ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : หยดน้ำตาและการเริ่มต้นแห่งความรัก
ตะวัน เด็กชายที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตที่มีความสุข มีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ทุกอย่างก็หายไป เพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เด็กชายตะวัน ที่เพิ่งจะมีอายุได้เพียง 9 ปี ต้องระหกระเหินเดินทางมาอยู่ต่างจังหวัดกับญาติของแม่ ที่เด็กชายไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่เพราะไม่เหลือใครแล้ว จึงจำใจที่จะต้องเดินทางมาอยู่กับน้า คนที่อ้างตัวเองว่าเป็นน้องของแม่
เด็กชายตัวน้อยเหม่อมองไปยังบ้านหลังเล็กๆ ที่ตัวเองจะต้องมาอาศัยอยู่ มันช่างแตกต่างจากบ้านที่ตนเองเคยอยู่ หยดน้ำตาที่พยายามที่จะกลั้นเอาไว้ไหลออกมาจนต้องทำให้รีบเช็ดมันออกก่อนที่ใครจะมาเห็น เพราะเขาจะไม่ร้องให้อีกแล้ว ภายในห้องนอนเล็กๆที่มีที่นอนปูอยู่บนพื้น ผ้าห่มกับหมอนใบเล็กอีกใบและราวตากเสื้อผ้า และหลอดไฟกลางห้อง 1 ดวง นี้คือของใช้ที่ตะวันมีในห้องนอนของตัวเอง
ตะวันไม่เข้าใจว่า น้า บัว จะรับเขามาเลียงทำมัยในเมื่อฐานะทางบ้านของน้าบัวก็แทบจะเอาตัวเองไม่รอด แต่ก็ยังอุตสาห์ที่จะรับเขามาเป็นภาระให้ตัวเองอีก บ้านหลังเล็กๆ ที่มีเพียงผมกับน้าบัวอยู่กันสองคน แต่มันก็เหมือนกับว่าเราอยู่เพียงคนเดียว ในตอนเช้ามืดน้าบัวจะออกไปทำงาน แต่ก็ทำกับข้าวเอาไว้ให้ ส่วนมากก็จะเป็นพวกไข่เจียว ที่ผมกินจนแทบเอียนแล้ว สงสัยน้าบัวจะทำอาหารอย่างอื่นไม่เป็น หลังจากที่กินข้าวเสร็จผมก็เดินไปโรงเรียน ที่ผมจำใจต้องเข้าเพราะน้าบัวส่งมาเข้าแต่เดินไกลเหมือนกันนะกว่าจะถึง แต่สำหรับผม ก็ไม่เท่าไหร่เพราะเดินไปเรื่อยๆจะทันเข้าโรงเรียนหรือไม่มันไม่สำคัญกับผมหรอก เพราะผมไม่อยากที่จะไปเข้าเรียนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่จะเห็นผมโดนทำโทษที่มาสายบ่อยๆ จนเป็นที่เอือมระอาของบรรดาคุณครู แต่สำหรับผมผมแทบจะมองไม่เห็นเลยว่าพวกเขารังเกรียดผมมากขนาดไหน เพราะผมไม่เคยใส่ใจกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
ผมเพิ่งย้ายมาเรียนที่นี้ได้แค่ 2 อาทิตย์แต่ทำทำความผิดมากกว่าเด็กนักเรียนที่เรียนที่นี้มานานนับ หกปีได้ โทษทัณฑ์ที่ได้รับทำให้ผมเป็นจุดเด่นของใครๆ ว่าผมเป็นเด็กเกเรไม่ดี จึงทำให้ใครๆกลัวที่จะเข้ามาหาผมกลัวที่จะคุยกับผม และกลัวที่จะเป็นเพื่อนกับผม แต่นั้นแหละดีแล้วผมอยากให้ใครๆไม่ต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับผมเพราะมันจะทำให้ผมมีเวลาส่วนตัวมากขึ้นได้ใช้เวลาในการนอนคิดเรื่องต่างๆมากมาย ที่มันยังคงสับสนจนตีกันวุ่นไปหมดในหัวของผม
“นี้นายตะวัน เธอไม่ทำการบ้านมาส่งอีกแล้วนะ” เสียงยายคุณครูแก่หงำเหงือกพยายามที่จะด่าผม แต่มันก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของผมไปซะทุกครั้งด่านานหน่อยขี้ เกรียด ยืนผมก็เดินหนีออกจากห้อง ก็เท่านั้นเอง อย่างเช่นตอนนี้ที่เส้นความอดทนของผมกำลังจะขาดเพราะแค่ผมไม่เคยทำการบ้านมาส่งครู ครูก็ยืนด่าได้เป็นชั่วโมง ทำให้ผมต้องมองหน้าทำตาเขียวปัดเพื่อบอกว่าผมไม่พ่อใจ ก่อนจะหยิบซ็อกขึ้นมาเขียนที่หน้ากระดานว่า “เดียวตายไม่รู้ตัว” ทิ้งเอาไว้และเดินออกจากห้องไป คำขู่นี้ได้ผลยิ่งนัก เพราะอาทิตย์แรกที่ผมเข้ามาเรียนที่นี้ก็โดนด่าแบบนี้จนทนไม่ไหวเลยเผลอตะโกนเสียงดังออกไปว่า “เดียวตายไม่รู้ตัวหรอก”ใส่หน้าคุณครู แล้วเย็นนั้นแก่ขับรถจักรยานยนต์ของแกกลับบ้านเกิดโซ่ขาดรถเสียหลักล้ม แต่มีคนไปบอกแก่ว่าเห็นผมไปทำลับๆล่อๆที่รถของแก เรื่องไม่เป็นเรื่องมันก็เลยเกิดขึ้น เมื่อผมโดนกล่าวหาว่าเป็นคนทำและจากนั้นทุกคนก็ยิ่งกลัวผมไปกันใหญ่ ทั้งๆที่ผมเพียงแค่เคยเอาตะปูไปใส่ล้อรถครูบางคันที่ด่าเก่งๆ หรือเคยเอาหมุดติดกระดานไปใส่ที่เบาะรถครูบางคนให้มันจิ้มก้นครูเล่นบางบางครั้งเท่านั้นเอง นอกนั้นผมก็ไม่เคยทำ แต่ใครหลายๆคนกลับตาดีเจอผมทุกครั้งที่พวกเขาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมักจะมีผมไปเอี่ยวด้วยทุกครั้งแม้ว่าวันนั้นผมจะไม่ได้มาโรงเรียนก็ตาม
บางครั้งการที่ต้องอยู่คนเดียวมันก็เหงาเหมือนกันนะ แต่สำหรับผมมันเริ่มที่จะชินชาไปบ้างแล้วทำให้ผมไม่เหงาเท่าที่ควร บางครั้งมองดูเพื่อนๆเล่นกันก็อยากไปร่วมเล่นด้วยแต่ ขอมองดูห่างๆแบบนี้ดีกว่าที่จะเดินเข้าไปหาแล้วทุกคนเดินหนีกันหมด ผมได้แต่นั่งมอง และคิดถึงบ้านคิดถึงพ่อกับแม่ คิดถึงเพื่อนๆที่ผมจากมา ไม่รู้ว่าทุกคนจะเป็นยังไงบ้าง บางทีจะลืมผมไปรึเปล่านะ สองสายตาของผมเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ขบคิดถึงปัญหาต่างๆที่รุมเร้า มีสายลมแสงแดดคอยเป็นเพื่อนปลอบใจให้ผมคลายเหงา
แต่แล้วความสนุกสนานเพลิดเพลินใจของผมที่ต้องอยู่คนเดียวก็หายไป เมื่อได้เจอกับไอ้หน้าจืด ไอ้เชย ไอ้ บอย ผมไม่รู้ว่ามันจะเข้ามากวนผมทำมัยเมื่อผมไม่ได้อยากที่จะคุยกับมันสักหน่อย หน้าตาดุๆที่ผมใช้คอยข่มขู่คนอื่นๆ ฉายาต่างๆที่ใครๆได้ยินก็ชอบเดินหนีแต่กับมัน ชะใช้ไม่ได้ผลเลยสักอย่าง ก็ใช่สิ แม้ผมจะทำนิสัยเกเร แต่รูปร่างหน้าตาผมมันก็ไม่ได้เกเรเหมือนนิสัยผมเลย เมื่อผมเกิดมาตัวเล็ก ที่จริงตัวเล็กกว่าเพื่อนในรุ่นเดียวกันด้วยซ้ำ ส่วนมัน ตัวโต จนผมต้องหยุดคิดทุกครั้งก่อนจะด่ามันหรือตีมันว่าจะเสียเปรียบมันมากมัย ถ้าจะลงมวยกัน และนั้นทำให้ผมไม่เคยที่จะได้ทำร้ายมันเลย เลยได้แต่ด่ามันไปพลางๆ กึ่งเดินกึ่งวิ่งหนีมัน ไม่ให้มันคอยตามไปวันๆเท่านั้นเอง
เรื่องราวเฮงซวยพวกนี้เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันหนึ่ง ในขณะที่ผมกำลังนอนฝันหวานอยู่ที่ม้าหินอ่อนข้างสนาม บาส จู่ๆก็มีหนังสือถูกโยนใส่ท้องผม ก่อนที่ผมจะตกใจสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมา และเจอหน้ามันยืนจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว
“สัดนี้ ทำไรกูวะ” นั้นคือคำแรกที่ผมพูดกับมัน และกำลังจะเดินหนีมันไปนอนที่อื่น เพราะตัวมันโตกว่าผมนี้ขืนมีเรื่องกันผมก็เสร็จมันอะดิ แต่ว่า
“เดียวมึงจะไปไหน นั่งลงทำการบ้านเลยมึง” และนี้คือคำแรกที่มันพูดกับผม จนทำให้ผมมองมันตาขวาง และพยายามที่จะเดินหนี แต่ว่า มือของมันจับแขนผมไว้แน่นและบีบ แรงมากๆ จนผมเจ็บน้ำตาแทบเล็ด
“มึงจะทำมัยการบ้านอะ” มันถามผมมา ผมได้แต่กลั้นความเจ็บเอาไว้ในใจ ก่อนจะผืนใจตอบมันไปว่า
”ปล่อยกูนะไอ้สาด..” ผมยังพูดไม่ทันจบมันก็เพิ่มแรงบีบขึ้นไปอีก จนทำให้ผมต้องเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บ “โอ้ย กูเจ็บนะ” ผมพยายามที่จะบอกมันก็มันเจ็บจริงๆนี้ ไม่รู้แม่งเอาแรงที่ไหนมาบีบ
“แล้วจะทำการบ้านได้ยัง” มันไม่ถามผมว่าเจ็บหรอ แต่มันถามผมว่าจะทำการบ้านได้ยัง และวันนั้นเองที่ผมได้ทำการบ้านเป็นครั้งแรงในโรงเรียนแห่งนี้
“สองมือเล็กของผม ค่อยๆบรรจงเขียดเขียนตัวหนังสือลงไปในสมุด ความเจ็บจากที่โดนบีบที่ต้นแขนมันยังเจ็บ จนทำให้มือผมสั่นน้อยๆไปเลยตอนเขียนหนังสือ ข่มความเจ็บเอาไว้ในใจและกนด่ามันในใจด้วยความแค้น จนกระทั้งทำการบ้านเสร็จ
ผมก็รีบลุกขึ้นและวิ่งหนีทันที ไม่อยากเจอหน้ามัน อยากไปอยู่เงียบๆคนเดียว ทำมัยมันต้องมายุ่งวุ่นวายกับผมด้วย
ผมวิ่งหนีด้วยความเร็วที่ผมคิดว่าวิ่งเร็วที่สุดในชีวิตผมแล้ว แต่จู่ๆ ก็มีมือสองมือโอบกอดผมไว้จากข้างหลังทำเอาผมเสียหลักแทบล้ม เมื่อหันกลับไปมองก็เจอสายตาโคตรดุของมันจ้องมองอยู่ ทำเอาผมเสียวสันหลังวาบไปเลย
“จะไปไหน ไปเข้าเรียน” มันส่งเสียงเหี้ยมๆปนหอบหน่อยๆมาให้ผม ก่อนที่ร่างของผมจะโดนมันอุ้มขึ้นพาดบ่า
“โว้ย มึงจะทำอะไรวะ สาดนี้ปล่อยกูลงนะ” ผมพยายามที่จะดิ้นและโว้ยวายเมื่อโดนมันอุ้ม แต่ แรงพาดจากผ่ามือของมันเข้าที่ก้นของผม ทำให้ผมหยุดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง และยอมให้มันพาไปดีๆ
น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกจากดวงตา และผมต้องรีบปาดมันทิ้ง เจ็บก้น แม่ง ฟาดมาได้ซะแรง แล้วจะนั่งได้มัยละทีนี้
ผมโดนมันอุ้มเข้าชั้นเรียน ท่ามกลางสายตาที่สงสัยของคนอื่นๆ ก่อนจะโดนวางลงให้นั่งที่เก้าอี้ มันวางผมแรงจนต้องแบะปากเพราะเจ็บก้น
“ขอโทษครับคุณครู ที่เข้าสายพีดีเพื่อนเขาเจ็บขาเลยต้องอุ้มมาอะครับ มันพูดเสร็จและเอาการบ้านไปส่ง การบานที่ผมโดนบังคับให้ทำ และกลับมานั่งข้างๆผม ที่นั่งหน้าบึ้งจนเพื่อนๆที่นั่งใกล้ๆทำหน้าตาขยาดๆไปกันหมดแต่มัน ไอ้สาดบอย มันไม่กลัวผมเหมือนคนอื่นๆกลัวเลย วันนั้นผมเลยได้เข้าเรียนช่วงบ่ายจนโรงเรียนเลิกเป็นครั้งแรก
ผมเดินอาดๆออกจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน แต่ มันอีกแล้ว ไอ้บอยมันขี่จรักยาน ตามหลังผมมาและบอกให้ผมขึ้นซ้อนท้าย
ผมมองมันและก็เมินรีบเดินเร็วขึ้น จนมันร้องบออกมาว่า “กูบอกให้ขึ้นรถจะไปส่งหรือมึงอยากลองดีกับกู” คำพูดของมันทำให้ผมต้องหยุดเดินเพื่อประเมินสถานการณ์ ก่อนจะออกวิ่งหนีมันไปอีกที ผมได้ยินมันร้องด่าตามหลังมาว่า
“สัดเอ้ยทำมัยมึงเอาใจยากขนาดนี้วะ” ผมได้ยินแล้วอยากขำมันเอาใจผมตอนไหนวะ สัดนี้แม่งบังคับกูก็ไม่ว่า
ด่ามันในใจยังไม่เสร็จเลย แขนของผมก็โดนมันที่วิ่งตามหลังมาคว้าเอาไว้ได้และกระชากกลับอย่างแรง ทำเอาผมเสียหลักหงายหลังล้มหัวกระแทกพื้นไปเลย ผลที่ได้คือ หัวโน ปวดจนแทบขยับไม่ได้ ผมได้แต่นั่งกุมหัวตัวเองด้วยความเจ็บ
“กูบอกแล้วไงว่าให้ขึ้นรถดีๆเป็นไงละทีนี้ สมน้ำหน้า ทีนี้จะขึ้นรถกับกูได้ยัง” ถึงผมไม่อยากจะขึ้นก็ต้องขึ้นแหละครับ ปวดหัวจนแทบจะเดินไม่ได้ พ่อกลับมาถึงบ้านน้าบัวผมก็รีบเข้าห้องล้มตัวลงนอนทันที ผมไม่ได้สนใจหรอกว่ามันหรอกว่ามันจะกลับหรือมันจะอยู่ รู้อยากเดียวคือวันนี้ผมเหนื่อยและเจ็บตัวทั้งวัน หัวยังปวดตุบๆ น้ำตาไหลออกมาทั้งๆที่หลับตา แต่ผมไม่ได้ร้องให้ แค่น้ำตามันไหลออกมาเอง ทั้งๆที่ผมตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่ร้องให้ ไม่ร้องอีกแล้วเสียใจมามากพอแล้ว ผมไม่อยากที่จะร้องให้ให้ใครๆมองว่าผมอ่อนแอ ขี้ขลาดอีกแล้ว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น