ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Collection of My Writings: รวมงานเขียน/เรื่องสั้น/fanfic/แปลโดจิน) / focus on Naruto.

    ลำดับตอนที่ #10 : (Fic Crayon Shin-chan: ชินจัง x คาซาม่า) The Hottest Day of The Year

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 827
      9
      25 เม.ย. 63









    ฟิค Shin-chan x Kazama: The Hottest Day of The Year


    (Author's Note)

    สวัสดีค่ะ เป็นฟิคที่อยู่ดีๆ ก็นึกอยากเขียนขึ้นมาตอนเห็นงานวาดน่าเอ็นดูของคุณ kadikadisake ค่ะ ชื่อเรื่องจริงๆ แล้วของฟิคนี้คือ The weather report says there will be the highest temperature of the year today. เป็นชื่อเรื่องที่ยาวที่สุดในชีวิตการเขียนของเราแล้ว ฮา เพราะอยากตั้งชื่อเรื่องให้เป็นแนวที่กำลังฮิตในญี่ปุ่นช่วงนี้ดูค่ะ ประเภทที่ชื่อเรื่องเป็นประโยคยาวๆ แบบนั้น แต่ที่ไม่ได้ใส่ชื่อเรื่องเต็มๆ ข้างบนเพราะมันยาวไป ฮา ตอนแรกตั้งใจเขียนให้เป็น one-shot ชื่อว่า Lemonade and Iced Tea แต่เขียนไปเขียนมาไม่รู้ชื่อเรื่องนี้มันเกี่ยวกับเนื้อเรื่องตรงไหน แค่คิดว่าชินจังคงเป็น Lemonade และคาซาม่าคุงเป็น Iced Tea ในหน้าร้อนมั้งคะ ก็เลยเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นอันนี้

    ผู้เขียนให้คาซาม่าเป็นนายธนาคารเพราะคิดว่าเหมาะดี ตอบสนองความทะเยอทะยานจะมีหน้าที่การงานดีๆ มีความมุ่งมั่นจะอยู่ในตำแหน่งมีหน้ามีตาของคาซาม่าคุงได้ เพราะอาชีพนายธนาคารที่ญี่ปุ่นจะถูกมองว่าดูดีมีอนาคตทีเดียว อีกอย่างคาซาม่าคุงเป็นคนพิถีพิถัน แถมยังนึกถึงดราม่าทีวีของญี่ปุ่นเรื่องฮันซะวะ นะโอะคิอันโด่งดังที่ตัวเอกเป็นนายธนาคารขึ้นมา ก็เลยคิดว่าเหมาะสมแล้ว ส่วนชินจังเป็นตำรวจสืบสวนเพราะนึกไม่ออกเลยว่าเด็กคนนี้โตขึ้นควรจะเป็นอะไรดี ทำได้หลายอย่างทีเดียว แต่พอนึกถึงตำรวจสืบสวนขึ้นมาแล้วก็คิดว่านี่แหละ ถูกต้องเหมาะสม เพราะชินจังมักจะแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดี แล้วนิสัยช่างสังเกต หัวไวและฉลาดดูจะเป็นประโยชน์สอดคล้องกับเนื้องาน นอกจากนี้จริงๆ ก็เป็นเด็กที่เป็นห่วงเป็นใยคนอื่นด้วย อีกอย่าง นายธนาคารกับตำรวจสืบสวน คู่นี้ต้องน่าสนใจมากแน่ๆ ค่ะ

    ท่านใดตามงานเขียนผู้เขียนมาโดนส่วนใหญ่จะพบว่าผู้เขียนชอบเขียนเยิ่นเย้อเวิ่นเว้อ บรรยาสามสี่ตลบค่อยได้ฤกษ์พอใจ แต่จริงๆ ปกติผู้เขียนจะเลือกสไตล์การเขียนให้เข้ากับงานชิ้นนั้นๆ ฟิคสั้นนี้เลยออกมาเป็นการใช้ถ้อยคำกระด้าง กระชับ ไม่อ่อนช้อยสละสลวย เน้นความรู้สึกแบบนี้ค่ะ แต่บางจุดไม่ค่อยสละสลวยจริงๆ ดูไม่ดีเลย แต่มักจะเป็นแนวที่เลือกเขียนให้ฟิคสั้นอยู่แล้ว และพออ่านภาพรวมแล้วไม่มีติดขัดก็เลยปล่อยมันทิ้งไว้แบบนั้นอย่างไร้ความผิดชอบ ฮา

    สำหรับฟิคนี้ตั้งใจเขียนโดยคุมโทนไม่ให้รู้สึกแปลกๆ ไปกับความสัมพันธ์ของสองคนนี้ด้วยเพราะจริงๆ มันเป็นการ์ตูนเด็ก ก็เลยคิดว่าไม่ควรให้มันประดักประเดิดหรือเกินงามเกินไป แค่เป็นความสัมพันธ์ของคนที่โตๆ กันแล้ว และอยากให้อารมณ์เป็นความรู้สึกผูกพันที่ค่อยๆ ทักถออะไรแบบนั้น เพราะผู้เขียนเองก็ไม่ได้ชิปคู่นี้จริงจัง จริงๆ ชอบสองคนนี้แนว Bromance มากกว่า แต่แค่นึกอยากเขียนขึ้นมาก็เลยเกิดเป็นฟิคสั้นหาที่มาที่ไปและพล็อตไม่ได้เรื่องนี้ค่ะ ขอฝากผลงานชิ้นนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านค่ะ อนึ่ง ฟิคนี้ลงไว้ใน Wordpress อีกที่หนึ่งด้วย (คลิก) สามารถเลือกอ่านจากช่องทางที่สะดวกได้ค่ะ

    ccarcharia




    ---------------------------------------------------

    The weather report says there will be the highest temperature of the year today.

    ---------------------------------------------------

     




    แย่จริงๆ เหนื่อยชะมัด วันนี้อากาศก็ร้อน

    ชายหนุ่มนึกบ่น เขาออกมาเดินสายพบลูกค้าสินเชื่อในฐานะนายธนาคาร แต่วันที่อุณหภูมิสูงสุดในรอบปีเช่นนี้ไม่ได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้เขามากเท่าไรนัก

    ท้องฟ้าเป็นสีจัดและปลอดโปร่ง เขายืนรอรถไฟขบวนถัดไปที่ชานชาลา เพราะหลีกทางให้หญิงชราจับขบวนรถก่อนหน้านี้ขึ้นไปก่อนเพราะเชื่อว่าเป็นเรื่องที่สุภาพชนพึงกระทำด้วยความสุภาพและได้รับการอบรมมาดี เขาชื่นชอบการดำเนินชีวิตอยู่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมมาตลอด ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง และมีความรับผิดชอบต่อสิ่งผิดชอบชั่วดีสูง

    ระหว่างกำลังนึกถึงเรื่องที่ต้องกลับไปทำต่อในสำนักงานใหญ่ เขาก็เห็นหมอนั่น

    หมอนั่นยืนอยู่อีกฝั่งของชานชาลากำลังคุยกับใครคนอื่นอีกสองสามคน แต่ตอนนั้นก็ยังไม่วาย ส่งสายตามองตามผู้หญิงหน้าตาดี หุ่นใช้ได้ที่เดินละลิ่วผ่านไป

    ให้ตายเถอะ ถ้าแค่วันนี้จะยังแย่ไม่พอเพราะอากาศร้อนถึงขนาดนี้

    ยังต้องมาเจอคนที่ทำให้อุณหภูมิทะลุจุดเดือดได้ทุกครั้ง แถมยังบ้าดีเดือดและเลือดร้อนจนรู้สึกว่าอยู่ใกล้ๆ แล้วทุกอย่างจะพลันรุ่มร้อนไปหมด

    ร้อนจริงๆ ร้อนเหลือเกิน

    ร้อนเสียจนเขาไม่อาจสู้ได้

    ไม่อาจทนได้เลย

     


    ชายหนุ่มพยายามนึกภาวนาว่าอย่าให้หมอนั่นหันมาเห็น แต่ถ้าการที่รู้จักกันมานานถึงเพียงนั้นไม่ได้สอนให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกตาไวแค่ไหน คงจะน่าเสียดายและเป็นความล้มเหลวนัก เขาไม่เคยหนีอีกฝ่ายได้พ้น ทว่าก็ไม่เคยรู้สึกว่านั่นเป็นข้อเสียเปรียบที่แย่สำหรับตัวเองด้วยเช่นกัน และก็แน่นอน หมอนั่นหันมาเห็นในชั่วอึดใจหลังจากถอนสายตาออกจากผู้หญิงสาวสวยจนลับตาไปแล้ว

    หมอนั่นโบกมือตะโกนมาทันที ทำไมถึงชอบเอะอะ แสดงออกอย่างเปิดเผย จริงใจไม่ซ่อนเร้นนักนะ เปิดเผยและตรงไปตรงมาเหลือเกิน เพราะแบบนี้ก็เลยอยู่ด้วยได้สนิทใจมาตลอด

    เขาจะทำเป็นไม่เห็นไปเสียก็ไม่ได้ หมอนั่นต้องรู้อยู่แล้ว

    เขาถึงได้ส่งยิ้มแหยๆ กลับไป บ้าเอ้ย ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิ ให้เหมือนนายไม่ได้ปกปิดอะไรสักอย่างไว้น่ะ เขานึกตำหนิตัวเอง

    เขาคิดว่าจะแค่โบกมือ รอให้รถไฟรีบๆ มาแล้วหลบหายไป

    เพราะถ้าขืนอยู่ต่อให้หมอนั่นมาถึงตัว มีหวังวันนี้งานเขาไม่เสร็จแน่ๆ

    ก็เหมือนทุกทีที่เจอกันนี่

    หมอนั่นต้องดึงให้เขาปฏิเสธไม่ได้ทุกที แล้วทำไมเขาต้องยอมด้วยนะ ทั้งๆ ที่เขาคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำแท้ๆ เป็นคนที่มีเหตุผลอันดีและพึ่งพาได้มากกว่าใครๆ แต่หมอนั่นน่ะ ทำไมเขาต้องยอมตามหมอนั่นทุกครั้ง ตั้งแต่เด็กมาแล้ว

    แต่ก่อนชายหนุ่มจะทันได้ทำอะไร เขาก็ต้องสะดุ้งตัวโยนเมื่อรู้สึกถึงลมที่ข้างหู จากนั้นก็สั่นสะท้านและอ่อนระทวยทีเดียว

    ไม่ต้องสงสัยเลย หมอนั่นมาถึงตัวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

    คาซาม่าคุงอีกฝ่ายทำเสียงหวานจ๋อย ฟังดูน่าขนลุก คิ้วหนาๆ นั่นขยับไปมาเหมือนคลื่น แถมยังทำหน้าตาออดอ้อนออเซาะที่เขาคิดว่าดูแล้วกวนประสาท

    อะไรของนาย อย่าทำเสียงแบบนั้นได้ไหมเขาแหวกลับไป

    เย็นชาจังเลย โทโอรุจังหมอนั่นลากเสียง

    ให้ตายเถอะ อย่าเรียกแบบนั้นน่า เขาหันเลิกลั่กมองคนโดยรอบ นิสัยกังวลกับสายตาคนอื่นและความคิดของคนรอบข้างอย่างระมัดระวังไม่เคยหายไปไหน แต่ดูเหมือนผู้คนเมืองใหญ่จะไม่นิยมชมชอบการให้ความสนใจสิ่งใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ทำไมถึงชอบใช้น้ำเสียงเหมือนเวลาที่พูดกับผู้หญิงที่ไปตามก้อร่อก้อติกด้วยนะ กับเขาแล้ว ในสายตาของหมอนี่ไม่ได้อยู่ในสถานะพวกนั้นเสียหน่อย ฟังแล้วก็เลยรู้สึกเดือดขึ้นมานิดๆ

    แต่ก็ช่วยไม่ได้

    กับหมอนี่ สำหรับเขาก็มักจะเป็นคำว่าช่วยไม่ได้ นั่นจะถือว่าเป็นข้อยกเว้นไหมนะ

    ตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย มหาวิทยาลัย พวกเราก็ดูจะแยกจากกันไปไหนไม่พ้น อย่างกับว่าเป็นเรื่องตลกที่เขาต้องทนอยู่กับมันให้ได้ และต้องยอมรับได้ในท้ายที่สุด ตลกชวนหัวที่ขำไม่ออก เพราะมันไม่เคยเป็นคนอื่นไปได้เลย ตั้งแต่ตอนไหนนะ ที่มันเป็นคนอื่นไปไม่ได้ และเขาเริ่มจะรู้สึกขำไม่ออกตอนที่ความเคยชินของตัวเองกลายเป็นความจริงจังขึ้นมา

    ตอนที่เขาคิดพิจารณามันอย่างจริงจังแล้วปฏิเสธไม่ได้

    น่ากลัวเหลือเกิน

    ไม่มั่นคงเลยสักนิด เขาเกลียดความไม่มั่นคง ความคาดเดาไม่ได้ เกลียดอะไรที่ผิดไปทางหนทางที่เขาปูไว้ให้กับตัวเอง และสิ่งที่กะเกณฑ์ไว้ให้ชีวิตอันชอบธรรมตามครรลองดูจะถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

    โชคดีที่หมอนี่ไปเข้าโรงเรียนตำรวจ และเขาก็ดำเนินการตามวิถีทางปกติด้วยความทะเยอทะยานในโลกของธุรกิจ พยายามไต่เต้าจากงานนายธนาคาร เขามักจะคิดว่าตัวเองดีเลิศกว่าเพื่อนคนอื่นๆ เสมอๆ และคิดว่าหน้าที่การงานตัวเองกำลังไปได้สวย แถมยังมีแววจะรุ่งอย่างที่คาดหวังมาตลอด

    แน่นอนว่าชีวิตของหมอนี่ที่ดูจะโชคช่วย ทั้งที่ไม่ได้พยายามอะไร ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยสุขสันต์และร่าเริงไปได้ทุกวัน มองโลกในแง่ดีและเสเพลถึงขนาดนั้นก็ยังอุตส่าห์จบจากโรงเรียนตำรวจมาได้ แถมยังได้บรรจุเข้ากรมตำรวจนครบาลจึงต้องออกจากคาซึคาเบะมาอยู่โตเกียวแบบเขา ตามติดสอยห้อยมาไม่เคยห่าง

    อย่างนี้จะไม่ให้บอกว่าตลกที่ขำไม่ออกได้อย่างไร

    ถึงแม้มาซาโอะที่เข้าโรงเรียนศิลปะและฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของศิลปินจะย้ายถื่นฐานมาอยู่โตเกียวเหมือนกัน แบบเดียวกับโบจังที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย และเนเน่จังที่เป็นโอแอลผู้มุ่งมั่น แต่กับหมอนี่น่ะ เขานึกว่าหลังจบมหาวิทยาลัยแล้วจะย้ายกลับไปอยู่คาซึคาเบะทั้งชีวิตเสียอีก เขาไม่อยากจะตีความหรอกว่าหมอนี่จะตามเขามาอย่างกับรู้ว่าเขากำลังขำไม่ออก แต่แทนที่หมอนี่จะเลือกเป็นตำรวจอยู่คาซึคาเบะ กลับย้ายมาโตเกียวหน้าตาเฉย

    ทว่านั่นก็ผ่านมานานแล้ว และแม้โตเกียวจะกว้างใหญ่ แต่ดูเหมือนเมืองหลวงนี้จะเหวี่ยงเขากับหมอนี่ให้ต้องพบเผชิญกันอยู่บ่อยครั้ง

    อันที่จริง หมอนี่ก็ดูจงใจจะมาหา และมากวนใจเขาอยู่ตลอดเวลาที่ว่างมากกว่า

    อีกอย่าง ถ้าเขาไม่แวะไปดูหมอนี่บ้าง ที่พักของหมอนี่จะอิเหละเขละขละ ดูไม่ได้ทุกที ทำอะไรไม่เรียบร้อย ไม่เป็นกิจลักษณะเอาเสียเลย เขาถึงมีกุญแจห้องของหมอนี่ รู้กระทั่งวันทิ้งขยะสด ขยะเผาได้ ขยะเผาไม่ได้ และขยะชิ้นใหญ่ในเขตที่พักอาศัยของหมอนี่ด้วย นี่เขาเป็นอะไร แฟนเหรอ

    เขาภาวนาเหลือเกินว่าคนเสเพลพรรค์นี้ควรหาผู้หญิงสักคนเป็นตัวเป็นตน ไม่ใช่เอาแต่คอยไล่ตาม เหล่มองสาวสวยๆ ไม่ทิ้งลายมาตลอดตั้งแต่ยังเป็นเด็กห้าขวบ

    หาใครสักคนทีเถอะ แล้วเขาจะได้ไม่ต้องคอยรับผิดชอบชีวิตส่วนตัวหมอนี่

     


    นายมาทำอะไรที่นี่เขาถามส่งๆ พลางยกนาฬิกาข้อมือเรือนโก้ขึ้นมาดูเวลา ราวกับจะเร่งจังหวะการเดินอันเที่ยงตรงถ่องแท้ยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกให้เร็วขึ้น เผื่อว่ารถไฟจะมาแล้วเขาจะปลีกตัวออกจากคนตรงหน้า รวมถึงสายตาของเพื่อนร่วมงานของหมอนี่ที่มองมาจากอีกฟากของชานชาลาเหมือนหนึ่งว่าเขาเป็นคนรักที่บังเอิญเดินมาเจอกันพอดีในเวลางาน

    สายตาแบบนั้นมันอะไรกัน

    เขารู้สึกพลาดไปที่ปีนั้นลากเอาข้าวกล่องมื้อกลางวันที่หมอนี่ลืมไว้ที่บ้านในวันที่เขาแวะไปช่วยจัดเก็บที่ทางให้เรียบร้อย ให้ดูสมกับที่อยู่ของคนที่เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อยขึ้นมาเลย

    จริงๆ หมอนี่น่ะเป็นทำงานบ้านเก่งกว่าเขาอีกเพราะถูกฝึกมาอย่างดีจากที่บ้าน

    แต่ดูเหมือนไม่ใส่ใจจะทำมากกว่า

    ส่วนเขาไม่ได้ดีเลิศด้านนี้ ไม่ได้ชอบ แค่ทำเพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำเสียไม่ได้

    วันนั้นเป็นวันหยุด หมอนี่เปิดประตูต้อนรับเขาด้วยใบหน้าสบายอารมณ์ตั้งแต่เช้า ตอนที่เขาจัดการอะไรต่อมิอะไรไปครึ่งหนึ่งและคิดจะทำอะไรง่ายๆ เตรียมไว้มื้อกลางวัน แต่อยู่ดีๆ หมอนี่ก็ได้รับโทรศัพท์ตามตัวให้เข้าไปที่ทำงานด้วยมีคดีด่วน

    เพราะหมอนี่บอกจะรีบกลับ เขาก็เลยเตรียมมื้อกลางวันเผื่อไว้ให้

    ตอนที่นั่งกินข้าวคนเดียวในห้องหมอนี่ที่ระเกะระกะเหลือเกินก็รู้สึกเหงา

    แล้วพอเห็นเข็มนาฬิกาคล้อยไปถึงช่วงบ่ายแก่ๆ ก็นึกเป็นห่วงว่าหมอนี่จะได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้างไหม

    เขาก็เลยห่อข้าวห่อของ หอบไปให้ถึงที่ทำงาน ก็ในเมื่อมันห่างออกไปแค่ไม่กี่สถานี ไม่เหลือบ่ากว่าแรงสักหน่อย แต่ตอนไปถึง เพราะฝ่ายต้อนรับเข้าใจผิดพลาด คิดว่าเขาเป็นพยานให้การที่มาติดต่อเข้าพบหมอนี่ ถึงได้ส่งเขาขึ้นไปข้างบน พร้อมข้าวกล่องที่เขาหอบขึ้นลิฟท์ไปตัวลีบ แถมการแต่งตัวก็เหมือนพ่อบ้านติดบ้านในวันหยุดเสียเหลือเกิน

    ทำอย่างไรได้ ก็เขาคิดว่าแค่จะมาทิ้งไว้ให้ข้างล่างแล้วรีบกลับไปจัดการที่พักของหมอนี่ต่อ ก็เลยไม่ได้ใส่ใจสภาพตัวเองเท่าไรนัก เขาถูกส่งไปหาหมอนี่ที่กำลังงงว่าเขามาทำอะไร ซึ่งเขาก็มีส่วนพลาดที่เผลอเรียกชื่อตัวอีกฝ่ายออกไปด้วยความเคยชิน หมอนี่มองเขาด้วยความพิศวง และเมื่อสมองฉับไวน่าหมันไส้นั่นฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ ก็กลั่นแกล้งเขาด้วยนิสัยขี้เล่นชอบหยอกขึ้นมาทันทีโดยไม่ใส่ใจผลลัพธ์หรอกว่ามันจะกระทบหน้าตาเขาแค่ไหน

    ก็หมอนี่น่ะ ถึงจะเป็นคนลึกซึ้งคนหนึ่ง แต่ปกติไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังอะไรอยู่แล้ว

    เขายืนอยู่ท่ามกลางตำรวจนครบาลทั้งแผนกตอนที่หมอนี่ทำเหมือนเขาเป็นคนรักที่เอาข้าวกล่องซึ่งอีกฝ่ายลืมไว้มาส่งให้ถึงที่ ทุกการกระทำและคำพูดสื่อไปทางนั้นหมดอย่างกับจงใจ ก็แน่ล่ะ หมอนี่จงใจแกล้งแน่ๆ เห็นได้ชัด แต่ช่วยเก็บสีหน้าท่าทางดีใจเสียเต็มประดาจริงๆ นั่นด้วย มันยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง

    แล้วทั้งแผนกสืบสวนอาชญากรรมที่หนึ่งก็ฮือฮากัน

    บ้าเอ้ย

    เขาคิดว่าเหตุการณ์นี้แหละที่เป็นสาเหตุของบรรดาสายตา ณ ขณะนี้

     


    อย่างไรก็ตาม เขาจะไม่ยอมรับหรอกว่าเหตุการณ์นั่นทำให้เขาสั่นคลอน โดนจับจุดจี้ใจดำที่พยายามฝังกลบมันไว้เข้าเต็มๆ จนไม่อาจวางท่าอยู่ได้จริงๆ ไม่ปรานีกันเลยนะ ความรู้สึกใดๆ น่ะไม่เคยปรานีใครอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยก็ช่วยเมตตาเขาหน่อยเถอะ โปรดกรุณาด้วย ก็ในเมื่อเขาไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่านั้นอีกแล้ว ไม่อาจจะตอบสนองความรู้สึกตัวเองได้มากไปกว่านั้น และไม่อาจจะได้อะไรมากไปกว่านั้นด้วยเช่นกัน

    แหม คาซาม่าคุงสนใจด้วย ดีใจจังเลย ฉันกำลังจะไปดูที่เกิดเหตุน่ะ แต่ในวันที่ร้อนออกอย่างนี้ ลำบากแย่เลยนะอีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท

    ทุกครั้งที่มองหน้าหมอนี่ทำไมต้องมีความรู้สึกที่หลากหลายนักนะ

    หมันไส้เป็นหลักแน่นอนล่ะ

    อิจฉาด้วยที่ทำอะไรเปิดเผยได้ถึงเพียงนั้น

    ตรงไปตรงมาไม่เสแสร้งเสียเหลือเกิน คิดอะไรก็พูด อยากทำอะไรก็ทำ

    ถ้าเขาจะทำบ้างล่ะ เขาน่าจะได้เศษเสี้ยวนิสัยของหมอนี่มาบ้างนะจากการที่คบหาฉันท์มิตรกันมานานขนาดนี้ เขาควรจะได้มาบ้าง ไม่ใช่เถรตรง ยึดมั่นกับตัวเองมากเกินไป ถ้าเขาเป็นแบบหมอนี่ อาจจะไม่กลัว และอาจจะทำอะไรได้สักอย่าง

    น่าขันจัง เขาจะทำอะไรได้จริงๆ หรือ

    เพราะถ้าทำไป อะไรจะรับประกันว่ามันจะดี หรือไม่ก็แย่ลงไปกว่าเดิม

    เพราะที่เป็นอยู่นี่ก็คิดว่าคงจะดีที่สุดที่จะมีได้แล้ว

    เขาไม่ใช่พวกชอบเสี่ยง และไม่ชอบความท้าทายด้วยเช่นกัน

     

    แล้วจะให้เขาเชื่อว่าคนที่ชอบหลีสาวไปทั่วแบบนั้นน่ะ มีรสนิยมอย่างอื่นอย่างนั้นเหรอ ต้องเป็นอีกเรื่องตลกที่ขำไม่ออกของเขาแล้วล่ะ

     

    นายใส่สูทผูกไทเต็มยศแบบนี้ไม่ร้อนเหรออีกฝ่ายกวาดตาพิจารณาเสร็จสรรพ เขามองการแต่งตัวของคนตรงหน้า แค่เชิ้ตสีขาวกับกางแกงสแล็คยับยู่เพราะสัปดาห์ก่อนเขาไม่ได้เข้าไปรีดผ้าให้ หมอนี่พับแขนเสื้อขึ้นง่ายๆ ไม่ใส่ใจจะประดิษฐ์ให้มันดูดี จะสบายใจและปล่อยตัวเกินไปแล้ว พวกตำรวจสืบสวนไม่มีกฏระเบียบเลยหรือไง

    เขานึกค่อนขอด แต่ก็บอกกับตัวเองว่าครั้งหน้าจะใส่ใจเรื่องเครื่องแต่งกายของหมอนี่ให้มากกว่านี้โดยลืมไปสนิทว่าเขาไม่ใช่คนรักที่แสนเอาใจใส่สักหน่อย

    หมอนี่มองเขาเหมือนกำลังค้นหาอะไรสักอย่างขณะที่เขาสำรวจการแต่งกายของอีกฝ่ายพลางประเมินว่าครั้งหน้าจะจัดหาเสื้อผ้าที่ดีกว่านี้แล้วขนไปให้ เขาไม่ทันสังเกตว่ารถไฟจากอีกฝั่งมาแล้ว และหมอนี่โบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณให้เพื่อนที่อยู่อีกฝั่งล่วงหน้าไปก่อนเลย

    หลังจากหยุดอยู่ครู่หนึ่ง รถไฟฝั่งนั้นก็เคลื่อนผ่านไปด้วยความเร็วที่ถ้ายืนอย่างพลั้งเผลอก็จะกระชากให้เสียการทรงตัวไปเล็กน้อย

    เขากำลังเป็นหนึ่งในคนจำพวกนั้นที่ไม่รู้จักระวัง

    น่าอายชะมัด

    หมอนี่ยังคงมองเขาอย่างพินิจพิจารณา ก็แล้วมันอะไรกันเล่า จ้องกันอย่างกับไม่เคยมองเขามาก่อนอย่างนั้นแหละ ชั่วลมหายใจถัดมา หมอนี่ก็พูดขึ้นหลังจากถือวิสาสะวินิจฉัยอาการเขาเสร็จสรรพผ่านการจดๆ จ้องๆ อย่างคนอยากรู้อยากเห็น นายดูเหนื่อยๆ นะ ดูสิอดหลับอดนอนทำงานอีกแน่ๆ เลือดลมไม่ค่อยจะดีเพราะหงุดหงิดง่าย เอะอะก็จะโวยวายใส่ฉัน

    จังหวะที่เขาทำท่าจะหัวเสียใส่อันเนื่องมาจากการเลียบๆ เคียงๆ วิพากษ์วิจารณ์ของอีกฝ่าย หมอนี่ก็สวนขึ้นทันทีว่าพูดไม่ทันขาดคำ เขาก็เลยต้องชะงักฝีปากลงทันควัน พลางอ้าปากพงาบๆ ไล่ตามคนตรงหน้าไม่ทันจนมองดูเหมือนคนโง่เง่าเสียเหลือเกิน เขาตีสีหน้าซึ่งแสดงออกชัดว่ากำลังไม่พอใจกลับไป ทำไมหมอนี่ชอบหยอกเขานัก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตั้งแต่เด็กมาแล้ว เขาเป็นหนึ่งในความบันเทิงรื่นเริงของหมอนี่

    เอาน่า อย่าเสียอารมณ์ไปเลย หยอกเล่นนิดเดียวเอง พักหน่อยก็หายเพราะงั้นไปกินของว่างกันไหมใบหน้าของคนที่เอ่ยปากชวนเหมือนตอนกำลังยุ่งย่ามกับสาวๆ ไม่มีผิด เขาก็เลยส่งสายตาติเตียนกลับไป อยากจะให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่ากำลังพูดกับใครกันแน่

    อย่าหลงผิดสิ เขาไม่นึกจะล้อเล่นด้วยหรอก

    ตอนนี้เนี่ยนะ นายคิดว่าฉันจะเอาเวลางา…” ทว่าเขายังพูดไม่ทันจบประโยค อีกฝ่ายก็สวนขึ้นมาทันที ต่อความแทนเขาได้ถูกต้องทุกถ้อยคำราวกับมานั่งอยู่ในจิตใจ แต่เขาไม่ประหลาดใจนักหรอก ในเมื่อหัวข้อสนทนาลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งระหว่างเราสองคนจนอันที่จริงก็แทบจะไม่ต้องเสียเวลาพูดกันเยิ่นเย้อให้มากความเหมือนเช่นตอนนี้ด้วยซ้ำ แต่หมอนี่ก็ยังทำเสียงล้อเลียนชวนหัว พยายามทำให้เขาค้อนฉิว

    โอเค โอเค นายคิดว่าฉันจะเอาเวลางานอันแสนมีค่าโดดไปนั่งกินของว่างมื้อบ่ายเหมือนนายที่ทำงานสืบสวน เตร่ไปเตร่มาไม่เป็นหลักแหล่งเหรอ

    เขาหน้าง้ำ มองอีกฝ่าย รู้สึกเสียหน้าแปลกๆ ที่ถูกยอกย้อนและรู้เท่าทัน

    ครั้นเห็นท่าไม่ดี หมอนี่ที่ยังดีว่าพอจะอ่านบรรยากาศออกรีบกลับลำกลบเกลื่อนเรื่องเมื่อครู่ด้วยการทำน้ำเสียงออเซาะพลางถองไหล่เขาหยอกๆ ทันทีราวกับว่านั่นจะช่วยให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ไม่ก็ได้ แหม อย่าทำหน้าแบบนั้นสิโทโอรุจัง

    แต่ไม่สักนิด มันไม่ได้เบิกบานอารมณ์เขาเท่าไรนักหรอก ท่าทีแบบนี้น่ะ

    เลิกเรียกฉันว่าโทโอรุจังสักที มันทำให้คนอื่นเข้าใจผิดหมด

    ถึงจะเรียกกันมาตั้งแต่เด็กก็เถอะ หมอนี่มักจะเรียกชื่อตัวเขาตอนหยอกเล่น แกล้งชวนหัวให้เขาแหวใส่ แต่ตอนนี้ผ่านพ้นวัยนั้นมานานแล้ว และสภาพความเหมาะสมกับบรรทัดฐานสังคมทำให้การต้องมานั่งอธิบายว่าเพราะเป็นเพื่อนสมัยเด็กก็เลยเรียกกันด้วยความเคยชินดูจะไม่ใช่วิธีการแก้ต่างที่มีน้ำหนักน่าฟังและควรจะเป็นที่ยอมรับได้เท่าไรนัก

    มันฟังดูข้างๆ คูๆ เหมือนความสัมพันธ์ครึ่งๆ กลางๆ นี้นี่แหละ

    คา ซา ม่า คุง พอใจหรือยัง เย็นชาจังเลยนะอีกฝ่ายเน้นย้ำแต่ละพยางค์ฉะฉาน เห็นได้ชัดว่าเจตนายียวนกวนประสาทกัน เขาสูญเสียความเยือกเย็นและระเบิดอารมณ์ใส่อีกฝ่ายทันทีอย่างหัวเสีย ทำไมหมอนี่ถึงได้ชอบล้อเล่นนักนะ ล้อเล่นมันทุกเรื่อง คงจะมีแต่เขาฝ่ายเดียวที่จริงจัง ชั่วขณะหนึ่งเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย ฝ่ายที่จริงจังกับฝ่ายที่ทำเป็นเล่นอย่างนั้นเหรอ ให้ตายเถอะ เขาเสียเปรียบตั้งแต่ตรงนี้แล้ว เป็นฝ่ายแพ้ตั้งแต่ต้น

    นายมันน่าหงุดหงิดชินโนะสุเกะเขาหันไปเห็นรถไฟของตัวเองมาเสียที ในที่สุดก็มาจนได้ ไม่เคยรู้สึกว่ารอรถไฟที่ไหนนานขนาดนี้มาก่อน เขารอให้ผู้โดยสารข้างในเคลื่อนออกมาแล้วแทรกตัวผ่านเข้าไปโดยไม่ลืมจะทิ้งท้ายไว้กับคนบนชานชาลา น้ำเสียงนี้ไม่ได้หงุดหงิด ไม่ได้มีกระแสตำหนิติเตียนหรือต่อว่า แค่คำพูดเรียบๆ ในจังหวะและปัจจัยที่เหมาะสมก็ไม่ต่างอะไรจากคำสารภาพรัก

    ทีนายยังเรียกชื่อตัวฉันได้เลย เฮ้ สองทุ่มครึ่งที่ร้านเดิมนะหมอนั่นตะโกนกลับมาผ่านฝูงชน อย่าว่าแต่ตอบรับเลย เขาไม่ได้แสดงท่าทีว่ารับรู้กลับไปด้วยซ้ำ

    แต่เขาก็จะไป แน่ละ และหมอนี่ก็รู้

    เกลียดจริงๆ บรรดาความรับรู้ร่วมกันของเราสองคนน่ะ

    แล้วทำไมเรื่องๆ หนึ่ง เรื่องๆ เดียวที่สำคัญที่สุดถึงไม่มีความรับรู้ร่วมกันแบบนี้เข้ามาเกี่ยวบ้างนะ

     


    เขาชอบอาชีพนายธนาคารที่ทำอยู่ เพราะคิดว่ามันตอบสนองความทะเยอทะยานจะโอ้อวดเหนือคนอื่นของตัวเองได้ ตอนที่เขานั่งเหมออยู่ที่เล้าจ์ของสำนักงานใหญ่ที่ประจำอยู่ จังหวะซึ่งกำลังครุ่นคิดในภวังค์ของตัวเองได้ที่ ก็มีผู้มาเยือนเดินเข้ามาทักถึงตัว ไปเจอชินจังมาล่ะสิ

    ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนวัยเยาว์อีกคน เนเน่จังวางกาแฟในถ้วยกระดาษลงตรงหน้าเขาแทนการเชื้อเชิญ เธอทำงานบริษัทเดียวกับเขาและกำลังก้าวหน้าไปได้งดงามในสายงานของตัวเอง เขาเห็นเธอยิ้มภูมิใจในความรู้ดีของตัวเองก็เลยเลิกคิ้วกลับไปแทนคำถาม

    มันเขียนอยู่บนหน้านาย ทุกครั้งที่เจอชินจัง หน้านายจะเป็นแบบนี้แบบไหนกัน เขานึกนิ่วหน้า สงสัยกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ถามออกไปด้วยรู้ว่าคงไม่ได้คำตอบเจาะจงที่ชัดเจนนัก แม้จะสนใจอยู่บ้างว่าที่จริงแล้วเวลาเจอหมอนั่น หน้าเขาจะเป็นแบบไหน หวังว่าคงไม่ได้ออกอาการอะไรที่ชัดเจนนักหรอก ยิ่งคิดก็ยิ่งพาลทำให้ตัวเองไม่มั่นใจเข้าไปใหญ่

    เธอคิดไปเอง

    คนตรงหน้านิ่งไปเหมือนจะไม่ตอบ แต่เขาคาดการณ์ผิด ถ้าอย่างนั้นคนทั้งโลกก็คิดไปเอง นายไปถามใครก็ได้ มีแค่นายกับเจ้าหัวมันนั่นสองคนเท่านั้นแหละที่ไม่รู้อะไรเลย

    เขาไม่ชอบเหตุการณ์แบบนี้จัง รู้สึกตัวเองตกเป็นเบี้ยล่าง ไม่ได้เป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์

    แล้วฉันไม่รู้อะไรที่ตรงไหนเขายังคงย้อนถามกลับไป ไม่อยากให้ตัวเองรู้สึกว่าถูกอีกฝ่ายข่ม คราวนี้เธอมองเขานิ่ง ไม่หลบตาราวกับกำลังจะใช้สายตานี่เชือดเฉือนแทนคำพูด แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนว่าจริงๆ ก็รู้ว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไร แต่แค่ไม่อยากยอมรับเท่านั้น

    นายมันไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่องจริงๆ ทำตัวให้สมกับเป็นคาซาม่าคุงคนนั้นหน่อย ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างให้ได้มา ก็ไม่ได้มาหรอกนะเธอทิ้งท้ายและเดินหลบไป อยู่ดีๆ หน้าเขาก็ซับสีแดงฝาด อาจจะเพราะอับอาย กระดากกระเดื่อง หรือเขอะเขินก็ได้ แต่ละอย่างนั่นต่างกันมาทีเดียว แต่เขาเกลียดเหตุการณ์ปลุกเรียกกำลังใจพวกนี้จัง เขาไม่ชอบที่เหมือนอยู่ดีๆ ก็มีคำแนะนำปลุกใจขึ้นมาเหมาะเหม็ง ชายหนุ่มหยิบกาแฟขึ้นจิบ คำพูดของสาวเจ้าคืบคลานเข้ามามีอิทธิพลในใจโดยไม่ทันรู้ตัวและยากที่เขาจะยอมรับว่าปล่อยให้มันมีผลสะกิดใจ

    แย่จริงๆ นี่คนทั้งโลกรู้อย่างนั้นเลยเหรอ

    เนเน่จังช่างประชดประชันอะไรแบบนี้

     


    ข้างนอกนั่นเต็มไปด้วยแสงสีของความมีชีวิตชีวาของแหล่งบันเทิงยามค่ำคืน แม้แต่ในวันที่อากาศร้อนจนคอแทบจะเป็นผง แต่ดูเหมือนนั่นจะไม่สามารถสยบการแสวงหาความสำราญบันเทิงใจของใครหลายคนได้ ชายหนุ่มในชุดสูทภูมิฐานทั้งที่อากาศร้อนจนแทบจะเห็นไอลอยขึ้นมาจากพื้นลาดยางนั้นเลิกผ้าโนเรนสีน้ำเงิน เดินเข้าไปในร้านเจ้าประจำที่มักจะแวะเวียนมาดื่มกับหมอนั่นก่อนจะกลับบ้านในวันที่ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องไปสังสรรค์กับที่ทำงานของตัวเองหลังเลิกงาน

    เขานั่งลงตรงข้ามชายหนุ่มที่นัดหมายบนโต๊ะตัวเตี้ยที่มุมร้าน หมอนี่ยิ้มเผล่ จากนั้นก็เริ่มสั่งเบียร์เย็นๆ และกับแกล้มมามากมายประหนึ่งว่าจะปักหลักนั่งกินนาน ไม่ย้ายร้านไปต่อที่ไหนทีเดียว จังหวะนั้นเขาก็เลยรีบขัดขึ้น วันนี้ฉันนั่งนานไม่ได้นะ ต้องรีบกลับ แค่มาให้นานเห็นหน้าเฉยๆ น่ะ ถ้าไม่มามันจะน่ารำคาญตอนฉันไปห้องนายสุดสัปดาห์นี้

    เอ๋หมอนี่ลากเสียงยาว เขาสัมผัสได้ถึงความผิดหวังจริงๆ แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั่น ไหนจะกระแสสำเนียงตัดพ้ออีก แต่เขาพยายามทำเป็นไม่สนใจ นายจะรีบกลับไปไหน ฉันกะจะนั่งอยู่นี่สักค่อนคืน ถ้าเป็นไปได้ถึงเช้าก็ยังโอเค อีกอย่างสัปดาห์นี้นายคงไม่อยากไปห้องฉันหรอก

    นายจะอยู่ทำบ้าอะไร แล้วทำไมฉันจะไม่อยากใปหานาย แน่ล่ะถ้าฉันอยากจะให้นายเน่าตายกลางสุมขยะในอากาศร้อนๆ นี้ไปอีกสักสัปดาห์ ฉันก็อาจจะไม่ไปก็ได้ได้ยินดังนั้น เขาก็พลันขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าเหมือนเพิ่งได้ฟังเรื่องประหลาดพลางประชดประชันอีกฝ่าย ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายเก็บผ้าเย็นที่ขอเพิ่มจากเจ้าของร้านใส่กระเป๋า

    ห้องฉันแอร์เสีย บริษัทซ่อมไม่ว่างจนกว่าจะถึงสัปดาห์หน้าคำตอบนั้นง่ายดาย เรียบเฉยเหมือนไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญนัก เขาเสียอื่นที่ทำเหมือนมันเป็นสาระสำคัญของชีวิตขึ้นมา

    แล้วนายจะทำยังไง ร้อนออกอย่างนี้

    ฉันนอนตัวละลายมาหลายวันแล้วหมอนี่ยักไหล่ คืนนี้ฉันว่าจะนอนที่เน็ตคาเฟ่ ร้อนๆ แบบนี้ทนไม่ไหว พัดลมเอาไม่อยู่หรอก

    เขาเงียบ

    โธ่เอ้ย ต้องยอมให้หมอนี่ไปถึงเมื่อไรกัน ฝ่ายเขาจะแย่เอาเข้าสักวัน

    หลังจากชั่งใจอยู่พักใหญ่ จริงๆ ก็เหมือนจะคิดอยู่นาน ทว่าก็ผ่านไปแค่ไม่กี่จังหวะหัวใจเต้นเท่านั้นตอนที่เขารวบรวมความกล้าอะไรสักอย่างพูดมันออกมา เพราะส่วนหนึ่งก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะให้ความช่วยเหลือเพื่อนสมัยเด็กที่สนิทสนมกันดี อีกอย่างเขาก็เป็นรูมเมทหมอนี่ตอนสมัยมหาวิทยาลัย ถ้าอย่างนั้น นายจะย้ายมาอยู่ห้องฉันสักพักก็ได้

    อีกฝ่ายผงกศีรษะขึ้นอย่างรวดเร็วทันควันเหมือนมีหูกระดิกได้อย่างไรอย่างนั้น

    หน้าตาเบิกบานแจ่มใส เปล่งปลั่งขึ้นมาจนน่าหมันไส้

    เขาคิดว่าตัวเองเห็นหางงอกออกมากระดิกริกๆ ด้วย

    เอ๋ จริงเหรอโทโอรุจัง ฉันไม่เคยได้ค้างห้องนายสักที มีแต่นายมาค้างห้องฉันอยู่ดีๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่เนเน่จังพูดว่าต้องทำอะไรสักอย่างให้ได้มา มันถึงได้เกิดความคิดชั่ววูบ ไม่ผ่านการไตร่ตรองและไม่คิดหน้าคิดหลังบ้าๆ นี่ขึ้น เขานึกอยากจะกุมขมับ แต่ดูเหมือนจะกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว บางทีอาจเพราะความร้อนทำให้เขาฝั่นเฝือนไปชั่วขณะ เพราะอยู่กับหมอนี่แล้วรู้สึกถึงความร้อนตลอดเวลา ร้อนอยู่ตลอดเลย

    อย่าพูดเสียงดังให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดกันหมดสิเขากัดฟัน เค้นสุ้มเสียงตำหนิอีกฝ่ายเบาๆ ขณะกดหัวอีกฝ่ายลงต่ำราวกับนั่นจะช่วยสะกัดกลั้นเสียงไว้ได้

    โทโอรุจังใจดีจังเลยหมอนั่นเอื้อมมือมากอดรอบคอ มองเผินๆ ดูเหมือนคนเมาทั่วๆ ไปที่พร้อมจะขี่คอเพื่อนร่วมดื่มได้ทุกเมื่อ เขาจึงไม่ได้บิดตัวหนีหรือปัดอีกฝ่ายออกห่าง ฉันอยู่ไปตลอดหน้าร้อนได้ไหม

    หาเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ด้วยถูกจู่โจมกะทันหัน เขาถึงร้องเสียงหลงออกไป

    หรือจากนี้ไปเลยก็ได้ ประหยัดค่าห้องไงโทโอรุจังนั่นเป็นตอนที่ชายหนุ่มไม่รู้สึกนิดว่าคนที่กอดคอตัวเองอยู่กำลังหยั่งเชิง ถ้าหากเขาจะไม่ติดนิสัยตรงไปตรงมาเปิดเผยของอีกฝ่ายมาเลย แต่ในทางกลับกันดูเหมือนอีกฝ่ายติดนิสัยเขามา ไม่เสี่ยง และไม่ขอท้าทายกับเรื่องนี้ ถึงได้ไม่เคยล้ำเส้นไปมากกว่าการหยอกล้อเล่นพลางคิดว่าดีแล้วที่อีกฝ่ายไม่เคยรู้ตัวเลย

    นายจะได้ประหยัดค่าห้องครึ่งหนึ่งถ้าฉันไปอยู่แล้วหารกันคนละครึ่ง คิดว่าไงหมอนี่ถามย้ำ คงเพราะกลัวเขาจะเข้าใจว่าเมื่อกี้แค่คำพูดทีเล่นทีจริง

    ตอนนั้นที่เขาคิดว่าตนเองยิ้มอ่อนอกอ่อนใจออกไป

    ร้อนจริงๆ นายมันร้อนนัก พลังงานความร้อนอันล้นเหลือจนเขาละลายไป สำหรับฉันนายคือความร้อน เป็นหน้าร้อนที่เขาทนไม่ได้ สู้ไม่ได้ และพ่ายแพ้ให้

    ความร้อนออกอย่างนี้จะไม่ให้แพ้ได้อย่างไร

    อยู่ใกล้แล้วร้อนจนกลบทุกอย่างไปหมด

    ร้อนจนเขาไม่อาจทำอะไรได้จริงๆ

     



                  
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×