คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เหตุการไม่คาดฝัน
"กริ่งๆๆ" เสียงออดเลิกเรียนดังขั้น ทำให้ผมที่กำลังเล่นๆอยู่กับเพื่อนต้องรีบมาเก็บกระเป๋านักเรียนเพื่อกลับบ้าน
วันนี้ก็เป็นวันที่มีความสุขอีกหนึ่งวัน ของเด็กนักเรียนชั้น ป.6 อย่างผม ผมมองดูนาฬิกาติดผนัง ตอนนี้มัน 4 โมง 5 นาทีแล้ว
แต่คุณครูยังไม่ยอมมาปล่อยชั้นเรียนเลย เพื่อนๆบางคนก็ตั้งอกตั้งใจลอกงานที่อาจารย์สั่งในคาบให้เสร็จทันส่งอาจารย์
ก่อนที่อาจารย์จะปล่อยให้พวกเรากลับบ้าน
ผมชื่อ ต้น เด็กชาย ศตวรรษ ทศรักษา เป็นเด็กนักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียน รัฐบาลเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่มีนักเรียนไม่ถึง 200 คน
ทั้งๆที่อยู่ในเขตเมือง แต่โรงเรียนของผมกับเล็กกระจ่อยร่อย บ้านของผมอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี บนถนนสายเล็กๆที่มีลำคลอง
ไหลผ่าน ผมและทุกคนเรียกมันว่า คลองสาม บ้านของผมเป็นไม้บ้านชั้นเดียวที่ปลุกยื่นเข้าไปในลำคลองหลังเล็กๆ ที่มีเพียง
ผมกับแม่อาศัยอยู่ด้วยกันเพียง สองคน แม่ผมทำอาชีพ ขายพวงมาลัยและช่อดอกไม้ แม่นั่งร้อยพวงมาลัยจนดึกดื่นทุกคืน
เพื่อที่จะได้เขาไปขายที่ตลาดในตอนเช้า บางวันที่ผมทำการบ้านเสร็จผมก็จะมาช่วยแม่ร้อยพวงมาลัยด้วย ผมร้อยพวงมาลัย
มาตั้งแตเด็กๆ ฝีมือผมร้อยได้สวยไม่แพ้แม่ของผมเลย อาจสวยกว่าด้วยซ้ำ เพราะเวลาที่ผมเอาไปขายพวงที่ผมร้อยมักจะได้ขาย
ก่อนพวงที่แม่ร้อยเสมอเลยนะสิ ผมอยากเรียนให้จบ ป.6 เร็วๆผมจะได้มาขายพวงมาลัยช่วยแม่
หลังจากที่คุณครูมาปล่อยพวกผมกลับบ้านผมก็รีบวิ่งออกจากห้องเพื่อที่จะได้กลับถึงบ้านเร็วๆ วันนี้ผมคิดเอาไว้ว่า
จะเอาพวงมาลัยไปขายสี่แยกไฟแดง บางทีถ้าผมขายหมดผมอาจจะได้ทิปจากคนขับรถใจดีสัก ห้าสิบหกสิบบาท
ผมอยากได้เงินชื้อของขวัญวันเกิดให้แม่ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดแม่แล้วด้วย ผมอยากให้แม่ได้ใส่เสื้อสวยๆตัวใหม่ที่ผมเก็บเงิน
ชื้อให้แม่เอง หลังจากใช้เวลาไม่นานผมก็กลับมาถึงบ้านก่อนจะเก็บของและเปลียนชุดนักเรียนออก ยังต้องใส่พรุ่งนี้อีกวันเดียวมันจะ
ดำผมมีชุดนักเรียนแค่สองชุดเอง เมื่อก่อนมีชุดเดียวต้องใส่สองวันชักทีตอนนี้มีสองชุดก้ต้องรักษาความสะอาดเผลอๆอาจใส่ได้สามวัน
แล้วค่อยชักจะได้ประหยัดค่าน้ำค่าฝงชักฟอก
ผมปั่นจักรยานคันเล็กๆ ที่ไม่มีเบรค เวลาจะเบรคทีก็ต้องเอาเท้ายันล้อหรือยันกับพื้นมันถึงจะหยุด ถึงมันจะเก่าแต่มันเป็นสมบัติเพียงชิ้น
เดียวที่ผมมีและผมก็รักมันมากด้วย หลังจากมาถึงตลาดผมก้รีบไปหาแม่ เพื่อขอพวงมาลัยไปขายปกติแม่ไม่ยอมให้ผมไปขายบ่อยๆหรอก
เพราะแม่เป็นห่วงผมยกเว้นในบางกรณีที่แม่ต้องการเงินมากๆและผมอยากช่วยแม่ก็จะอนุญาติเป็นครั้งคราว
"แม่ ต้นขอพวงมาลัยไปขายที่ สี่แยกนะ"ผมร้องบอกแม่ทันทีที่เดินมาถึงแผงขายของที่มีนั่งขายดอกไม้อยู่ ดูท่าวันนี้แม่จะขายไม่ค่อยดีเท่าไร
ยังเหลือพวงมาลัยเยอะพอสมควร แม่มองหน้าผมและมองไปที่พวงมาลัย ก่อนจะเก็บพวงมาลัยใส่ถุงให้ผม สามสิบพวง ซึ่งมันก็เยอะพอดู
ผมรับถุงพวงมาลัยมาถือเอาไว้ ก่อนจะยิ้มให้แม่และบอกแม่ว่า
"แค่นี้ สบายมากเลยแม่ เดียวต้นจะขายให้หมด ต้นไปนะแม่เดียวจารีบขายรีบกลับ" แม่ยิ้มให้ผมที และบอกกับผมว่า "ระวังรถนะต้น"
ผมถือถุงพวงมาลัยและเดินไปที่รถจักรยานของผม ก่อนที่จะมุงหน้าไปยังเป้าหมาย คือสี่แยกหน้าวัดธรรมกายที่อยู่ห่างจากบ้านผมแค่
ห้า - หกโล ไกลพอควรแต่ผมปั่นรถจักรยานไม่ถึง 30 นาทีก็ถึงแล้ว ผมชอบมาขายพวงมาลัยที่นี้บ่อยๆ เพราะว่าจะมีพวกคุณตาคุณยาย
เขามาไหว้พระกันเยอะแม้จะค่ำมืด และมีแต่คนใจดีๆ ที่ชอบให้ทิปผมเป็นประจำ และมันขายดีกว่าทุก 4 แยกไฟแดงที่ผมเคยไปขายมา
ผมมุ่งหน้าปั่นรถจักรยานด้วยความเร็วพอสมควร เพราะอยากให้ไปถึงไวๆ จะได้ขายให้หมด แต่ใครจะรู้ละว่า เรื่องยุ่งๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
มันจะเลวร้ายกับผมขนาดนั้น เพราะผมมัวแต่รีบเลยไม่ทันระวังตัว จู่ๆก็มีรถคันหนึ่งวิ่งออกมาจากซอยหน้าหมุ่บ้านจัดสรรค์ที่ขึ้นหลายังปะป่าเห็ด
ทั้งๆที่เมื่อก่อนแถวนี้มีแต่ทุงนาแท้ๆ "เอ้ย" ผมร้องเสียงหลง เอาเท้ายันพื้นจนเป็นลอยครูดไปตามถนน เมื่อภาพข้างหน้าคือรถเก๋งคนงามราคาหลายล้าน
ไม่ต้องบอกก็รู้ รถจักรยานผมพุ่งชนเข้าข้างประตูคนขับจังๆ จนประตูมันยุบเข้าไปลึกพอสมควร หัวผมกระแทกเข้ากับกจะจกประตูรถจนมันร้าวไปทั้งบาน
ที่สำคัญ ผมยังล้มลงไปทับถุงพวงมาลัยที่จะเอาไปขายจนมันแบนไปทั้งถุง หัวใจผมเต้นตุ๊บๆ ๆ ด้วยความตกใจ ลืมแม้กระทั้งความเจ็บปวดที่ตัวเองได้รับ
ผมนั่งหน้าซีด อยู่บนถนน ท่ามกลาง เสียงร้องแซ่งแซ่ ของคนที่เห็นเหตุการณ์ ผมหันไปมองรอบๆตัว ที่ตอนนั้นผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เจอผู้คนมากมายมายืน
รายล้มตัวผม ภาพหลายๆภาพต่างๆวิ่งวุ่นเข้ามาในหัวของผม ภาพของผู้คนที่พากันยืนออแอ ภาพของรถเก๋งคนงามที่ประตูยุบไปทั้งบานและภาพของแม่ที่
กำลังนั่งยิ้มและร้อนพวงมาลัยเพื่อเอาไว้ขายอย่างมีความสุข และหยุดน้ำตาแห่งความกลัวของผมก็ไหลออกมา อาบสองแก้มและเสียงสะอื้น ที่ผมเปล่งออกมา
ผมไม่รู้ตัวเลยว่าผมถุกอุ้มพาขึ้นรถมาที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อไร แต่ที่แน่ๆตอนนี้ผม กำลังนั่งหน้าเครียสมากกว่าเดิม ไหนจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล
ไหนจะต้องจ่ายค่าซ่อมรถที่ไม่รู้ว่ามันจะแพงมากขนาดไหน แล้วไหนผมจะต้องหลบสายตาของ ผู้ชายเจ้าของรถที่คอยเอาแต่ยิ้มหน้ากลัวใส่ผมนั่นอีก
ผมอยากหายตัวไปจากตรงนี้จริงๆ อย่างน้อย ให้โดนรถชนตายเสียยังดีกว่าอย่างน้อยแม่ยังจะได้ค่าประกัน อุบัติเหตุหรือค่าทำขวัญบ้างเล้กน้อยก็ยังดี
หรือขอให้ผมปั่นรถให้เร้วขึ้นอีกนิดแล้วให้เขาชนผมก็คงดีกว่าที่ให้ผมชนเขาอย่างนี้ก็คงดี ป่านนี้แม่จะรู้เรื่องรึยังก้ไม่รู้แล้วแม่จะตกใจขนาดไหนกันถ้ารู้เรื่อง
ผมมองดูตัวเองผ่านกระจกเงาบานใหญ่บนทางเดินของโรงพยาบาล ภาพของตัวเองที่นั่งอยู่บนรถเข็ญ บนหัวพันด้วยผ้าก็อตหน้าเตอะมีลอยเลือดจางๆซึมผ่านออกมา
บนแขนขวามีเผือกผ้าพันไว้และมีสายคล้องคล้องคอตัวเองไว้อีกที นี้ผมเจ็บมากขนาดนี้เลยหรอเนี้ย ผมถูกเข็ญไปเรื่อยๆตามทางเดิน ก่อนที่จะมาถึงห้องจ่ายยาผู้ป่วยนอก
ที่มีนางพยาบาลยืนยิ้มหวานถือถุงยาและบิลค่ารักษารออยู่แล้ว "อันนี้เป็นยาแก้ปวด กินก่อนอาหาร สาม เวลา นี้ยาแก้อักเส................"
หัวใจผมเต้นตุบๆ มองดูตัวเลขบนบิลค่ารักษา ห้าพันสามร้อยยี่สิบบาท นี้ถ้าผมยืนได้ผมคงล้มทั้งยืนเลย เงินมากขนาดนั้นผมเกิดมายังไม่เคยเห็นเลย
หน้าที่ซีดของผมยิ่งซีดลงไปอีก หันขึ้นไปมองหน้าผุ้ชายเจ้าของรถเก่ง ที่จ้องมองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว เข้ายิ้มมาให้ เอามือลูบหัวผมเบาๆเหมือนจะบอกกับผมว่าไม่เป็นไร
ไม่ต้องกลัว ทำให้ผมค่อยหายตกใจขึ้นมาบ้าง ผู้ชายคนนั้น จ่ายเงินค่ายาให้ผม แต่เขายิ้มอย่าน่ากลัวอีกแล้ว รอยยิ้มของเขามันน่ากลัวแปลกๆรอยยิ้มที่ผมมองแล้ว
ทำให้ผมรู้สึกเสียววาบที่หลังอย่างแปลกๆ
ผมถูกพากลับมาที่รถเก๋งคันหรูของเขา ที่ประตูฝังคนขับยับไปทั้งบานด้วยฝีมือของผม ในรถมีกลิ่นคราวเลือดคลุ้งไปหมดจนต้องเปิดกระจกรถวิ่งตลอดทาง รถวิ่งไปในถนน
สายแปลกๆที่ผมไม่คุ้นเคยเพราะแทบจะไม่เคยออกมาจากถนนในคลองแถวบ้านตัวเองเลย ในรถที่มีแต่ความเงียบ เพราะเขาเงียบและเอาแต่ยิ้มแปลกๆ นั้นให้ผมทำให้ผม
นั่งตัวเกร็ง ไปหมด จนไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้จะคุยอะไรด้วยแล้ว ผมได้แต่หันหน้ามองข้างทางที่ทิวทัศน์เริ่มที่จะคุ้นเคยมากขึ้น ในที่สุดผมก็รู้ผมกำลังจะได้กลับบ้าน ผมรู้สึกดีใจ
แต่แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อคิดถึงแม่ ผมกลัวแม่ดุ กลัวแม่ร้องให้ ผมไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ ผมอยากขอเวลาทำใจหน่อยไม่อยากให้แม่เห็นผมในสภาพนี้
"คุณน้า ผมยังไม่อยากกลับบ้าน" ผมบอกผู้ชายคนนั้นไปในใจยังหวั่นๆ "กลัวโดนพ่อกับแม่ดุละสิ" ผุ้ชายคนนั้นเขาตอบกลับมาและจ้องมองหน้าผม อย่างอยากรู้อยากเห็น
"ครับ ต้นกลัวแม่จะโกรธ" ผมได้แต่บอกเขาไปตามตรง เขามองหน้าผมอย่าครุ่นคิดและบอกกับผมว่า "นั่นสินะ รถคันนี้ราคาตั้ง สามล้านห้า ค่าซ่อมประตูคงสักสองแสนกว่ามั่ง
มีเธอมีจ่ายรึเปล่าละเนี้ย" ........ ผมใช้เวลาคิดสักครู่ ก่อนจะร้องออกมาว่า "หา สะสามล้านห้า คะค่าซ่อมสะสองแสนกว่า" โอ้ย นี้ผมอยากตายจริงๆแล้วมันเยอะเท่าไรละนั่น
เกิดมาเคยเห็นแค่แบงค์พัน เงินสองแสน กับสามล้านยังไม่เคยเจอ "คุณน้า บ้านผมไม่มีเงินมากพอนะ แล้วแม่คงไม่มีเงินจ่าย" ผมบอกเขาแล้วก็ก้มหน้าเศร้า
เขามองหน้าผม แล้วถามผมว่า "แล้วเธอจะไปไหนกลับบ้านรึเปล่าจะได้ไปส่งและคุยกับแม่เธอ" ผมหันขึ้นมามองเขาอีกที ก่อนจะตอบว่า "ทิ้งผมลงข้างทางแถวนี้ก็ได้
ขืนไปบอกแม่ตอนนี้แม่ผมหัวใจวายแน่ๆ" ผมบอกเขาแบบเซ็งๆ แต่เขาหัวเราะเบาๆอย่างอารมดี เกินเหตุ "งั้นไปนอนที่บ้านฉันสักคืนละกัน เผื่อเธอจะคิดได้ว่าจะทำยังไงต่อ "
เขาบอกผม ที่ตอนนี้กำลังให้สมองอย่างหนักในการคิดหาเงินมาใช้หนี้เขาจนหัวมันปวดแทบระเบิด
รถเก๋งจอดสนิทหน้าบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้าน ภัสสร หมู่บ้านที่ผมเกิดอุบัติตติเหตุเมื่อตอนเย็นนั้น ผมมองดูบ้านที่ผมฝันอยากจะเข้ามานอนเล่นสักคืนคงหลับฝันดีแน่ๆ
"เข้ามาสิ ไม่ต้องเกรงใจ คิดซะว่าอยู่บ้านตัวเองแล้วกันนะ" เขาบอกผม ก่อนผมจะเดินตามเขาอย่างกล้าๆกลัวๆเข้าไปในบ้านของเขา ตอนนี้ผมรรู้สึกว่าผมเริ่มกลัวที่จะ
มาค้างในบ้านหลังสวยๆอย่างนี้ คนอย่างผมนอนข้างทางคงจะมีความสุขกว่าแน่ๆ
ภายในบ้านที่สวยด้วยของตกแต่ง แปลกๆ ชุดโชฟาสีขาวเนียนสวย กับทีวีจอยักษ์ และตู้ปลาแปลกๆสวยๆว่ายไปมา มีโต๊ะกินข้าววางอยู่ในมุมหนึ่งของตัวบ้าน ที่ค่อนข้างจะรก
พอสมควรเพราะมีของกินวางเต้มไปหมดน่ากินทั้งนั้น แต่ผมทำได้แค่มองอย่างเดียว
"เธอ หิวรึเปล่า จะกินอะไรดี ฉันต้มข้าวต้มให้เอารึเปล่า" ผมหันไปมองเขาทีหนึ่งก่อนจะบอกว่า "ผมชื่อต้น น้าชื่ออะไรละผมจะได้เรียกถูก" แต่เขาตอบกลับมาว่า
"เอ่อ ฉันรู้แล้วว่าเธอชื่อต้น ฉันชื่อ นัท เรียกว่า พี่นัทก็ได้ ไม่เอาน้านะยังไม่แก่เท่าไร เธอรอแปบนะถ้าหิวเธอกินขนมบนโต๊ะรอไปพลางๆก่อนก็ได้เดียวฉันต้มข้าวให้ทาน"
ผมถอนหายใจ คนบ้านั้น ชื่อผมก็มีไม่เรียกกับเรียกผมว่าเธอ ยังกะเรียกผู้หญิงแนะ ช่างเถอะ กินขนมดีกว่า
หลังจากที่ผมกินอิ่ม พี่นัทก็พาผมขึ้นมาบันชั้นสอง ที่มีเครื่องออกกำลังกายตั้งอยู่ หน้าห้องนอน สามห้องและมีตู้เย็นเล็กๆอีกหนึ่งตู้อยู่หน้าห้องน้ำ ก่อนที่เขาจะพาผมเข่าไปในห้องนอนห้องหนึ่ง
ที่มันใหญ่มาก กลางห้องนอนมีเตียงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ มีเครื่องเสียงและทีวีอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง อีกมุมเป็นโต๊ะคอมพิวเตอร์และชั้นหนังสือ และมีตู้เสือผ้าตู้ใหญ่ตั้งอยู่หน้าห้องน้ำภายในห้องนอน
แต่รกซะมัด แม่แต่ของวางเต็มพื้น พี่นัทนี้ซกมกได้ใจขืนผมทำบ้านรกแบบนี้แม่ตีผมก้นลายแน่ๆ "พี่ว่า เธออาบน้ำก่อนดีกว่านะ ดูสิมีแต่รอยคราบเลือดติดเต็มเสือเลย" พี่นัทบอกผมแต่
ผมไม่มีชุดเปลี่ยน อาบเสร็จแล้วจะใส่อะไรละ "มาๆถอดเสือ" ผมยังคิดว่าจะบอกว่าไม่อาบพี่นัทก็มาจะถอดเสือผมละ "ผมถอดเองได้ เดียวผมจะอาบเอง" ผมพยายามที่จะบอกพี่นัทเขาดีๆ
แต่เถียงยังไงก้สู้พี่เขาไม่ได้ "จะอาบเองได้ไง แขนก็เจ็บ หัวก็เจ็บอย่าดื้อนามาพี่อาบให้ ไม่งั้นก็จะพาไปส่งบ้าน" เพราะพี่เขาพูดอย่างนั้นผมเลยต้องยอมให้พี่เขาอาบน้ำให้
"อืม ดูสิถอดเสือออกแล้ว ผิวขาวกว่าที่คิดอีกนะ"
"อะ ว่าแล้วว่าต้องไม่ใส่กางเกงใน"
"อืม อิอิ น่ารักดีนะขาวจั๋วเลย อัน นิดเดียว "
"อย่าเอามือปิดดิมาพี่ถูสะ บู่ ให้"
......................................................."อือ พี่ นัท อย่าดึงอย่างั้นดิ มันเจ็บ แล้ว อือ พี่นัทพอแล้วผมเจ็บ อือ"
"โหสกปรกจัง ขี้เปียกเต็มเลย หนาวมัยปะพี่เช็ดตัวให้"
"แขนเจ็บทำเองไม่ได้หรอก มาพี่ช่วยเซ็ด"
ผมยืนมองภาพตัวเองผ่านกระจกหน้าตู้เสือผ้าที่พี่นัทกำลังเช็ดตัวให้ผม ร่างกายผอมๆขาวๆซีดๆของผมวันนี้มันดูแปลกๆ เหมือนกับว่ามันเป็นสีชมพูอ่อนๆ
โดยเฉพาะตรงหน้าผม มองเห็นได้ชัดเจนเลยทีเดียว หัวใจผมก็เต้นตึกๆ
"เสร็จแล้ว ทีนี้ก็นอนบนเตียงได้แหละ เตียงพี่ไม่เลอะแล้ว"
"พี่นัท ผมยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยนะ นอนเลยหรอ" ผมถามพี่นัทงงๆ ก็ยังโป้อยู่นี้ ผมก็อายเป็นเหมือนกันนะ "เธอไม่ต้องใส่ชุดนอนหรอก อย่างนี้แหละน่ารักดีแล้ว ถ้าหนาวเดียวพี่นอนกอดให้เอง"
ผมไม่รู้จะพูดอะไร เลยรีบขึ้นเตียงนอน เตียงนอนทีนุ่มๆ ผ้าห่มที่หนาๆ กับแอร์เย็นๆที่ตกกระทบบนหัว ช่างมีความสุขจัง
"เดียวเธอยังไม่ได้กินยาเลย กินยาก่อนค่อยนอน" พี่นัฐดึงผมให้ลุกขึ้นมากินยา ก่อนจะปล่อยให้ผมซุกตัวลงใต้ผ้าห่ม ผืนหนาๆนุ่มๆและหอมอ่อนๆอย่างน่าประหลาดเหมือนกับว่าผมนอนอยุ่บน
สวรรค์ก็ไม่ปาน
...........
....................
.............................
"น้องต้นๆ น้องต้น" เสียงเรียกผมเบาๆเหมือนมาจากที่ห่างไกลแสนไกล
"น้องต้น กินไอติมมัย เดียวพี่ป้อน"
................................................................................................"หือกินไอติม"
"ใช่ๆกินนะอะอ้าปากกว้างๆนะ ดูดกินนะอย่ากัดละ"
.................................................................................................."อือ ครับ"
"ใช่ๆ น้องต้นดูดอย่างนั้นแหละครับดีมากเลยน้องต้นใช่ๆ อือ ดูดไปเรือยๆเลยนะ"
................................................................................................."อือ อือ"
.......
.............
................
"น้องต้นกินอิ่มแล้วนะอะพอแล้ว อ้าปากออกนะ ใช่ครับเก่งมากเลย"
"น้องต้นปวดท้องอึรึเปล่าครับ"
.............................................................................................."อือ ปวดอึหรอ ปวดครับ"
"อึไม่ออกใช่มัยละเดียวพี่สวนก้นให้นะน้องต้นจะได้อึออกง่ายๆนะครับคนเก่ง"
.............................................................................................."อือ ขะครับน้องต้นอึไม่ออก"
"น้องต้นกางขาออกกว้างๆนะครับ เดียวพี่ช่วยนะอย่าเกร็งนะครับ ใช่ๆอย่างนั้นแหละ"
............................................................................................."อึ อือ จะเจ็บ อือ"
"ทนนิดหนึ่งนะน้องต้น ใกล้จะเข้าได้แล้วครับเดียวก็จะสะบายนะ กางขาออกกว้างๆนะ ใช่อย่างนั้นแหละครับเก่งมา อะอือ เข้าแล้วครับเข้าไปสุดแล้ว หายใจลึกๆอย่าเกร็งนะน้องต้น"
.............................................................................................." อึก อือ มันจุก อือ ไม่เอาแล้วอือมันเจ็บ.......................อือ"
"ไม่เป็นไรน้องต้นพี่จะขยับแล้วนะ น้องต้นทนนิดนะครับเดียวก็เสร็จแล้ว อะอ่า ซีดอือน้องต้น"
.............................................................................................."อือ อือ โอ้ยผมเจ็บ อือ"
.............
...........................
.........................................
"ยานี้ดีจังเลยนะน้องต้น ทนหน่อยนะอีกหน่อยพี่จะให้น้องต้นรู้สึกตัวแน่ๆตอนที่ทำอย่างนี้น้องต้นต้องชอบมากแน่ๆ ขอโทษนะที่ทำให้ฝันดีอย่างนี้น้องต้นในตัวน้องต้นสุดยอดจริงๆ"
.............
.......................
..................................
"อืม หนางจัง" ผมรู้สึกตัวในตอนเช้าที่อากาศมันหนาวมากเกินกว่าเหตุ อืมปวดท้องจัง เมื่อคืนก็ฝันแปลกๆ ผมลืมตาขึ้นมองในห้อง พี่นัทตื่นแล้วได้ยินเสียงก่องแกร่งๆอยู่ข้างล่าง
เอ๋ มีชุดใหม่อยู่ด้วยตัวเท่าตัวน้องต้นเลย พี่นัทชื้อให้รึเปล่า ไปอาบน้ำล้างหน้าดีกว่า โอ้ยทำมัยมันเจ็บก้นขัดๆเวลาเดินยังนี้อะ ปวดแขนด้วย ล้างแต่หน้าดีกว่าแล้วกลับบ้านไม่รู้แม่จะว่าไงมั่ง
แล้วแม่จะมีเงินพอจ่ายค่าซ่อมรถรึเปล่า ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวค่าทำแผลเมื่อวานก็ตั้งห้าพันสามร้อยยี่สิบบาทอีก ผมใส่ชุดที่พี่นัทชื้อมาให้เดินลงมาชั้นล่างก็เจอพี่นัท กำลังยกอาหารมาตั้งโต๊ะเลยน่ากินจัง
"ไงตื่นสายนะเรา เป็นอะไรรึเปล่าเดินแปลกๆอะไรคาก้นขี้หักในมาหรอ" เอ้ย พี่นัท บ้า อายนะ
"ไม่รู้เป็นอะไรอะครับ มันแสบๆก้นแปลกๆสงสัยจะท้องเสียมัง เมื่อคืนก็ฝันแปลกๆ มันเสียววูบๆในท้องชอบกลอะครับ"
"หรอ เป็นไงมังอะ ฝันแปลกๆแล้วชอบรึเปล่าละ"
"น้องต้นจำไม่ได้ แต่เมือคืนมีคนป้อนไอดิม สงสัยนอนดูดนิ้วตัวเองแหงเมื่อยปากชอบกล"
"อะๆช่างเถอะ กินข้าวกันดีกว่า ดูสิน่ากินทั้งนั้นเลย" ผมมองดูกับข้าวแล้วก็ยิ้มหน้าบานเลย ไม่ค่อยจะได้กินอาหารดีๆแบบนี้เท่าไร "ทานเลยนะครับ" ผมบอกพี่นัทแล้วก็รีบกินเลยอะอร่อยทุกคำ
"อะปะพี่จะไปส่ง ที่บ้านอยากเจอแม่น้องต้นด้วย จะสวยน่ารักขนาดไหนเนี้ย ถึงมีลูกชายน่ารักแบบน้องต้นเนี้ย" ผมยิ้มให้พี่นัท ไปที
"อยู่ตลาดข้างๆหมู่บ้านพี่เนี้ยแหละ ติดกันเลยแม่ขาย ดอกไม้กับพวงมาลัยอยู่ที่ตลาดครับ" ผมบอกพี่เขาไป พลางก้มหน้า แม่จะว่าไรมังนะ คงไม่โดนตีหรอกนะ แต่บางทีอาจโดนตีแล้วก็ไม่ยอมให้ไปขายพวงมาลัยที่สี่แยกไฟแดงอีกยังเก็บเงินชื้อของขวัญให้แม่ไม่ได้เลย มีเงินอยุ่แค่ไม่กี่บาทในกระเป๋า อะ เอ้ ย
"เดียวๆพี่นัท ชุดผมที่ใส่เมื่อวานละอยุ่ไหน" ผมถามพี่นัทหน้าตื่น เงินผม 80 บาทอย่าหายนะ "เอ่อพี่เอาไปทิ้งขยะตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว มีอะไรหรอคงใส่ไม่ได้หรอกเลอะขนาดนั้น"
หน้าผมชีดเลยหัวใจตกมาอยู่ที่ตาตุ่ม หันมองตามถังขยะ " ไม่ต้องคิดจะไปหาหรอกนะ รถขยะมาเก็บไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว" ผมหันไปมองหน้าพี่นัทที่บอกว่ารถขยะมาเก็บไปทิ้งแล้ว น้ำตาคลอ
"น่าไม่ต้องเสียดายหรอกพี่ก็ชื้อชุดใหม่ให้แล้วนี้ปะไปเถอะพี่ต้องไปทำงานเดียวสาย" ผมอยากจะบอกพี่นัทจังเลยว่าผมไม่ได้เสียดายชุดเก่าๆของผมนะแต่เงิน 80 บาทของผมนะ อือ ช่างเถอะ
คงต้องเขียนการด์วันเกิดให้แม่อีกใบแล้วปีนี้
"เอ๋ พี่นัทรถพี่คันนู่นไม่ใช่หรอ ผิดคันนะ " ผมถามพี่นัทเพราะแปลกใจที่เห็นพี่นัทควานหากุญแจรถ อีกคัน ที่สวยไม่แฟ้กัน เป็นยี้ห้อ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำคันสวย
"อ่อ เดียวให้อู่มาลากไปซ่อม ขับคันนั้นไปอายเพื่อนตาย เดียวเพื่อนถามไปชนอะไรมาพี่ไม่อยากตอบว่า ไปซนเศษเหล็ก สองล้อมีเด็กบ็องๆขี่มาวนอะอายเขา"
อะหลอกว่าผมเปล่าเนี้ย ผมทำปากขมุบขมิบใส่ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถมีพี่นัทขับพาผมไปส่งบ้าน
"หลังนี้แหละพี่นัท นั่งไงรถจักร์ยานผม " ผมบอกพี่นัท ให้จอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆปลุกยืนไปในคลองน้ำทีออกจะสีดำๆหน่อยแล้วตอนนี้ ผมลงจากรถ
และร้องหาแม่ทันที "แม่ๆ แม่ๆ ต้นกลับมาแล้ว" เสียงของผมยังไม่ทันขาดแม่ก็วิ่งน้ำตาไหลอาบแก้มมาหาผมทันที
"อือ" เสียงแม้ร้องให้ก่อนจะใช้มือเช็ดน้ำตาแล้วดึงผมเข้าไปกอดแน่นจนเจ็บแขนน้ำตาของแม่รดลงบนบ่าผม จนมันเปียกแฉะไปหมด ผมปล่อยให้แม่กอดผมสักพักเพราะผมก้อยากอยู่แบบนี้อีกนิด
"ต้นเป็นไงบ้างลูกเจ็บมากมัย ดีแล้วที่ไม่เป็นไรมาก แม่บอกแล้วใช่มัยว่าให้ระวังๆ นะหะ" ผมหน้าตื่นเลยเอาแล้วไง แม่เดินไปหยิบไม้เรียว ที่ฝาข้างบ้านส่วนผมก็ได้แต่ยืนทำใจเตรียมตัวกัดฟันกอดอกรอรับความเจ็บปวดที่ไม้เรียวของแม่จะฟาดลงมา
"เอ่อ ขอโทษนะ ครับที่เสียมารยาท พอดีผมไม่อยากเห็นเด็กโข่งถูกตีนะครับ" เสียงของพี่นัทดังขึ้น ทำให้แม่ที่กำลังจะเอาไม้เรียวมาตีผมต้องหยุดซะงักไป
"สวัสดีครับ ผม เป็นคนขับรถซนน้องต้นเมื่อวานนี้ครับ" พี่นัทแนะนำตัวเองกับแม่ว่าเป็นคนขับรถชนผม
"เอ่อ คือคุณ" แม่ทำเสียงอึกอักเหมือนจะเพิ่งคิดได้ว่า ผมไปทำอะไรมา
"ผม ชื่อ นัท เมื่อวานต้องขอโทษคุณแม่น้องต้นจริงๆนะครับที่ไม่ได้พาน้องต้นมาส่ง เพราะน้องต้นงอแงกลัวคุณแม่ดุนะครับไม่ยอมกลับบ้านผมเลยต้องพาไปค้างที่บ้านด้วย คุณแม่คงไม่โกรธน้องต้นนะครับ" พี่นัทพูดเสร็จแล้วก็ยิ้มให้คุณแม่
"ค่ะ คือว่า คะค่าเสียหาย" คุณแม่ผมพูดยังไม่ทันจะจบด้วยน้ำเสียงขาดๆหายๆ เหงือไหลลงตามใบหน้า เมื่อวานแม่คงได้รู้ได้เห็นได้ฟังอะไรมาบ้างไม่มากก็น้อยละนะ ผมเองก็ลุ้นเหมือนกันใจเต้นตึกๆเลย อยากรู้ว่าพี่นัทจะว่าอะไร สาธุอย่าได้เอาเงินกับแม่เยอะเลยนะ ผมสงสารแม่
"รู้แล้วครับ ผมเตรียมมาให้แล้ว 50,000บาทเป็นค่าทำขวัญนะครับ แล้วนี้เบอร์โทรผม ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยเหลือนะครับ เอ่อ แล้วของฝากผมวางเอาไว้ตรงนี้นะครับ พอดีว่าผมต้องรีบไปสนามบินสองอาทิตย์หนึ่งคงกลับมาจากต่างจังหวัดแล้วผมจะแวะมาดูอาการน้องต้นอีกนะครับ"
"พี่ไปนะน้องต้นอย่าไปให้ใครขีรถชนเอาอีกละแล้วเจอกัน" พี่นัทพูดเสร็จก็ยกมือไหว้แม่ ผมกฌยกมือไหว้ลาพี่นัทด้วยเหมือนกัน พี่นัทยิ้มมาให้ก่อนจะขับรถจากพวกเราผมกับแม่ไป
"ต้น เขาขับรถชนลูกหรือลูกขีรถจักร์ยานชนเขา" แม่หันมามองผม ที่ยังยืนก้มหน้าก้มตาอยู่กับที่เดียวแม่จะโกรธอีก เดียวโดนไม้เรียว
"ต้นขี่รถชนรถพี่นัทครับ แล้วพี่นัทก็พาไปโรงบาล แล้วจะพาต้นมาส่งแต่ต้นกลัวแม่ดุเลยไม่กล้ากลับมา พี่เขาเลยพาไปค้างที่บ้านพี่เขา" ผมก้มหน้าสำนึกผิดเล่าความจริงให้แม่ฟัง
"แล้วทำมัยเขาถึงว่าเขาขับรถชนลูกละ แม่งงนะเนี้ย"
"ช่างเถอะแม่เขารวยออก เราจะได้มีเงินเยอะๆไงแม่" ผมบอกแม่ และยิ้มให้แต่
"แม่สั่งแม่สอนให้เป็นเด็กเห็นแก่ได้อยากได้ของคนอื่นหรอต้น นี้เราทำความเดือดร้อนให้เขายังมายิ้มทำหน้าระรื่นอยู่อีก ยืนกอดอก แม่ยังไม่ได้ชำระความกับเราเลย"
..............................
.............................................
.................................................................
หลังจากนั้นสองวันแขนผมหายเจ็บบ้างนิดหน่อย แม่ก็อนุญาติให้ผมไปโรงเรียนได้ รถจักรยายผมถูกซ่อมใหม่ แม่ก็มีเงินใช้หนี้ค่าดอกไม้ค่าน้ำค่าไฟที่ค้างเขาไว้โดยที่เราใช้เงินเขาไปเพียงแค่ 1500 บาท ส่วนที่เหลือแม่ไม่ได้ใช้อีกเลยแม่บอกกับผมว่า รอพี่นัทกลับมาก่อนแล้วจะเอาเงินไปคืนพี่เขา ส่วนของฝากผมกับแม่กินกันจนอิ่มไปหลายวันเลย มีแต่ของอร่อยๆ ส่วนผมอะโดนแม่ตีจนขาลายเลยเจ็บแต่ก็ต้องจำ ต่อไปผมจะไม่ประมาทอีกแล้ว แล้วรถผมก็มีเบรคแล้วด้วยต่อไปไม่ต้องใช้ขายันพื้นเบรคอีกแล้ว ผ่านไปหลายวัน พี่นัทก็ยังไม่กลับมา จนตอนนี้ล่วงเลยมาถึง 13 วันแล้ว พี่เขาบอกไปแค่อาทิตย์เดียวแต่หายไปจะสองอาทิตย์แล้ว ผมสักเป็นห่วงพี่นัทขึ้นมาแล้วสิ ผมมาจอดรถมองบ้านพี่นัททุกวันตอนเลิกเรียนเผื่อเจอพี่นัทจะได้บอกว่าแม่ให้ผมมาบอกพี่นัทให้เอาเงินคืนสักที แม่นอนไม่หลับเพราะเงินมันเยอะเงินไปที่จะเก็บไว้ในบ้านหลังเล็กๆของผม มันไม่ปลอดภัย อยากให้พี่นัทกลับมาเร้วๆจัง บางทีนะ ผมอาจจะได้ของฝากจากพี่นัทที่กินได้แล้วอร่อยๆ ผมคงได้แต่ฝันเหมือนเดิมสินะ พี่นัทยังไม่กลับผมไปช่วยแม่ขายดอกไม้ก่อนดีกว่า วันนี้
..............................
...................................................
........................................................................
ความคิดเห็น