ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
☾ guerilla.

ลำดับตอนที่ #9 : 06 – association.

  • อัปเดตล่าสุด 22 มิ.ย. 65


 


          โซฟาที่ทนทานต่อทุกมรสุมในชีวิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่คนในบ้านภาคภูมิใจที่สุด เนื่องด้วยสรรพคุณที่ตรงตามคำโฆษณาไม่ผิดเพี้ยน


          และ คนพิสูจน์ ความจริงดังกล่าวได้นั้นก็กำลังนั่งอ่านหนังสือบนมันอยู่ ณ ปัจจุบันผมเผ้าปล่อยเป็นทรงเซอร์ ไร้ซึ่งการจัดแจงใดๆ และค่อนข้างประหลาดตาสำหรับคนที่ติดภาพจำผมแสกข้างของเขาไม่น้อย


          พอแต่งแบบนี้แล้วดูเด็กลงนะ


          แอรีสช้อนตาขึ้นมามองพี่สาวตนเอง คิ้วโค้งคู่นั้นเลิกขึ้น


          ซีเรียส? เขากลั้วหัวเราะ


          เออ แต่ไปๆมาๆน่าจะเป็นที่ผมมากกว่า


          ก็ต้องเป็นที่ผมอยู่แล้วสิ


          น้ำหนักถูกทิ้งลงที่อีกฟากหนึ่งของโซฟา และในเวลาไม่นานนักแรงโน้มถ่วงที่กดทับวัตถุซึ่งวางอยู่ข้างเคียงก็ถูกอีกคนขโมยไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเอสธาร์ โจนาห์ยกขาข้างหนึ่งขึ้นมานั่งท่าชันเข่า วางแขนพาดไว้ด้านบน แล้วกดนิ้วลงบนปุ่มรีโมตคอนโทรลเลอร์เพื่อเปลี่ยนช่องจากรายการวิทยุที่เปิดเพลงคลอไปเรื่อยๆสู่สื่อที่มีภาพและสีสันให้รับชมมากกว่า


          แอรีสเพียงแต่มองเธอเงียบๆ คาดคะเนในใจว่าเจ้าหล่อนต้องเล่นเกมจับรายละเอียดเหมือนเดิม เนื่องด้วยสถิติการดูภาพยนตร์แทบทุกเรื่องที่ถูกฉายผ่านช่องซึ่งนานๆครั้งจะซื้อลิขสิทธิ์เรื่องใหม่


          ขนาดหมาของเพื่อนบ้านที่ชอบเดินเล่นแถวๆนี้ตอนกลางวันยังดูออกว่าเธอว่าง...


          ติ๊ด!


          ว่าแต่ไปปิ๊งใครมา?


          ตุบ!


          แอรีสชำเลืองมองหนังสือปรัชญาในมือซึ่งตกลงไปแทบเท้าตนเองเงียบๆครู่หนึ่ง


          สายเยอะ” เขากล่าว— ในถ้อยคำดังกล่าวมีเสียงแค่นหัวเราะปนอยู่เล็กน้อย


          เวลานั้นผ่านมาไม่ถึงสัปดาห์หนึ่งเสียด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนว่าใครบางจะที่รีบเอาเรื่องส่วนตัวเล็กๆน้อยๆของเขาไปรายงานพี่สาวตัวดีเสียแล้ว...


         ก็ไม่ค่อยแปลกใจสักเท่าไหร่หรอก


มันเป็นกรรมพันธุ์พ่อมี แม่มี ฉันมี และแกก็มี


          แล้วเบฟแฉฉันเรื่องอะไรไป?


          อ่ะ ไอ้เด็กนี่ฉลาด


          ก็เป็นกรรมพันธุ์อีกข้อมือข้างขวาถูกยกขึ้นมาลูบหลังคอพลางเอ่ย ในขณะที่อีกข้างนั้นเอื้อมลงไปหยิบหนังสือของตนเองมาคั่นเก็บไว้บนโต๊ะที่อยู่ติดกับฝั่งโซฟาของตนเองเวลาอ่านยังมีอีกเหลือเฟือสำหรับเขา การมีตารางที่ยืดหยุ่นนั้นทำให้สามารถปรับเปลี่ยนมันได้เรื่อยๆ ตราบใดที่ยังคงอยู่ในขอบเขต


ไหนๆมันก็เข้าสู่ประเด็นนี้กันไปเรียบร้อยแล้วด้วย...


          แอรีสจะไม่โกหก เขารู้ดีว่าอาการสนใจของตนเองชัดเจนกว่าในครั้งคราก่อนๆไม่น้อยอิทธิพลของความรู้สึกซึ่งสอดคล้องกันคือสัญญาณที่แปลกใหม่ เช่นเดียวกับกรณีสภาพร่างกายที่ถูกสาปเช่นเดียวกัน


          ทุกคนรู้จักหล่อนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะในฐานะลูกสาวของเครือบริษัทยิ่งใหญ่ หนึ่งใน 4 พี่น้องที่โด่งดังด้านการประสบความสำเร็จตั้งแต่ในรั้วโรงเรียนเอลบรัซไปจนถึงหน้าที่การงาน หรือตำแหน่งบุคคลที่ทุ่มเททั้งด้านวิชาการไปจนถึงด้านกิจกรรมชมรม...


          เขามีคนรู้จักที่ได้รับบทนำในการแสดงละครเวทีบ่อยครั้งได้ยินมาว่าหล่อนเป็นหนึ่งในแบคสเตจหลักที่ร่วมช่วยในหน้าที่หลากหลายราวกับมีบทบาทมากกว่าสมาชิกธรรมดา เป็นส่วนสำคัญที่น้อยคนนอกเหนือตำแหน่งเบื้องหลังจะทราบ


          และเมื่อได้รู้ความจริงส่วนหนึ่งจากปากเจ้าตัว... อะไรๆมันก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าคนคนนี้สมควรได้รับมากกว่าสมญานามที่มักจะมีชื่อของคนอื่นมาพ่วงเกี่ยว


          ให้ตายสิ... เขาสบถเสียงเบา


         พอคิดเช่นนั้นก็เผลอยกมุมปากขึ้นโดยอัตโนมัติไปเสียเฉย


          ยังมีหน้ามายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกนะ


          อย่าซ้ำกันสิ


          อ่ะ หน้าแดงๆ


          เอส...


          ริมฝีปากที่เม้มแน่นและคิ้วที่ขมวดเข้าหากันประหนึ่งถูกผูกเป็นปมนั้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาใช่ว่าแอรีสจะเป็นคนที่เก็บอาการเก่งแต่อย่างใด ยิ่งเมื่ออยู่ในช่วงอายุที่อารมณ์พรั่งพรูเป็นว่าเล่นก็ยิ่งแล้วใหญ่


หากไม่ติดว่าโซฟานี่ทนทานยิ่งกว่าอะไรดี เขาก็คงช็อตมันพังไปเสียแล้ว...


          ปลายนิ้วที่ไร้ซึ่งถุงมือปกคลุมพยายามเบี่ยงเบนความสนใจตนเองโดยการสัมผัสพื้นผิวที่ขรุขระเล็กน้อยของเฟอร์นิเจอร์ ขณะที่หันกลับไปมองหน้าจอโทรทัศน์ที่ยังคงฉายหนังเรื่องเดิมอยู่


          แล้วสรุปได้อะไรมากจากนิมบ้าง?” เขาเอ่ย— เปลี่ยนประเด็นแบบเยื้องๆจากการแสดงอาการของตนเองมาเป็นเรื่องรายละเอียดแทน


          ก็แค่เรื่องที่ตอนเย็นวันแรกมีนัดและเรื่องที่ยิ้มตอนเปิดสมาร์ตโฟน


          โอ้—”


         แล้วก็ไม่มีใครคิดจะทักเขาเลยสักคนเนี่ยนะ?


          บ่ายนี้ได้เจอกันที่ห้องชมรมแน่...


แต่รีสน้องรัก ช่วงวัยรุ่นมันคือยุคทองของชีวิตเลยนะ อย่ายั้งตนเองเหมือนรอบก่อนๆ ทำตามหัวใจไปเถอะ”


          “แล้วถ้าหัวใจบอกว่าไม่ให้คุยเรื่องนี้กับเอสธาร์?


          “แปลว่ามันสันดานเสีย ไม่ต้องไปฟัง”


          แอรีสหัวเราะ— ขบขันกับการตอบสนองที่รวดเร็วต่อการชงมุก


          ความจริงเขาก็โดนคำสาปเหมือนกันเขากล่าวเสริม


          มันเป็นข้อมูลที่พูดคุยตกลงกันแล้วว่าสามารถเล่าให้คนอื่นฟังได้ กระนั้นเขาก็หาได้มีความคิดจะขยายความหรือลากยาวไปจนถึงสาเหตุของเจ้าหล่อนองค์ประกอบบางส่วนยังถือว่าส่วนตัวเกินไปสำหรับเพื่อนที่รู้จักกันได้ไม่นาน เขาไม่คิดจะก้าวก่ายจนกว่าโทปาซจะสะดวกใจ และก็ไม่มีความเห็นเรื่องการบอกกล่าวสิ่งที่ไม่จำเป็นเสียขนาดนั้นให้คนอื่นที่นับว่าเป็นคนนอกรู้


          ต่อให้เป็นพี่สาวในไส้ก็เถอะ... แต่เธอไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้นี่


          อ้อ งั้นเหรอ?


          อืม


          ผัวะ!


          โอ๊ย—”


          ก็ดีที่อย่างน้อยพอจะเข้าใจกันได้ในเรื่องนี้แหละนะ


          จำเป็นต้องตบหลังกันด้วยเหรอ?แอรีสเบะปากความเจ็บปวดดังกล่าวไม่กระทบกระเทือนเขาสักเท่าไหร่นักในระยะยาว กระนั้นมันก็ทำให้กระแสของคำสาปในร่างกายกระตุกไม่น้อย


          โชคดีที่เอสธาร์ไม่สัมผัสกับปลายนิ้วเขาโดยตรง ไม่เช่นนั้นก็คงต้องเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าสถิตรอบที่ล้านของบ้านไม่ใช่เรื่องอันตรายถึงขั้นชีวิต แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันจะไม่ส่งผลต่ออุปกรณ์รอบตัวที่หาได้ทนทานเทียบเท่าเฟอร์นิเจอร์ซึ่งนั่งอยู่


          โซฟามันป้องกันได้ แต่อย่างอื่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย...


         เขาไม่อยากจะจำเสียด้วยซ้ำว่าถูกหักเงินค่าขนมเนื่องด้วยทำข้าวของในบ้านพังไปกี่ครั้งแล้ว


          เออ แล้วนี่ฉันจะได้ดูหนังไหมเนี่ย? มัวแต่คุยกันอยู่นั่นเอสธาร์บ่นออกมาเบาๆ


สมาธิเธอแลดูคล้ายกับว่าจะสลายไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้วในตอนที่อยู่นอกห้องอ่านหนังสือและห้องเรียนที่มหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้นกับเรื่องที่ดูไปแล้วมากกว่า 3 รอบก็คงไม่เหลือ


          อย่างไรก็เถอะ เขาสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าสายตาคู่นั้นไม่ได้จดจ่ออยู่กับหน้าจอตั้งแต่วินาทีที่มันเริ่มขึ้น...


          สำหรับพี่สาวของคนที่ซึ่งได้ยินเพื่อนกล่าวจนชินชาว่า ตรงไปตรงมาที่สุดในกลุ่ม แล้ว เอสธาร์ถือว่าปากแข็งเสียจนคนรอบข้างสงสัยว่าพวกเขาไปได้อิทธิพลทางด้านนิสัยมาจากใครกันแน่


          คุยกับน้องสนุกกว่านะ


          โอ้ ว้าว ไม่รู้มาก่อนเลย


          เดี๋ยวเหอะเอส


         แต่ขืนพูดไปก็มีหวังโดนฟาดกบาลแน่


          แล้วนี่จะไม่บอกชื่อแซ่เขากับพี่สาวจริงๆดิ?


          อืม


          โธ่ ไอ้ตัวดี

  

___



          เขาก็อยากใช้เวลากับเอสธาร์ที่นานๆครั้งจะว่างมากกว่านี้อยู่หรอก... แต่สุดท้ายแล้วมันก็ต้องจบก่อนควรอยู่ดี


          โทษทีพวก ถ้านัดวันปกติมันติดที่มิสเคนเนดี้ทากะฮิโระกล่าวพลางยื่นกาแฟกระป๋องมาให้


          ไม่เป็นไร เก็ท


          อาจารย์ที่ปรึกษาชมรมของพวกเขาค่อนข้างมีอุปนิสัยที่โปร่งใสใส่ใจเพียงแต่คนที่ได้ดีกรีนักเรียนหัวกะทิและมีความสามารถอันดับต้นๆของเอลบรัซ ส่วนพวกที่เหลือก็ปัดไปอยู่กับกลุ่มบุคคลที่ตนต้องทำงานด้วยเฉยๆ ไม่ได้มีอภิสิทธิ์อะไรมากมาย


          ก็พอจะเข้าใจมายด์เซ็ทที่ต้องการความก้าวหน้าด้านผลงานในฐานะอาจารย์แหละนะ...


          แล้วสรุปคือเราได้งานแบบมัดมือชก?


         แต่เรื่องทำอะไรโดยไม่ถามไถ่ก่อนก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง


          อืม เป็นงานคอลแลปชมรมน่ะ


          ตอนเกรด 12 เนี่ยนะ?


          ฉันก็เพิ่งจะรู้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วนี่แหละ


          แอรีสอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงไม่แน่ใจว่าหล่อนหวังดีหรือเพียงแค่ต้องการให้ฮิงุจิ ทากะฮิโระได้ผลงานเพิ่มเพื่อนำไปใส่ในพอร์ตโฟลิโอของตนเอง โดยมีตัวเขาเอง นิมูเอล เอพริล ฮวานิต้า และรุ่นน้องคนอื่นๆในชมรมซึ่งไม่ได้มีความคาดหมายใดๆกับเครดิตเพิ่มเติมเหล่านั้นเป็นผู้ร่วมชะตากรรม


          โทษทีนะ นายมีคอร์สออนไลน์ที่ยังเรียนไม่เสร็จด้วยนี่อีกฝ่ายถอนหายใจตามหลังคำกล่าวของตนเอง


          อย่าคิดมากน่าทากะ เรื่องแค่นี้ไม่ทำตารางชีวิตฉันเสียหรอก งานเขียนบทตามบรีฟที่วางไว้มันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น


          แล้วมือก็แกะเครื่องดื่มกระป๋องเตรียมบริโภคในเวลาต่อมาเขาควรได้รับแรงกระตุ้นจากคาเฟอีนก่อนพูดคุยเรื่องรายละเอียดส่วนอื่น อีกทั้งสมาชิกในชมรมส่วนใหญ่ก็ยังคงใช้เวลาเดินทางมายังโรงเรียนอยู่ด้วย อย่างน้อยก็ควรจะเตรียมพร้อมร่างกายของตนเองไว้


          ทากะฮิโระเลือกมอคค่าให้กับเขา คงคาดคะเนจากรสนิยมการกินช็อกโกแลตหรือโกโก้เวลาที่หงุดหงิดเป็นการตัดสินใจที่ดีตามประสามิตรที่รู้จักกันมานาน แม้ว่าโดยปกติจะไม่ได้พูดคุยด้วยกันบ่อยนัก


          รสชาติหวานปนขมค่อยๆชโลมความหยาบกระด้างทางอารมณ์ที่กระตุ้นให้สัญชาตญาณทำงานทีละนิดทีละน้อย...


          แอรีสถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกประมาณหนึ่ง


          ขอบคุณสำหรับมอคค่า กล่าวพลางวางกระป๋องดังกล่าวบนโต๊ะเบื้องหน้าตนเอง


          ขากลับฉันคงต้องโด๊ปช็อกมินต์


          ไปคนเดียว?


          ถ้าอยากมาด้วยก็มาได้


          ไม่ล่ะ ไปชวนแอนเดรียเถอะ


          ...


         ไอ้


          แอ๊ด...


          โทษทีๆ มาช้าไปกว่าที่คาดไว้เยอะเลย ฉันหลงทางตอนพาลอนดอนไปส่งที่บ้านเพื่อนอ้าว?


          หวัดดีนิม


          จังหวะที่ประจวบเหมาะนำมาซึ่งคำพูดประหนึ่งวลี ฝากไว้ก่อนเถอะ ของตัวร้ายในหนังสักเรื่องที่ปรากฏขึ้นภายในหัวแอรีสหันไปทางผู้มาเยือน พิจารณาดูสีหน้าที่งวยงงนั่นเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าทักทายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นเดียวกับทากะฮิโระ


          น้องลอนดอนวัยนี้ติดเพื่อนจังเลยนะ


          ก็คงงั้นแหละ อีกนิดคงไม่ต้องการฉันแล้ว


          ไม่หรอกน่า วันก่อนยังมาบอกกับฉันถึงความเท่ของพี่นิมอยู่เลย


          แล้วนายก็ดันฟังจนจบอ่ะนะ?


          อืม ตลกดี เขายักคิ้ว ฉีกยิ้มยียวนเล็กน้อย


          นิมูเอล เบซีย์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา แล้วจึงเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้เคียงข้างเขา


          เรื่องราวเมื่อก่อนหน้าถูกผลักให้เป็นประเด็นที่ต้องจัดการในอนาคต เช่นเดียวกับเรื่องที่ผู้มาเยือนคนใหม่เอาประเด็นใกล้เคียงกันไปพูดให้พี่สาวเขาฟังงานชมรมที่มีเดดไลน์แน่ชัดล้วนสำคัญกว่า อีกทั้งเขาเองก็ไม่ได้อยู่ในสภาพอารมณ์ที่เหมาะแก่การเรียบเรียงความรู้สึกหรือเล่าเรื่องของตนเองสักเท่าไหร่แล้ว


         จะไม่แตะประเด็นนี้โดยไม่จำเป็นก่อนก็แล้วกัน...


          ฮวานิต้า เอพริล แล้วก็เบฟไปซื้อน้ำ น่าจะมาในอีกสักแป๊บ นิมูเอลเอ่ย และนั่นก็ทำให้เขาเลิกคิ้วขึ้น


          เบฟ? รายละเอียดอยู่ที่หมอนั่นสินะ


          ก็แน่ล่ะ คิดว่าเคนเนดี้จะมาอธิบายให้พวกเราฟังเองเหรอ?


          ก็เนอะ...


          แน่นอนว่าตราบใดที่ไม่ใช่นักเรียนดีเด่น ความสนใจจากอาจารย์ผู้ต้องการจะเพิ่มเครดิตให้กับตนเองก็น้อยเสียจนน่าเวทนา... แม้ว่าสำหรับเขาที่ไม่ถูกกับหล่อนเท่าไหร่นักจะถือว่าเป็นเรื่องดีในระดับหนึ่งก็ตาม


          หากมีปากเสียงกันตั้งแต่เริ่มปีการศึกษาก็อาจนำมาซึ่งปัญหาในอนาคตโชคดีแค่ไหนที่ความอดทนทางสภาพจิตใจของเขามีมากกว่าคนอื่นพอสมควร การดำเนินแผนการสนองจิตใต้สำนึกของตนเองอย่างแนบเนียนถึงได้เป็นเรื่องที่ไม่ฝืนตนเองมากจนเกินขอบเขต


          ว่าแต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้โคกันเรื่องบทละครแล้วนะ?


          โทปาซที่ปกติคิวซีบทออกจากชมรมไป


          นิมูเอลเงียบไปครู่หนึ่งใช้ความคิดของตนเองพิจารณาถ้อยคำที่เขาเอ่ยออกมาอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะเอ่ยปากถามออกมาเพื่อความแน่ใจอีกครา


          อันนี้เหตุผลจริง?


          ไม่รู้ เดาเอาคงเป็นอะไรประมาณนี้แหละแอรีสไหวไหล่ตอบกลับไป


         ความเป็นไปได้มันค่อนข้างสูงเลย...


          ต่อให้ไม่ใช่ เรื่องที่โรวีน่า เคนเนดี้จะไม่มั่นใจศักยภาพของชมรมเมื่อไม่มีหนึ่งในนักเรียนดีเด่นที่ตนจับตามองอยู่ก็ถือว่าไม่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงซึ่งเป็นไปได้จากคำพูดของโทปาซ หล่อนยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเธอ เพียงแต่อาจจะไม่ได้แสดงตนชัดเจนเท่าคราวที่ยังไม่ถูกสาป


          แอ๊ด!


          ดวงตาสีมหาสมุทรคู่นั้นหันไปทางประตูที่เปิดออกอีกครา


          สามร่างในชุดยูนิฟอร์มของสมาคมนักกีฬาปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาในมือต่างก็มีเครื่องดื่มชูกำลังปั่นกับเยลลี่จากร้านคาเฟ่ของคุณแอทคินสัน สีหน้าแลดูเหนื่อยหน่ายใจกับการมาโรงเรียนหลังจากการซ้อมรายอาทิตย์ไม่น้อย


          ไหวกันไหม? เขาเอ่ยถามเป็นการทักทาย


         และเสียงถอนหายใจของเอพริล วาเลอรี่ โกลูเบฟนั้นเป็นคำตอบที่ชัดเจนพอสมควร


          อ่า ไม่ไหวสินะ


          ฉันจะเอาตัวอ่อนแมลงไปใส่ในล็อกเกอร์อาจารย์


          ระวังใส่ผิดคนแอรีสกลั้วหัวเราะมือนั้นเลื่อนเก้าอี้ออกให้เขามานั่งใกล้ตนเองอีกฝั่งหนึ่ง และเจ้าของแผนการที่อาจทำให้ตนเองถูกเพ่งเล็งอีกครั้งก็ตอบรับข้อเสนอนั่นแต่โดยดี


          ห้ามกันหน่อยเถอะ เบวานที่ยืนดื่มเครื่องดื่มของตนเองอยู่เมื่อครู่นั้นเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง ขัดกับรอยยิ้มเลศนัยที่เด่นชัดอยู่บนใบหน้าคมเข้มนั่นโดยสิ้นเชิง


          แล้วก็ขอเข้าเรื่องเลย... คือเราทำงานร่วมกับชมรมวรรณกรรม พล็อตหลักเป็นแนว Coming of Age ไม่ได้หวือหวาอะไรเท่าไหร่ และเพลงมิวสิคัลที่เขาจะแสดงก็ใกล้เสร็จเดโม่แรกแล้ว บ่ายวันนี้คงได้ฟังกันเป็นเรฟสำหรับบท


          แอรีสพยักหน้ารับ ก่อนจะยกมอคค่ากระป๋องขึ้นดื่มอีกครา


          เราลงรายละเอียดในบรีฟที่การละครวางไว้ก่อนได้ แล้วค่อยไปดิสคัสกับทางวรรณกรรม ตอนแต่งก็คงโคกันทั้งสองฝ่าย แล้วสุดท้ายก็ร่วมกันคิวซีลำบากหน่อย แต่แบบนี้น่าจะดีกว่าแบ่งกันไปทำ ถ้ามันไม่ลื่นก็ชิบกันหมด


          ลาก่อนเวลาพักของฉัน


          ไปโทษเคนเนดี้ไปเอพริล

  

___



          “บรีฟโคตรกว้าง


          เออ


          เรียกมาคุยที่โรงเรียนได้ป่ะวะ?


          ลองดิ


          แอรีสมองเจ้าของถ้อยคำอันไม่มีที่สิ้นสุดอย่างเงียบเชียบเดมิเกิร์ลรูปร่างสันทัดคนนั้นยังคงจ้อไม่หยุดตั้งแต่นาทีที่เข้ามายังห้องชมรม มนุษย์เจ้าระเบียบที่จัดตารางชีวิตล่วงหน้าไว้อย่างเรียบร้อยอย่างเขาเกลียดสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันพอๆกับการแพ้แมทช์วอลเลย์บอลของสมาคม และต่อให้ค่าตอบแทนจะสมกับเรี่ยวแรงที่เสียไปมากเพียงใด โอกาสที่เขาจะนิ่งเงียบและพยักหน้ารับภาระงานเพิ่มเติมแต่โดยดีก็น้อยกว่าร้อยละครึ่งหนึ่งอยู่ดี


          แม้ว่าคนในชมรมที่ปรึกษาจะเป็นกลุ่มคนซึ่งส่วนใหญ่มีแนวความคิดที่สอดคล้องกับการเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากเพียงใด มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยอมให้มันกลืนกินส่วนสำคัญซึ่งพยายามทะนุถนอมมาตลอดหลายปีของการใช้ชีวิต


          ในกรณีนี้ก็คืออนาคตเกรด 12 คือเกรดสุดท้ายของไฮสคูล และการเตรียมตัวสำหรับอีกก้าวใหญ่ของชีวิตก็มีจำกัดลงเรื่อยๆ


          โรวีน่า เคนเนดี้โชคดีที่เขายังคงเป็นคนยืดหยุ่น...


         หล่อนโชคดีจริงๆ


          สมุดโน้ตซึ่งถูกเปิดกว้างนั้นเผยหน้ากระดาษที่เต็มไปด้วยรอยดินสอขีดข่วน ทุกครั้งคราที่พลิกมันก็พบเจอกับความวุ่นวายทางความคิดซึ่งถูกระบายลงผ่านเนื้อแกรไฟต์สีเข้มรวมกันเป็นเส้นขยุกขยิกที่ทับซ้อนกันเสียจนอ่านไม่ออก


          วุ่นวายเป็นบ้า... กระนั้นก็ดูสวยไปอีกแบบ


          ความไม่สมบูรณ์แบบบ่งบอกถึงสเน่ห์ของการเดินทางอันไร้ซึ่งความมั่นคงตลอดการของชีวิตมีล้มลุกคลุกคลาน มีความสำเร็จทั้งในระยะสั้นและยาว แต่โดยรวมก็ไม่เคยไม่ได้รับคุณค่าใดๆจากเหตุการณ์เหล่านั้น


          ก็ระบายมันเข้าไปในเรื่องสิ เขาเอ่ย ริมฝีปากนั้นผลิยิ้มน้อยๆ


          ไหนๆธีมก็เป็น Coming of Age อยู่แล้ว จะเอาให้เรียลมันก็ไม่แปลกหรอก


          ...เอาล่ะ ใครทำพ่อโกรธ?


          แอรีสหัวเราะ


          เขาแค่หงุดหงิดเล็กน้อยไม่ใช่อะไรร้ายแรง เกิดขึ้นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังใจเย็นง่ายเสียยิ่งกว่าการรอคอยให้อาจารย์ที่ปรึกษาชมรมตระหนักได้ถึงความลำบากซึ่งก่อเกิดจากการกระทำของหล่อนเสียอีก


          อ่า... แล้วเขาก็โยงไปเรื่องโรวีน่า เคนเนดี้อีกครั้งเสียอย่างนั้น


อุ๊บส์


ช็อกโกแลตแท่งถูกหยิบขึ้นมาบริโภคในทันทีที่ตระหนักได้ว่าอารมณ์กำลังเริ่มควบคุมตัวเขา ชายหนุ่มชำเลืองมองมือทั้งสองซึ่งถูกปกปิดตั้งแต่ช่วงกลางฝ่ามือไปถึงปลายนิ้วด้วยถุงมือสีเข้ม เน้นย้ำกับตนเองถึงโอกาสอันน้อยนิดที่สร้างปัญหาเกินความจำเป็น


สารอะนันดาไมด์คือที่พึ่งลำดับที่สองของเขา เนื่องด้วยเม็ดยาที่ถูกทอดทิ้งไว้ในห้องนอนด้วยความประมาทของตนเองแอรีสยอมรับว่าตนเองประเมินสภาพอารมณ์ ณ ปัจจุบันต่ำไป การที่คนรอบข้างเขาได้รับผลกระทบจากอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมคนดังกล่าวกระตุ้นให้ความขุ่นมัวในใจเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยมา และมันก็มากเสียจนทำให้หวาดหวั่นในตนเอง


จะว่าไป ชมรมวรรณกรรมนี่... อะลอนโซ?


ใช่ มาริซอล อะลอนโซอยู่มาตั้งแต่เกรด 9


รอดแล้ว!”


ผัวะ!


อย่าให้เขาแบกอยู่คนเดียว


รู้น่า


ทากะฮิโระมองนิมูเอลและเอพริลที่สนทนากันด้วยแววตารู้สึกผิดมาพักหนึ่งแล้ว...


ปลายลิ้นที่ยังคงรับรสถึงความหวานของช็อกโกแลตนั้นเลียมุมปากที่เปรอะขนมเล็กน้อยของตนเอง


ทากะ ฝากกินอีกครึ่งหนึ่งหน่อย ฉันกินเองไม่หมด


ฮะอ๋อ หักมาๆ


ป๊อก!


ขอบคุณ


อ่าฮะ


แล้วภาพสะท้อนของมหาสมุทรก็แปรเปลี่ยนจากทิวทัศน์เบื้องหน้ามาเป็นสิ่งที่อยู่ใต้ระดับสายตาตนเอง...


เนื้อความบนหน้ากระดาษของสมุดโน้ตไม่ได้ดูลายตาน้อยไปจากแต่อย่างใดหากเพ่งมากๆก็อาจจะพออ่านเนื้อความคร่าวๆซึ่งถูกขีดเขียนลงไปได้ กระนั้นการจัดลำดับสิ่งที่ต้องการสื่อก็กลายเป็นเรื่องที่ต้องเสี่ยงทายเสียแทน


          แอรีสมั่นใจว่าตนเองสามารถถ่ายทอดมันออกมาเป็นรูปแบบของแผนภาพความคิดได้อย่างคร่าวๆ และสมองที่ประมวลผลเรียบร้อยก็สั่งการให้มือขวาเริ่มร่างมันลงในกระดาษแผ่นถัดไปของสมุด


          รสหวานของช็อกโกแลตหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวเนื้อปากกาสีน้ำตาลซึ่งวาดลากเป็นลวดลายลงบนพื้นผิวเรียบโยงหัวข้อจากคีย์เวิร์ดที่พอจะจับใจความได้เข้าด้วยกันเป็นแผนภาพที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจและนำไปสานต่อทางความคิด


          เมื่อพูดถึงแนวเรื่อง Coming of Age แล้วก็คงไม่พ้นเรื่องราวในรั้วโรงเรียนซึ่งผู้รับชมส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงได้ช่วงวัยซึ่งถูกเรียกว่าเป็น ปีทอง ของการใช้ชีวิตล้วนมีคุณค่าไม่มากก็น้อยแค่พวกเขา ผู้ปกครองจะหวนนึกถึงวันวานเก่าๆ ในขณะที่นักเรียนจะตระหนักถึงเหตุการณ์ช่วงปัจจุบันที่คล้ายคลึงกัน


          ปมปัญหาหลักไม่จำเป็นต้องหวือหวามาก... แค่มีความสมจริงและเข้าถึงจิตใจคนดูก็เพียงพอ


          การลองถ่ายทอดเรื่องราวของผู้คนที่อยู่ในเบื้องหลังของตำแหน่งซึ่งมีไฟสปอตไลท์ส่องก็น่าสนใจไม่น้อยไม่ใช่ทุกอย่างจำเป็นจะต้องแปรเปลี่ยนไปในวิถีที่โดดเด่นขึ้น ความดาษดื่นนั้นวิเศษเทียบเท่ากับความตระกานตาของตำแหน่งที่มีแสงสาดส่อง


          และอะไรเช่นนั้นก็สามารถโยงไปยังความไม่เท่าเทียมของมิสเคนเนดี้ที่เอพริลน่าจะอยากแทรกเข้าไปในเนื้อเรื่องด้วย...


          ฮวานิต้า


          คะ?


          แบบนี้เป็นไง?


          อ่า... หนูขออ่านแป๊บหนึ่งนะพี่เธอตอบพลางรับสมุดโน้ตของเบวานไปจากมือเขาแต่โดยดีใบหูนั้นยังคงฟังเดโม่จากชมรมการละคร ฟังมันคลอไปเป็นเพลงพื้นหลังระหว่างการอ่าน


          โห อ่านที่พี่เบฟเขียนออกด้วย?


          ประสบการณ์ชีวิตน่ะนะ


          พี่รีสเก่งอ่ะ


          เขาหัวเราะ


          อย่าอวยมันมาก เดี๋ยวเหลิง และคำกล่าวของนิมูเอลที่เข้ามาร่วมบทสนทนาด้วยก็ไม่ได้ทำให้ความขบขันน้อยลงเลยสักนิด


          พี่นิมก็เก่ง


          อ่ะ! เอาตำแหน่งประธานชมรมไปเลย


          ไม่ได้ไหมอ่ะพี่!?


แอ๊ด...


แต่แล้วภาพสะท้อนในดวงตาคู่นั้นก็แปรเปลี่ยนจากรุ่นน้องและเพื่อนร่วมรุ่นไปยังบานประตูคิ้วโค้งเรียวเลิกขึ้นเมื่อสบกับดวงตาที่มีแววของความหวาดหวั่นปะปนอยู่ นึกฉงนกับเจ้าของเข็มหมุดตรากรรมการนักเรียน ณ แขนเสื้อฝั่งซ้ายที่ดูผิดภาพลักษณ์ทั่วไป


ดูไม่น่าจะเป็นเรื่องดีเท่าไหร่ คนกลุ่มเดียวที่อยู่ในโรงเรียนก็มีเพียงไม่กี่กลุ่มเสียด้วย หากละเว้นกรรมการนักเรียนซึ่งต้องมาตรวจงานเป็นประจำแล้ว...


ขอโทษนะ ว่างกันหรือเปล่า?หล่อนเอ่ย


ทำไมเหรอ?


คือ... มีตัวอะไรก็ไม่รู้บุกเข้ามาในห้องประชุมน่ะ


แอรีสหันไปทางนิมูเอลทันทีส่งสัญญาณให้เจ้าตัวรับรู้ถึงภาระหน้าที่ซึ่งต้องจำใจรับไปตามระเบียบ แม้ว่าสีหน้านั่นจะบ่งบอกถึงความขัดแย้งอย่างเต็มที่ก็ตาม


นี่คือสาเหตุที่คนเขาไม่ลงเรียนคลาสศาสตร์แห่งสิ่งมีชีวิตกันเป็นวิชาเสริมอย่างไรล่ะ...


เทคลาสแคลคูลัสตอนเช้าที่วางแผนว่าจะลงกับเขาดีนัก สมน้ำหน้า

 


___

 


          ไง


          ว่าไงแอนโธนี่


          ...


          ...


          ...พอเอาเข้าจริงๆแล้วรู้สึกตะหงิดเล็กน้อยแฮะ


          แอรีสหัวเราะ


          เขารู้จักแอนโธนี่ครั้งแรกเมื่อตอนอยู่เกรด 9 ด้วยอิทธิพลของผลงานที่ทากะฮิโระซึ่งอยู่ชมรมเดียวกันนักเรียนหัวกะทิของเอลบรัซทั้งสองมักจะพบเจอและถูกจับให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันบ่อยครั้ง เนื่องด้วยความสะดวกสบายของการอำนวยความสะดวกในกิจกรรมที่หลากหลายในรั้วโรงเรียน ซึ่งเขาที่เผอิญอยู่ในแวดวงใกล้เคียงก็มีครั้งคราวซึ่งได้พบเจอกันระหว่างเส้นทางชีวิตที่หาได้ขนานหรือไปคนละทิศคนละทางกันเสียขนาดนั้น


          แอนโธนี่ ออกัสต์ แอนเดรียมีภาพลักษณ์ธรรมดาทั่วไปในสายตาเขาฉลาด หน้าตาดี เป็นที่รู้จักในหมู่คนส่วนใหญ่ ดูรวมๆแล้วก็ไม่เสียหายหากจะติดต่อกันบ้าง เลยกลายมาเป็นความสัมพันธ์ซึ่งไม่ได้ใกล้ชิด แต่ก็ไม่ได้ห่างไกล


          ระยะระหว่างกันและกันนั้นพอเหมาะ... จนเกิดอะไรเล็กๆน้อยๆขึ้น


          ไหนบอกมาว่าไม่โกรธไง?แอรีสกลั้วหัวเราะ มุมปากนั้นไม่กล้ายกขึ้นมากนัก เพียงแต่ยิ้มตามมารยาทไปเหมือนกับปกติ


         เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งจะเผลอสนใจคนใกล้ตัวอีกฝ่ายเข้านี่นา


          แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่หวงพี่สาวนี่


          อ่า...


          แต่ฉันห้ามไม่ได้นี่เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว และนายเองก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร


          เฉดสีที่คล้ายคลึงกับสกายบลูโทปาซ หากแต่ให้ความรู้สึกดุดันกว่านั้นสะท้อนภาพของตัวเขาเองแอนโธนี่ยืนกอดอกพิงผนังห้องอย่างสบายอารมณ์ มองเขาสลับกับนิมูเอลที่ยังคงจัดการอยู่กับสิ่งมีชีวิตขนฟู ระมัดระวังด้านการแสดงออกที่อาจนับได้ว่าเป็นการปล่อยปละละเลยสถานการณ์รอบข้างเป็นอย่างดี


ขอบคุณแอรีสตอบกลับไปสั้นๆ


          อืม


          ไม่จำเป็นต้องคาดเดาก็พอจะตระหนักได้ถึงความแตกต่างของสถานการณ์ซึ่งข้องเกี่ยวกับอารมณ์ในครานี้ทุกอย่างมันประจวบเหมาะเสียจนความโลภเริ่มที่จะครอบงำเขา แม้ว่าใจจะพยายามตระหนักอยู่เสมอว่าความละเอียดอ่อนนั้นจำเป็นจะต้องผ่านการพินิจอย่างถี่ถ้วน แต่สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นว่าเขากำลังปล่อยให้ร่างกายขยับไปตามสัญชาตญาณและจิตใต้สำนึกของตนเองเสียอย่างนั้น


          เขาชอบโทปาซอาจจะไม่ได้มากจนเรียกว่าเป็นความรัก แต่ก็ไม่ปฏิเสธถึงความเป็นไปได้ที่มันจะก่อตัวขึ้นทีละน้อยและแปรเปลี่ยนเป็นอะไรซึ่งลึกซึ้งกว่า


          หากเป็นเหมือนคราก่อนๆก็คงจะกดทับมันไว้ด้วยความรับผิดชอบในฐานะผู้ถูกสาป...


          โลกคิดจะรักเขาขึ้นมาแบบไม่มีปี่ขลุ่ยหรืออย่างไรกันนะ? พิลึกดี


         แต่ก็รู้สึกขอบคุณอยู่ในระดับหนึ่ง


          มีศิลปินแนะนำไหม? เราใช้งานอาร์ตเดิมสำหรับช่วงเทศกาลมาหลายปีแล้ว ถึงจะสวย แต่เดี๋ยวก็ต้องมีคนบ่นแน่ๆแอนโธนี่กล่าวเปลี่ยนประเด็นจากเรื่องส่วนตัวเข้าสู่เรื่องงาน ทว่าดวงตาคู่นั้นก็ฉายแววประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเขาเริ่มการตอบกลับไปด้วยการยกคิ้วโค้งขึ้น


          ถามฉันเรื่องนี้อ่ะนะ?


          นายรู้จักคนเยอะ


          ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ แต่เรื่องนี้ควรถามปาซที่รู้จักคนในแวดวงนั้นมากกว่าไม่ใช่เหรอ?


          เอาเป็นว่าฉันวานเขาไม่ได้ต้องไม่ใช่ในตอนนี้


          อ้อ


          ...


          ...


          ...    


          ความจริงก็มีอยู่คนหนึ่งที่คิดว่าน่าจะเข้าข่ายสไตล์แนวๆที่เอลบรัซชอบ เดี๋ยวฉันส่งคอนแทคไปให้


          แอรีสรู้ขอบเขตแอนโธนี่ไม่ใช่ประเภทที่จะยอมบอกกล่าวเรื่องส่วนตัวกับคนที่ไม่ได้สนิทกันในระดับหนึ่งตามสิทธิ์ที่มี สิ่งเดียวที่ทำได้ก็มีเพียงแต่การสนองความต้องการในคราแรกและรอดูปฏิกิริยา เขาไม่คิดจะปฏิเสธการขอความช่วยเหลืออยู่แล้ว


          ในฐานะคนที่ไม่ได้เปิดเผยตัวตนของตนเองไปอย่างหมดเปลือกกับทุกคนในชีวิต ความเข้าใจความซับซ้อนในแง่ของความสัมพันธ์ซึ่งอาจดูปกติในสายตาคนส่วนใหญ่ย่อมเป็นสิ่งที่เขามี ใช่ว่ากับเอสธาร์จะถูกคอกันในทุกเรื่อง


          ก็แค่ไม่พูดเรื่องดังกล่าวกันเท่านั้น... มันยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะพูดได้


          ขอบคุณล่วงหน้าแอนโธนี่กล่าว แล้วจึงหันไปมองยังทิศทางของนิมูเอลที่ยังคงพยายามหลอกล่อสิ่งมีชีวิตประหลาดออกจากห้องกรรมการนักเรียนไปโดยมีบุหลัน สรัสวตีคอยช่วยเหลือมันเป็นสัตว์คล้ายนกที่เพิ่งจะถูกค้นพบในไอรีเนียส ลาร์ค ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ ทว่าบางข้อมูลเกี่ยวกับก็ถูกเผยแพร่ไปแล้วผ่านสื่อ


          มันเสี่ยงในระดับหนึ่ง และเขาซึ่งไม่อาจทราบได้ว่ามันจะกระตุ้นคำสาปของตนเองหรือไม่ก็ถูกสั่งให้ยืนคุยธุระกับหัวหน้ากรรมการนักเรียนคนนี้ไปแทน


          ใช่ หากมันคือสายพันธุ์ที่เป็นปรปักษ์กับต้นตระกูลก็คือว่าเกมไม่เผลอช็อตมันด้วยมือที่แห้งง่ายประหนึ่งสัมผัสอากาศเย็นตลอดเวลาก็โดนฟันนานาซี่ของมันเฉือนไม่เป็นชิ้นดี


          ต่อให้ไม่ห่วงชีวิตก็โดนเพื่อนปรามก่อนที่จะได้ทำอะไรเสมอนั่นแหละ...


         เขามันใจเย็นเกินไปบ้างก็ว่าอย่างนั้น


          ยินดี แต่ว่ารายนี้รับมือยากเล็กน้อยนะ


          ไม่ใช่ปัญหาหรอก


          ก็คิดว่าคงเป็นอย่างนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็อยากเตือนไว้ก่อนอยู่ดี


          ขอบคุณก็แล้วกัน


          แอรีสผงกหัวตอบรับคำกล่าวที่ดูเป็นกันเองเกินจริงไปด้วยท่าทีไม่แยแสมากมาย สองมือที่ยังคงสวมใส่เนื้อผ้าซึ่งป้องกันการใช้เวทมนตร์ประจำตัวอยู่นั้นถูกันไปมาพลางตำแหน่งสายตาแปรเปลี่ยนจากคนข้างๆไปสู่เพื่อนของตนเอง


          ในชั่ววินาทีหนึ่ง... เขาสบตากับนิมูเอล


          และรอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้าก็ผลิกว้างขึ้นกับสัญญาณซึ่งรับรู้กันเพียงสองคน


          โจนาห์!”


          หมับ!


          ระวังหน่อยนิมเขากลั้วหัวเราะมือที่ถืออุปกรณ์เวทมนตร์สักอย่างซึ่งไม่รู้จักนั้นเขย่ามันพลางเอ่ย ความอยากรู้อยากเห็นเริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย


          ผลกระทบของการไม่สามารถสัมผัสเวทมนตร์ได้คือความรู้ซึ่งจำกัดอยู่ในขอบเขตของมนุษย์สายอาชีพทั่วไปมันไม่ได้แย่ กระนั้นก็เป็นสิ่งซึ่งไม่สามารถศึกษาโดยตรงได้ ค่อนข้างจะน่าเสียดายสำหรับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถือคติว่า ต่อให้ไม่สำคัญก็ควรจะรู้ข้อมูลหลายอย่างไว้ก่อน


          มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ จะให้เขาขัดกฎธรรมชาติก็กระไรอยู่...


         คนมันหลาบจำแล้วนี่


          โทษที แต่ฝากพังให้หน่อยนิมูเอลเอ่ย มือซึ่งมีอำนาจเวทตามโชคชะตาที่เห็นใจนั้นชี้ไปยังอุปกรณ์ในมือเขา


          แอรีสไหวไหล่ตอบรับไปด้วยความไม่คาดหวังใดๆ


          ฟันที่แหลมคมเพียงแค่บริเวณเขี้ยวของเขาสัมผัสเข้ากับปลายถุงมือขวาซึ่งถูกยกมาอยู่ในระดับเดียวกันกัดเข้าอย่างเต็มแรงแล้วจึงดึงมันออก ปล่อยให้ส่วนซึ่งอันตรายที่สุดของร่างกายสัมผัสกับอากาศโดยตรง แล้วจึงจับเข้าที่ของซึ่งเพื่อนหนุ่มส่งมา


          ดวงตาสีมหาสมุทรคู่นั้นหลุบมองเทคโนโลยีกึ่งเวทมนตร์ซึ่งเป็นทรงกลมในมือ ก่อนจะออกแรงฝังปลายนิ้วลงบนพื้นผิวแข็งกร้าวของมัน


          เปรี๊ยะ!


ความรู้สึกจั๊กจี้กลางฝ่ามือกระตุ้นให้ส่งเสียงออกมาเล็กน้อยเป็นการอุทานสั้นๆซึ่งตนเองก็ฟังไม่ชัดเจนว่าคล้ายกับเสียงที่ส่งเมื่อขบขันหรือไม่ รู้เพียงแต่ว่าประจุไฟฟ้าประหลาดในตัวนั้นได้ถูกส่งไปยังอุปกรณ์และทำลายระบบของมันไปเรียบร้อย


          อ่ะ! เรียบร้อยเขาส่งมันกลับให้นิมูเอลปล่อยให้ถุงมือซึ่งร่วงลงจากปากนั้นตกลงใส่มืออีกข้างซึ่งได้แบรับไว้อย่างทันท่วงที ทุกจังหวะการเคลื่อนไหวคล่องแคล่วตามจำนวนครั้งซึ่งได้รับหน้าที่สั้นๆเช่นนี้


          รู้ตัวอีกทีก็ง่ายดายราวกับการจดเนื้อหาลงสมุดสรุปพร้อมกับพูดคุยเรื่องเรื่อยเปื่อยกับเพื่อนในคลาสเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น


          ดูคล่องกับคำสาปดีนะ


          ก็ประมาณหนึ่งเขากลั้วหัวเราะตอบกลับไป


          “จะไม่ชินก็คงแปลกพอควร ฉันอยู่กับมันมา 7 ปีแล้วนี่”


         หากไม่ยืดหยุ่นตามความไม่เอาแน่เอานอนของชีวิตก็คงหักเป็นส่วนๆ...

 


___

 


          เอกสารมากมายที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะเขานั้นเทียบเท่ากับฉากหนึ่งในหนังสืบสวนที่โทปาซคงระบุว่าเป็นซีนที่คลาสสิกไม่น้อยแอรีสไม่มีโอกาสเก็บกวาดมันเสียที ในคราวที่จะทำก็นึกอยากอ่านมันซ้ำอยู่เรื่อยมา และทุกๆอย่างก็โดนผัดวันประกันพรุ่งไปโดยอารมณ์ซึ่งแปรเปลี่ยน


          ไปๆมาๆฉันชักจะอายโต๊ะตนเองขึ้นมาแล้วสิ


          [ถ้าไม่สะดวกก็ไม่ต้องเปิดกล้องก็ได้]


          แบบนั้นเธอก็จะเป็นคนเปิดอยู่คนเดียวนะ


          [ไม่เป็นไรน่า ไม่เหงาหรอก]


          เขายิ้ม


          ช่วงเวลาตอนกลางวันของเขาถูกมอบให้ภาระงานและการระดมสมองเพื่อส่งต่อภาระงานให้แก่คนอื่นในชมรมทำส่วนของตนเองให้เรียบร้อยก่อนมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายอื่นของวัน แล้วเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ค่อยกลับไปตรวจสอบมันอีกครั้งหนึ่ง


          การไหลไปตามสายน้ำควรมีขอบเขต ซึ่งเขาที่รู้ถึงขีดจำกัดแต่ละวันก็ปฏิบัติตามมันด้วยความรอบคอบ...


         ตอนนี้ก็คือเวลาพักผ่อน


          เดี๋ยวฉันเปิดกล้องด้วยนี่แหละ ขอเคลียร์โต๊ะอีกสักนิดชายหนุ่มกล่าว มือซ้ายนั้นรวบเอกสารกองใหญ่ไปวางบนเตียงซึ่งมีผ้าคลุมกั้นระหว่างมันกับฟูกฟูกใหญ่จัดการพื้นที่ส่วนตัวให้ไม่เกะกะจนเกินไป


          [โอเคค่ะพ่อกู้ดบอย]


          บางสิ่งบางอย่างกำลังบอกฉันว่าเธอเมมเบอร์ฉันด้วยชื่อเล่นนั่น


          ปลายสายหัวเราะ


          งั้นเหรอ?น้ำเสียงยียวนนั้นเอ่ยตามมา


          รอยยิ้มผ่านหน้าจอกระตุกให้มุมปากเขายกขึ้นสูงกว่าเดิมทำปฏิกิริยากับความรู้สึกซึ่งแน่นิ่งให้กลายเป็นขยับเป็นจังหวะเดียวกับหัวใจ มันโค้งตัวให้กัน แล้วเคลื่อนตัวเข้าหาเพื่อเชื้อเชิญในเต้นรำในห้วงจินตนาการ


          เธอนี่นะ...แอรีสกลั้วหัวเราะ


          ทุกการหมุนตัวของความรู้สึกส่งผลต่อองศาของแท็บเล็ตในมือซึ่งเคลื่อนตามร่างกายไปเมื่อจัดแจงเอกสารอย่างชั่วคราวเสร็จแล้วก็วางมันลงบนโต๊ะที่บัดนี้มีเพียงแค่ที่วางและคีย์บอร์ดบลูทูธ ปลายนิ้วนั้นกดเปิดกล้องในทันทีที่น้ำหนักของมันถูกถ่ายโอนไปยังเฟอร์นิเจอร์ดังกล่าว


          ไง เขากล่าวทักทายอีกครั้ง โบกมือเล็กน้อยให้กับอีกคนที่ช้อนตาขึ้นจากสมุดโน้ตมาสบด้วย


          สกายบลูโทปาซคงเป็นที่มาของนามซึ่งบ่งบอกตัวตนเธอได้เป็นอย่างดีมันเปล่งประกาย ในคราวที่กอปรกับรอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้าก็เรียกว่าไม่จำเป็นจะต้องให้แสงแดดส่องในการสะท้อนให้เห็นถึงมุมซึ่งผ่านการเจียระไนอย่างงดงามนั่น


          [ว่าไงพ่อกู้ดบอย] อีกฝ่ายเอ่ยตอบกลับน้ำเสียงหยอกล้อนั้นคลอกับจังหวะซึ่งเขาได้ยินแต่เพียงผู้เดียวได้อย่างเป็นอย่างดี และในคราวที่มือคู่นั้นขยับไปทัดปอยผมของหูตนเอง เสียงหัวเราะเบาๆก็ดังขึ้นผ่านลำโพงของเขา


         เป็นท่วงทำนองที่ไพเราะไม่น้อย


          ปาร์ตี้ชุดนอนเป็นไงบ้าง?


          [สนุก ฉันได้ทดสอบอะไรมานิดหน่อยด้วย]


          งั้นหรอกเหรอ?


          [อ่าฮะ ดูเหมือนว่านอกจากจะทนต่อกระแสไฟฟ้าได้แล้วก็ยังมีกรดเจือจางจากต้นคาโลซัคลีสด้วย]


แต่แล้วคิ้วเขากระตุกขึ้น


ทุกอย่างหยุดนิ่งไปชั่วครู่หนึ่งดวงตาของแอรีสกะพริบถี่ๆสองสามครั้ง จดจ้องคนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของหน้าจอพลางเบิกกว้างขึ้นในทุกๆวินาที และภาษากายซึ่งไม่ได้ความหมายมากมายอะไรก็แปรเปลี่ยน


          โทปาซ... นี่เธอเทกรดลงมือตนเอง—”


          [ไม่ๆๆ มันเป็นกรดเจือจาง ฉันใส่ถุงมือ และไอฟ์ที่เป็นคนช่วยก็เชี่ยวชาญไม่ได้อันตรายขนาดนั้น]


          แผ่นหลังที่เผลอหย่อนลงนั้นกลับมาตั้งตรงอีกครั้งหนึ่งในยามที่เขาวางมือประสานกันบนโต๊ะเบื้องหน้าตนเอง


          ตั้งแต่เรื่องที่ทำให้ตนเองถูกสาปแล้ว...


          โทปาซมีความเกรงกลัวต่ออันตรายที่น้อยกว่าเขาจะเรียกบ้าดีเดือดก็คงไม่ผิดเพี้ยน หากแต่สิ่งที่หลอมรวมกันเป็นสารกระตุ้นอะดรีนาลีนและลักษณะนิสัยเช่นนั้นคงมีมากกว่าที่เขาเห็น และตัวเขาซึ่งก็ไม่ได้วิเศษวิโสกว่ามนุษย์คนอื่นก็ไม่มีความคิดที่จะวิจารณ์


         ออกจะเป็นห่วงเสียมากกว่า


          [อ่า...] หญิงสาวส่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบาริมฝีปากที่เม้มกันเป็นเส้นตรงแสดงถึงความโปร่งใสทางอารมณ์ซึ่งเจ้าหล่อนไม่คิดจะกักเก็บเอาไว้ จุดพักสายตานั้นแปรผันไปในอีกมุมหนึ่ง ขณะที่สองมือลูบกันไปมาด้วยความประหม่า


          คล้ายกับว่ากำลังถูกจับได้ว่าทำผิด...


         แต่เขาไม่ได้จะสนใจเรื่องประเด็นถูกผิดนั่นเสียหน่อยนี่


เธอเล่นทดสอบกันแบบนั้นนะ จะไม่ให้เป็นห่วงได้ไง? ถ้าอิวันน่าพลาดขึ้นมาล่ะ?


          [รีส—]


          เรื่องไฟฟ้าก็อันตราย แต่เพราะมันเป็นอุบัติเหตุก็เลยไม่อยากจะพูดอะไรมาก


          [อืม...]


          เขาไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธออยู่ในสภาพแวดล้อมเฉกเช่นไหน รอบข้างสนใจในองค์ประกอบใดของชีวิต หรือมีเป้าหมายซึ่งฉุดรั้งไม่ให้ความรู้สึกครอบงำและทำให้ออกนอกลู่ออกทางเขาเพิ่งจะรู้จักกับเธอได้ไม่นาน อีกทั้งยังเป็นในระยะเวลาหลังจากถูกสาปอีก


          อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของสิ่งรอบข้างซึ่งส่งผลลากยาวมาจนถึงปัจจุบันนั้นกลับโปร่งใสอยู่พอสมควร...


          เธอควรจะเป็นห่วงตนเองสักเล็กน้อยก็ยังดี


          โทปาซ...เสียงทุ้มนั้นเอ่ยเรียกชื่อเธออย่างแผ่วเบาริมฝีปากด้านในซึ่งเริ่มจะสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดอันเนื่องด้วยแรงกดทับของฝันนั้นร้องเรียกให้ชายหนุ่มหลุดออกจากห้วงความคิด ถ้อยคำทั้งหลายถูกกลืนลงคอไปในชั่วพริบ และท้ายที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าเรื่องเช่นนี้จำเป็นจะต้องใช้เวลา


          ฉันก็พูดมากไม่ได้หรอก ตอนที่โดนสาปครั้งแรกๆก็พอกัน... อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำมั้งคำสารภาพนั้นถูกเอ่ยออกมา


          องค์ประกอบทางความรู้สึกที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุหลายครั้งหลายคราอาจจะแตกต่างกับในกรณีของเธอ แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ถึงผลกระทบซึ่งคล้ายคลึงกันเสียจนน่าประหลาดใจ


          มันคงเป็นผลงานของจิตวิทยา... ไม่ก็ตัวผู้คุมโชคชะตาเอง


         และพอมาเป็นเงาสะท้อนของอดีตซึ่งน่าละอายใจ เขาก็เป็นแบบนี้เสมอเลย


          ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ แต่พวกไฟฟ้าสถิตนี่รู้เพราะบังเอิญมากกว่า ที่ส่วนใหญ่ความวุ่นวายที่ฉันก่อมันเป็นในรูปแบบพลังงานไฟฟ้าก็เพราะมือฉันแห้งง่ายผลของคำสาป ต้องประโคมแฮนด์ครีมตลอด


[อันนั้นคือผลแบบถาวรสินะ]


อืม เหมือนกับเล็บเธอ


[จะว่าไป ฉันยังไม่เคยลองตัดมันเลย]


น่าจะงอกขึ้นมาใหม่แหละ


[คงงั้น]


          ...


          [...]


          ...


          […]


          ขอโทษนะ เหมือนว่าฉันจะย้อนกลับไปคิดในเคสของตนเองแล้วหัวเสียไปหน่อย


          [ไม่หรอก ฉันก็น่าดุจริงๆนั่นแหละ]


          ก็นะ...


          [ดื้อด้านพอควรเลยด้วย เพราะฉะนั้นก็คงต้องรบกวนนายให้ช่วยทนระหว่างที่ฉันพยายามเลิกนิสัยเสียๆนี่หน่อยนะ]


          เขาพยักหน้าตอบรับคำขอร้องดังกล่าวไปแต่โดยดี


          [แต่พอพูดถึงเล็บแล้ว... ฉันว่าพอควบคุมมันได้ก็ใช้คล่องอยู่ ตัดกระดาษได้ด้วยแหละ] ปลายสายกล่าวพลางยกกระดาษสีแดงซึ่งถูกรังสรรค์ด้วยของมีคมให้กลายเป็นลวดลายหงส์แดงที่ประณีตในน้ำเสียงแฝงความภาคภูมิของตนเองไว้ในรูปแบบของการกลั้วหัวเราะ


          เธอนี่มันสุดยอดไปเลยแฮะ เรียนรู้เร็วเป็นบ้า


          [ใช่ไหมล่ะ? ประสบการณ์สมัยอยู่ชมรมการละครช่วยได้เยอะเลย]


          อ้อเซ็ตงานอาร์ตจีนในละครเวทีตอนเกรด 10


          [ดูด้วยเหรอ?]


          อืม รู้จักคนในชมรมน่ะ


          [ชักจะเริ่มคิดว่ามันประหลาดแล้วแฮะที่เราไม่เคยเจอกันตลอดหลายปีที่โรงเรียน...]


          จังหวะการพบกันมันอาจจำเป็นจะต้องเกิดขึ้นในปีนี้ก็ได้


          [พรหมลิขิต?]


          ถ้าต้องการเรียกแบบนั้นก็ไม่ขัด


          เธอยิ้มบรรยากาศที่แปรเปลี่ยนไปหลังจากการตระหนักถึงความผิดพลาดของทั้งคู่นั้นส่งผลให้ทุกอย่างสลายไปได้ง่ายดายราวกับสายลม มันยังคงมีอิทธิพลในฐานะอดีต หากแต่ว่าไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นจะต้องยึดติดตลอดบทสนทนา และพวกเขาต่างก็รู้ดีถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว


          [ไม่คิดว่ามันเลี่ยนไปหน่อยเหรอ?] โทปาซกล่าว น้ำเสียงนั้นไม่ได้ดูจริงจังในรูปประโยคที่เอ่ยถามออกมานัก


          เธอคิดว่ามันเลี่ยน?


          [เป็นประมาณว่า มันฟังดูสวยหรูเกินไปหน่อย มากกว่า ฉันไม่อยากโรแมนติไซส์ว่าการถูกสาปเป็นเรื่องดีน่ะ... ถึงตนเองจะเป็นคนเลือกมันก็ตามเถอะ]


          “ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ”


          [อืม]


          “แต่ประเด็นหลักของพรหมลิขิตที่ว่ามันคือ ‘เรื่องของเรา’ นะ ไม่ใช่คำสาป”


          ถ้อยคำที่เอ่ยออกมานั้นแฝงความรู้สึกของตนเองไปในระดับหนึ่ง และโทปาซก็รับรู้ถึงมันใบหูที่แปรเปลี่ยนไปและกระดิกเล็กน้อยตามปริมาณโลหิตที่ถูกสูบฉีดบนใบหน้านั้นชัดเจนเสียจนเขาไม่อาจกลั้นรอยยิ้มของตนเองไว้ได้ ฟันเขี้ยวของเธอขบริมฝีปากซึ่งเลือกลิปทินต์สีสวยนั่น ขณะที่ดวงตาซึ่งสะท้อนกับแสงจากหน้าจอแล็ปท็อปเบนไปมองยังทิศทางอื่น ก่อนจะหันไปจัดของบนโต๊ะแก้เก้อ


          ทุกอย่างมันประจวบเหมาะเสียจนเขาคิดว่ามันเป็นชะตาลิขิต...


          อาจจะเลี่ยนไปหน่อย แต่อย่างน้อยมันก็เป็นรสชาติซึ่งเพิ่มสีสันให้แก่ความดาษดื่นของชีวิตไม่น้อย


          แต่เนื่องด้วยเหตุผลที่อีกฝ่ายได้กล่าวถึงเชิงอ้อม เขาจำเป็นจะต้องเปลี่ยนประเด็นสนทนาไปยังอีกหัวข้อหนึ่งป้องกันไม่ให้ทุกอย่างจบลงด้วยกลิ่นอายหอมหวานเสียจนไม่เป็นการเป็นงานและรบกวนช่วงเวลาซึ่งโทปาซต้องการจะใช้ให้เป็นประโยชน์กับชีวิตที่พลิกผันของตัวเธอเอง


          อ้อ ความจริงฉันมีพวกเอกสารเยอะอยู่ด้วย ตอนไปสถานเวทย์ครั้งแรกๆลองขอเขาดู ปรากฏว่ามันไม่ใช่เอกสารลับอะไร แค่เพราะไม่มีเปอร์เซ็นต์การยืนยันที่ชัดเจนก็เลยไม่ได้เผยแพร่ลงที่ไหน


          [ให้ตายสิ ครั้งนั้นฉันน่าจะลองถามว่าขอได้ไหม]


          เธอไม่รู้นี่ ไว้ครั้งหน้าค่อยไปขอเพิ่มด้วยกัน ไม่ก็เอาของฉันไปดูก่อน


          [แต่ถ้าหอบมาที่โรงเรียนมันก็ลำบากพอควรเลยนะ?]


          อืม... ก็จริง


          อย่างไรก็ตาม รสจากแท่งช็อกโกแลตและมอคค่ากระป๋องยังคงไม่จางหายไปจากปลายลิ้นเขาเสียทีเดียวรสขมที่มีความแทรกซ้อนนั้นทำปฏิกิริยากับความรู้สึกและกระตุ้นความกล้าประการหนึ่งของชายหนุ่มขึ้น


          มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โต กระนั้นในสถานการณ์ซึ่งความสัมพันธ์หาใช่มิตรภาพบริสุทธิ์ อะไรๆก็อาจจะดูประหลาดไปจากปกติ


          ถ้าอย่างนั้นเธอก็มานี่สิ


          [หืม?]


          บ้านฉันน่ะริมฝีปากนั้นกระตุกยิ้มบางเบา


          แต่เขาไม่ได้มีจุดประสงค์มิดีมิร้ายแฝง เพราะฉะนั้นเธอคงไม่คิดอะไรมากหรอก


 

                   

          

 

เวลคั่มทูมุมมองของคุณพระเอกเรากันค่ะ ความจริงแล้วก็ไม่ได้ชิลขนาดนั้น แค่ใจเย็นกว่าคนทั่วไป5555555555 แต่ก็นั่นแหละค่ะ

ความสัมพันธ์ของคนรอบตัวของแอรีสก็เป็นแบบนี้แหละ อายุน้อยร้อยคอนเนคชั่น เส้นสายที่สำคัญที่สุดของคุณแอนโธนี่เค้า5555555555

 แล้วแกเอาอะไรมาคิดว่าลูกสาวชั้นจะไม่คิดมาก รายนั้นคือแค่แกยิ้มเค้าก็ไม่ไหวแล้วมั้ยรีส แกอย่าหยอดมาก

ไม่มีใครแย่งตำแหน่งว่าที่แฟนอยู่แล้ว มีแต่เพื่อนกับน้องที่หวงเล็กน้อยก็เท่านั้น เพราะฉะนั้นแกต้องใจเย็นๆ


อีกอย่างที่เป็นดีเทลน่ารักๆที่ไม่ได้ใส่ไปตอนพาร์ทพี่น้องคือรสนิยมการกินของสองคนนี้ค่ะ เอสธาร์ชอบไอศกรีมรัมเรซิ่นและรูทเบียร์มากๆ

ส่วนรีสก็สาวกช็อกมินต์ เวลาเถียงกันก็ยกยาสีฟันกับยาหม่องมาเป็นประเด็นประจำ ส่วนในกรณีคุณกับคุณนายโจนาห์

คนนึงชอบพวกของหมักดองและอีกคนชอบขนุนกับทุเรียนค่ะ (เป็นความชอบที่อย่างน้อยก็กว้างขวางกว่าสองคนนี้)

แล้วพอตัดภาพไปที่บ้านแอนเดรียก็คือมีแต่คนติดคาเฟอีน (ปาซเป็นคนเดียวที่ดื่มชาประจำ แต่ไม่ถึงขั้นติด)

ทำไมเครสให้แฟคพวกนี้แคน่อนกันนะ5555555555555


ส่วนตัวในแก๊งเพื่อนของรีสเนี่ย เครสชอบนิมูเอลมากที่สุดค่ะ ไวบ์คุณพี่ชายที่รักและหวงน้องสาวมากๆ จะเล่นเจ้าหญิง เล่นแต่งหน้าแต่งตัว

 ร่วมปาร์ตี้น้ำชา หรือดูการ์ตูนกับน้องก็ได้เสมอ เป็นคนไม่กลัวการทำตัวเฟมินีน ต่อให้บางคนจะบอกว่าไม่เข้ากับภาพลักษณ์ตัวเองก็ไม่แคร์

 สำหรับเครสคือนิมที่มีความมั่นใจทั้งตอนใส่กางเกงและกระโปรงคือคนที่เท่สุดๆไปเลยค่ะ

แอบหวังว่าตัวเองจะปั่นบทไปจนถึงคาร์แรกเตอร์อาร์คของเค้าไวๆ


แต่อีกเดี๋ยวเครสจะเปิดเทอมแล้วด้วยค่ะ อาจจะไม่ได้มาบ่อยเท่าไหร่ แต่ว่าในทวิตยังคงแอคทีฟอยู่เสมอนะคะ <3

ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture