ความบางของหัวใจ - ความบางของหัวใจ นิยาย ความบางของหัวใจ : Dek-D.com - Writer

    ความบางของหัวใจ

    ความรักแม้ว่าจะเพิ่มทวีและมีมากเท่าไร แต่ความบางของมันก็ไม่เคยเพิ่มขึ้นไปด้วย ถ้าคุณเพียงไปสะกิดมันเพียงเล็กน้อย มันก็อาจจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,939

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    1.93K

    ความคิดเห็น


    20

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 เม.ย. 49 / 00:26 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      วิรัญดา สาวน้อยหน้าตาน่ารักกำลังรู้สึกประหม่ากับการไปโรงเรียนวันแรกของเธอ เพราะเธอเพิ่งย้ายมาจากต่างจังหวัดและแน่นอนเธอกำลังจะเริ่มชีวิตมัธยมที่นี่ ผู้คนมากมายเดินเข้ามาพร้อมเพื่อน น้อยคนที่จะเป็นแบบเธอ วิรัญดาก้มหน้าก้มตาเดินเพื่อให้ไปถึงห้องเรียนของตัวเองอย่างเร็วที่สุด แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อ…

           "วิรัญดา" เด็กสาวชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวออกไปแล้วหันไปตามเสียงเรียก เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังโบกไม้โบกมือให้เธอ ก่อนที่จะลดมือลงแล้ววิ่งเข้ามาหาเธอ

           "พี่วิท" เธออุทานออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อรุ่นพี่โรงเรียนเก่าของเธอก็เรียนอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

           "ดีใจจัง จำพี่ได้ด้วย" ชาญวิทย์ยิ้มให้กับวิรัญดาอย่างดีใจสุด ๆ

           "นึกว่าจะไม่เจอคนรู้จักแล้วซะอีก" วิรัญดาถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยเธอก็รู้สึกดีขึ้นแม้ว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ เธอตอนนี้จะเป็นรุ่นพี่ที่ไม่สนิทกันมาก่อนก็ตาม แต่ที่วิรัญดารู้จักชาญวิทย์ได้เพราะชาญวิทย์เคยสนิทกับเพื่อนในกลุ่มเธอคนนึงก็เท่านั้น

           "กำลังจะไปที่ห้องใช่ไหม เดี๋ยวพี่พาไปนะ" ระหว่างทางทั้งสองก็ถามถึงความเป็นอยู่ของกันและกันไปตลอดทาง และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการรู้จัก การไปมาหาสู่ของคนทั้งคู่ไม่ใช่เรื่องแปลกในสายตาของใครต่อใครอีกต่อไป อาจจะชินจนเบื่อตาแล้วก็ได้ เย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียนแล้วชาญวิทย์มารับวิรัญดาที่ห้องตามปกติ

           "วันนี้เราไปทานไอศกรีมกันนะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง" ชาญวิทย์ชวน ซึ่งวิรัญดาก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ระหว่างที่นั่งรอไอศกรีมที่สั่งไปแล้วนั้น

           "ดาเป็นแฟนกับพี่นะ" วิรัญดารู้สึกอึ้ง ๆ เมื่ออยู่ชาญวิทย์ก็พูดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยก่อนจะตามด้วยอาการหน้าแดงตามประสาวคนอาย แต่ยังไม่ทันจะตอบอะไรไอศกรีมที่ทั้งสองสั่งก็มาขัดจังหวะซะก่อน การทานไอศกรีมวันนั้นคงจะเป็นวันที่อร่อยที่สุดเลยก็ว่าได้

           "ที่จริงดาว่าเราก็เหมือนแฟนกันอยู่แล้วนะ" วิรัญดาพูดขึ้นมาหลังจากทานไอศกรีมเสร็จ ชาญวิทย์ก็ยิ้ม ๆ การตอบเป็นอ้อม ๆ แบบนี้ของเธอเค้าชินซะแล้วละ และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความรักอันบริสุทธิ์ที่แท้จริงของทั้งสอง ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ความรักของทั้งสองก็ไม่เคยเจือจางลงเหมือนบางคู่กลับทวีคูณเพิ่มขึ้นเสียด้วยซ้ำ จนกระทั้งชาญวิทย์อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

           "เย็นนี้เราไปฉลองกันนะ" ชาญวิทย์พูดขึ้นในตอนพักกลางวันของวันหนึ่ง

           "ฉลอง!!???" วิรัญดาเน้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นคำถาม

          "ใช่จ้า เราจะไปฉลองที่พี่ Ent' ติดไง" ชาญวิทย์ยิ้มให้กับวิรัญดา

           "ดีใจด้วยนะคะ" วิรัญดาก็พลอยดีใจไปกับชาญวิทย์ด้วย ปีหน้าคงตาเธอแล้วสินะ แม้ว่าชาญวิทย์จำเป็นต้องจากไปก่อนแต่สำหรับวิรัญดาแล้วเธอกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น เพราะทุก ๆ วันชาญวิทย์จะมารับเธอตอนเย็นเหมือนเดิม และยังติวเข้มเธอเกี่ยวกับเรื่องการสอบ Ent' ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้แล้วด้วย ในช่วงเช้าของวันสอบ Ent' ชาญวิทย์ก็ตามมาให้กำลังใจตั้งแต่เช้าเช่นกัน

           "ใจเย็น ๆ ดากำลังจะไปสอบนะ ไม่ใช่ไปรบ" ชาญวิทย์เตือนหญิงสาวด้วยอารมณ์ขัน เพราะเห็นว่าวิรัญดาออกจะสั่นนิด ๆ อยู่ตลอดเวลา

           "คนกำลังซีเรียสนะ" วิรัญดาหันมาตำหนิชาญวิทย์

           "ก็เห็นว่าซีเรียสเลยจะช่วยคลายเครียดไง เชื่อสิว่าดาต้องทำได้ ยังไงพี่ก็จะนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าดาจะทำเสร็จนะ" ชาญวิทย์ตบที่หลังมือวิรัญดาเบา ๆ เป็นการให้กำลังใจ ไม่นานการสอบก็เริ่มขึ้น ความตื่นเต้นที่มากเกินไปของวิรัญดาก็ลดลงไปไม่น้อย เธอพยายามคิดว่านี่ก็เหมือนการสอบเก็บเกรดในห้องละน้า ทำให้การสอบของวิรัญดาผ่านไปด้วยดีแถมยังทำได้ดีอีกด้วย ผลสอบออกมาว่าวิรัญดาติดคณะที่เลือกเอาไว้อันดับหนึ่ง ซ้ำยังเป็นมหาวิทยาลัยเดียวกับชาญวิทย์ ทำให้การฉลองขนาดย่อยเกิดขึ้นอีกครั้งเพียงสองต่อสอง วันเวลาผ่านไปความรักของทั้งสองยังคงเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อน ๆ ก็ต่างคิดว่า ถ้าเรียนจบก็จะได้ไปร่วมงานของทั้งสองนี่เป็นแน่

           "อิจฉาคนมีความรักจังโว้ย" บ่อยครั้งที่ชาญวิทย์แวะมารับวิรัญดาที่หอก็อดจะโดนแซวจากเพื่อน ๆ ของหญิงสาวไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้ทั้งสองหันมายิ้มแล้วก็หัวเราะกันอย่างมีความสุข และเมื่อชาญวิทย์เรียนจบก่อนวิรัญดา

           "ดา คือพี่มีข่าวร้ายจะมาบอก" ชาญวิทย์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก

           "เรื่องอะไรหรือคะ" วิรัญดารู้สึกวิตกตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้ฟังอะไรทั้งนั้น

           "พี่ต้องไปเรียนโทต่อที่อเมริกาตามคำสั่งคุณพ่อ" เหตุผลนี้วิรัญดาก็รับฟังด้วยอาการไหวหวั่น ดูท่าชาญวิทย์ก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน

           "ถึงดาจะไม่อยากให้พี่ไป แต่ยังไงพี่วิทก็ต้องไปงั้นก็ไปเถอะ" วิรัญดาจำใจพูดประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ

           "แต่เรื่องของเรา…"

           "ความรักระหว่างเราก็จะยังคงเหมือนเดิมและจะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่คิดถึงกัน" วิรัญดาจับมือชาญวิทย์พร้อมกับยิ้มให้ทั้งน้ำตา ชาญวิทย์ก็พยักหน้ายืนยันเป็นคำสัญญาของกันและกันด้วย หลังจากชาญวิทย์ไปไม่นาน วิรัญดาก็เรียนจบและทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ความรักความคิดถึงยังคงส่งให้ชาญวิทย์เสมอด้วยใจ 2 ปีต่อมา…ในวันหนึ่งเรื่องที่ไม่คาดฝันในชีวิตของวิรัญดาก็เกิดขึ้น เมื่อเธอกลับมาถึงที่พักของตัวเอง

          "คุณวิรัญดาค่ะ มีโทรศัพท์ด่วนมาจากทางบ้านตั้งแต่เมื่อกลางวัน" แม่บ้านผู้ดูแลห้องพักรีบรายงาน วิรัญดาจึงรีบโทรกลับไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว

           "หนูดาใช่ไหม นี่ป้ามาลัยที่อยู่ข้างบ้านหนูนะจ๊ะ หนูทำใจดี ๆ ไว้นะ พ่อแม่ของหนูประสบอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล…" แค่ได้ยินเท่านั้นวิรัญดาก็รีบออกจากทีพักแล้วหารถตรงกลับบ้านทันที โดยไม่บอกใครซักคนว่าเกิดอะไรขึ้น และอีกไม่กี่เดือนต่อมาชาญวิทย์ก็เรียนจบแล้วกลับมาเมืองไทยด้วยความคิดถึงวิรัญดาอย่างเป็นที่สุด เค้าออกจากสนามบินตรงมาที่ที่พักของวิรัญดาก่อนจะไปถึงบ้านตัวเองด้วยซ้ำ

           "คุณวิรัญดาอยู่ไหม" ชาญวิทย์ถามแม่บ้านที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์

           "คุณวิรัญดา เธอย้ายออกไปตั้งแต่ 6 เดือนที่แล้วแล้วละคะ" คำตอบที่ชาญวิทย์ได้รับทำให้ใจหายวาบไปในทันที

           "พอจะทราบไหมครับว่าเธอย้ายไปที่ไหน" ชาญวิทย์ถามกลับอีกครั้ง แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธด้วยการส่ายหน้า ทำให้เค้าต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง เมื่อถึงบ้านของตัวเอง พ่อแม่ต่างเข้ามายินดีและปลื้มใจที่ลูกชายของตัวเองได้เรียนจบแล้ว ชาญวิทย์ก็ต้องฝืนยิ้มออกมาทั้ง ๆ ทีในใจนั้นคิดถึงแต่วิรัญดาคนเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเค้าก็ยังทุ่มเทในการตามหาวิรัญดาตลอด 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะไร้ร่องรอยก็ตาม

           "วิท เย็นนี้ทำตัวให้ว่างไว้นะลูก" พ่อของชาญวิทย์บอกขณะที่ชายหนุ่มเตรียมจะออกไปข้างนอกดังเช่นทุกวัน ชาญวิทย์ต้องจำใจรับปากผู้เป็นพ่อก่อนจะออกจากบ้านไปด้วยความหวังที่จะได้เจอวิรัญดาหรือแม้แต่ข่าวคราวก็ยังดี ในตอนเย็นของวันเดียวกันชาญวิทย์ได้กลับมาที่บ้านก็พบว่าที่บ้านของเค้ากำลังมีแขก เมื่อเข้าไปในตัวบ้าน

           "วิทกลับมาแล้วเหรอ มาทักทายคุณลุงสราวุฒิกับคุณป้าทับทิมสิลูก" ชาญวิทย์ไหว้ทั้งสองอย่างนอบน้อม

           "ได้ข่าวว่าเพิ่งกลับจากอเมริกา ไม่คิดว่าจะไหว้ได้สวยอย่างนี้" ชาญวิทย์ยิ้มนิด ๆ เมื่อถูกชม แต่สายตาก็ไม่วายหันไปมองหญิงสาวอีกคนที่ดูยังไงก็หน้าคุ้น ๆ มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

           "จริงสิ นี่หนูนุ่น ลูกน่าจะรู้จักกันนะ เพราะตอนมัธยมก็เรียนอยู่ห้องเดียวกันนี่" ชาญวิทย์ถึงกับร้องอ้อในใจ แต่กลับสีหน้านิ่งออกมา ในขณะที่อีกฝ่ายกลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทีเดียว

           "ลูกพาหนูนุ่นไปคุยกันในสวนหลังบ้านสิ พ่อกับคุณลุงคุณป้าจะคุยธุระกัน" ชาญวิทย์รู้สึกไม่ชอบใจในคำสั่งของพ่อแต่ก็ต้องปฏิบัติตาม ชาญวิทย์พานุ่นไปยังสวนหลังบ้าน ซึ่งปลูกกล้วยไม้ไว้หลายพันธุ์หลายชนิดด้วยฝีมือของแม่ของชาญวิทย์เอง
           "ไม่เจอกันตั้งนาน สบายดีนะ" ชาญวิทย์เป็นฝ่ายเริ่มพูดคุยก่อน

           "ก็เรื่อย ๆ นะจ๊ะ แล้ววิทละ" นุ่นถามกลับบ้างด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

           "ก็อย่างที่เห็นนี่แหละ" ชาญวิทย์ตอบส่งเดชไปเรื่อย ๆ

           "จริงสิ ตอนนี้วิทเลิกกับดาแล้วใช่ไหม" ชาญวิทย์ได้ยินคำถามนี้ถึงกลับโกธร

           "ใครบอกเธอ" ชาญวิทย์ถามกลับด้วยน้ำเสียงอันดังกว่าเดิม

           "ก็เห็นเค้าบอกกันว่า พอวิทไปเรียนต่อได้ไม่กี่ปี ดาก็มีหนุ่มมาติดมากมาย เห็นว่าตอนนี้กำลังจะจัดงานแล้วนะ ที่นุ่นพูดนี่ก็นึกว่าแล้ววิทรู้แล้วซะอีก แล้วดาเค้าไม่ติดต่อวิทเลยเหรอ" ชาญวิทย์ฟังแล้วก็โกธรเป็นอย่างมาก ไม่จริง เรื่องโกหก…ต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ ๆ ไม่จริง

           "เธอเอาเรื่องนี้มาจากไหน" ชาญวิทย์ถามขึ้นอีกครั้ง

           "ก็จากรุ่นน้องที่เป็นเพื่อนของดานะสิ" คำพูดของนุ่นเหล่านี้ยังคงดังก้องอยู่ในหูของชาญวิทย์ตลอดคืนของวันนั้น ในเบื้องหน้าของชาญวิทย์เป็นเบอร์โทรศํพท์ของเพื่อนวิรัญดาที่เค้าเพิ่งจะขอนุ่นมาเมื่อตอนเย็น จะโทรไปตอนนี้ดีไหมนะ แต่นี่ก็ดึกแล้วไว้โทรพรุ่งนี้ละกัน ชาญวิทย์จึงนอนหลับไปด้วยอาการไม่สบายใจนัก เช้าวันรุ่งขึ้นชาญวิทย์ก็ตัดสินใจโทรเพื่อนของวิรัญดาทันที

           "สวัสดีคะ" เสียงปลายสายดังขึ้นที่ข้างหูของชาญวิทย์

           "สวัสดีครับ ผมชาญวิทย์นะครับ นั้นใช่คุณฟ้าเพื่อนดาหรือเปล่า" ชาญวิทย์ถามกลับอย่างใจเย็น ๆ

           "พี่วิทเองเหรอ ใช่คะนี่ฟ้าเพื่อนดาเอง พี่กลับมาจากอเมริกาตั้งแต่เมื่อไรค่ะ" เสียงจากปลายสายดูท่าจะดูเป็นกันเองมากขึ้น

           "กลับมาได้อาทิตย์นึงแล้วครับ" ชาญวิทย์ตอบกลับ

           "นี่ถ้ายัยดารู้ว่าพี่กลับมาแล้วคงจะดีใจมากเลย ว่าแต่ว่ามีจะมางาน…(เสียงขาดหายไป)…ของยัยดาหรือเปล่า พี่วิทแค่นี้ก่อนนะตรงนี้สัญ…(เสียงขาดหายไป)…มันไม่ค่อยดี เอาเป็นว่าเดี๋ยวฟ้าจะบอกดาให้นะ" แม้ว่าอีกฝ่ายจะวางสายไปแล้ว แต่ทางด้านชาญวิทย์กลับยืนตัวแข็ง สิ่งที่นุ่นพูดเป็นเรื่องจริง ๆ เหรอเนี่ย ชาญวิทย์ลงมาจากห้องนอนด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะมีความสุขซักเท่าไร เมื่อมาถึงโต๊ะอาหาร

           "วิท เมื่อวานนี้พ่อทาบทามหนูนุ่นไว้ให้แกแล้วนะ" พ่อของชาญวิทย์พูดขึ้นระหว่างที่ทานอาหาร

           "ก็ตามใจพ่อแล้วกันครับ" ตอนนี้ชาญวิทย์ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น ในเมื่อวิรัญดายังผิดสัญญาได้ ทำไมเราเองจะต้องทนอยู่กับสัญญาที่รักษาอยู่ฝ่ายเดียวไปทำไมเล่า ในตอนเย็นของวันนั้น เสียงมือถือของชาญวิทย์ดังขึ้น ชายหนุ่มยกมือถือขึ้นมาดูพบกับเบอร์ที่ไม่คุ้นตาจึงกดรับด้วยความสงสัย

           "สวัสดีครับ" ชาญวิทย์ทักทายไป

           "พี่วิทเหรอ ใช่พี่วิทหรือเปล่า" เสียงของปลายสายทำให้ชาญวิทย์ถึงกับชะงัก

           "ดาเหรอ" ชาญวิทย์ถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

           "ใช่คะ ดาเอง พี่วิทกลับมาตั้งแต่เมื่อไร ไม่เห็นบอกดาเลย รู้ไหมว่าดาคิดถึงพี่มากแค่ไหน" คำถามมากมายถูกถามออกมาเป็นชุด ๆ แต่ชาญวิทย์กลับรับฟังด้วยอาการนิ่ง ๆ ไม่ยินดียินร้ายไปกับคำถามนั้นด้วย

           "ดา พี่ว่าเราไม่ควรติดต่อกันอีกนะ เพราะพี่กำลังจะแต่งงานแล้ว ซึ่งดาก็ควรให้เกียรติคู่ของตัวเองด้วย" ชาญวิทย์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะตัดสายทิ้งทันที สร้างความตกตะลึงให้กับฝ่ายของวิรัญดาเป็นอย่างมาก หมายความว่ายังไงที่พี่วิทบอกว่าจะแต่งงาน นี่เราจะไม่เหลือใครแล้วจริง ๆ ใช่ไหม ข่าวการหมั้นและการแต่งงานระหว่างชาญวิทย์และนุ่น วิรัญดาก็รับรู้ตลอด เธอไม่คิดว่าชาญวิทย์จะเป็นคนแบบนี้ไปได้ ทั้ง ๆ ที่สัญญากันแล้ว ทำไมถึงทิ้งเธอไปดื้อ ๆ แบบนี้ ในเวลาที่เธอไม่เหลือใครแล้วจริง ๆ พ่อแม่ที่พึ่งสุดท้ายก็เพิ่งเสียและเสร็จการจัดงานศพไปได้เพียงวันเดียว ในเวลาไล่เลี่ยกันเธอยังต้องเสียชายเพื่อนสนิทที่รักกันมาตั้งแต่มัธยมง่าย ๆ แบบนี้ใช่ไหม 3 ปีให้หลังจากวันที่ชาญวิทย์และนุ่นแต่งงานกัน ชาญวิทย์มีประชุมงานที่พัทยาก็เผอิญไปเจอกับฟ้าเพื่อนของวิรัญดาที่มาเที่ยวกับแฟนหนุ่ม จึงทำให้อดคิดถึงวิรัญดาไม่ได้ว่าป่านนี้เธอจะมีความสุขดีกับครอบครัวหรือเปล่า หรือจะเป็นอย่างเค้าที่ทะเลาะกับนุ่นได้ทุกวันตั้งแต่เรื่องเล็กยันเรื่องใหญ่

           "ฟ้า" ชาญวิทย์เรียกฟ้าที่เดินอยู่ชายทะเล

           "อ้าว…พี่วิทมาเที่ยวเหรอค่ะ" ฟ้าทักทายกลับ

           "เปล่าจ๊ะ พี่มาประชุม แล้วฟ้าละมาเที่ยวกับแฟนเหรอ" ชาญวิทย์ถามกลับ

           "ใช่คะ" ฟ้าตอบตามตรง

           "แล้ว…ดาเป็นยังไงบ้าง" ชาญวิทย์ตัดสินใจถามถึงสิ่งที่ค้างคาใจอยู่

           "ตอนนี้ก็คงสบายดี แต่ถ้าวันที่พี่บอกเลิกก็นึกว่าศพเดินได้ ที่จริงพี่วิทไม่น่าจะทำอย่างนั้นเลย ถ้าอยากจะบอกเลิกจริง ๆ ก็น่าจะให้ดาทำในเรื่องพ่อแม่ของดาให้ได้เสียก่อน เล่นไปบอกหลังเสร็จงานศพ 1 วัน ดาก็ยิ่งเสียใจเข้าไปใหญ่ ตอนนี้ดาก็ไม่เหลือใครแล้วด้วย ฟ้าก็ไม่คิดว่าพี่วิทจะบอกเลิกดาดื้อ ๆ แบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ดาไม่ได้เป็นฝ่ายผิดอะไรเลย" ชาญวิทย์ฟังสิ่งที่ฟ้าพูดแล้วก็อึ้ง ๆ พ่อแม่ของดาเค้าเสียหรอ หมายความว่ายังไง

           "ผิดสิ ก็ดาเค้าผิดสัญญาพี่ด้วยการไปแต่งงานกับคนอื่นก่อน" ชาญวิทย์ยังคงเถียงออกไป ทั้ง ๆ ที่ในใจเริ่มหวั่นใจเล็กน้อย

           "พี่จะบ้าเหรอเปล่า ณ ปัจจุบันนี้ มันก็ยังไม่มีแฟนเลย ดามันมีพี่อยู่คนเดียว แล้วพี่วิทยังไปทิ้งดาอีก ตอนนี้ดาก็ตัวคนเดียวแล้ว คงจะสะใจพี่ดีเนอะ" ฟ้าบอกก่อนจะหันหลังเดินกลับไป อะไรนะดายังไม่แต่งงาน ยังไม่มีแฟน

           "ฟ้าแล้วตอนนี้ดาอยู่ที่ไหน" ชาญวิทย์ตะโกนตามไป

           "มันสายไปแล้วละพี่ ดามันคงจะไปเที่ยวอยู่ประเทศใดประเทศหนึ่งของโลกในตอนนี้ ถึงพี่วิทจะเจอดาตอนนี้มันก็ไม่ช่วยให้เวลามันย้อนคืนมาได้หรอก พี่วิททำใจให้รู้สึกผิดซะบ้างแล้วกลับไปก็อยู่กับครอบครัวพี่ให้สบายใจ เพราะถึงยังไง พี่กับดาก็คงไม่เจอกันอีกเป็นแน่ ๆ" ฟ้าหันมาตอบก่อนจะเดินไปหาแฟนหนุ่มที่ยืนรออยู่ ปล่อยให้ชาญวิทย์ยืนอึ้งกับคำบอกกล่าวที่ได้ยินข้างอยู่อย่างนั้นอีกเป็นนานเลยทีเดียว ...ความรักแม้ว่าจะเพิ่มทวีและมีมากเท่าไร แต่ความบางของมันก็ไม่เคยเพิ่มขึ้นไปด้วย ถ้าคุณเพียงไปสะกิดมันเพียงเล็กน้อย มันก็อาจจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ และก็เหมือนแก้วที่มันแตกต่อให้ต่อยังไง มันก็ติดไม่เหมือนเดิมแน่นอน...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×