คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เจ้าบ่าวอสูร
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีทหารหนุ่มผู้หนึ่ง ทำการรบพุ่งอย่างกล้าหาญ
เมื่อสงครามสิ้นสุด เขาได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับบ้าน
ทหารหนุ่มผู้นั้นเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีบ้านให้ย้อนกลับไปหา
เขาจึงตัดสินใจที่จะเดินทางแสวงโชคไปในโลกกว้าง
อยู่มาวันหนึ่ง ทหารหนุ่มเดินทางมาพบชายหน้าตาประหลาด
"เจ้าจะเดินทางไปยังแห่งหนใด พ่อหนุ่ม?" คนแปลกหน้าเอ่ยถาม
"ข้าไม่มีบ้าน ไม่มีเงินทอง ดังนั้นข้าจะเดินทางท่องโลกกว้างเพื่อแสวงโชค"
จากนั้น คนแปลกหน้าก็พูดขึ้นว่า
"ถ้าเจ้าปฎิบัติตามคำสั่งของข้า เจ้าจะร่ำรวยไปตลอดชีวิต...
แต่เดี๋ยวก่อนเจ้าเป็นคนขลาดหรือผู้กล้า?"
ทหารหนุ่มตอบไปด้วยความภูมิใจ "ข้าคือผู้กล้า"
คนแปลกหน้าจึงถอดเสื้อคลุมออกมายื่นส่งให้ทหารหนุ่ม
"ตราบใดที่เจ้าห่มคลุมเสื้อตัวนี้ เจ้าจะมีเงินในกระเป๋าไม่ขาดมือ"
"จำไว้ให้มั่น ในห้วงเวลา 7 ปีนับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะอาบน้ำไม่ได้
ห้ามหวีผม ห้ามตัดเล็บ ห้ามโกนหนวดเครา หากเจ้าฝ่าฝืนเจ้าจะตกเป็นทาส
ของข้าไปชั่วนิรันตร์ แต่ถ้าเจ้าปฎิบัติได้ดังว่า
ชีวิตหลังเจ็ดปี จะเปี่ยมด้วยความมั่งคั่งผาสุข"
ทหารหนุ่มสวมเสื้อคลุมในทันใด เขายินดีปรีดาเป็นที่สุด
เมื่อล้วงเข้าไปพบเหรียญทองคำเต็มกระเป๋า ไม่ว่าเขาจะควักเหรียญ
ออกมามากเพียงใดก็ตาม เหรียญทองคำในกระเป๋าก็ไม่เคยพร่อง
ทหารหนุ่มเดินทางท่องโลกด้วยความสุข อิ่มเอิบใจเป็นที่สุด
เมื่อซื้อสรรพสิ่งได้ตามปราถนา ทหารหนุ่มเปี่ยมด้วยน้ำใจ เมื่อพบเห็นผู้ยากไร้
ก็จะช่วยเหลือ เขาเดินทางไปทุกหัวระแหง ไม่เคยแล้งเพื่อนน้ำมิตร
ทหารหนุ่มเตือนตนเองตลอดเวลาไม่ให้หยิบมีดโกนมาโกนหนวดเครา
ไม่วักน้ำมาล้างหน้า หรือตัดเล็บตนเอง เวลาผ่านไปสองปีทหารหนุ่มมอมแมม
กลายเป็นสัตว์ประหลาด ผู้คนกระเจิงไปคนละทิศ เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้
อยู่มาวันหนึ่งในห้วงปีที่สี่ ทหารหนุ่มเดินทางมาถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง
เจ้าของโรงแรมปฎิเสธไม่ให้เข้าพัก เนื่องจากสกปรกโสโครกคล้ายดั่งสัตว์ประหลาด
แต่เมื่อทหารหนุ่มควักเหรียญทองออกมาเต็มกำมือ เจ้าของโรงแรมใจอ่อน
จึงอนุญาตให้พักค้างแรมได้ในโรงเลี้ยงม้า
ในระหว่างที่ทหารหนุ่มพักผ่อนอยู่ในโรงเลี้ยงม้า เขาได้ยินเสียงถอนหายใจ
และเสียงครางด้วยความเศร้าสร้อย มีชายหน้าตาอมทุกข์ผู้หนึ่งอยู่ในมุมมืด
ชายผู้นั้นหวาดกลัวจนแทบขาดใจ ร้องลั่นออกมาเมื่อเห็นอสูร
หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวมายืนอยู่ต่อหน้า ทหารหนุ่มพูดปลอบประโลม
ด้วยเสียงอ่อนโยนจนชายผู้นั้นคลายความหวาดกลัว
"เพื่อนรัก ท่านมีทุกข์ใดในใจ?" ทหารหนุ่มสอบถาม
"ข้าเป็นพ่อค้า ขาดทุนย่อยยับหมดตัว ไม่มีแม้แต่ค่าที่พัก
เจ้าของโรงแรมคงส่งข้าเข้าคุก" ชายผู้นั้นร้องครางออกมา
ทหารหนุ่มยิ้มละไม "ไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะช่วยเหลือท่าน"
ทหารหนุ่มชำระค่าที่พักทั้งหมด และยังมอบทองคำถุงโตให้ติดมือกลับบ้าน
พ่อค้าสำนึกบุญคุณทหารหนุ่ม เชื้อเชิญให้เขาร่วมเดินทางกลับบ้าน
ให้สัญญาว่าจะยกลูกสาวหนึ่งในสามให้เป็นคู่ครอง ทหารหนุ่มสุดแสนจะยินดี
ติดตามนายวาณิชกลับบ้าน พ่อค้าผู้นั้นเล่าเรื่องทั้งหมดให้ลูกสาวทั้งสามฟังว่า
ทหารหนุ่มได้ช่วยเหลืออย่างไร และตนให้สัญญาไว้อย่างไรบ้าง
เมื่อได้ฟังดังนั้น ลูกสาวคนโตแจ้งว่า เธอป่วยไข้ไม่สบายผลุนผลันวิ่งออกไป
ลูกสาวคนที่สองร้องอุทานออกมาว่า
"อะไรกันนะ? จะให้แต่งงานกับเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้นะหรือ? ไม่มีทาง"
ลูกสาวคนสุดท้อง เด็กสาวผู้งดงามทั้งหน้าตาและน้ำใจ ปลอบประโลมบิดาว่า
"หากคุณพ่อต้องการ ลูกยินดีจะแต่งงานกับผู้มีพระคุณต่อครอบครัวของเรา"
ทหารหนุ่มปลาบปลื้มใจเป็นที่สุด มอบแหวนให้สาวน้อย
จากนั้นก็บอกลา สั่งกำชับว่า อีกสามปีเขาจะย้อนกลับมาหาเธอ
เจ้าสาวสุดแสนจะเศร้าสร้อยเมื่อเจ้าบ่าวลาจากไป พี่สาวทั้งสองเฝ้าเยาะเย้ยถากถาง
น้องสาวอยู่เป็นนิจ น้องสาวคนสุดท้องอดทนข่มกลั้นคอยนับวันที่เจ้าบ่าวจะกลับมา
ฝ่ายทหารหนุ่มเดินทางเร่ร่อนไปอย่างไม่มีจุดหมาย
เมื่อถึงวันสุดท้ายของปีที่เจ็ด คนแปลกหน้าก็ปรากฎกายขึ้น คนแปลกหน้า
หน้าตาอมทุกข์ เพราะผิดหวังที่ไม่ได้ทหารหนุ่มมาเป็นทาส
"เอาเถิด เจ้าทหารกล้า เจ้าเป็นผู้ชนะ เจ้าเป็นอิสระแล้ว"
คนแปลกหน้ารับเสื้อคลุมไปแล้วหายวับไปต่อหน้าต่อตา
ทหารหนุ่มอาบน้ำ ฟอกเนื้อตัวจนสะอาดหมดจด ตัดเล็บมือเล็บเท้า
ตัดผมโกนหนวดเครา ภาพที่ปรากฎในกระจกเป็นชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม
ทหารหนุ่มเดินทางเร่งรุดกลับมาหาเจ้าสาว ไม่มีใครจดจำเขาได้
แต่เมื่อเขาส่งเสียงทักทาย น้องสาวคนเล็กก็จำได้มั่นว่าเป็นเจ้าบ่าวของเธอ
เธอยินดีปรีดาที่ได้เห็นเจ้าบ่าวหน้าตาคมสันเดินทางกลับมาโดยสวัสดิภาพ
พี่สาวทั้งสองเศร้าโศกแสนเสียดายว่า น่าจะเลือกเจ้าบ่าวอสูร
หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวผู้นั้นเสียตั้งแต่แรก
ความคิดเห็น