คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #59 : ◣Fanfic◥ [AllxLuffy] Candied dream : The red fabric and sea(2) (Part18)
Title: Candied dream : The red fabric and sea(2)
Rate: PG-13
Writer: PINKUHERO
Part: 18/20
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผู้ชายคนนี้มีลักษณะภายนอกทุกอย่างคุ้นตาไปหมด…
โดยเฉพาะผมสั้นสีทองและแว่นตาแหลมๆ ทรงประหลาดนั่น เขาต้องเคยเห็นมาก่อนแล้วแน่ๆ แต่ความสามารถในการจำคนของลูฟี่มันดันต่ำเตี้ยเรี่ยดินเกินไปหน่อย
“นายเป็นใครเนี่ย” จึงสรุปออกมาได้เป็นประโยคดังกล่าวที่เล่นเอาคนฟังสะอึกไปนิดหนึ่งเช่นกัน
พวกเขาเคยพบกันแล้วที่โลกข้างบน ในเวลานั้นชายหนุ่มสวมผ้าคลุมขนเฟลอร์สีหวาน ต่อให้เขามีพลังพิเศษที่สามารถกอบกุมชะตาของคนอื่นได้ แต่นั่นก็ไม่ได้มากพอจะทำให้เด็กคนนี้ถูกผูกมัดอยู่กับเขา
“เจอเจ้านั่นแล้วสินะ โจรสลัดที่มือข้างหนึ่งเป็นตะขอ”
คนพูดเมินท่าทางไม่ไว้ใจอย่างสุดขีดของเด็กน้อยตรงหน้า ประโยคดังกล่าวเรียกความสนใจให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ราวกับกำลังโดนจับตามองทุกการกระทำ ผู้ชายคนนี้รู้ได้ยังไงว่าเขาไปช่วยคนๆ นั้นไว้
“เจ้านั่นคงตามหาเธออยู่ มันถือครองอัญมณีที่จะนำพาไปสู่ความเป็นอมตะได้”
คุ้นๆว่าเคยได้ยินเรื่องราวแบบนี้มาก่อนสมัยที่ไปติดอยู่บนเกาะที่มีแต่โจรสลัด และอัญมณีที่ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับพิธีบูชายัญอะไรซักอย่างที่มีเขาเป็นเครื่องสังเวยเสียด้วย
“สิ่งที่เธอต้องทำคือแย่งมันมาให้ฉัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม”
“แต่เจ้านั่นคงไม่ยอมมอบให้เธอง่ายๆหรอกนะ”
ลูฟี่มองรอยยิ้มน่ากลัวของร่างสูงตรงหน้าก่อนขมวดคิ้วยุ่ง คนๆนี้อยากได้อัญมณีมาเพื่ออะไรกัน อยากได้ความเป็นอมตะเหมือนกันหรือไงนะ แล้วเป็นธุระอะไรของเขาที่ต้องแย่งมันมาจากมือคนอื่นด้วยล่ะเนี่ย
“แล้วทำไมฉันต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย” หมอนี่ประหลาด… ปกติเด็กหนุ่มเคยเจอแต่คนวิ่งเข้าใส่ มาเจอคนใช้ให้ไปทำนู่นทำนี่ทีก็เล่นเอาทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
อุตส่าห์คิดว่าจะได้กลับบ้านแล้ว ก็ดันมาเจอปัญหาขึ้นไปเดินบนบกไม่ได้อีก ใครนะช่างกลั่นแกล้งเขาบ่อยเสียจริง
“คิดไว้อยู่แล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้”
ได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาจากคนตัวสูง แม้อีกฝ่ายจะสวมใส่แว่นบดบังดวงตา แต่ใบหน้าคมนั้นกลับกำลังแสดงสีหน้าเหมือนกับเศร้าสร้อยนักหนา
“ฉันจำเป็นต้องใช้เจ้านั่นด้วยสิ ไม่อย่างนั้นคงได้ตายเร็วๆ นี้แน่”
อยู่ๆ ก็ดึงดราม่าเฉยเลย…
เห็นอีกฝ่ายพึมพำว่า ‘เวลาของฉันเหลือไม่มากแล้ว’ ยิ่งทำให้คนน้องลำบากใจ เป็นเจ้าหญิงอยู่ดีๆ ก็ได้มาเกี่ยวพันกับความเป็นความตายของคนอื่นซะอย่างนั้น
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างใช้ความคิด คนอย่างเขาก็ดูคนโกหกไม่เป็นด้วยสิ แต่หากผู้ชายหน้าเศร้าคนนี้กำลังจะตายจริงๆ เท่ากับว่าเขากำลังใจดำกับวาระสุดท้ายของคนอื่นเลยนะ
ตัดสินใจยากชะมัด…
“ก็ได้… ฉันช่วยนายก็ได้” ไม่รู้ด้วยแล้ว จะให้วางแผนก็ทำไม่เป็น ระบบความคิดของเขามันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น แต่ถ้ามันแลกกับวิธีกลับไปโลกเดิมได้ ลองเสี่ยงดูก็ไม่เสียหายอะไร
“เวลามีแค่สามวัน …ถ้าเธอหาอัญมณีมาไม่ทัน ฉันก็ต้องตาย”
“และฉันมีข้อแลกเปลี่ยน ถ้าเธอทำไม่ได้จริงๆ”
เวลาก็น้อย แถมเงื่อนไขนู่นนั่นนี่ยังเยอะไปหมด คนๆ นี้ไม่มีใครคบด้วยหรือไงนะถึงไม่เคยได้รับความช่วยเหลือมาก่อนเลย
“ระหว่างที่เวลาของฉันกำลังนับถอยหลังลง ฉันจะบอกวิธีกลับขึ้นไปข้างบนให้เธอก็ได้”
“แต่เธอต้องสัญญาว่าจะอยู่ดูแลฉันไปจนวาระสุดท้ายเหมือนกัน”
ทำไมชีวิตของผู้ชายคนนี้มันน่าเศร้าขนาดนั้น ลูฟี่รู้สึกเวทนาเต็มทนจนต้องถอนหายใจเบาๆ มีอะไรแปลกๆ หลายอย่างที่เขายังไม่เข้าใจ คนตัวสูงปล่อยให้เวลามันผ่านมาได้ยังไงจนเหลือวาระสุดท้ายของตัวเองแค่สามวัน
“ทั้งๆ ที่ดูแข็งแรงขนาดนั้น ทำไมนายถึงไม่ไปทวงของคืนมาด้วยตัวเองล่ะ” อย่างแรกเลยสภาพของคนตรงหน้าดูเหมือนคนที่ไม่น่าจะตายในเวลาสามวันแม้แต่นิด ด้วยร่างกายสูงใหญ่และรูปร่างเหมือนคนออกกำลังกายเป็นประจำ ดูยังไงก็น่าจะเก่งกว่าเขาทั้งในแง่กำลังและสมอง
“ไม่ได้ผิดหรอกนะ ฉันมีพลังวิเศษอย่างที่เธอคิด”
“แต่เพราะใกล้จะตายแล้ว แค่ขยับร่างกายให้ได้อย่างใจยังลำบาก” ว่าพร้อมเอามือกุมตำแหน่งหัวใจของตัวเองเหมือนเจ็บปวดนักหนา
เขาจะทำยังไงดีนะ… เมื่อกี๊ก็ดันเผลอรับปากว่าจะช่วยไปแล้วเสียด้วยสิ
สภาพมนุษย์ปลาหมึกคนนั้นน่าอนาถเต็มทน แต่ที่น่าอนาถไม่ต่างกันก็คงเป็นสภาพของเด็กหนุ่มในตอนนี้ เขารับปากว่าจะช่วยเหลือทั้งที่ตัวเองยังเดินเท้าเปล่าบนบกไม่ได้ ร่องรอยสีเขียวบนขาไม่ว่าจะลบอย่างไรก็ไม่มีทางหายไป
พวกเขาผูกมัดเงื่อนไขเหล่านั้นกันด้วยสัญญา ลูฟี่พยายามหาหนทางจากคนใกล้ตัวอย่างอิวานคอฟ แต่อีกฝ่ายก็จนปัญญาที่จะทำให้ความปรารถนาจะใช้ชีวิตบนบกเป็นจริงได้เหมือนกัน แม้อิวานคอฟจะเคยปรากฏตัวบนพื้นดิน แต่เขาก็สามารถเดินเหินอยู่ได้แค่ไม่นานเท่านั้น
เจ้าหญิงเงือกน้อยทำได้เพียงว่ายน้ำกลับไปที่เดิมที่เขาได้พบกับโจรสลัดคนนั้นทั้งเช้าเย็น ซากเรือที่เคยอับปางยังคงจมอยู่ใต้ผืนน้ำ แต่ไม่ได้ปรากฏร่างของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเสียที
“ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าเจ้านั่นตั้งใจจะขโมยพลอยหนีไป ฉันเองก็จนปัญญาแล้วเหมือนกัน” แต่ไหงคนที่บอกว่าตัวเองป่วยใกล้ตายถึงได้มาคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ตัวเขาตลอดเวลา ซ้ำยังทำหน้าตาน่าสงสารเหมือนคนใจจะขาดอยู่รอมร่อ
“ฉันไม่ยอมแพ้หรอกนะ”
สองวันแล้วที่ลูฟี่ทำได้แค่ว่ายน้ำมายังที่แห่งนี้ซ้ำไปซ้ำมา ผู้ชายในชุดปลาหมึกกลายเป็นคนที่อยู่ข้างๆ เขาตลอดเวลา ทั้งฟ้าฝนและคลื่นลมต่างก็ไม่เป็นใจ ไม่ว่าอย่างไรสภาพอากาศในตอนนี้ก็ไม่เอื้ออำนวยให้คนมาออกเรือเลยซักนิด ถ้าดวงตะวันของวันพรุ่งนี้ลับขอบฟ้าไป นั่นเท่ากับความตายของผู้ชายชุดดำคนนั้นและหนทางกลับบ้านของเขาเป็นอันตธานหายไปเช่นกัน
คนตัวสูงว่ายน้ำจากไปพร้อมกับพายุและคลื่นลมที่สงบลงอย่างน่าประหลาด ลูฟี่เลือกที่จะอยู่ต่ออีกสักนิดเผื่อจะเจออะไรบ้าง แล้วควันไฟจากชายฝั่งก็เป็นสิ่งเรียกความสนใจจากเขาให้เข้าไปใกล้ ดูเหมือนจะมีร่องรอยของมนุษย์ออกมาใช้ชีวิตหลังฝนหยุดลงแล้ว
เขาไม่สามารถเข้าใกล้ไปกว่านั้นได้อีก เด็กหนุ่มทำได้เพียงพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนโขดหินก้อนหนึ่ง และปล่อยให้ปลายเท้าได้สัมผัสกับน้ำทะเล ความรู้สึกกระหายน้ำเข้าโจมตีทุกครั้งที่คิดจะก้าวไปบนผืนทราย
ผู้ชายที่มีมือเป็นตะขอคนนั้นจะปรากฏตัวขึ้นมาอีกรอบไหมนะ… เขานั่งรอแบบนี้มานานแล้ว
“กำลังตามหาฉันอยู่งั้นหรอ พายุมันหนักจนไม่มีใครออกมาได้เลยน่ะ”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ส่งให้ไหล่เล็กทั้งสองข้างสะดุ้งขึ้น ทันทีที่ใบหน้าและดวงตากลมโตของเด็กหนุ่มหันไปประจันหน้า รอยยิ้มจากคนที่รอโอกาสได้พบเจอก็ปรากฏขึ้นมาบนริมฝีปาก
ในที่สุดก็ได้พบกันอีกครั้ง… เขายังคงเหมือนเดิมกับครั้งก่อนที่เคยพบกัน
เจ้าหญิงเงือกมองใบหน้าคมนั้นอย่างครุ่นคิด ไม่รู้ว่าพลอยที่ผู้ชายปลาหมึกคนนั้นตามหาจะใช่อันที่เขาคิดไว้หรือเปล่า แต่เขาจำได้ว่าเคยเห็นพลอยสีเขียวอันหนึ่งสมัยที่โดนลากมาตรงแท่นบูชายัญ เหตุการณ์นั้นมีใครอีกคนปรากฏตัวเข้ามาวุ่นวาย ลูฟี่จำไม่ได้ว่าเขาเป็นใครนอกจากผ้าคลุมขนเฟลอร์สีชมพู
มือเล็กยื่นออกไปวางแบอยู่ตรงหน้าคนที่เข้ามาใกล้ พร้อมใบหน้าน่ารักที่ดูจะจริงจังกว่าทุกครั้ง
“ผู้ชายคนนั้นบอกว่านายขโมยพลอยของเขามา”
“คืนมาให้ฉันเถอะ ไม่งั้นหมอนั่นตายแน่ๆ” นอกจากนั้นเขาจะไม่ได้กลับบ้านด้วย
“พลอย…?” คนถูกกล่าวหาทำหน้าไม่เข้าใจ มีคนกำลังจะตายเพราะพลอยอันไหน มีอัญมณีมากมายที่เขาเคยช่วงชิง มากเสียจนไม่รู้ว่า ‘ผู้ชายคนนั้น’ ที่เด็กหนุ่มหมายถึงคือใคร
แต่บางสิ่งก็ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาได้ หากเป็นพลอยที่เชื่อมโยงทั้งเขาและเด็กคนนี้เข้าด้วยกันก็มีเพียงอันเดียวเท่านั้น
“หมอนั่นของนายใช่ผู้ชายตัวสูงใส่ผ้าคลุมสีชมพูหรือเปล่า”
มีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักการมีอยู่ของอัญมณีแห่งความเป็นนิรันดร์ คนที่เจ้าเล่ห์และสามารถหลอกเด็กคนนี้ได้อย่างแยบยลจะต้องเป็นชายคนนั้นไม่ผิดแน่
ลูฟี่ขมวดคิ้วยุ่ง เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่ายหัวเป็นคำตอบกลับไป จริงอยู่ว่าหน้าตาและแว่นทรงประหลาดมันคุ้นเสียจนคิดว่าต้องเคยมาพบก่อนแน่ๆ แม้ชุดที่สวมใส่จะเป็นชุดคลุมตัวใหญ่เหมือนกัน แต่มันก็เป็นสีดำแถมเจ้าตัวยังอ่อนแอขนาดมายืนบนบกไม่ได้เหมือนกับเขา
“โดฟลามิงโก้ เจ้านั่นโกหกนาย มันไม่มีพลอยอมตะอยู่จริงตั้งแต่แรกแล้ว”
คนเจ้าเล่ห์นั่นกำลังมอบเงื่อนไขอะไรให้เด็กหนุ่มอยู่กันแน่ ถึงทำให้เจ้าของใบหน้าน่ารักนี่ปักใจเชื่อโดยไม่สงสัยได้ขนาดนั้น
คร็อกโคไดล์สบโอกาสคว้าข้อมือเล็กก่อนออกแรงเบาๆ ให้ร่างนั้นก้าวตามมา
“ไม่ต้องไปเชื่ออะไรมัน หนีไปกับฉัน ฉันจะพาไปในที่ปลอดภัย”
แต่การทำแบบนั้นทำให้คนน้องรู้สึกหายใจไม่ออก ลำคอมันกำลังแห้งผากมากขึ้นตราบเท่าที่ร่างกายของเขาห่างออกมาจากผืนน้ำ เจ็บฝ่าเท้าราวกับมีเข็มนับร้อยทิ่มแทงทุกย่างก้าวที่เหยียบไปบนชายหาด
“ฉันไปกับนายไม่ได้ เอาพลอยอันนั้นมาให้ฉันเถอะนะ” ใบหน้าหวานนั้นซีดเซียวราวกับคนจะเป็นลมให้ได้เสียตรงนั้น ส่งให้คนที่ตั้งใจจะพาออกไปตั้งแต่แรกยอมชะงักปลายเท้าลง เขามองตรงเข้าไปในดวงตาสีไม้มะเกลือของเด็กน้อย ก่อนจะวางฝ่ามือข้างที่ไม่ใช่ตะขอลงบนไหล่ลาดอย่างแผ่วเบา
“นายฟังฉันนะ… พลอยมันไม่มีอยู่ตั้งแต่แรก เพราะฉันเลือกทำลายกุหลาบสีน้ำเงินและส่งนายออกไปตั้งแต่ตอนนั้น” และสิ่งที่โดฟลามิงโก้ปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อสร้างเงื่อนไขให้เด็กหนุ่มทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงกลับมาอยู่ที่นี่อีก… แต่อย่าไปหลงกลเจ้าหมอนั่นเด็ดขาด”
เกิดความผิดปกติของมิติเวลา เจ้าหญิงไม่ควรจะกลับมายังนิทานเรื่องเดิมเป็นครั้งที่สอง แต่ก็เป็นไปได้เช่นกันที่นิทานเรื่องใหม่จะกำลังดำเนินต่อไปโดยที่มีเขาเป็นหนึ่งในตัวละครของเรื่อง
แต่ความเป็นจริงว่าไม่มีผู้ใดสามารถครอบครองเจ้าหญิงได้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เด็กหนุ่มสับสน เขาไม่รู้เลยว่าใครกำลังพูดความจริง ใครกันแน่ที่กำลังโกหก แต่เงื่อนไขระหว่างเขาและชายที่อยู่ในถ้ำได้เกิดขึ้นจริง คืนที่สองของสัญญาล้มเหลวไปด้วยพลอยที่ไม่มีอยู่จริง และพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันที่สามแล้ว
“หมายความว่าอย่างไรที่ว่าเจ้าโดนหลอก เล่าทุกอย่างให้ฟังหน่อยสิลูฟี่”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ร่างของชายสวมผ้าโปร่งบางวับๆ แวมๆ ก้าวขึ้นมาจากผืนน้ำพร้อมผู้ติดตามผมฟูที่เด็กหนุ่มรู้จักดี ดวงตาคมของเจ้าตัวจ้องขเม็งไปยังฝ่ามือใหญ่ที่วางอยู่บนหัวไหล่ของเด็กหนุ่มอย่างถือวิสาสะ
“ส่วนแกก็ปล่อยมือจากลูกชายฉันได้แล้ว คิดจะพาเขาไปที่ไหนกัน”
ลูฟี่รู้จักเสียงและผมกระเซอะกระเซิงของชายคนนี้ดี ทันทีที่ดวงตากลมโตหันไปสบตากับคนที่รู้จักได้ น้ำตามันก็เอ่อคลอจนจะไหลออกมาเสียให้ได้
“ลุง… ผมกำลังจะทำให้คนๆ นึงตาย”
“เล่าความจริงมาว่าแกโกหกอะไรลูกฉันไว้”
บรรยากาศตึงเครียดแผ่ออกมาจากผู้มีศักดิ์เป็นราชาแห่งผืนน้ำใต้สมุทร เบื้องหน้ามีเพียงผู้เกี่ยวข้องเท่านั้นที่สามารถเข้ามายืนอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่มหึมานี้ได้ หนึ่งในนั้นก็คือตัวต้นเหตุของเหตุการณ์ทั้งหมดอย่าง ‘โดฟลามิงโก้’ ที่ถูกเรียกตัวมากะทันหัน ร่างสูงเพียงยืนประจันหน้าด้วยสีหน้านิ่งสนิท เขาเองก็จ้องมองกลับไปยังชายบนบัลลังก์อย่างไม่เกรงกลัว
“ฉันก็แค่บอกว่าตัวเองกำลังจะตาย แล้วลูกชายแกก็อยากช่วยแค่นั้นเอง”
“แต่แกไม่ได้กำลังจะตายจริงๆ นี่โดฟลามิงโก้ จะทำอะไรกันแน่” เผลอๆ เทียบกันแล้วเจ้านี่อาจจะตายทีหลังเขาเสียด้วยซ้ำ ไม่ใช่ไม่ได้คาดเดาเอาไว้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในสักวัน แม้เขาจะเป็นหนึ่งในผู้มีพลังวิเศษ แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถคาดเดาตอนจบของนิทานได้
“ไม่ได้กำลังจะตายงั้นหรอ” ใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างบัลลังก์ของกษัตริย์ดราก้อนตั้งแต่แรกเพิ่งจะปะติดปะต่อเรื่องได้และฉุกคิดขึ้นมา เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามกรอบหน้าหวาน ก่อนปลายนิ้วเรียวจะชี้ไปยังร่างเจ้าปัญหาด้วยความรู้สึกโมโหที่ตีเข้ามา
“นายโกหกฉันนี่นา!”
เข้าใจสิ่งที่ผู้ชายมือตะขอพยายามจะเตือนแล้ว หรือว่าการถามว่าใช่ผู้ชายใส่ผ้าคลุมขนเฟลอร์หรือเปล่าเป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นคนๆ เดียวกัน
รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนริมฝีปากของผู้ปกครองแห่งน่านน้ำอีกฟากของมหาสมุทร เสียงหัวเราะหลุดออกมาทีละน้อยก่อนจะระเบิดออกมา เขาลอบสายตาผ่านแว่นมายังใบหน้าน่ารักอย่างพอใจ
“แต่สัญญาระหว่างฉันกับเขาทำขึ้นแล้วน่ะสิ แบบนี้ก็แก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว” ฝ่ามือวาดไปในอากาศเพียงครั้งเดียว แผ่นหินอันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็นลายลักษณ์อักษรที่สลักเงื่อนไขเอาไว้ชัดเจน เขาสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาในตอนที่ตั้งใจว่าจะมอบเงื่อนไขให้เด็กหนุ่ม และทั้งสองฝ่ายต่างก็ลงนามของตนเพื่อให้เงื่อนไขเหล่านั้นเสร็จสมบูรณ์
เงื่อนไขที่ว่าเจ้าหญิงจะต้องอยู่ดูแลเขาไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต หากไม่สามารถหาพลอยแห่งนิรันดร์มาได้ตามกำหนด…
โดฟลามิงโก้รู้อยู่ตั้งแต่แรกว่าพลอยสลายไปแล้ว ตั้งแต่คร็อกโคไดล์ส่งเด็กหนุ่มให้หนีไปจากเขา
ช่วงเวลาสามวันล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้แล้ว ชายคนนี้วางแผนมาอย่างดี ตั้งใจปั่นหัวลูฟี่เสียเละเทะ มอบเงื่อนไขที่ไม่มีทางทำได้สำเร็จตั้งแต่แรก เพื่อผูกมัดเด็กคนนั้นไว้กับตนเองตลอดกาล
ตามเนื้อหาของนิทานปรัมปราที่เคยเล่าขานเอาไว้ ตัวร้ายแห่งท้องทะเลจะมอบเงื่อนไขให้แก่เจ้าหญิงเงือกเพื่อแลกกับขา ให้เธอสามารถไปใช้ชีวิตอิสระอยู่บนพื้นดิน แต่เจ้าหญิงก็ไม่เคยทำสำเร็จเลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่แตกแขนงไปเท่าใด สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้คงเป็นตอนจบของเรื่องที่มีหลากหลายแบบ
“แต่ฉันไม่ได้อยากอยู่ในน้ำ ฉันโกรธนายมาก จะไม่เชื่ออะไรอีกแล้ว!”
หน้านิ่วคิ้วขมวดจากอีกฝ่ายยิ่งทำให้โดฟลามิงโก้หัวเราะอย่างพอใจ
“แต่สัญญาที่เธอลงชื่อไปเป็นของจริง มันจะผูกมัดเอาไว้ไม่ให้เธอหนีไปได้อีก”
ต่อให้ไม่เต็มใจแต่ก็ไม่สามารถผิดสัญญาได้ เพราะอำนาจที่เขามีอยู่ในมือมันเป็นของจริง ตัวละครแบบเขาถูกสร้างขึ้นมาพร้อมพลังที่เหนือคนอื่น
แต่สิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มหลงลืมไปคือผืนสมุทรแห่งนี้มีผู้ปกครองที่มีอำนาจในมือถึงสอง อีกความจริงว่าดราก้อนก็สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสัญญาได้ คนมีสถานะเป็นบิดากำลังครุ่นคิด อิวานคอฟที่เป็นคนสนิทจ้องมองมาที่เขาเหมือนกำลังคาดหวังคำตอบบางอย่าง
แม้จะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขได้แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด...
ทั้งที่พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องราววันนี้เกิดขึ้นมาโดยตลอด ลูฟี่กำลังวิ่งเต้นไปตามเนื้อเรื่องของนิทาน ดราก้อนรับรู้เรื่องทุกอย่างมาโดยตลอดแต่ก็ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายต่อโชคชะตาได้ สิ่งที่เด็กหนุ่มต้องเผชิญมีทั้งหมดแปดเรื่องราว ณ ตอนนี้มันได้ดำเนินมาจนถึงเรื่องสุดท้ายแล้ว
หลังจากนี้เจ้าหญิงจะเป็นอิสระจากนิทานและถูกคืนสถานะที่แท้จริง ถ้าไม่มาเจอคนเจ้าเล่ห์บิดพลิ้วเนื้อเรื่องไปแบบนี้เสียก่อน
“พอได้แล้วโดฟลามิงโก้” เนื้อเรื่องควรดำเนินไปแบบที่เคยเป็น ตอนจบของนิทานนางเงือกน้อยจะบรรจบที่การสมหวังหรือแสนเศร้า ไม่มีใครสามารถทราบได้ อย่างน้อยก็ดีกว่าต้องให้ลูกชายมาอยู่ดูแลเจ้าปลาหมึกโรคจิตนี่
แผ่นหินที่คนชุดดำเคยแสดงต่อหน้าคนทั้งหมดกำลังเรืองแสง เจ้าของแว่นปลายแหลมแสดงสีหน้าคาดไม่ถึงเมื่อตัวหนังสือที่เคยสลักรายละเอียดต่างๆ กำลังลอยขึ้นมาและจัดเรียงเป็นคำพูดใหม่ แม้เขาจะพยายามใช้พลังของตัวเองต้านทานแต่ก็ไม่เร็วพอกับจังหวะที่ดราก้อนช่วงชิงไป
อีกไม่นานดวงตะวันจะลับขอบฟ้าแล้ว สัญญานี้กำลังจะสิ้นสุดลง นี่คือสิ่งที่ดราก้อนสามารถทำให้ลูฟี่ได้
‘เจ้าหญิงจะสลายเป็นฟองสบู่ตลอดกาลหากไม่สามารถทำตามสัญญาได้สำเร็จ’
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ถูกจัดเรียงเอาไว้ ร่างสูงใหญ่วิ่งเข้าไปหาร่างที่ถวิลหาหมายจะโอบกอดไว้ไม่ให้จากไปไหน แต่ทุกอย่างมักช้าไปก้าวหนึ่งเสมอเมื่อปลายเท้าของเด็กน้อยกำลังลอยขึ้นจากพื้น รอบกายเขาล้อมไปด้วยฟองสบู่ขนาดใหญ่ที่ทำให้รู้สึกเหมือนโดนขังอยู่ด้านใน
“เกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย” แม้จะดูบอบบางแต่ก็ไม่สามารถทำให้แตกจากด้านในได้ คนเป็นพ่อยกยิ้มอย่างผู้ชนะเมื่อเห็นใบหน้าโมโหของราชาแห่งน่านน้ำตะวันตก เพราะโชคชะตาของเด็กหนุ่มมันน่าสงสารเกินไป เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ต่างหากที่เจ้าตัวควรจะเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง
โดฟลามิงโก้ส่งเสียงผ่านไรฟันด้วยความหงุดหงิด แม้สุดท้ายจุดจบของเจ้าหญิงเงือกน้อยคือการกลายเป็นฟองสบู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขากังวลใจนัก จะเสียดายก็แต่โอกาสที่พยายามมาหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยครอบครองเด็กคนนั้นได้เลย
ภาพของลูฟี่กำลังเลือนลางไปจากธารสายตาของคนมอง ก่อนที่ฟองสบู่ขนาดมหึมาจะแตกสลายกลายเป็นเพียงไอน้ำในอากาศเท่านั้น
นั่นเป็นสัญญาณให้ตัวละครทั้งหมดได้รับรู้ว่าพันธนาการที่ผูกพวกเขาเอาไว้ได้จบสิ้นลงแล้ว และตำนานที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นใหม่จะเกิดหลังจากนี้ต่างหาก
หากว่าไม่มีผู้ใดสามารถครอบครองเจ้าหญิงแต่เพียงผู้เดียวได้
แต่เงื่อนไขเหล่านั้นมีข้อยกเว้นเพียงหนึ่ง
หากเขาสามารถตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเองได้
จนกว่าจะได้พบกันอีก ใครกันนะจะได้ตัวของเจ้าหญิงไปก่อน...
ความคิดเห็น