ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลลวงร้าย อุบายรัก

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 4 - 2 จุดเริ่มต้นของการหย่า 4

    • อัปเดตล่าสุด 17 มิ.ย. 67


    อีวานมาถึงห้องพักของตนในเวลาไล่เลี่ยกับแพรพรรณ ห้องพักเธออยู่ไม่ห่างจากของเขามากนัก

              ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาบุหนังสีดำกลางห้อง พร้อมกับรับสายโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเมื่อเขานั่งลง

              “ครับคุณอา”

              เขากล่าวกับปลายสายน้ำเสียงสุภาพ

              “(อีวานเจอน้องแล้วใช่มั้ยลูก)” น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนปลายสายเอ่ยกับชายหนุ่มรุ่นราวคราวลูกด้วยความตื่นเต้น

              อีวานแอบยิ้มเมื่อนึกถึงท่าทีรักษาระยะห่างของเธอ “ครับ”

              ได้ยินเสียงปลายสายถอนหายใจด้วยความโล่งอก

              “(อาฝากดูแลน้องด้วยนะลูก หากน้องเขาขาดเหลืออะไรอีวานบอกอาได้นะ)”

              อีวานถามย้ำกับปลายสาย “คุณอาแน่ใจนะครับว่าจะไม่บอกเธอ”

              ปลายสายตอบกลับมาน้ำเสียงเนือย ๆ “(อาไม่มีหน้าจะบอกเขาหรอก หนึ่งปีนี้คงต้องฝากเราแล้วล่ะ)”

              “ได้ครับ คุณอาไม่ต้องห่วง ผมจะคอยรายงานอยู่เรื่อย ๆ นะครับ”  ชายหนุ่มสนทนากับปลายสายต่ออีกสองถึงสามประโยคแล้วกดวางสายไป เขาเดินไปในครัวและเปิดดูตู้เย็นที่อาจจะพอมีของสดที่ครอบครัวเขาทิ้งเอาไว้ให้ หลังกลับจากทริปพักผ่อนที่เทือกเขาแอลป์เมื่อเดือนที่แล้ว

              ภายในตู้เย็นของเขาว่างเปล่า ไม่มีอาหารสดทิ้งเอาไว้ ชายหนุ่มเดินกลับมาที่บริเวณห้องนั่งเล่น เขาหยิบกระเป๋าสตางค์และสมาร์ตโฟน พร้อมกับเดินออกมาจากห้อง ด้วยคิดว่าจะไปซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ไม่ไกลเพื่อซื้อของสดมาตุนเอาไว้ระหว่างที่อยู่ที่นี่

     

    แพรพรรณกำลังยืนกดเงินสดอยู่ที่ตู้เอทีเอ็มแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยเจนีวา

              อันที่จริงเธออยากมีเวลาเดินสำรวจไปรอบ ๆ มหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาเส้นทางการเดินทางไปเรียนยังตึกต่าง ๆ แต่ว่าเวลาไม่ค่อยเอื้ออำนวยมากนัก อีกทั้งตอนนี้ที่ห้องของเธอไม่มีของสดสำหรับปรุงอาหาร ทั้งยังขาดของใช้บางส่วนที่เธอไม่สามารถพกมาจากเมืองไทยได้ 

    เนื่องด้วยข้อจำกัดของการพกสิ่งของขึ้นอากาศยาน

              เธอค้นหาในแอพแผนที่เกี่ยวกับร้านซูเปอร์มาร์เก็ตแถว ๆ บริเวณที่เธออยู่ ซึ่งไม่ไกลกันนั้นมีห้างสรรพสินค้าที่ชื่อว่า Migros ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่รวมรวบสินค้าไว้มากมาย รวมถึงอาหารสด อาหารแห้งสำหรับนำไปประกอบที่ครัวเรือนด้วยตนเอง อีกทั้งยังมีราคาถูกและมีส่วนลดมากมายอีกด้วย

              แพรพรรณขึ้นรถบัสสาธารณะมาลงสถานีหนึ่งที่ไม่ไกลจากห้างมากนัก เธอเก็บเงินสด หนังสือเดินทางและบัตรสำหรับใช้รูดจ่ายในกระเป๋าคาดเอว คลุมทับด้วยเสื้อขนเป็ดหนาชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันขโมยที่อาจเผลอเข้ามาประชิดตัวเธอ

              ภายในห้าง Migros นั้นมีพื้นที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา อาจจะใหญ่กว่าบางห้างสรรพสินค้าในเมืองไทยเสียด้วยซ้ำ หญิงสาวหยิบรถเข็นมาจากพนักงานหญิงคนหนึ่งที่เลื่อนตะกร้าใส่ของส่งให้เธอ เธอกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายเป็นภาษาอังกฤษจากนั้นจึงเดินไปบริเวณแผนกขายอาหารสดและผัก ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศในแถบเอเชียเกือบทั้งหมด

              หญิงสาวเลือกซื้อเนื้อสัตว์แปรรูปเพียงไม่กี่อย่าง สำหรับพอปรุงอาหารในหนึ่งสัปดาห์นี้ อีกประการหนึ่งคือเธอไม่ได้มีรถยนต์ส่วนตัว การขนของเคลื่อนย้ายต่าง ๆ จึงลำบากมาก ดังนั้นเธอจึงต้องเลือกความพอดีและเหมาะสม

              เธอเดินไปบริเวณที่วางขายเนื้อไก่แปรรูป หยิบแพ็คเกจสันนอกวัวขึ้นมามองพร้อมกับราคาที่ชวนตกใจ เธอรีบวางสินค้านั้นกลับที่เดิม

              “เลือกอันที่ติดป้ายเหลืองสิครับ” เสียงที่แพรพรรณคุ้นเคยดังเข้ามาใกล้ เธอหันไปมองข้าง ๆ เป็นเขาอีกแล้ว ‘อีวาน’ ชายคนที่ช่วยเธอเอาไว้หลายครั้งจนเธอรู้สึกเกรงใจ

              ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม มือข้างหนึ่งของเขาที่สอดอยู่ในกางเกงสแล็กสีดำยื่นออกมาหยิบแพ็คเกจเนื้อไก่แปรรูปที่อยู่ด้านล่างสุดของตู้ทำความเย็นส่งให้เธอ “สินค้าที่นี่ต้องเลือกให้ดีหน่อย หากคุณอยากได้ราคาดีก็ต้องรอช่วงที่เขาจัดโปรโมชั่น หากซื้อราคาเต็มก็จะแพงมากกว่าบ้านเราถึงสามเท่าด้วยกัน”

              “ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวสั้น ๆ แค่สามคำ

              “แค่ขอบคุณผมเหรอครับ” เขายิ้มยียวนหน่อย ๆ ถามเธอ

              “เอ่อ ขอโทษนะคะ คือฉันมีแฟนแล้ว เราสองคนจดทะเบียนสมรสกันแล้วค่ะ ฉันคงทำได้แค่ขอบคุณคุณเท่านั้น ส่วนเรื่องเงินค่าโดยสารที่คุณออกให้ฉัน ฉันจะจ่ายคืนคุณให้นะหากคุณต้องการให้คืนตอนนี้” แพรพรรณกล่าวกับเขาด้วยความประหม่า เธอเห็นดวงตาของเขาสลดลงวูบหนึ่ง 

              “ที่แท้ที่คุณรักษาระยะห่างแบบนี้ ก็เพราะคุณแต่งงานแล้วเหรอครับ” เขาถามเธอด้วยความสุภาพ

              หญิงสาวพยักหน้า เธอตอบสั้น ๆ ในลำคอ “อืม”

              “สามีของคุณที่จดทะเบียนด้วยกัน ใช่คนนั้นที่มาหาคุณที่เลานจ์พร้อมกับผู้หญิงอีกคนหรือเปล่า” อีวานถามต่อ เพราะเขารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับสามีของเธอและผู้หญิงอีกคนที่มาด้วยกัน

              “เธอคนนั้นคือลูกสาวของคณะบดี ของคณะที่ฉันเรียนอยู่ค่ะ 

    เธอได้ เอ่อ...” เมื่อนึกถึงเหตุการณ์อันแสนเจ็บปวดหัวใจที่โดนแย่งทุนการศึกษาฝรั่งเศสไป ซึ่งแพรพรรณใฝ่ฝันมาตลอดว่าจะได้เรียนปีสุดท้ายที่นั่น แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับโดนฐิตาพรแย่งไปให้ลูกสาวคนเดียวหมด

              อีวานรู้ดีว่าเพราะอะไร...

              “ถ้าคุณเสียใจก็ไม่ต้องพูดมันออกมาก็ได้ครับ” ชายหนุ่มชวนอีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที 

              แพรพรรณนิ่งเงียบ พยายามไม่คิดอะไรมากทั้งนั้น กระทั่งมีคำพูดหนึ่งออกมาจากปากของอีวาน “แต่ถ้าผมเป็นสามีคุณ ผมจะไม่ยอมไปเรียนที่เดียวกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่คุณ”

              คำพูดนั้นสะกิดใจแพรพรรณอย่างแปลก ๆ เขาฉวยรถเข็นในมือเธอไปเข็นเองอย่างหน้าตาเฉย 

              “เดี๋ยว! เดี๋ยวสิคุณ! นั่นรถเข็นของฉันนะ!” เธอยกมือประท้วง แต่ไม่ทันคนตัวสูงที่เดินนำไปไกลแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×