ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    !!--ถึงจะร้ายอย่างไรก็รัก--++

    ลำดับตอนที่ #2 : พบเพื่อนใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 49


    ตอนที่  2

                หญิงสาวสวย  ผมยาวตรงสีดำราวกับขนกาน้ำ  นัยน์ตารูปสีน้ำตาล  เธอคือรวิณภานี่เอง  วันนี้หญิงสาวต้องมาที่คอนโดของรัชตะ  เพื่อมาขอสัมภาษณ์อีกครั้ง  เธอติดต่อที่ประชาสัมพันธ์ของคอนโดแล้ว  ทราบว่า  รัชตะตอนนี้อยู่ที่สระว่ายน้ำ  เธอจึงเดินตรงไปที่นั่นเลย

                ที่ข้างสระว่ายน้ำ  มีคนกลุ่มใหญ่กลุ่มเดียวที่เป็นจุดเด่น  คือกลุ่มของรัชตะนั่นเอง

    นอกจากรัชตะแล้วยังมีเพื่อน ๆ ของพวกเขาอีก 3 คน  คนหนึ่งรวิณภารู้จักเป็นอย่างดีนั่นคือ  ศเรนทร  นักธุรกิจรูปหล่อไฟแรงอีกคนหนึ่ง 

                "เฮ้ยไอ้จักรทำไมนายไม่นั่งเสียทีวะ  ยืนทำบื้ออะไร  นี่มันคอนโดฉันนะไม่ใช่สวนสนุก  เฮฮาหน่อยสิวะ"  เสียงของรัชตะหันไปบอกคนที่ยืนขนาบข้างรัชตะ  ได้ผลเขานั่งลงทันที

                "สวัสดีค่ะ" 

                คนทุกคนที่นั่งอยู่ที่กลุ่มนั้นหันมาหารวิณภาทันที  เธอกล่าวทักทายออกไป

                "ใครนัดสาวมาสังสรรค์กะเราวะ"  ศเรนทรพูดขึ้นมาทันที  เพราะนาน ๆ ทีพวกเพื่อน ๆ จะนำเอาหญิงสาวมาร่วมแจม 

                "เธอมาหาใคร  มีธุระอะไรกับพวกเรา" เสียงของรัชตะห้วน ๆ 

                "คุณรัชตะคงจำไม่ได้หรอกมั้งว่า  คุณนัดฉันไว้"

                เพื่อนของพวกเขาหันไปมองรัชตะทันที  ต่างพากันคิดว่า  นี่คู่ควงคนใหม่ของรัชตะหรือไง

                "เธอคงเป็นรวิณภา  ที่โทรมาเมื่อวานนี้ใช่ไหม" ดวงตาของเขาดูวาวโรจน์ขึ้นมาทันที   เขาก็ไม่เข้าใจว่า  ทำไมเขาถึงจำชื่อนี้ได้อย่างแม่นยำ

                ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อไปมากกว่านี้  ศรุต  ทนายหนุ่มผู้เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้กับรัชตะ  พูดขึ้นทันที

                "นี่นายไม่คิดจะแนะนำผู้หญิงคนนี้ให้พวกเรารู้บ้างหรือไงกันนะ"

                "ไม่เป็นไรคะ  เพราะฉันก็ไม่คิดว่าพวกคุณกำลังคุยธุระกันอยู่  ไว้ฉันมาวันหลังก็ได้" 

                "อะไรกันแค่นี้ยอมแพ้แล้วเหรอ  แต่ฉันกำลังคิดว่าจะหาข้อเสนอให้เธอทำ  ถ้าเธอทำตามทุกอย่างฉันอาจจะให้สัมภาษณ์ก็ได้"

                "สัมภาษณ์อะไรวะ  อย่าบอกนะว่าคุณเป็นนักข่าว!!!"  ทุกคนยกเว้นวินนี่และรัชตะต่างตกตะลึง

                "ใช่ค่ะ  ฉันเป็นนักข่าวที่นิตยสารสร้างเงิน"

                ทุกคนพูดพร้อมกันว่า  "คุณนึกอย่างไรถึงจะมาสัมภาษณ์ไอ้เนี่ย  คุณไม่รู้กิตติศัพท์มันหรือไง"

                "แล้วคิดหรือว่าฉันจะยอมให้สัมภาษณ์ง่าย ๆ  ฉันเกลียดคนอาชีพอย่างเธอเป็นที่สุด  แล้วเรื่องอะไรที่ฉันจะต้องยอมให้คนอาชีพอย่างเธอง่าย ๆ"  รัชตะพูดขึ้นบ้าง

                "นี่ต้าร์นายยังไม่ลืมเรื่องเก่า ๆ อีกเหรอวะ  นายไม่สงสารคุณรวิณภาบ้างหรือไงอุตส่าห์ถ่อสังขารมาขอสัมภาษณ์นายถึงที่นี่"  เสียงของศเรนทร  ยิ่งทำให้นัยน์ตาของต้าร์นั้นหม่นหมองลงไปอีก

                ซึ่งวินนี่ก็สังเกตแววตานั่นได้

                "ทำไมฉันจะต้องสงสารเธอ  นายอยากสงสารยัยนี่ก็สงสารไปเถอะ  แต่ฉันขอแนะนำอะไรเธอหน่อย  อย่าคิดจะมาหวังล้วงความลับอะไรจากฉันเลย  แล้วทางที่ดีเธอสมควรยกเลิกอาชีพนั้นซะ"

            ถ้าวินนี่ไม่เห็นแววตานั่นของเขา  คงได้พูดเถียงคอเป็นเอ็นเรื่องที่ขอให้เธอเลิกอาชีพนักข่าวเนี่ย   เพราะว่าเธอรักอาชีพนักข่าวเป็นชีวิตจิตใจ   เธอก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีคนเกลียดอาชีพนี้เป็นอย่างมากเหมือนเขาคนนี้  

                "ไม่เป็นไรก็ได้ค่ะ  ฉันจะไม่ขอสัมภาษณ์คุณอีกก็ได้"

                "พวกผมต้องขอโทษแทนนายต้าร์ด้วยนะครับ  ที่เขาไม่มีเหตุผลอย่างนี้  คุณอาจจะเปลี่ยนใจอยากมาสัมภาษณ์ผมก็ตามสบาย" 

    ศเรนทรพูดขึ้นแล้วทำท่ายิ้มหวานเข้าใส่วินนี่ทันที   รัชตะรู้สึกหมั่นไส้ผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา  เพราะเพื่อน ๆ เขาไม่เคยให้ความสำคัญกับผู้หญิงใด  ๆ มากไปกว่าจิตใจของเขาเอง

    "ไม่เป็นไรค่ะ  งั้นฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะ"

    "อย่าเพิ่งไปสิครับ  พวกเราชักอยากรู้จักคุณ  อยากเป็นเพื่อนกับคุณ  นะครับอยู่คุยกันก่อน"

    "แต่  เอ่อ..."  แต่ใครบางคนอาจไม่พอใจเห็นเขานั่งหน้าตาบูดบึ้งเหมือนไปกินรังแตนที่ไหน

    ศเรนทรพูดเหมือนรู้ใจเธอดี  "นะครับ  พวกเรานะอยากเป็นเพื่อนกับคุณจริง ๆ อย่าไปถือสานายต้าร์เขาเลยนะครับ  เขาเป็นคนพูดหวานไม่เป็น  จนสาว ๆ เขาหนีไปหมด"

    "เฮ้ยพวกนี้จะเผาเพื่อนกลางวงเลยใช่ไหม  นายอยากเป็นเพื่อนยัยนี่ก็เป็นไปสิ  แต่อย่าหวังว่าจะมาล้วงความลับอะไรแล้วกัน"  ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นเพราะความหงุดหงิดที่เห็นยัยนี่มานั่งคุยกับพวกเพื่อนเขา  แล้วดูจะสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว  เขากระโจนลงน้ำไปทันที

    เธอกลับไปถึงบ้านด้วยสดชื่น  ลืมเรื่องสัมภาษณ์และปัญหาเกี่ยวกับงาน  เพราะเธอไม่ค่อยได้มีเพื่อนที่ดูน่าอบอุ่น  เท่ากับกลุ่มของคุณต้าร์  ถึงแม้เขาคนนั้นจะไม่ค่อยชอบหน้าเรา  ศเรนทรเป็นคนที่คุยเก่ง   และเป็นขวัญใจของสาว ๆ 

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึกคืนนั้น

    "สวัสดีคะ  ขอสายใครคะ"  วินนี่ยกหูโทรศัพท์แล้วกรอกเสียงลงไปทันที

    "สวัสดีครับ  นี่พี่คินเองนะ  วินนี่"

    "พี่คิน!!  โทรมาเสียดึกดื่น  วินนี่กำลังคิดถึงพี่คินอยู่พอดี  เมื่อไหร่จะกลับเมืองไทยค่ะ"

    "ไม่บอก  บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ  ฮึฮึ"

    "แหมพี่ยังร้ายกาจเหมือนเดิม  นึกว่าลืมวินนี่ไป  เสียเพราะไม่ติดต่อมาเลย"

    "แหม  ก็พี่มาทำงานนี่ไม่ได้มาเที่ยวเล่น  อยู่ที่นี่ก็คิดถึงวินนี่อยู่ตลอด  นับวันเวลาเมื่อไหร่หนอจะได้กลับเมืองไทย   จะได้แต่งงานเสียที   ไม่รู้คู่หมั้นพี่มีใครเกาะแกะหรือเปล่า  ไม่มีพี่คุมเนี่ย"

    หน้าของวินนี่สีแดงระเรื่อขึ้นมา   คู่หมั้นของพี่คิน  หรือภคินไม่ใช่ใครที่ไหนก็วินนี่นี่เอง 

    "แหมไม่เชื่อหรอกว่าพี่คินคิดถึงวิน  พี่คงคิดถึงพวกเพื่อน ๆ มากกว่า  เพราะมาทีไรแทนที่จะมาหาวินก่อน  ต้องแจ่นไปพวกเขาทุกที"

    "โถ ๆ วินน้อยใจพี่หรือเนี่ย  พี่นะให้ความสำคัญกับวินเสมอ  คอยดูนะถ้ากลับไปเมื่อไหร่  พี่จะไปขอวินแต่งงาน   ว่าแต่ที่นู้นมีหนุ่มมาจีบวินเยอะใช่ไหมเนี่ย"

    "ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลย   หนุ่มไหนจะมาจีบ  ถ้ามีเพื่อน ๆ ใหม่นะไม่ว่า  วันนี้วินนี่ก็มีเพื่อนเพิ่มขึ้น  เป็นหนุ่มทั้งแก็งค์เลยด้วย   หล่อทั้งนั้น   ถ้าพี่คิดไม่กลับมาระวังวินนี่จะปันใจไปให้กับเขานา"   เธอมีอารมณ์ล้อเล่น 

    "เออ...  พวกมันรู้ยังว่าน้องวินนี่คนนี้มีแฟนแล้ว  หนุ่มหล่อด้วย"

    "ฮึ ๆ พวกเขาจะรู้อะไรละในเมื่อรู้จักวันนี้เอง"   เธอนึกถึงแววตาของรัชตะขึ้นมา   ทำไมนะเขาถึงต้องทำท่าไม่ชอบหน้าเธอนักหนา 

    "แค่นี้ก่อนนะวินนี่เปลืองตังค์"

    "พี่เป็นคนโทรไปนะไม่ใช่วินนี่"  เธอวางสายทันที  

    นึกถึงแววตาและคำพูดของเขาคนนั้นทำไมนะ  ทำไมเราต้อง....

    คนที่ยืนในห้องคอนโดอาการไม่ต่างจากนักข่าวสาวเท่าไหร่  เพราะเขาไม่เข้าใจตัวเองเอาเสียเลย  ทำไมต้องนึกหงุดหงิดที่เพื่อน ๆ เขารับยัยวินนี่เป็นพรรคพวกด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×