ้นมารอบข้อมือของเขา

                    ตื่นเถิดธอลิเฟล เจ้ามีเรื่องที่ต้องฟังข้าเมื่อเซนทราเรียน์พูดจบ แสงสีเขียวก็ส่องลงลงมาจากฟ้าอาบร่างธอลิเฟลแวบหนึ่ง ธอลิเฟลตื่นขึ้นแล้วลุกขึ้นยืน ทำท่าเหมือนจะเรียกพลังออกมา แต่ทำไม่ได้

                    เจ้าผนึกพลังของข้า เซนทราเรียน์เจ้ามัน สกปรกที่สุด ธอลิเฟลพูดอย่างโกรธแค้น

                    พลังของเจ้ายังมีอยู่เสมอ ธอลิเฟล ไม่ว่าเจ้าจะเป็นยังไง เรื่องราวของเจ้ายังไม่จบ เจ้ายังถูกลิขิตต่อไป แต่เจ้าจะทำลายมัน ข้าจึงขอเปลี่ยนชะตาของเจ้า เมื่อถึงวันนั้นเจ้าจะถูกปลดปล่อยจากผนึกของข้า ข้าไม่อาจทำลายเจ้าได้เพราะเจ้าก็เป็นส่วนหนึ่งในสมดุลของโลก เซนทราเรียน์พูดทิ้งท้ายก่อนจะหายตัวไปแบบไร้ร่องรอย

                    ย๊าก!!” ธอลิเฟลโกรธมาก แต่จะระบายเท่าไรก็ไม่สมใจเพราะตนใช้พลังไม่ได้เลย เจ็บใจนัก ธอลิเฟลพูดกับตัวเอง

    สักวัน ข้าจะต้องเอาคืนแน่เซนทราเรียน์ ธอลิเฟลนึกในใจ

     

                    ณ ดินแดนแห่งเทพหรือ อัลเทเรล ดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ แต่ก็มีเมือง ธาเอคอน ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่มาก มีเหล่า เทพ ทูติ นางฟ้า อาศัยอยู่มากมาย ซึ่งเมืองถูกปกครองโดยมหาเทพสามองค์ คือ ทอนฟาร์ อาร์นอน และ ลิซเชล ซึ่ง ทอนฟาร์ และอาร์นอนเป็นผู้ชาย ส่วนลิซเชลเป็นสตรี เธอยังเป็นเทพแห่งนางฟ้า ซึ่งนางฟ้า หรือเทพธิดา ต่างนับถือเธอว่าเป็นเทพของพวกเธอ ที่จุดสูงสุดของอัลเทเรลมีวิหาร เซนเทล ซึ่งเป็นที่อยู่ของเซนทราเรียน์ เซนทราเรียน์ไม่ได้มีตำแหน่งเป็นเทพแต่อย่างใด แต่พลังของเขามีเหนือเทพ เหนือปีศาจทุกตน ซึ่งเซนทราเรียน์มี บริวารอยู่ห้าคน เป็นเทพแห่ง

    อัลเทเรล ที่ปรึกษาของสามมหาเทพ

     

                    ที่เมืองธาเอคอน มีประชุมเรื่องการจัดการดูแลความสงบของโลกมนุษย์ เนื่องจากธอลิเฟล ได้สร้างกลุ่มเพื่อยึดครองโลกมนุษย์ไว้แต่ต้องหยุดเนื่องจาก โดนผนึกพลังไว้ แต่อาจจะมีคนทำหน้าที่แทน จึงยังไม่อาจวางใจได้

                    โลกมนุษย์ตอนนี้เสี่ยงต่อการโจมตีของปีศาจ และกลุ่มความมืดได้มาก เราคิดว่าแค่ยมทูติ กับนักล่าแห่งรัตติกาล ของราชาปีศาจที่ส่งเข้ามาดูแลความสงบบนโลก คงไม่ไหว อาร์นอนกล่าวเปิดหัวข้อการประชุม

                    ตึ่ก.. ตึ่ก.. เสียงก้าวอยู่นอกห้องประชุมทำให้สามมหาเทพ กับเทพที่ปรึกษา หันไปมองประตูห้องประชุมซึ่งปิดอยู่ เมื่อประตูเปิดขึ้น ทุกคนในห้องต่างลุกขึ้นโค้งคำนับให้กับผู้ที่ยืนอยู่หน้าห้อง ดวงตาสีทองอร่ามจ้องมองคนในห้อง แล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

                    เงยหน้าขึ้นเถิดทุกท่าน เราได้ยินวาระการประชุมนี้ เราอยากขอร่วมประชุมกับทุกท่านด้วย เซนทราเรียน์พูดอยู่ที่หน้าห้อง เชิงขอร้อง ข้าขอฟังอย่างเดียวก็ได้ เซนทราเรียน์ใช้น้ำเสียงอ้อนวอน

                    นับเป็นเกียรติของพวกข้าอย่างมาก ที่มีท่านร่วมประชุมด้วย ท่านเซนทราเรียน์ ทอนฟาร์พูดแล้วยิ้มให้เซนทราเรียน์

                    เชิญนั่ง ลิซเชล ผายมือให้เซนทราเรียน์นั่งที่เก้าอี้ข้างๆเธอ ที่ยังว่างอยู่

                    เราคิดว่า เราจะส่งเทพลงไปเพื่อจัดการดูแลความสงบของโลกมนุษย์ อาร์นอนพูด

     

                    ข้าคิดว่าเราควรใช้เทพฝึกหัด จะได้เป็นการฝึกฝนพวกเขาไปในตัวด้วย ทอนฟาร์เสนอความคิดเห็นที่จะส่งเทพฝึกหัดลงไปดูแลโลกมนุษย์ตามสถานที่ต่างๆ

                    กลุ่มลาฟเฟลงั้นหรือ ลิซเชลเอ่ยถาม พวกเขามีความสามารถสูง แต่ส่งเขาไปเผชิญกับปีศาจระดับความมืด เราก็ว่าพวกเขาคงไม่ไหวนะทอนฟาร์ ลิซเชลกล่าวด้วยความเป็นห่วง

                    กลุ่มลาฟเฟลจะถูกส่งไปประจำการตามที่ต่างๆบนโลก และข้าจะให้ผู้มีพลังหลายๆคน เข้าร่วมกับลาฟเฟล ครึ่งเทพที่เก่งกาจบนโลกมนุษย์มีอยู่สามคน นั่นเป็นสิ่งที่ช่วยได้มากแล้ว ทอนฟาร์พูด ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ทำให้เซนทราเรียน์ยิ้มออกมา แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืน

                    อีกไม่นานนักโลกของมนุษย์จะถูกยึดครองสิ่งที่พวกเราทำได้ คือการส่งผู้คนลงไปช่วยเหลือ หากธอลิเฟลยึดครองโลกสำเร็จ อัลเทเรลก็จะถูกคุกคามจากธอลิเฟลที่ได้พลังจากผืนโลก ข้าจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ หากถึงเวลานั้น ข้าจะเป็นคนลงไปจัดการเอง เซนทราเรียน์ พูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ แต่ภายในใจกลับแปรปรวน ไม่มีใครสามารถรับรู้ความรู้สึกของ

    เซนทราเรียน์ ในสายตาที่ยากจะคาดเดา

                    เหล่าเทพทั้งหลายรู้ตัวว่า หากเซนทราเรียน์จัดการเอง เวลานั้นทุกสิ่งทุกอย่างจะเหลือเพียงความว่างเปล่า อย่างที่ทุกคนรู้ ว่าเซนทราเรียน์ไม่ได้อยู่ฝ่ายใคร ถ้าหากเขาลงมือแสดงว่า ทุกอย่างจะถูกจัดเป็นศัตรูของเขา เซนทราเรียน์ไม่ได้มีพลังธรรมดาๆอย่างที่ใครๆคิด เขาสามารถสร้างเทพ สร้างปีศาจ และสามารถ ทำลายทุกอย่างลงได้อย่างไม่ปราณี ซึ่งทำให้

    เซนทราเรียน์ เป็นที่ยำเกรงต่อเทพและปีศาจตลอดเวลา แต่กระนั้นเซนทราเรียน์เองก็ไม่อยากลงมือทำสักเท่าไร เนื่องจากพันธะสัญญาระหว่างมนุษย์ปีศาจและเทพจะไม่ยุ่งเกี่ยวต่อกันตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ ซึ่งทอนฟาร์ กับฟาโรห์ และราชาแห่งปีศาจ

    เรย์ฟอลแห่งอินเฟอร์โนเมืองของปีศาจ ได้ทำข้อตกลงกันไว้ ซึ่งเปนสัญญาที่ทำให้โลกมนุษย์ยังอยู่มาถึงทุกวันนี้ ส่วนของความมืดมิดที่อยู่ในเมืองดาร์คฮิล มีธอลิเฟลเป็นผู้นำ มันต้องการพลังจากโลกมนุษย์ เพื่อเข้ายึดพันธะระหว่างอัลเทเรลและโลกมนุษย์ หากพันธะของโลกมนุษย์และอัลเทเรลถูกยึดครองสำเร็จ เหล่าเทพจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

                    เซนทราเรียน์เล็งเห็นข้อนี้แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะดาร์คฮิลเป็นสถานที่ ที่ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน แม้แต่

    เซนทราเรียน์เองก็บอกไม่ได้ และอีกอย่างพลังของเซนทราเรียน์กับเหล่าเทพพวกนี้อยู่คนละระดับกัน เขาจึงไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เซนทราเรียน์ยอมไม่ได้ ที่มนุษย์จะถูกคุกคามด้วยเรื่องที่พวกเขาไม่รู้ตัว เขาเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจแล้วเดินออกจากห้องประชุมไป โดยไม่หันหลังกลับมาเลย

     

                    ที่วิหารเซนเทล เซนทราเรียน์กลับมาถึงวิหาร เหล่าเทพที่ปรึกษาทั้งห้าออกมาต้อนรับเซนทราเรียน์กลับมา

                    ข้าไม่คิดว่ามันจะเร็วเช่นนี้ เซนทราเรียน์ยังมีน้ำเสียงที่นิ่งสงบเช่นเคย สายลมที่พัดผ่านแต่ละระรอกทำให้เทพที่ปรึกษาทั้งห้าหนาวเหน็บไปถึงจิตวิญญาณ เพราะเซนทราเรียน์กำลังแผ่พลังระดับสูงออกมา เซนทราเรียน์วาดมือออกไปทางขวาของตน อักขระแปลกๆถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบตามทางที่มือของเขาวาดออก จากนั้นเขาก็กำมือแน่น ทำให้สายอักขระพวกนั้นพันกันเป็นม้วนกลมๆ เซนทราเรียน์หลับตาลงแล้วส่งม้วนกลมๆนั้นล่องลอยออกไปไกลลิบ

                    คงต้องเป็นเจ้าแล้วล่ะ เวลเทียร์ เซนทราเรียน์พึมพำ อยู่ท่ามกลางความตื่นตระหนกของที่ปรึกษาทั้งห้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×