ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : สอบ
บางทีการนั่งจิบชาร้อนๆ ตอนเช้าก็ช่วยผ่อนคลายจากการเครียดเรื่องการสอบได้ดีพอสมควร สาบานเลยชาตินี้ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเข้ารับการทดสอบที่อื่นเลยนอกจากของพวกอาจารย์ที่มาสอนในวัง เลยค่อนข้างจะตื่นเต้นมากๆ
ในการสอบวันแรกนั้นเรเวนน่าต้องแต่งตัวในชุดที่ดูทะมัดทะแมงขึ้นมาหน่อย เส้นผมสีทองยาวสลวยถูกมัดรวบขึ้น โชว์ต้นคอขาวเพราะวันนี้จะเป็นการสอบปฏิบัติ
ได้ข่าวจากวงในที่ไปแอบกระซิบถามท่านพี่แซ็คมิสมา คร่าวๆ คือจะต้องเข้าไปในโรงเรียน หาทางผ่านบททดสอบ แล้วกลับออกมาก่อนเวลาเที่ยงคืนหรือเอาง่ายๆ คือมีเวลาทดสอบก่อนจะถึงเวลาเริ่มต้นของอีกวัน ให้เวลาเป็นวันแบบนี้เเสดงว่าไม่หมูแหงๆ ตอนนี้ก็ใกล้เวลาเริ่มทดสอบแล้ว เธอควรรีบไปดีกว่า
"จะไปหรือยัง" แกลแลนท์ที่เพิ่งจะแต่งตัวเสร็จเดินมาหาเธอ พร้อมกับถือแก้วกาแฟร้อนมาด้วย
"ไปเลยก็ได้ อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ได้เวลาเริ่มสอบแล้ว"
"เอานี่ ฉันไปหามาให้"แกลแลนท์ยื่นขวดแก้วสีใสที่สามารถมองเป็นผงอะไรสักอย่างสีม่วงอยู่ด้านในได้มาให้สองขวด ขวดนึงสิ่งที่บรรจุอยู่ด้านในมีสีม่วงอ่อนอีกขวดมีสีม่วงเข้มแต่ขนาดเล็กกว่าอีกขวดมาก ถ้าถามเธอไม่บอกก็รู้ว่านี่คือยาสำหรับรักษาบาดแผล มันค่อนข้างแพงเพราะหายากมากๆ พอบวกกับสรรพคุณที่สามารถรักษาได้ตั้งแต่บาดแผลเล็กๆ น้อยๆ จนถึงขั้นรุนแรงได้ทำให้ยานี่เป็นที่ต้องการมากในหมู่ผู้ที่ใช้เวทย์รักษาไม่เป็นหรือใช้เวทย์ไม่ได้ และใช่ เธอไม่สามารถใช้เวทย์รักษาได้
"ขอบใจนะ ทำไมได้เกรดนี้มาล่ะ แต่ก็พอใช้ได้" เรเวนน่าพูด ตาก็สำรวจยาในขวดแก้วเล็กๆ ไปพลางๆ ก็ใช่ว่าพอบอกว่าเป็นยาชนิดนี้ก็จะรักษาได้ดีเสมอไป ขึ้นอยู่กับสีของยาถ้าสีม่วงยิ่งเข้มเท่าไหร่คุณภาพมันยิ่งดีมากเท่านั้น แล้วถ้าสีม่วงมันอ่อนมากๆ คุณภาพก็จะแย่มากๆ ตาม อย่างเช่นยาที่เธอถืออยู่ตอนนี้ ขวดใหญ่มันเป็นแค่สีม่วงอ่อนเท่านั่น ฉะนั้นคุณภาพมันจึงต่ำอย่างที่เธอบอก ถ้าจะใช้รักษาแผลที่มีนาดใหญ่ในปริมาณเท่านี้และคุณภาพแบบนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีล่ะนะ
"โทษที มันเร่งด่วน ให้ออกไปซื้อไกลๆ ก็จะไม่ทัน ร้านค้าที่มีไอนี่ขายแถวนี้ก็มีแต่สภาพแบบนี้แหละ อันนี้ดีสุดแล้วเท่าที่ดูมา" เขาก็คงจะหัวเสียอยู่ไม่น้อยที่ไม่สามารถหายาที่ดีที่สุดมาได้ ดูจากไอการยืนอยู่ไม่นิ่ง แถมขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างคนที่กำลังหงุดหงิดเวลาอะไรไม่ได้ดั่งใจ
"เอาน่า ฉันจะพยายามไม่เจ็บตัวแล้วกัน" เรเวนน่าพูดแล้วลุกขึ้นไปตบบ่าเพื่อนหนุ่มเบาๆ แกลแลนท์คือคนนึงที่รักษาแผลให้เธอบ่อยรองลงมาจากหมอหลวง เพราะฉะนั้นเรียกได้ว่าเขาคือคนนึงที่สามารถใช้เวทย์รักษาได้ทุกแขนง แถมท่านพ่อยังจงใจบังคับให้เขาเรียนการใช้เวทย์รักษาอย่างหนักด้วย เพื่อที่จะมั่นใจว่าเขาจะใช้มันดูแลเธอได้ จนบางทีเธอก็แอบสงสารเขานะที่ได้เจ้านายเป็นคนแบบเธอ
"เหอะ ก็พูดแบบนี้ทุกที เคยมีครั้งไหนมั้ยที่เธอจะมีสภาพปกติกลับมา" ก็จริงของเขา แต่เพราะการที่เธอเสียเปรียบตรงที่ไม่สามารถใช้เวทย์รักษาได้ การที่จะสู้โดยไม่มีเวทย์รักษาเนี่ยเป็นไปได้ยากมาก เพราะจะไม่สามารถรักษาแผลระหว่างต่อสู้ได้ แต่เธอก็รอดมาได้ทุกทีนี่ แต่นั่นมันก็ทำให้ทักษะการต่อสู้ของเธอพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเหมือนกัน เพราะต้องหลีกเลี่ยงการมีบาดแผลที่สุด
"ก็ไม่เห็นมันจะตายสักที อีกอย่างฉันก็รอดมาได้ทุกครั้ง อย่าห่วงไปเลย ยาแค่นี้ก็พอแล้ว" เรเวนน่าพูดปลอบใจเพื่อนหนุ่ม เอาเถอะ เธอซะอย่าง รอดได้ชิลๆ อยู่แล้ว
"ให้มันได้อย่างที่พูดเถอะถ้าบาดเจ็บหนักออกมาให้รีบหาคนรักษาให้เลยนะเข้าใจมั้ย" เขาย้ำ
"รับทราบ! " เรเวนน่าลุกขึ้นพูดพลางลุกขึ้นตะเบะหนึ่งที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ใคร?
เสียงเคาะประตูดังขัดบทสนทนาอันสนุกสนานของหนึ่งเจ้าหญิงหนึ่งองค์ครักษ์ ทั้งคู่หันไปมองทางประตูที่มีเสียงเคาะดังขึ้นเมื่อครู่พร้อมกัน ปกติพนักงานที่นี่จะไม่มาเคาะห้องนี่ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น
"เดี๋ยวฉันไปเปิดเอง" ร่างบางเสนอตัวพร้อมกับยันกายลุกขึ้นเต็มความสูงเตรียมจะก้าวเดินไปทางประตูห้อง พลังเวทย์เยอะแบบนี้ของใครกันนะ เหมือนจะเคยรู้สึกถึงพลังแบบนี้มาก่อน
"ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันไปเอง ไม่รู้สึกแปลกๆ หรอ ไม่น่าใช่พนักงานธรรมดาแล้ว" แกลแลนท์ลุกขึ้น เสกดาบของตนออกมาแล้วเดินไปทางประตูช้าๆ
แกลแลนท์เหมือนจะหยุดชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูห้อง
แอ๊ด
เพียงเสี้ยววินาทีหลังจากที่ประตูถูกเปิดออก ร่างหนาก็เตรียมง้างดาบจะฟันเต็มที่
"เดี๋ยว!! " เรเวนน่าตะโกนออกมาก่อน เพราะนอกประตูนั่น คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าดูท่าแล้วน่าจะเป็นคนที่เคาะประตูห้องของเธอ เป็นผู้หญิงร่างสูงเกินเด็กวัยสิบห้า เส้นผมสีแดงสด นัยน์ตาสีเขียวมรกตที่ยังคงความเจ้าเล่ห์อยู่เหมือนกับครั้งแรกที่เจอไม่มีผิด ยังทำให้เธอจำได้ขึ้นใจ 'จีนซ์ คอนวาสเตอร์ ' คนที่ทำให้เธอรู้สึกสนใจได้ตั้งแต่แรกเห็น
"ไง" เด็กหญิงผมแดงพูดขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นโบกกลางอากาศสองสามทีมองมาทางเจ้าของห้องแล้วยิ้มกว้างให้ ไหงผู้หญิงคนนี้ถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้เนี่ย
"อ่า หวัดดี นึกยังไงถึงได้มาเคาะห้องชาวบ้านเค้าล่ะ" เรเวนน่าพูดกวน เธอแอบเห็นแกลแลนท์ถึงกับทำหน้างงเพราะปกติเธอไม่ใช่คนที่จะทำตัวแบบนี้กับคนที่เพิ่งจะรู้จักกัน
"ก็แค่นึกว่าจะมา แล้วนี่ไม่คิดจะชวนแขกเข้าไปในห้องหน่อยหรอ" จีนซ์พูดพลางเหลือบมองเข้าไปในห้อง เป็นคนมาเคาะห้องคนอื่นเค้าแล้วยังจะสถาปนาตัวเองเป็นแขกอีกหรอ
"โทษที เข้ามาสิ" พอพูดจบแกลแลนท์ก็เปิดประตูจนสุดแล้วหลีกทางให้ จีนซ์เดินตามเรเวนน่าเข้ามายังโซฟาบริเวณห้องรับแขก
"นั่นคนรับใช้เธอหรอ หน้าตาดีไม่หยอกไม่น่าจะมาเป็นทาสยัยนี่เลยนะ" จีนซ์หันไปพูดกับแกลแลนท์ทำเอาคิ้วของร่างเล็กกระตุก
"ดูอย่างนี้ทำไมห้องเธอดูกว้างกว่าห้องฉันแฮะ อ้อ! ทำตัวตามสบายได้เลยนะ" ประโยคแรกเธอพูดพลางมองสำรวจห้องเพื่อนใหม่รอบๆ แต่ประโยคหลังนี่สิเล่นซะเธอที่เป็นเจ้าของห้องอยากจะลุกไปเขกกระบาลสักทีสองทีให้มันรู้แล้วรู้รอด
"ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะย่ะ แล้วก็มีอะไรรีบว่ามาฉันรีบ" เรเวนน่ารีบตัดบทก่อนที่จะได้ทะเลาะกันเอาจริงๆ
"ก็ไม่มีอะไร แค่อยากจะมาผูกมิตรไว้ หวังว่าเข้าไปแล้วเราจะได้เป็นเพื่อนกัน" จีนซ์พูดก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มหนาที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกมาเปิดอ่านผ่านๆ แต่ไม่นานก็ทำหน้าแหยงเหมือนโดนของผิดสำแดง
"แค่นี้อะนะ เสียเวลาฉันมั้ยเนี่ย" เรเวนน่าโวย
"ก็แล้วไง ยังไงคนอย่างเธอก็ผ่านอยู่แล้ว หมายถึงเราทั้งคู่" เด็กสาวผมแดงพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ นี่ยัยนี่จะมั่นใจเกินไปหรือเปล่าเนี่ย
"เอาเถอะ ถึงจะมั่นใจยังไงก็ประมาทไม่ได้หรอกนะ นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาแล้ว รีบไปกันดีกว่า" ร่างบางในชุดทะมัดทะแมงพูดแล้วลุกขึ้นเตรียมตัวจะออกจากห้องพัก
ระหว่างกำลังยืนรอรถม้าอยู่บริเวณหน้าโรงแรม อยู่ดีๆ กลุ่มคนแถวนั้นก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้น หลายคนทำท่าเหมือนกับวิ่งหนีอะไรมา เเสงสีฟ้าโผล่ขึ้นมาเป็นระยะๆ ราวกับใครกำลังร่ายมนต์อยู่ เรเวนน่าเพ่งมองไปยังตัวอะไรสักอย่างที่ไม่น่าจะใช่คนกำลังปล่อยพลังอย่างบ้าคลั่ง
"นั่นมันหงส์เพลิงใช่มั้ยนั่น เพลิงฟ้าซะด้วย ไหงมาอยู่แถวนี้" จีนซ์หรือสาวผมแดงผิวขาวจัดที่กำลังพิจารณาเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่เหมือนกัน
"ปกติมันรักสงบจะตาย แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงได้คลั่งแบบนั้น" เรเวนน่าถาม หงส์เพลิงถือเป็นสัตว์เวทย์ชนิดหนึ่ง แยกระดับพลังจากสีของเพลิง ถ้าไล่จากระดับสูงที่สุดลงมาก็เป็น เพลิงดำ เพลิงขาว เพลิงฟ้า เพลิงม่วง และเพลิงแดง ตัวนี้เป็นเพลิงฟ้า ก็ถือว่ายังหายากมากพอสมควร
"มีใครไปแหย่มันเข้าล่ะสิ ถึงได้คุมพลังไม่ได้แบบนั้น" แกเร็ธที่ไม่รู้อยู่ๆ ก็โผล่มาจากไหนพูดขึ้น นัยน์ตาสีเขียวเข้มจ้องมองไปยังหงส์เพลิงอย่างสนใจ
"อ้าว หวัดดีแกเร็ธ" เรเวนน่าทักทาย ดูเหมือนเราจะบังเอิญเจอกันบ่อยจังนะ
"ดูเหมือนจะมีสมาชิกใหม่นะ นี่เธอดึงดูดคนแปลกๆตลอดเลยหรือเปล่าเนี่ย" เขาพูดแล้วมองไปทางจีนซ์ หมายถึงยัยผมแดงสินะ
"เอ่อ นี่จีนซ์ บังเอิญเจอกันที่ที่พักน่ะ เลยมาด้วยกัน ว่าแต่เอเดนไปไหนล่ะ " เรเวนน่าถามหาอีกคนที่มักจะอยู่ข้างแกเร็ธตลอดตั้งแต่เธอเจอเขา
"เขาว่าจะไปดูที่ทางก่อนน่ะ ผมว่าเราไป-" ยังไม่ทันที่แกเร็ธจะได้พูดจบ
"อ๊ากกกก!!!!!!! ช่วยด้วยยยยย!!!!!" จู่ๆก็มีเสียงร้องดังขึ้นทางด้านหลังของเธอ เราสี่คนหันขวับไปทันที เด็กชายผมทองดวงตาสีฟ้าใสกำลังวิ่งนำหน้าหงส์เพลิงมาทางพวกเรา
"เฮ้ย!!" ทั้งสี่คนร้องออกมาพร้อมกันแล้วพร้อมใจกันกระโดดหลบเด็กชายที่วิ่งผ่านกลางวงไป
"นั่นมันคนที่เราเจอกันเมื่อวานหนิใช่มั้ย "แกลแลนท์ถามขึ้นและยังมองไปทางดันแคนที่ยังคงโดนหงส์เพลิงไล่อยู่
"เอ่อ….. เราจะปล่อยไว้แบบนั้นหรอ" จีนซ์พูดขึ้นพลางก็ยกมือขึ้นเกาหัวแกร่กๆ
"ปล่อยไว้แบบนั้นก็ดีแล้วมั้ง" เจ้าของเส้นสีเทาพูดจบทุกคนก็พร้อมใจกันหันหลังเดินทันที แต่ก็ไม่วายมีเสียงร้องโหยหวนของเด็กหนุ่มดังอยู่เป็นระยะๆ
ณ หน้าโรงเรียนอัลวาโร่
"โห คนเยอะมากเลยแฮะ" เรเวนน่าถึงกับต้องร้องเลย หน้าโรงเรียนตอนนี้คนเยอะมาก เรียกได้ว่าแน่นเลยที่เดียว ส่วนใหญ่ดูจะเป็นคนที่มาสอบ แล้วก็เป็นผู้ปกครองด้วยบางส่วน สีหน้าแต่ละคนดูไฟแรงกันมากเลยแฮะ
"งานยากแล้วสิอย่างนี้ " แกเร็ธพูดด้วยน้ำเสียงกังวลนิดๆ
"เอาน่า ยังไม่ทันได้ลองเข้าไปเลย อย่าเพิ่งท้อสิ" สาวที่มีผมสีเเดงสดคนเดียวในกลุ่มพูดขึ้น
"คนมาสอบเกือบหมื่นขนาดนี้บอกฉันทีสิ ว่าเขารับสักห้าพันคน" แกเร็ธหน้าถอดสีมากตอนนี้
"ขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้แล้วกันนะ แต่โรงเรียนนี้รับแค่ห้าสิบคนน่ะสิ แถมข่าวร้ายด้วยเลยแล้วกัน เขาว่ากันว่าไม่มีปีไหนสักปีที่รับถึงห้าสิบคนอย่างที่โรงเรียนประกาศ" ทันที่จีนซ์พูดจบตอนนี้ไม่ใช่แค่แกเร็ธที่หน้าถอดสีแล้วล่ะ เรเวนน่าด้วยอีกคน
"ให้ตายเถอะ ชักจะหวั่นๆขึ้นมาแล้วสิ " เธอน่าจะสงสัยตั้งแต่จำนวนคนแล้วนะ
"เอาเถอะ เต็มที่กันแล้วกัน แกเร็ธเจ้านายนายมานั่นแล้ว" นั่นมันอะไรล่ะน่ะ ตลอดทางที่เขาเดินมาไม่ว่าจะสาวน้อยสาวใหญ่ต่างก็หันไปให้ความสนใจทั้งนั้นบางคนก็หน้าแดง บางคนก็ทำหน้าอย่างกับเจอเทพบุตร แต่เจ้าตัวกับทำหน้าหงุดหงิดซะอย่างนั้น
"ยังฮอตไม่เปลี่ยนเลยนะ เรียกสายตาจากฝูงชนได้ตลอดเลย" พอเขาเดินมาถึงแกเร็ธไม่รอช้าเอ่ยแซวทันที
"พูดมากน่า คนเยอะจริง น่าหงุดหงิดชะมัด" เอเดนบ่น คนที่ดูไม่ค่อยยุ่งกับใครยังไงก็ต้องเกลียดสถานะการณ์แบบนี้อยู่แล้วแหละนะ
"ได้เรื่องว่าไงบ้างล่ะ" แกเร็ธถึงเรื่องที่เขารีบมาที่นี่ก่อนเพราะบอกว่าจะมาดูแถวนี้ก่อน
"เดี๋ยวอีกแปปนึงก็น่าจะประกาศเรื่องสอบแล้ว" เขาพูด
เรายืนคุยนู่นนี่กันไปสักพัก ทุกคนก็ดูจะคุยกันสนุก เราแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการสอบเข้าบ้าง คนที่ดูจะรู้ดีที่สุดน่าจะเป็นจีนซ์ ส่วนคนที่ไม่รู้อะไรเลยที่สุดก็เธอนี่แหละ ส่วนคนที่แทบจะไม่พูดอะไรเลยก็คือเอเดนซึ่งอันนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว จากนั้นไม่นานก็มีเสียงประกาศดังก้อง ถึงขนาดที่กลุ่มของพวกเรเวนน่าที่ยืนอยู่เกือบนอกสุดในบรรดาของผู้เข้าสอบ ยังได้ยินชัดเเจ๋วเลย
"สวัสดีผู้เข้าสอบและว่าที่นักเรียนอัลวาโร่ทุกคนครับ กระผมตัวแทนจากอัลวาโร่ ยินดีที่ได้พบกับผู้เข้าสอบทุกท่านครับ ทางเราหวังว่าทุกท่านจะเตรียมตัวมาดีกันนะ หวังว่าจะไม่ตายกันซะก่อนจะสอบผ่านนะครับ" เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที นี่เล่นกันถึงตายเลยหรอ
"ล้อเล่นครับๆ ฮ่าๆๆ แต่ถ้าตายจริงๆทุกคนจะถูกวาปออกมาข้างนอกในสภาพสมบูรณ์ทุกประการในทันทีครับ ไม่ต้องห่วง" เสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกดังขึ้นทั่วบริเวณทันทีที่เสียงประกาศพูดจบ
"เอาล่ะครับ จากนี้เราจะประกาศกฎกติกาของการเข้าสอบของโรงเรียนเวทมนตร์อัลว่าโร่ประจำปีนี้แล้วนะครับ ง่ายๆครับ แค่หลังจากที่เราประกาศเริ่มการสอบ ผู้เข้าสอบทุกคนจะได้คำใบ้ของสิ่งของที่จะต้องไปนำมา เมื่อได้สิ่งนั้นแล้วสิ่งนั้นจะทำการพาคุณวาปไปที่ลานประทับตรา แต่ขอย้ำนะครับว่าต้องเป็นของที่อยู่ในคำใบ้ของคุณเท่านั้น และเรามีเวลาให้ถึงเที่ยงคืนของวันนี้เท่านั้น เมื่อเข็มนาฬิกาชี้เลขสิบสองพร้อมกันเมื่อไหร่ถือว่าหมดเวลาในการสอบครับ คนที่ยังรับการทดสอบอยู่ถ้าไม่สามารถกลับออกมาภายในเที่ยงคืนได้ทางเราจะส่งคุณออกมาที่หน้าโรงเรียนทันที ประมาณนี้ครับ ผู้เข้าสอบทุกท่านสามารถโจมตี ขัดขา ขัดผลประโยชน์ของใครก็ได้ตามใจชอบ ขอเพียงตัวท่านสอบผ่านแค่นั้นพอ" เสียงผู้คนดังเซ็งแซ่ขึ้นมาอีกรอบ หลายๆคนรอบตัวกำลังคุยเรื่องที่ว่าจะหาของและเอาตัวรอดในเวลาเดียวกันไปได้ยังไง บางคนก็บอกว่าเรื่องกล้วยๆ ให้ตายเหอะนี่เธอควรจะเครียดหรือว่ายังไงดีเนี่ย
"ใจเย็นๆ อย่าคิดเยอะ" แกลแลนท์ที่ยืนสังเกตปฏิกิริยาของเรเวนน่าอยู่ตลอด พูดเป็นการปลอบใจ
"ก็คนมันตื่นเต้นนี่ ฉันเคยมาทำอะไรแบบนี้ซะเมื่อไหร่" ถึงมันการสอบเข้าโรงเรียนครั้งแรกของเธอ แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นโอกาสที่เธอจะได้อยู่ห่างกรงทองซะที
"อ้อ แล้วก็อีกอย่าง ระหว่างทางระวังไว้ให้ดีๆนะครับ บางทีอาจจะตายโดยไม่รู้ตัว ส่วนใครที่กำลังประมาทอยู่ อย่าคิดว่ามันคือเรื่องกล้วยๆนะครับ" เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้ง คำเตือนครั้งนี้ทำเอาหลายๆคนหน้าซีดกันเลยทีเดียว มาพูดตัดกำลังกันแบบนี้ก็แย่สิ
"เอาล่ะ เดี๋ยวจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ เราจะขอเริ่มการสอบ ณ บัดนี้ครับ" พูดจบประตูโรงเรียนที่สูงราวๆสิบเมตรก็ค่อยๆแง้มออกโดยที่ไม่มีคนไปเปิดมัน ตรงหน้าปรากฏเส้นทางยาวที่มองเข้าไปได้ไม่ลึกมากเพราะรอบข้างเป็นป่าทึบ แต่แค่มองก็ขนลุกแล้ว เพราะทางที่มองเข้าไปมืดจนมองไม่เห็นปลายทาง
พอทันทีที่ประกาศจบลงและประตูโรงเรียนเปิดออก ผู้เข้าสอบต่างก็พากันกรูเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว ต่างคนต่างก็พากันแย่งว่าใครจะได้เข้าไปก่อน จนตอนนี้เกิดการต่อสู้ข้างหน้าประตูเสียแล้ว เสียงเซ็งแซ่ของกลุ่มคนกลุ่มใหญ่หน้าประตูพร้อมกับเสียงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำเอาเราห้าคนทำหน้าเอือมๆ โง่หรือไงถึงได้คิดจะสู้กันตั้งแต่หน้าประตู
"พวกนายได้คำใบ้กันหรือยัง" สาวผมแดงเอ่ยขึ้น พลางมองกระดาษแผ่นเล็กๆในมือตัวเอง
"คิดว่าน่าจะได้กันหมดแล้วล่ะ" แกเร็ธชายหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีดำหยักศกหน่อยๆ พูดขึ้น นัยน์ตาสีเขียวเข้มจ้องมองไปยังกระดาษที่อยู่ในมือเพื่อนๆทุกคน
เรเวนน่าก้มลงมองคำใบ้ในมือของตัวเอง ม้วนกระดาษสีน้ำตาลอ่อนที่ดูเก่าๆพ้นด้วยโบว์สีแดงไว้อย่างสวยงาม ทุกคนเริ่มเปิดกระดาษคำใบ้ของตัวเองกันแล้ว นิ้วเรียวจับที่ปลายด้านหนึ่งของโบว์แล้วดึงออกเบาๆ แผ่นกระดาษสีหม่นค่อยๆคลี่ออกเผยคำใบ้ข้างใน
บุปผางามเยี่ยงข้านี้เป็นสิ่งไร้ค่าตามเขากล่าว ถูกลิขิตไว้ให้ภัยมิอาจแตะต้อง เมื่อยามแสงจัทร์กระทบส่อง บาเรียสีแดงฉานจะกันภัย ตัวข้าแข็งแกร่งดั่งหินผา แต่อ่อนนุ่มเพื่อรองรับกายาที่ร่วงหล่น
แปลกดีแฮะ อ่านแล้วมันดูงงหน่อยๆแต่ก็พอเข้าใจได้ มือเรียวม้วนกระดาษแล้วเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง
"งั้นฉันขอเข้าไปก่อนละกัน ขอไปหาอะไรสนุกๆทำก่อน" เด็กสาวเจ้าของดวงตามรกตหันมาบอกลาเพื่อนใหม่แล้วพุ่งไปทางหน้าประตูโรงเรียนทันที ผมสีแดงที่โดดเด่นทำให้มองตามตัวเธอได้ง่าย เจ้าตัวพุ่งผ่านกลุ่มผู้เข้าสอบที่ชุลมุนกันอยู่หน้าประตูไปได้อย่างง่ายดาย ชักสงสัยแล้วสิไอที่ว่าอะไรสนุกๆที่มันคืออะไรถึงได้ดูตื่นเต้นขนาดนั้น คิดเสร็จร่างบางเดินไปหาที่นั่งรอเวลาแถวๆนั้น ส่วนคนอื่นค่อยๆเดินตามกันมา
"อีกครู่ค่อยไปแล้วกันนะครับ คนยังเยอะอยู่เลย" แกเร็ธเดินมานั่งลงข้างๆเพื่อนสาว
"เอางั้นก็ได้ ฉันยังไงก็ได้" เธอตอบเขาไปหลังจากที่มองอีกคนที่อยู่ในวงสนทนาด้วย เขาก็ดูไม่ได้รีบร้อนอะไร เพราะรอบๆก็ยังมีหลายๆคนที่ยังไม่เข้าไป
ความคิดเห็น